กู้ว่างเชินมองชื่อของฉู่เหมียนด้วยสายตาที่ซับซ้อนเขาเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ฉู่เหมียน ดูเหมือนจะมีบางอย่างขวางกั้นระหว่างคนทั้งสอง จนทำให้มองไม่ให้เห็นตัวตนที่แท้จริงของเธออีกต่อไป กู้ว่างเชินหยิบปากกาออกมาจากกระเป๋าเขากดทับใบขอหย่าในมือ บรรยากาศรอบตัวเขาก็กดดันมากจนดูเหมือนจะกลืนกินเขาลงไปเห็นได้ชัดว่าเขาคือคนหนึ่งที่ต้องการหย่าร้างมากที่สุด แต่พอวันนั้นมาถึง เขากลับเป็นคนที่มีความสุขน้อยที่สุด!กู้ว่างเชินกำปากกาแน่น เขาขมวดคิ้วและก้มศีรษะลง “ฉู่เหมียน เธอคิดดีหรือยัง?”ดูเหมือนเขาจะหาทางลงให้กับเธอ และดูเหมือนว่าเขาจะให้โอกาสเธอยังไงอย่างงั้นเขากำลังรอ รอให้ฉู่เหมียนบอกว่าเธอไม่ยอม และจะต้องทำให้เขาตกหลุมรักเธอให้ได้แต่เขาก็รอเก้อ ฉู่เหมียนตอบอย่างไม่ลังเล “ฉันคิดดีแล้ว”กู้ว่างเชินกลืนน้ำลาย ความโกรธพุ่งเข้ามาในหัวใจของเขาครู่หนึ่ง เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขากลับรู้สึกโกรธอย่างอธิบายไม่ถูกวินาทีต่อมา เขาเซ็นชื่อลงบนกระดาษอย่างแรง เสียงกริ๊กดังขึ้น เมื่อเขาปิดปากกา “เรียบร้อย เดือนหน้าค่อยกลับมาอีกครั้งนะคะ” เจ้าหน้าที่เตือนทั้งสองคน “ถ้าผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว
“อืม” ฉู่เหมียนรวบผมขึ้น แล้วคาดแว่นกันแดดไว้บนผมอย่างสบาย ๆฉู่เหมียนกำลังจะสั่งอาหาร แต่จู่ ๆ ก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ ก่อนจะถามกู้ว่างเชินว่า “อดีตสามี คุณเลี้ยงใช่ไหม?”กู้ว่างเชินยกมือกุมขมับแล้วพูดว่า “อืม”ฉู่เหมียนสั่งเมนูแนะนำมาทั้งหมดอย่างไม่เกรงใจ “สั่งสิ” ฉู่เหมียนผลักเมนูไปที่กู่ว่างเชินกู้ว่างเชินดูโทรศัพท์ และพูดขึ้นอย่างเรียบนิ่ง “เธอจะสั่งอาหารเด็กให้ฉันไม่ใช่เหรอ?”“ฉันล้อเล่นน่ะ” ฉู่เหมียนยิ้มเขาเหลือบมองฉู่เหมียนแล้วพูดว่า “ฉันอะไรก็ได้”ฉู่เหมียนสั่งอาหารไม่เผ็ดให้เขาระหว่างรออาหาร กู้ว่างเชินก็ยังคงดูโทรศัพท์ฉู่เหมียนนั่งอยู่ข้างหน้าเขาและมองเขาต่อไปไม่รู้ว่าสายตาของเธอมันร้อนแรงเกินไปหรือเปล่า จนทำให้กู้ว่างเชินต้องเงยหน้าขึ้นในดวงตาของเขามีความสงสัยเล็กน้อยฉู่เหมียนหยิบถ้วยขึ้นมาจิบเธอแค่รู้สึกว่า วันนี้มันไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกเศร้าเลยเธอเคยคิดว่าถ้าหากวันหนึ่งต้องหย่ากับกู้ว่างเชิน เธอจะต้องอยู่ไม่ได้อย่างแน่นอนแต่เปล่าเลยตรงกันข้าม มันกลับทำให้เธอโล่งใจ จนรู้สึกว่าการที่ไม่ได้เป็นสามีภรรยากัน มันทำให้การอยู่ร่วมกันสบายใจกว่าเดิม“นา
