Share

บทที่ 11 หน้าที่ของภรรยารอง

last update Last Updated: 2025-04-12 21:34:24

หญิงอัปลักษณ์ถูกปกป้องจากท่านแม่ทัพซึ่งไม่ได้รู้สึกยินดีนัก เหมยลี่ที่คิดหนีไม่อาจไปที่ใดได้ดั่งนกน้อยในกรงที่ถูกกักขัง นางเดินไปยังโรงฟืนที่อยู่ไกลออกไปจากเรือนตระกูลกู้ ที่แห่งนี้ทั้งเก่าและทรุดโทรมจนแทบไม่สามารถเป็นที่หลับนอนได้ แต่ด้วยถูกล้อมและถูกดาบปลายแหลมคมจี้หลังทำให้นางมิสามารถขัดขืน

“จำเอาไว้ซะที่แห่งนี้คือที่ของเจ้า อย่าคิดหนีออกไปจากที่แห่งนี้ มิเช่นนั้นแคว้นอันของเจ้าจักได้ร้อนเป็นไฟอีกครา” ท่านแม่ทัพลั่นวาจา ซึ่งน้ำเสียงหนักแน่นเป็นที่สุด

คนนึกห่วงคุณหนูฟู่ฟู่ไม่กล้าคิดหนีไปที่ใด นางต้องอยู่ที่นี่เพื่อให้คนในแคว้นอันปลอดภัยจากสงคราม แม้ผู้คนในเมืองนั้นจักมองว่านางเป็นปีศาจร้ายทำลายบ้านเมืองก็ตามที แต่คนที่ร้ายที่สุดคือท่านแม่ทัพมู่หยางคนนี้มิใช่หรือ

“ท่านพี่คงไม่คิดให้นางงอตีนงอเท้าอยู่เฉย ๆ หรอกกระมัง” ต้าเหนิงที่เดินตามมาติด ๆ พูดขึ้น พลางมองหน้าหญิงอัปลักษณ์ด้วยสายตาเหยียด

“ข้ามิคิดเช่นนั้นอยู่แล้ว” มู่หยางผินหน้าไปตอบภรรยาเอก ก่อนจ้องมายังหญิงอัปลักษณ์ “หน้าที่ของเจ้าคือเป็นคนรับใช้อย่าคิดเสมอตัวเทียบกับภรรยาของข้า เจ้าต้องหุงหาอาหารและดูแลเรือนของตระกูลกู้ให้เป็นอย
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 12 หน้าที่ภรรยาเอก

    “เจ้าจักไปที่ใด” หญิงรับใช้ของฮูหยินชิงชิงเอ่ยถามหญิงอัปลักษณ์ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังยกสำรับผ่านหน้าประตูไป“ข้าจักช่วยยกสำรับ...”“ไม่ต้อง เจ้ามิมีสิทธิ์ไปเหยียบบนเรือนใหญ่ ลืมสิ้นแล้วหรือว่าเจ้าเป็นหญิงอัปมงคล มิมีผู้ใดอยากเห็นหน้าเจ้า เห็นก็คงกลืนข้าวไม่ลงกันพอดี”ยังไม่ทันพูดจบหญิงรับใช้คนสนิทรีบพูดโดยพลัน นางมองหญิงอัปลักษณ์อย่างหาเรื่องตามประสาคนดูแลเรือนแห่งนี้“ให้ข้าไปแทนเถิด” หญิงรับใช้อีกคนที่อยู่เป็นเพื่อนเหมยลี่รีบอาสา นางรับสำรับในมือมาถือไว้แทน“เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ก่อน เดี๋ยวข้าพาเจ้าไปทำงานอย่างอื่นแทน” นางพูดแล้วเดินออกไปหญิงรับใช้คนสนิทของฮูหยินปรายตามามองเหมยลี่พร้อมแบะปากใส่อย่างไร้ซึ่งการให้เกียรติกัน ก่อนเดินอ้อนแอ้นไปยังเรือนใหญ่เหมยลี่จึงเดินคอตกมานั่งหลบมุมในครัว นางทั้งหิวและไม่มีแรงคล้ายไม่สบาย แต่ถึงตอนนี้อาหารตรงหน้าจะส่งกลิ่นยั่วน้ำลาย แต่นางมิอาจทานได้เพราะต้องรอให้นายในเรือนทานกันจนหมดก่อนซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของหญิงรับใช้ที่นางรู้ดีหญิงรับใช้คนสนิทของฮูหยินที่พ่วงตำแหน่งหัวหน้าเหล่าผู้รับใช้ นางมีนามว่า อู๋ท่ง กำลังเดินนำหญิงรับใช้ทุกคนไปยังห้อ

    Last Updated : 2025-04-13
  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 13 หน้าที่หญิงอัปลักษณ์

