บนยอดเขาเขามังกรพัน ฝูงชนรวมตัวกันดูครึกครื้นเป็นพิเศษ ฉู่เหมียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น ขณะที่มองดูวงแหวนของป่าและถนนลาดยางด้านล่าง“อยากเล่นด้วยสักเกมไหม?” เสียงของเสิ่นเหราดังเข้ามาในหูฉู่เหมียนหันศรีษะ เสิ่นเหราแต่งกายด้วยชุดสีดำ เธอสวมหน้ากากและสวมหมวก ดูเป็นคนธรรมดา“รู้ใจฉันจริง ๆ เสิ่นเหรา!” ฉู่เหมียนกล่าวด้วยรอยยิ้มคืนนี้เธอสวมเสื้อครอปสีดำและกางเกงกระโปรง ผมลอนของเธอแผ่กระจายที่แผ่นหลัง การแต่งหน้าอันละเอียดอ่อนของเธอ ทำให้ใคร ๆ ก็สามารถบอกได้ทันทีว่าเธอคือสาวฮอต“ถ้าอย่างนั้นก็ไปเล่นเถอะ แต่ระวังความปลอดภัยด้วยล่ะ” เสิ่นเหราชี้ไปที่จุดลงทะเบียนที่อยู่ด้านข้างฉู่เหมียนลังเลใจ “ฉันไม่ได้ลงสนามนานแล้ว”“กลัวแพ้?” เสิ่นเหรายิ้มฉู่เหมียนยิ้มสดใสยิ่งกว่าเสิ่นเหรา “กลัวว่าพวกมือสมัครเล่นเหล่านี้จะเป็นโรคซึมเศร้าที่แพ้ให้กับคนที่ไม่ได้ลงสนามมาหลายปีแล้วอย่างฉันน่ะ”อย่างเธอเหรอจะกลัวแพ้ “ให้ตายเถอะ” เสิ่นเหราถูไถแขนของฉู่เหมียน และไม่ลืมที่จะถามเธอว่า “อีกหนึ่งเดือนเธอจะไม่เสียใจใช่ไหม?”“เธอพูดว่าอะไรนะ?” ฉู่เหมียนโน้มตัวไปทางเสิ่นเหราแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินเส
“คิดว่าตัวเองใหญ่มาจากไหน” ชายคนนั้นยิ้มเยาะ หันหลังกลับและพูดอย่างประชดประชันว่า “ลับลังไม่รู้ว่าผ่านผู้ชายมากี่คน...เหอะ!”ฉู่เหมียนคว้าคอเสื้อของชายคนนั้นแล้วพูดเสียงแข็ง “ขอโทษเพื่อนของฉันซะ”“ถ้าฉันไม่ขอโทษแล้วเธอจะทำอะไรฉันได้?” ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นและยั่วยุอย่างไม่ใส่ใจฉู่เหมียนจับคอเสื้อของเขาแน่นขึ้น และชายคนนั้นก็พูดอย่างเหน็บแนมว่า “โย่ โย่ โย่ เป็นแค่ผู้หญิงจะมีแรงแค่ไหนกันเชียว”โม่อี้กระแอมไอเบา ๆ และพูดกับฉู่เหมียน “หัวหน้า คนนี้คือผู้เล่นจากทีมนักแข่งนอกสนามที่จะแข่งขันในวันนี้”“เขาน่ะเหรอ?” ฉู่เหมียนมองชายคนนั้นขึ้นลง ก่อนจะยิ้มเยอะแล้วพูดเสียดแทง “เขาแข่งไม่ชนะฉันหรอก”เมื่อชายคนนั้นได้ยินแบบนั้น ใบหน้าของเขาก็มืดลงเธอสามารถดูถูกเขาได้ทุกเรื่อง แต่มาดูถูกทักษะของเขา เขาจะทนได้อย่างไร?“อวดดีอะไร ถ้าแน่จริงก็มาแข่งกัน!”ฉู่เหมียนยิ้มและถามเสียงเรียบ “แน่ใจเหรอ?”“อะไรวะ” ชายคนนั้นถึงกับอึ้งไปชั่วขณะเมื่อถูกถามกลับเพราะสีหน้าและน้ำเสียงที่ไม่แยแสของฉู่เหมียนนั้นหยิ่งผยองเกินไป ราวกับว่าเธอเป็นยอดฝีมือที่ไม่มีใครเทียบได้รอบข้างเงียบลงชั่วครู่จากนั้นก็ม