ฉู่เหมียนมองตาเขาแล้วอยากบอกเขาว่าที่เธอไม่กล้าว่ายน้ำอีกต่อไป นั่นเป็นเพราะเธอเคยช่วยเขาเอาไว้แต่หลังจากได้ยินคำตอบของเขา เธอก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ และกลืนทุกสิ่งที่เธอต้องการจะพูดกลับลงไปฉู่เหมียนก้มศีรษะลง นั่งกินอาหารเงียบ ๆ โดยไม่พูดอะไรอีกอาหารเสฉวนรสเผ็ดมากกู้ว่างเชินจ้องที่เธอ รู้สึกอยู่เสมอว่าเธอมีบางอย่างที่อยากจะพูด แต่สุดท้ายกลับเงียบติ๊งจู่ ๆ โทรศัพท์มือถือของกู้ว่างเชินก็ดังขึ้นเมื่อเห็นหมายเลขผู้โทรเข้า กู้ว่างเชินก็กดวางสายไปทันทีแต่พอกดวางสายเธอก็โทรเข้ามาอีก หลังจากที่กู้ว่างเชินกดวางสายไปหลายครั้ง เขาก็ปิดเสียงโทรศัพท์ทันทีฉู่เหมียนอดไม่ได้ที่จะมองเขา และนึกถึงข่าวที่เห็นในโทรศัพท์ตอนเธอไปรับบัตรประจำตัว ลู่เจียวเปียกฝนบนถนนวงแหวนเมื่อคืนนี้“นายทะเลาะกับลู่เจียวเหรอ?” ฉู่เหมียนไม่อยากยุ่ง เธอแค่ถามแก้เบื่อเฉย ๆ “อืม” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“อย่าอารมณ์ร้ายนักสิ ยังไงลู่เจียวก็เป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็ก ๆ” ฉู่เหมียนพูดอย่างเบา ๆกู้ว่างเชินอดไม่ได้ที่จะมองเธอ “เธอกำลังสอนฉันเรื่องความรัก?”“ไม่กล้า ไม่กล้า” ฉู่เหมียนโบกมือแล้วจิบน้ำ“ฉันรู้แล
กู้ว่างเชินขมวดคิ้ว ร้องไห้ทั้งคืน? ที่นี่เหรอ? เธอน่ะเหรอ?เจ้าของร้านลูบคลำคางคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดด้วยความประหลาดใจ “โอ้ใช่แล้ว! นักเรียนแพทย์ใช่หรือเปล่า?”ฉู่เหมียนไอเบา ๆ และพูดด้วยรอยยิ้ม “เถ้าแก่คงจำผิดคนแล้วล่ะค่ะ มันไม่มีเรื่องแบบนั้น ฉันเพิ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรก”เธอไม่มีทางยอมรับเด็ดขาดว่าเธอเป็นคนโง่ที่ถูกกู้ว่างเชินเบี้ยวนัดในปีนั้น เลยมากินอาหารเสฉวนด้วยความโศกเศร้าเธอเสียใจมากเพราะกู้ว่างเชินให้สัญญาว่าจะมากินอาหารเสฉวนกับเธอ และเธอก็ตั้งตารอคอยมาตั้งนาน แต่เมื่อถึงวันนัด ลู่เจียวแค่โทรมาเขา เขาก็รีบไปหาเธอทันทีฉู่เหมียนไม่อยากคิดถึงความทรงจำเหล่านั้นอีกเลยในชีวิตนี้!และสิ่งที่น่าหงุดหงิดที่สุดคือ เมื่อคุณไม่อยากนึกถึงมันอีก แต่กลับมีคนช่วยให้คุณจดจำมันเดิมทีกู้ว่างเชินสงสัยว่าคนนั้นคือฉู่เหมียนหรือเปล่า แต่เมื่อเธอบอกว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอมาที่นี่ เขาก็รู้ทันทีคนที่เจ้าของร้านพูดถึงก็คือเธอ“ทั้งสองท่านเป็นสามีภรรยากันใช่ไหมคะ?” เจ้าของร้านถามด้วยรอยยิ้มฉู่เหมียนและกู้ว่างเชินมองหน้ากัน แต่พวกเขากลับตอบคำถามไม่เหมือนกันฉู่เหมียน “ไม่ใช่”กู้ว่
