“คุณหญิงกู้ ได้ยินมาว่าท่านชอบอัญมณี ตระกูลชู่ส่งต่างหูไข่มุกสีขาวอันล้ำค่ามาให้ คุณหญิงโปรดรับด้วยครับ!”“คุณหญิงกู้ พวกเราตระกูลหม่าก็ไม่มีทางพลาด พวกเราเตรียมมรกตสีเขียวมาเพื่อท่านโดยเฉพาะ!”หลินไห่เม่ยมองไปที่เหล่าชายกลางคนที่อยู่ข้างหน้าด้วยรอยยิ้มในดวงตา บรรยากาศนั้นรื่นรมย์ครึกครื้น พ่อบ้านรวบรวมของขวัญมาทีละชิ้น แล้วจดชื่อผู้มอบไว้พวกเขาไม่เพียงแต่ส่งของขวัญมาเท่านั้น ยังอวยพรให้กับคุณหญิงกู้ ต่างพยายามจะทำให้หญิงชราประทับใจพวกเขาหลาย ๆ คนทุ่มเทไปมากมายกับการที่จะหาของมีค่าเพื่อมาร่วมงานวันเกิดคุณหญิงกู้ ถ้าเกิดคุณหญิงกู้จำตนไม่ได้ คงน่าเสียดายแย่!เวลานี้มีคนทนไม่ไหวจึงถามออกไป “ได้ยินข่าวว่าตระกูลลู่จะมอบบัวหิมะที่มีอยู่หนึ่งเดียวในโลกให้กับคุณหญิงกู้เป็นเรื่องจริงเหรอ?”ทุกสายตาจับจ้องไปที่ผู้ชายคนนั้นชายคนนั้นอายุสามสิบกว่า ดูท่าทางซื่อ ๆ เมื่อถูกทุกคนมองมา เขาก็เกาหัวเพื่อแก้เขิน“เป็นความจริง บัวหิมะพันปีนั้นอยู่ในมือของตระกูลลู่! วันนี้พวกเราโชคดีจริง ๆ!” มีผู้หญิงตอบอย่างกระตือรือร้นหลินไห่เม่ยมองไปที่คน ๆ นั้น แล้วหรี่ตาลง ในมือถือไม้เท้าค้ำไว้ตระกูลลู
เมื่อลู่เจียวมองเข้าไปข้างในห้องอีกครั้ง แม้แต่หลินไห่เม่ยที่นั่งอยู่ก็ลุกขึ้นมาแต่ลู่เจียวรู้ดีว่าไม่ได้เพราะต้องการมาต้อนรับตนเอง แต่มารับบัวหิมะพันปีดอกนี้!ลู่เจียวกัดปาก เห็นได้ชัดว่าหลินไห่เม่ยนั้นสนใจบัวหิมะพันปีเป็นอย่างมากหากวันนี้เธอมอบบัวหิมะพันปีให้ คุณหญิงกู้ต้องมองเธอใหม่อย่างแน่นอน!แต่ถ้าคุณหญิงกู้รู้ว่าบัวหิมะพันปีที่เธอมอบให้เป็นของปลอม…ไม่ เธอจะไม่ให้คุณหญิงกู้รู้ว่าบัวหิมะพันปีนี้เป็นของปลอมเด็ดขาด!คิดถึงตรงนี้ ลูู่เจียวก็เชิดหน้าขึ้น สายตาเต็มไปด้วยความมั่นใจ“คุณย่ากู้!” ลู่เจียวยิ้มอย่างเป็นมิตรแล้วเดินไปหาหลินไห่เม่ยหลินไห่เม่ยจ้องมองลู่เจียว แต่ไม่ตอบอะไรไปลู่เจียวไม่ได้สนใจ เธอเดินไปหาหลินไห่เม่ย ยิ้มแล้วโค้งคำนับพร้อมกับอวยพร “คุณย่ากู้คะ สุขสันต์วันเกิดค่ะ ขอให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงและมีอายุยืนยาว!”เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่น่าฟัง เธอดูทำตัวดีและเชื่อฟังเมื่ออยู่ต่อหน้าหลินไห่เม่ยหลินไห่เม่ยพยักหน้าเบา ๆ “ขอบใจนะคุณลู่”“คุณย่าคะ นี่คือของขวัญที่หนูมอบให้!” ลู่เจียวส่งสายตาไปหาผู้ช่วย แล้วมองไปที่หลินไห่เม่ยอีกครั้ง ก่อนพูดเสียงหนักแน่น “บัวหิมะพ