เมื่อฉู่เหมียนพูดจบ ชายคนนั้นถึงกับอึ้งไปชั่วขณะคนรอบข้างต่างหันมามองหน้ากันด้วยความตกตะลึงเธอ…เธอพูดว่าอะไรนะ? ถ้าแพ้แล้วยังไงนะ?ฉู่เหมียนเห็นเขากลืนน้ำลายจึงพูดซ้ำอีกครั้ง “ถ้านายแพ้ ต้องตัดนิ้วโป้งหนึ่งข้างหนึ่งเพื่อคารวะต่อทุกสรรพสิ่งบนโลกนี้ กล้าหรือเปล่า?”ชายคนนั้นหัวเราะอย่างกระอักกระอ่วน ราวกับคิดว่าผู้หญิงคนนี้เล่นอะไรจริงจังขนาดนี้? นี่มันก็ไม่ต่างกับการเอาชีวิตมาเดิมพันเลยสักนิดเขาแค่อยากจะชนะคนรวย ไม่ได้ตั้งใจจะเดิมพันชีวิตรอบข้างเงียบสนิทฉู่เหมียนก้าวขึ้นไปข้างหน้าอีกก้าว พลางจ้องชายตรงหน้าอย่างเฉียบคม รอยยิ้มในดวงตาของเธอดูทวีความเยือกเย็นขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกล่าวคำท้าทายด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเยี่ยงคมมีด “นายกลัว?”ชายคนนั้นตกใจขณะที่กำลังอึกอักไม่รู้จะตอบยังไง คนข้างหลังก็ส่งเสียงยุยงว่า “ซุนเฉียง แค่ผู้หญิงคนเดียว นายจะกลัวเธอทำไม!?”“นั่นสิ นายขับเส้นทางนี้มาตั้งกี่ร้อยรอบแล้ว จะไปแพ้ให้เธอได้ยังไง?!”“ตกลง! แต่พวกเรามีเงื่อนไขข้อหนึ่ง!” ชายหนุ่มหัวแดงคนหนึ่งเบียดเข้ามาพูดฉู่เหมียนมองสำรวจชายคนนั้น คาดว่าน่าจะเป็นเพื่อนของซุนเฉียง“ถ้าเธอแพ้!” ชายหน
“ระวังคืนนี้อาจจะแพ้จนไม่เหลือแม้แต่กางเกงในใส่กลับบ้านนะ” ชายหนุ่มหัวแดงยิ้มมุมปากเยาะเย้ยทันใดนั้นเสิ่นเหราก็วางบัตรเครดิตใบหนึ่งลงในถังของฉู่เหมียน “ฉันเดิมพันว่าเธอจะชนะ สิบเท่า”ชายหัวแดงชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกลอกตา “โลกของพวกคนรวยนี่เข้าใจยากจริง ๆ เฮ้อ มีคนเอาเงินมาให้สโมสรฟรี ๆ อีกแล้ว!”“นี่” เสิ่นเหราเรียกเขาอย่างมีอารมณ์ “ถ้าสีแดงชนะ พวกนายคงไม่คิดเบี้ยวหรอกใช่ไหม?”ชายหนุ่มหัวแดงกลอกตาอย่างรำคาญสโมสรไม่เคยเบี้ยวหนี้! และนี่ก็ไม่ใช่การเล่นสกปรก“รอให้เธอชนะก่อนเถอะ!” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความดูถูกคนอื่น ๆ รอบข้างก็พากันหัวเราะ “นั่นสิ ยังมีคนโง่ที่เดิมพันให้สีแดงชนะอีกเหรอ?”“ใช่ คนโง่ที่มีแต่เงิน!”โม่อี้กับเสิ่นเหราสบตากันทันใดนั้นก็มีคนพูดขึ้นว่า “ดูสิ พวกเขาไปถึงจุดสตาร์ทแล้ว”ฉู่เหมียนหยิบหมวกกันน็อคขึ้นมา สายตาจับจ้องไปที่ซุนเฉียงภูเขามังกรพันเป็นเส้นทางที่ซับซ้อนที่สุด ผู้ที่ไม่มีความสามารถจริงจะไม่กล้ามาหาความตื่นเต้นที่นี่ฉู่เหมียนรู้ฝีมือของซุนเฉียงบ้างเล็กน้อยแต่ซุนเฉียงยังไม่รู้ว่าฉู่เหมียนมีฝีมือระดับไหนเมื่อเห็นฉู่เหมียนยกขาเรียวยาวขึ