ฉู่เหมียนกำลังหยิบไก่รสเผ็ดชิ้นหนึ่งเข้าปาก เมื่อได้ยินกู้ว่างเชินพูดแบบนั้นก็ถลึงตาใส่เขาทันที “เปล่า!”กู้ว่างเชินยิ้ม “ฉู่เหมียน คิดว่าฉันไม่รู้จักเธอหรือไง?”“นายจะรู้บ้าอะไร” ฉู่เหมียนโต้กลับเขาอย่างดุร้ายกู้ว่างเชินยกมุมปากพลางหัวเราะ และไม่ได้พูดอะไร“ไม่ใช่เพราะคุณ อย่าคิดเข้าข้างตัวเอง ฉันเคยมาที่นี่หลายครั้ง บางครั้งก็มากับเสิ่นเหรา!”ฉู่เหมียนถลึงตาใส่เขา แต่ยิ่งแก้ตัวก็ยิ่งแย่“เสิ่นเหรามาจากมหาลัยสื่อสารมวลชน ซึ่งไม่มีมหาลัยสื่อสารมวลชนอยู่ใกล้ ๆ เลย” กู้ว่างเชินวางตะเกียบลง เขากินเสร็จแล้วจู่ ๆ ฉู่เหมียนก็รู้สึกไม่พอใจ ทำไมเธอต้องวิ่งมาร้องไห้ที่นี่ด้วย“เป็นเพราะฉันเผ็ดต่างหาก ไม่ได้ร้องไห้” ฉู่เหมียนยังคงหาข้อแก้ตัวให้กับตัวเองกู้ว่างเชินเพียงแค่ยิ้มเบา ๆ และไม่พูดอะไรกู้ว่างเชินมองโทรศัพท์และเห็นว่าลู่เจียวส่งข้อความมามากมายลู่เจียว : “อาเชิน ฉันผิดไปแล้ว ยกโทษให้ฉันได้ไหม?”ลู่เจียว : “อย่าเมินฉันเลย ฉันกลัวจริง ๆ อาเชิน ฉันต้องทำยังไงคุณถึงจะยอมยกโทษให้ฉัน?”ลู่เจียว : “อาเชิน ฉันไปหาคุณได้ไหม?”ลู่เจียว : “อาเชิน ฉันจะรอคุณที่วิลล่าจนกว่าจะได้พบ
ในโรงพยาบาล หลินไห่เม่ยดูข่าวบนโทรศัพท์ด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้งทันทีที่ฉู่เหมียนและกู้ว่างเชินลงนามหย่า เธอก็ได้รับโทรศัพท์จากสำนักงานเขตแล้วสายลับของเธอบอกเธอว่าฉู่เหมียนและกู้ว่างเชินมาทำเรื่องหย่าหลินไห่เม่ยรู้สึกเศร้า และเธอก็รู้สึกเสียใจต่อฉู่เหมียนมาก เมื่อคิดว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาฉู่เหมียนไม่ได้รับความสุขใด ๆ เลยจากตระกู้ และตอนนี้เธอยังต้องจากไปอย่างอัปยศอดสูเช่นนี้เฮ้อ!หลินไห่เม่ยถอนหายใจโจวซิ่วหยาปลอบเธอ “คุณแม่ อย่าเศร้าไปเลยนะคะ”“จะไม่ให้เศร้าได้ยังไง?” ดวงตาของหลินไห่เม่ยสีแดงเล็กน้อย แต่น้ำเสียงของเธอยังคงสงบและอ่อนโยนโจวซิ่วหยาไม่รู้จะพูดอะไร เพราะเธอเองก็ยังรู้สึกเศร้าเช่นกันโจวซิ่วหยาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เปิดเวยป๋อและส่งอิโมจิหลายอันไปให้กู้ว่างเชินกู้ว่างเชินกำลังประชุมในบริษัท และได้รับข้อความจากโจวซิ่วหยาโจวซิ่วหยา : [[รูป] มีดทำครัว]โจวซิ่วหยา : [[รูป] ระเบิด]โจวซิ่วหยา : [[รูป] ก้อนอึ]กู้ว่างเชิน : “...”เด็กน้อยจริง ๆอี้เซินอดไม่ได้ที่จะยิ้มเมื่อเห็นข้อความแล้วจึงเดินออกไปทันทีที่เดินออกไปก็ได้รับข้อความจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภ
บนยอดเขาเขามังกรพัน ฝูงชนรวมตัวกันดูครึกครื้นเป็นพิเศษ ฉู่เหมียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น ขณะที่มองดูวงแหวนของป่าและถนนลาดยางด้านล่าง“อยากเล่นด้วยสักเกมไหม?” เสียงของเสิ่นเหราดังเข้ามาในหูฉู่เหมียนหันศรีษะ เสิ่นเหราแต่งกายด้วยชุดสีดำ เธอสวมหน้ากากและสวมหมวก ดูเป็นคนธรรมดา“รู้ใจฉันจริง ๆ เสิ่นเหรา!” ฉู่เหมียนกล่าวด้วยรอยยิ้มคืนนี้เธอสวมเสื้อครอปสีดำและกางเกงกระโปรง ผมลอนของเธอแผ่กระจายที่แผ่นหลัง