ลู่เจียวที่กำลังจะเปิดกล่องบัวหิมะพันปีก็ต้องหยุดมือลงเธอมองแผ่นหลังของหลินไห่เม่ยที่รีบเดินไปที่ประตูด้วยความรู้สึกโมโหและกัดปากแน่นอย่างฉุนเฉียวฉู่เหมียนมีอะไรดีกัน? พอฉู่เหมียนมา แม้แต่บัวหิมะพันปีหลินไห่เม่ยก็ไม่สนใจแล้ว!ประตูในงานเลี้ยงถูกเปิดออกอย่างช้า ๆ ทุกสายตาจับจ้องไปที่ประตูทางเข้า เมื่อมองดูคนที่มาใหม่ ทุกคนต่างพากันหยุดหายใจและอ้าปากค้างด้วยความชื่นชมแม้แต่หลินไห่เม่ยก็ยังแสดงท่าทางประหลาดใจ แต่หลังจากนั้นก็ยิ้มเมื่อพูดถึงเรื่องความสวยงามและอลังการนั้น ไม่มีใครเทียบฉู่เหมียนได้!วันนี้ฉู่เหมียนสวมชุดเดรสหางปลาสีเงินคอวี ผมสีดำของเธอนั้นเกล้าไว้ดูเรียบร้อย ผิวของเธอขาวกระจ่าง เผยให้เห็นช่วงอกเล็กน้อยซึ่งชุดเดรสนั้นช่วยขับเน้นให้โดดเด่น นอกจากนั้นยังเน้นส่วนเว้าส่วนโค้งที่เซ็กซี่ ช่วงคอระหงและไหล่กลมมนใบหน้ารูปไข่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอย่างประณีต ทั้งริมฝีปากสีแดงและดวงตารูปอัลมอนด์มีเสน่ห์ เธอมีสง่าเจิดจ้าราวกับราชินีโจวซิ่วหยาที่รอรับแขกอยู่ด้านนอกก็เดินตามเข้ามาแล้วพูดขึ้น “กะแล้วว่าฉู่เหมียนของพวกเรานี่ใส่อะไรก็ดูดีไปหมด! ตายจริง
ต้วนจิ่นเหนียนหลีกเลี่ยงคำถามของคุณหญิงกู้ไม่ได้เลย เขาทำได้แค่เปลี่ยนเรื่องแล้วถาม “เหล่ากู้ยังไม่มาเหรอครับ?”“ยังไม่มา ไม่รู้ไปตายที่ไหน!” หลินไห่เม่ยกัดฟันพูดต้วนจิ่นเหนียน “…”ฉู่เหมียนเม้มปากและทำอะไรไม่ถูกภาพลักษณ์ของกู้ว่างเชินในสายตาของย่าเขานั้นจริง ๆ แล้วไม่ค่อยดีนักต้วนจิ่นเหนียนปรบมือและพ่อบ้านของเขาก็ก้าวออกมา “คุณย่าครับ นี่คือของขวัญที่ตระกูลต้วนเตรียมมาให้ครับ โปรดรับไว้ด้วยครับ“สิ่งที่ตระกูลต้วนส่งมาคือจี้หยกเจ้าแม่กวนอิมสีขาวที่แกะสลักด้วยมืออย่างประณีตของขวัญชิ้นนี้ส่องประกายเจิดจ้าอยู่ใต้แสงไฟ“คุณย่าครับ ขอให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง อายุยืนยาว มีความสุขมาก ๆ ขอให้พระโพธิสัตว์คุ้มครองนะครับ!” ต้วนจิ่นเหนียนมอบของให้ด้วยตนเองหลินไห่เม่ยชอบมาก เอ่ยชมไม่ขาดปากว่าเป็นของขวัญที่วิเศษมาก!เธอสุขภาพไม่ดี ของขวัญชิ้นนี้ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่มีคุณค่าทางจิตใจจริง ๆ“จี้เจ้าแม่กวนอิมเหรอ? ไม่ธรรมดาเลย!”“หยกดูแล้วพิเศษมากจริง ๆ!”“แต่ไม่ว่าหยกนี้จะยอดเยี่ยมมากแค่ไหนก็ไม่สามารถสู้บัวหิมะพันปีในคืนนี้ได้หรอก!”“ไม่ผิด บัวหิมะพันปีเป็นดาราสำคัญในคืนนี้! ตระกูลลู่ต
“พวกสมุนไพรที่มีค่ามากอาจจะคล้ายกัน พวกคุณบอกว่ามันเหมือนกับโสม แต่มันไม่เหมือนซะทีเดียวนะ!”“คุณดูตรงราก มันต่างจากโสมมากนะ ของอันนี้รากหนากว่า!”“บัวหิมะไม่ใช่บัวเหรอ? ฉันนึกว่าบัวหิมะพันปีเป็นบัวประเภทหนึ่ง…”ทุกคนแสดงความคิดเห็นกับสิ่งที่คล้ายโสมไม่หยุดฉู่เหมียนเม้มปาก มือหนึ่งข้างจับคางจากนั้นก็เลื่อนไปปิดครึ่งใบหน้า เธอพยายามห้ามตัวเองไม่ให้หัวเราะออกมานี่ใช่บัวหิมะพันปีที่ไหน? นี่ก็แค่โสมที่ถูกดัดแปลงมาไม่ใช่เหรอไง?