จิวเย่มองดูทุกคน ใบหน้าหล่อเหลาไร้ความรู้สึกและเต็มไปด้วยความเย็นชาเขาถ่ายทอดคำพูดของคุณหญิงว่า “ทุกคน นี่เป็นขนมที่คุณหญิงฉู่เตรียมไว้ให้สำหรับทุกคน คุณหญิงท่านบอกว่าคุณหนูของพวกเราเพิ่งมาใหม่ เกรงว่าจะสร้างความลำบากให้กับทุกคน ขอรบกวนด้วยนะครับ”คนทั้งกลุ่มคนส่ายหัวทันที “ไม่ลำบาก ไม่ลำบาก! มีอะไรให้ลำบากกัน!”ลู่เจียวกลับขมวดคิ้วมองภาพที่เกิดขึ้นด้วยความรู้สึกขัดใจ ทำไมต้องโอ้อวดขนาดนี้?ฉู่เหมียนยังคงเป็นเหมือนตอนมัธยมปลาย ชอบทำตัวโอ่อ่าเหมือนเศรษฐีใหม่ไม่มีผิด!หลังจากที่จิวเย่แจกแจงเสร็จ เขาก็มองไปที่ชูหลานแล้วพูดว่า “ผู้อำนวยการชู คุณหญิงบอกว่าไว้เธอจะมาเยี่ยมคุณเป็นพิเศษภายหลัง ขอบคุณที่ช่วยดูแลครับ!”ชูหลานกลืนน้ำลาย เธอรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยหลังจากได้ยินคำพูดนี้เชียนลี่จวินเป็นถึงตำนานในโลกการแพทย์เชียวนะ! เธอจะมาเยี่ยมฉันงั้นเหรอ? ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม?“คุณหญิงบอกว่าตอนนี้ที่แผนกงานยุ่ง ไม่ให้พวกเรารบกวนเวลาของทุกคนนานเกินไป ทุกคนทำงานกันต่อเถอะครับ” พูดจบ จิ่วเย่ก็พาคนออกไปฉู่เหมียน “...” เขาไม่พูดอะไรกับเธอเลยสักคำ เห็นได้ว่าเขากลัวที่จะรบกวนทุกคนจริง ๆจิ่ว
ขณะเดียวกันก็มีอาหารนำเข้าบางส่วนด้วย ไว้ให้ทุกคนได้กินฆ่าเวลากันก่อนจากไปลุงหรงยังพูดขึ้นอีกว่า “ต่อจากนี้ไปเราจะนำอาอาหารมาส่งให้ทุกวันจันทร์ครับ”เมื่อมองดูของที่เริ่มกองเต็มจุดพยาบาลและห้องตรวจ เพื่อนร่วมงานต่างก็ถามด้วยความไม่เชื่อ “นี่เป็นเรื่องจริงเหรอ?”ลู่เจียวจ้องไปที่ของบนโต๊ะด้วยความโมโห ก่อนจะโยนมันลงถังขยะอย่างแรงลูกน้องของลู่เจียวที่เห็นท่าเตรียมจะโยนตาม แต่ทันใดนั้นก็มีคนพูดขึ้น “ฉันเคยค้นหาผ้าพันคอนี้ มันแพงมาก ราคาหลายหมื่นเลย”“น้ำหอมขวดนี้ก็เป็นรุ่นลิมิเต็ด หาซื้อยากมาก”เมื่อเฉินเหวยเหว่ยได้ยินแบบนั้น มือของเธอที่กำลังจะโยนของทิ้งก็หยุดชะงัก ก่อนจะกลืนน้ำลายให้ทิ้งขนมอบและชานมน่ะทิ้งได้ แต่ในฐานะคนธรรมดาเช่นเธอ เมื่อเผชิญกับผ้าพันคอราคาหลายหมื่นและน้ำหอมรุ่นลิมิเต็ด ดูเหมือนเธอจะทำใจทิ้งไม่ลง…ลู่เจียวจ้องเฉินเหวยเหว่ย เธอหมายความว่ายังไง? ยังมัวลังเลอะไรอยู่? เธออยากเก็บของที่ฉู่เหมียนให้เอาไว้อย่างนั้นเหรอ?เฉินเหวยเหว่ยกัดริมฝีปาก และหลังจากลังเลอยู่พักใหญ่ เธอก็โยนของลงถังขยะ!คนในแผนกมองหน้ากันไปมา อย่างไม่รู้ว่าลู่เจียวและเฉินเหวยเหว่ยเป็นบ้าอะไร