การแต่งหน้าอันละเอียดอ่อนของเธอ ทำให้ใคร ๆ ก็สามารถบอกได้ทันทีว่าเธอคือสาวฮอต“ถ้าอย่างนั้นก็ไปเล่นเถอะ แต่ระวังความปลอดภัยด้วยล่ะ” เสิ่นเหราชี้ไปที่จุดลงทะเบียนที่อยู่ด้านข้างฉู่เหมียนลังเลใจ “ฉันไม่ได้ลงสนามนานแล้ว”“กลัวแพ้?” เสิ่นเหรายิ้มฉู่เหมียนยิ้มสดใสยิ่งกว่าเสิ่นเหรา “กลัวว่าพวกมือสมัครเล่นเหล่านี้จะเป็นโรคซึมเศร้าที่แพ้ให้กับคนที่ไม่ได้ลงสนามมาหลายปีแล้วอย่างฉันน่ะ”อย่างเธอเหรอจะกลัวแพ้ “ให้ตายเถอะ” เสิ่นเหราถูไถแขนของฉู่เหมียน และไม่ลืมที่จะถามเธอว่า “อีกหนึ่งเดือนเธอจะไม่เสียใจใช่ไหม?”“เธอพูดว่าอะไรนะ?” ฉู่เหมียนโน้มตัวไปทางเสิ่นเหราแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินเส
“คิดว่าตัวเองใหญ่มาจากไหน” ชายคนนั้นยิ้มเยาะ หันหลังกลับและพูดอย่างประชดประชันว่า “ลับลังไม่รู้ว่าผ่านผู้ชายมากี่คน...เหอะ!”ฉู่เหมียนคว้าคอเสื้อของชายคนนั้นแล้วพูดเสียงแข็ง “ขอโทษเพื่อนของฉันซะ”“ถ้าฉันไม่ขอโทษแล้วเธอจะทำอะไรฉันได้?” ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นและยั่วยุอย่างไม่ใส่ใจฉู่เหมียนจับคอเสื้อของเขาแน่นขึ้น และชายคนนั้นก็พูดอย่างเหน็บแนมว่า “โย่ โย่ โย่ เป็นแค่ผู้หญิงจะมีแรงแค่ไหนกันเชียว”โม่อี้กระแอมไอเบา ๆ และพูดกับฉู่เหมียน “หัวหน้า คนนี้คือผู้เล่นจากทีมนักแข่งนอกสนามที่จะแข่งขันในวันนี้”“เขาน่ะเหรอ?” ฉู่เหมียนมองชายคนนั้นขึ้นลง ก่อนจะยิ้มเยอะแล้วพูดเสียดแทง “เขาแข่งไม่ชนะฉันหรอก”เมื่อชายคนนั้นได้ยินแบบนั้น ใบหน้าของเขาก็มืดลงเธอสามารถดูถูกเขาได้ทุกเรื่อง แต่มาดูถูกทักษะของเขา เขาจะทนได้อย่างไร?“อวดดีอะไร ถ้าแน่จริงก็มาแข่งกัน!”ฉู่เหมียนยิ้มและถามเสียงเรียบ “แน่ใจเหรอ?”“อะไรวะ” ชายคนนั้นถึงกับอึ้งไปชั่วขณะเมื่อถูกถามกลับเพราะสีหน้าและน้ำเสียงที่ไม่แยแสของฉู่เหมียนนั้นหยิ่งผยองเกินไป ราวกับว่าเธอเป็นยอดฝีมือที่ไม่มีใครเทียบได้รอบข้างเงียบลงชั่วครู่จากนั้นก็ม
ฉู่เหมียนไปที่ฐาน M ในทันที เธอต้องการรู้ให้ได้เดี๋ยวนี้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวเรื่องลู่เจียวเธอทนไม่ได้กับความอับอาย แม้แต่นิดเดียวก็ทนไม่ได้!โม่อี้กำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาล เขาตรวจสอบทุกมุมแล้ว แต่ก็หาคนที่เข้าไปในห้องทำงานของผู้อำนวยการไม่พบ“ดูกล้องวงจรปิดตรงหน้าต่างซิ” ฉู่เหมียนสั่งโม่อี้เสียงเย็นโม่อี้หันไป ก็เห็นฉู่เหมียนยืนอยู่ข้างหลังเขา “หัวหน้า มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?”