แชร์

บทที่1

ผู้เขียน: moonlight -mini
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-14 02:04:38

บทที่1

หมึกที่ถูกฝนอย่างใจเย็นและพู่กันอันเก่าที่ถูกหยิบเอาขึ้นอย่างมั่นคงแสดงให้เห็นว่ายามนี้มือที่กำลังจรดพู่กันลงบนหนังสือสำคัญแผ่นตรงหน้าได้คิดมาอย่างดีและถี่ถ้วนแล้ว นางตัดสินใจดีแล้ว

อันที่จริงนางควรจะรู้ตั้งแต่ที่สตรีผู้นั้นเข้ามาพักอยู่ที่จวนแห่งนี้แล้ว และก็ควรมั่นใจในความรู้สึกของตัวเองได้ตั้งนานแล้ว การที่สตรีผู้นั้นได้เข้าไปอยู่ในที่ที่นางไม่เคยได้เข้าไปนั่นก็เป็นสิ่งที่บอกชัดแล้ว ว่ากำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในจวนแห่งนี้

มิรู้ว่าหวงอิ่งจื่อทนให้คนตระกูลฟ่านกระทำหมิ่นเกียรติและดูแคลนอยู่เช่นนี้ทำไม ทำดีไม่มีใครเห็นนั่นก็ปวดใจมากพออยู่แล้ว แต่หนักหนากว่านั้นคือการไม่ได้ทำอะไรสักอย่างก็ยังโดนกลั่นแกล้งและใส่ร้าย นางอยู่นางไม่สู้ก็ยิ่งทำให้พวกเขาเหล่านั้นได้ใจ

“เฮ้อ” ริมฝีปากซีดเซียวถอนลมหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า

จนถึงตอนนี้ก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงได้อีกแล้ว ไม่มีจริง ๆ ต่อให้พยายามมากมายแค่ไหน ในเมื่อไม่มีใครสนใจจะมองหรือสังเกตุเห็นความพยายามทั้งหมดของนางก็ไร้ประโยชน์ ช่างเสียเวลายิ่งนัก

“ทั้งเรือนอวี้ฟาน และหัวใจของท่านมันไม่เคยเป็นที่สำหรับข้าเลย” หวงอิ่งจื่อลงชื่อของตนเองลงในตอนท้ายของหนังสือหย่า นัยน์ตากลมโตมองไปรอบ ๆ ห้องที่อยู่เดียวดายมานานนับปี

“เคยคิดว่าห้องนี้ยามไม่มีท่านมันช่างเงียบเหงา แต่มิรู้เลยว่ายามที่ท่านกลับมา สถานที่แห่งนี้จะสร้างความเจ็บปวดให้ทั้งกายและใจของข้าเช่นนี้” แม้ว่านี่ดูเหมือนจะเป็นการคร่ำครวญและอาลัยอาวรณ์ แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นเพียงแค่คำที่นางใช้แสดงความสมเพชตนเองต่างหาก

“ลาก่อน”

ร่างเพรียวบอบบางของสตรีเดินไปยังกองข้าวของเล็กน้อยที่เตรียมเอาไว้ แม้หนทางข้างหน้าจะยากลำบาก แต่ก็ยังดีกว่าอยู่อย่างไร้ตัวตนที่นี่ และอย่างน้อยท่านย่าจะได้ไม่ต้องเป็นอันตรายเพราะการแก่งแย่งที่ไม่จำเป็นในจวนแห่งนี้ด้วย

ขาดนางไปสักคน ทุกสิ่งทุกอย่างคงดีขึ้น

“ในเมื่อที่นี่ไม่มีใครต้องการข้าแล้วข้าก็ไม่ควรอยู่อีกต่อไป” หวงอิ่งจื่อก้าวเท้าออกจากเรือนนอนของตน ทุกอย่างยังคงเป็นเหมือนวันแรกที่นางเดินเข้ามา มันไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปมากนัก เพราะนางไม่เคยได้รับข้าวของอะไรที่เหมาะสมกับคำว่าฮูหยินท่านแม่ทัพเลยแม้แต่น้อย

เรื่องราวที่จบลงอย่างปวดร้าวนี่มันเริ่มราวกับนิยายที่ในเมืองหลวงชอบเขียนขาย ชีวิตยากไร้ของสตรีผู้หนึ่งถูกบุรุษสูงศักดิ์ฉุดรั้งให้พ้นจากความทุกข์ยาก เนื้อเรื่องทำนองนี้ถูกเขียนเพราะเป็นที่นิยมและขายดี สตรีทุกนางต่างอยากเจอเทพบุตรในฝันดั่งในนิยาย

หวงอิ่งจื่อเป็นบุตรสาวคนเดียวของตระกูลหวง

แม้ว่าตระกูลหวงท่านพ่อของนางจะไม่ได้มีตำแหน่งยิ่งใหญ่ในกองทัพ แต่ท่านพ่อก็เป็นถึงคนสนิทของนายกองที่มีฝีมือ แม้จะไม่ยิ่งใหญ่เพราะเกิดในตระกูลชาวบ้าน แต่เพราะฝีมือก็พาให้ท่านพ่อของนางเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ท่านพ่อของนางไม่ใช่ตระกูลขุนนางจึงไม่สามารถรับตำแหน่งอะไรได้นอกจากทหารชั้นประทวน และถึงแม้จะสิ้นชีพที่ชายแดน ความสามารถก็เป็นที่ประจัก จนนายกองคนนั้นนำข่าวของบิดามาบอกถึงกระท่อมที่นางใช้เป็นที่พักเพียงลำพังยามที่บิดาออกศึก

“นี่เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ข้านำมาจากท่านลุงหวง” มือของหวงอิ่งจื่อสั่นเมื่อยามเอื้อมออกไปรับดาบของบิดาของตัวเอง “ข้าขอโทษ เป็นเพราะข้า บิดาของเจ้าจึงต้องสิ้นลมหายใจ” เสียงทุ้มเจือไปด้วยความสำนึกผิดเต็มหัวใจ

หวงอิ่งจื่อส่ายหน้าเบา ๆ

“ท่านพ่อจากไปอย่างสมเกียรติแล้ว” รอยยิ้มพร้อมน้ำตาที่ไหลลงมาช่างไม่เข้ากันนั่น แต่มันกลับน่ามองยิ่งนัก

“ข้ารับปากกับพ่อเจ้าเอาไว้หนึ่งเรื่อง และเรื่องนั้นเกี่ยวกับเจ้า”