เชียนลี่จวิน “ได้รับของแล้วเหรอ? พยายามเรียนรู้ในโรงพยาบาลเข้าล่ะ อย่าให้ย่าอับอายเอาได้นะ!”ฉู่เหมียนเม้มริมฝีปาก “ค่ะ ค่ะ ทราบแล้วค่ะ! หนูจะไม่ทำให้คุณย่าอับอายค่ะ!”ฉู่เทียนเหอ “ถึงแม้ลูกจะไม่ได้มารับช่วงต่อบริษัทของพ่อ แต่ไม่ว่าลูกจะไปที่ไหน ก็ต้องมีหน้ามีตา! พ่อจะเตรียมการให้ลูกเอง ตั้งใจทำงานเข้าล่ะ หากไม่มีความสุขก็กลับมาสืบทอดมรดกที่บ้าน!”ดวงตาของฉู่เหมียนกำลังยิ้ม แม้ว่าเธอจะทำตัวไม่ค่อยถูก แต่เธอก็มีความสุขมีพ่อที่รอให้กลับไปสืบทอดมรดกที่บ้านทุกวันมันรู้สึกอย่างไร?เซิ่งฉิง “ลูกสาวที่รักตั้งใจทำงาน แม่รักลูกนะ!”ฉู่เหมียนยิ้มกว้าง เธอรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขมากจริง ๆว่าแต่ปู่หายไปไหนแล้วนะ?ฉู่เหมียน “@ฉู่ซาน คุณปู่ ไม่ได้แสดงความเห็นหน่อยเหรอคะ?”จู่ ๆ ฉู่ซานที่กำลังสวมแว่นตามองหน้าจอโทรศัพท์ก็ถูกเรียกชื่อ เขาอดไม่ได้ที่จะส่งข้อความด้วยความเสียใจ “ปู่กำลังจะไปขอเครื่องรางนำโชคให้หลาน แต่ถูกย่าจับได้ และหักเงินค่าขนมของปู่ไปแล้ว…”ฉู่เหมียน “...คุณย่า ทำถูกแล้วค่ะ”ยันต์หย่าร้างครั้งที่แล้วก็โดนโกง ทำไมคุณปู่ถึงไม่จำกันนะ!นักบวชหนุ่มคนนั้นไปหลอกลวงลุงคนอื่นบ้า
ลู่เจียวยกยิ้มมุมปาก “สั่งกลับบ้านได้ไหม?”ฉู่เหมียนมองไปที่ลู่เจียว เธอคิดจะทำอะไร?ลู่เจียวจ้องฉู่เหมียน เธอต้องการแก้แค้น!ฉู่เหมียนให้จ่ายเงินค่าเหล้ามากมายที่บาร์ เธอยังจำได้จนถึงทุกวันนี้!“คุณลู่ คุณอยากกินอะไรก็เชิญสั่งได้ตามสบายค่ะ” ฉู่เหมียนพูดอย่างจริงจังทุกคนรอบ ๆ มองสองคนนี้ สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดลู่เจียวเรียกพนักงาน และถามขึ้นทันทีว่า “ที่นี่อะไรแพงที่สุด?”“คุณลู่ วันนี้มีล็อบสเตอร์คุณภาพเยี่ยมห้าตัวส่งตรงมาจากออสเตรเลีย ราคาเฉลี่ยตัวละหนึ่งล้านกว่าบาทครับ” พนักงานกล่าวทุกคนในแผนกสูดหายใจเข้าลึก ตัวละล้านกว่าบาทงั้นเหรอ?สิ่งที่กินไม่ใช่กุ้งล็อบสเตอร์ แต่คือเงินชัด ๆ!“พวกเราขอเหมาหมด” ลู่เจียวยิ้มพนักงานถึงกับอึ้ง เหมา...เหมาหมดเลยอย่างนั้นเหรอ? ลู่เจียวเอียงศีรษะ จิบน้ำแล้วถามว่า “ทำไมคะ คุณฉู่จ่ายไม่ลงเหรอ?”วันนี้ตระกูลฉู่ได้รับความนิยมในโรงพยาบาลเชียวนะ ทั้งแผนกศัลยกรรมหัวใจรู้สึกมีความสุขกันเป็นอย่างมาก และเป็นแผนกที่ใคร ๆ ก็อยากมามากินเลี้ยงอาหารค่ำ แต่ไม่กล้าจ่ายเงิน? นั่นเป็นเรื่องน่าขันจริง ๆทุกคนมองไปที่ฉู่เหมียนแล
เสียงของเขานุ่มลึกและมีเสน่ห์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่พูดคำว่า “ตามง้อ” มันเต็มไปด้วยความรักในตัวลู่เจียว เมื่อฉู่เหมียนได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกเจ็บปวดในใจเธอหันไปมองเขาอย่างลึกซึ้ง ก่อนจะยิ้มบาง ๆ แล้วเดินกลับไปที่ห้อง ไม่พูดอะไรอีก ถ้าลู่เจียวรู้ว่าล็อบสเตอร์คุณภาพสูงห้าตัวที่สั่งมาเพราะต้องการใช้เงินเธอ แต่สุดท้ายกู้ว่างเชินเป็นคนจ่ายคงจะโกรธจะแทบตายแน่ ๆ กู้ว่างเชินมองไปที่ด้านหลังของฉู่เหมียนด้วยสีหน้าที่ซับซ้อนในดวงตาในอดีตหากฉู่เหมียนได้ยินว่าเขาตามง้อลู่เจียว คงจะโวยวายอย่างแน่นอนแต่ตอนนี้กลับเพียงแค่มองเขาแวบหนึ่งแล้วเดินจากไปนี่เธอไม่รักเขาแล้วจริง ๆ ถึงได้แสดงท่าทีแบบนี้ หรือว่าเธอรักเขามากเกินไปจนต้องแกล้งทำเป็นไม่แคร์?