แชร์

บทที่5

ผู้เขียน: moonlight -mini
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-14 02:05:38

บทที่5

หวงอิ่งจื่อทำทุกสิ่งที่ภรรยาควรทำ แต่ดูเหมือนความห่างไกลอีกทั้งระยะทางและเวลาทำให้หญิงสาวกับสามีดูเหินห่างและเย็นชาต่อกันมากขึ้นทุกวัน

เทียนทุกเล่มในเรือนถูกดับลงไปแล้ว และตอนนี้หวงอิ่งจื่อก็นอนอยู่เคียงข้างคนที่เรียกได้ว่าสามีแต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ในนามเท่านั้น จึงทำให้ยามนี้ที่ต้องมานอนอยู่เคียงข้างบนฟูกเดียวกันมันช่างเป็นเรื่องที่ทำให้จิตใจของหญิงสาวตื่นตระหนกไม่ใช่น้อย

“หากเจ้ายังไม่หยุดขยับตัว ข้าจะนอนไม่หลับ” เสียงแหบห้าวของชายหนุ่มทำให้หวงอิ่งจื่อนอนตัวแข็งทื่อ

“ข้าขอโทษ ท่านพักเถอะเจ้าคะ” นางตอบเสียงตะกุกตะกัก แต่การพูดออกไปเช่นนั้นทำให้เกิดสิ่งที่หญิงสาวไม่คิดว่าจะเกิด

“ท่าน! คำเรียกขานเช่นนี้มิฟังดูห่างเหินไปหน่อยหรือ หึ! ระหว่างที่ข้าไปรบเจ้าคงมีเป้าหมายอื่นแล้วสินะ ถึงได้ทำตัวห่างเหินกับสามีเช่นนี้” ร่างของชายหนุ่มที่หันมาคร่อมอย่างกะทันหันทำให้หวงอิ่งจื่อพูดอะไรไม่ออก

นางและเขาไม่เคยได้ใกล้ชิดแบบนี้เลยสักครั้ง แน่นอนว่านางได้ดื่มสุรามงคลและนอนบนเตียงของเขามาตลอดแต่เพราะยามนั้นท่านพ่อของนางเพิ่งสิ้นอีกฝ่ายบอกว่ารอให้ถึงวันที่นางจะทำใจได้ แต่ก็ไม่นึกว่าจู่ๆ เขาจะถูกดึงตัวกลับไปชายแดนเร็วเช่นนั้น ไม่แม้แต่บอกกล่าวกันสักนิด

ตลอดมาชีวิตในตระกูลฟ่าสของหวงอิ่งจื่อจึงมีเพียงแค่ห้องหอที่วางเปล่า ยามนี้เมื่อสามีกลับมาแล้วต้องยอมรับกับตัวเองเลยว่านางไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไรดีกับสถานการณ์ในยามนี้

“ตัวสั่นขนาดนี้ กลัวข้าหรือกลัวที่จะเป็นของข้ากันแน่ ยามนั้นบิดาเจ้าช่วยชีวิตข้า ข้าแต่งกับเจ้าเป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่ยามนี้เมื่อดูจากท่าทางของเจ้าแล้ว ทำไมข้าถึงได้รู้สึกราวกับว่าไปบังคับเจ้ามากันแน่นะ หากรังเกียจก็บอกข้าตามตรง ข้าจะได้บอกให้สาวใช้แยกเรือนนอน” ในระหว่างที่อีกฟ่านเฉิงเฉิงกำลังจะถอยกลับไปนอนก็เป็นหวงอิ่งจื่อที่ดึงร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มเอาไว้

“ข้า...ข้าไม่ได้รังเกียจท่าน แต่ว่าข้าไม่เคย” คำเรียกและท่าทางของหวงอิ่งจื่อไม่ได้หยุดสิ่งที่ชายหนุ่มกระทำแม้แต่น้อย เขายังคงขยับตัวให้ห่างออกไปและหันหลังให้กับหญิงสาวราวกับความใกล้ชิดเมื่อครู่ไม่มีอยู่จริง

หวงอิ่งจื่อเม้มปากแน่นสนิท นางไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรกับสถานการณ์นี้ นางไม่เคยมีใครสอนเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวและความรัก แต่ในเมื่อยามนี้ฟ่านเฉิงเฉิงเป็นสามีและสิ่งที่ท่านย่าเคยเอ่ยกับนางยามที่ไปช่วยปรนนิบัติ ท่านย่าได้สอนสิ่งที่ภรรยาทุกคนควรกระทำแล้ว แต่ตอนนี้ก็เรียกได้ว่านางกำลังทำผิดอยู่หรือไม่

มือเรียวของหญิงสาวค่อยเอื้อมไปกอดร่างแกร่งที่เต็มไปด้วยร่องรอยบาดแผลทั้งที่หายไปแล้ว บางแผลยังมีผ้าพันแผลพันอยู่และมีเลือดซึมน้อย ๆ อยู่

หวงอิ่งจื่อไม่รู้จะพูดเช่นไร นางเพียงแค่กอดเขาให้แน่นขึ้นแต่ก็ระวังไม่ทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บไปมากกว่านี้ หน้าผากสวยแนบไปกับหลังที่มีแต่กล้ามเนื้อที่แม้จะมีชุดผ้าสีขาวใส่อยู่หนึ่งชั้นแต่กลับสัมผัสได้ชัดว่าร่างของชายหนุ่มนั้นร้อนเพียงใด

“ท่านไม่สบายหรือไม่ ตัวร้อนยิ่งนัก” แรงกระเพือมจากการถอนหายใจหนักของชายหนุ่มที่ยังคงหันหลังให้กับตนทำให้หวงอิ่งจื่อนึกท้อใจเสียแล้ว มือเรียวกำลังจะผละออกจากร่างของสามีแต่ก็เป็นอีกคนที่ดึงเอาไว้ ก่อนจะหันกลับมาเผชิญหน้ากับหญิงสาว