    เสียงฝีเท้าดังมาแต่ไกลหญิงรับใช้นามว่าฮุ่ยชิวเดินกลับมาในครัว นางมองหาหญิงอัปลักษณ์ที่พึ่งได้เจอหน้ากันคราแรก แล้วพบว่าหญิงนางนั้นกำลังนั่งหลบมุมอยู่ในครัวเหมยลี่เห็นดังนั้นจึงลุกขึ้นและมองสตรีอายุมากกว่าด้วยแววตามีคำถาม แต่นางไม่ได้ปริปากเปล่งวาจาออกมา“เจ้าหิวรึไม่” ฮุ่ยชิวเอ่ยถาม หญิงอัปลักษณ์พยักหน้าแทนคำตอบ“เดี๋ยวข้าจัดการให้” ฮุ่ยชิวพูดด้วยน้ำเสียงอย่างเป็นมิตร ก่อนเดินไปหาถ้วยมาตักข้าวสวยจนพูนและอาหารสองสามอย่างมายื่นให้กับหญิงอัปลักษณ์ที่น่าสงสาร“รับไปเสีย”“ขอบน้ำใจเจ้ายิ่งนัก” เหมยลี่พูดก่อนรับถ้วยไว้ในมือฮุ่ยชิวจึงหันกับไปตักข้าวของตัวเองบ้าง ก่อนหันมาหาหญิงอัปลักษณ์ที่ยืนเก้กังอยู่“ข้าว่าเจ้ากับข้าหลบไปกินข้าวที่โรงฟืนเถอะ”ว่าแล้วสหายใหม่ได้เดินนำทางไป เหมยลี่จึงเดินตามไปอย่างว่าง่าย แล้วพากันมานั่งลงบนแคร่ไม้ไผ่ที่อยู่ใต้ต้นบ๊วย ซึ่งตอนนี้มีกิ่งก้านและใบเขียวขจีอยู่เต็มต้น พอให้ร่มเงากับนางทั้งสองได้“เจ้าชื่ออันใด ข้าชื่อฮุ่ยชิว” ฮุ่ยชิวเอ่ยถามพร้อมเคี้ยวอาหารไปด้วย“ข้ามีนามว่าเหมยลี่”“ชื่อเจ้าไพเราะยิ่งนัก” ฮุ่ยชิวยิ้มจาง ๆ ให้ “รีบกินเสียก่อนที่อู๋ท่งจักมาเห็น”

    Last Updated : 2025-04-14
  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 14 ใจข้าว้าวุ่นยิ่งนัก

    มู่หยางมองหน้าหญิงอัปลักษณ์ด้วยความสงสัย ทั้งที่เขาสั่งไม่ให้นางออกมาเพ่นพ่านมิใช่หรือ เหตุใดถึงไม่ฟังคำกัน ร่างสูงใหญ่ขยับเดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายที่ตอนนี้เอาแต่ก้มหน้าก้มตา คิดว่าจะหลบความผิดของตัวเองได้เป็นความคิดที่ผิดมหัน“ตอบข้ามา!”ตุบ!สิ้นเสียงตะคอกเหมยลี่ได้สะดุ้งเฮือกด้วยความหวาดกลัวจนทำให้ถังน้ำหล่นลงพื้นและกลิ้งไปคนละทิศละทาง“ข้าตักน้ำมาใส่อ่างเท่านั้น มิได้มีเจตนาอื่น” เหมยลี่จึงตอบแต่โดยดี“ที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่ของเจ้า”“ข้ารู้ หากมิใช่คำของอู๋ท่งสั่งข้าคงไม่ย่างกรายเข้ามาให้ท่านหงุดหงิดใจ” หญิงอัปลักษณ์แหงนหน้าไปเผชิญสายตาคมที่แสนดุและเยือกเย็นยิ่งกว่าในฤดูเหมันต์“รีบไปให้พ้นหน้าข้าเสีย” มู่หยางได้ทีไล่ใช่ว่านางอยากยืนอยู่ในที่แห่งนี้กับอีกฝ่ายสองต่อสองเสียเมื่อไหร่ หญิงอัปลักษณ์จึงรีบเก็บถังน้ำมาแบกหามแล้วรีบเดินออกไปทันที ปล่อยให้บุรุษหน้าขรึมได้อยู่เพียงลำพังตามใจปรารถนาสายตาคมมองร่างอรชรเดินออกมาโดยที่คิ้วหนาขมวดเล็กน้อย เขาแค่นึกสงสัยว่าอีกฝ่ายดูแข็งแรงดีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้เยี่ยงไร“ถึกเกินคน ยิ่งกว่าวัวกระทิงเสียอีก”มู่หยางกำลังดูแคลนอีกฝ่าย เขาไม่นึกสนใจอ

    Last Updated : 2025-04-15
  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 15 การเดินทางของฟู่ฟู่