ฉู่เหมียนกลับมาที่ห้องส่วนตัว เธอไม่ได้ปิดประตูเพราะรู้ว่ากู้ว่างเชินจะต้องมาหาลู่เจียวทันทีที่เธอนั่งลง กู้ว่างเชินก็เคาะประตู“อาเชิน!” ลู่เจียวลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและเดินไปหากู้ว่างเชินทันทีเขาลดสายตาลง ลูบผมของลู่เจียวด้วยปลายนิ้ว และพูดขึ้นอย่างอ่อนโยน “กินเสร็จหรือยัง ผมจะไปส่งคุณที่บ้าน”ฉู่เหมียนมองทั้งสองคน จากนั้นก็ก้มศีรษะลงและจิบ
เมื่องานเลี้ยงใกล้เลิก กู้ว่างเชินก็ไปส่งลู่เจียว ฉู่เหมียนเป็นคนที่กลับคนสุดท้าย ก่อนกลับเธอกะจะไปจ่ายเงินเพิ่มที่เคาน์เตอร์ เพราะตอนหลังมีการสั่งอาหารเพิ่ม แต่เธอก็ได้รับแจ้งว่ากู้ว่างเชินจ่ายไปหมดแล้วเมื่อคิดว่ากู้ว่างเชินไม่ได้ทำสิ่งเหล่านี้เพราะเธอ ฉู่เหมียนก็รู้สึกเจ็บปวดใจ ในขณะนี้ เธออิจฉาลู่เจียวมากยิ่งขึ้น ที่เธอสามารถทำให้กู้ว่างเชินรักเธอได้มากขนาดนี้ฉู่เหมียนมองดูเวลา ตอนนี้สี่ทุ่มแล้ว วันนี้ไม่รู้ทำไม เธอรู้สึกเหนื่อยล้ามาก อาจเป็นเพราะวันแรกของการทำงาน ทำให้รู้สึกเหมือนพลังถูกดึงไปหมดฉู่เหมียนไม่ได้รีบร้อนกลับบ้าน แต่นั่งบนโซฟาในห้องโถงสักพักไม่รู้ว่านั่งอยู่นานเท่าไหร่แล้ว ขณะที่ฉู่เหมียนกำลังจะหลับไป ก็ดูเหมือนว่าเธอจะมองเห็นกู้ว่างเชินยืนอยู่ที่ประตูฉู่เหมียนคิดว่าตัวเองกำลังฝัน เธอขยี้ตาและลุกขึ้นยืน ตั้งใจที่จะกลับบ้านไปพักผ่อนแต่เมื่อยืนขึ้น เธอกลับเห็นร่างนั้นชัดเจนมากขึ้น และกำลังเดินตรงมาหาเธอใช่แล้ว เป็นกู้ว่างเชินจริง ๆเขาสวมเสื้อเชิ้ตสีดำ เนกไทกับเสื้อสูทดูยุ่งเหยิงเล็กน้อย และกางเกงสูทสีดำทรงตรง รูปร่างของเขาสมบูรณ์แบบ ไหล่กว้าง เอวแคบ
เมื่อฉู่เหมียนได้ยินสิ่งที่กู้ว่างเชินพูด เธอก็มองหน้าของเขาพลางครุ่นคิดอย่างจริงจัง เธอหรี่ตาลงแล้วพูดเสียงอ่อนว่า “ตามหานักกีฬาชายที่สูงสัก190 เซนติเมตร หน้าตาหล่อเหลา สดใสและช่ำ...ชอง”กู้ว่างเชินสถบเสียงเย็น ไม่คิดเลยว่าคำพูดที่น่ารังเกียจเช่นนี้จะออกมาจากปากของฉู่เหมียนช่ำชองงั้นเหรอ?“คุณเหงาเหรอ?” เขาบีบคางของฉู่เหมียน ดวงตาของเขาเย็นยะเยือก“ทีคุณยังไปแอบกินข้างนอก ฉันมองหานักกีฬาชายแล้วมันมีปัญหาตรงไหน? ผิดกฎหมายหรือเปล่า?” ฉู่เหมียนถามกลับ กู้ว่างเชินกำลังจะตอบคำถามของเธอ ฉู่เหมียนก็พูดแทรกขึ้นอีกครั้ง “กู้ว่างเชิน ผู้ชายจะสองมาตรฐานไม่ได้ หากคุณต้องการให้ฉันเป็นภรรยาและแม่ที่ดี คุณเองก็ต้องปฏิบัติตามธรรมเนียมสามตามสี่คุณธรรมด้วยไหม?”