“หากยังคิดว่าตนเป็นภรรยาข้าก็เรียกว่าท่านพี่และทำหน้าที่ของตนเองเสีย” จบคำริมฝีปากที่มีแต่ถ้อยคำเย็นชาก็ขยับเข้ามาใกล้ หวงอิ่งจื่อไม่คิดเลยว่าริมฝีปากที่เอ่ยคำเย็นชาและห่างเหินกับนางบ่อยครั้งจะร้อนได้ถึงเพียงนี้ ค่ำคือที่ควรเกิดตั้งแต่วันมงคลเพิ่งได้เกิดขึ้นหลังจากผ่านไปถึงสองปี

แม้ว่าจะติดขัดบ้างเพราะต่างฝ่ายต่างไม่เคย และอีกทั้งยังมีบาดแผลตามตัวของชายหนุ่มที่จะต้องเรียกเสียงครางด้วยความเจ็บทุกครั้งที่มือของหญิงสาวเผลอไปโดนเข้า ทำให้การเข้าหอครั้งแรกของสองสามีภรรยาเป็นไปอย่างทุลักทุเลแต่มันก็ผ่านไปอย่างสมบูรณ์

แต่ทั้ง ๆ ที่ความสัมพันธ์ที่ชัดเจนที่เกิดขึ้นระหว่างกันในยามค่ำคืนจะทำให้หวงอิ่งจื่อรู้สึกอยู่ถูกที่ถูกทางมากขึ้นในสกุลฟ่าน

มันกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น

“ซูเหยา เจ้าจะต้องดูแลนางอย่างดี พ่อแม่ของนางเป็นสหายกับท่านพ่อท่านแม่ ยามนี้นางกำลังลำบากข้าจึงมิอาจนิ่งดูดาย”

หวงอิ่งจื่อกำลังช่วยสามีแต่งตัวชะงักไปเล็กน้อย เมื่อเรื่องแรกหลังจากคำคืนที่หญิงสาวไม่เคยคาดฝัน คำที่หลุดออกมาจากปากของสามีนางเป็นเรื่องของสตรีผู้อื่น

อีกคนไม่ได้สนใจสักนิดว่ายามนี้ร่างกายของนางเป็นเช่นไร เจ็บปวดหรือไม่ หรือได้พักผ่อนเพียงพอหรือเปล่าในคืนที่ผ่านมา และถึงจะไม่เอ่ยถึงเรื่องเมื่อคืน ก็ควรถามว่าระหว่างที่เขาไม่อยู่สองปี นางอยู่ที่นี่อย่างไร แต่ไม่ก็เลย ความคิดคำนึงของชายหนุ่มกลับมุ่งไปยังสตรีที่อยู่อีกเรือนหนึ่งมากกว่า

“เจ้าค่ะท่าน..พี่” แม้จะเอ่ยออกมาแล้วแต่กลับรู้สึกว่าตนไม่มีสิทธิจะเรียกฟ่านเฉิงเฉิงอย่างนี้เสียอย่างนั้น

“ข้าจะไปดูนางเสียหน่อย เจ้าก็ไปช่วยงานท่านแม่เถอะ” แม้ถ้อยคำนั้นจะไม่มีอะไรแปลกแต่มันกลับทำให้หัวใจของหญิงสาวเจ็บจี๊ดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สุดทางยื้อ ไปเถิดข้าปล่อยมือท่านแล้ว   บทที่6

    บทที่6“พี่สาวข้าต้องขอบคุณมากเรือนที่ท่านจัดเอาไว้ให้นั้นดีมากเจ้าค่ะ ข้านอนหลับสบายหลังจากไม่ได้หลับอย่างไม่ต้องกังวลเช่นนี้มานาน” หลีซูเหยาที่เดินมาพร้อมกับผู้นำตระกูลอย่างฟ่านเฉิงเฉิงเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้ม มือเรียวที่จับคล้องอยู่ที่แขนแข็งแรงของชายหนุ่มทำให้ใบหน้าของหวงอิ่งจื่อเปลี่ยนไปและสิ่งเหล่านั้นก็อยู่ในสายตาของหลี่ซูเหยา นางเหยียดยิ้มร้ายก่อนหน้านี้นางแสร้งทำเป็นจะล้มจึงได้เดินเกาะแขนท่านพี่เฉิงเดินเข้ามา มินึกว่านี่จะเป็นเรื่องเหมาะเจาะพอดีราวกับสวรรค์จงใจช่วยเหลือนาง คิดถูกแล้วที่กลับมานั่นจึงทำให้หญิงสาวเอ่ยขอบคุณสะใภ้คนเดียวของตระกูลฟ่าน ต่อหน้าทุกคนที่พร้อมหน้าอยู่ที่โต๊ะอาหารเช้า “ท่านพี่ ขอบคุณมากจริง ๆ นะเจ้าคะ หากไม่ได้ท่านป่านนี้ข้าคงจะแย่แล้ว”ชายหนุ่มไม่ได้ตอบอะไรกลับคำนั้นเขาเพียงแค่พยักเพยิกไปที่โต๊ะอาหารตรงหน้า “นั่งเถอะจะได้กินข้าวเช้ากัน” และก็เป็นอีกครั้งที่หลีซูเหยาเบียดสตรีผู้เป็นภรรยาหมิงเหยียนออกไปแล้วนั่ง ข้าง ๆ เขาแทนหวงอิ่งจื่อพยายามไม่สนใจเหตุการณ์นั้นและคอยดูแลปรนนิบัติท่านย่าเป็นอย่างดี เพราะอายุที่มากขึ้นจึงทำให้จะหยิบจะจับอะไรก็ยากลำบากไปเสีย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-14
  • สุดทางยื้อ ไปเถิดข้าปล่อยมือท่านแล้ว   บทที่7

