หลังจากจ้องมองเธออย่างตั้งใจ อเล็กซ์ก็เอื้อมมือไปแตะใบหน้าที่นุ่มนวลและเรียบเนียนของเธอ วอลทซ์ยิ้มอย่างอ่อนหวานและดวงตาของเธอโค้งเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวที่สวยงามสองดวงราวกับว่าเธอพร้อมที่จะต้อนรับริมฝีปากของอเล็กซ์ อย่างไรก็ตาม อเล็กซ์กลับพูดขึ้นว่า “ผมรู้ว่าคุณกำลังพยายามที่จะปลอบโยนผมอยู่ เพื่อช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้น พูดตามตรงเลยนะ คุณไม่ต้องกังวลเรื่องผมมากนักหรอก ผมผ่านเรื่องที่มันแย่ ๆ กว่านี้มาเยอะแล้ว เรื่องแค่นี้สบายมาก” “ดีเสียอีก จริง ๆ แล้วผมก็รู้สึกโล่งใจที่ไม่ต้องไปเกี่ยวข้องกับพวกตระกูลร็อคกี้เฟลเลอร์นั้นอีก ผมจะได้ไม่ต้องมาคอยกังวลเมื่อต้องตอบโต้กับพวกเขา” “แต่การถูกครอบครัวตัวเองแทงข้างหลัง มันก็เป็นสิ่งที่ยากที่จะยอมรับได้ไม่ใช่หรือ?” วอลทซ์พยักหน้าเบา ๆ สายตาของพวกเขาสบกันอีกครั้ง บรรยากาศระหว่างทั้งสองค่อย ๆ กลายเป็นความซับซ้อนเมื่อสายตาของพวกเขาประสานกันอย่างร้อนรุ่มและเย้ายวน วอลทซ์โน้มตัวเข้าใกล้อเล็กซ์มากยิ่งขึ้น พลางเผยริมฝีปาก แต่อเล็กซ์ก็หยุดเธอไว้ด้วยมือข้างที่เขาใช้จับใบหน้าของเธออยู่ เขาถามด้วยความสงสัย “คุณกำลังทำอะไร? คุณเป็นแค่ทาสรับใช้ของผมนะ
และแน่นอน อเล็กซ์สามารถหลบรองเท้าที่เธอปามาได้อย่างง่ายดาย ทันใดนั้น โดโรธีก็เรียกเขาจากบันไดบนชั้นสองว่า “อเล็กซ์ ขึ้นมาข้างบน” เมื่ออเล็กซ์กำลังจะเดินขึ้นบันได คุณนายแคลร์ก็ดึงแขนเขาไว้ "ไม่มีทาง! โดโรธี ลูกจะบ้าไปแล้วเหรอ? จะปล่อยให้ไอ้คนขี้แพ้คนนี้ขึ้นห้องไปได้ยังไง? นั่นจะทำลายชื่อเสียงของลูกนะหากข่าวนี้รั่วไหลออกไป! หลังจากนี้ลูกจะแต่งงานใหม่ได้อย่างไร?” โดโรธีตอบอย่างเย็นชาว่า “คุณแม่คะ จะให้พูดซ้ำอีกกี่ครั้ง หนูแต่งงานแล้ว และอเล็กซ์ก็เป็นสามีของหนู ในทางตรงกันข้าม ความขาดสติของคุณแม่นั่นแหละที่ทำลายชื่อเสียงของหนู จริง ๆ แล้วคุณแม่ต้องการอะไรคะ ต้องให้หนูเอามีดแทงอกของตัวเองอีกครั้งเหรอ คุณแม่ถึงจะพอใจ?” เมื่อรู้ว่าโดโรธีนั้นโกรธมาก ๆ แคลร์ก็หน้าซีด และทำได้เพียงปล่อยอเล็กซ์พร้อมกับตะโกนขึ้นไปบนฟ้าว่า “โอ้ พระเจ้า ฉันทำบาปทำกรรมอะไรไว้นักหนา ถึงต้องมาพบเจออะไรแย่ ๆ เช่นนี้?!” อเล็กซ์ไม่กล้าแม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำ เมื่อเธอปล่อยเขา เขาก็เดินขึ้นบันไดไป อันที่จริง อเล็กซ์เคยเข้ามาในห้องของโดโรธีมาก่อน แต่มันก็นานมาแล้ว อย่างไรก็ตาม การตกแต่งภายในห้องของเธอไม่ได้เปลี่ยนแ