กู้ว่างเชินจ้องมองเธอ คำพูดของเธอทำให้เขาสำลักจนพูดไม่ออกหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ถามขึ้นว่า “นี่คุณกำลังบ่น?”“ใช่ ฉันกำลังบ่น” บ่นสิ่งที่เขาควรละอายใจต่อเธอตลอดสามปีที่ผ่านมา! บ่นเขาที่กำลังจะหย่ากับเธอ แต่กลับยังทำสิ่งเหล่านี้ที่ทำให้เธอเข้าใจผิดครั้งแล้วครั้งเล่า!เขากำลังให้ความหวังกับเธอ แต่แล้วก็ทำให้เธอผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่
กู้ว่างเชินหายใจลึก พลางนึกถึงคำพูดของคนรอบตัวในตอนนั้น “ฉู่เหมียนตามติดกู้ว่างเชินอยู่ตลอดเวลา แต่พอกู้ว่างเชินถูกลักพาตัวเธอกลับหายไป!”กู้ว่างเชินเขายกมือขึ้น กัดนิ้วตัวเองโดยไม่รู้ตัว สายตาดูซับซ้อนยิ่งขึ้น“โตตั้งเท่าไหร่แล้ว ยังกัดเล็บอบู่อีก” ฉู่เหมียนพูดประชด น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเย้ยหยันกู้ว่างเชินมองย้อนกลับไปพลางขมวดคิ้ว และรีบเอามือลงทันที เขารู้สึกไม่เป็นตัวเองเอาเสียเลย หรือว่าคนที่ช่วยเขาเมื่อก่อนจะเป็นฉู่เหมียน?หากฉู่เหมียนเป็นคนช่วยเขาไว้ในเวลานั้น แล้วทำไมตลอดสามปีมานี้เธอถึงไม่พูดอะไรเลย?กู้ว่างเชินเต็มไปด้วยความสงสัย และตั้งใจจะถามฉู่เหมียนออกไปตรง ๆ ว่าในตอนนั้นเธอกำลังทำอะไรจู่ ๆ ประตูห้องก็ถูกผลักเปิดออก เชฟถืออาหารเข้ามา “ผัดผัก เนื้อนุ่ม รากบัว และซุปซี่โครงหมูครับ”“คุณกู้ คุณหญิงกู้ เชิญรับประทานให้อร่อยครับ”ในตอนแรกฉู่เหมียนไม่ได้รู้สึกหิวอะไร แต่พอเห็นอาหารวางอยู่ตรงหน้า ท้องของเธอก็ร้องโครกครากทันทีเธอเหนื่อยมาทั้งวัน และไม่ได้กินอาหารเย็น ดังนั้นตอนนี้เธอจึงหิวมาก!“ฉู่เหมียน” กู้ว่างเชินเรียกเธอเพื่อถามเธอว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อสี่ปีก่อน
ฉู่เหมียนไปที่ฐาน M ในทันที เธอต้องการรู้ให้ได้เดี๋ยวนี้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวเรื่องลู่เจียวเธอทนไม่ได้กับความอับอาย แม้แต่นิดเดียวก็ทนไม่ได้!โม่อี้กำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาล เขาตรวจสอบทุกมุมแล้ว แต่ก็หาคนที่เข้าไปในห้องทำงานของผู้อำนวยการไม่พบ“ดูกล้องวงจรปิดตรงหน้าต่างซิ” ฉู่เหมียนสั่งโม่อี้เสียงเย็นโม่อี้หันไป ก็เห็นฉู่เหมียนยืนอยู่ข้างหลังเขา “หัวหน้า มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?”“เมื่อกี้” ฉู่เหมียนพูดเสียงแข็ง ชัดเจนว่ากำลังโกรธ คำสองคำนั้นเหมือนเค้นผ่านไรฟันออกมาโม่อี้กำลังตรวจสอบอย่างตั้งใจมาก จนไม่ได้สังเกตเห็นว่าเธอมาโม่อี้ร้อง “อืม” เสียงหนึ่ง รีบเปลี่ยนภาพกล้องวงจรปิดไม่ลืมเหลือบมองฉู่เหมียนอย่างระมัดระวังดูตรงหน้าต่าง… เดี๋ยวนะ“หน้าต่างโรงพยาบาลเหรอ?” โม่อี้เหยียดยิ้ม ดูเหมือนจะไม่เชื่อ “หัวหน้า นั่นมันชั้นที่สามสิบกว่านะ คนคนนั้นจะเข้ามาทางหน้าต่างเพื่อแจ้งเบาะแสเรื่องลู่เจียวเหรอ? บ้าไปแล้ว!”