    บทที่7ยิ่งเวลาผ่านไปหวงอิ่งจื่อก็รู้สึกได้ถึงความกดดันจากแม่สามี นางทำเหมือนกับหญิงสาวเป็นคนนอกขึ้นทุกที หรือบางทีก็ไม่ใช่คนนอกแต่เหมือนสาวใช้เสียมากกว่า“เจ้าไปเอาของในครัวมาเพิ่มสิ” เสียงนั้นทำให้หวงอิ่งจื่อรีบลุกขึ้นอย่างไม่ต้องมีใครมาบอก แต่ชายหนุ่มเพียงคนเดียวบนโต๊ะอาหารกลับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “เจ้าจะไปไหน ลุกขึ้นระหว่างกินข้าวไม่ใช่เรื่องที่ควรจะทำ” หวงอิ่งจื่อก้มหน้านิ่ง“ท่านแม่บอกให้ข้าไปนำของมาเพิ่ม”“ข้าได้เอ่ยชื่อเจ้าสักคำหรือ สาวใช้ก็มี ทำไมไม่ใช้เล่า” ฟ่านหลันรีบแก้ตัวคำพูดและท่าทางที่ต่างไปจากยามที่ฟ่านเฉิงเฉิงอยู่ทำให้หวงอิ่งจื่อทรุดตัวนั่งลงที่เดิม และก็เป็นสาวใช้ของแม่สามีที่เดินไปจัดการเรื่องเหล่านั้นแทน แต่ใช่ว่าจะทำได้ถูกใจ อย่างไรทุกอย่างตอนนี้ในตระกูลนางล้วนเป็นคนทำและดูแลทั้งหมด“อะไรกันอาหารนี่ทำไมไม่เห็นเหมือนจานก่อนหน้าเลย เจ้าไปหยิบอะไรมากันแน่” ฟ่านหลันตวาดใส่สายใช้ที่ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจตนเองหวงอิ่งจื่อถอนหายใจหนักก่อนจะบอกว่านางจะไปจัดการให้เอง แน่นอนว่าเรื่องผิดใจกันเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้มีขึ้นทุกวัน“ทั้ง ๆ ที่เจ้าบอกแล้วว่าไม่ควรลุกออกไปแต่นางก็ยั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-14
  • สุดทางยื้อ ไปเถิดข้าปล่อยมือท่านแล้ว   บทที่8

    บทที่8สถานการณ์ที่หลีซูเหยาออกรับแทนหวงอิ่งจื่อเกิดขึ้นอีกหลายต่อหลายครั้งหลังจากนั้น ทั้งห้ามไม่ให้ท่านแม่ตำหนิและว่ากล่าวยามทำไม่ถูกใจ นางเอ่ยเรียกแม่ของฟ่านเฉิงเฉิงว่า ท่านแม่ อย่างชัดเจนจนท่านย่ากระตุกขมวดคิ้ว แต่ในเมื่อไม่มีใครเอ่ยว่าอะไรจึงต้องปล่อยไปอย่างนั้น เหมือนทุกเรื่องที่คนในตระกูลนี้ปล่อยให้เกิดขึ้นซ้ำ ๆ“เรื่องแค่นี้ทำไมเจ้าไม่รู้” ชายหนุ่มถอนหายใจเมื่อสารสำคัญที่แม่ทัพอีกหน่วยส่งมาให้เขาหายไป “ข้า...” หวงอิ่งจื่อไม่รู้จะตอบเช่นไร เพราะวันนี้นางยังไม่ได้รับอะไรเลยแม้แต่อย่างเดียว แต่คนที่นำเอกสารมาบอกว่านำมาให้กับฮูหยินของแม่ทัพฟ่านเรียบร้อยแล้ว“ท่านพี่อย่าว่ากล่าวพี่สาวเลยนะเจ้าค่ะ ลองถามดูกับคนอื่น ๆ บ้างทีคนที่นำสารสำคัญมาส่งอาจจะเข้าใจผิดก็เป็นได้” แม้จะพูดอย่างนั้นแต่หลีซูเหยารู้ดีกว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงแต่นางอาจจะไม่รู้ว่าเรื่องที่ตนทำใหญ่กว่าที่คิดเพราะนางอ่านหนังสือไม่ออกนางเป็นคนรับสารสำคัญนั่นมาเอง และตอนนี้มันก็ถูกเผาไปแล้ว หญิงสาวยิ้มอย่างพอใจที่เห็นท่าทางทำอะไรไม่ถูกของหวงอิ่งจื่อ“ข้าจะออกไปข้างนอก” ทันทีที่ชายหนุ่มไปหลีซูเหยาก็เร่งเข้ามาแสดงท่าทางเป็นห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-14
  • สุดทางยื้อ ไปเถิดข้าปล่อยมือท่านแล้ว   บทนำ

    บทนำสตรีในชุดมงคลสีแดง นั่งเหม่อมองแสงอาทิตย์ยามเช้าที่สาดส่องเข้ามาผ่านผ้าม่านสีแดง ดวงตากลมโตแดงรื้อบอบช้ำ เนื่องจากผ่านการร้องไห้มาทั้งคืน งานมงคลสมรสที่ควรจะมีเจ้าบ่าวร่วมหอ แต่กลับมีเพียงเจ้าสาวในชุดแดงนั่งอยู่ในห้องหอเพียงลำพัง นางเฝ้ารอบุรุษที่นางกราบไหว้ฟ้าดินร่วมกันเมื่อช่วงเช้าอย่างใจจดจ่อ แต่แล้วจนตะวันของอีกวันใหม่โผล่พ้นขอบฟ้า คนที่นางเฝ้ารอก็ยังไม่มา “คุณหนู” แม่สื่อที่นั่งเฝ้าเจ้าสาวมาตลอดทั้งคืน เอ่ยเรียกเจ้าสาวในความรับผิดชอบของตนเองเสียงแผ่วเบา นางเองก็นั่งเฝ้าอยู่หน้าประตูทั้งคืน รอให้ว่าที่สามีของคุณหนูผู้นี้มายังเรือนหอแห่งนี้ทั้งคืน แต่ก็ไร้เงาบุรุษที่สวมชุดแดงมงคล นางแอบไปเรียบๆ เคียงๆ ในงานเลี้ยงอยู่หลายหน จนสุดท้ายถึงได้รู้ว่า เจ้าบ่าวถูกแขกในงานรั้งเอาไว้จนดึกดื่น อีกทั้งขนาดดื่มสุราจนเมามายยังไม่มีทีท่าว่าจะมายังเรือนหอที่มีเจ้าสาวอยู่ พอรุ่งเช้ากลับมีข่าวร้ายมากกว่าเดิม นางจะบอกคุณหนูผู้นี้เช่นไรดี แค่เห็นขอบตาแดงก่ำของเจ้าสาวคนใหม่ใจของนางก็ตกไปอยู่ตาตุ่มเสียแล้ว“เช้าแล้ว เขาคงไม่มาแล้ว ท่านมาช่วยข้าถอดชุดเจ้าสาวทีสิ”หวงอิ่งจื่อเอี้ยวตัวหันไปตามเสียงเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-14
  • สุดทางยื้อ ไปเถิดข้าปล่อยมือท่านแล้ว   บทที่1