หวงอิ่งจื่อเงยหน้าขึ้นมองบุรุษที่นางเพิ่งเคยเห็นเขาเป็นครั้งแรก

“กลับไปตระกูลข้าเถอะ ข้าสัญญากับบิดาเจ้าว่าจะดูแลเจ้า รับเจ้าเป็นภรรยา”

แม้ว่าดวงตาสวยจะเบิกโตเมื่อได้ฟังคำสั่งเสียสุดท้ายที่บิดาฝากเอาไว้ ท่านฝากนางเอาไว้กับบุรุษตรงหน้านี้ แม้จะไม่เคยพบกันมาก่อนแต่นี่อาจเป็นหนทางเดียวที่นางมี

สุดท้ายแล้วชีวิตของหวงอิ่งจื่อก็ดำเนินไปแบบนั้น ในวันที่นางสูญเสียเสาหลักในชีวิตไป ก็มีเสาอื่นมาทดแทน เพียงแต่สิ่งที่รอคอยหวงอิ่งจื่ออยู่มันไม่ได้สวยงามเหมือนกับบทละครที่ใช้แสดงกันในโรงงิ้ว สตรียากไร้อย่างนางไม่ได้ถูกดึงให้กลายเป็นหงส์อย่างในบทละคร

พิธีเรียบง่ายอย่าได้หวังถึงสินสอดหรือสินเดิม ทุกอย่างล้วนไม่มีทั้งสิ้น เพียงแค่หาชุดสีมงคลมาจัดพิธีไหว้ฟ้าดินยกน้ำชา มีแม่สื่อตามธรรมเนียมก็ถือว่าเป็นบุญของนางแล้ว

และทันทีที่จบพิธีฟ่านเฉิงเฉิงก็ต้องเดินทางไปชายแดนอีกครั้งไม่แม้แต่จะบอกกล่าวหรือเอ่ยคำร่ำลาฮูหยินที่เพิ่งแต่งเข้าจวน แม้นางเองจะรู้ว่าฟ่านเฉิงเฉิงไม่ได้มีใจรักให้นาง ด้วยเพราะการกระทำที่ค่อนข้างเมินเฉย และสีหน้าไม่พอใจของคนในครอบครัวของเขา แต่หวงอิ่งจื่อก็คิดแล้วว่าหน้าที่ของนางคือสะใภ้ของสกุลฟ่าน ต่อให้ฟ่านเฉิงเฉิงจะอยู่ตรงนี้หรือไม่ นางก็ควรจะดูแลทุกคนให้ดีเยี่ยงสะใภ้ที่ควรปฎิบัติต่อครอบครัวสามี

แม้จะคิดเช่นนั้นแต่ในความเป็นจริงกลับทำได้ยากยิ่งนัก

“เรื่องง่าย ๆ แค่นี้ก็ทำไม่ได้ หากลูกชายข้ากลับมาเจ้าจะทำสิ่งที่ควรทำได้อย่างนั้นหรือ” น้ำเสียงกล่าวตำหนิทุกสิ่งของแม่สามีทำให้หวงอิ่งจื่อต้องลอบถอนหายใจ แต่นี่มันก็เป็นเพียงเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นประจำก็เท่านั้น แม้จะเดาว่าต้องเป็นเช่นนี้ แต่นางก็ไม่เคยชินเสียที

“เจ้าค่ะท่านแม่ ข้าจะปรับปรุง”

“ปรับปรุง ปรับปรุงอย่างนั้นเหรอ” เสียงของฟ่านหลันหวีดร้องเมื่อหวงอิ่งจื่อเอ่ยโต้ตอบ แม้ว่าจะไม่ใช่น้ำเสียงประชดประชัน แต่ถึงกระนั้นฟ่านหลันก็ไม่พอใจ

“พอแล้วพอแล้ว เจ้าก็เลิกว่ากล่าวนางเสียที อิ๋งจื่อ เดี๋ยวเจ้าก็ตามไปนวดย่าที่เรือนหน่อย” หวงอิ่งจื่อรีบพยักหน้ารับคำ เพราะนางรู้ดีว่านี่คือการช่วยเหลือของผู้มีอาวุโสที่สุดในตระกูลฟ่าน

“ท่านย่าที่จริงท่านแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรมากนัก” เมื่อเดินเข้ามาในเรือนนอนของเหล่าฮูหยินหวงอิ๋งจื่อก็รีบแก้ต่างให้มารดาสามี

คนมีอายุได้ฟังก็ถอนหายใจยาว

“เจ้าทนได้ แต่ข้าทนไม่ได้ ที่นางเป็นเช่นนี้คงเพราะเป็นห่วงเฉิงเฉิง อย่าได้โกรธเคืองนางเลยนะ”

หวงอิ่งจื่อพยักหน้าอีกครา หากจะมีใครในตระกูลฟ่านดีกับนางก็คงเป็นสตรีสูงวัยตรงหน้านี่ หากแม่สามีของนางคิดแบบท่านย่าได้สักนิดก็คงดี ถ้าหากทุกคนในจวนสกุลฟ่านแห่งนี้เป็นแบบแม่สามี นางคงจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อย่างยากลำบากเสียแล้ว

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สุดทางยื้อ ไปเถิดข้าปล่อยมือท่านแล้ว   บทที่2

    บทที่2“ไปตลาดมาได้ข่าวอะไรเกี่ยวกับชายแดนบ้างหรือไม่” น้ำเสียงที่เพียงแค่เอ่ยก็ฟังรู้แล้วว่าไม่พอใจของแม่สามีทำให้หวงอิ๋งจื่อเอ่ยตอบกลับไปเบา ๆ “ไม่มีเจ้าค่ะ” เสียงพ่นลมหายใจแรงราวกับไม่พอใจดังมาจากคนที่เอ่ยถาม“หากเป็นบุตรสาวของนายทหารสักคนก็คงจะตอบคำถามนี้ได้ ส่วนบุตรชายของข้าก็คงจะไม่ว่างเพราะจะต้องรบทัพจับศึกจนไม่มีเวลาเขียนจดหมาย ช่างไร้ประโยชน์จริง ๆ ไร้ประโยชน์ยิ่งนัก” ฟ่านหลันส่ายหัวอย่างเหนื่อยหน่าย สะใภ้ที่บุตรชายคนเดียวแต่งเข้าจวน ฐานะต้อยต่ำช่วยเหลือผลักดันบุตรชายคนเดียวของนางไม่ได้สักนิด ใช้งานอะไรก็ไม่ได้ดั่งใจสักอย่าง หากนางได้เลือกสะใภ้ด้วยตนเองคงดีกว่านี้หวงอิ่งจื่อออยากจะอธิบายให้แม่สามีได้ฟังว่าต่อให้เป็นแม่ทัพบางทีก็ไม่ใช่ว่าจะส่งจดหมายออกมาจากค่ายทหารได้ง่าย ๆถึงนางจะไม่ใช่บุตรสาวของขุนนางสูงส่งแต่ก็ใช่ว่าจะไร้ความรู้ น่าเสียดายนางไม่สามารถอธิบายให้แม่สามีเข้าใจได้ เพราะแค่นี้แม่สามีก็ด่านางเช้าด่านางเย็นแล้ว หายใจเสียงดังนางยังผิด เอาเถอะก้มหน้าทนๆไป อย่างไรนั่นก็แม่สามี“จะมานั่งอยู่ทำไมอีกเล่า เข้าไปทำกับข้าวในครัวสิ ไร้ประโยชน์ ไม่รู้จะแต่งเข้ามาทำไม” เสี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-14
  • สุดทางยื้อ ไปเถิดข้าปล่อยมือท่านแล้ว   บทที่3

