เมื่อฉู่เหมียนได้ยินสิ่งที่กู้ว่างเชินพูด เธอก็มองหน้าของเขาพลางครุ่นคิดอย่างจริงจัง เธอหรี่ตาลงแล้วพูดเสียงอ่อนว่า “ตามหานักกีฬาชายที่สูงสัก190 เซนติเมตร หน้าตาหล่อเหลา สดใสและช่ำ...ชอง”กู้ว่างเชินสถบเสียงเย็น ไม่คิดเลยว่าคำพูดที่น่ารังเกียจเช่นนี้จะออกมาจากปากของฉู่เหมียนช่ำชองงั้นเหรอ?“คุณเหงาเหรอ?” เขาบีบคางของฉู่เหมียน ดวงตาของเขาเย็นยะเยือก“ทีคุณยังไปแอบกินข้างนอก ฉันมองหานักกีฬาชายแล้วมันมีปัญหาตรงไหน? ผิดกฎหมายหรือเปล่า?” ฉู่เหมียนถามกลับ กู้ว่างเชินกำลังจะตอบคำถามของเธอ ฉู่เหมียนก็พูดแทรกขึ้นอีกครั้ง “กู้ว่างเชิน ผู้ชายจะสองมาตรฐานไม่ได้ หากคุณต้องการให้ฉันเป็นภรรยาและแม่ที่ดี คุณเองก็ต้องปฏิบัติตามธรรมเนียมสามตามสี่คุณธรรมด้วยไหม?”กู้ว่างเชินจ้องมองเธอ คำพูดของเธอทำให้เขาสำลักจนพูดไม่ออกหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ถามขึ้นว่า “นี่คุณกำลังบ่น?”“ใช่ ฉันกำลังบ่น” บ่นสิ่งที่เขาควรละอายใจต่อเธอตลอดสามปีที่ผ่านมา! บ่นเขาที่กำลังจะหย่ากับเธอ แต่กลับยังทำสิ่งเหล่านี้ที่ทำให้เธอเข้าใจผิดครั้งแล้วครั้งเล่า!เขากำลังให้ความหวังกับเธอ แต่แล้วก็ทำให้เธอผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่
กู้ว่างเชินหายใจลึก พลางนึกถึงคำพูดของคนรอบตัวในตอนนั้น “ฉู่เหมียนตามติดกู้ว่างเชินอยู่ตลอดเวลา แต่พอกู้ว่างเชินถูกลักพาตัวเธอกลับหายไป!”กู้ว่างเชินเขายกมือขึ้น กัดนิ้วตัวเองโดยไม่รู้ตัว สายตาดูซับซ้อนยิ่งขึ้น“โตตั้งเท่าไหร่แล้ว ยังกัดเล็บอบู่อีก” ฉู่เหมียนพูดประชด น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเย้ยหยันกู้ว่างเชินมองย้อนกลับไปพลางขมวดคิ้ว และรีบเอามือลงทันที เขารู้สึกไม่เป็นตัวเองเอาเสียเลย หรือว่าคนที่ช่วยเขาเมื่อก่อนจะเป็นฉู่เหมียน?หากฉู่เหมียนเป็นคนช่วยเขาไว้ในเวลานั้น แล้วทำไมตลอดสามปีมานี้เธอถึงไม่พูดอะไรเลย?กู้ว่างเชินเต็มไปด้วยความสงสัย และตั้งใจจะถามฉู่เหมียนออกไปตรง ๆ ว่าในตอนนั้นเธอกำลังทำอะไรจู่ ๆ ประตูห้องก็ถูกผลักเปิดออก เชฟถืออาหารเข้ามา “ผัดผัก เนื้อนุ่ม รากบัว และซุปซี่โครงหมูครับ”“คุณกู้ คุณหญิงกู้ เชิญรับประทานให้อร่อยครับ”ในตอนแรกฉู่เหมียนไม่ได้รู้สึกหิวอะไร แต่พอเห็นอาหารวางอยู่ตรงหน้า ท้องของเธอก็ร้องโครกครากทันทีเธอเหนื่อยมาทั้งวัน และไม่ได้กินอาหารเย็น ดังนั้นตอนนี้เธอจึงหิวมาก!“ฉู่เหมียน” กู้ว่างเชินเรียกเธอเพื่อถามเธอว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อสี่ปีก่อน
