ฉู่เหมียนเงยหน้าขึ้นและเห็นรถของหานซือหลี่ หานซือหลี่นั่งมองพวกเขาอยู่ในรถอย่างเงียบ ๆไม่นาน หานซือหลี่ลงจากรถ แล้วเดินมาหาพวกเขาฉู่เหมียนขยับออกมาสองก้าว เพื่อรักษาระยะห่างจากกู้ว่างเชินการรักษาระยะห่างแบบนี้ทำให้กู้ว่างเชินปวดใจ“เหมียนเหมียน ผมมาสายหรือเปล่า?” หานซือหลี่ถามติดตลก“ไม่เลย” เขาไม่ได้มาสาย แต่เป็นกู้ว่างเชินที่มาถึงก่อน“งั้นผมพาคุณไปตรวจที่โรงพยาบาลดีไหม?” เขาถามอย่างไม่แน่ใจฉู่เหมียนพยักหน้าและพูดอย่างชัดเจน “ได้”พูดจบเธอก็เดินไปกับหานซือหลี่กู้ว่างเชินจับมือของฉู่เหมียนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ใช้แรงมากกว่าที่ผ่านมาใต้ต้นอู๋ถง แสงแดดส่องผ่านลอดกิ่งไม้ ทำให้เกิดเงาทอดกระทบกับทั้งสามคน กู้ว่างเฉินก้มหน้ามองมือที่สั่นเทาของฉู่เหมียน เขากลืนน้ำลาย เสียงของเขาต่ำลงและนิ่ง “แน่ใจนะว่าอยากไปกับเขา?”ฉู่เหมียนมองกู้ว่างเชินเขาเงยมาสบตาเธอพอดี สายตาของเขานั้นยากจะคาดเดา ฉู่เหมียนมองไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ไม่ใช่แค่ตอนนี้ที่เธอไม่เข้าใจกู้ว่างเชิน แต่หลายปีที่ผ่านมาเธอไม่เคยเข้าใจกู้ว่างเชินเลยจู่ ๆ ฉู่เหมียนก็นึกถึงฤดูร้อนตอนปีสี่ กู้ว่างเชินพาลู่เจี
ฉู่เหมียนมองกู้ว่างเชินที่เดินอ้อมรถแล้วขึ้นมานั่งในที่นั่งคนขับด้วยสายตางุนงงว่างเปล่าเขากำลังข่มขู่เธอเหรอ?คนที่ต้องกังวลเกี่ยวกับการหย่าไม่ใช่เขาเหรอ? ทำไมถึงเปลี่ยนมาเป็นเธอได้?น่าตลกเสียจริง!หานซือหลี่ยืนอยู่ข้าง ๆ รถ แล้วมองกู้ว่างเชินอย่างงุนงง หลังผ่านไปสักพัก เขาก็กอดอกพิงหน้ารถแล้วยิ้มออกมาอย่างจนปัญญาหมอนั่่นรักหรือไม่รักฉู่เหมียนกันแน่?ฉู่เหมียนมองกู้ว่างเชินที่อยู่ฝั่งคนขับ รู้ดีว่าไม่สามารถใช้วิธีแข็งกร้าวกับกู้ว่างเชินได้ เธอจึงลองพูดดี ๆ ดูเธอยิ้มอย่างสดใสด้วยใบหน้าจริงใจ “คุณกู้ ฉันซาบซึ้งในความมีน้ำใจของคุณ แต่หานซือหลี่เขาก็มาแล้ว ฉันไม่สามารถปล่อยให้เขามาเก้อได้ใช่ไหม? นั่นกระอักกระอ่วนไปหน่อยไหม?”กู้ว่างเชินเงยหน้ามองไปที่ดวงตารูปอัลมอนด์ของฉู่เหมียนเธอดูสวยงามที่สุดยามเธอยิ้ม ดูราวกับสายลมที่ทำให้หัวใจคนสั่นไหว“แล้วเธอคิดว่าปล่อยให้ฉันเก้อได้อย่างนั้นเหรอ?” เขาโน้มตัวไปหาฉู่เหมียน ดวงตาสีเข้มของเขามองไปที่ฉู่เหมียน เสียงต่ำลง “หืม?”ฉู่เหมียน “…” เขาพยายามแข่งกับหานซือหลี่เหรอ?“คุณกู้ คุณไร้เหตุผลมากเกินไปหรือเปล่า? คู่หมั้นของคุณก็สบายใจแล