ทันทีคุณท่านโจแอนน์เดินเข้าประตูมาด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง เธอก็สำรวจภายในวิลล่าอย่างรวดเร็วด้วยใบหน้าที่รังเกียจและดูถูกเหยียดหยาม ท่าทีของเธอนั้นราวกับว่าการปรากฎตัวของเธอเป็นของขวัญสุดพิเศษอย่างใดอย่างนั้นเลย คุณนายแคลร์มักจะพูดจาไม่ดีเกี่ยวกับคุณท่านโจแอนน์ลับหลังเธออยู่บ่อยครั้ง เมื่อเห็นคุณท่านโจแอนน์มาที่นี่ เธอก็ตกใจรีบกระโดดยืนขึ้นจากโซฟาทันทีเพื่อต้อนรับเธออย่างอบอุ่น แม้ว่าเท้าของเธอจะเจ็บอยู่ก็ตาม “คุณแม่ ลมอะไรหอบคุณแม่มาที่นี่คะ? เชิญนั่งก่อนค่ะ!” เธอรีบเดินเข้าไปจับมือคุณท่านโจแอนน์เพื่อเชื้อเชิญเธอไปนั่งที่โซฟา อย่างไรก็ตาม คุณท่านโจแอนน์ไม่ได้ขยับแม้แต่นิ้วเดียว อีกทั้งเธอยังสะบัดมือของคุณนายแคลร์ออกอย่างแรง เอ็มม่าจ้องมองพวกเขาด้วยท่าทีรังเกียจ “อี๋ จริงเหรอ? ช่วยดูด้วยว่าโซฟาบ้านแกมันสกปรกมากแค่ไหน มีเลือดบนพื้นด้วย! เลือดนั้นมาจากไหนกัน? เลือดจากซิฟิลิสหรือเปล่านะ? แกจะให้คุณย่านั่งตรงนั้นได้อย่างไร? แกกำลังพยายามแพร่เชื้อโรคสกปรกจากการสำส่อนนั้นให้กับคุณย่าเหรอไงยะ? ” คุณนายแคลร์ตัวแข็งทื่อในขณะที่มือของเธอยังคงค้างอยู่กลางอากาศ ท่าทีของเธอก็เปลี่ยนไปอย่างน่
โดโรธีถึงกับพูดไม่ออก เพราะเธอก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร อเล็กซ์พูดขึ้นว่า “ที่คุณคาร์เตอร์ช่วยเราครั้งที่แล้วนั่นเป็นเพราะผมเอง” แอนเดอร์สันหัวเราะออกมาเสียงดัง "เพราะแกเหรอ? แกมันก็เป็นแค่เด็กที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลร็อคกี้เฟลเลอร์ ไอ้แมงดาที่เกาะอาศัยอยู่กับเมียกิน! ทำไมคุณคาร์เตอร์ถึงจะต้องช่วยแก? ทุกคนรู้ดีว่าครั้งที่แล้วโดโรธีแค่พูดเข้าข้างแกให้แกดูดี ทำไมคุณคาร์เตอร์ถึงจะมารู้จักคนขี้แพ้แบบแก? โดโรธีแค่อ้างให้แกดูดีในสายตาของพวกเราหลังจากที่เธอทำสัญญานั้นสำเร็จ!” โดโรธีตอบว่า “หนูไม่ได้มีความสามารถแม้แต่จะทำให้คุณคาร์เตอร์รับสายได้เลย ทั้งหมดมันเป็นเพราะอเล็กซ์จริง ๆ ค่ะ” แอนเดอร์สันส่งเสียงดังยิ่งขึ้นไปอีก “เธอทำได้เพราะความสวย! ตราบใดที่เธออ้าขาให้ คุณคาร์เตอร์ก็จะเต็มใจช่วยอย่างแน่นอน มิฉะนั้น ทำไมเธอถึงเป็นคนเดียวที่สามารถทำสัญญากับเขาได้ ในเมื่อคนอื่น ๆ ในนี้ไม่มีใครทำได้? ไม่ต้องกังวลไป เราจะไม่ปล่อยให้ความช่วยเหลือของเธอไร้ผลหรอกน่า หลังจากลงนามในสัญญานี้ แอสเส็กซ์จะให้เงินห้าแสนดอลลาร์กับเธอ… ห้าแสนดอลลาร์เลยนะ! ลองคิดดูสิ แม้แต่นางแบบสวย ๆ อันดับต้น ๆ ก็ยังไม่สามารถหารา