    บทที่1หมึกที่ถูกฝนอย่างใจเย็นและพู่กันอันเก่าที่ถูกหยิบเอาขึ้นอย่างมั่นคงแสดงให้เห็นว่ายามนี้มือที่กำลังจรดพู่กันลงบนหนังสือสำคัญแผ่นตรงหน้าได้คิดมาอย่างดีและถี่ถ้วนแล้ว นางตัดสินใจดีแล้วอันที่จริงนางควรจะรู้ตั้งแต่ที่สตรีผู้นั้นเข้ามาพักอยู่ที่จวนแห่งนี้แล้ว และก็ควรมั่นใจในความรู้สึกของตัวเองได้ตั้งนานแล้ว การที่สตรีผู้นั้นได้เข้าไปอยู่ในที่ที่นางไม่เคยได้เข้าไปนั่นก็เป็นสิ่งที่บอกชัดแล้ว ว่ากำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในจวนแห่งนี้มิรู้ว่าหวงอิ่งจื่อทนให้คนตระกูลฟ่านกระทำหมิ่นเกียรติและดูแคลนอยู่เช่นนี้ทำไม ทำดีไม่มีใครเห็นนั่นก็ปวดใจมากพออยู่แล้ว แต่หนักหนากว่านั้นคือการไม่ได้ทำอะไรสักอย่างก็ยังโดนกลั่นแกล้งและใส่ร้าย นางอยู่นางไม่สู้ก็ยิ่งทำให้พวกเขาเหล่านั้นได้ใจ“เฮ้อ” ริมฝีปากซีดเซียวถอนลมหายใจครั้งแล้วครั้งเล่าจนถึงตอนนี้ก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงได้อีกแล้ว ไม่มีจริง ๆ ต่อให้พยายามมากมายแค่ไหน ในเมื่อไม่มีใครสนใจจะมองหรือสังเกตุเห็นความพยายามทั้งหมดของนางก็ไร้ประโยชน์ ช่างเสียเวลายิ่งนัก“ทั้งเรือนอวี้ฟาน และหัวใจของท่านมันไม่เคยเป็นที่สำหรับข้าเลย” หวงอิ่งจื่อลงชื่อขอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-14
  • สุดทางยื้อ ไปเถิดข้าปล่อยมือท่านแล้ว   บทที่2

    บทที่2“ไปตลาดมาได้ข่าวอะไรเกี่ยวกับชายแดนบ้างหรือไม่” น้ำเสียงที่เพียงแค่เอ่ยก็ฟังรู้แล้วว่าไม่พอใจของแม่สามีทำให้หวงอิ๋งจื่อเอ่ยตอบกลับไปเบา ๆ “ไม่มีเจ้าค่ะ” เสียงพ่นลมหายใจแรงราวกับไม่พอใจดังมาจากคนที่เอ่ยถาม“หากเป็นบุตรสาวของนายทหารสักคนก็คงจะตอบคำถามนี้ได้ ส่วนบุตรชายของข้าก็คงจะไม่ว่างเพราะจะต้องรบทัพจับศึกจนไม่มีเวลาเขียนจดหมาย ช่างไร้ประโยชน์จริง ๆ ไร้ประโยชน์ยิ่งนัก” ฟ่านหลันส่ายหัวอย่างเหนื่อยหน่าย สะใภ้ที่บุตรชายคนเดียวแต่งเข้าจวน ฐานะต้อยต่ำช่วยเหลือผลักดันบุตรชายคนเดียวของนางไม่ได้สักนิด ใช้งานอะไรก็ไม่ได้ดั่งใจสักอย่าง หากนางได้เลือกสะใภ้ด้วยตนเองคงดีกว่านี้หวงอิ่งจื่อออยากจะอธิบายให้แม่สามีได้ฟังว่าต่อให้เป็นแม่ทัพบางทีก็ไม่ใช่ว่าจะส่งจดหมายออกมาจากค่ายทหารได้ง่าย ๆถึงนางจะไม่ใช่บุตรสาวของขุนนางสูงส่งแต่ก็ใช่ว่าจะไร้ความรู้ น่าเสียดายนางไม่สามารถอธิบายให้แม่สามีเข้าใจได้ เพราะแค่นี้แม่สามีก็ด่านางเช้าด่านางเย็นแล้ว หายใจเสียงดังนางยังผิด เอาเถอะก้มหน้าทนๆไป อย่างไรนั่นก็แม่สามี“จะมานั่งอยู่ทำไมอีกเล่า เข้าไปทำกับข้าวในครัวสิ ไร้ประโยชน์ ไม่รู้จะแต่งเข้ามาทำไม” เสี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-14
  • สุดทางยื้อ ไปเถิดข้าปล่อยมือท่านแล้ว   บทที่3

    บทที่3“นี่คือหลีซูเหยานางเป็นสหายของข้า เจ้าก็จัดหาที่อยู่ให้นางด้วย เรือนอวี้ฟางก็แล้วกัน” หวงอิ่งจื่อมองคนตรงหน้าพลางกะพริบตาปริบ ๆ ไม่รู้จะรับคำหรือจะพูดว่าอย่างไรดีแทนที่เขาจะถามว่านางเป็นอย่างไร หรือบอกเรื่องของตนเองที่ผ่านมาบ้าง กลับให้นางดูแลคนที่เพิ่งมาเสียอย่างนั้น ทุกการกระทำของฟ่านเฉิงเฉิงทำให้หวงอิ่งจื่อพูดไม่ออกแม้เพียงคำ“เรือนอวี้ฟานงั้นหรือ” แม้จะเพิ่งเข้ามาอยู่ในตระกูลฟ่านได้เพียงแค่สองปี แต่ก็แทบไม่เคยได้ก้าวเข้าไปในสถานที่แห่งนั้น เพราะท่านแม่บอกว่าฟ่านเฉิงเฉิงหวงแหนที่แห่งนั้นมากกว่าทุกที่ในจวน แม้จะสงสัยว่ามากยิ่งกว่าห้องนอนของตัวเองอีกหรือ แต่ก็ได้รับคำยืนยันจากท่านย่าจึงทำให้หวงอิ๋งจื่อไม่สงสัยอีกต่อไป แต่วันนี้“แต่ว่าเรือนนั้น” หวงอิ่งจื่อกำลังจะเอ่ยถามสามี แต่ก็เป็นมารดาของเขาที่เร่งให้ฟ่านเฉิงเฉิงไปไหว้ป้ายบรรพบุรุษและบิดา “หากเจ้าทำไม่ได้ก็ให้สาวใช้ทำ” คำพูดราวกับไม่ใส่ใจก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับสตรีที่มาใหม่ สตรีผู้นั้นเดินตามติดเข้าไปในเรือนชั้นในทำให้หวงอิ่งจื่อรู้สึกราวกับหายใจไม่ออก“ฮูหยินเล็ก ท่านได้ยินนายท่านสั่งแล้ว ไปช่วยกันจัดการสิเจ้าคะ” ไม่รู้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-14
  • สุดทางยื้อ ไปเถิดข้าปล่อยมือท่านแล้ว   บทที่4