“อาเชิน คุณถึงบ้านหรือยังคะ?” เสียงของลู่เจียวนุ่มนวลและอ่อนโยนกู้ว่างเชินมองไปที่ประตูแล้วลดเสียงลง “ถึงบ้านแล้ว”“งั้นพรุ่งนี้เช้าคุณไปส่งฉันทำงานได้ไหมคะ?” ลู่เจียวยิ้มเบา ๆ และพูดจาออดอ้อนเสียงหวานกู้ว่างเชินจิบน้ำแล้วพูดว่า “ผมจะไปรับคุณหลังเลิกงาน”พรุ่งนี้เช้าเขาต้องไปที่ห้องขังก่อน“ไม่เอา คุณไปส่งฉันทำงานเถอะนะ! เลิกงานก็มารับฉัน แล้วเราไปกินข้าวเย็นด้วยกันตกลงไหมคะ” น้ำเสียงของลู่เจียวออดอ้อนมากขึ้น กู้ว่างเชินหมดความอดทน “ลู่เจียว อย่าให้ผมทำสิ่งที่ผมไม่อยากทำ”ปลายสายเงียบลงทันทีแล้วถามขึ้นว่า “แล้วคุณอยากทำอะไร?”กู้ว่างเชินขมวดคิ้ว รู้สึกหงุดหงิด “ผมจะไปรับคุณหลังเลิกงาน แค่นี้นะ”พูดจบเขาก็กดวางสายในเวลาเดียวกัน มีรถยนต์โรลส์-รอยซ์สีดำจอดอยู่ด้านนอกร้านอาหารส่วนตัว ภายในรถ ลู่เจียวกำโทรศัพท์มือถือแน่น ได้ยินเพียงเสียงวางสาย “ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด”กู้ว่างเชิน...คุณโกหกฉันเห็นได้ชัดว่าเขาพาฉู่เหมียนมาทานอาหารเย็นที่นี่ แต่กลับบอกเธอว่าถึงบ้านแล้ว!ลู่เจียวกัดริมฝีปากล่าง ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความเกลียดชังฉู่เหมียน กำลังจะหย่าอยู่แล้ว แต่เธอก็ยังไม่ยอมปล่อยผ
กู้ว่างเชิน “...?”เธอบล็อกเขาอย่างงั้นเหรอ?กู้ว่างเชินกดเบอร์โทรของฉู่เหมียนทันที แต่พบว่าหมายเลขนั้นก็ถูกบล็อกเช่นกัน เมื่อโทรออกหน้าจอก็ขึ้นโชว์ว่าสายไม่ว่าง!ใบหน้าของกู้ว่างเชินมืดลงทันที ความโกรธแค้นพลุ่งขึ้นมาจากในอกจนไปถึงดวงตา ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกกดดันผู้หญิงคนนี้ชักจะกล้าขึ้นทุกวัน ถึงขั้นกล้าบล็อกเขา!เมื่อครู่ยังนั่งกินข้าวด้วยกันดีๆ อยู่เลย นี่ไปเข้าห้องน้ำแค่ครู่เดียว เกิดอะไรขึ้นอีก?เมื่อก่อนชอบทำตัวติดเขาทุกวันไม่ใช่หรือไง?กู้ว่างเชินจ้องมองอาหารบนโต๊ะที่ฉู่เหมียนยังกินไม่เสร็จ แล้วร่องรอยของความกังวลก็คืบคลานเข้ามาในจิตใจกู้ว่างเชินยืนขึ้นและเดินออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว พอมาถึงหน้าเคาน์เตอร์ เถ้าแก่ร้านก็พูดขึ้นว่า “คุณกู้ ภรรยาของคุณจ่ายบิลเรียบร้อยแล้วครับ”ใบหน้าของกู้ว่างเชินยิ่งมืดหนักกว่าเดิมออกมากินข้าวกับเขา กู้ว่างเชินยังต้องให้ผู้หญิงมาจ่ายค่าอาหารด้วยเหรอ? นี่เท่ากับทำให้เขาขายหน้าไม่ใช่หรือไง?“เธอออกไปเมื่อไหร่?” กู้ว่างเชินถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาเถ้าแก่มองดูเวลาก่อนจะตอบว่า “ประมาณสิบห้านาทีที่แล้วครับ”สิบห้านาทีที่แล้ว?ก