    ในพื้นที่ห่างไกลของแคว้นอัน สตรีผู้น้อยนามว่าฟู่ฟู่ได้เดินทางมาถึงวัดอย่างที่นางตั้งใจไว้ ร่างอรชรเดินลงจากเกวียนและมองไปเบื้องหน้าซึ่งเป็นเขตวัดอันแสนสงบร่มเย็น ด้วยอยู่เป็นเชิงภูเขาสูงจึงมีเหล่าพืชพรรณต้นไม้น้อยใหญ่ โดยเฉพาะไผ่ตรงที่อยู่เป็นกอและยืนต้นสูง“ให้ข้ารอรับกลับหรือไม่” บุรุษซึ่งพานางมาส่งเอ่ยถาม เขาเข้าใจว่านางคงจักแค่มาไหว้พระประเดี๋ยวเดียวก็กลับฟู่ฟู่ส่ายหน้าและยิ้มให้จาง ๆ “ข้าจักมาบวช” พร้อมตอบเสียงเบาแต่ใจหนักแน่นยิ่งนัก นางเบื่อโลกแสนวุ่นวายเต็มไปด้วยการแย่งชิงอำนาจและมีคนต้องบาดเจ็บล้มตายจากสงครามมานับไม่ถ้วน นางอยากหลุดพ้นจากวิบากกรรมนี้สักที“เจ้าแน่ใจแล้วรึ การบวชมิใช่ผู้ใดจักมาพูดเล่น ๆ ได้” บุรุษตรงหน้ามองดูหญิงสาววัยละอ่อนที่มีความคิดสุดโต่งอย่างประหลาดใจ“ข้าคิดดีแล้ว ขอบคุณท่านมากที่มาส่งข้าถึงที่นี่” เมื่อพูดจบนางจึงเดินขึ้นบันไดหมายขึ้นไปสักการะท่านเจ้าอาวาส“เดี๋ยวแม่นาง ช้าก่อน” ทว่าบุรุษผู้นี้ดันไม่ยอมให้นางจากไปอย่างง่ายดาย เขารีบวิ่งมายืนขวางหน้าไว้“ท่านมีอันใด?”“ข้ามิอยากให้เจ้าบวช”“ท่านมาขวางทางข้าด้วยเหตุอันใด ไม่กลัวบาปบุญเลยรึ”“ข้าแค่เสียดา

    Last Updated : 2025-04-16
  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 16 ฝันร้ายของเหมยลี่

    สายลมเย็นพัดโชยยามราตรี หญิงอัปลักษณ์ได้ซุกกายอยู่ในโรงฟืน ก่อนหน้านั้นนางได้จัดระเบียบท่อนฟืนเพื่อแบ่งพื้นที่ว่างให้กายของนางได้พักพิง ร่างอรชรแม้จักได้ดื่มยาสมุนไพรจากฮุ่ยชิวไปแล้ว แต่จิตใจที่อ่อนแอยังไม่ได้รับการบรรเทาสักนิด กว่าจะผ่านวันแรกไปได้ช่างทรมานเสียจนดวงตามีหยดน้ำตาไหล แขนทั้งสองกอดตัวเองไว้ให้รู้สึกอุ่นขึ้นบ้าง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถช่วยได้ นางไม่กล้าเผาฟืนจุดไฟเพราะความทรงจำเลวร้ายในเยาว์วัยทำให้หวาดกลัว นางยังจำได้ดีถึงความร้อนที่แผดเผาและสีของเปลวเพลิงอันน่ากลัว รอบกายเต็มไปด้วยสีแดงสาดโหมกระหน่ำ และไหม้ใบหน้าของนางจนดิ้นทุรนทุราย“ชะ...ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย ไม่ ไม่นะ ข้าร้อน ร้อนไปหมดแล้ว” เหมยลี่ร้องละเมอทั้งยังหลับตา กายของนางแทบร้อนดั่งไฟเผา เหงื่อออกจนแตกพลั่ก แม้อากาศตอนนี้จะหนาวเหน็บเพียงไรก็ตามความทรมานจากพิษไข้ กำลังกัดกินนางไปถึงกระดูกทั้งปวดและทรมานหนักหนา หากยังขืนปล่อยไว้เช่นนี้นางคงได้กลายเป็นร่างไร้วิญญาณเป็นแน่ภายในห้องทำงานของมู่หยาง บุรุษร่างสูงสวมใส่ด้วยชุดแสนสบาย แต่ใบหน้าคมคายกลับเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก เหตุมิใช่เพราะงานที่กองตรงหน้า แต่กลับเ

    Last Updated : 2025-04-17
  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 17 หยุดทรมานข้าสักที

    ร่างอรชรนอนอยู่บนเตียงด้วยความทรมานจากพิษไข้ ดวงใบหน้าซีดของนางยังเต็มไปด้วยเหงื่อและยังคงละเมอเพ้อพบ นางรู้สึกถึงความร้อนจากกายซึ่งกำลังส่งผลให้คลั่นเนื้อคลั่นตัวอยู่ไม่หาย แต่ไม่นานมากนักไอร้อนที่แผ่กระจายออกมากลับถูกความเย็นชโลมกาย โดยที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ฝันร้ายจากห้วงนิทราทำให้กลายเป็นฝันดีได้อย่างน่าประหลาด นางจักรับรู้หรือไม่ว่าท่านแม่ทัพกำลังเช็ดร่างที่มีแต่พิษไข้ โดยที่ปากบ่นอุบอิบไปด้วย สายตาคมมองสมบัติไร้ค่าที่นอนสบายอยู่บนเตียงของเขา แต่ถึงจักบ่นเพียงใดสายตาคมคู่นี้ก็ยังแอบโลมเลียร่างอรชรที่มีความงามเทียบเท่าผู้อื่นได้ มู่หยางได้เห็นผิวกายขาวสะอาดเรียบเนียนอย่างเต็มตาอีกหน จักบอกว่าเขาแอบล่วงเกินก็เป็นได้ บุรุษผู้นี้หลงใหลในรูปของสตรีอัปลักษณ์มากเสียจน เอื้อมมือที่จับแต่ดาบมาลูบผิวเนียนนุ่มอย่างแผ่วเบา เขาไม่มองใบหน้าอัปลักษณ์เลยด้วยซ้ำ ใครอยากมองให้เสียสายตากันเล่า “อะ อื้อ”คนหลับใหลส่งเสียงครวญแผ่วเบาอย่างไม่รู้ตัว เมื่อรู้สึกคล้ายกำลังมีผีเสื้อมาตอมกายให้จั๊กจี้และวูบวาบ นางรู้สึกหนาวจนตัวแทบสั่นสะท้านคล้ายกำลังเปลือยเป