“การแข่งขันเริ่มแล้ว!” เสียงตะโกนดังก้อง ขัดจังหวะคำพูดของชายคนนั้นที่กำลังจะพูดต่อต้วนจิ่นเหนียนทำเสียงไม่พอใจ เพราะเขายังไม่ได้ยินว่าใครคือคนที่แข่งขันกับใครแต่การแข่งขันดูเหมือนจะร้อนแรงและเข้มข้น ทำให้ทุกคนเริ่มตั้งใจดูมันอย่างเต็มที่การออกตัวของรถทั้งสองคันไม่เหมือนกัน รถของฉู่เหมียนออกตัวช้ากว่าอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่ซุนเฉียงนำไปไกลซุนเฉียงดูเหมือนจะท้าทายอะไรบางอย่าง เขาขับรถบังฉู่เหมียนไม่ให้เธอแซงขึ้นไปซุนเฉียงที่อยู่ในรถเยาะเย้ยในลำคอ พลางคิดในใจว่า ก็คิดว่าเก่งกาจสักแค่ไหน ที่ไหนได้แม้แต่เริ่มต้นก็ยังเริ่มไม่เป็น!เขาเกือบจะคิดว่าฉู่เหมียนฝีมือแต่ แต่ดูแล้วทุกคนมองกันถูกแล้ว เธอเป็นแค่สาวสวยที่ไม่มีอะไรพิเศษการที่ฉู่เหมียนต้องตัดนิ้วนั้น เขาเองก็อยากจะเห็นเห็นฉากนั้น!คิดได้แบบนี้ซุนเฉียงก็เหยียบคันเร่ง แล้วทิ้งฉู่เหมียนไว้ข้างหลังกู้ว่างเชินขมวดคิ้ว มองดูระยะห่างที่เริ่มขยายออกไประหว่างรถทั้งสองคันเขารู้สึกไม่พอใจและยังคงเงียบ ไม่สามารถข่มความรำคาญได้“รถคันหลังนั่นของเซิ่งรุ่ยไม่ใช่เหรอ?” กู้ว่างเชินถามเสียงเบาต้วนจิ่นเหนียนทำท่าโอเคสองข้างตา “เดี๋ยวฉ
กู้ว่างเชินอดไม่ได้ที่หันไปมองเซิ่งรุ่ย เมื่อได้รับการยืนยันว่าเป็นฉู่เหมียนที่ขับรถอยู่ น้ำเสียงของเขาก็ดูเป็นกังวลมากขึ้น “นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?” ฉู่เหมียนไม่เคยแข่งรถ แถมนี่ยังเป็นเส้นทางคดเคี้ยวและซับซ้อน ถ้าเธอเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจะทำยังไง? “หยุดการแข่งขันได้ไหม?” กู้ว่างเชินถามเซิ่งรุ่ยเซิ่งรุ่ยส่ายหัว “ไม่ใช่แค่หยุดไม่ได้ แต่พวกเขายังวางเดิมพันกันด้วย”“เดิมพัน?” ต้วนจิ่นเหนียนสงสัย “เดิมพันอะไร?”เซิ่งรุ่ยตะโกนเรียกเด็กหัวแดง ไม่รู้ว่าพูดอะไร จากนั้นชายผมแดงก็รีบเอาเอกสารสองฉบับเข้ามาเซิ่งรุ่ยหันกลับมา และเดินเอาเอกสารมายื่นให้กู้ว่างเชินและต้วนจิ่นเหนียน “อ่ะ นี่ไง”กู้ว่างเชินมองเอกสารแล้วหัวใจของเขาก็เต้นแรงทันทีต้วนจิ่นเหนียนตกใจ “เห้ย!”“ถ้าแพ้ต้องตัดนิ้วทิ้งหนึ่งนิ้วงั้นเหรอ?”พอพูดถึงตรงนี้ต้วนจิ่นเหนียนก็หันไปถามกู้ว่างเชิน “ไม่ใช่สิ อากู้ ฉู่เหมียนคงไม่คิดสั้นเพราะหย่ากับนายหรอกใช่ไหม?”“นี่มันไม่ใช่การแข่งขันแล้ว เป็นการรนหาที่ตายชัด ๆ!” ต้วนจิ่นเหนียนตาเบิกกว้างด้วยความตกใจกู้ว่างเชินกำเอกสารแน่นแล้วส่งคืนให้เซิ่งรุ่ย สีหน้าเขายิ่งซับซ้อนขึ้นไปอีก
ในขณะนี้เซิ่งรุ่ยก็ดูเหมือนจะชะงักไปเล็กน้อย เพราะเทคนิคนี้เป็นไปไม่ได้เลยที่คนอย่างฉู่เหมียนจะทำได้แม้แต่พวกเขาที่เป็นนักแข่งมืออาชีพ ก็ไม่เคยเร่งความเร็วในโค้งแบบนี้มันกล้าหาญและดุเดือดเกินไปเมื่อลองมองไปที่รถของซุนเฉียง ดูเหมือนว่ามันเริ่มบังคับพวงมาลัยไม่ได้แล้ว ทิศทางเริ่มเพี้ยนเพราะตกใจ“น่า น่าจะใช่นะ…” เซิ่งรุ่ยตอบตะกุกตะกักกู้ว่างเชินมองไปที่เซิ่งรุ่ยด้วยสายตาลุ่มลึก ก่อนที่จะรีบมองไปที่เส้นชัยจะใช่ฉู่เหมียนหรือไม่ แค่รอดูตอนลงจากรถเมื่อจบการแข่งขันก็จะรู้กันต้วนจิ่นเหนียนมองไปที่ท่าทางร้อนใจของกู้ว่างเชิน และอดไม่ได้ที่จะยิ้ม “อากู้ ขอสัมภาษณ์หน่อย ถ้าเป็นฉู่เหมียนจริงนายจะรู้สึกยังไง?”