2823 เงยหน้าขึ้นและสบตากับกู้ว่างเชินกู้ว่างเชินจ้องพลางรู้สึกไม่สบายใจอย่างอธิบายไม่ถูกในขณะนี้ ชื่อที่วนเวียนอยู่ในใจของเขาไม่ใช่ลู่เจียว แต่คือฉู่เหมียน!ทั้งคาดหวังทั้งกลัวว่าจะเป็นฉู่เหมียน!“คิดให้ดีแล้วตอบคำถามฉันมา!” กู้ว่างเชินจ้องมองเขาอย่างเย็นชา ดวงตาของเขาเริ่มอันตรายมากขึ้น2823 ก้มศีรษะลง มือที่ห้อยอยู่ของเขาสั่นเทาเขาเป็นผู้บงการในการลักพาตัว เมื่อจับตัวกู้ว่างเชินได้แล้ว เขาก็คอยจับตาดูกู้ว่างเชินมาโดยตลอด เขาเป็นคนควบคุมสถานการณ์!เขารู้ดีว่าคนที่ติดตามเขาในวันนั้นคือใคร!คือฉู่เหมียน! คือฉู่เหมียนมาตลอด!ลูกสาวคนโตของตระกูลฉู่ เด็กผู้หญิงวัยยี่สิบต้น ๆ ที่เด็ดเดี่ยวตามพวกเขามา และกล้าต่อสู้กับพวกเขาอย่างกล้าหาญ!เธอยอมตายเพื่อแลกกับชีวิตของกู้ว่างเชินด้วยซ้ำ!ตอนนั้นเขาเกือบจะใจอ่อนยอมปล่อยคู่รักที่น่าสงสารนี้ไปแล้ว แต่ผู้ที่อยู่เบื้องหลังบอกว่ากู้ว่างเฉินต้องตายเท่านั้น! เขาไม่มีทางเลือก! 2823 กัดฟันแน่น เขายืนขึ้นเผชิญหน้ากับกู้ว่างเชิน “คุณกู้สับสนจนคุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครช่วยคุณไว้”กู้ว่างเชินอยู่ในอาการโคม่าตลอดเวลา เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าใครช่วยช
เขาโกหก…แต่เขาก็ทำเพื่อภรรยาและลูก ๆ ของเขา เขาไม่มีทางเลือก!…“คุณหนู วันนี้กู้ว่างเชินไปเยี่ยมเรือนจำครับ” เสิ่นเจี๋ยส่งข้อความหาลู่เจียวลู่เจียวกำลังทำงาน เมื่อเธอเห็นข้อความหัวใจก็เต้นเร็วขึ้น “เขาถามอะไร” ลู่เจียวถามกลับ เสิ่นเจี๋ย “ใครช่วยเขาไว้ตอนนั้น”ลู่เจียวหายใจไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถามอย่างสงบ “เขาตอบว่าอะไร?”“ไม่ต้องห่วงครับ เขาเชื่อฟังเรา”คิ้วของลู่เจียวกระตุก และรู้สึกกระวนกระวายใจ กู้ว่างเชินสงสัยเธอ!เขาสงสัยจริง ๆ ด้วย แม้ว่าหลายปีมานี้เขาจะบอกว่ารักเธอและจะแต่งงานกับเธอก็ตาม แต่ลับหลังกลับแอบสืบเรื่องเธออย่างลับ ๆ ว่าเธอคือคนที่ช่วยชีวิตเขาจริงหรือเปล่า!ฉู่เหมียนผลักประตูห้องทำงานออกหมอสวีรีบเดินเข้าไปหาเธอทันที และถามขึ้นว่า “หมอฉู่ เมื่อวานคุณคงจ่ายไปเยอะเลยใช่ไหมคะ? ทำให้คุณเสียเงินเยอะจริง ๆ!”ฉู่เหมียนรวบผมลวก ๆ เธอสังเกตเห็นลู่เจียวและพูดขึ้นด้วยท่าทีเกียจคร้านว่า “เมื่อคืนฉันไม่ได้เป็นคนจ่ายบิลค่ะ”เมื่อได้ยินแบบนั้นลู่เจียวก็เงยหน้าขึ้น เมื่อคืนเธอไม่ได้เป็นคนจ่ายบิลอย่างนั้นเหรอ?“ต้องขอบคุณหมอลู่” ฉู่เหมียนเดินเข้าไปหาลู่เจีย
ณ ห้องพักผ่อน ฉู่เหมียนเปิดประตูก่อนจะเห็นชายที่นั่งอยู่บนโซฟาเขาสวมชุดสูทสีดำ และกำลังดูนิตยสาร ขายาวของเขาไขว้กันอย่างสบาย ๆ แต่ดูสง่างาม ทุกสิ่งที่เขาทำนั้นดูสูงส่งฉู่เหมียนเคาะประตูก่อนจะเดินเข้าไปกู้ว่างเชินเงยหน้าขึ้นและสบตากับดวงตาสีน้ำตาลอันสงบของฉู่เหมียน“มีธุระอะไรคะ?” น้ำเสียงสงบและห่างเหินของเธอเตือนกู้ว่านเชินอีกครั้ง ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจบลงแล้วเธอพูดว่าหมดรักก็หมดรัก มันง่ายเกินไปไหม แต่เขากำลังคิดว่าคนที่ช่วยชีวิตเขาไว้ในตอนนั้นคือฉู่เหมียนหรือเปล่า?