แล้วก็ไม่มีที่ให้เข้าไปด้วยนี่นา?“นอกหน้าต่างห้องทำงานของหลินเฉิงชุยมีระเบียง พอจะเข้าไปได้” ฉู่เหมียนคลายความสงสัยของเขาโม่อี้รีบตรวจสอบกล้องวงจรปิดในห
“ฉันไม่ได้แจ้งเบาะแสเกี่ยวกับน้องสาวคุณ เราไม่มีอะไรต้องคุยกัน” ฉู่เหมียนไม่อยากติดต่อกับคนตระกูลลู่“คุณฉู่ ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดี” ลู่อี้อธิบายฉู่เหมียนเงียบไปสามวินาที ก่อนจะเดินไปที่รถ “คุยกันตรงนี้แหละ”ลู่อี้คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้“ฉู่เหมียน ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ขัดสนเรื่องเงิน แต่บัตรใบนี้มีมูลค่าสองล้าน” ลู่อี้ยื่นบัตรเครดิตมาให้ฉู่เหมียนตกใจเมื่อเห็นบัตรเครดิตใบนี้เขาหมายความว่ายังไง?“ขอให้คุณใจดีกับน้องสาวผมด้วย” เขาจ้องฉู่เหมียน นัยยะคือ เรื่องนี้เป็นฝีมือคุณ รับเงินสองล้านนี้ไป แล้วจบเรื่องไปซะฉู่เหมียนหัวเราะเขาคิดจะใช้เงินฟาดหัวเธอ นี่ไม่ใช่การดูถูกเธอหรอกเหรอ?“คิดว่าเงินแค่สองล้านจะเปลี่ยนทัศนคติของฉันที่มีต่อน้องสาวคุณได้เหรอ?” ฉู่เหมียนหยิบบัตรเครดิตขึ้น พลางจ้องมองลู่อี้อย่างเยาะเย้ย “ฉันจ่ายให้คุณสองล้าน หวังว่าคุณจะไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าฉันอีก เป็นคุณจะรู้สึกยังไง?”“ฉู่เหมียน คุณไม่ยุติธรรมเลย! กล้าทำก็ต้องกล้ารับสิ!” ลู่อี้ขมวดคิ้ว คิดว่าฉู่เหมียนไม่เข้าใจเหตุผล“ฝ่ายที่ไม่ยุติธรรมคือตระกูลลู่ของคุณต่างหาก!” ฉู่เหมียนโยนบัตรเครดิตใส่ลู่อี้พวกเขาทั้งคร
ชูหลานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว เธอพูดว่า “ไม่มีเลย ตอนนั้นเลิกงานพอดี ฉันเลยเอาเอกสารมาให้ผู้อำนวยการ”ฉู่เหมียนเงียบไปสองสามนาที เธอมองวิดีโอในโทรศัพท์ สักพักก็คิดอะไรไม่ออก “ค่ะ”ถ้าไม่ใช่ชูหลานที่เอาเข้ามา งั้นจดหมายร้องเรียนที่ไม่ระบุชื่อนี่บินเข้ามาเองงั้นเหรอ?ไม่ไกลนัก หม่าจือหยางเดินเข้ามา เขามีสมุดประวัติการรักษาสองเล่มในมือ พูดพลางเดินเข้ามา “คุณหมอชู พรุ่งนี้ผมขอลาพักร้อนนะครับ”ชูหลานเหลือบมองหม่าจือหยาง หม่าจือหยางยื่นใบลาพักร้อนให้ชูหลาน“ค่ะ” ชูหลานตอบรับหม่าจือหยางมองฉู่เหมียน แล้วเลิกคิ้ว ก่อนจะหันหลังเดินจากไปฉู่เหมียนสังเกตเห็นใบลาพักร้อนในมือของชูหลาน นั่นเป็นลายมือของหม่าจือหยางแน่นอน“ลายมือรองผู้อำนวยการหม่า สวยดีนะคะ” ฉู่เหมียนพูด“ค่ะ ลายมือรองผู้อำนวยการหม่าอ่านง่ายดี หนักแน่นด้วย” ชูหลานเก็บใบลาพักร้อนไว้ฉู่เหมียนเหลือบมองอีกสองสามครั้ง แล้วก็ไปทำงานต่อแผนกฉุกเฉิน ฉู่เหมียนไปส่งเอกสาร กำลังจะจากไปก็ได้ยินเสียงคนเรียก “คุณหมอฉู่ มารับคนไข้เหรอคะ?”ฉู่เหมียนงง อะไรนะ?“มีคนไข้ของแผนกคุณอยู่ที่นี่พอดี อย่าลืมไปรับนะคะ” พยาบาลสาวเตือนฉู่เหมี