    บทที่4“เจ้าขาดเหลืออะไรก็บอกนางนะลูก” ทันทีที่ฟ่านเฉิงเฉิงเดินไปยังทิศทางเรือนนอนของตัวเองที่อยู่ร่วมกับหวงอิ่งจื่อ แม่สามีก็เร่งมาบอกสำทับสิ่งที่ควรกระทำในการอยู่ที่ตระกูลนี้กับแม่นางหลีซูเหยาในทันทีหวงอิ่งจื่อได้แต่ยืนนิ่ง แน่นอนว่าการต้อนรับแขกของสามีควรเป็นเรื่องของฮูหยินอย่างนาง เพียงแต่ปกตินางได้รับสิทธิขนาดนั้นเสียทีไหนกัน นางมีชีวิตดีกว่าสาวใช้ในจวนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น“พี่สาวพาข้าไปที่พักเถอะ” หวงอิ่งจื่อเดินพาหลีซูเหยามุ่งไปยังเรือนอวี้ฟางด้วยใจที่เย็นเยือก“ข้าลำบากมาพี่สาวคงไม่รังเกียจให้ข้าอยู่ร่วมเรือนกับท่านพี่เฉิงหรอกนะเจ้าคะ” “ข้าเข้าใจ เจ้าไม่ต้องกังวลหรอก” คำตอบนั้นไม่ได้ตรงกับนางใจแม้แต่นิด แต่จะให้นางตอบว่าไม่พอใจงั้นหรือ นางทำได้หรือเปล่าเล่า“ข้าก็แค่กังวลกลัวพี่สาวจะคิดมาก” ไม่รู้ว่าหวงอิ่งจื่อคิดไปเองหรือเปล่าเหมือนว่าหญิงสาวแปลกหน้าอย่างหลีซูเหยาต้องการเน้นย้ำบางอย่างกับนาง แม้จะคิดเช่นนั้น แต่หากแท้จริงแล้วทั้งคู่มีความสัมพันธ์กันมากกว่าคนรู้จักจริง ๆ นางก็คงจะทำอะไรไม่ได้ อย่างไรนางก็เป็นเพียงแค่สะใภ้ที่ไม่ได้รับการต้อนรับ“เจ้าไปทำอะไรอยู่ที่ไหนเสียน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-14

บทล่าสุด

  • สุดทางยื้อ ไปเถิดข้าปล่อยมือท่านแล้ว   บทที่8

    บทที่8สถานการณ์ที่หลีซูเหยาออกรับแทนหวงอิ่งจื่อเกิดขึ้นอีกหลายต่อหลายครั้งหลังจากนั้น ทั้งห้ามไม่ให้ท่านแม่ตำหนิและว่ากล่าวยามทำไม่ถูกใจ นางเอ่ยเรียกแม่ของฟ่านเฉิงเฉิงว่า ท่านแม่ อย่างชัดเจนจนท่านย่ากระตุกขมวดคิ้ว แต่ในเมื่อไม่มีใครเอ่ยว่าอะไรจึงต้องปล่อยไปอย่างนั้น เหมือนทุกเรื่องที่คนในตระกูลนี้ปล่อยให้เกิดขึ้นซ้ำ ๆ“เรื่องแค่นี้ทำไมเจ้าไม่รู้” ชายหนุ่มถอนหายใจเมื่อสารสำคัญที่แม่ทัพอีกหน่วยส่งมาให้เขาหายไป “ข้า...” หวงอิ่งจื่อไม่รู้จะตอบเช่นไร เพราะวันนี้นางยังไม่ได้รับอะไรเลยแม้แต่อย่างเดียว แต่คนที่นำเอกสารมาบอกว่านำมาให้กับฮูหยินของแม่ทัพฟ่านเรียบร้อยแล้ว“ท่านพี่อย่าว่ากล่าวพี่สาวเลยนะเจ้าค่ะ ลองถามดูกับคนอื่น ๆ บ้างทีคนที่นำสารสำคัญมาส่งอาจจะเข้าใจผิดก็เป็นได้” แม้จะพูดอย่างนั้นแต่หลีซูเหยารู้ดีกว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงแต่นางอาจจะไม่รู้ว่าเรื่องที่ตนทำใหญ่กว่าที่คิดเพราะนางอ่านหนังสือไม่ออกนางเป็นคนรับสารสำคัญนั่นมาเอง และตอนนี้มันก็ถูกเผาไปแล้ว หญิงสาวยิ้มอย่างพอใจที่เห็นท่าทางทำอะไรไม่ถูกของหวงอิ่งจื่อ“ข้าจะออกไปข้างนอก” ทันทีที่ชายหนุ่มไปหลีซูเหยาก็เร่งเข้ามาแสดงท่าทางเป็นห