กู้ว่างเชินชี้ไปที่โต๊ะกาแฟ จากนั้นฉู่เหมียนก็เห็นสัญญาการหย่าวางอยู่บนนั้น “ฉู่เหมียน ฉันร่างข้อตกลงการหย่าร้างฉบับใหม่แล้ว ทำตามที่เธอพูดเมื่อคืนนี้ ฉันจะแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เธอ”ฉู่เหมียนนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะก้มลงหยิบสัญญาการหย่าบนโต๊ะกาแฟขึ้นมาดูเขาเซ็นชื่อเรียบร้อยแล้ว เหมือนกับคืนนั้นที่เธอแต่งงานกับเขา เขาก็ทำแบบเดียวกัน โดยยื่นสัญญาหย่าที่เซ็นชื่อเรียบร้อยแล้วให้กับเธอแต่เทียบกับเขาในตอนนั้น ตอนนี้ท่าทีของเขาดูเป็นมิตรมากขึ้น“หลายปีที่ผ่านมา คุณยุ่งอยู่กับการดูแลคุณย่า และเอาใจพ่อแ
พูดจบ เธอก็เดินออกไป ประตูห้องพักผ่อนปิดลง มือของฉู่เหมียนก็กำหมัดแน่นทันที เธอพิงหลังกับประตู หัวใจเต้นเร็วไม่หยุด ราวกับถูกอะไรบางอย่างเกี่ยวรัดไว้ รู้สึกเจ็บปวดจนแทบหายใจไม่ออกเธอคิดว่าตัวเองชินชาไปแล้วเมื่อต้องเผชิญหน้ากับกู้ว่างเชิน เธอคิดว่าตัวเองไม่ได้รักเขาแล้วจริง ๆแต่ความจริง มันเป็นเพียงเรื่องโกหกตัวเองทั้งนั้น!เมื่อเขาพูดถึงการหย่าขึ้นมาอีกครั้ง หัวใจของเธอก็ยังคงเต้นผิดจังหวะการแต่งงานในครั้งนี้ สุดท้ายก็จบลงที่การหย่าร้างฉู่เหมียนยังคงหายใจไม่ออก และพยายามปรับอารมณ์ แต่เธอกลับไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่ามีน้ำตาไหลออกมาจากหางตาของตัวเองฉู่เหมียนรีบไปทำงาน เธอต้องทำตัวยุ่ง เพื่อที่จะได้ไม่ต้องโศกเศร้าในห้องพักผ่อน กู้ว่างเชินค่อย ๆ คว้าสัญญาหย่าขึ้นมา เขาขมวดคิ้วมุ่นพร้อมทั้งหายใจแรงจะหย่ากับฉู่เหมียนแล้ว แต่เขากลับไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายขึ้นเลยผ่านไปสักพักประตูห้องพักก็ถูกผลักเปิดออก“อาเชิน!” ลู่เจียวเข้ามาจากประตู“อืม” กู้ว่างเชินยิ้มแล้วพูดว่า “ทำงานเป็นยังไงบ้าง?”“ก็เรื่อย ๆ ค่ะ” ลู่เจียวนั่งลงข้างกู้ว่างเชิน สีหน้าดูเศร้าสร้อย “แค่ช่วงนี้ปวดหลังนิ
ฉู่เหมียนไปที่ฐาน M ในทันที เธอต้องการรู้ให้ได้เดี๋ยวนี้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวเรื่องลู่เจียวเธอทนไม่ได้กับความอับอาย แม้แต่นิดเดียวก็ทนไม่ได้!โม่อี้กำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาล เขาตรวจสอบทุกมุมแล้ว แต่ก็หาคนที่เข้าไปในห้องทำงานของผู้อำนวยการไม่พบ“ดูกล้องวงจรปิดตรงหน้าต่างซิ” ฉู่เหมียนสั่งโม่อี้เสียงเย็นโม่อี้หันไป ก็เห็นฉู่เหมียนยืนอยู่ข้างหลังเขา “หัวหน้า มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?”