ฉู่เหมียน “…” ก็เธอไม่ใช่เหรอ?“ตำแหน่งของใครมีความขัดแย้งกับลู่เจียวมากที่สุด?”ฉู่เหมียน “…”แผนกศัลยกรรมหัวใจมีหมอสองคน ถ้าตำแหน่งเดียวกัน ก็คงเป็นฉันสินะฉู่เหมียน “คุณหมอหลิน อย่าเอาแต่วิเคราะห์เลยค่ะ” ขืนยังวิเคราะห์ต่อไป เดี๋ยวจะถูกตัดสินว่ามีความผิดเอาเสียเองทุกอย่างชี้ไปที่เธอ ยากจะแก้ตัวจริง ๆฉู่เหมียนเท้ามือลงบนโต๊ะ ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง “ขนาดวันหยุดสุดสัปดาห์ฉันยังนอนไม่หลับเลย”“งั้น… คุณพักร้อนสักสองสามวันไหมครับ?” หลินเฮิงชุยถามความเห็นของฉู่เหมียนอย่างระมัดระวังฉู่เหมียนตกใจ ทำไมล่ะ? ทำอย่างนั้นก็เหมือนกับตัวเองมีความผิดน่ะสิ!เธอไม่ทำอย่างนั้นหรอก ไม่เพียงแต่จะไม่พักร้อน แต่ยังจะปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนอย่างองอาจทุกวันอีกด้วยจดหมายแจ้งเบาะแสฉบับนี้ “จริง ๆ แล้ว คุณไม่ได้เป็นคนเขียนใช่ไหม?”หลินเฮิงชุยเองก็เริ่มสงสัยแล้วฉู่เหมียน “…” ฉู่เหมียนเริ่มปวดหัว“ฉันไปดูที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิดดีกว่า” ฉู่เหมียนยิ้มขณะที่กำลังพูด ประตูห้องทำงานก็ถูกเคาะ เป็นพนักงานผู้รับผิดชอบเรื่องนี้“ผลการตรวจสอบกล้องวงจรปิดออกแล้วเหรอครับ?” หลินเฮิงชุยสวมแว่น รู้สึกว่ามีหว
ขณะที่ฉู่เหมียนกำลังคิดไม่ตกว่าจะพูดอย่างไร เสียงแตกของแจกันที่ตกพื้นในห้องผู้ป่วยก็ดังขึ้น“กรี๊ดดด!”เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังแว่วแทรกเข้ามาในหูกู้ว่างเชินรีบเปิดประตูห้องผู้ป่วยเข้าไปทันที พบว่าผลไม้ถูกโยนมาตกอยู่ที่เท้าของเขากู้ว่างเชินเดินเข้าไปข้างใน ลู่เจียวกำลังนั่งอยู่บนเตียง ผมยุ่งเหยิง ดวงตาแดงก่ำ ดูเหมือนจะใกล้ถึงขีดสุดของความอดทนเมื่อลู่เจียวเห็นกู้ว่างเชิน เธอก็ร้องไห้จนพูดไม่ออก จบแล้ว จบสิ้นแล้วจริง ๆกู้ว่างเชินไม่ยอมรับตัวตนของเธอ ตอนนี้อาชีพที่เธอภาคภูมิใจที่สุดก็หายวับไปแล้ว!เธอจะทำอย่างไรดี?กู้ว่างเชินขมวดคิ้ว ลู่เจียวดูโทรมลงทุกวัน ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เธอต้องมีปัญหาแน่ กู้ว่างเชินเก็บของที่ตกอยู่บนพื้น ลู่เจียวก็โยนลงไปอีกกู้ว่างเชินไม่พูดอะไร แค่คอย ๆ เก็บขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งลู่เจียวเหนื่อยที่จะโยน เธอหยุดโยนแล้วเอาแต่ร้องไห้กู้ว่างเชินรู้สึกอึดอัดใจ เดินเข้าไปลูบหัวลู่เจียวเพื่อปลอบโยน เมื่อเห็นเช่นนั้น ลู่เจียวก็ร้องไห้หนักกว่าเดิมเธอลุกขึ้นคุกเข่าแล้วโอบกอดกู้ว่างเชินไว้ ดูเหมือนว่ามีเพียงกู้ว่างเชินเท่