“ลุงเบนนีย์ บริษัทของหนูจะต้องล้มแน่ถ้าหนูขายวัสดุในราคาครึ่งของราคาตลาด! นั่นจะไม่สามารถครอบคลุมค่าใช้จ่ายล่วงหน้าที่เราแยกออกสำหรับเป็นค่าวัสดุ คุณลุงกำลังพยายามทำลายชีวิตของพวกเราอยู่นะคะ!” โดโรธีตกอยู่ในอาการตื่นตระหนกจนร้องไห้ออกมา ทั้งหมดนี้มันหนักหนาสาหัสกินไปสำหรับเธอ อเล็กซ์ไม่เข้าใจในกระบวนการของการขายวัสดุใหม่ของบริษัท แอสเส็กซ์ ก่อสร้าง มากนัก แม้ว่าเขาจะรู้สึกเสียใจกับภรรยาของเขา แต่เขาไม่สามารถหาข้อแก้ตัวใด ๆ ที่จะยืนหยัดเพื่อภรรยาของเขาได้ ดังนั้นเขาทำได้แค่รอและคิดหาวิธีอื่นที่พอจะช่วยเหลือเธอได้ คุณท่านโจแอนน์ยิ้มอย่างเย็นชา “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกเรา? บริษัทของเธอกำลังตกอยู่ในความวุ่นวายโกลาหล ในฐานะย่า ฉันก็อยากที่จะช่วยเธออยู่หรอกนะเพราะเธอก็เป็นหลานสาวของฉัน แต่ถ้าหากเธอสามารถบรรลุคำขอแรกได้สำเร็จ เราก็อาจจะสามารถช่วยเธอได้นะ” โดโรธีเข้าใจความตั้งใจของพวกเขาแล้ว มันเป็นแรงกดดันที่จะบังคับให้เธอยอมจำนนทำตามคำขอแรกโดยที่ปฏิเสธไม่ได้ คุณท่านโจแอนน์ดูมั่นใจ เธอคิดว่าเธอจะต้องได้สิ่งที่ต้องการอย่างแน่นอน เบนนีย์กล่าวว่า “โดโรธี ฉันจะให้เวลาเธอคิดเรื่องนี้หน
ตระกูลโยเวล? อเล็กซ์ชะงักเล็กน้อย ก่อนที่จะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เนื่องจากเป็นทรัพย์สินของคีธ ตระกูลโยเวลจะเป็นผู้กำหนดกฎเกณฑ์ใด ๆ ก็ได้เกี่ยวกับวัสดุนั้น เขาเชื่อว่าคีธจะช่วยเขาในเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ได้อย่างแน่นอน อเล็กซ์พูดขึ้นมาทันทีว่า “โอเค ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้แล้ว ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมเอง ผมจะช่วยคุณแก้ปัญหานี้เอง” โดโรธีจึงถามว่า “คุณมีแผนอะไรเหรอคะ? คุณจะไปขอร้องให้คุณคาร์เตอร์ช่วยพวกเราเหรอคะ?” อเล็กซ์ยิ้มอย่างมีเลศนัย "รอก็ดูแล้วกันนะ" ตลอดการสนทนาของพวกเขา เบียทริซสังเกตอเล็กซ์ด้วยท่าทางงุนงง ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงหญิงสาวที่มีหน้าอกอันใหญ่บึ้ม ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในนามสาวงามประจำมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเธอคือ มิเชลล์ โยเวล เธอรีบพูดขึ้นทันที “อเล็กซ์ ฉันอยากคุยกับนายตามลำพังหน่อย ตามฉันออกไปด้านนอกด้วย” ด้วยเหตุนี้ เบียทริซจึงหันหลังและเดินออกจากวิลล่าไปก่อน โดโรธีและคุณนายแคลร์มองตามหลังเบียทริซไปอย่างงุนงงก่อนจะหันไปมองที่อเล็กซ์ ทั้งสองคนคิดว่ามีบางสิ่งที่เป็นไปไม่ได้กำลังเกิดขึ้นที่นี่ ในท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่เบียทริซและอเล็กซ์จะพูดคุยกันเป็นการ