“เมื่อกี้” ฉู่เหมียนพูดเสียงแข็ง ชัดเจนว่ากำลังโกรธ คำสองคำนั้นเหมือนเค้นผ่านไรฟันออกมาโม่อี้กำลังตรวจสอบอย่างตั้งใจมาก จนไม่ได้สังเกตเห็นว่าเธอมาโม่อี้ร้อง “อืม” เสียงหนึ่ง รีบเปลี่ยนภาพกล้องวงจรปิดไม่ลืมเหลือบมองฉู่เหมียนอย่างระมัดระวังดูตรงหน้าต่าง… เดี๋ยวนะ“หน้าต่างโรงพยาบาลเหรอ?” โม่อี้เหยียดยิ้ม ดูเหมือนจะไม่เชื่อ “หัวหน้า นั่นมันชั้นที่สามสิบกว่านะ คนคนนั้นจะเข้ามาทางหน้าต่างเพื่อแจ้งเบาะแสเรื่องลู่เจียวเหรอ? บ้าไปแล้ว!”แล้วก็ไม่มีที่ให้เข้าไปด้วยนี่นา?“นอกหน้าต่างห้องทำงานของหลินเฉิงชุยมีระเบียง พอจะเข้าไปได้” ฉู่เหมียนคลายความสงสัยของเขาโม่อี้รีบตรวจสอบกล้องวงจรปิดในห
“ฉันไม่ได้แจ้งเบาะแสเกี่ยวกับน้องสาวคุณ เราไม่มีอะไรต้องคุยกัน” ฉู่เหมียนไม่อยากติดต่อกับคนตระกูลลู่“คุณฉู่ ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดี” ลู่อี้อธิบายฉู่เหมียนเงียบไปสามวินาที ก่อนจะเดินไปที่รถ “คุยกันตรงนี้แหละ”ลู่อี้คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้“ฉู่เหมียน ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ขัดสนเรื่องเงิน แต่บัตรใบนี้มีมูลค่าสองล้าน” ลู่อี้ยื่นบัตรเครดิตมาให้ฉู่เหมียนตกใจเมื่อเห็นบัตรเครดิตใบนี้เขาหมายความว่ายังไง?“ขอให้คุณใจดีกับน้องสาวผมด้วย” เขาจ้องฉู่เหมียน นัยยะคือ เรื่องนี้เป็นฝีมือคุณ รับเงินสองล้านนี้ไป แล้วจบเรื่องไปซะฉู่เหมียนหัวเราะเขาคิดจะใช้เงินฟาดหัวเธอ นี่ไม่ใช่การดูถูกเธอหรอกเหรอ?“คิดว่าเงินแค่สองล้านจะเปลี่ยนทัศนคติของฉันที่มีต่อน้องสาวคุณได้เหรอ?” ฉู่เหมียนหยิบบัตรเครดิตขึ้น พลางจ้องมองลู่อี้อย่างเยาะเย้ย “ฉันจ่ายให้คุณสองล้าน หวังว่าคุณจะไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าฉันอีก เป็นคุณจะรู้สึกยังไง?”“ฉู่เหมียน คุณไม่ยุติธรรมเลย! กล้าทำก็ต้องกล้ารับสิ!” ลู่อี้ขมวดคิ้ว คิดว่าฉู่เหมียนไม่เข้าใจเหตุผล“ฝ่ายที่ไม่ยุติธรรมคือตระกูลลู่ของคุณต่างหาก!” ฉู่เหมียนโยนบัตรเครดิตใส่ลู่อี้พวกเขาทั้งคร
ชูหลานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว เธอพูดว่า “ไม่มีเลย ตอนนั้นเลิกงานพอดี ฉันเลยเอาเอกสารมาให้ผู้อำนวยการ”ฉู่เหมียนเงียบไปสองสามนาที เธอมองวิดีโอในโทรศัพท์ สักพักก็คิดอะไรไม่ออก “ค่ะ”ถ้าไม่ใช่ชูหลานที่เอาเข้ามา งั้นจดหมายร้องเรียนที่ไม่ระบุชื่อนี่บินเข้ามาเองงั้นเหรอ?ไม่ไกลนัก หม่าจือหยางเดินเข้ามา เขามีสมุดประวัติการรักษาสองเล่มในมือ พูดพลางเดินเข้ามา “คุณหมอชู พรุ่งนี้ผมขอลาพักร้อนนะครับ”ชูหลานเหลือบมองหม่าจือหยาง หม่าจือหยางยื่นใบลาพักร้อนให้ชูหลาน“ค่ะ” ชูหลานตอบรับหม่าจือหยางมองฉู่เหมียน แล้วเลิกคิ้ว ก่อนจะหันหลังเดินจากไปฉู่เหมียนสังเกตเห็นใบลาพักร้อนในมือของชูหลาน นั่นเป็นลายมือของหม่าจือหยางแน่นอน“ลายมือรองผู้อำนวยการหม่า สวยดีนะคะ” ฉู่เหมียนพูด“ค่ะ ลายมือรองผู้อำนวยการหม่าอ่านง่ายดี หนักแน่นด้วย” ชูหลานเก็บใบลาพักร้อนไว้ฉู่เหมียนเหลือบมองอีกสองสามครั้ง แล้วก็ไปทำงานต่อแผนกฉุกเฉิน ฉู่เหมียนไปส่งเอกสาร กำลังจะจากไปก็ได้ยินเสียงคนเรียก “คุณหมอฉู่ มารับคนไข้เหรอคะ?”ฉู่เหมียนงง อะไรนะ?“มีคนไข้ของแผนกคุณอยู่ที่นี่พอดี อย่าลืมไปรับนะคะ” พยาบาลสาวเตือนฉู่เหมี
