“อาเชิน ฉู่เหมียน?”จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงมาจากด้านหลังฉู่เหมียนและกู้ว่างเชินหันไปมองก็เห็นลู่เจียวสวมเสื้อกาวน์สีขาว ในมือถือแก้วกาแฟอยู่สีหน้าของลู่เจียวแข็งทื่อไปชั่วขณะ เธออดกัดปากไม่ได้ ไม่แปลกใจว่าทำไมเธอถึงติดต่อกู้ว่างเชินไม่ได้เช้านี้เพราะว่าเขามาโรงพยาบาลเป็นเพื่อนฉู่เหมียนนี่เองเขาทำแบบนี้หมายความว่ายังไง? ทำไมถึงไปไหนมาไหนกับภรรยาเก่าอยู่ล่ะ?“ฉันมารบกวนพวกคุณหรือเปล่า?” ลู่เจียวถามอย่างขมขื่นกู้ว่างเชินรีบอธิบายกับลู่เจียว “ไม่เลย งานเลี้ยงไม่กี่วันก่อนที่ฉุ่เหมียนได้รับบาดเจ็บ ผมแค่เธอมาล้างแผล”ฉู่เหมียนมองกู้ว่างเชิน อดไม่ได้ที่จะด่าเขาในใจว่าคนต่ำช้า อยากจะคว้าไว้ทั้งคู่สินะลู่เจียวฝืนยิ้ม เห็นได้ชัดว่าไม่มีพอใจ แต่ต้องยิ้มไว้ “วันนั้นต้องขอบคุณเหมียนเหมียนที่ช่วยฉัน ไม่งั้น…”“เขาโกหกเธอ” ฉู่เหมียนขัดลู่เจียวกู้ว่างเชินรีบหันไปมองฉู่เหมียนพลางหรี่ตาลง นี่เธอคิดจะทำอะไร?ฉู่เหมียนเงยหน้าขึ้น ยิ้มให้กู้ว่างเชินด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ “ลู่เจียว คุณควรจับตาดูคู่หมั้นของคุณไว้ ตอนเช้าเขาก็ไปหาฉันที่บ้านแต่เช้า ยืนกรานจะพาฉันมาโรงพยาบาลเพื่อล้างแผล ตอนนี้ฉันชักเริ
ทุกคนสวมเสื้อกาวน์สีขาว พวกเขาดูกระฉับกระเฉง ผู้นำกลุ่มเป็นผู้หญิงอายุสามสิบกว่าปี เธอคือหัวหน้าแผนกศัลยกรรมหัวใจของโรงพยาบาลซึ่งมาร่วมทีมเมื่อปีที่แล้ว เธอมีนิสัยเย็นชาและมีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมจนถูกขนาดนามว่า “สตรีปีศาจ”... ชูหลานนี่คืออาจารย์ที่ฉู่เหมียนต้องติดตามชูหลานกำลังเปิดดูแฟ้มคนไข้ เมื่อหันมาเห็นฉู่เหมียน ฉู่เหมียนพยักหน้าทักทาย “คุณหมอชู”ชูหลานตอบรับสั้น ๆ แล้วถามว่า “มาใหม่ใช่ไหม? ไปรอฉันที่ห้องทำงาน”พูดจบเธอก็เดินต่อไป โดยไม่หันกลับมามองกลุ่มคนนั้นก็เดินไป ฉู่เหมียนยืนอยู่ด้านข้างเงียบ ๆ มองดูทุกคนเดินไปหมอฝึกหัดสองสามคนที่อยู่ด้านหลังมองไปที่ฉู่เหมียน แล้วพูดเสียงเบา ”นี่ไม่ใช่คุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่เหรอ?”“ตระกูลฉู่มีชื่อเสียงด้านการแพทย์ มีแค่ฉู่เหมียนเท่านั้นที่ไม่ได้เรื่อง ใช่เธอจริงเหรอ?”“ใช่ ๆ คือเธอนั่นแหละ ได้ยินว่าเธอไม่รู้อะไรสักอย่าง…ได้เข้าโรงเรียนแพทย์เพราะใช้เส้นสาย ตอนนี้ก็มาที่แผนกศัลยกรรมหัวใจด้วยวิธีเดียวกันล่ะมั้ง?”“โอ๊ย มีเส้นสายนี่มันดีจริง ๆ! พวกเราเหนื่อยมาหลายปีกว่าจะเข้ามาในโรงพยาบาลนี้ได้ แต่เธอมีเส้นสายก็เข้ามาได้ง่าย ๆ!”