เมื่อได้ฟังคำพูดของเขา เบียทริซก็โกรธจัดขณะที่คิดว่า “เขากล้าพูดเรื่องไร้สาระแบบนี้ได้อย่างไร?! เขาคิดว่าเบียทริซ แอสเส็กซ์ผู้นี้เป็นคนโง่เง่าหรืออย่างไรกัน?!” “คิดว่าฉันจะเชื่ออย่างนั้นเหรอ? นายคิดว่านายเป็นหมอเทวดาหรืออย่างไร? นายคิดว่านายเป็นฮิปพอคราทีสกลับชาติมาเกิดเหรอ? ทำไมนายไม่บอกว่านายช่วยกอบกู้โลกด้วยเลยล่ะ เอ๊ะ หรือทั้งจักรวาลดี? จริงเลย… หรือนี่คือความฝันของไอ้ขี้แพ้อย่างนายเหรอ?” “ฉันชักจะไม่ชอบนายจริง ๆ แล้วนะ นายไม่คู่ควรกับพี่สาวของฉันเลยแม้สักนิด ถึงกระนั้นพี่สาวของฉันก็ยังหลงใหลในตัวนายมาก เพราะฉะนั้นทั้งแม่และฉันก็ไม่สามารถทำอะไรเกี่ยวกับนายได้เลย! ดังนั้น ฉันหวังว่านายจะกลับมามีสติและเจียมเนื้อเจียมตัวบ้าง อย่าทำร้ายพี่สาวหรือแม้แต่ครอบครัวของฉันอีกเลย” “นายสามารถอยู่ที่นี่เป็นขี้ข้าของเราต่อไปในวิลล่านี้ได้ แต่ว่านายจะต้องตัดสัมพันธ์กับมิเชลล์ โยเวลให้เร็วที่สุด” เบียทริซพูดด้วยสีหน้าเย็นชา หลังจากระเบิดเสียงหัวเราะอย่างเสียดสีออกมา อเล็กซ์ก็หันไปมองที่ต้นราชพฤกษ์ที่กำลังให้ร่มเงาในสวนและกล่าวว่า “หญ้าก็คงจะสามารถมองเห็นได้ไกลสุดเพียงแค่ต้นไม้ที่ให้ร่มเงากั
ในช่วงเวลานี้ของทุก ๆ ปี มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียจะปิดเทอมไปแล้ว แต่ก็จะมีนักศึกษาจำนวนมากกลับมาที่มหาวิทยาลัยในช่วงนี้ โดยเฉพาะรุ่นพี่และสมาชิกในชมรมต่าง ๆ และสำหรับปีนี้คนสวยระดับแนวหน้าและได้รับความนิยมอย่างสูงเช่นมิเชลล์ก็มาด้วย และยังมีข่าวเรื่องที่เธอถูกใครบางคนท้าทายก็แพร่สะพัดออกไป ทันทีที่ข่าวนี้กระจายออกไปมันก็ได้นำพาฝูงชนจำนวนมากพร้อมใจกันมาที่นี่ในทันที มีบุคคลภายนอกจำนวนไม่น้อยในฝูงชนนักศึกษาของมหาลัยปะปนมาด้วยเช่นกัน ตูมมมม! บนเวทีสูงครึ่งเมตร เด็กวัยรุ่นที่ทำผมทรงโมฮอว์กถูกส่งตัวลงจากเวทีด้วยการเตะเพียงครั้งเดียวจากคู่ต่อสู้ของเขา และตกลงสู่พื้นอย่างแรง โชคยังดีที่เวทีล้อมรอบด้วยเบาะนุ่ม ๆ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก เสียงเชียร์และเสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่วคลับเฮาส์ เด็กวัยรุ่นที่ทำผมทรงโมฮอว์กเดินเข้ามาหาหญิงสาวที่มีหน้าอกหน้าใจอันใหญ่บึ้มด้วยความรู้สึกผิด เขาจ้องไปที่ใบหน้าของเธออย่างเคร่งขรึม “ขออภัยจริง ๆ ครับ คุณโยเวล ผมสู้เขาไม่ได้จริง ๆ ครับ” ผู้ชนะบนเวทีซึ่งเป็นชายหนุ่มผมยาวชี้มาที่มิเชลล์ เขาจ้องมาที่เธออย่างเย้ยหยันและพูดว่า “มิเชลล์ โยเ