    บทที่3“นี่คือหลีซูเหยานางเป็นสหายของข้า เจ้าก็จัดหาที่อยู่ให้นางด้วย เรือนอวี้ฟางก็แล้วกัน” หวงอิ่งจื่อมองคนตรงหน้าพลางกะพริบตาปริบ ๆ ไม่รู้จะรับคำหรือจะพูดว่าอย่างไรดีแทนที่เขาจะถามว่านางเป็นอย่างไร หรือบอกเรื่องของตนเองที่ผ่านมาบ้าง กลับให้นางดูแลคนที่เพิ่งมาเสียอย่างนั้น ทุกการกระทำของฟ่านเฉิงเฉิงทำให้หวงอิ่งจื่อพูดไม่ออกแม้เพียงคำ“เรือนอวี้ฟานงั้นหรือ” แม้จะเพิ่งเข้ามาอยู่ในตระกูลฟ่านได้เพียงแค่สองปี แต่ก็แทบไม่เคยได้ก้าวเข้าไปในสถานที่แห่งนั้น เพราะท่านแม่บอกว่าฟ่านเฉิงเฉิงหวงแหนที่แห่งนั้นมากกว่าทุกที่ในจวน แม้จะสงสัยว่ามากยิ่งกว่าห้องนอนของตัวเองอีกหรือ แต่ก็ได้รับคำยืนยันจากท่านย่าจึงทำให้หวงอิ๋งจื่อไม่สงสัยอีกต่อไป แต่วันนี้“แต่ว่าเรือนนั้น” หวงอิ่งจื่อกำลังจะเอ่ยถามสามี แต่ก็เป็นมารดาของเขาที่เร่งให้ฟ่านเฉิงเฉิงไปไหว้ป้ายบรรพบุรุษและบิดา “หากเจ้าทำไม่ได้ก็ให้สาวใช้ทำ” คำพูดราวกับไม่ใส่ใจก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับสตรีที่มาใหม่ สตรีผู้นั้นเดินตามติดเข้าไปในเรือนชั้นในทำให้หวงอิ่งจื่อรู้สึกราวกับหายใจไม่ออก“ฮูหยินเล็ก ท่านได้ยินนายท่านสั่งแล้ว ไปช่วยกันจัดการสิเจ้าคะ” ไม่รู้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-14
  • สุดทางยื้อ ไปเถิดข้าปล่อยมือท่านแล้ว   บทที่4

    บทที่4“เจ้าขาดเหลืออะไรก็บอกนางนะลูก” ทันทีที่ฟ่านเฉิงเฉิงเดินไปยังทิศทางเรือนนอนของตัวเองที่อยู่ร่วมกับหวงอิ่งจื่อ แม่สามีก็เร่งมาบอกสำทับสิ่งที่ควรกระทำในการอยู่ที่ตระกูลนี้กับแม่นางหลีซูเหยาในทันทีหวงอิ่งจื่อได้แต่ยืนนิ่ง แน่นอนว่าการต้อนรับแขกของสามีควรเป็นเรื่องของฮูหยินอย่างนาง เพียงแต่ปกตินางได้รับสิทธิขนาดนั้นเสียทีไหนกัน นางมีชีวิตดีกว่าสาวใช้ในจวนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น“พี่สาวพาข้าไปที่พักเถอะ” หวงอิ่งจื่อเดินพาหลีซูเหยามุ่งไปยังเรือนอวี้ฟางด้วยใจที่เย็นเยือก“ข้าลำบากมาพี่สาวคงไม่รังเกียจให้ข้าอยู่ร่วมเรือนกับท่านพี่เฉิงหรอกนะเจ้าคะ” “ข้าเข้าใจ เจ้าไม่ต้องกังวลหรอก” คำตอบนั้นไม่ได้ตรงกับนางใจแม้แต่นิด แต่จะให้นางตอบว่าไม่พอใจงั้นหรือ นางทำได้หรือเปล่าเล่า“ข้าก็แค่กังวลกลัวพี่สาวจะคิดมาก” ไม่รู้ว่าหวงอิ่งจื่อคิดไปเองหรือเปล่าเหมือนว่าหญิงสาวแปลกหน้าอย่างหลีซูเหยาต้องการเน้นย้ำบางอย่างกับนาง แม้จะคิดเช่นนั้น แต่หากแท้จริงแล้วทั้งคู่มีความสัมพันธ์กันมากกว่าคนรู้จักจริง ๆ นางก็คงจะทำอะไรไม่ได้ อย่างไรนางก็เป็นเพียงแค่สะใภ้ที่ไม่ได้รับการต้อนรับ“เจ้าไปทำอะไรอยู่ที่ไหนเสียน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-14
  • สุดทางยื้อ ไปเถิดข้าปล่อยมือท่านแล้ว   บทที่5