  • สุดทางยื้อ ไปเถิดข้าปล่อยมือท่านแล้ว   บทที่7

    บทที่7ยิ่งเวลาผ่านไปหวงอิ่งจื่อก็รู้สึกได้ถึงความกดดันจากแม่สามี นางทำเหมือนกับหญิงสาวเป็นคนนอกขึ้นทุกที หรือบางทีก็ไม่ใช่คนนอกแต่เหมือนสาวใช้เสียมากกว่า“เจ้าไปเอาของในครัวมาเพิ่มสิ” เสียงนั้นทำให้หวงอิ่งจื่อรีบลุกขึ้นอย่างไม่ต้องมีใครมาบอก แต่ชายหนุ่มเพียงคนเดียวบนโต๊ะอาหารกลับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “เจ้าจะไปไหน ลุกขึ้นระหว่างกินข้าวไม่ใช่เรื่องที่ควรจะทำ” หวงอิ่งจื่อก้มหน้านิ่ง“ท่านแม่บอกให้ข้าไปนำของมาเพิ่ม”“ข้าได้เอ่ยชื่อเจ้าสักคำหรือ สาวใช้ก็มี ทำไมไม่ใช้เล่า” ฟ่านหลันรีบแก้ตัวคำพูดและท่าทางที่ต่างไปจากยามที่ฟ่านเฉิงเฉิงอยู่ทำให้หวงอิ่งจื่อทรุดตัวนั่งลงที่เดิม และก็เป็นสาวใช้ของแม่สามีที่เดินไปจัดการเรื่องเหล่านั้นแทน แต่ใช่ว่าจะทำได้ถูกใจ อย่างไรทุกอย่างตอนนี้ในตระกูลนางล้วนเป็นคนทำและดูแลทั้งหมด“อะไรกันอาหารนี่ทำไมไม่เห็นเหมือนจานก่อนหน้าเลย เจ้าไปหยิบอะไรมากันแน่” ฟ่านหลันตวาดใส่สายใช้ที่ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจตนเองหวงอิ่งจื่อถอนหายใจหนักก่อนจะบอกว่านางจะไปจัดการให้เอง แน่นอนว่าเรื่องผิดใจกันเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้มีขึ้นทุกวัน“ทั้ง ๆ ที่เจ้าบอกแล้วว่าไม่ควรลุกออกไปแต่นางก็ยั

  • สุดทางยื้อ ไปเถิดข้าปล่อยมือท่านแล้ว   บทที่6

    บทที่6“พี่สาวข้าต้องขอบคุณมากเรือนที่ท่านจัดเอาไว้ให้นั้นดีมากเจ้าค่ะ ข้านอนหลับสบายหลังจากไม่ได้หลับอย่างไม่ต้องกังวลเช่นนี้มานาน” หลีซูเหยาที่เดินมาพร้อมกับผู้นำตระกูลอย่างฟ่านเฉิงเฉิงเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้ม มือเรียวที่จับคล้องอยู่ที่แขนแข็งแรงของชายหนุ่มทำให้ใบหน้าของหวงอิ่งจื่อเปลี่ยนไปและสิ่งเหล่านั้นก็อยู่ในสายตาของหลี่ซูเหยา นางเหยียดยิ้มร้ายก่อนหน้านี้นางแสร้งทำเป็นจะล้มจึงได้เดินเกาะแขนท่านพี่เฉิงเดินเข้ามา มินึกว่านี่จะเป็นเรื่องเหมาะเจาะพอดีราวกับสวรรค์จงใจช่วยเหลือนาง คิดถูกแล้วที่กลับมานั่นจึงทำให้หญิงสาวเอ่ยขอบคุณสะใภ้คนเดียวของตระกูลฟ่าน ต่อหน้าทุกคนที่พร้อมหน้าอยู่ที่โต๊ะอาหารเช้า “ท่านพี่ ขอบคุณมากจริง ๆ นะเจ้าคะ หากไม่ได้ท่านป่านนี้ข้าคงจะแย่แล้ว”ชายหนุ่มไม่ได้ตอบอะไรกลับคำนั้นเขาเพียงแค่พยักเพยิกไปที่โต๊ะอาหารตรงหน้า “นั่งเถอะจะได้กินข้าวเช้ากัน” และก็เป็นอีกครั้งที่หลีซูเหยาเบียดสตรีผู้เป็นภรรยาหมิงเหยียนออกไปแล้วนั่ง ข้าง ๆ เขาแทนหวงอิ่งจื่อพยายามไม่สนใจเหตุการณ์นั้นและคอยดูแลปรนนิบัติท่านย่าเป็นอย่างดี เพราะอายุที่มากขึ้นจึงทำให้จะหยิบจะจับอะไรก็ยากลำบากไปเสีย

  • สุดทางยื้อ ไปเถิดข้าปล่อยมือท่านแล้ว   บทที่5

    บทที่5หวงอิ่งจื่อทำทุกสิ่งที่ภรรยาควรทำ แต่ดูเหมือนความห่างไกลอีกทั้งระยะทางและเวลาทำให้หญิงสาวกับสามีดูเหินห่างและเย็นชาต่อกันมากขึ้นทุกวันเทียนทุกเล่มในเรือนถูกดับลงไปแล้ว และตอนนี้หวงอิ่งจื่อก็นอนอยู่เคียงข้างคนที่เรียกได้ว่าสามีแต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ในนามเท่านั้น จึงทำให้ยามนี้ที่ต้องมานอนอยู่เคียงข้างบนฟูกเดียวกันมันช่างเป็นเรื่องที่ทำให้จิตใจของหญิงสาวตื่นตระหนกไม่ใช่น้อย“หากเจ้ายังไม่หยุดขยับตัว ข้าจะนอนไม่หลับ” เสียงแหบห้าวของชายหนุ่มทำให้หวงอิ่งจื่อนอนตัวแข็งทื่อ“ข้าขอโทษ ท่านพักเถอะเจ้าคะ” นางตอบเสียงตะกุกตะกัก แต่การพูดออกไปเช่นนั้นทำให้เกิดสิ่งที่หญิงสาวไม่คิดว่าจะเกิด“ท่าน! คำเรียกขานเช่นนี้มิฟังดูห่างเหินไปหน่อยหรือ หึ! ระหว่างที่ข้าไปรบเจ้าคงมีเป้าหมายอื่นแล้วสินะ ถึงได้ทำตัวห่างเหินกับสามีเช่นนี้” ร่างของชายหนุ่มที่หันมาคร่อมอย่างกะทันหันทำให้หวงอิ่งจื่อพูดอะไรไม่ออกนางและเขาไม่เคยได้ใกล้ชิดแบบนี้เลยสักครั้ง แน่นอนว่านางได้ดื่มสุรามงคลและนอนบนเตียงของเขามาตลอดแต่เพราะยามนั้นท่านพ่อของนางเพิ่งสิ้นอีกฝ่ายบอกว่ารอให้ถึงวันที่นางจะทำใจได้ แต่ก็ไม่นึกว่าจู่ๆ เขาจะถูกดึ