“นี่คือฉู่เหมียน เป็นคนใหม่ที่เข้ามาในแผนกเรา ทุกคนทำความรู้จักกันไว้นะ”ในแผนก ชูหลานดื่มน้ำหนึ่งอึกก่อนวางแก้วลงแล้วหันไปมองฉู่เหมียนฉู่เหมียนเกล้าผมขึ้นด้วยกิ๊บ ข้างในเธอสวมเสื้อเชิ้ตสีชมพูอ่อน ข้างนอกเป็นเสื้อกาวน์สีขาว เป็นชุดที่ดูสบายตาและสะอาดสะอ้านทุกคนในแผนกปรบมือต้อนรับ ยกเว้นหม่าจือหยางที่ปรายตามองเธอ ปากก็พูดไป “ผู้อำนวยการมักจะเอาคนสวยแต่ไร้ความสามารถมาไว้ในแผนก แค่คนเดียวก็ยังไม่พอเหรอ?”หลังจากพูดจบไป ประตูก็ถูกเปิดออก ลู่เจียวยืนอยู่ตรงประตูหม่าจือหยางปรายตามองลู่เจียว เขากุมขมับมีท่าทางรำคาญใจมากมีคนสวยไร้ความสามารถอยู่หนึ่งคนก็แย่แล้ว ยังมีมาเพิ่มอีกหนึ่งคน! แผนกของพวกเขามีหมอที่ไม่ใช่หมอไว้ทำไมกัน?ฉู่เหมียนมองลู่เจียวด้วยสายตาเรียบนิ่ง แต่สายตาที่ลู่เจียวมองเธอนั้นไม่เป็นมิตรอย่างมาก“ตามกฎของแผนกเรา ผู้ที่มาใหม่ต้องเลี้ยงอาหารเย็นเราไม่ใช่เหรอ?” จู่ ๆ ก็มีคนถามขึ้นมา“จริงด้วย เรามีคนใหม่ในแผนกก็ควรไปทานข้าวเย็นกัน!”ฉู่เหมียนเงยหน้ามอง เห็นทุกคนดูตื่นเต้นมากก็ยิ้มเบา ๆ “ได้สิ”“โอ้ อาหารญี่ปุ่นที่อยู่ตรงข้ามโรงพยาบาลอร่อยมาก งั้นพวกเราไปทานอาหารญี่ป
“ฉู่เหมียน อย่าได้คิดฝันว่าฉันจะรักเธอ!”ชายหนุ่มบีบคอและกดเธอลงบนโซฟาพร้อมด่าทอด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรังเกียจ “ความอดทนของฉันที่มีต่อเธอมันถึงขีดสุดแล้ว ฉันขอแนะนำให้เธอทำตัวดี ๆ เอาไว้ ครึ่งปีหลังจากนี้เราจะหย่ากัน!”“ฉันไม่ได้ผลักลู่เจียวลงไปจริง ๆ นะ เธอตกลงไปในสระว่ายน้ำเองต่างหาก!”เสียงของฉู่เหมียนอ่อนระโหย เธอเปียกโชกไปทั้งตัว ร่างกายผอมบางสั่นเทาไม่หยุดและยังไม่หายจากความกลัวจากการตกลงไปในน้ำเมื่อครู่“อย่ามัวมาเถียงข้าง ๆ คู ๆ อยู่เลย เธอเป็นเพื่อนกับเจียวเจียวมาหลายปี เธอควรรู้ดีที่สุดว่าเจียวเจียวว่ายน้ำไม่เป็น!” ชายหนุ่มออกแรงที่มือหนักขึ้นอีกหน่อย เขามีท่าทางราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ “ถ้าลู่เจียวเป็นอะไรไป เธอต้องชดใช้ด้วยชีวิต”เขาใช้คำว่าเป็นเพื่อนกันมาหลายปี ตัดสินเด็ดขาดแล้วว่าให้เธอเป็นคนผิดดวงตาของฉู่เหมียนเต็มไปด้วยหมอกบาง ๆ น้ำตาหยดหนึ่งไหลรินลงจากหางตา เสียงหัวใจที่แตกสลายดังก้องชัดเจนคงยากที่จะจินตนาการได้ว่าคนที่กำลังต่อว่าเธอเพื่อปกป้องผู้หญิงคนอื่นตรงหน้านี้เป็นสามีของเธอเอง!เธอหลงรักกู้ว่างเชินมาสี่ปี และแต่งงานกับกู้ว่างเชินมาสามปีเมื่อสามป