“คุณคิดว่าผมอยากรอจริง ๆ เหรอ? ค่าผ่าตัดอย่างน้อยก็ต้องหมดเกือบครึ่งล้าน อีกทั้ง ความเสี่ยงต่อการผ่าตัดก็สูงไม่น้อยเลยด้วย โอกาสรอดคือห้าสิบห้าต่อห้าสิบ ผมอาจจะตายระหว่างผ่าตัดก็ได้ ใครจะไปรู้ล่ะ? อีกอย่าง คุณเองก็รู้ว่าสภาพครอบครัวของผมเป็นยังไง ถ้ามีเรื่องร้ายอะไรเกิดขึ้นกับผม ทั้งแม่แล้วก็น้องสาวผมจะอยู่กันยังไง? แต่ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความแล้ว ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้แหละ ผมมีพัสดุอีกเยอะต้องส่งตอนเที่ยงด้วย” เจ้าของร้านพลันถอนหายใจ พร้อมกับดวงตาเต็มซึ่งไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นโศกนาฏกรรมอีกเรื่องหนึ่ง “เดี๋ยวก่อน!” อเล็กซ์พูดขึ้น "นายเชื่อใจฉันไหมล่ะ?" ชายหนุ่มพลันนิ่งไปเกือบสามวินาที ทันใดนั้น เขาก็พลันเผยยิ้มและพยักหน้า "ฉันเชื่อ ในฐานะเพื่อนของคุณโยเวล คุณคงไม่มีเวลาว่างมาหลอกลวงคนต่ำต้อยอย่างผมหรอก” อเล็กซ์ยืนขึ้น “งั้นก็เชื่อใจฉัน แล้วฉันจะช่วยนายเอง” อเล็กซ์เดินเข้าไปและกางนิ้ว พร้อมกับวางนิ้วหนึ่งไว้เหนือขมับของชายหนุ่ม ตรงนั้นคือตำแหน่งของเนื้องอกซึ่งอยู่ใต้กะโหลกศีรษะของลุค ทันใดนั้น นิ้วของอเล็กซ์ก็ส่องประกายราวกับสีของหยก รา
ในระหว่างนั้น ชายหนุ่มที่สำลักบะหมี่ก่อนหน้าก็หันกลับลงไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง "คุณหนูโยเวล... นักร้องสาวแห่งแคลิฟอร์เนีย? จริงเหรอ?” ทันใดนั้นเอง ใครสักคนก็แอบหยิบโทรศัพท์ออกมาและค้นหาชื่อของนักร้องสาวแห่งแคลิฟอร์เนีย ทว่า ทั้งรูปภาพและผลลัพธ์มากมายต่างก็ปรากฏขึ้นมา อันที่จริง มิเชลล์มักจะทำตัวเป็นเป้าสายตาของสาธารณะชน และไม่ได้พวกใจพวกปาปารัสซี่เท่าไหร่นัก อีกทั้ง คนในตระกูลโนเวลเองก็ไม่ได้สนใจในตัวมิเชลล์ด้วยเช่นกัน เธออยากจะเป็นอะไรก็เป็นไป ด้วยเหตุนั้น มันจึงเป็นเรื่องง่ายไม่น้อยเลยที่จะมองหาคนอย่างเธอ ไม่นานนัก ใครสักคนก็ตะโกนขึ้นมา... "มันเป็นความจริง! ทั้งหมดคือเรื่องจริง! เธอคนนี้คือคุณหนูโยเวลตัวจริงเสียงจริง คุณมิเชลล์ โยเวลยังไงล่ะ!” “ใช่แล้ว! ยังไงก็เถอะ คุณหนูโยเวลอุตส่าห์มากินสตูว์ถึงที่ร้านทั้งที ฉัน... ฉันชักอยากจะขอเธอถ่ายรูปหน่อยแล้วสิ” “นายตาบอดหรือยังไงกัน? ดูเธอสิ เธอกำลังโกรธอยู่นะ ทำไมถึงอยากเข้าไปขอเธอถ่ายรูปตอนนี้กันล่ะ?” หลังจากที่ชายคนนั้นตบตัวเองไปมากกว่าสิบครั้ง แจ็คก็พูดขึ้น "รู้จักผมด้วยงั้นเหรอ?" ชายคนนั้นพยักหน้า แจ็คถามขึ้นอีก