กู้ว่างเชินหน้าบูดบึ้ง เห็นได้ชัดว่าไม่อยากตอบคำถามนี้ต้วนจิ่นเหนียนไม่สนใจและเดินตามไป “คุณหนูยังมีฝีมือแบบนี้ด้วยช่างน่าตกใจจริง ๆ ไม่รู้ว่าคุณหนูฉู่จะยังมีอะไรอีกที่เรายังไม่รู้บ้าง…”เมื่อกู้ว่างเชินมาถึงเส้นชัย ผู้คนรอบ ๆ กำลังตะโกน “แม่งเอ้ย! ซุนเฉียง! เร่งเครื่องหน่อยสิวะ! ฉันเอาทุกอย่างมาลงแกหมดเลยนะ!”“ซุนเฉียง ไปเลย โค้งสุดท้ายเป็นโอกาสดีที่จะแซงขึ้นมาได้! ลุยเลย!”
ฝ่ายแดง ชนะ!”เสียงประกาศจบการแข่งขันดังขึ้นพร้อมกับที่รถของฉู่เหมียนเบรกหยุดนิ่งสนิทฉู่เหมียนมองไปที่กระจกมองหลัง ริมฝีปากของเธอยิ้มขึ้นอย่างช้า ๆ คนที่จะชนะเธอ ยังไม่เกิดหรอก!เป็นแค่มือสมัครเล่นธรรมดา ๆ คิดจะมาต่อกลอนกับเธออย่างนั้นเหรอ?ฉันนี่แหละจะสั่งสอนนายให้รู้ซึ้ง!บนอัฒจันทร์ ต้วนจิ่นเหนียนผลักไหล่กู้ว่างเชินด้วยความตกใจ “ให้ตายสิ! นั่นฉู่เหมียนจริง ๆ ด้วย!”กู้ว่างเชินมองไปที่ฉู่เหมียนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยประกายร้อนแรงใช่ นั่นคือฉู่เหมียนทันทีที่เธอลงจากรถ เขาก็จำเธอได้ทันที!ฉู่เหมียนยังมีความสามารถด้านการแข่งรถ เป็นสิ่งที่เขาคาดไม่ถึงเลยจริง ๆ รถของซุนเฉียงจอดข้างฉู่เหมียนพอดี เสียงตะโกนจากบนเขาดังขึ้น “ว้าว! เจ๋งไปเลย!”“ซุนเฉียง! ไอขี้แพ้! ไอขี้แพ้! ไอไก่อ่อน!”รวมถึงชายหนุ่มผมแดงก็เอ่ยตำหนิด้วยน้ำเสียงรำคาญ “นายนี่มันไม่ได้เรื่อง แม้แต่ผู้หญิงก็ยังแพ้ ทำให้คลับ WK ของพวกเราขายขี้หน้าจริง ๆ!”ซุนเฉียงเงยหน้าขึ้นมองคนข้างบน มือทั้งสองข้างขยี้ผมอย่างรำคาญ โกรธจนทนไม่ไหวเขาคิดว่าฉู่เหมียนอาจมีฝีมืออยู่บ้างแต่ไม่คิดว่าเธอจะเก่งขนาดนี้!โดยเฉพาะตรงโค้ง
ฉู่เหมียนไปที่ฐาน M ในทันที เธอต้องการรู้ให้ได้เดี๋ยวนี้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวเรื่องลู่เจียวเธอทนไม่ได้กับความอับอาย แม้แต่นิดเดียวก็ทนไม่ได้!โม่อี้กำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาล เขาตรวจสอบทุกมุมแล้ว แต่ก็หาคนที่เข้าไปในห้องทำงานของผู้อำนวยการไม่พบ“ดูกล้องวงจรปิดตรงหน้าต่างซิ” ฉู่เหมียนสั่งโม่อี้เสียงเย็นโม่อี้หันไป ก็เห็นฉู่เหมียนยืนอยู่ข้างหลังเขา “หัวหน้า มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?”“เมื่อกี้” ฉู่เหมียนพูดเสียงแข็ง ชัดเจนว่ากำลังโกรธ คำสองคำนั้นเหมือนเค้นผ่านไรฟันออกมาโม่อี้กำลังตรวจสอบอย่างตั้งใจมาก จนไม่ได้สังเกตเห็นว่าเธอมาโม่อี้ร้อง “อืม” เสียงหนึ่ง รีบเปลี่ยนภาพกล้องวงจรปิดไม่ลืมเหลือบมองฉู่เหมียนอย่างระมัดระวังดูตรงหน้าต่าง… เดี๋ยวนะ“หน้าต่างโรงพยาบาลเหรอ?” โม่อี้เหยียดยิ้ม ดูเหมือนจะไม่เชื่อ “หัวหน้า นั่นมันชั้นที่สามสิบกว่านะ คนคนนั้นจะเข้ามาทางหน้าต่างเพื่อแจ้งเบาะแสเรื่องลู่เจียวเหรอ? บ้าไปแล้ว!”