    Last Updated : 2025-04-18
  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 1 ลี่หลินเชฟฝึกหัดแห่งหางโจว

    เมืองหางโจวภายในมหาวิทยาลัยชั้นนำของเมืองหางโจว มีกลุ่มนักศึกษาต่างพากันปั่นจักรยานไปเรียนในตอนเช้าซึ่งเป็นฤดูใบไม้ร่วง ต้นไม้ข้างทางจึงพากันผลัดเปลี่ยนสีของใบจากเขียวกลายเป็นส้มบ้างแดงบ้างลมหนาวเริ่มมาเยือนปะทะใบหน้าอ่อนหวานของหญิงสาววัยยี่สิบปีนักศึกษาคณะคหกรรม ซึ่งวันนี้เธอแต่งกายด้วยเสื้อไหมพรมพร้อมพับผ้าพันคอไว้โดยสวมกางเกงขายาวเพื่อให้ร่างกายได้อุ่นขึ้นลี่หลินกำลังปั่นจักรยานไปยังอาคารเรียนที่อยู่ไกลจากหอพัก ด้วยความมีนักศึกษาเป็นจำนวนมากจึงต้องแย่งกันในทุกย่างก้าวเพื่อจะได้ไปให้ถึงตามเวลา เพราะการเป็นเชฟต้องรักษาเวลาให้เป็นอย่างดี ช้าเพียงเสี้ยววินาทีเดียวอาหารเลิศรสอาจเปลี่ยนรสชาติไปได้สาวผมยาวทรงสละสลวยยามโต้ลมทำให้พลิ้วไหวและดูสวยงามราวกับเส้นของขนมไหมฟ้า ลี่หลินโดดเด่นด้วยหน้าตาและคำพูดคำจาที่ดูฉลาดเฉลียว ทว่าเธอยังไม่เคยต้องมือชายเลยสักครั้ง ซึ่งใคร ๆ ก็ว่าเธออาภัพ แต่ลี่หลินไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น“มาเร็วลี่หลิน” เสียงเรียกของเพื่อนตาเฉี่ยวชั้นเดียวสวมแว่นสายตาผมสั้นประบ่ากำลังโบกมือเรียกเธอจากใต้อาคารเรียนสูงหลายชั้นลี่หลินจึงเร่งถีบจักรยานไปให้ถึงที่จอด แล้ววิ่งไปหาเพ

    Last Updated : 2025-04-03
  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 2 นิยายของหญิงอัปลักษณ์

    หน้าเตาที่มีเหล่าเชฟฝึกหัดยืนอยู่เรียงราย กำลังขะมักเขม้นตั้งใจทำปลาต้มผักกาดดองให้เสร็จและมีรสชาติใกล้เคียงกับของอาจารย์ ซึ่งลี่หลินมีสีหน้าเป็นกังวลด้วยความตั้งใจเกินร้อยจึงทำให้กดดันตัวเอง เธอถกแขนเสื้อขึ้นอย่างทะมัดทะแมงจัดการต้มน้ำไว้รอเดือด แล้วจับปลาที่ถูกแช่อยู่ในน้ำแข็งมาชำแหละเป็นชิ้น ปลายมีดแหลมคมเฉือนเนื้อปลาไปถึงก้างเพื่อเลาะเอาเนื้อปลาชิ้นสวยออกมาวางเรียง ก่อนละมือไปเตรียมอย่างอื่นต่อ“เก่งจังเลยลี่หลิน” ปิงปิงเอ่ยชม เมื่อเห็นว่าเพื่อนทำได้คล่อง ซึ่งต่างจากเธอที่ยังเงอะงะเรียงลำดับก่อนหลังไม่ถูก จนต้องแอบชำเลืองมองเพื่อน“เมนูนี้ฉันทำให้แม่กินบ่อยน่ะ”“เมื่อไหร่อาจารย์จะสอนทำอาหารอย่างอื่นบ้าง อาหารไทยก็น่าสนใจนะ” ปิงปิงบ่นพร้อมทำหน้ามุ่ย“เราเรียนทำอาหารจีนไม่ใช่”“ฮ่า ๆ จริงด้วย คงต้องไปหาเรียนหลักสูตรสั้น ๆ แทน”“นี่ลี่หลิน”“...?”“ฉันได้หนังสือนิยายมาใหม่แหละ อยากอ่านไหม”“มีกี่เล่มจบ ช่วงนี้ฉันไม่ค่อยว่างด้วยกลัวเอาไปอ่านนาน”“แค่ไม่กี่เล่มหรอก อ่านแป๊บ ๆ ก็จบแล้ว”ลี่หลินชั่งใจ “งั้นฉันยืมเธออ่านก็แล้วกัน”“ได้เลยเพื่อนรัก ว้าย!” มัวแต่คุยกันน้ำในหม้อที่ปิงปิงตั้ง