“พ่อพูดถูกทุกอย่างค่ะ หนูไม่มีวันทำให้หัวใจของกู้ว่างเชินอ่อนลงได้ หนูรู้แล้วว่าผิด หนูจะกลับบ้านค่ะ"เสียงแหบพร่าของฉู่เหมียนดังก้องอยู่ในห้องนั่งเล่นที่ว่างเปล่าตระกูลฉู่เป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองอวิ๋น ทั้งยังเป็นตระกูลนักวิชาการทางการแพทย์คุณปู่ฉู่เป็นนักธุรกิจ คุณย่าเป็นศาสตราจารย์แพทย์หญิงแผนกผ่าตัดศัลยกรรมหัวใจที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ทั้งสองเหมาะสมกันทุกประการตั้งแต่เด็ก ฉู่เหมียนได้รับการปลูกฝังวิชาการแพทย์จากคุณย่า คุณย่าบอกว่าเธอเป็นอัจฉริยะและถูกลิขิตมาเพื่ออาชีพนี้คุณปู่และคุณย่าได้ปูทางสำหรับอนาคตไว้ให้เธอ พ่อเองก็เตรียมทรัพย์สมบัติไว้มากมายเพื่อรอให้เธอมารับมรดก ในขณะที่แม่บอกว่าเธอจะเป็นแก้วตาดวงใจของพวกเขาตลอดไปแต่เธอกลับละทิ้งทุกอย่างเพื่อกู้ว่างเชิน ทำให้ตัวเองกลายเป็นคนน่าสมเพชเช่นนี้เมื่อก่อนเธอคิดว่าตัวเองเป็นนักรบที่แสนจะกล้าหาญ ต่อสู้เพื่อความรัก สง่างามที่สุดแต่เมื่อคิดดูดีๆ แล้ว มันช่างไร้สมองเสียจริงฉู่เหมียนสูดหายใจเข้าลึก ๆ เธอขึ้นไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งหน้าบาง ๆจากนั้นก็เก็บของใช้ส่วนตัวของตนออกไปทั้งหมดบนผนังด้านหลังโซฟาในห้อง
กู้ว่างเชินไม่เชื่อ เขาเดินตามหาฉู่เหมียนไปทั่วทุกหนแห่งที่เธออาจจะอยู่สวนหลังบ้าน ห้องสมุด ห้องฉายหนัง... ไม่เพียงแต่จะไม่เห็นร่างของฉู่เหมียน แม้แต่ของใช้ของเธอก็ไม่เหลือชั้นหนังสือในห้องสมุด ตำราวิชาแพทย์ที่ฉู่เหมียนชอบอ่านก็ว่างเปล่าเอี่ยมอ่องเดิมทีเขาแทบไม่กลับมาที่นี่อยู่แล้ว ตอนนี้ไม่มีฉู่เหมียน บ้านหลังนี้ก็เหมือนกับไม่เคยมีใครอยู่ ไม่มีแม้แต่ความอบอุ่นกู้ว่างเชินเดินลงบันไดด้วยฝีเท้าหนักหน่วง เขาสังเกตเห็นว่าที่ว่างหลังโซฟาแปลก ๆ เหมือนมีอะไรหายไป เมื่อเขาเห็นภาพวาดที่เสียหายถูกโยนลงถังขยะ ลมหายใจของเขาก็ติดขัดหลังจากฉู่เหมียนแต่งงานกับเขา เธอชอบอ้อนวอนให้เขาออกไปเดินเล่นกับเธอ แต่เพราะเขางานยุ่งมากและเกลียดเธอเป็นทุนเดิม จึงปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่าวันนั้นเป็นวันเกิดของฉู่เหมียน เธอมาหาเขาที่บริษัทและถามเขาว่า “อาเชิน ออกไปฉลองวันเกิดกับฉันหน่อยได้ไหม ถ้าคุณยุ่งมาก ขอแค่ครึ่งชั่วโมงก็ได้”เขาเห็นว่าเธอน่าสงสารมาก จึงตกลงไปฉลองวันเกิดกับเธอเดิมทีเขาคิดว่าเธอจะขอให้เขาซื้อของขวัญให้ ไปทานข้าวกับเธอ หรือแม้แต่ขออะไรที่ไร้เหตุผลแต่ใครจะรู้ว่าเธอแค่อยากให้เขาไปเดิน