ฉู่เหมียน “…” ก็เธอไม่ใช่เหรอ?“ตำแหน่งของใครมีความขัดแย้งกับลู่เจียวมากที่สุด?”ฉู่เหมียน “…”แผนกศัลยกรรมหัวใจมีหมอสองคน ถ้าตำแหน่งเดียวกัน ก็คงเป็นฉันสินะฉู่เหมียน “คุณหมอหลิน อย่าเอาแต่วิเคราะห์เลยค่ะ” ขืนยังวิเคราะห์ต่อไป เดี๋ยวจะถูกตัดสินว่ามีความผิดเอาเสียเองทุกอย่างชี้ไปที่เธอ ยากจะแก้ตัวจริง ๆฉู่เหมียนเท้ามือลงบนโต๊ะ ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง “ขนาดวันหยุดสุดสัปดาห์ฉันยังนอนไม่หลับเลย”“งั้น… คุณพักร้อนสักสองสามวันไหมครับ?” หลินเฮิงชุยถามความเห็นของฉู่เหมียนอย่างระมัดระวังฉู่เหมียนตกใจ ทำไมล่ะ? ทำอย่างนั้นก็เหมือนกับตัวเองมีความผิดน่ะสิ!เธอไม่ทำอย่างนั้นหรอก ไม่เพียงแต่จะไม่พักร้อน แต่ยังจะปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนอย่างองอาจทุกวันอีกด้วยจดหมายแจ้งเบาะแสฉบับนี้ “จริง ๆ แล้ว คุณไม่ได้เป็นคนเขียนใช่ไหม?”หลินเฮิงชุยเองก็เริ่มสงสัยแล้วฉู่เหมียน “…” ฉู่เหมียนเริ่มปวดหัว“ฉันไปดูที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิดดีกว่า” ฉู่เหมียนยิ้มขณะที่กำลังพูด ประตูห้องทำงานก็ถูกเคาะ เป็นพนักงานผู้รับผิดชอบเรื่องนี้“ผลการตรวจสอบกล้องวงจรปิดออกแล้วเหรอครับ?” หลินเฮิงชุยสวมแว่น รู้สึกว่ามีหว
ขณะที่ฉู่เหมียนกำลังคิดไม่ตกว่าจะพูดอย่างไร เสียงแตกของแจกันที่ตกพื้นในห้องผู้ป่วยก็ดังขึ้น“กรี๊ดดด!”เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังแว่วแทรกเข้ามาในหูกู้ว่างเชินรีบเปิดประตูห้องผู้ป่วยเข้าไปทันที พบว่าผลไม้ถูกโยนมาตกอยู่ที่เท้าของเขากู้ว่างเชินเดินเข้าไปข้างใน ลู่เจียวกำลังนั่งอยู่บนเตียง ผมยุ่งเหยิง ดวงตาแดงก่ำ ดูเหมือนจะใกล้ถึงขีดสุดของความอดทนเมื่อลู่เจียวเห็นกู้ว่างเชิน เธอก็ร้องไห้จนพูดไม่ออก จบแล้ว จบสิ้นแล้วจริง ๆกู้ว่างเชินไม่ยอมรับตัวตนของเธอ ตอนนี้อาชีพที่เธอภาคภูมิใจที่สุดก็หายวับไปแล้ว!เธอจะทำอย่างไรดี?กู้ว่างเชินขมวดคิ้ว ลู่เจียวดูโทรมลงทุกวัน ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เธอต้องมีปัญหาแน่ กู้ว่างเชินเก็บของที่ตกอยู่บนพื้น ลู่เจียวก็โยนลงไปอีกกู้ว่างเชินไม่พูดอะไร แค่คอย ๆ เก็บขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งลู่เจียวเหนื่อยที่จะโยน เธอหยุดโยนแล้วเอาแต่ร้องไห้กู้ว่างเชินรู้สึกอึดอัดใจ เดินเข้าไปลูบหัวลู่เจียวเพื่อปลอบโยน เมื่อเห็นเช่นนั้น ลู่เจียวก็ร้องไห้หนักกว่าเดิมเธอลุกขึ้นคุกเข่าแล้วโอบกอดกู้ว่างเชินไว้ ดูเหมือนว่ามีเพียงกู้ว่างเชินเท่