    Last Updated : 2025-04-03

Latest chapter

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 17 หยุดทรมานข้าสักที

    ร่างอรชรนอนอยู่บนเตียงด้วยความทรมานจากพิษไข้ ดวงใบหน้าซีดของนางยังเต็มไปด้วยเหงื่อและยังคงละเมอเพ้อพบ นางรู้สึกถึงความร้อนจากกายซึ่งกำลังส่งผลให้คลั่นเนื้อคลั่นตัวอยู่ไม่หาย แต่ไม่นานมากนักไอร้อนที่แผ่กระจายออกมากลับถูกความเย็นชโลมกาย โดยที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ฝันร้ายจากห้วงนิทราทำให้กลายเป็นฝันดีได้อย่างน่าประหลาด นางจักรับรู้หรือไม่ว่าท่านแม่ทัพกำลังเช็ดร่างที่มีแต่พิษไข้ โดยที่ปากบ่นอุบอิบไปด้วย สายตาคมมองสมบัติไร้ค่าที่นอนสบายอยู่บนเตียงของเขา แต่ถึงจักบ่นเพียงใดสายตาคมคู่นี้ก็ยังแอบโลมเลียร่างอรชรที่มีความงามเทียบเท่าผู้อื่นได้ มู่หยางได้เห็นผิวกายขาวสะอาดเรียบเนียนอย่างเต็มตาอีกหน จักบอกว่าเขาแอบล่วงเกินก็เป็นได้ บุรุษผู้นี้หลงใหลในรูปของสตรีอัปลักษณ์มากเสียจน เอื้อมมือที่จับแต่ดาบมาลูบผิวเนียนนุ่มอย่างแผ่วเบา เขาไม่มองใบหน้าอัปลักษณ์เลยด้วยซ้ำ ใครอยากมองให้เสียสายตากันเล่า “อะ อื้อ”คนหลับใหลส่งเสียงครวญแผ่วเบาอย่างไม่รู้ตัว เมื่อรู้สึกคล้ายกำลังมีผีเสื้อมาตอมกายให้จั๊กจี้และวูบวาบ นางรู้สึกหนาวจนตัวแทบสั่นสะท้านคล้ายกำลังเปลือยเป

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 16 ฝันร้ายของเหมยลี่

    สายลมเย็นพัดโชยยามราตรี หญิงอัปลักษณ์ได้ซุกกายอยู่ในโรงฟืน ก่อนหน้านั้นนางได้จัดระเบียบท่อนฟืนเพื่อแบ่งพื้นที่ว่างให้กายของนางได้พักพิง ร่างอรชรแม้จักได้ดื่มยาสมุนไพรจากฮุ่ยชิวไปแล้ว แต่จิตใจที่อ่อนแอยังไม่ได้รับการบรรเทาสักนิด กว่าจะผ่านวันแรกไปได้ช่างทรมานเสียจนดวงตามีหยดน้ำตาไหล แขนทั้งสองกอดตัวเองไว้ให้รู้สึกอุ่นขึ้นบ้าง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถช่วยได้ นางไม่กล้าเผาฟืนจุดไฟเพราะความทรงจำเลวร้ายในเยาว์วัยทำให้หวาดกลัว นางยังจำได้ดีถึงความร้อนที่แผดเผาและสีของเปลวเพลิงอันน่ากลัว รอบกายเต็มไปด้วยสีแดงสาดโหมกระหน่ำ และไหม้ใบหน้าของนางจนดิ้นทุรนทุราย“ชะ...ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย ไม่ ไม่นะ ข้าร้อน ร้อนไปหมดแล้ว” เหมยลี่ร้องละเมอทั้งยังหลับตา กายของนางแทบร้อนดั่งไฟเผา เหงื่อออกจนแตกพลั่ก แม้อากาศตอนนี้จะหนาวเหน็บเพียงไรก็ตามความทรมานจากพิษไข้ กำลังกัดกินนางไปถึงกระดูกทั้งปวดและทรมานหนักหนา หากยังขืนปล่อยไว้เช่นนี้นางคงได้กลายเป็นร่างไร้วิญญาณเป็นแน่ภายในห้องทำงานของมู่หยาง บุรุษร่างสูงสวมใส่ด้วยชุดแสนสบาย แต่ใบหน้าคมคายกลับเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก เหตุมิใช่เพราะงานที่กองตรงหน้า แต่กลับเ