แล้วก็ไม่มีที่ให้เข้าไปด้วยนี่นา?“นอกหน้าต่างห้องทำงานของหลินเฉิงชุยมีระเบียง พอจะเข้าไปได้” ฉู่เหมียนคลายความสงสัยของเขาโม่อี้รีบตรวจสอบกล้องวงจรปิดในห
“ฉันไม่ได้แจ้งเบาะแสเกี่ยวกับน้องสาวคุณ เราไม่มีอะไรต้องคุยกัน” ฉู่เหมียนไม่อยากติดต่อกับคนตระกูลลู่“คุณฉู่ ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดี” ลู่อี้อธิบายฉู่เหมียนเงียบไปสามวินาที ก่อนจะเดินไปที่รถ “คุยกันตรงนี้แหละ”ลู่อี้คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้“ฉู่เหมียน ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ขัดสนเรื่องเงิน แต่บัตรใบนี้มีมูลค่าสองล้าน” ลู่อี้ยื่นบัตรเครดิตมาให้ฉู่เหมียนตกใจเมื่อเห็นบัตรเครดิตใบนี้เขาหมายความว่ายังไง?“ขอให้คุณใจดีกับน้องสาวผมด้วย” เขาจ้องฉู่เหมียน นัยยะคือ เรื่องนี้เป็นฝีมือคุณ รับเงินสองล้านนี้ไป แล้วจบเรื่องไปซะฉู่เหมียนหัวเราะเขาคิดจะใช้เงินฟาดหัวเธอ นี่ไม่ใช่การดูถูกเธอหรอกเหรอ?“คิดว่าเงินแค่สองล้านจะเปลี่ยนทัศนคติของฉันที่มีต่อน้องสาวคุณได้เหรอ?” ฉู่เหมียนหยิบบัตรเครดิตขึ้น พลางจ้องมองลู่อี้อย่างเยาะเย้ย “ฉันจ่ายให้คุณสองล้าน หวังว่าคุณจะไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าฉันอีก เป็นคุณจะรู้สึกยังไง?”“ฉู่เหมียน คุณไม่ยุติธรรมเลย! กล้าทำก็ต้องกล้ารับสิ!” ลู่อี้ขมวดคิ้ว คิดว่าฉู่เหมียนไม่เข้าใจเหตุผล“ฝ่ายที่ไม่ยุติธรรมคือตระกูลลู่ของคุณต่างหาก!” ฉู่เหมียนโยนบัตรเครดิตใส่ลู่อี้พวกเขาทั้งคร
ชูหลานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว เธอพูดว่า “ไม่มีเลย ตอนนั้นเลิกงานพอดี ฉันเลยเอาเอกสารมาให้ผู้อำนวยการ”ฉู่เหมียนเงียบไปสองสามนาที เธอมองวิดีโอในโทรศัพท์ สักพักก็คิดอะไรไม่ออก “ค่ะ”ถ้าไม่ใช่ชูหลานที่เอาเข้ามา งั้นจดหมายร้องเรียนที่ไม่ระบุชื่อนี่บินเข้ามาเองงั้นเหรอ?ไม่ไกลนัก หม่าจือหยางเดินเข้ามา เขามีสมุดประวัติการรักษาสองเล่มในมือ พูดพลางเดินเข้ามา “คุณหมอชู พรุ่งนี้ผมขอลาพักร้อนนะครับ”ชูหลานเหลือบมองหม่าจือหยาง หม่าจือหยางยื่นใบลาพักร้อนให้ชูหลาน“ค่ะ” ชูหลานตอบรับหม่าจือหยางมองฉู่เหมียน แล้วเลิกคิ้ว ก่อนจะหันหลังเดินจากไปฉู่เหมียนสังเกตเห็นใบลาพักร้อนในมือของชูหลาน นั่นเป็นลายมือของหม่าจือหยางแน่นอน“ลายมือรองผู้อำนวยการหม่า สวยดีนะคะ” ฉู่เหมียนพูด“ค่ะ ลายมือรองผู้อำนวยการหม่าอ่านง่ายดี หนักแน่นด้วย” ชูหลานเก็บใบลาพักร้อนไว้ฉู่เหมียนเหลือบมองอีกสองสามครั้ง แล้วก็ไปทำงานต่อแผนกฉุกเฉิน ฉู่เหมียนไปส่งเอกสาร กำลังจะจากไปก็ได้ยินเสียงคนเรียก “คุณหมอฉู่ มารับคนไข้เหรอคะ?”ฉู่เหมียนงง อะไรนะ?“มีคนไข้ของแผนกคุณอยู่ที่นี่พอดี อย่าลืมไปรับนะคะ” พยาบาลสาวเตือนฉู่เหมี