แค่ทาสีโสมแล้วทำให้รากหนาขึ้น ทำให้มันดูแปลกตาไปลู่เจียวพูดโอ้อวดว่าตนเองนั้นได้บัวหิมะพันปีมา ที่แท้ก็ทำของปลอมขึ้นมาเท่านั้น!ในงานเลี้ยงวันเกิดใหญ่โตขนาดนี้ แถมยังเป็นงานของคุณย่ากู้ที่เป็นคนห่วงหน้าตาชื่อเสียงมาก ลู่เจียวกล้าทำแบบนี้ได้ยังไงกัน? หากมีคนเปิดเผยว่ามันเป็นของปลอม นอกจากจะทำให้ตระกูลลู่ขายหน้าแล้ว ยังกระทบชื่อเสียงคุณหญิงกู้อีกมอบของปลอมให้ คุณหญิงกู้จะไม่โมโหได้ยังไง?“ตระกูลลู่นี่สุดยอดจริง ๆ พวกเราหาบัวหิมะพันปีอย่างบ้าคลั่ง แต่กลับเอาชนะตระกูลลู่ไม่ได้!”“ใช่ ฉันจ่ายไปตั้งเป็นพันล้าน แต่ก็ไม่ได้มาครอง ตระกูลลู่มีเส้นสายใหญ่โตแน่น
“คุณลู่ ขอแอดเพื่อนในไลน์หน่อยได้ไหมครับ…?”“คุณลู่ คุณยังไม่มีแฟนใช่ไหม? เรามาทำความรู้จักกันสักหน่อยดีไหมครับ?”ลู่เจียวที่อยู่ท่ามกลางผู้คน หันไปมองฉู่เหมียนฉู่เหมียนถูกกันไว้อยู่นอกฝูงชน แต่ยังมีช่องว่างให้ทั้งสองคนยังเห็นกันอยู่ฉู่เหมียนมองเห็นลู่เจียวที่สายตาเต็มไปด้วยการเสียดสีและภูมิใจ ลู่เจียวกำลังยั่วยุเธออยู่คุณหญิงกู้สนใจเรื่องชื่อเสียงตัวเองมากและวันนี้ตระกูลลู่ได้ให้หน้ากับคุณหญิงกู้เสียมากมายคืนนี้คุณหญิงกู้มีความสุขเพราะลู่เจียว? แล้วฉู่เหมียนทำได้รึเปล่า?ท่ามกลางความวุ่นวาย จู่ ๆ ก็มีคนตะโกนขึ้นมา “แล้วคุณนายน้อยกู้ล่ะให้อะไร?”ผู้คนเงียบลงภายในเสี้ยววิ ทุกสายตาจับจ้องไปที่ฉู่เหมียนอย่างสงสัยใคร่รู้“พูดถูก!”“คุณชายต้วนเอาของขวัญมาแล้ว แล้วของขวัญจากคุณนายน้อยล่ะ?”“เมื่อกี้ฉันเหมือนจะเห็นว่าเธอมามือเปล่า ไม่ใช่ว่าเธอไม่ได้เตรียมของขวัญมาให้คุณหญิงกู้หรอกนะ?”“ถึงคุณหญิงกู้นั้นรักเธอมากแต่คงไม่สามารถมามือเปล่าได้นะ! ถึงเธอมามือเปล่าได้แล้วตระกูลฉู่ล่ะ? คนตระกูลฉู่ไม่มาแม้แต่คนเดียวเหรอ? นี่ไม่ได้แปลว่าไม่นับถือคุณหญิงกู้หรอกใช่ไหม?ฉู่เหมียนจ้องมองไป
คำพูดของฉู่เหมียน ทำให้ทุกคนต่างฮือฮาอย่างไม่พอใจ!“พูดบ้าอะไรกัน? บัวหิมะพันปีที่เป็นของขวัญของตระลู่แถมคุณหญิงกู้ก็ชื่นชมมัน! ทำไมถึงเป็นของปลอมได้?”“นั่นสิ! ทุกคนไม่เคยเห็นบัวหิมะพันปีมาก่อน คุณมีสิทธิ์อะไรมาพูดว่ามันเป็นของปลอม?!”“ตอนนี้ข้างนอกก็พูดกันว่าคุณเตรียมจะหย่ากับกู้ว่างเชิน! คงไม่ใช่ว่าวันนี้ตั้งใจมาก่อกวนใช่ไหม?”“ฉันก็ว่าอย่างนั้น คำอวยพรนั้นเป็นของปลอม ความแค้นนั้นก็มีอยู่จริง!”การตั้งคำถามและคำดูถูกของทุกคนทำให้ฉู่เหมียนกำหมัดแน่นหลินไห่เม่ยขมวดคิ้วแน่น จริง ๆ เธอไม่อยากให้งานเลี้ยงนี้เกิดข้อผิดพลาดแม้แต่น้อย!วันนี้คนที่มานั้นล้วนมีชื่อเสียง แล้วตอนนี้ยังถ่ายทอดสดอยู่!ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ไม่ใช่ว่าจะกลายเป็นเรื่องตลกให้ชาวบ้านหัวเราะเยาะหรอกเหรอ? แต่สิ่งที่คุณหญิงกู้ไม่รู้คือตอนนี้ในอินเทอร์เน็ตนั้นฮือฮาขึ้นมาอีกครั้ง“ลู่เจียวมอบของปลอมให้เหรอ?!”“นั่นคงไม่ใช่โสมปลอมหรอกใช่ไหม?!”“ตกลงบัวหิมะพันปีที่ตระกูลลู่มอบให้เป็นของจริงหรือของปลอมกันแน่?”ฉู่เหมียนมองไปที่หลินไห่เม่ย ในใจก็รู้สึกโกรธขึ้นมาเธอจะหย่ากับกู้ว่างเชินจริง ๆ แต่ไม่ได้จะปลุกปั
“อะไรนะ? ฉู่เหมียนเอาบัวหิมะพันปีของจริงมาได้เหรอ?”ลู่เจียวอดยืดตัวตรงไม่ได้ แล้วมองสถานการณ์ตรงหน้าอย่างจริงจังต้วนจิ่นเหนียนยืนกอดอก พิงขอบเวทีเพื่อมองดูการแสดงอย่างเพลิดเพลิน เขาคิดว่าเรื่องนี้มันน่าสนุกมาก!บัวหิมะพันปีนี่เป็นของจริงหรือของปลอมกันแน่?โม่อี้เดินมาที่ด้านหน้าของฉู่เหมียน แล้วพูดอย่างเคารพ “คุณฉู่ นี่คือบัวหิมะพันปีที่คุณต้องการ!”“วางลง” ฉู่เหมียนชี้ไปที่แท่นโม่อี้วางบัวหิมะพันปีไว้ข้าง ๆ บัวหิมะพันปีที่เป็นของปลอมที่ลู่เจียวเอามาอย่างมีเจตนาเมื่อเขาเปิดผ้าคลุมออกก็จะได้เห็นชัดเจนถึงความจริง!ฉู่เหมียนสีหน้าจริงจัง เธอพูดเสียงเข้มแฝงแววคำสั่ง “เปิดผ้าคลุม!”เมื่อได้ยินคำสั่ง โม่อี้ก็เอาผ้าคลุมกำมะหยี่สีดำออกไปทันใดนั้นบัวหิมะพันปีที่ระยิบระยับก็ปรากฏขึ้น!ทุกคนต่างอ้าปากค้างและเบิกตากว้างฉู่เหมียนออกแบบบรรจุภัณฑ์สุดพิเศษเพื่อบัวหิมะพันปี เธอวางบัวหิมะพันปีไว้บนแท่นหมุนได้โดยมีโดมแก้วใสครอบไว้บัวหิมะพันปีนั้นดูคล้ายกับดอกกุหลาบสีขาวหมุนช้า ๆ อย่างสง่างามอยู่บนแท่น มันดูล้ำค่าหายากมากแค่เห็นก็รู้ได้แล้วว่าเป็นสมบัติที่ประเมินค่าไม่ได้!เมื่อเทียบก
ฉู่เหมียนไปที่ฐาน M ในทันที เธอต้องการรู้ให้ได้เดี๋ยวนี้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวเรื่องลู่เจียวเธอทนไม่ได้กับความอับอาย แม้แต่นิดเดียวก็ทนไม่ได้!โม่อี้กำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาล เขาตรวจสอบทุกมุมแล้ว แต่ก็หาคนที่เข้าไปในห้องทำงานของผู้อำนวยการไม่พบ“ดูกล้องวงจรปิดตรงหน้าต่างซิ” ฉู่เหมียนสั่งโม่อี้เสียงเย็นโม่อี้หันไป ก็เห็นฉู่เหมียนยืนอยู่ข้างหลังเขา “หัวหน้า มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?”“เมื่อกี้” ฉู่เหมียนพูดเสียงแข็ง ชัดเจนว่ากำลังโกรธ คำสองคำนั้นเหมือนเค้นผ่านไรฟันออกมาโม่อี้กำลังตรวจสอบอย่างตั้งใจมาก จนไม่ได้สังเกตเห็นว่าเธอมาโม่อี้ร้อง “อืม” เสียงหนึ่ง รีบเปลี่ยนภาพกล้องวงจรปิดไม่ลืมเหลือบมองฉู่เหมียนอย่างระมัดระวังดูตรงหน้าต่าง… เดี๋ยวนะ“หน้าต่างโรงพยาบาลเหรอ?” โม่อี้เหยียดยิ้ม ดูเหมือนจะไม่เชื่อ “หัวหน้า นั่นมันชั้นที่สามสิบกว่านะ คนคนนั้นจะเข้ามาทางหน้าต่างเพื่อแจ้งเบาะแสเรื่องลู่เจียวเหรอ? บ้าไปแล้ว!”แล้วก็ไม่มีที่ให้เข้าไปด้วยนี่นา?“นอกหน้าต่างห้องทำงานของหลินเฉิงชุยมีระเบียง พอจะเข้าไปได้” ฉู่เหมียนคลายความสงสัยของเขาโม่อี้รีบตรวจสอบกล้องวงจรปิดในห