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 15 การเดินทางของฟู่ฟู่

    ในพื้นที่ห่างไกลของแคว้นอัน สตรีผู้น้อยนามว่าฟู่ฟู่ได้เดินทางมาถึงวัดอย่างที่นางตั้งใจไว้ ร่างอรชรเดินลงจากเกวียนและมองไปเบื้องหน้าซึ่งเป็นเขตวัดอันแสนสงบร่มเย็น ด้วยอยู่เป็นเชิงภูเขาสูงจึงมีเหล่าพืชพรรณต้นไม้น้อยใหญ่ โดยเฉพาะไผ่ตรงที่อยู่เป็นกอและยืนต้นสูง“ให้ข้ารอรับกลับหรือไม่” บุรุษซึ่งพานางมาส่งเอ่ยถาม เขาเข้าใจว่านางคงจักแค่มาไหว้พระประเดี๋ยวเดียวก็กลับฟู่ฟู่ส่ายหน้าและยิ้มให้จาง ๆ “ข้าจักมาบวช” พร้อมตอบเสียงเบาแต่ใจหนักแน่นยิ่งนัก นางเบื่อโลกแสนวุ่นวายเต็มไปด้วยการแย่งชิงอำนาจและมีคนต้องบาดเจ็บล้มตายจากสงครามมานับไม่ถ้วน นางอยากหลุดพ้นจากวิบากกรรมนี้สักที“เจ้าแน่ใจแล้วรึ การบวชมิใช่ผู้ใดจักมาพูดเล่น ๆ ได้” บุรุษตรงหน้ามองดูหญิงสาววัยละอ่อนที่มีความคิดสุดโต่งอย่างประหลาดใจ“ข้าคิดดีแล้ว ขอบคุณท่านมากที่มาส่งข้าถึงที่นี่” เมื่อพูดจบนางจึงเดินขึ้นบันไดหมายขึ้นไปสักการะท่านเจ้าอาวาส“เดี๋ยวแม่นาง ช้าก่อน” ทว่าบุรุษผู้นี้ดันไม่ยอมให้นางจากไปอย่างง่ายดาย เขารีบวิ่งมายืนขวางหน้าไว้“ท่านมีอันใด?”“ข้ามิอยากให้เจ้าบวช”“ท่านมาขวางทางข้าด้วยเหตุอันใด ไม่กลัวบาปบุญเลยรึ”“ข้าแค่เสียดา

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 14 ใจข้าว้าวุ่นยิ่งนัก

    มู่หยางมองหน้าหญิงอัปลักษณ์ด้วยความสงสัย ทั้งที่เขาสั่งไม่ให้นางออกมาเพ่นพ่านมิใช่หรือ เหตุใดถึงไม่ฟังคำกัน ร่างสูงใหญ่ขยับเดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายที่ตอนนี้เอาแต่ก้มหน้าก้มตา คิดว่าจะหลบความผิดของตัวเองได้เป็นความคิดที่ผิดมหัน“ตอบข้ามา!”ตุบ!สิ้นเสียงตะคอกเหมยลี่ได้สะดุ้งเฮือกด้วยความหวาดกลัวจนทำให้ถังน้ำหล่นลงพื้นและกลิ้งไปคนละทิศละทาง“ข้าตักน้ำมาใส่อ่างเท่านั้น มิได้มีเจตนาอื่น” เหมยลี่จึงตอบแต่โดยดี“ที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่ของเจ้า”“ข้ารู้ หากมิใช่คำของอู๋ท่งสั่งข้าคงไม่ย่างกรายเข้ามาให้ท่านหงุดหงิดใจ” หญิงอัปลักษณ์แหงนหน้าไปเผชิญสายตาคมที่แสนดุและเยือกเย็นยิ่งกว่าในฤดูเหมันต์“รีบไปให้พ้นหน้าข้าเสีย” มู่หยางได้ทีไล่ใช่ว่านางอยากยืนอยู่ในที่แห่งนี้กับอีกฝ่ายสองต่อสองเสียเมื่อไหร่ หญิงอัปลักษณ์จึงรีบเก็บถังน้ำมาแบกหามแล้วรีบเดินออกไปทันที ปล่อยให้บุรุษหน้าขรึมได้อยู่เพียงลำพังตามใจปรารถนาสายตาคมมองร่างอรชรเดินออกมาโดยที่คิ้วหนาขมวดเล็กน้อย เขาแค่นึกสงสัยว่าอีกฝ่ายดูแข็งแรงดีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้เยี่ยงไร“ถึกเกินคน ยิ่งกว่าวัวกระทิงเสียอีก”มู่หยางกำลังดูแคลนอีกฝ่าย เขาไม่นึกสนใจอ