    บทที่5หวงอิ่งจื่อทำทุกสิ่งที่ภรรยาควรทำ แต่ดูเหมือนความห่างไกลอีกทั้งระยะทางและเวลาทำให้หญิงสาวกับสามีดูเหินห่างและเย็นชาต่อกันมากขึ้นทุกวันเทียนทุกเล่มในเรือนถูกดับลงไปแล้ว และตอนนี้หวงอิ่งจื่อก็นอนอยู่เคียงข้างคนที่เรียกได้ว่าสามีแต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ในนามเท่านั้น จึงทำให้ยามนี้ที่ต้องมานอนอยู่เคียงข้างบนฟูกเดียวกันมันช่างเป็นเรื่องที่ทำให้จิตใจของหญิงสาวตื่นตระหนกไม่ใช่น้อย“หากเจ้ายังไม่หยุดขยับตัว ข้าจะนอนไม่หลับ” เสียงแหบห้าวของชายหนุ่มทำให้หวงอิ่งจื่อนอนตัวแข็งทื่อ“ข้าขอโทษ ท่านพักเถอะเจ้าคะ” นางตอบเสียงตะกุกตะกัก แต่การพูดออกไปเช่นนั้นทำให้เกิดสิ่งที่หญิงสาวไม่คิดว่าจะเกิด“ท่าน! คำเรียกขานเช่นนี้มิฟังดูห่างเหินไปหน่อยหรือ หึ! ระหว่างที่ข้าไปรบเจ้าคงมีเป้าหมายอื่นแล้วสินะ ถึงได้ทำตัวห่างเหินกับสามีเช่นนี้” ร่างของชายหนุ่มที่หันมาคร่อมอย่างกะทันหันทำให้หวงอิ่งจื่อพูดอะไรไม่ออกนางและเขาไม่เคยได้ใกล้ชิดแบบนี้เลยสักครั้ง แน่นอนว่านางได้ดื่มสุรามงคลและนอนบนเตียงของเขามาตลอดแต่เพราะยามนั้นท่านพ่อของนางเพิ่งสิ้นอีกฝ่ายบอกว่ารอให้ถึงวันที่นางจะทำใจได้ แต่ก็ไม่นึกว่าจู่ๆ เขาจะถูกดึ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-14
  • สุดทางยื้อ ไปเถิดข้าปล่อยมือท่านแล้ว   บทที่6

    บทที่6“พี่สาวข้าต้องขอบคุณมากเรือนที่ท่านจัดเอาไว้ให้นั้นดีมากเจ้าค่ะ ข้านอนหลับสบายหลังจากไม่ได้หลับอย่างไม่ต้องกังวลเช่นนี้มานาน” หลีซูเหยาที่เดินมาพร้อมกับผู้นำตระกูลอย่างฟ่านเฉิงเฉิงเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้ม มือเรียวที่จับคล้องอยู่ที่แขนแข็งแรงของชายหนุ่มทำให้ใบหน้าของหวงอิ่งจื่อเปลี่ยนไปและสิ่งเหล่านั้นก็อยู่ในสายตาของหลี่ซูเหยา นางเหยียดยิ้มร้ายก่อนหน้านี้นางแสร้งทำเป็นจะล้มจึงได้เดินเกาะแขนท่านพี่เฉิงเดินเข้ามา มินึกว่านี่จะเป็นเรื่องเหมาะเจาะพอดีราวกับสวรรค์จงใจช่วยเหลือนาง คิดถูกแล้วที่กลับมานั่นจึงทำให้หญิงสาวเอ่ยขอบคุณสะใภ้คนเดียวของตระกูลฟ่าน ต่อหน้าทุกคนที่พร้อมหน้าอยู่ที่โต๊ะอาหารเช้า “ท่านพี่ ขอบคุณมากจริง ๆ นะเจ้าคะ หากไม่ได้ท่านป่านนี้ข้าคงจะแย่แล้ว”ชายหนุ่มไม่ได้ตอบอะไรกลับคำนั้นเขาเพียงแค่พยักเพยิกไปที่โต๊ะอาหารตรงหน้า “นั่งเถอะจะได้กินข้าวเช้ากัน” และก็เป็นอีกครั้งที่หลีซูเหยาเบียดสตรีผู้เป็นภรรยาหมิงเหยียนออกไปแล้วนั่ง ข้าง ๆ เขาแทนหวงอิ่งจื่อพยายามไม่สนใจเหตุการณ์นั้นและคอยดูแลปรนนิบัติท่านย่าเป็นอย่างดี เพราะอายุที่มากขึ้นจึงทำให้จะหยิบจะจับอะไรก็ยากลำบากไปเสีย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-14
  • สุดทางยื้อ ไปเถิดข้าปล่อยมือท่านแล้ว   บทที่7

    บทที่7ยิ่งเวลาผ่านไปหวงอิ่งจื่อก็รู้สึกได้ถึงความกดดันจากแม่สามี นางทำเหมือนกับหญิงสาวเป็นคนนอกขึ้นทุกที หรือบางทีก็ไม่ใช่คนนอกแต่เหมือนสาวใช้เสียมากกว่า“เจ้าไปเอาของในครัวมาเพิ่มสิ” เสียงนั้นทำให้หวงอิ่งจื่อรีบลุกขึ้นอย่างไม่ต้องมีใครมาบอก แต่ชายหนุ่มเพียงคนเดียวบนโต๊ะอาหารกลับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “เจ้าจะไปไหน ลุกขึ้นระหว่างกินข้าวไม่ใช่เรื่องที่ควรจะทำ” หวงอิ่งจื่อก้มหน้านิ่ง“ท่านแม่บอกให้ข้าไปนำของมาเพิ่ม”“ข้าได้เอ่ยชื่อเจ้าสักคำหรือ สาวใช้ก็มี ทำไมไม่ใช้เล่า” ฟ่านหลันรีบแก้ตัวคำพูดและท่าทางที่ต่างไปจากยามที่ฟ่านเฉิงเฉิงอยู่ทำให้หวงอิ่งจื่อทรุดตัวนั่งลงที่เดิม และก็เป็นสาวใช้ของแม่สามีที่เดินไปจัดการเรื่องเหล่านั้นแทน แต่ใช่ว่าจะทำได้ถูกใจ อย่างไรทุกอย่างตอนนี้ในตระกูลนางล้วนเป็นคนทำและดูแลทั้งหมด“อะไรกันอาหารนี่ทำไมไม่เห็นเหมือนจานก่อนหน้าเลย เจ้าไปหยิบอะไรมากันแน่” ฟ่านหลันตวาดใส่สายใช้ที่ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจตนเองหวงอิ่งจื่อถอนหายใจหนักก่อนจะบอกว่านางจะไปจัดการให้เอง แน่นอนว่าเรื่องผิดใจกันเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้มีขึ้นทุกวัน“ทั้ง ๆ ที่เจ้าบอกแล้วว่าไม่ควรลุกออกไปแต่นางก็ยั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-14
  • สุดทางยื้อ ไปเถิดข้าปล่อยมือท่านแล้ว   บทที่8