ฉู่เหมียนตกใจ ร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ? ถึงกับต้องฉีดยา!“ใช่ค่ะ ตอนนี้คุณกู้กำลังรออยู่หน้าห้อง เป็นห่วงเจียวเจียวมาก” ซางหานถอนหายใจพอพูดถึงเรื่องนี้ ทุกคนต่างก็คิดว่าฉู่เหมียนแพ้แบบไม่ยุติธรรม!ทุกอย่างของฉู่เหมียนดีกว่าลู่เจียว แต่กลับแพ้ในเรื่องของกู้ว่างเชินฉู่เหมียนกัดริมฝีปาก ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วลุกขึ้น “ฉันจะไปดูหน่อย”“อย่าไปเลยค่ะ ถ้าเจียวเจียวตื่นขึ้นมา ไม่รู้ว่าเธอจะด่าคุณยังไงบ้าง พยาบาลบอกว่าตอนที่เธอกำลังใจเสีย เธอพูดว่า...” พูดมาถึงตรงนี้ ซางหานก็เงียบไปฉู่เหมียนไม่เข้าใจ พูดว่าอะไรล่ะ?ซางหานเกาหัว ดูเหมือนไม่อยากจะเล่าต่อฉู่เหมียนยิ้ม “พูดมาเถอะ ไม่เป็นไรหรอก”คำพูดที่ออกมาจากปากของลู่เจียวเจียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเกี่ยวกับเธอ…ฉู่เหมียน คงไม่ใช่เรื่องดีแน่“ลู่เจียวบอกว่า เธอจะฆ่าคุณซะ...” ซางหานพูดฉู่เหมียนเม้มปาก เป็นอย่างที่คิดไว้จริงด้วย“เพราะงั้นคุณหมอฉู่ ตอนนี้คุณต้องระวังตัวตอนอยู่ในโรงพยาบาลนะคะ เพราะทุกคนต่างก็คิดว่าคุณเป็นคนแอบเขียนจดหมายร้องเรียน” ซางหานเตือนฉู่เหมียนฉู่เหมียนพยักหน้า ลูบหัวซางหาน “ได้ พี่รู้แล้ว ไปทำงานเถอะ!”“
ร่างกายของฉู่เหมียนเบี่ยงหลบทัน ทำให้มือของหลิ่วอิงพลาดเป้าหลิ่วอิงขมวดคิ้ว “แกยังกล้าหลบอีกเหรอ?”“พ่อแม่ฉันยังไม่เคยกล้าตีฉันเลยสักครั้ง คุณเป็นใครกันถึงมาทำแบบนี้?” ฉู่เหมียนถามหลิ่วอิงอย่างท้าทายหลิ่วอิงอึ้งไปชั่วขณะ เธอจ้องฉู่เหมียนด้วยความโกรธจนแทบจะระเบิดออกมา“ถ้าฉันมีลูกสาวอย่างแก ฉันจะ...” หลิ่วอิงชี้ไปที่ฉู่เหมียน ร่างกายสั่นเทาด้วยความโกรธฉู่เหมียนยิ้ม “โชคดีที่ฉันไม่ใช่ลูกสาวของคุณ และคุณก็ไม่มีลูกอย่างฉัน”พูดตามตรง ถ้าเธอมีแม่แบบหลิ่วอิง เธอก็อยากจะกระโดดตึกตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด!“นี่แก! นังตัวแสบ!” หลิ่วอิงโมโหจนสติแตกลู่อี้ที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่เงียบ ๆ อดรู้สึกไม่ได้ว่าฉู่เหมียนกับแม่ของเขาไม่เพียงแต่หน้าตาคล้ายกันแต่กระทั่งนิสัยที่ดื้อรั้นก้าวร้าวก็เหมือนกันอย่างน่าประหลาดลู่อี้กลืนน้ำลายลงคอ แล้วก็เห็นฉู่เหมียนเดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมาหลิ่วอิงที่โกรธจนหน้ามืดก็หันหลังกลับมุ่งหน้าสู่ห้องประชุมทันที เห็นว่าทั้งสองคนดูเหมือนจะเจรจาเข้าใจกันเป็นอย่างดีลู่อี้อดไม่ได้ที่จะดึงแขนหลิ่วอิงไว้ แล้วถามขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว “แม่ครับ แม่ไม่คิดว่า เ