หานซือหลี่ยังไม่ไปไหนยิ่งฉู่เหมียนขัดขืน กู้ว่างเชินยิ่งไม่ยอมปล่อยให้เธอลงจากรถ“นั่งดี ๆ” เขาเตือนเสียงเย็น หลังจากนั้นก็เหยียบคันเร่งรถสปอร์ตวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ราวกับเป็นการท้าทายหานซือหลี่ฉู่เหมียนโมโห ทำได้แค่ส่งข้อความไปขอโทษหานซือหลี่หานซือหลี่ตอบกลับอย่างสุภาพ “ไม่เป็นไร ผมมาสายเอง”เห็นแบบนี้แล้ว ฉู่เหมียนยิ่งรู้สึกผิดหานซือหลี่นั้นเป็นคนมีความมั่นคงทางอารมณ์ คนแบบนี้แหละเหมาะจะเป็นอีกคู่ชีวิตแต่หัวใจของเธอนั้นกลับยากที่จะรักคนอื่นอีกฉู่เหมียนอดไม่ได้ที่จะมองกู้ว่างเชินเขาขับรถด้วยสีหน้าบูดบึ้ง อาจเป็นเพราะสายตาที่ร้อนแรงของเธอที่มองเขา เขาจึงหันมามองเธอฉู่เหมียนรีบมองออกไปนอกหน้าต่าง ใจของเธอนั้นว้าวุ่น ปลายนิ้วของเธอจับกันแน่นอย่างกระวนกระวายจนแทบจะมัดเป็นปมได้ตอนนี้เหมือนความรู้สึกของเธอที่มีต่อกู้ว่างเชินยิ่งเหมือนจะกลายเป็นปมที่ยากจะแก้ไขรถหยุดตรงหน้าประตูโรงพยาบาลกู้ว่างเชินเปิดประตูให้เธอ ฉู่เหมียนเหลือบมองเขานิดหน่อยแล้วก้าวเท้าไปที่ห้องฉุกเฉินกู้ว่างเชินเดินตามหลังเธอไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึมฉู่เหมียนรู้สึกอึดอัด หันไปมองเขาเป็นระยะกู้ว่
“อาเชิน ฉู่เหมียน?”จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงมาจากด้านหลังฉู่เหมียนและกู้ว่างเชินหันไปมองก็เห็นลู่เจียวสวมเสื้อกาวน์สีขาว ในมือถือแก้วกาแฟอยู่สีหน้าของลู่เจียวแข็งทื่อไปชั่วขณะ เธออดกัดปากไม่ได้ ไม่แปลกใจว่าทำไมเธอถึงติดต่อกู้ว่างเชินไม่ได้เช้านี้เพราะว่าเขามาโรงพยาบาลเป็นเพื่อนฉู่เหมียนนี่เองเขาทำแบบนี้หมายความว่ายังไง? ทำไมถึงไปไหนมาไหนกับภรรยาเก่าอยู่ล่ะ?“ฉันมารบกวนพวกคุณหรือเปล่า?” ลู่เจียวถามอย่างขมขื่นกู้ว่างเชินรีบอธิบายกับลู่เจียว “ไม่เลย งานเลี้ยงไม่กี่วันก่อนที่ฉุ่เหมียนได้รับบาดเจ็บ ผมแค่เธอมาล้างแผล”ฉู่เหมียนมองกู้ว่างเชิน อดไม่ได้ที่จะด่าเขาในใจว่าคนต่ำช้า อยากจะคว้าไว้ทั้งคู่สินะลู่เจียวฝืนยิ้ม เห็นได้ชัดว่าไม่มีพอใจ แต่ต้องยิ้มไว้ “วันนั้นต้องขอบคุณเหมียนเหมียนที่ช่วยฉัน ไม่งั้น…”“เขาโกหกเธอ” ฉู่เหมียนขัดลู่เจียวกู้ว่างเชินรีบหันไปมองฉู่เหมียนพลางหรี่ตาลง นี่เธอคิดจะทำอะไร?ฉู่เหมียนเงยหน้าขึ้น ยิ้มให้กู้ว่างเชินด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ “ลู่เจียว คุณควรจับตาดูคู่หมั้นของคุณไว้ ตอนเช้าเขาก็ไปหาฉันที่บ้านแต่เช้า ยืนกรานจะพาฉันมาโรงพยาบาลเพื่อล้างแผล ตอนนี้ฉันชักเริ