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 13 หน้าที่หญิงอัปลักษณ์

    เสียงฝีเท้าดังมาแต่ไกลหญิงรับใช้นามว่าฮุ่ยชิวเดินกลับมาในครัว นางมองหาหญิงอัปลักษณ์ที่พึ่งได้เจอหน้ากันคราแรก แล้วพบว่าหญิงนางนั้นกำลังนั่งหลบมุมอยู่ในครัวเหมยลี่เห็นดังนั้นจึงลุกขึ้นและมองสตรีอายุมากกว่าด้วยแววตามีคำถาม แต่นางไม่ได้ปริปากเปล่งวาจาออกมา“เจ้าหิวรึไม่” ฮุ่ยชิวเอ่ยถาม หญิงอัปลักษณ์พยักหน้าแทนคำตอบ“เดี๋ยวข้าจัดการให้” ฮุ่ยชิวพูดด้วยน้ำเสียงอย่างเป็นมิตร ก่อนเดินไปหาถ้วยมาตักข้าวสวยจนพูนและอาหารสองสามอย่างมายื่นให้กับหญิงอัปลักษณ์ที่น่าสงสาร“รับไปเสีย”“ขอบน้ำใจเจ้ายิ่งนัก” เหมยลี่พูดก่อนรับถ้วยไว้ในมือฮุ่ยชิวจึงหันกับไปตักข้าวของตัวเองบ้าง ก่อนหันมาหาหญิงอัปลักษณ์ที่ยืนเก้กังอยู่“ข้าว่าเจ้ากับข้าหลบไปกินข้าวที่โรงฟืนเถอะ”ว่าแล้วสหายใหม่ได้เดินนำทางไป เหมยลี่จึงเดินตามไปอย่างว่าง่าย แล้วพากันมานั่งลงบนแคร่ไม้ไผ่ที่อยู่ใต้ต้นบ๊วย ซึ่งตอนนี้มีกิ่งก้านและใบเขียวขจีอยู่เต็มต้น พอให้ร่มเงากับนางทั้งสองได้“เจ้าชื่ออันใด ข้าชื่อฮุ่ยชิว” ฮุ่ยชิวเอ่ยถามพร้อมเคี้ยวอาหารไปด้วย“ข้ามีนามว่าเหมยลี่”“ชื่อเจ้าไพเราะยิ่งนัก” ฮุ่ยชิวยิ้มจาง ๆ ให้ “รีบกินเสียก่อนที่อู๋ท่งจักมาเห็น”

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 12 หน้าที่ภรรยาเอก

    “เจ้าจักไปที่ใด” หญิงรับใช้ของฮูหยินชิงชิงเอ่ยถามหญิงอัปลักษณ์ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังยกสำรับผ่านหน้าประตูไป“ข้าจักช่วยยกสำรับ...”“ไม่ต้อง เจ้ามิมีสิทธิ์ไปเหยียบบนเรือนใหญ่ ลืมสิ้นแล้วหรือว่าเจ้าเป็นหญิงอัปมงคล มิมีผู้ใดอยากเห็นหน้าเจ้า เห็นก็คงกลืนข้าวไม่ลงกันพอดี”ยังไม่ทันพูดจบหญิงรับใช้คนสนิทรีบพูดโดยพลัน นางมองหญิงอัปลักษณ์อย่างหาเรื่องตามประสาคนดูแลเรือนแห่งนี้“ให้ข้าไปแทนเถิด” หญิงรับใช้อีกคนที่อยู่เป็นเพื่อนเหมยลี่รีบอาสา นางรับสำรับในมือมาถือไว้แทน“เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ก่อน เดี๋ยวข้าพาเจ้าไปทำงานอย่างอื่นแทน” นางพูดแล้วเดินออกไปหญิงรับใช้คนสนิทของฮูหยินปรายตามามองเหมยลี่พร้อมแบะปากใส่อย่างไร้ซึ่งการให้เกียรติกัน ก่อนเดินอ้อนแอ้นไปยังเรือนใหญ่เหมยลี่จึงเดินคอตกมานั่งหลบมุมในครัว นางทั้งหิวและไม่มีแรงคล้ายไม่สบาย แต่ถึงตอนนี้อาหารตรงหน้าจะส่งกลิ่นยั่วน้ำลาย แต่นางมิอาจทานได้เพราะต้องรอให้นายในเรือนทานกันจนหมดก่อนซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของหญิงรับใช้ที่นางรู้ดีหญิงรับใช้คนสนิทของฮูหยินที่พ่วงตำแหน่งหัวหน้าเหล่าผู้รับใช้ นางมีนามว่า อู๋ท่ง กำลังเดินนำหญิงรับใช้ทุกคนไปยังห้อ

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 11 หน้าที่ของภรรยารอง

    หญิงอัปลักษณ์ถูกปกป้องจากท่านแม่ทัพซึ่งไม่ได้รู้สึกยินดีนัก เหมยลี่ที่คิดหนีไม่อาจไปที่ใดได้ดั่งนกน้อยในกรงที่ถูกกักขัง นางเดินไปยังโรงฟืนที่อยู่ไกลออกไปจากเรือนตระกูลกู้ ที่แห่งนี้ทั้งเก่าและทรุดโทรมจนแทบไม่สามารถเป็นที่หลับนอนได้ แต่ด้วยถูกล้อมและถูกดาบปลายแหลมคมจี้หลังทำให้นางมิสามารถขัดขืน“จำเอาไว้ซะที่แห่งนี้คือที่ของเจ้า อย่าคิดหนีออกไปจากที่แห่งนี้ มิเช่นนั้นแคว้นอันของเจ้าจักได้ร้อนเป็นไฟอีกครา” ท่านแม่ทัพลั่นวาจา ซึ่งน้ำเสียงหนักแน่นเป็นที่สุดคนนึกห่วงคุณหนูฟู่ฟู่ไม่กล้าคิดหนีไปที่ใด นางต้องอยู่ที่นี่เพื่อให้คนในแคว้นอันปลอดภัยจากสงคราม แม้ผู้คนในเมืองนั้นจักมองว่านางเป็นปีศาจร้ายทำลายบ้านเมืองก็ตามที แต่คนที่ร้ายที่สุดคือท่านแม่ทัพมู่หยางคนนี้มิใช่หรือ“ท่านพี่คงไม่คิดให้นางงอตีนงอเท้าอยู่เฉย ๆ หรอกกระมัง” ต้าเหนิงที่เดินตามมาติด ๆ พูดขึ้น พลางมองหน้าหญิงอัปลักษณ์ด้วยสายตาเหยียด“ข้ามิคิดเช่นนั้นอยู่แล้ว” มู่หยางผินหน้าไปตอบภรรยาเอก ก่อนจ้องมายังหญิงอัปลักษณ์ “หน้าที่ของเจ้าคือเป็นคนรับใช้อย่าคิดเสมอตัวเทียบกับภรรยาของข้า เจ้าต้องหุงหาอาหารและดูแลเรือนของตระกูลกู้ให้เป็นอย