ปัญหาอยู่ที่ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวนี้ นี่มันทำลายอนาคตของลู่เจียวชัด ๆ“งั้นบอกมาสิ ถ้าไม่ใช่เธอ แล้วจะเป็นใคร?” หลิ่วอิงหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ สำหรับแม่คนหนึ่ง อนาคตของลูกสาวถูกทำลาย มันเจ็บปวดกว่าการตายเสียอีก เธอรู้สึกผิดที่ปกป้องลู่เจียวไม่ได้ รู้สึกว่าในเมื่อลู่เจียวทุกข์ เธอก็ทุกข์เหมือนกัน…“ใครจะไปรู้ว่าลูกสาวคุณเมาแล้วพูดอะไรออกมาบ้าง สรุปแล้ว…” ฉู่เหมียนเดินไปหาหลินเฮิงชุย เธอยกจดหมายไม่เปิดเผยตัวตนขึ้นมาดู “คุณหมอคะ ฉันมาเพื่อชี้แจงว่าจดหมายฉบับนี้ไม่ใช่ฉันที่เป็นคนเขียน”“ถ้าคุณหมอจะสอบสวน ฉันจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่” ฉู่เหมียนไม่กลัว เธอไม่ได้เขียน ก็คือไม่ใช่เธอเขียน เธอเกลียดลู่เจียวมาก แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยคิดจะทำร้ายลู่เจียว ใช่ว่าเธอไม่สู้คน เพราะเธอสู้ได้มากกว่าใคร แต่เพราะลู่เจียวเป็นคนที่กู้ว่างเชินรัก เธอจึงอดทนมาตลอด แต่ถ้าตระกูลลู่มาใส่ร้ายเธอ ฉู่เหมียนจะไม่ยอมอดทนอีกต่อไป“ได้ครับ ฉู่เหมียน ผมเข้าใจแล้ว” หลินเฮิงชุยตอบกลับอย่างจริงจังหลิ่วอิงยังคงไม่พอใจ “คุณหมอคะ ลูกสาวฉันถูกพักงานใช่ไหม? ฉันต้องการให้เธอโดนพักงานด้วย!”เมื่อได้ยินคำพูดนั้
ห้องประชุมโรงพยาบาล ตรงข้ามคุณหมอหลินเฮิงชุ่ยนั่งกันอยู่สามคน คือพ่อและหลิ่วอิง และลู่อี้ที่มาร่วมประชุมสายเห็นได้ชัดว่าเรื่องของลู่เจียวเป็นเรื่องใหญ่สำหรับตระกูลลู่ ถึงกับทำให้ทั้งสามคนต้องมาโรงพยาบาลกันพร้อมหน้าหลินเฮิงชุยพลิกดูประวัติการศึกษาของลู่เจียวแล้วมองทั้งสามคนอย่างมีนัยยะสำคัญ“คุณลู่… ประวัติการศึกษาของลูกสาวคุณ…” หลินเฮิงชุยพูดขึ้นมาหลิ่วอิงรีบพูดแทรกขึ้นมาทันที “ประวัติการศึกษาของลูกสาวฉันถูกต้อง ไม่มีการปลอมแปลงแม้แต่น้อย!”“ใช่ครับ แต่ตอนนี้มีคนแจ้งว่าคุณลู่เจียวได้เข้าเรียนคณะแพทย์โดยการแย่งโควตาของคนอื่น” หลินเฮิงชุยพูดด้วยสีหน้าซับซ้อน การแย่งโควตาเรียนถือเป็นเรื่องใหญ่ เทียบได้กับคดีอาชญากรรม“ใครเป็นคนแจ้ง?” ลู่อวี้เหิงหน้าตาเปลี่ยนไปทันที “นี่มันใส่ร้ายลูกสาวผมชัด ๆ!”หลินเฮิงชุยรีบพูดขึ้นมา “คุณลู่ครับ อย่าเพิ่งใจร้อนนะครับ ตอนนี้เรากำลังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมหลักฐานอยู่”“บอกมาสิว่าใครแจ้ง!” หลิ่วอิงโมโห เธอตบโต๊ะดังปัง “ลูกสาวฉันยังนอนอยู่โรงพยาบาลอยู่เลย ใครมันมาใส่ร้ายลูกสาวฉันแบบนี้!”หลินเฮิงชุยตอบ “เป็นการแจ้งเบาะแสแบบไม่เปิดเผยตัวตนครับ”“แ