ฉู่เหมียนตกใจ ร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ? ถึงกับต้องฉีดยา!“ใช่ค่ะ ตอนนี้คุณกู้กำลังรออยู่หน้าห้อง เป็นห่วงเจียวเจียวมาก” ซางหานถอนหายใจพอพูดถึงเรื่องนี้ ทุกคนต่างก็คิดว่าฉู่เหมียนแพ้แบบไม่ยุติธรรม!ทุกอย่างของฉู่เหมียนดีกว่าลู่เจียว แต่กลับแพ้ในเรื่องของกู้ว่างเชินฉู่เหมียนกัดริมฝีปาก ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วลุกขึ้น “ฉันจะไปดูหน่อย”“อย่าไปเลยค่ะ ถ้าเจียวเจียวตื่นขึ้นมา ไม่รู้ว่าเธอจะด่าคุณยังไงบ้าง พยาบาลบอกว่าตอนที่เธอกำลังใจเสีย เธอพูดว่า...” พูดมาถึงตรงนี้ ซางหานก็เงียบไปฉู่เหมียนไม่เข้าใจ พูดว่าอะไรล่ะ?ซางหานเกาหัว ดูเหมือนไม่อยากจะเล่าต่อฉู่เหมียนยิ้ม “พูดมาเถอะ ไม่เป็นไรหรอก”คำพูดที่ออกมาจากปากของลู่เจียวเจียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเกี่ยวกับเธอ…ฉู่เหมียน คงไม่ใช่เรื่องดีแน่“ลู่เจียวบอกว่า เธอจะฆ่าคุณซะ...” ซางหานพูดฉู่เหมียนเม้มปาก เป็นอย่างที่คิดไว้จริงด้วย“เพราะงั้นคุณหมอฉู่ ตอนนี้คุณต้องระวังตัวตอนอยู่ในโรงพยาบาลนะคะ เพราะทุกคนต่างก็คิดว่าคุณเป็นคนแอบเขียนจดหมายร้องเรียน” ซางหานเตือนฉู่เหมียนฉู่เหมียนพยักหน้า ลูบหัวซางหาน “ได้ พี่รู้แล้ว ไปทำงานเถอะ!”“
ร่างกายของฉู่เหมียนเบี่ยงหลบทัน ทำให้มือของหลิ่วอิงพลาดเป้าหลิ่วอิงขมวดคิ้ว “แกยังกล้าหลบอีกเหรอ?”“พ่อแม่ฉันยังไม่เคยกล้าตีฉันเลยสักครั้ง คุณเป็นใครกันถึงมาทำแบบนี้?” ฉู่เหมียนถามหลิ่วอิงอย่างท้าทายหลิ่วอิงอึ้งไปชั่วขณะ เธอจ้องฉู่เหมียนด้วยความโกรธจนแทบจะระเบิดออกมา“ถ้าฉันมีลูกสาวอย่างแก ฉันจะ...” หลิ่วอิงชี้ไปที่ฉู่เหมียน ร่างกายสั่นเทาด้วยความโกรธฉู่เหมียนยิ้ม “โชคดีที่ฉันไม่ใช่ลูกสาวของคุณ และคุณก็ไม่มีลูกอย่างฉัน”พูดตามตรง ถ้าเธอมีแม่แบบหลิ่วอิง เธอก็อยากจะกระโดดตึกตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด!“นี่แก! นังตัวแสบ!” หลิ่วอิงโมโหจนสติแตกลู่อี้ที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่เงียบ ๆ อดรู้สึกไม่ได้ว่าฉู่เหมียนกับแม่ของเขาไม่เพียงแต่หน้าตาคล้ายกันแต่กระทั่งนิสัยที่ดื้อรั้นก้าวร้าวก็เหมือนกันอย่างน่าประหลาดลู่อี้กลืนน้ำลายลงคอ แล้วก็เห็นฉู่เหมียนเดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมาหลิ่วอิงที่โกรธจนหน้ามืดก็หันหลังกลับมุ่งหน้าสู่ห้องประชุมทันที เห็นว่าทั้งสองคนดูเหมือนจะเจรจาเข้าใจกันเป็นอย่างดีลู่อี้อดไม่ได้ที่จะดึงแขนหลิ่วอิงไว้ แล้วถามขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว “แม่ครับ แม่ไม่คิดว่า เ