“ฉันไม่ได้แจ้งเบาะแสเกี่ยวกับน้องสาวคุณ เราไม่มีอะไรต้องคุยกัน” ฉู่เหมียนไม่อยากติดต่อกับคนตระกูลลู่“คุณฉู่ ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดี” ลู่อี้อธิบายฉู่เหมียนเงียบไปสามวินาที ก่อนจะเดินไปที่รถ “คุยกันตรงนี้แหละ”ลู่อี้คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้“ฉู่เหมียน ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ขัดสนเรื่องเงิน แต่บัตรใบนี้มีมูลค่าสองล้าน” ลู่อี้ยื่นบัตรเครดิตมาให้ฉู่เหมียนตกใจเมื่อเห็นบัตรเครดิตใบนี้เขาหมายความว่ายังไง?“ขอให้คุณใจดีกับน้องสาวผมด้วย” เขาจ้องฉู่เหมียน นัยยะคือ เรื่องนี้เป็นฝีมือคุณ รับเงินสองล้านนี้ไป แล้วจบเรื่องไปซะฉู่เหมียนหัวเราะเขาคิดจะใช้เงินฟาดหัวเธอ นี่ไม่ใช่การดูถูกเธอหรอกเหรอ?“คิดว่าเงินแค่สองล้านจะเปลี่ยนทัศนคติของฉันที่มีต่อน้องสาวคุณได้เหรอ?” ฉู่เหมียนหยิบบัตรเครดิตขึ้น พลางจ้องมองลู่อี้อย่างเยาะเย้ย “ฉันจ่ายให้คุณสองล้าน หวังว่าคุณจะไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าฉันอีก เป็นคุณจะรู้สึกยังไง?”“ฉู่เหมียน คุณไม่ยุติธรรมเลย! กล้าทำก็ต้องกล้ารับสิ!” ลู่อี้ขมวดคิ้ว คิดว่าฉู่เหมียนไม่เข้าใจเหตุผล“ฝ่ายที่ไม่ยุติธรรมคือตระกูลลู่ของคุณต่างหาก!” ฉู่เหมียนโยนบัตรเครดิตใส่ลู่อี้พวกเขาทั้งคร
ชูหลานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว เธอพูดว่า “ไม่มีเลย ตอนนั้นเลิกงานพอดี ฉันเลยเอาเอกสารมาให้ผู้อำนวยการ”ฉู่เหมียนเงียบไปสองสามนาที เธอมองวิดีโอในโทรศัพท์ สักพักก็คิดอะไรไม่ออก “ค่ะ”ถ้าไม่ใช่ชูหลานที่เอาเข้ามา งั้นจดหมายร้องเรียนที่ไม่ระบุชื่อนี่บินเข้ามาเองงั้นเหรอ?ไม่ไกลนัก หม่าจือหยางเดินเข้ามา เขามีสมุดประวัติการรักษาสองเล่มในมือ พูดพลางเดินเข้ามา “คุณหมอชู พรุ่งนี้ผมขอลาพักร้อนนะครับ”ชูหลานเหลือบมองหม่าจือหยาง หม่าจือหยางยื่นใบลาพักร้อนให้ชูหลาน“ค่ะ” ชูหลานตอบรับหม่าจือหยางมองฉู่เหมียน แล้วเลิกคิ้ว ก่อนจะหันหลังเดินจากไปฉู่เหมียนสังเกตเห็นใบลาพักร้อนในมือของชูหลาน นั่นเป็นลายมือของหม่าจือหยางแน่นอน“ลายมือรองผู้อำนวยการหม่า สวยดีนะคะ” ฉู่เหมียนพูด“ค่ะ ลายมือรองผู้อำนวยการหม่าอ่านง่ายดี หนักแน่นด้วย” ชูหลานเก็บใบลาพักร้อนไว้ฉู่เหมียนเหลือบมองอีกสองสามครั้ง แล้วก็ไปทำงานต่อแผนกฉุกเฉิน ฉู่เหมียนไปส่งเอกสาร กำลังจะจากไปก็ได้ยินเสียงคนเรียก “คุณหมอฉู่ มารับคนไข้เหรอคะ?”ฉู่เหมียนงง อะไรนะ?“มีคนไข้ของแผนกคุณอยู่ที่นี่พอดี อย่าลืมไปรับนะคะ” พยาบาลสาวเตือนฉู่เหมี