    บทที่8สถานการณ์ที่หลีซูเหยาออกรับแทนหวงอิ่งจื่อเกิดขึ้นอีกหลายต่อหลายครั้งหลังจากนั้น ทั้งห้ามไม่ให้ท่านแม่ตำหนิและว่ากล่าวยามทำไม่ถูกใจ นางเอ่ยเรียกแม่ของฟ่านเฉิงเฉิงว่า ท่านแม่ อย่างชัดเจนจนท่านย่ากระตุกขมวดคิ้ว แต่ในเมื่อไม่มีใครเอ่ยว่าอะไรจึงต้องปล่อยไปอย่างนั้น เหมือนทุกเรื่องที่คนในตระกูลนี้ปล่อยให้เกิดขึ้นซ้ำ ๆ“เรื่องแค่นี้ทำไมเจ้าไม่รู้” ชายหนุ่มถอนหายใจเมื่อสารสำคัญที่แม่ทัพอีกหน่วยส่งมาให้เขาหายไป “ข้า...” หวงอิ่งจื่อไม่รู้จะตอบเช่นไร เพราะวันนี้นางยังไม่ได้รับอะไรเลยแม้แต่อย่างเดียว แต่คนที่นำเอกสารมาบอกว่านำมาให้กับฮูหยินของแม่ทัพฟ่านเรียบร้อยแล้ว“ท่านพี่อย่าว่ากล่าวพี่สาวเลยนะเจ้าค่ะ ลองถามดูกับคนอื่น ๆ บ้างทีคนที่นำสารสำคัญมาส่งอาจจะเข้าใจผิดก็เป็นได้” แม้จะพูดอย่างนั้นแต่หลีซูเหยารู้ดีกว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงแต่นางอาจจะไม่รู้ว่าเรื่องที่ตนทำใหญ่กว่าที่คิดเพราะนางอ่านหนังสือไม่ออกนางเป็นคนรับสารสำคัญนั่นมาเอง และตอนนี้มันก็ถูกเผาไปแล้ว หญิงสาวยิ้มอย่างพอใจที่เห็นท่าทางทำอะไรไม่ถูกของหวงอิ่งจื่อ“ข้าจะออกไปข้างนอก” ทันทีที่ชายหนุ่มไปหลีซูเหยาก็เร่งเข้ามาแสดงท่าทางเป็นห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-14
  • สุดทางยื้อ ไปเถิดข้าปล่อยมือท่านแล้ว   บทนำ

    บทนำสตรีในชุดมงคลสีแดง นั่งเหม่อมองแสงอาทิตย์ยามเช้าที่สาดส่องเข้ามาผ่านผ้าม่านสีแดง ดวงตากลมโตแดงรื้อบอบช้ำ เนื่องจากผ่านการร้องไห้มาทั้งคืน งานมงคลสมรสที่ควรจะมีเจ้าบ่าวร่วมหอ แต่กลับมีเพียงเจ้าสาวในชุดแดงนั่งอยู่ในห้องหอเพียงลำพัง นางเฝ้ารอบุรุษที่นางกราบไหว้ฟ้าดินร่วมกันเมื่อช่วงเช้าอย่างใจจดจ่อ แต่แล้วจนตะวันของอีกวันใหม่โผล่พ้นขอบฟ้า คนที่นางเฝ้ารอก็ยังไม่มา “คุณหนู” แม่สื่อที่นั่งเฝ้าเจ้าสาวมาตลอดทั้งคืน เอ่ยเรียกเจ้าสาวในความรับผิดชอบของตนเองเสียงแผ่วเบา นางเองก็นั่งเฝ้าอยู่หน้าประตูทั้งคืน รอให้ว่าที่สามีของคุณหนูผู้นี้มายังเรือนหอแห่งนี้ทั้งคืน แต่ก็ไร้เงาบุรุษที่สวมชุดแดงมงคล นางแอบไปเรียบๆ เคียงๆ ในงานเลี้ยงอยู่หลายหน จนสุดท้ายถึงได้รู้ว่า เจ้าบ่าวถูกแขกในงานรั้งเอาไว้จนดึกดื่น อีกทั้งขนาดดื่มสุราจนเมามายยังไม่มีทีท่าว่าจะมายังเรือนหอที่มีเจ้าสาวอยู่ พอรุ่งเช้ากลับมีข่าวร้ายมากกว่าเดิม นางจะบอกคุณหนูผู้นี้เช่นไรดี แค่เห็นขอบตาแดงก่ำของเจ้าสาวคนใหม่ใจของนางก็ตกไปอยู่ตาตุ่มเสียแล้ว“เช้าแล้ว เขาคงไม่มาแล้ว ท่านมาช่วยข้าถอดชุดเจ้าสาวทีสิ”หวงอิ่งจื่อเอี้ยวตัวหันไปตามเสียงเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-14

บทล่าสุด

  • สุดทางยื้อ ไปเถิดข้าปล่อยมือท่านแล้ว   บทที่8

    บทที่8สถานการณ์ที่หลีซูเหยาออกรับแทนหวงอิ่งจื่อเกิดขึ้นอีกหลายต่อหลายครั้งหลังจากนั้น ทั้งห้ามไม่ให้ท่านแม่ตำหนิและว่ากล่าวยามทำไม่ถูกใจ นางเอ่ยเรียกแม่ของฟ่านเฉิงเฉิงว่า ท่านแม่ อย่างชัดเจนจนท่านย่ากระตุกขมวดคิ้ว แต่ในเมื่อไม่มีใครเอ่ยว่าอะไรจึงต้องปล่อยไปอย่างนั้น เหมือนทุกเรื่องที่คนในตระกูลนี้ปล่อยให้เกิดขึ้นซ้ำ ๆ“เรื่องแค่นี้ทำไมเจ้าไม่รู้” ชายหนุ่มถอนหายใจเมื่อสารสำคัญที่แม่ทัพอีกหน่วยส่งมาให้เขาหายไป “ข้า...” หวงอิ่งจื่อไม่รู้จะตอบเช่นไร เพราะวันนี้นางยังไม่ได้รับอะไรเลยแม้แต่อย่างเดียว แต่คนที่นำเอกสารมาบอกว่านำมาให้กับฮูหยินของแม่ทัพฟ่านเรียบร้อยแล้ว“ท่านพี่อย่าว่ากล่าวพี่สาวเลยนะเจ้าค่ะ ลองถามดูกับคนอื่น ๆ บ้างทีคนที่นำสารสำคัญมาส่งอาจจะเข้าใจผิดก็เป็นได้” แม้จะพูดอย่างนั้นแต่หลีซูเหยารู้ดีกว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงแต่นางอาจจะไม่รู้ว่าเรื่องที่ตนทำใหญ่กว่าที่คิดเพราะนางอ่านหนังสือไม่ออกนางเป็นคนรับสารสำคัญนั่นมาเอง และตอนนี้มันก็ถูกเผาไปแล้ว หญิงสาวยิ้มอย่างพอใจที่เห็นท่าทางทำอะไรไม่ถูกของหวงอิ่งจื่อ“ข้าจะออกไปข้างนอก” ทันทีที่ชายหนุ่มไปหลีซูเหยาก็เร่งเข้ามาแสดงท่าทางเป็นห