ฉู่เหมียนมองชายหนุ่มที่จูงมือเธอเดินไปข้างหน้าอย่างเลื่อนลอยปีนั้นเขาก็เป็นแบบนี้ จูงมือเธอหนีการไล่ล่าของคนเหล่านั้นถ้าตอนนั้นกู้ว่างเชินเย็นชากับเธอ เธอคงจะไม่รักเขาอย่างสุดหัวใจ คงไม่ถึงขั้นยอมแตกหักกับครอบครัวแต่ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้? แล้วตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่กันแน่?หรือว่าเห็นเธอคลุมเครือกับชายอื่นแล้วหึงหวง?แต่ไม่นานฉู่เหมียนก็ล้มเลิกความคิดนี้ไปซะกู้ว่างเชินน่ะเหรอ เขาไม่มีหัวใจ เขาไม่เคยรักเธอ แล้วจะหึงหวงได้อย่างไรฉู่เหมียนถูกผลักเข้าไปในห้องน้ำ ฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้เธอรู้สึกอ่อนแรงกู้ว่างเชินหน้าเคร่งเครียด กดเธอไว้กับขอบอ่างล้างหน้า หันหลังให้กับแสงไฟในห้องน้ำ ทำให้มองไม่เห็นโครงหน้าอย่างชัดเจน แต่แสงเงาก็ยังพอแสดงให้เห็นว่าเขาหล่อแค่ไหน"ฉู่เหมียน เราสองคนยังไม่ได้หย่ากัน!" เขากล่าวคำนี้ลอดไรฟันหลังของฉู่เหมียนแนบกับอ่างล้างหน้า กระจกเงาสะท้อนให้เห็นรอยสักรูปผีเสื้อบนหลังของเธอ สวยงามมากเธอเงยหน้าขึ้น กลั้นความเจ็บปวดใจไว้ น้ำเสียงนิ่งเฉย “คุณกู้ ฉันเซ็นใบหย่าเรียบร้อย ตามหลักถือว่าเราสองคนหย่าขาดกันไปแล้ว”กู้ว่างเชินมองดวงตาของฉู่เหมียนสั่นไหว มื
กลางดึก ที่ชั้น 33 ของโรงแรมเซิ่งหลุนงานเลี้ยงกำลังดำเนินอยู่ ส่วนด้านนอกหน้าต่างบานใหญ่ทิวทัศน์ยามค่ำคืนอันพลุกพล่านของเมืองอวิ๋นงดงามจับใจเสียงเปียโนอันไพเราะลอยมาเข้าหู ฉู่เหมียนเอนกายพิงเคาน์เตอร์บาร์อย่างเกียจคร้าน แกว่งแก้วไวน์แดงในมือไปมาอย่างเบื่อหน่าย ดวงตาอันเย้ายวนเหลือบมองไปรอบ ๆ เป็นครั้งคราวสายตาของชายหนุ่มในงานต่างก็จ้องมองเธออย่างหิวกระหาย พวกเขาต้องการจะเข้ามาพูดคุย แต่ไม่มีใครกล้าวันนี้เธอสวมชุดเดรสยาวสีดำสายเดี่ยว ชายกระโปรงออกแบบให้มีระบายเล็กน้อย เผยให้เห็นปลีน่องขาวเนียนสวยชุดเดรสยาวทรงหลวมห้อยอยู่บนร่างของเธออย่างลงตัว อวดให้เห็นสัดส่วนร่างกายที่สมบูรณ์แบบอย่างชัดเจน ผมหยิกยาวสลวยแผ่ลงมากลางหลัง รอยสักรูปผีเสื้อปรากฏให้เห็นราง ๆ ดูโดดเด่นเกินกว่าจะละสายตาเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ฉู่เหมียนก้มดู เป็นข้อความฉู่เทียนเหอ [ ถึงงานเลี้ยงหรือยัง ]ฉู่เหมียนถอนหายใจ ตอบกลับข้อความ [ ค่ะ ]เมื่อคืนนี้ฉู่เทียนเหอเป็นคนมารับเธอกลับบ้าน ตอนที่เธอเมาได้ที่เขาก็เกลี้ยกล่อมให้เธอยอมมาร่วมงานเลี้ยงในคืนนี้และยังจะจัดแจงจับคู่ให้เธออีกประเด็นสำคัญคือเธอดันเผลอตกลงไป