ปัญหาอยู่ที่ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวนี้ นี่มันทำลายอนาคตของลู่เจียวชัด ๆ“งั้นบอกมาสิ ถ้าไม่ใช่เธอ แล้วจะเป็นใคร?” หลิ่วอิงหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ สำหรับแม่คนหนึ่ง อนาคตของลูกสาวถูกทำลาย มันเจ็บปวดกว่าการตายเสียอีก เธอรู้สึกผิดที่ปกป้องลู่เจียวไม่ได้ รู้สึกว่าในเมื่อลู่เจียวทุกข์ เธอก็ทุกข์เหมือนกัน…“ใครจะไปรู้ว่าลูกสาวคุณเมาแล้วพูดอะไรออกมาบ้าง สรุปแล้ว…” ฉู่เหมียนเดินไปหาหลินเฮิงชุย เธอยกจดหมายไม่เปิดเผยตัวตนขึ้นมาดู “คุณหมอคะ ฉันมาเพื่อชี้แจงว่าจดหมายฉบับนี้ไม่ใช่ฉันที่เป็นคนเขียน”“ถ้าคุณหมอจะสอบสวน ฉันจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่” ฉู่เหมียนไม่กลัว เธอไม่ได้เขียน ก็คือไม่ใช่เธอเขียน เธอเกลียดลู่เจียวมาก แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยคิดจะทำร้ายลู่เจียว ใช่ว่าเธอไม่สู้คน เพราะเธอสู้ได้มากกว่าใคร แต่เพราะลู่เจียวเป็นคนที่กู้ว่างเชินรัก เธอจึงอดทนมาตลอด แต่ถ้าตระกูลลู่มาใส่ร้ายเธอ ฉู่เหมียนจะไม่ยอมอดทนอีกต่อไป“ได้ครับ ฉู่เหมียน ผมเข้าใจแล้ว” หลินเฮิงชุยตอบกลับอย่างจริงจังหลิ่วอิงยังคงไม่พอใจ “คุณหมอคะ ลูกสาวฉันถูกพักงานใช่ไหม? ฉันต้องการให้เธอโดนพักงานด้วย!”เมื่อได้ยินคำพูดนั้
ห้องประชุมโรงพยาบาล ตรงข้ามคุณหมอหลินเฮิงชุ่ยนั่งกันอยู่สามคน คือพ่อและหลิ่วอิง และลู่อี้ที่มาร่วมประชุมสายเห็นได้ชัดว่าเรื่องของลู่เจียวเป็นเรื่องใหญ่สำหรับตระกูลลู่ ถึงกับทำให้ทั้งสามคนต้องมาโรงพยาบาลกันพร้อมหน้าหลินเฮิงชุยพลิกดูประวัติการศึกษาของลู่เจียวแล้วมองทั้งสามคนอย่างมีนัยยะสำคัญ“คุณลู่… ประวัติการศึกษาของลูกสาวคุณ…” หลินเฮิงชุยพูดขึ้นมาหลิ่วอิงรีบพูดแทรกขึ้นมาทันที “ประวัติการศึกษาของลูกสาวฉันถูกต้อง ไม่มีการปลอมแปลงแม้แต่น้อย!”“ใช่ครับ แต่ตอนนี้มีคนแจ้งว่าคุณลู่เจียวได้เข้าเรียนคณะแพทย์โดยการแย่งโควตาของคนอื่น” หลินเฮิงชุยพูดด้วยสีหน้าซับซ้อน การแย่งโควตาเรียนถือเป็นเรื่องใหญ่ เทียบได้กับคดีอาชญากรรม“ใครเป็นคนแจ้ง?” ลู่อวี้เหิงหน้าตาเปลี่ยนไปทันที “นี่มันใส่ร้ายลูกสาวผมชัด ๆ!”หลินเฮิงชุยรีบพูดขึ้นมา “คุณลู่ครับ อย่าเพิ่งใจร้อนนะครับ ตอนนี้เรากำลังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมหลักฐานอยู่”“บอกมาสิว่าใครแจ้ง!” หลิ่วอิงโมโห เธอตบโต๊ะดังปัง “ลูกสาวฉันยังนอนอยู่โรงพยาบาลอยู่เลย ใครมันมาใส่ร้ายลูกสาวฉันแบบนี้!”หลินเฮิงชุยตอบ “เป็นการแจ้งเบาะแสแบบไม่เปิดเผยตัวตนครับ”“แ