“เมื่อกี้” ฉู่เหมียนพูดเสียงแข็ง ชัดเจนว่ากำลังโกรธ คำสองคำนั้นเหมือนเค้นผ่านไรฟันออกมาโม่อี้กำลังตรวจสอบอย่างตั้งใจมาก จนไม่ได้สังเกตเห็นว่าเธอมาโม่อี้ร้อง “อืม” เสียงหนึ่ง รีบเปลี่ยนภาพกล้องวงจรปิดไม่ลืมเหลือบมองฉู่เหมียนอย่างระมัดระวังดูตรงหน้าต่าง… เดี๋ยวนะ“หน้าต่างโรงพยาบาลเหรอ?” โม่อี้เหยียดยิ้ม ดูเหมือนจะไม่เชื่อ “หัวหน้า นั่นมันชั้นที่สามสิบกว่านะ คนคนนั้นจะเข้ามาทางหน้าต่างเพื่อแจ้งเบาะแสเรื่องลู่เจียวเหรอ? บ้าไปแล้ว!”แล้วก็ไม่มีที่ให้เข้าไปด้วยนี่นา?“นอกหน้าต่างห้องทำงานของหลินเฉิงชุยมีระเบียง พอจะเข้าไปได้” ฉู่เหมียนคลายความสงสัยของเขาโม่อี้รีบตรวจสอบกล้องวงจรปิดในห
“ฉันไม่ได้แจ้งเบาะแสเกี่ยวกับน้องสาวคุณ เราไม่มีอะไรต้องคุยกัน” ฉู่เหมียนไม่อยากติดต่อกับคนตระกูลลู่“คุณฉู่ ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดี” ลู่อี้อธิบายฉู่เหมียนเงียบไปสามวินาที ก่อนจะเดินไปที่รถ “คุยกันตรงนี้แหละ”ลู่อี้คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้“ฉู่เหมียน ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ขัดสนเรื่องเงิน แต่บัตรใบนี้มีมูลค่าสองล้าน” ลู่อี้ยื่นบัตรเครดิตมาให้ฉู่เหมียนตกใจเมื่อเห็นบัตรเครดิตใบนี้เขาหมายความว่ายังไง?“ขอให้คุณใจดีกับน้องสาวผมด้วย” เขาจ้องฉู่เหมียน นัยยะคือ เรื่องนี้เป็นฝีมือคุณ รับเงินสองล้านนี้ไป แล้วจบเรื่องไปซะฉู่เหมียนหัวเราะเขาคิดจะใช้เงินฟาดหัวเธอ นี่ไม่ใช่การดูถูกเธอหรอกเหรอ?“คิดว่าเงินแค่สองล้านจะเปลี่ยนทัศนคติของฉันที่มีต่อน้องสาวคุณได้เหรอ?” ฉู่เหมียนหยิบบัตรเครดิตขึ้น พลางจ้องมองลู่อี้อย่างเยาะเย้ย “ฉันจ่ายให้คุณสองล้าน หวังว่าคุณจะไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าฉันอีก เป็นคุณจะรู้สึกยังไง?”“ฉู่เหมียน คุณไม่ยุติธรรมเลย! กล้าทำก็ต้องกล้ารับสิ!” ลู่อี้ขมวดคิ้ว คิดว่าฉู่เหมียนไม่เข้าใจเหตุผล“ฝ่ายที่ไม่ยุติธรรมคือตระกูลลู่ของคุณต่างหาก!” ฉู่เหมียนโยนบัตรเครดิตใส่ลู่อี้พวกเขาทั้งคร
ชูหลานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว เธอพูดว่า “ไม่มีเลย ตอนนั้นเลิกงานพอดี ฉันเลยเอาเอกสารมาให้ผู้อำนวยการ”ฉู่เหมียนเงียบไปสองสามนาที เธอมองวิดีโอในโทรศัพท์ สักพักก็คิดอะไรไม่ออก “ค่ะ”ถ้าไม่ใช่ชูหลานที่เอาเข้ามา งั้นจดหมายร้องเรียนที่ไม่ระบุชื่อนี่บินเข้ามาเองงั้นเหรอ?ไม่ไกลนัก หม่าจือหยางเดินเข้ามา เขามีสมุดประวัติการรักษาสองเล่มในมือ พูดพลางเดินเข้ามา “คุณหมอชู พรุ่งนี้ผมขอลาพักร้อนนะครับ”ชูหลานเหลือบมองหม่าจือหยาง หม่าจือหยางยื่นใบลาพักร้อนให้ชูหลาน“ค่ะ” ชูหลานตอบรับหม่าจือหยางมองฉู่เหมียน แล้วเลิกคิ้ว ก่อนจะหันหลังเดินจากไปฉู่เหมียนสังเกตเห็นใบลาพักร้อนในมือของชูหลาน นั่นเป็นลายมือของหม่าจือหยางแน่นอน“ลายมือรองผู้อำนวยการหม่า สวยดีนะคะ” ฉู่เหมียนพูด“ค่ะ ลายมือรองผู้อำนวยการหม่าอ่านง่ายดี หนักแน่นด้วย” ชูหลานเก็บใบลาพักร้อนไว้ฉู่เหมียนเหลือบมองอีกสองสามครั้ง แล้วก็ไปทำงานต่อแผนกฉุกเฉิน ฉู่เหมียนไปส่งเอกสาร กำลังจะจากไปก็ได้ยินเสียงคนเรียก “คุณหมอฉู่ มารับคนไข้เหรอคะ?”ฉู่เหมียนงง อะไรนะ?“มีคนไข้ของแผนกคุณอยู่ที่นี่พอดี อย่าลืมไปรับนะคะ” พยาบาลสาวเตือนฉู่เหมี