ทุกคนสวมเสื้อกาวน์สีขาว พวกเขาดูกระฉับกระเฉง ผู้นำกลุ่มเป็นผู้หญิงอายุสามสิบกว่าปี เธอคือหัวหน้าแผนกศัลยกรรมหัวใจของโรงพยาบาลซึ่งมาร่วมทีมเมื่อปีที่แล้ว เธอมีนิสัยเย็นชาและมีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมจนถูกขนาดนามว่า “สตรีปีศาจ”... ชูหลานนี่คืออาจารย์ที่ฉู่เหมียนต้องติดตามชูหลานกำลังเปิดดูแฟ้มคนไข้ เมื่อหันมาเห็นฉู่เหมียน ฉู่เหมียนพยักหน้าทักทาย “คุณหมอชู”ชูหลานตอบรับสั้น ๆ แล้วถามว่า “มาใหม่ใช่ไหม? ไปรอฉันที่ห้องทำงาน”พูดจบเธอก็เดินต่อไป โดยไม่หันกลับมามองกลุ่มคนนั้นก็เดินไป ฉู่เหมียนยืนอยู่ด้านข้างเงียบ ๆ มองดูทุกคนเดินไปหมอฝึกหัดสองสามคนที่อยู่ด้านหลังมองไปที่ฉู่เหมียน แล้วพูดเสียงเบา ”นี่ไม่ใช่คุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่เหรอ?”“ตระกูลฉู่มีชื่อเสียงด้านการแพทย์ มีแค่ฉู่เหมียนเท่านั้นที่ไม่ได้เรื่อง ใช่เธอจริงเหรอ?”“ใช่ ๆ คือเธอนั่นแหละ ได้ยินว่าเธอไม่รู้อะไรสักอย่าง…ได้เข้าโรงเรียนแพทย์เพราะใช้เส้นสาย ตอนนี้ก็มาที่แผนกศัลยกรรมหัวใจด้วยวิธีเดียวกันล่ะมั้ง?”“โอ๊ย มีเส้นสายนี่มันดีจริง ๆ! พวกเราเหนื่อยมาหลายปีกว่าจะเข้ามาในโรงพยาบาลนี้ได้ แต่เธอมีเส้นสายก็เข้ามาได้ง่าย ๆ!”
“นี่คือฉู่เหมียน เป็นคนใหม่ที่เข้ามาในแผนกเรา ทุกคนทำความรู้จักกันไว้นะ”ในแผนก ชูหลานดื่มน้ำหนึ่งอึกก่อนวางแก้วลงแล้วหันไปมองฉู่เหมียนฉู่เหมียนเกล้าผมขึ้นด้วยกิ๊บ ข้างในเธอสวมเสื้อเชิ้ตสีชมพูอ่อน ข้างนอกเป็นเสื้อกาวน์สีขาว เป็นชุดที่ดูสบายตาและสะอาดสะอ้านทุกคนในแผนกปรบมือต้อนรับ ยกเว้นหม่าจือหยางที่ปรายตามองเธอ ปากก็พูดไป “ผู้อำนวยการมักจะเอาคนสวยแต่ไร้ความสามารถมาไว้ในแผนก แค่คนเดียวก็ยังไม่พอเหรอ?”หลังจากพูดจบไป ประตูก็ถูกเปิดออก ลู่เจียวยืนอยู่ตรงประตูหม่าจือหยางปรายตามองลู่เจียว เขากุมขมับมีท่าทางรำคาญใจมากมีคนสวยไร้ความสามารถอยู่หนึ่งคนก็แย่แล้ว ยังมีมาเพิ่มอีกหนึ่งคน! แผนกของพวกเขามีหมอที่ไม่ใช่หมอไว้ทำไมกัน?ฉู่เหมียนมองลู่เจียวด้วยสายตาเรียบนิ่ง แต่สายตาที่ลู่เจียวมองเธอนั้นไม่เป็นมิตรอย่างมาก“ตามกฎของแผนกเรา ผู้ที่มาใหม่ต้องเลี้ยงอาหารเย็นเราไม่ใช่เหรอ?” จู่ ๆ ก็มีคนถามขึ้นมา“จริงด้วย เรามีคนใหม่ในแผนกก็ควรไปทานข้าวเย็นกัน!”ฉู่เหมียนเงยหน้ามอง เห็นทุกคนดูตื่นเต้นมากก็ยิ้มเบา ๆ “ได้สิ”“โอ้ อาหารญี่ปุ่นที่อยู่ตรงข้ามโรงพยาบาลอร่อยมาก งั้นพวกเราไปทานอาหารญี่ป