อันที่จริง อเล็กซ์ต้องการที่จะรักษาแจ็คก็เพราะเขาช่วยตนในเรื่องเอกสาร ทันใดนั้น อเล็กซ์เผยยิ้มและกล่าวคำพูดออกมา “คุณเทรนต์ครับ การช่วยชีวิตใครสักคนอาจต้องใช้โชคชะตา แต่ถ้ามีกำลังสงสัยอะไรอยู่ ก็ไม่เป็นไรครับ คุณสามารถไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลได้ตลอดเวลาเลย แต่ยังไงเสีย คุณคงต้องรีบหน่อยแล้วแหละ เพราะนิ่วในไตของคุณตอนนี้อยู่ในตำแหน่งที่แย่มาก คุณอาจะติดเชื้อได้เลยล่ะ" ทว่า ทุกคนก็พลันหัวเราะออกมาอีกครั้ง 'นายไม่ได้ใช้เครื่องอัลตราซาวนด์หรือเครื่องเอ็กซ์เรย์เลยด้วยซ้ำ อีกทั้ง ชีพจรก็ไม่ได้ตรวจ นายจะรู้ได้ยังไงกันว่านิ่วในไตนั้นอยู่ในตำแหน่งดีหรือร้าย? นายมีดวงตาเอ็กซ์เรย์หรือยังไงกัน?' สำหรับคราวนี้ มิเชลล์เองก็พลันเบิกตากว้างเช่นกัน เธอเอาแขนพาดหน้าอกด้วยความสงสัย “อเล็กซ์ นายมีดวงตาเอ็กซ์เรย์ด้วยงั้นเหรอ?” อเล็กซ์ไม่สนใจเธอเลย ทว่า ไม่นานนัก แจ็คก็พูดขึ้น "คุณร็อคกี้เฟลเลอร์ครับ ผมเชื่อใจคุณ” ยังไงเสีย อเล็กซ์เองก็ไม่ได้จะใช้มีดผ่าตัดอยู่แล้ว ดังนั้น แจ็คจึงรู้สึกว่ามันก็คุ้มที่จะลอง อเล็กซ์ไม่พูดอะไรต่อ ไม่นานนัก เขาก็วางมือเอาไว้บนแผล พร้อมกับสอดพลังฉีเข้าไปในร่างกายของ
ผู้หญิงที่พูดขึ้นนั้นนั่งอยู่ข้างหลังอเล็กซ์ ดูเหมือนว่าเธอจะอายุราวสามสิบปีแล้ว ผู้หญิงคนนั้นได้ยินการสนทนาของพวกเขาตั้งแต่เข้ามานั่งใกล้ ๆ แล้ว ผู้หญิงคนนั้นนั่งฟังพวกเขาตั้งแต่ตอนที่มิเชลล์บอกว่าเธอจะจับพริสซิลล่ามาอยู่บนเตียงของอเล็กซ์ ผู้หญิงคนนั้นรู้สึกดูถูกเหยียดหยามทั้งสองอย่างถึงที่สุด อันที่จริง เธออยากจะเรียกตำรวจมาจับพวกเขาด้วยซ้ำ แต่ทว่า เธอก็รู้สึกโล่งใจที่อเล็กซ์ปฏิเสธข้อเสนอไป ต่อมา เธอก็ได้ยินทั้งสองพูดถึงบริษัทเธาซันด์ลีฟ เธอได้ยินมิเชลล์พูดว่าตัวเองนั้นสามารถขอใบอนุญาตได้เลยเพียงแค่เอ่ยวาจา และทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ผู้หญิงคนนั้นก็แทบจะพ่นสตูว์เนื้อรสเผ็ดออกมาทางปาก อันที่จริง เธอเองก็เพิ่งรู้เรื่องเกี่ยวกับบริษัทเธาซันด์ลีฟ สามีของเธอขายวัสดุก่อสร้างอยู่ที่นั่น แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงตัวแทนจำหน่ายรายย่อยที่ทำงานภายใต้แฟรนไชส์ของรัฐแคลิฟอร์เนีย แต่เธอก็รู้ดีว่าเจ้าของบริษัทเธาซันด์ลีฟก็คือตระกูลโยเวล ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในรัฐแคลิฟอร์เนีย อีกทั้ง บริษัทยังได้รับการโฆษณาเป็นอย่างดีอีกด้วย ทว่า สามีของเธอก็ได้แจกจ่ายวัสดุก่อสร้างอยู่ตั้งหลายร