ฉู่เหมียน “…” ก็เธอไม่ใช่เหรอ?“ตำแหน่งของใครมีความขัดแย้งกับลู่เจียวมากที่สุด?”ฉู่เหมียน “…”แผนกศัลยกรรมหัวใจมีหมอสองคน ถ้าตำแหน่งเดียวกัน ก็คงเป็นฉันสินะฉู่เหมียน “คุณหมอหลิน อย่าเอาแต่วิเคราะห์เลยค่ะ” ขืนยังวิเคราะห์ต่อไป เดี๋ยวจะถูกตัดสินว่ามีความผิดเอาเสียเองทุกอย่างชี้ไปที่เธอ ยากจะแก้ตัวจริง ๆฉู่เหมียนเท้ามือลงบนโต๊ะ ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง “ขนาดวันหยุดสุดสัปดาห์ฉันยังนอนไม่หลับเลย”“งั้น… คุณพักร้อนสักสองสามวันไหมครับ?” หลินเฮิงชุยถามความเห็นของฉู่เหมียนอย่างระมัดระวังฉู่เหมียนตกใจ ทำไมล่ะ? ทำอย่างนั้นก็เหมือนกับตัวเองมีความผิดน่ะสิ!เธอไม่ทำอย่างนั้นหรอก ไม่เพียงแต่จะไม่พักร้อน แต่ยังจะปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนอย่างองอาจทุกวันอีกด้วยจดหมายแจ้งเบาะแสฉบับนี้ “จริง ๆ แล้ว คุณไม่ได้เป็นคนเขียนใช่ไหม?”หลินเฮิงชุยเองก็เริ่มสงสัยแล้วฉู่เหมียน “…” ฉู่เหมียนเริ่มปวดหัว“ฉันไปดูที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิดดีกว่า” ฉู่เหมียนยิ้มขณะที่กำลังพูด ประตูห้องทำงานก็ถูกเคาะ เป็นพนักงานผู้รับผิดชอบเรื่องนี้“ผลการตรวจสอบกล้องวงจรปิดออกแล้วเหรอครับ?” หลินเฮิงชุยสวมแว่น รู้สึกว่ามีหว
ขณะที่ฉู่เหมียนกำลังคิดไม่ตกว่าจะพูดอย่างไร เสียงแตกของแจกันที่ตกพื้นในห้องผู้ป่วยก็ดังขึ้น“กรี๊ดดด!”เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังแว่วแทรกเข้ามาในหูกู้ว่างเชินรีบเปิดประตูห้องผู้ป่วยเข้าไปทันที พบว่าผลไม้ถูกโยนมาตกอยู่ที่เท้าของเขากู้ว่างเชินเดินเข้าไปข้างใน ลู่เจียวกำลังนั่งอยู่บนเตียง ผมยุ่งเหยิง ดวงตาแดงก่ำ ดูเหมือนจะใกล้ถึงขีดสุดของความอดทนเมื่อลู่เจียวเห็นกู้ว่างเชิน เธอก็ร้องไห้จนพูดไม่ออก จบแล้ว จบสิ้นแล้วจริง ๆกู้ว่างเชินไม่ยอมรับตัวตนของเธอ ตอนนี้อาชีพที่เธอภาคภูมิใจที่สุดก็หายวับไปแล้ว!เธอจะทำอย่างไรดี?กู้ว่างเชินขมวดคิ้ว ลู่เจียวดูโทรมลงทุกวัน ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เธอต้องมีปัญหาแน่ กู้ว่างเชินเก็บของที่ตกอยู่บนพื้น ลู่เจียวก็โยนลงไปอีกกู้ว่างเชินไม่พูดอะไร แค่คอย ๆ เก็บขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งลู่เจียวเหนื่อยที่จะโยน เธอหยุดโยนแล้วเอาแต่ร้องไห้กู้ว่างเชินรู้สึกอึดอัดใจ เดินเข้าไปลูบหัวลู่เจียวเพื่อปลอบโยน เมื่อเห็นเช่นนั้น ลู่เจียวก็ร้องไห้หนักกว่าเดิมเธอลุกขึ้นคุกเข่าแล้วโอบกอดกู้ว่างเชินไว้ ดูเหมือนว่ามีเพียงกู้ว่างเชินเท่