  • สุดทางยื้อ ไปเถิดข้าปล่อยมือท่านแล้ว   บทที่4

    บทที่4“เจ้าขาดเหลืออะไรก็บอกนางนะลูก” ทันทีที่ฟ่านเฉิงเฉิงเดินไปยังทิศทางเรือนนอนของตัวเองที่อยู่ร่วมกับหวงอิ่งจื่อ แม่สามีก็เร่งมาบอกสำทับสิ่งที่ควรกระทำในการอยู่ที่ตระกูลนี้กับแม่นางหลีซูเหยาในทันทีหวงอิ่งจื่อได้แต่ยืนนิ่ง แน่นอนว่าการต้อนรับแขกของสามีควรเป็นเรื่องของฮูหยินอย่างนาง เพียงแต่ปกตินางได้รับสิทธิขนาดนั้นเสียทีไหนกัน นางมีชีวิตดีกว่าสาวใช้ในจวนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น“พี่สาวพาข้าไปที่พักเถอะ” หวงอิ่งจื่อเดินพาหลีซูเหยามุ่งไปยังเรือนอวี้ฟางด้วยใจที่เย็นเยือก“ข้าลำบากมาพี่สาวคงไม่รังเกียจให้ข้าอยู่ร่วมเรือนกับท่านพี่เฉิงหรอกนะเจ้าคะ” “ข้าเข้าใจ เจ้าไม่ต้องกังวลหรอก” คำตอบนั้นไม่ได้ตรงกับนางใจแม้แต่นิด แต่จะให้นางตอบว่าไม่พอใจงั้นหรือ นางทำได้หรือเปล่าเล่า“ข้าก็แค่กังวลกลัวพี่สาวจะคิดมาก” ไม่รู้ว่าหวงอิ่งจื่อคิดไปเองหรือเปล่าเหมือนว่าหญิงสาวแปลกหน้าอย่างหลีซูเหยาต้องการเน้นย้ำบางอย่างกับนาง แม้จะคิดเช่นนั้น แต่หากแท้จริงแล้วทั้งคู่มีความสัมพันธ์กันมากกว่าคนรู้จักจริง ๆ นางก็คงจะทำอะไรไม่ได้ อย่างไรนางก็เป็นเพียงแค่สะใภ้ที่ไม่ได้รับการต้อนรับ“เจ้าไปทำอะไรอยู่ที่ไหนเสียน

  • สุดทางยื้อ ไปเถิดข้าปล่อยมือท่านแล้ว   บทที่3

    บทที่3“นี่คือหลีซูเหยานางเป็นสหายของข้า เจ้าก็จัดหาที่อยู่ให้นางด้วย เรือนอวี้ฟางก็แล้วกัน” หวงอิ่งจื่อมองคนตรงหน้าพลางกะพริบตาปริบ ๆ ไม่รู้จะรับคำหรือจะพูดว่าอย่างไรดีแทนที่เขาจะถามว่านางเป็นอย่างไร หรือบอกเรื่องของตนเองที่ผ่านมาบ้าง กลับให้นางดูแลคนที่เพิ่งมาเสียอย่างนั้น ทุกการกระทำของฟ่านเฉิงเฉิงทำให้หวงอิ่งจื่อพูดไม่ออกแม้เพียงคำ“เรือนอวี้ฟานงั้นหรือ” แม้จะเพิ่งเข้ามาอยู่ในตระกูลฟ่านได้เพียงแค่สองปี แต่ก็แทบไม่เคยได้ก้าวเข้าไปในสถานที่แห่งนั้น เพราะท่านแม่บอกว่าฟ่านเฉิงเฉิงหวงแหนที่แห่งนั้นมากกว่าทุกที่ในจวน แม้จะสงสัยว่ามากยิ่งกว่าห้องนอนของตัวเองอีกหรือ แต่ก็ได้รับคำยืนยันจากท่านย่าจึงทำให้หวงอิ๋งจื่อไม่สงสัยอีกต่อไป แต่วันนี้“แต่ว่าเรือนนั้น” หวงอิ่งจื่อกำลังจะเอ่ยถามสามี แต่ก็เป็นมารดาของเขาที่เร่งให้ฟ่านเฉิงเฉิงไปไหว้ป้ายบรรพบุรุษและบิดา “หากเจ้าทำไม่ได้ก็ให้สาวใช้ทำ” คำพูดราวกับไม่ใส่ใจก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับสตรีที่มาใหม่ สตรีผู้นั้นเดินตามติดเข้าไปในเรือนชั้นในทำให้หวงอิ่งจื่อรู้สึกราวกับหายใจไม่ออก“ฮูหยินเล็ก ท่านได้ยินนายท่านสั่งแล้ว ไปช่วยกันจัดการสิเจ้าคะ” ไม่รู้