ฉู่เหมียน “…” ก็เธอไม่ใช่เหรอ?“ตำแหน่งของใครมีความขัดแย้งกับลู่เจียวมากที่สุด?”ฉู่เหมียน “…”แผนกศัลยกรรมหัวใจมีหมอสองคน ถ้าตำแหน่งเดียวกัน ก็คงเป็นฉันสินะฉู่เหมียน “คุณหมอหลิน อย่าเอาแต่วิเคราะห์เลยค่ะ” ขืนยังวิเคราะห์ต่อไป เดี๋ยวจะถูกตัดสินว่ามีความผิดเอาเสียเองทุกอย่างชี้ไปที่เธอ ยากจะแก้ตัวจริง ๆฉู่เหมียนเท้ามือลงบนโต๊ะ ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง “ขนาดวันหยุดสุดสัปดาห์ฉันยังนอนไม่หลับเลย”“งั้น… คุณพักร้อนสักสองสามวันไหมครับ?” หลินเฮิงชุยถามความเห็นของฉู่เหมียนอย่างระมัดระวังฉู่เหมียนตกใจ ทำไมล่ะ? ทำอย่างนั้นก็เหมือนกับตัวเองมีความผิดน่ะสิ!เธอไม่ทำอย่างนั้นหรอก ไม่เพียงแต่จะไม่พักร้อน แต่ยังจะปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนอย่างองอาจทุกวันอีกด้วยจดหมายแจ้งเบาะแสฉบับนี้ “จริง ๆ แล้ว คุณไม่ได้เป็นคนเขียนใช่ไหม?”หลินเฮิงชุยเองก็เริ่มสงสัยแล้วฉู่เหมียน “…” ฉู่เหมียนเริ่มปวดหัว“ฉันไปดูที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิดดีกว่า” ฉู่เหมียนยิ้มขณะที่กำลังพูด ประตูห้องทำงานก็ถูกเคาะ เป็นพนักงานผู้รับผิดชอบเรื่องนี้“ผลการตรวจสอบกล้องวงจรปิดออกแล้วเหรอครับ?” หลินเฮิงชุยสวมแว่น รู้สึกว่ามีหว
ขณะที่ฉู่เหมียนกำลังคิดไม่ตกว่าจะพูดอย่างไร เสียงแตกของแจกันที่ตกพื้นในห้องผู้ป่วยก็ดังขึ้น“กรี๊ดดด!”เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังแว่วแทรกเข้ามาในหูกู้ว่างเชินรีบเปิดประตูห้องผู้ป่วยเข้าไปทันที พบว่าผลไม้ถูกโยนมาตกอยู่ที่เท้าของเขากู้ว่างเชินเดินเข้าไปข้างใน ลู่เจียวกำลังนั่งอยู่บนเตียง ผมยุ่งเหยิง ดวงตาแดงก่ำ ดูเหมือนจะใกล้ถึงขีดสุดของความอดทนเมื่อลู่เจียวเห็นกู้ว่างเชิน เธอก็ร้องไห้จนพูดไม่ออก จบแล้ว จบสิ้นแล้วจริง ๆกู้ว่างเชินไม่ยอมรับตัวตนของเธอ ตอนนี้อาชีพที่เธอภาคภูมิใจที่สุดก็หายวับไปแล้ว!เธอจะทำอย่างไรดี?กู้ว่างเชินขมวดคิ้ว ลู่เจียวดูโทรมลงทุกวัน ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เธอต้องมีปัญหาแน่ กู้ว่างเชินเก็บของที่ตกอยู่บนพื้น ลู่เจียวก็โยนลงไปอีกกู้ว่างเชินไม่พูดอะไร แค่คอย ๆ เก็บขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งลู่เจียวเหนื่อยที่จะโยน เธอหยุดโยนแล้วเอาแต่ร้องไห้กู้ว่างเชินรู้สึกอึดอัดใจ เดินเข้าไปลูบหัวลู่เจียวเพื่อปลอบโยน เมื่อเห็นเช่นนั้น ลู่เจียวก็ร้องไห้หนักกว่าเดิมเธอลุกขึ้นคุกเข่าแล้วโอบกอดกู้ว่างเชินไว้ ดูเหมือนว่ามีเพียงกู้ว่างเชินเท่