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 10 เรือนของท่านแม่ทัพ

    หญิงอัปลักษณ์ไร้เรี่ยวแรงแต่ต้องยืนด้วยขาทั้งสองที่สั่นไหวระริก นางเปิดผ้าคลุมศีรษะมองเรือนของท่านแม่ทัพอย่างเต็มตา ด้วยยศศักดิ์ที่มีทำให้เรือนนี้ใหญ่โตไปมาก ผู้น้อยจากแดนไกลเดินก้าวพ้นธรณีประตูรั้งเข้าไปตามเจ้าของเรือนด้วยใจหวั่นกลัว นางได้ย่างกรายเข้ามาเป็นหนึ่งในสมาชิกของตระกลูกู้ด้วยความจำยอมเสียงฝีเท้าดังมาแต่ไกลจากชานเรือนที่ทอดยาวไปตามแนวเรือนสี่ฤดูซึ่งมีโถงเป็นบ่อบัวอยู่ตรงกลาง เหมยลี่ทอดสายตามองอย่างถือดีเพราะไม่รู้ว่าหญิงสูงวัยที่กำลังเดินมาเป็นผู้ใดฮูหยินชิงชิงได้รู้ข่าวว่าบุตรชายได้เดินทางกลับมาแล้วนางจึงรีบออกมาต้อนรับโดยมีสะใภ้ทั้งสามและนางรับใช้เดินตามอีกเป็นขบวน หญิงที่เกิดจากตระกูลผู้ดีมองสารร่างสะใภ้คนใหม่จากที่ไกล ๆ พลันขมวดคิ้วและมองตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ไม่มีสิ่งใดเหมาะสมกับบุตรชายที่เป็นถึงท่านแม่ทัพสักนิด“นี่รึบุตรสาวแห่งแคว้นอัน” ฮูหยินพูดอย่างไม่เชื่อสายตา เหล่าสะใภ้เห็นไม่ต่างกัน ทำให้ตั้งกำแพงกีดกันไมตรีตั้งแต่แรกเห็น สายตาดูหมิ่นดูแค้นปรากฏบนใบหน้าอย่างเลี่ยงไม่ได้“ขอรับท่านแม่” มู่หยางยกมือขึ้นบรรจบ“เคารพท่านแม่เจ้าค่ะ” เหมยลี่ได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยอย่า

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 9 ดอกเหมยแรกแย้ม

    หญิงอัปลักษณ์เป็นได้แค่เครื่องบรรเทากำหนัดให้กับท่านแม่ทัพซึ่งดูไร้ค่ายิ่งนัก เหมยลี่เมื่อได้ฟังถ้อยคำดูหมิ่นยิ่งตรอมตรมชีวิตของนางคงเป็นได้เพียงเท่านี้ ครั้นเมื่อร่างทมิฬที่ยามนี้เห็นเลือนรางกายกำยำกำลังขยับเข้ามาใกล้และซุกไซ้คอระหง สัมผัสวาบหวามซ่านไปทั่วกายแต่ใจกลับเศร้าหมองจนแสดงออกทางดวงหน้าและดวงตาซึ่งมีหยดน้ำตาไหลริน“ท่านมีภรรยามากเช่นนี้ยังมิคิดพออีกรึ” แม้จะรู้สึกเสียใจ แต่ก็ทราบดีว่าเป็นเรื่องปรกติอันชอบธรรมที่บุรุษผู้มากซึ่งยศจักมีภรรยามากย่อมไม่ผิดแผกจากจารีต นางไม่น่าเอ่ยถามคำนี้จากบุรุษไร้ใจด้วยซ้ำมู่หยางขยับใบหน้าออกเล็กน้อยอย่างเสียดาย เขารำคาญเสียงสะอื้นไห้ซะจริง “บุรุษเช่นข้าย่อมมีความใคร่อยากเป็นธรรมดา รึเจ้าไม่คิดอยากกันเล่า ไม่สิข้าต้องพูดว่าเจ้าเองก็กำหนัดอยู่ไม่น้อยถึงได้ยอมแหวกขาให้ข้าเช่นนี้”ก้านนิ้วยาวหยอกเย้ากลีบดอกเหมยให้แย้มกลีบบานจนน้ำหวานของเกสรชุ่มฉ่ำจวนใกล้เวลาเต็มทน แม้มู่หยางไม่ชอบใบหน้าของหญิงอัปลักษณ์แต่พอยามที่ได้ยินเสียงครวญครางกลับอยากเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายยิ่งนัก“มะ...ไม่จริง อ๊า ท่าน อะ อิ ท่านแม่ทัพพอเสียเถิด” มือเรียวพยายามดันมืออีกฝ่ายให้

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status