“ฉู่เหมียน อย่าได้คิดฝันว่าฉันจะรักเธอ!”ชายหนุ่มบีบคอและกดเธอลงบนโซฟาพร้อมด่าทอด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรังเกียจ “ความอดทนของฉันที่มีต่อเธอมันถึงขีดสุดแล้ว ฉันขอแนะนำให้เธอทำตัวดี ๆ เอาไว้ ครึ่งปีหลังจากนี้เราจะหย่ากัน!”“ฉันไม่ได้ผลักลู่เจียวลงไปจริง ๆ นะ เธอตกลงไปในสระว่ายน้ำเองต่างหาก!”เสียงของฉู่เหมียนอ่อนระโหย เธอเปียกโชกไปทั้งตัว ร่างกายผอมบางสั่นเทาไม่หยุดและยังไม่หายจากความกลัวจากการตกลงไปในน้ำเมื่อครู่“อย่ามัวมาเถียงข้าง ๆ คู ๆ อยู่เลย เธอเป็นเพื่อนกับเจียวเจียวมาหลายปี เธอควรรู้ดีที่สุดว่าเจียวเจียวว่ายน้ำไม่เป็น!” ชายหนุ่มออกแรงที่มือหนักขึ้นอีกหน่อย เขามีท่าทางราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ “ถ้าลู่เจียวเป็นอะไรไป เธอต้องชดใช้ด้วยชีวิต”เขาใช้คำว่าเป็นเพื่อนกันมาหลายปี ตัดสินเด็ดขาดแล้วว่าให้เธอเป็นคนผิดดวงตาของฉู่เหมียนเต็มไปด้วยหมอกบาง ๆ น้ำตาหยดหนึ่งไหลรินลงจากหางตา เสียงหัวใจที่แตกสลายดังก้องชัดเจนคงยากที่จะจินตนาการได้ว่าคนที่กำลังต่อว่าเธอเพื่อปกป้องผู้หญิงคนอื่นตรงหน้านี้เป็นสามีของเธอเอง!เธอหลงรักกู้ว่างเชินมาสี่ปี และแต่งงานกับกู้ว่างเชินมาสามปีเมื่อสามป
“พ่อพูดถูกทุกอย่างค่ะ หนูไม่มีวันทำให้หัวใจของกู้ว่างเชินอ่อนลงได้ หนูรู้แล้วว่าผิด หนูจะกลับบ้านค่ะ"เสียงแหบพร่าของฉู่เหมียนดังก้องอยู่ในห้องนั่งเล่นที่ว่างเปล่าตระกูลฉู่เป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองอวิ๋น ทั้งยังเป็นตระกูลนักวิชาการทางการแพทย์คุณปู่ฉู่เป็นนักธุรกิจ คุณย่าเป็นศาสตราจารย์แพทย์หญิงแผนกผ่าตัดศัลยกรรมหัวใจที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ทั้งสองเหมาะสมกันทุกประการตั้งแต่เด็ก ฉู่เหมียนได้รับการปลูกฝังวิชาการแพทย์จากคุณย่า คุณย่าบอกว่าเธอเป็นอัจฉริยะและถูกลิขิตมาเพื่ออาชีพนี้คุณปู่และคุณย่าได้ปูทางสำหรับอนาคตไว้ให้เธอ พ่อเองก็เตรียมทรัพย์สมบัติไว้มากมายเพื่อรอให้เธอมารับมรดก ในขณะที่แม่บอกว่าเธอจะเป็นแก้วตาดวงใจของพวกเขาตลอดไปแต่เธอกลับละทิ้งทุกอย่างเพื่อกู้ว่างเชิน ทำให้ตัวเองกลายเป็นคนน่าสมเพชเช่นนี้เมื่อก่อนเธอคิดว่าตัวเองเป็นนักรบที่แสนจะกล้าหาญ ต่อสู้เพื่อความรัก สง่างามที่สุดแต่เมื่อคิดดูดีๆ แล้ว มันช่างไร้สมองเสียจริงฉู่เหมียนสูดหายใจเข้าลึก ๆ เธอขึ้นไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งหน้าบาง ๆจากนั้นก็เก็บของใช้ส่วนตัวของตนออกไปทั้งหมดบนผนังด้านหลังโซฟาในห้อง