ฉู่เหมียนตกใจ ร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ? ถึงกับต้องฉีดยา!“ใช่ค่ะ ตอนนี้คุณกู้กำลังรออยู่หน้าห้อง เป็นห่วงเจียวเจียวมาก” ซางหานถอนหายใจพอพูดถึงเรื่องนี้ ทุกคนต่างก็คิดว่าฉู่เหมียนแพ้แบบไม่ยุติธรรม!ทุกอย่างของฉู่เหมียนดีกว่าลู่เจียว แต่กลับแพ้ในเรื่องของกู้ว่างเชินฉู่เหมียนกัดริมฝีปาก ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วลุกขึ้น “ฉันจะไปดูหน่อย”“อย่าไปเลยค่ะ ถ้าเจียวเจียวตื่นขึ้นมา ไม่รู้ว่าเธอจะด่าคุณยังไงบ้าง พยาบาลบอกว่าตอนที่เธอกำลังใจเสีย เธอพูดว่า...” พูดมาถึงตรงนี้ ซางหานก็เงียบไปฉู่เหมียนไม่เข้าใจ พูดว่าอะไรล่ะ?ซางหานเกาหัว ดูเหมือนไม่อยากจะเล่าต่อฉู่เหมียนยิ้ม “พูดมาเถอะ ไม่เป็นไรหรอก”คำพูดที่ออกมาจากปากของลู่เจียวเจียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเกี่ยวกับเธอ…ฉู่เหมียน คงไม่ใช่เรื่องดีแน่“ลู่เจียวบอกว่า เธอจะฆ่าคุณซะ...” ซางหานพูดฉู่เหมียนเม้มปาก เป็นอย่างที่คิดไว้จริงด้วย“เพราะงั้นคุณหมอฉู่ ตอนนี้คุณต้องระวังตัวตอนอยู่ในโรงพยาบาลนะคะ เพราะทุกคนต่างก็คิดว่าคุณเป็นคนแอบเขียนจดหมายร้องเรียน” ซางหานเตือนฉู่เหมียนฉู่เหมียนพยักหน้า ลูบหัวซางหาน “ได้ พี่รู้แล้ว ไปทำงานเถอะ!”“
ร่างกายของฉู่เหมียนเบี่ยงหลบทัน ทำให้มือของหลิ่วอิงพลาดเป้าหลิ่วอิงขมวดคิ้ว “แกยังกล้าหลบอีกเหรอ?”“พ่อแม่ฉันยังไม่เคยกล้าตีฉันเลยสักครั้ง คุณเป็นใครกันถึงมาทำแบบนี้?” ฉู่เหมียนถามหลิ่วอิงอย่างท้าทายหลิ่วอิงอึ้งไปชั่วขณะ เธอจ้องฉู่เหมียนด้วยความโกรธจนแทบจะระเบิดออกมา“ถ้าฉันมีลูกสาวอย่างแก ฉันจะ...” หลิ่วอิงชี้ไปที่ฉู่เหมียน ร่างกายสั่นเทาด้วยความโกรธฉู่เหมียนยิ้ม “โชคดีที่ฉันไม่ใช่ลูกสาวของคุณ และคุณก็ไม่มีลูกอย่างฉัน”พูดตามตรง ถ้าเธอมีแม่แบบหลิ่วอิง เธอก็อยากจะกระโดดตึกตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด!“นี่แก! นังตัวแสบ!” หลิ่วอิงโมโหจนสติแตกลู่อี้ที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่เงียบ ๆ อดรู้สึกไม่ได้ว่าฉู่เหมียนกับแม่ของเขาไม่เพียงแต่หน้าตาคล้ายกันแต่กระทั่งนิสัยที่ดื้อรั้นก้าวร้าวก็เหมือนกันอย่างน่าประหลาดลู่อี้กลืนน้ำลายลงคอ แล้วก็เห็นฉู่เหมียนเดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมาหลิ่วอิงที่โกรธจนหน้ามืดก็หันหลังกลับมุ่งหน้าสู่ห้องประชุมทันที เห็นว่าทั้งสองคนดูเหมือนจะเจรจาเข้าใจกันเป็นอย่างดีลู่อี้อดไม่ได้ที่จะดึงแขนหลิ่วอิงไว้ แล้วถามขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว “แม่ครับ แม่ไม่คิดว่า เ