ฉู่เหมียนตกใจ ร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ? ถึงกับต้องฉีดยา!“ใช่ค่ะ ตอนนี้คุณกู้กำลังรออยู่หน้าห้อง เป็นห่วงเจียวเจียวมาก” ซางหานถอนหายใจพอพูดถึงเรื่องนี้ ทุกคนต่างก็คิดว่าฉู่เหมียนแพ้แบบไม่ยุติธรรม!ทุกอย่างของฉู่เหมียนดีกว่าลู่เจียว แต่กลับแพ้ในเรื่องของกู้ว่างเชินฉู่เหมียนกัดริมฝีปาก ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วลุกขึ้น “ฉันจะไปดูหน่อย”“อย่าไปเลยค่ะ ถ้าเจียวเจียวตื่นขึ้นมา ไม่รู้ว่าเธอจะด่าคุณยังไงบ้าง พยาบาลบอกว่าตอนที่เธอกำลังใจเสีย เธอพูดว่า...” พูดมาถึงตรงนี้ ซางหานก็เงียบไปฉู่เหมียนไม่เข้าใจ พูดว่าอะไรล่ะ?ซางหานเกาหัว ดูเหมือนไม่อยากจะเล่าต่อฉู่เหมียนยิ้ม “พูดมาเถอะ ไม่เป็นไรหรอก”คำพูดที่ออกมาจากปากของลู่เจียวเจียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเกี่ยวกับเธอ…ฉู่เหมียน คงไม่ใช่เรื่องดีแน่“ลู่เจียวบอกว่า เธอจะฆ่าคุณซะ...” ซางหานพูดฉู่เหมียนเม้มปาก เป็นอย่างที่คิดไว้จริงด้วย“เพราะงั้นคุณหมอฉู่ ตอนนี้คุณต้องระวังตัวตอนอยู่ในโรงพยาบาลนะคะ เพราะทุกคนต่างก็คิดว่าคุณเป็นคนแอบเขียนจดหมายร้องเรียน” ซางหานเตือนฉู่เหมียนฉู่เหมียนพยักหน้า ลูบหัวซางหาน “ได้ พี่รู้แล้ว ไปทำงานเถอะ!”“
ร่างกายของฉู่เหมียนเบี่ยงหลบทัน ทำให้มือของหลิ่วอิงพลาดเป้าหลิ่วอิงขมวดคิ้ว “แกยังกล้าหลบอีกเหรอ?”“พ่อแม่ฉันยังไม่เคยกล้าตีฉันเลยสักครั้ง คุณเป็นใครกันถึงมาทำแบบนี้?” ฉู่เหมียนถามหลิ่วอิงอย่างท้าทายหลิ่วอิงอึ้งไปชั่วขณะ เธอจ้องฉู่เหมียนด้วยความโกรธจนแทบจะระเบิดออกมา“ถ้าฉันมีลูกสาวอย่างแก ฉันจะ...” หลิ่วอิงชี้ไปที่ฉู่เหมียน ร่างกายสั่นเทาด้วยความโกรธฉู่เหมียนยิ้ม “โชคดีที่ฉันไม่ใช่ลูกสาวของคุณ และคุณก็ไม่มีลูกอย่างฉัน”พูดตามตรง ถ้าเธอมีแม่แบบหลิ่วอิง เธอก็อยากจะกระโดดตึกตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด!“นี่แก! นังตัวแสบ!” หลิ่วอิงโมโหจนสติแตกลู่อี้ที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่เงียบ ๆ อดรู้สึกไม่ได้ว่าฉู่เหมียนกับแม่ของเขาไม่เพียงแต่หน้าตาคล้ายกันแต่กระทั่งนิสัยที่ดื้อรั้นก้าวร้าวก็เหมือนกันอย่างน่าประหลาดลู่อี้กลืนน้ำลายลงคอ แล้วก็เห็นฉู่เหมียนเดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมาหลิ่วอิงที่โกรธจนหน้ามืดก็หันหลังกลับมุ่งหน้าสู่ห้องประชุมทันที เห็นว่าทั้งสองคนดูเหมือนจะเจรจาเข้าใจกันเป็นอย่างดีลู่อี้อดไม่ได้ที่จะดึงแขนหลิ่วอิงไว้ แล้วถามขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว “แม่ครับ แม่ไม่คิดว่า เ