  • สุดทางยื้อ ไปเถิดข้าปล่อยมือท่านแล้ว   บทที่2

    บทที่2“ไปตลาดมาได้ข่าวอะไรเกี่ยวกับชายแดนบ้างหรือไม่” น้ำเสียงที่เพียงแค่เอ่ยก็ฟังรู้แล้วว่าไม่พอใจของแม่สามีทำให้หวงอิ๋งจื่อเอ่ยตอบกลับไปเบา ๆ “ไม่มีเจ้าค่ะ” เสียงพ่นลมหายใจแรงราวกับไม่พอใจดังมาจากคนที่เอ่ยถาม“หากเป็นบุตรสาวของนายทหารสักคนก็คงจะตอบคำถามนี้ได้ ส่วนบุตรชายของข้าก็คงจะไม่ว่างเพราะจะต้องรบทัพจับศึกจนไม่มีเวลาเขียนจดหมาย ช่างไร้ประโยชน์จริง ๆ ไร้ประโยชน์ยิ่งนัก” ฟ่านหลันส่ายหัวอย่างเหนื่อยหน่าย สะใภ้ที่บุตรชายคนเดียวแต่งเข้าจวน ฐานะต้อยต่ำช่วยเหลือผลักดันบุตรชายคนเดียวของนางไม่ได้สักนิด ใช้งานอะไรก็ไม่ได้ดั่งใจสักอย่าง หากนางได้เลือกสะใภ้ด้วยตนเองคงดีกว่านี้หวงอิ่งจื่อออยากจะอธิบายให้แม่สามีได้ฟังว่าต่อให้เป็นแม่ทัพบางทีก็ไม่ใช่ว่าจะส่งจดหมายออกมาจากค่ายทหารได้ง่าย ๆถึงนางจะไม่ใช่บุตรสาวของขุนนางสูงส่งแต่ก็ใช่ว่าจะไร้ความรู้ น่าเสียดายนางไม่สามารถอธิบายให้แม่สามีเข้าใจได้ เพราะแค่นี้แม่สามีก็ด่านางเช้าด่านางเย็นแล้ว หายใจเสียงดังนางยังผิด เอาเถอะก้มหน้าทนๆไป อย่างไรนั่นก็แม่สามี“จะมานั่งอยู่ทำไมอีกเล่า เข้าไปทำกับข้าวในครัวสิ ไร้ประโยชน์ ไม่รู้จะแต่งเข้ามาทำไม” เสี

  • สุดทางยื้อ ไปเถิดข้าปล่อยมือท่านแล้ว   บทที่1

    บทที่1หมึกที่ถูกฝนอย่างใจเย็นและพู่กันอันเก่าที่ถูกหยิบเอาขึ้นอย่างมั่นคงแสดงให้เห็นว่ายามนี้มือที่กำลังจรดพู่กันลงบนหนังสือสำคัญแผ่นตรงหน้าได้คิดมาอย่างดีและถี่ถ้วนแล้ว นางตัดสินใจดีแล้วอันที่จริงนางควรจะรู้ตั้งแต่ที่สตรีผู้นั้นเข้ามาพักอยู่ที่จวนแห่งนี้แล้ว และก็ควรมั่นใจในความรู้สึกของตัวเองได้ตั้งนานแล้ว การที่สตรีผู้นั้นได้เข้าไปอยู่ในที่ที่นางไม่เคยได้เข้าไปนั่นก็เป็นสิ่งที่บอกชัดแล้ว ว่ากำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในจวนแห่งนี้มิรู้ว่าหวงอิ่งจื่อทนให้คนตระกูลฟ่านกระทำหมิ่นเกียรติและดูแคลนอยู่เช่นนี้ทำไม ทำดีไม่มีใครเห็นนั่นก็ปวดใจมากพออยู่แล้ว แต่หนักหนากว่านั้นคือการไม่ได้ทำอะไรสักอย่างก็ยังโดนกลั่นแกล้งและใส่ร้าย นางอยู่นางไม่สู้ก็ยิ่งทำให้พวกเขาเหล่านั้นได้ใจ“เฮ้อ” ริมฝีปากซีดเซียวถอนลมหายใจครั้งแล้วครั้งเล่าจนถึงตอนนี้ก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงได้อีกแล้ว ไม่มีจริง ๆ ต่อให้พยายามมากมายแค่ไหน ในเมื่อไม่มีใครสนใจจะมองหรือสังเกตุเห็นความพยายามทั้งหมดของนางก็ไร้ประโยชน์ ช่างเสียเวลายิ่งนัก“ทั้งเรือนอวี้ฟาน และหัวใจของท่านมันไม่เคยเป็นที่สำหรับข้าเลย” หวงอิ่งจื่อลงชื่อขอ

  • สุดทางยื้อ ไปเถิดข้าปล่อยมือท่านแล้ว   บทนำ

    บทนำสตรีในชุดมงคลสีแดง นั่งเหม่อมองแสงอาทิตย์ยามเช้าที่สาดส่องเข้ามาผ่านผ้าม่านสีแดง ดวงตากลมโตแดงรื้อบอบช้ำ เนื่องจากผ่านการร้องไห้มาทั้งคืน งานมงคลสมรสที่ควรจะมีเจ้าบ่าวร่วมหอ แต่กลับมีเพียงเจ้าสาวในชุดแดงนั่งอยู่ในห้องหอเพียงลำพัง นางเฝ้ารอบุรุษที่นางกราบไหว้ฟ้าดินร่วมกันเมื่อช่วงเช้าอย่างใจจดจ่อ แต่แล้วจนตะวันของอีกวันใหม่โผล่พ้นขอบฟ้า คนที่นางเฝ้ารอก็ยังไม่มา “คุณหนู” แม่สื่อที่นั่งเฝ้าเจ้าสาวมาตลอดทั้งคืน เอ่ยเรียกเจ้าสาวในความรับผิดชอบของตนเองเสียงแผ่วเบา นางเองก็นั่งเฝ้าอยู่หน้าประตูทั้งคืน รอให้ว่าที่สามีของคุณหนูผู้นี้มายังเรือนหอแห่งนี้ทั้งคืน แต่ก็ไร้เงาบุรุษที่สวมชุดแดงมงคล นางแอบไปเรียบๆ เคียงๆ ในงานเลี้ยงอยู่หลายหน จนสุดท้ายถึงได้รู้ว่า เจ้าบ่าวถูกแขกในงานรั้งเอาไว้จนดึกดื่น อีกทั้งขนาดดื่มสุราจนเมามายยังไม่มีทีท่าว่าจะมายังเรือนหอที่มีเจ้าสาวอยู่ พอรุ่งเช้ากลับมีข่าวร้ายมากกว่าเดิม นางจะบอกคุณหนูผู้นี้เช่นไรดี แค่เห็นขอบตาแดงก่ำของเจ้าสาวคนใหม่ใจของนางก็ตกไปอยู่ตาตุ่มเสียแล้ว“เช้าแล้ว เขาคงไม่มาแล้ว ท่านมาช่วยข้าถอดชุดเจ้าสาวทีสิ”หวงอิ่งจื่อเอี้ยวตัวหันไปตามเสียงเ

DMCA.com Protection Status