  • สุดทางยื้อ ไปเถิดข้าปล่อยมือท่านแล้ว   บทที่7

    บทที่7ยิ่งเวลาผ่านไปหวงอิ่งจื่อก็รู้สึกได้ถึงความกดดันจากแม่สามี นางทำเหมือนกับหญิงสาวเป็นคนนอกขึ้นทุกที หรือบางทีก็ไม่ใช่คนนอกแต่เหมือนสาวใช้เสียมากกว่า“เจ้าไปเอาของในครัวมาเพิ่มสิ” เสียงนั้นทำให้หวงอิ่งจื่อรีบลุกขึ้นอย่างไม่ต้องมีใครมาบอก แต่ชายหนุ่มเพียงคนเดียวบนโต๊ะอาหารกลับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “เจ้าจะไปไหน ลุกขึ้นระหว่างกินข้าวไม่ใช่เรื่องที่ควรจะทำ” หวงอิ่งจื่อก้มหน้านิ่ง“ท่านแม่บอกให้ข้าไปนำของมาเพิ่ม”“ข้าได้เอ่ยชื่อเจ้าสักคำหรือ สาวใช้ก็มี ทำไมไม่ใช้เล่า” ฟ่านหลันรีบแก้ตัวคำพูดและท่าทางที่ต่างไปจากยามที่ฟ่านเฉิงเฉิงอยู่ทำให้หวงอิ่งจื่อทรุดตัวนั่งลงที่เดิม และก็เป็นสาวใช้ของแม่สามีที่เดินไปจัดการเรื่องเหล่านั้นแทน แต่ใช่ว่าจะทำได้ถูกใจ อย่างไรทุกอย่างตอนนี้ในตระกูลนางล้วนเป็นคนทำและดูแลทั้งหมด“อะไรกันอาหารนี่ทำไมไม่เห็นเหมือนจานก่อนหน้าเลย เจ้าไปหยิบอะไรมากันแน่” ฟ่านหลันตวาดใส่สายใช้ที่ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจตนเองหวงอิ่งจื่อถอนหายใจหนักก่อนจะบอกว่านางจะไปจัดการให้เอง แน่นอนว่าเรื่องผิดใจกันเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้มีขึ้นทุกวัน“ทั้ง ๆ ที่เจ้าบอกแล้วว่าไม่ควรลุกออกไปแต่นางก็ยั

  • สุดทางยื้อ ไปเถิดข้าปล่อยมือท่านแล้ว   บทที่6

    บทที่6“พี่สาวข้าต้องขอบคุณมากเรือนที่ท่านจัดเอาไว้ให้นั้นดีมากเจ้าค่ะ ข้านอนหลับสบายหลังจากไม่ได้หลับอย่างไม่ต้องกังวลเช่นนี้มานาน” หลีซูเหยาที่เดินมาพร้อมกับผู้นำตระกูลอย่างฟ่านเฉิงเฉิงเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้ม มือเรียวที่จับคล้องอยู่ที่แขนแข็งแรงของชายหนุ่มทำให้ใบหน้าของหวงอิ่งจื่อเปลี่ยนไปและสิ่งเหล่านั้นก็อยู่ในสายตาของหลี่ซูเหยา นางเหยียดยิ้มร้ายก่อนหน้านี้นางแสร้งทำเป็นจะล้มจึงได้เดินเกาะแขนท่านพี่เฉิงเดินเข้ามา มินึกว่านี่จะเป็นเรื่องเหมาะเจาะพอดีราวกับสวรรค์จงใจช่วยเหลือนาง คิดถูกแล้วที่กลับมานั่นจึงทำให้หญิงสาวเอ่ยขอบคุณสะใภ้คนเดียวของตระกูลฟ่าน ต่อหน้าทุกคนที่พร้อมหน้าอยู่ที่โต๊ะอาหารเช้า “ท่านพี่ ขอบคุณมากจริง ๆ นะเจ้าคะ หากไม่ได้ท่านป่านนี้ข้าคงจะแย่แล้ว”ชายหนุ่มไม่ได้ตอบอะไรกลับคำนั้นเขาเพียงแค่พยักเพยิกไปที่โต๊ะอาหารตรงหน้า “นั่งเถอะจะได้กินข้าวเช้ากัน” และก็เป็นอีกครั้งที่หลีซูเหยาเบียดสตรีผู้เป็นภรรยาหมิงเหยียนออกไปแล้วนั่ง ข้าง ๆ เขาแทนหวงอิ่งจื่อพยายามไม่สนใจเหตุการณ์นั้นและคอยดูแลปรนนิบัติท่านย่าเป็นอย่างดี เพราะอายุที่มากขึ้นจึงทำให้จะหยิบจะจับอะไรก็ยากลำบากไปเสีย