ปัญหาอยู่ที่ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวนี้ นี่มันทำลายอนาคตของลู่เจียวชัด ๆ“งั้นบอกมาสิ ถ้าไม่ใช่เธอ แล้วจะเป็นใคร?” หลิ่วอิงหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ สำหรับแม่คนหนึ่ง อนาคตของลูกสาวถูกทำลาย มันเจ็บปวดกว่าการตายเสียอีก เธอรู้สึกผิดที่ปกป้องลู่เจียวไม่ได้ รู้สึกว่าในเมื่อลู่เจียวทุกข์ เธอก็ทุกข์เหมือนกัน…“ใครจะไปรู้ว่าลูกสาวคุณเมาแล้วพูดอะไรออกมาบ้าง สรุปแล้ว…” ฉู่เหมียนเดินไปหาหลินเฮิงชุย เธอยกจดหมายไม่เปิดเผยตัวตนขึ้นมาดู “คุณหมอคะ ฉันมาเพื่อชี้แจงว่าจดหมายฉบับนี้ไม่ใช่ฉันที่เป็นคนเขียน”“ถ้าคุณหมอจะสอบสวน ฉันจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่” ฉู่เหมียนไม่กลัว เธอไม่ได้เขียน ก็คือไม่ใช่เธอเขียน เธอเกลียดลู่เจียวมาก แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยคิดจะทำร้ายลู่เจียว ใช่ว่าเธอไม่สู้คน เพราะเธอสู้ได้มากกว่าใคร แต่เพราะลู่เจียวเป็นคนที่กู้ว่างเชินรัก เธอจึงอดทนมาตลอด แต่ถ้าตระกูลลู่มาใส่ร้ายเธอ ฉู่เหมียนจะไม่ยอมอดทนอีกต่อไป“ได้ครับ ฉู่เหมียน ผมเข้าใจแล้ว” หลินเฮิงชุยตอบกลับอย่างจริงจังหลิ่วอิงยังคงไม่พอใจ “คุณหมอคะ ลูกสาวฉันถูกพักงานใช่ไหม? ฉันต้องการให้เธอโดนพักงานด้วย!”เมื่อได้ยินคำพูดนั้
ห้องประชุมโรงพยาบาล ตรงข้ามคุณหมอหลินเฮิงชุ่ยนั่งกันอยู่สามคน คือพ่อและหลิ่วอิง และลู่อี้ที่มาร่วมประชุมสายเห็นได้ชัดว่าเรื่องของลู่เจียวเป็นเรื่องใหญ่สำหรับตระกูลลู่ ถึงกับทำให้ทั้งสามคนต้องมาโรงพยาบาลกันพร้อมหน้าหลินเฮิงชุยพลิกดูประวัติการศึกษาของลู่เจียวแล้วมองทั้งสามคนอย่างมีนัยยะสำคัญ“คุณลู่… ประวัติการศึกษาของลูกสาวคุณ…” หลินเฮิงชุยพูดขึ้นมาหลิ่วอิงรีบพูดแทรกขึ้นมาทันที “ประวัติการศึกษาของลูกสาวฉันถูกต้อง ไม่มีการปลอมแปลงแม้แต่น้อย!”“ใช่ครับ แต่ตอนนี้มีคนแจ้งว่าคุณลู่เจียวได้เข้าเรียนคณะแพทย์โดยการแย่งโควตาของคนอื่น” หลินเฮิงชุยพูดด้วยสีหน้าซับซ้อน การแย่งโควตาเรียนถือเป็นเรื่องใหญ่ เทียบได้กับคดีอาชญากรรม“ใครเป็นคนแจ้ง?” ลู่อวี้เหิงหน้าตาเปลี่ยนไปทันที “นี่มันใส่ร้ายลูกสาวผมชัด ๆ!”หลินเฮิงชุยรีบพูดขึ้นมา “คุณลู่ครับ อย่าเพิ่งใจร้อนนะครับ ตอนนี้เรากำลังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมหลักฐานอยู่”“บอกมาสิว่าใครแจ้ง!” หลิ่วอิงโมโห เธอตบโต๊ะดังปัง “ลูกสาวฉันยังนอนอยู่โรงพยาบาลอยู่เลย ใครมันมาใส่ร้ายลูกสาวฉันแบบนี้!”หลินเฮิงชุยตอบ “เป็นการแจ้งเบาะแสแบบไม่เปิดเผยตัวตนครับ”“แ