ฉู่เหมียน “…” ก็เธอไม่ใช่เหรอ?“ตำแหน่งของใครมีความขัดแย้งกับลู่เจียวมากที่สุด?”ฉู่เหมียน “…”แผนกศัลยกรรมหัวใจมีหมอสองคน ถ้าตำแหน่งเดียวกัน ก็คงเป็นฉันสินะฉู่เหมียน “คุณหมอหลิน อย่าเอาแต่วิเคราะห์เลยค่ะ” ขืนยังวิเคราะห์ต่อไป เดี๋ยวจะถูกตัดสินว่ามีความผิดเอาเสียเองทุกอย่างชี้ไปที่เธอ ยากจะแก้ตัวจริง ๆฉู่เหมียนเท้ามือลงบนโต๊ะ ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง “ขนาดวันหยุดสุดสัปดาห์ฉันยังนอนไม่หลับเลย”“งั้น… คุณพักร้อนสักสองสามวันไหมครับ?” หลินเฮิงชุยถามความเห็นของฉู่เหมียนอย่างระมัดระวังฉู่เหมียนตกใจ ทำไมล่ะ? ทำอย่างนั้นก็เหมือนกับตัวเองมีความผิดน่ะสิ!เธอไม่ทำอย่างนั้นหรอก ไม่เพียงแต่จะไม่พักร้อน แต่ยังจะปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนอย่างองอาจทุกวันอีกด้วยจดหมายแจ้งเบาะแสฉบับนี้ “จริง ๆ แล้ว คุณไม่ได้เป็นคนเขียนใช่ไหม?”หลินเฮิงชุยเองก็เริ่มสงสัยแล้วฉู่เหมียน “…” ฉู่เหมียนเริ่มปวดหัว“ฉันไปดูที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิดดีกว่า” ฉู่เหมียนยิ้มขณะที่กำลังพูด ประตูห้องทำงานก็ถูกเคาะ เป็นพนักงานผู้รับผิดชอบเรื่องนี้“ผลการตรวจสอบกล้องวงจรปิดออกแล้วเหรอครับ?” หลินเฮิงชุยสวมแว่น รู้สึกว่ามีหว
ขณะที่ฉู่เหมียนกำลังคิดไม่ตกว่าจะพูดอย่างไร เสียงแตกของแจกันที่ตกพื้นในห้องผู้ป่วยก็ดังขึ้น“กรี๊ดดด!”เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังแว่วแทรกเข้ามาในหูกู้ว่างเชินรีบเปิดประตูห้องผู้ป่วยเข้าไปทันที พบว่าผลไม้ถูกโยนมาตกอยู่ที่เท้าของเขากู้ว่างเชินเดินเข้าไปข้างใน ลู่เจียวกำลังนั่งอยู่บนเตียง ผมยุ่งเหยิง ดวงตาแดงก่ำ ดูเหมือนจะใกล้ถึงขีดสุดของความอดทนเมื่อลู่เจียวเห็นกู้ว่างเชิน เธอก็ร้องไห้จนพูดไม่ออก จบแล้ว จบสิ้นแล้วจริง ๆกู้ว่างเชินไม่ยอมรับตัวตนของเธอ ตอนนี้อาชีพที่เธอภาคภูมิใจที่สุดก็หายวับไปแล้ว!เธอจะทำอย่างไรดี?กู้ว่างเชินขมวดคิ้ว ลู่เจียวดูโทรมลงทุกวัน ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เธอต้องมีปัญหาแน่ กู้ว่างเชินเก็บของที่ตกอยู่บนพื้น ลู่เจียวก็โยนลงไปอีกกู้ว่างเชินไม่พูดอะไร แค่คอย ๆ เก็บขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งลู่เจียวเหนื่อยที่จะโยน เธอหยุดโยนแล้วเอาแต่ร้องไห้กู้ว่างเชินรู้สึกอึดอัดใจ เดินเข้าไปลูบหัวลู่เจียวเพื่อปลอบโยน เมื่อเห็นเช่นนั้น ลู่เจียวก็ร้องไห้หนักกว่าเดิมเธอลุกขึ้นคุกเข่าแล้วโอบกอดกู้ว่างเชินไว้ ดูเหมือนว่ามีเพียงกู้ว่างเชินเท่