  • สุดทางยื้อ ไปเถิดข้าปล่อยมือท่านแล้ว   บทที่5

    บทที่5หวงอิ่งจื่อทำทุกสิ่งที่ภรรยาควรทำ แต่ดูเหมือนความห่างไกลอีกทั้งระยะทางและเวลาทำให้หญิงสาวกับสามีดูเหินห่างและเย็นชาต่อกันมากขึ้นทุกวันเทียนทุกเล่มในเรือนถูกดับลงไปแล้ว และตอนนี้หวงอิ่งจื่อก็นอนอยู่เคียงข้างคนที่เรียกได้ว่าสามีแต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ในนามเท่านั้น จึงทำให้ยามนี้ที่ต้องมานอนอยู่เคียงข้างบนฟูกเดียวกันมันช่างเป็นเรื่องที่ทำให้จิตใจของหญิงสาวตื่นตระหนกไม่ใช่น้อย“หากเจ้ายังไม่หยุดขยับตัว ข้าจะนอนไม่หลับ” เสียงแหบห้าวของชายหนุ่มทำให้หวงอิ่งจื่อนอนตัวแข็งทื่อ“ข้าขอโทษ ท่านพักเถอะเจ้าคะ” นางตอบเสียงตะกุกตะกัก แต่การพูดออกไปเช่นนั้นทำให้เกิดสิ่งที่หญิงสาวไม่คิดว่าจะเกิด“ท่าน! คำเรียกขานเช่นนี้มิฟังดูห่างเหินไปหน่อยหรือ หึ! ระหว่างที่ข้าไปรบเจ้าคงมีเป้าหมายอื่นแล้วสินะ ถึงได้ทำตัวห่างเหินกับสามีเช่นนี้” ร่างของชายหนุ่มที่หันมาคร่อมอย่างกะทันหันทำให้หวงอิ่งจื่อพูดอะไรไม่ออกนางและเขาไม่เคยได้ใกล้ชิดแบบนี้เลยสักครั้ง แน่นอนว่านางได้ดื่มสุรามงคลและนอนบนเตียงของเขามาตลอดแต่เพราะยามนั้นท่านพ่อของนางเพิ่งสิ้นอีกฝ่ายบอกว่ารอให้ถึงวันที่นางจะทำใจได้ แต่ก็ไม่นึกว่าจู่ๆ เขาจะถูกดึ

  • สุดทางยื้อ ไปเถิดข้าปล่อยมือท่านแล้ว   บทที่4

    บทที่4“เจ้าขาดเหลืออะไรก็บอกนางนะลูก” ทันทีที่ฟ่านเฉิงเฉิงเดินไปยังทิศทางเรือนนอนของตัวเองที่อยู่ร่วมกับหวงอิ่งจื่อ แม่สามีก็เร่งมาบอกสำทับสิ่งที่ควรกระทำในการอยู่ที่ตระกูลนี้กับแม่นางหลีซูเหยาในทันทีหวงอิ่งจื่อได้แต่ยืนนิ่ง แน่นอนว่าการต้อนรับแขกของสามีควรเป็นเรื่องของฮูหยินอย่างนาง เพียงแต่ปกตินางได้รับสิทธิขนาดนั้นเสียทีไหนกัน นางมีชีวิตดีกว่าสาวใช้ในจวนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น“พี่สาวพาข้าไปที่พักเถอะ” หวงอิ่งจื่อเดินพาหลีซูเหยามุ่งไปยังเรือนอวี้ฟางด้วยใจที่เย็นเยือก“ข้าลำบากมาพี่สาวคงไม่รังเกียจให้ข้าอยู่ร่วมเรือนกับท่านพี่เฉิงหรอกนะเจ้าคะ” “ข้าเข้าใจ เจ้าไม่ต้องกังวลหรอก” คำตอบนั้นไม่ได้ตรงกับนางใจแม้แต่นิด แต่จะให้นางตอบว่าไม่พอใจงั้นหรือ นางทำได้หรือเปล่าเล่า“ข้าก็แค่กังวลกลัวพี่สาวจะคิดมาก” ไม่รู้ว่าหวงอิ่งจื่อคิดไปเองหรือเปล่าเหมือนว่าหญิงสาวแปลกหน้าอย่างหลีซูเหยาต้องการเน้นย้ำบางอย่างกับนาง แม้จะคิดเช่นนั้น แต่หากแท้จริงแล้วทั้งคู่มีความสัมพันธ์กันมากกว่าคนรู้จักจริง ๆ นางก็คงจะทำอะไรไม่ได้ อย่างไรนางก็เป็นเพียงแค่สะใภ้ที่ไม่ได้รับการต้อนรับ“เจ้าไปทำอะไรอยู่ที่ไหนเสียน

  • สุดทางยื้อ ไปเถิดข้าปล่อยมือท่านแล้ว   บทที่3

    บทที่3“นี่คือหลีซูเหยานางเป็นสหายของข้า เจ้าก็จัดหาที่อยู่ให้นางด้วย เรือนอวี้ฟางก็แล้วกัน” หวงอิ่งจื่อมองคนตรงหน้าพลางกะพริบตาปริบ ๆ ไม่รู้จะรับคำหรือจะพูดว่าอย่างไรดีแทนที่เขาจะถามว่านางเป็นอย่างไร หรือบอกเรื่องของตนเองที่ผ่านมาบ้าง กลับให้นางดูแลคนที่เพิ่งมาเสียอย่างนั้น ทุกการกระทำของฟ่านเฉิงเฉิงทำให้หวงอิ่งจื่อพูดไม่ออกแม้เพียงคำ“เรือนอวี้ฟานงั้นหรือ” แม้จะเพิ่งเข้ามาอยู่ในตระกูลฟ่านได้เพียงแค่สองปี แต่ก็แทบไม่เคยได้ก้าวเข้าไปในสถานที่แห่งนั้น เพราะท่านแม่บอกว่าฟ่านเฉิงเฉิงหวงแหนที่แห่งนั้นมากกว่าทุกที่ในจวน แม้จะสงสัยว่ามากยิ่งกว่าห้องนอนของตัวเองอีกหรือ แต่ก็ได้รับคำยืนยันจากท่านย่าจึงทำให้หวงอิ๋งจื่อไม่สงสัยอีกต่อไป แต่วันนี้“แต่ว่าเรือนนั้น” หวงอิ่งจื่อกำลังจะเอ่ยถามสามี แต่ก็เป็นมารดาของเขาที่เร่งให้ฟ่านเฉิงเฉิงไปไหว้ป้ายบรรพบุรุษและบิดา “หากเจ้าทำไม่ได้ก็ให้สาวใช้ทำ” คำพูดราวกับไม่ใส่ใจก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับสตรีที่มาใหม่ สตรีผู้นั้นเดินตามติดเข้าไปในเรือนชั้นในทำให้หวงอิ่งจื่อรู้สึกราวกับหายใจไม่ออก“ฮูหยินเล็ก ท่านได้ยินนายท่านสั่งแล้ว ไปช่วยกันจัดการสิเจ้าคะ” ไม่รู้