ปัญหาอยู่ที่ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวนี้ นี่มันทำลายอนาคตของลู่เจียวชัด ๆ“งั้นบอกมาสิ ถ้าไม่ใช่เธอ แล้วจะเป็นใคร?” หลิ่วอิงหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ สำหรับแม่คนหนึ่ง อนาคตของลูกสาวถูกทำลาย มันเจ็บปวดกว่าการตายเสียอีก เธอรู้สึกผิดที่ปกป้องลู่เจียวไม่ได้ รู้สึกว่าในเมื่อลู่เจียวทุกข์ เธอก็ทุกข์เหมือนกัน…“ใครจะไปรู้ว่าลูกสาวคุณเมาแล้วพูดอะไรออกมาบ้าง สรุปแล้ว…” ฉู่เหมียนเดินไปหาหลินเฮิงชุย เธอยกจดหมายไม่เปิดเผยตัวตนขึ้นมาดู “คุณหมอคะ ฉันมาเพื่อชี้แจงว่าจดหมายฉบับนี้ไม่ใช่ฉันที่เป็นคนเขียน”“ถ้าคุณหมอจะสอบสวน ฉันจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่” ฉู่เหมียนไม่กลัว เธอไม่ได้เขียน ก็คือไม่ใช่เธอเขียน เธอเกลียดลู่เจียวมาก แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยคิดจะทำร้ายลู่เจียว ใช่ว่าเธอไม่สู้คน เพราะเธอสู้ได้มากกว่าใคร แต่เพราะลู่เจียวเป็นคนที่กู้ว่างเชินรัก เธอจึงอดทนมาตลอด แต่ถ้าตระกูลลู่มาใส่ร้ายเธอ ฉู่เหมียนจะไม่ยอมอดทนอีกต่อไป“ได้ครับ ฉู่เหมียน ผมเข้าใจแล้ว” หลินเฮิงชุยตอบกลับอย่างจริงจังหลิ่วอิงยังคงไม่พอใจ “คุณหมอคะ ลูกสาวฉันถูกพักงานใช่ไหม? ฉันต้องการให้เธอโดนพักงานด้วย!”เมื่อได้ยินคำพูดนั้
ห้องประชุมโรงพยาบาล ตรงข้ามคุณหมอหลินเฮิงชุ่ยนั่งกันอยู่สามคน คือพ่อและหลิ่วอิง และลู่อี้ที่มาร่วมประชุมสายเห็นได้ชัดว่าเรื่องของลู่เจียวเป็นเรื่องใหญ่สำหรับตระกูลลู่ ถึงกับทำให้ทั้งสามคนต้องมาโรงพยาบาลกันพร้อมหน้าหลินเฮิงชุยพลิกดูประวัติการศึกษาของลู่เจียวแล้วมองทั้งสามคนอย่างมีนัยยะสำคัญ“คุณลู่… ประวัติการศึกษาของลูกสาวคุณ…” หลินเฮิงชุยพูดขึ้นมาหลิ่วอิงรีบพูดแทรกขึ้นมาทันที “ประวัติการศึกษาของลูกสาวฉันถูกต้อง ไม่มีการปลอมแปลงแม้แต่น้อย!”“ใช่ครับ แต่ตอนนี้มีคนแจ้งว่าคุณลู่เจียวได้เข้าเรียนคณะแพทย์โดยการแย่งโควตาของคนอื่น” หลินเฮิงชุยพูดด้วยสีหน้าซับซ้อน การแย่งโควตาเรียนถือเป็นเรื่องใหญ่ เทียบได้กับคดีอาชญากรรม“ใครเป็นคนแจ้ง?” ลู่อวี้เหิงหน้าตาเปลี่ยนไปทันที “นี่มันใส่ร้ายลูกสาวผมชัด ๆ!”หลินเฮิงชุยรีบพูดขึ้นมา “คุณลู่ครับ อย่าเพิ่งใจร้อนนะครับ ตอนนี้เรากำลังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมหลักฐานอยู่”“บอกมาสิว่าใครแจ้ง!” หลิ่วอิงโมโห เธอตบโต๊ะดังปัง “ลูกสาวฉันยังนอนอยู่โรงพยาบาลอยู่เลย ใครมันมาใส่ร้ายลูกสาวฉันแบบนี้!”หลินเฮิงชุยตอบ “เป็นการแจ้งเบาะแสแบบไม่เปิดเผยตัวตนครับ”“แ