ฉู่เหมียนตกใจ ร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ? ถึงกับต้องฉีดยา!“ใช่ค่ะ ตอนนี้คุณกู้กำลังรออยู่หน้าห้อง เป็นห่วงเจียวเจียวมาก” ซางหานถอนหายใจพอพูดถึงเรื่องนี้ ทุกคนต่างก็คิดว่าฉู่เหมียนแพ้แบบไม่ยุติธรรม!ทุกอย่างของฉู่เหมียนดีกว่าลู่เจียว แต่กลับแพ้ในเรื่องของกู้ว่างเชินฉู่เหมียนกัดริมฝีปาก ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วลุกขึ้น “ฉันจะไปดูหน่อย”“อย่าไปเลยค่ะ ถ้าเจียวเจียวตื่นขึ้นมา ไม่รู้ว่าเธอจะด่าคุณยังไงบ้าง พยาบาลบอกว่าตอนที่เธอกำลังใจเสีย เธอพูดว่า...” พูดมาถึงตรงนี้ ซางหานก็เงียบไปฉู่เหมียนไม่เข้าใจ พูดว่าอะไรล่ะ?ซางหานเกาหัว ดูเหมือนไม่อยากจะเล่าต่อฉู่เหมียนยิ้ม “พูดมาเถอะ ไม่เป็นไรหรอก”คำพูดที่ออกมาจากปากของลู่เจียวเจียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเกี่ยวกับเธอ…ฉู่เหมียน คงไม่ใช่เรื่องดีแน่“ลู่เจียวบอกว่า เธอจะฆ่าคุณซะ...” ซางหานพูดฉู่เหมียนเม้มปาก เป็นอย่างที่คิดไว้จริงด้วย“เพราะงั้นคุณหมอฉู่ ตอนนี้คุณต้องระวังตัวตอนอยู่ในโรงพยาบาลนะคะ เพราะทุกคนต่างก็คิดว่าคุณเป็นคนแอบเขียนจดหมายร้องเรียน” ซางหานเตือนฉู่เหมียนฉู่เหมียนพยักหน้า ลูบหัวซางหาน “ได้ พี่รู้แล้ว ไปทำงานเถอะ!”“
ร่างกายของฉู่เหมียนเบี่ยงหลบทัน ทำให้มือของหลิ่วอิงพลาดเป้าหลิ่วอิงขมวดคิ้ว “แกยังกล้าหลบอีกเหรอ?”“พ่อแม่ฉันยังไม่เคยกล้าตีฉันเลยสักครั้ง คุณเป็นใครกันถึงมาทำแบบนี้?” ฉู่เหมียนถามหลิ่วอิงอย่างท้าทายหลิ่วอิงอึ้งไปชั่วขณะ เธอจ้องฉู่เหมียนด้วยความโกรธจนแทบจะระเบิดออกมา“ถ้าฉันมีลูกสาวอย่างแก ฉันจะ...” หลิ่วอิงชี้ไปที่ฉู่เหมียน ร่างกายสั่นเทาด้วยความโกรธฉู่เหมียนยิ้ม “โชคดีที่ฉันไม่ใช่ลูกสาวของคุณ และคุณก็ไม่มีลูกอย่างฉัน”พูดตามตรง ถ้าเธอมีแม่แบบหลิ่วอิง เธอก็อยากจะกระโดดตึกตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด!“นี่แก! นังตัวแสบ!” หลิ่วอิงโมโหจนสติแตกลู่อี้ที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่เงียบ ๆ อดรู้สึกไม่ได้ว่าฉู่เหมียนกับแม่ของเขาไม่เพียงแต่หน้าตาคล้ายกันแต่กระทั่งนิสัยที่ดื้อรั้นก้าวร้าวก็เหมือนกันอย่างน่าประหลาดลู่อี้กลืนน้ำลายลงคอ แล้วก็เห็นฉู่เหมียนเดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมาหลิ่วอิงที่โกรธจนหน้ามืดก็หันหลังกลับมุ่งหน้าสู่ห้องประชุมทันที เห็นว่าทั้งสองคนดูเหมือนจะเจรจาเข้าใจกันเป็นอย่างดีลู่อี้อดไม่ได้ที่จะดึงแขนหลิ่วอิงไว้ แล้วถามขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว “แม่ครับ แม่ไม่คิดว่า เ