  • สุดทางยื้อ ไปเถิดข้าปล่อยมือท่านแล้ว   บทที่2

    บทที่2“ไปตลาดมาได้ข่าวอะไรเกี่ยวกับชายแดนบ้างหรือไม่” น้ำเสียงที่เพียงแค่เอ่ยก็ฟังรู้แล้วว่าไม่พอใจของแม่สามีทำให้หวงอิ๋งจื่อเอ่ยตอบกลับไปเบา ๆ “ไม่มีเจ้าค่ะ” เสียงพ่นลมหายใจแรงราวกับไม่พอใจดังมาจากคนที่เอ่ยถาม“หากเป็นบุตรสาวของนายทหารสักคนก็คงจะตอบคำถามนี้ได้ ส่วนบุตรชายของข้าก็คงจะไม่ว่างเพราะจะต้องรบทัพจับศึกจนไม่มีเวลาเขียนจดหมาย ช่างไร้ประโยชน์จริง ๆ ไร้ประโยชน์ยิ่งนัก” ฟ่านหลันส่ายหัวอย่างเหนื่อยหน่าย สะใภ้ที่บุตรชายคนเดียวแต่งเข้าจวน ฐานะต้อยต่ำช่วยเหลือผลักดันบุตรชายคนเดียวของนางไม่ได้สักนิด ใช้งานอะไรก็ไม่ได้ดั่งใจสักอย่าง หากนางได้เลือกสะใภ้ด้วยตนเองคงดีกว่านี้หวงอิ่งจื่อออยากจะอธิบายให้แม่สามีได้ฟังว่าต่อให้เป็นแม่ทัพบางทีก็ไม่ใช่ว่าจะส่งจดหมายออกมาจากค่ายทหารได้ง่าย ๆถึงนางจะไม่ใช่บุตรสาวของขุนนางสูงส่งแต่ก็ใช่ว่าจะไร้ความรู้ น่าเสียดายนางไม่สามารถอธิบายให้แม่สามีเข้าใจได้ เพราะแค่นี้แม่สามีก็ด่านางเช้าด่านางเย็นแล้ว หายใจเสียงดังนางยังผิด เอาเถอะก้มหน้าทนๆไป อย่างไรนั่นก็แม่สามี“จะมานั่งอยู่ทำไมอีกเล่า เข้าไปทำกับข้าวในครัวสิ ไร้ประโยชน์ ไม่รู้จะแต่งเข้ามาทำไม” เสี

  • สุดทางยื้อ ไปเถิดข้าปล่อยมือท่านแล้ว   บทที่1

    บทที่1หมึกที่ถูกฝนอย่างใจเย็นและพู่กันอันเก่าที่ถูกหยิบเอาขึ้นอย่างมั่นคงแสดงให้เห็นว่ายามนี้มือที่กำลังจรดพู่กันลงบนหนังสือสำคัญแผ่นตรงหน้าได้คิดมาอย่างดีและถี่ถ้วนแล้ว นางตัดสินใจดีแล้วอันที่จริงนางควรจะรู้ตั้งแต่ที่สตรีผู้นั้นเข้ามาพักอยู่ที่จวนแห่งนี้แล้ว และก็ควรมั่นใจในความรู้สึกของตัวเองได้ตั้งนานแล้ว การที่สตรีผู้นั้นได้เข้าไปอยู่ในที่ที่นางไม่เคยได้เข้าไปนั่นก็เป็นสิ่งที่บอกชัดแล้ว ว่ากำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในจวนแห่งนี้มิรู้ว่าหวงอิ่งจื่อทนให้คนตระกูลฟ่านกระทำหมิ่นเกียรติและดูแคลนอยู่เช่นนี้ทำไม ทำดีไม่มีใครเห็นนั่นก็ปวดใจมากพออยู่แล้ว แต่หนักหนากว่านั้นคือการไม่ได้ทำอะไรสักอย่างก็ยังโดนกลั่นแกล้งและใส่ร้าย นางอยู่นางไม่สู้ก็ยิ่งทำให้พวกเขาเหล่านั้นได้ใจ“เฮ้อ” ริมฝีปากซีดเซียวถอนลมหายใจครั้งแล้วครั้งเล่าจนถึงตอนนี้ก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงได้อีกแล้ว ไม่มีจริง ๆ ต่อให้พยายามมากมายแค่ไหน ในเมื่อไม่มีใครสนใจจะมองหรือสังเกตุเห็นความพยายามทั้งหมดของนางก็ไร้ประโยชน์ ช่างเสียเวลายิ่งนัก“ทั้งเรือนอวี้ฟาน และหัวใจของท่านมันไม่เคยเป็นที่สำหรับข้าเลย” หวงอิ่งจื่อลงชื่อขอ

  • สุดทางยื้อ ไปเถิดข้าปล่อยมือท่านแล้ว   บทนำ

    บทนำสตรีในชุดมงคลสีแดง นั่งเหม่อมองแสงอาทิตย์ยามเช้าที่สาดส่องเข้ามาผ่านผ้าม่านสีแดง ดวงตากลมโตแดงรื้อบอบช้ำ เนื่องจากผ่านการร้องไห้มาทั้งคืน งานมงคลสมรสที่ควรจะมีเจ้าบ่าวร่วมหอ แต่กลับมีเพียงเจ้าสาวในชุดแดงนั่งอยู่ในห้องหอเพียงลำพัง นางเฝ้ารอบุรุษที่นางกราบไหว้ฟ้าดินร่วมกันเมื่อช่วงเช้าอย่างใจจดจ่อ แต่แล้วจนตะวันของอีกวันใหม่โผล่พ้นขอบฟ้า คนที่นางเฝ้ารอก็ยังไม่มา “คุณหนู” แม่สื่อที่นั่งเฝ้าเจ้าสาวมาตลอดทั้งคืน เอ่ยเรียกเจ้าสาวในความรับผิดชอบของตนเองเสียงแผ่วเบา นางเองก็นั่งเฝ้าอยู่หน้าประตูทั้งคืน รอให้ว่าที่สามีของคุณหนูผู้นี้มายังเรือนหอแห่งนี้ทั้งคืน แต่ก็ไร้เงาบุรุษที่สวมชุดแดงมงคล นางแอบไปเรียบๆ เคียงๆ ในงานเลี้ยงอยู่หลายหน จนสุดท้ายถึงได้รู้ว่า เจ้าบ่าวถูกแขกในงานรั้งเอาไว้จนดึกดื่น อีกทั้งขนาดดื่มสุราจนเมามายยังไม่มีทีท่าว่าจะมายังเรือนหอที่มีเจ้าสาวอยู่ พอรุ่งเช้ากลับมีข่าวร้ายมากกว่าเดิม นางจะบอกคุณหนูผู้นี้เช่นไรดี แค่เห็นขอบตาแดงก่ำของเจ้าสาวคนใหม่ใจของนางก็ตกไปอยู่ตาตุ่มเสียแล้ว“เช้าแล้ว เขาคงไม่มาแล้ว ท่านมาช่วยข้าถอดชุดเจ้าสาวทีสิ”หวงอิ่งจื่อเอี้ยวตัวหันไปตามเสียงเ

DMCA.com Protection Status