ปัญหาอยู่ที่ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวนี้ นี่มันทำลายอนาคตของลู่เจียวชัด ๆ“งั้นบอกมาสิ ถ้าไม่ใช่เธอ แล้วจะเป็นใคร?” หลิ่วอิงหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ สำหรับแม่คนหนึ่ง อนาคตของลูกสาวถูกทำลาย มันเจ็บปวดกว่าการตายเสียอีก เธอรู้สึกผิดที่ปกป้องลู่เจียวไม่ได้ รู้สึกว่าในเมื่อลู่เจียวทุกข์ เธอก็ทุกข์เหมือนกัน…“ใครจะไปรู้ว่าลูกสาวคุณเมาแล้วพูดอะไรออกมาบ้าง สรุปแล้ว…” ฉู่เหมียนเดินไปหาหลินเฮิงชุย เธอยกจดหมายไม่เปิดเผยตัวตนขึ้นมาดู “คุณหมอคะ ฉันมาเพื่อชี้แจงว่าจดหมายฉบับนี้ไม่ใช่ฉันที่เป็นคนเขียน”“ถ้าคุณหมอจะสอบสวน ฉันจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่” ฉู่เหมียนไม่กลัว เธอไม่ได้เขียน ก็คือไม่ใช่เธอเขียน เธอเกลียดลู่เจียวมาก แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยคิดจะทำร้ายลู่เจียว ใช่ว่าเธอไม่สู้คน เพราะเธอสู้ได้มากกว่าใคร แต่เพราะลู่เจียวเป็นคนที่กู้ว่างเชินรัก เธอจึงอดทนมาตลอด แต่ถ้าตระกูลลู่มาใส่ร้ายเธอ ฉู่เหมียนจะไม่ยอมอดทนอีกต่อไป“ได้ครับ ฉู่เหมียน ผมเข้าใจแล้ว” หลินเฮิงชุยตอบกลับอย่างจริงจังหลิ่วอิงยังคงไม่พอใจ “คุณหมอคะ ลูกสาวฉันถูกพักงานใช่ไหม? ฉันต้องการให้เธอโดนพักงานด้วย!”เมื่อได้ยินคำพูดนั้
ห้องประชุมโรงพยาบาล ตรงข้ามคุณหมอหลินเฮิงชุ่ยนั่งกันอยู่สามคน คือพ่อและหลิ่วอิง และลู่อี้ที่มาร่วมประชุมสายเห็นได้ชัดว่าเรื่องของลู่เจียวเป็นเรื่องใหญ่สำหรับตระกูลลู่ ถึงกับทำให้ทั้งสามคนต้องมาโรงพยาบาลกันพร้อมหน้าหลินเฮิงชุยพลิกดูประวัติการศึกษาของลู่เจียวแล้วมองทั้งสามคนอย่างมีนัยยะสำคัญ“คุณลู่… ประวัติการศึกษาของลูกสาวคุณ…” หลินเฮิงชุยพูดขึ้นมาหลิ่วอิงรีบพูดแทรกขึ้นมาทันที “ประวัติการศึกษาของลูกสาวฉันถูกต้อง ไม่มีการปลอมแปลงแม้แต่น้อย!”“ใช่ครับ แต่ตอนนี้มีคนแจ้งว่าคุณลู่เจียวได้เข้าเรียนคณะแพทย์โดยการแย่งโควตาของคนอื่น” หลินเฮิงชุยพูดด้วยสีหน้าซับซ้อน การแย่งโควตาเรียนถือเป็นเรื่องใหญ่ เทียบได้กับคดีอาชญากรรม“ใครเป็นคนแจ้ง?” ลู่อวี้เหิงหน้าตาเปลี่ยนไปทันที “นี่มันใส่ร้ายลูกสาวผมชัด ๆ!”หลินเฮิงชุยรีบพูดขึ้นมา “คุณลู่ครับ อย่าเพิ่งใจร้อนนะครับ ตอนนี้เรากำลังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมหลักฐานอยู่”“บอกมาสิว่าใครแจ้ง!” หลิ่วอิงโมโห เธอตบโต๊ะดังปัง “ลูกสาวฉันยังนอนอยู่โรงพยาบาลอยู่เลย ใครมันมาใส่ร้ายลูกสาวฉันแบบนี้!”หลินเฮิงชุยตอบ “เป็นการแจ้งเบาะแสแบบไม่เปิดเผยตัวตนครับ”“แ