อันที่จริง เบียทริซเองก็กลัวว่าตัวเองจะไม่สามารถเอาชีวิตรอดในมหาวิทยาลัยได้หากจะต้องเปิดโปงพวกเขาทั้งสอง ทันทีที่ทั้งคู่มาถึงลานจอดรถ อเล็กซ์ก็ตระหนักได้ว่ามิเชลล์นั้นซื้อรถสปอร์ตสุดหรูแอสตันมาร์ตินสีแดงให้กับตน โครงสร้างสุดเท่ของรถสปอร์ตคนนี้ค่อนข้างทันสมัย แต่มันไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ขับผ่านถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่ออย่างแน่นอน “โทษทีนะ พอดีฉันหารุ่น M8 ที่นายต้องการไม่ได้เลยน่ะ ตอนนี้ไม่มีรุ่นนั้นเหลืออยู่ในแคลิฟอร์เนียเลยด้วย ยังไงก็เถอะ นายก็ใช้คันนี้พลาง ๆ ไปก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวถ้าของเข้าแล้ว ฉันจะไปซื้อรุ่น M8 มาคืนให้” 'ดูเธอสิ ช่างมีน้ำใจเหลือเกิน' เธอสามารถซื้อรถหรูราคาหลายแสนได้ราวกับว่าซื้อลูกโป่ง “ก็ได้!” อเล็กซ์ไม่เรื่องมากกับเรื่องรถยนต์อยู่แล้ว ทั้งสองเดินทางไปยังร้านอาหารสตูว์รสจัดจ้าน มิเชลล์นึกประหลาดใจ “นายอยากทำกับฉันแบบนี้จริง ๆ เหรอ?” อเล็กซ์ตอบกลับ “ตอนแรกฉันจะรักษาพริสซิลล่า แต่เธอดันกลับบ้านไปก่อน ยังไงเสีย ตอนนี้เรามาสั่งอะไรง่ายๆ กินกันดีกว่า” “นี่นายกำลังพยายามตามจีบพริสซิลล่าอยู่หรือเปล่าเนี่ย? อันที่จริง ฉันช่วยนายได้นะรู้ไหม? ฉันทำให้เธ
“ดาวมหาลัยชนชั้นกลาง... เบียทริซ แอสเส็กซ์งั้นเหรอ?” “เธอคือ...” ทั้งแอนนาลิสและพริสซิลล่าต่างก็จ้องไปที่เบียทริซอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง หลังจากนั้น พวกเขาก็หันไปหาอเล็กซ์ จากท่าทีของทั้งสอง พวกเขาต่างก็รับรู้มาว่าอเล็กซ์เป็นแฟนของมิเชลล์ ไม่อย่างนั้น ทั้งสองจะรู้จักและจูบกันได้ยังไงล่ะ? ในตอนนี้ พวกเขาต่างก็คิดว่ามิเชลล์คงจะต้องตะคอกและทุบตีอเล็กซ์อย่างแน่นอน แม้แต่เบียทริซเองก็คิดเช่นนั้น เบียทริซเรียกอเล็กซ์ว่าพี่เขยก็เพื่อเปิดเผยตัวตนของเขาเอง อีกทั้ง เบียทริซเองก็ต้องการบอกกล่าวให้มิเชลล์รับรู้ว่าว่าอเล็กซ์เป็นชายที่แต่งงานแล้ว และแน่นอน เบียทริซในตอนนี้กำลังเล่นกับความรู้สึกของมิเชลล์อยู่ จากที่เบียทริซรู้เรื่องราวของมิเชลล์มา มิเชลล์จะต้องโมโหและทำร้ายอเล็กซ์อย่างแน่นอน แต่ทว่า กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย มิเชลล์รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ไม่นานนัก เธอก็กล่าวคำพูดขึ้น “เบียทริซ แอสเซ็กซ์ เธอเป็นน้องสะใภ้ของอเล็กซ์หรือยังไงกัน? เธอน่าจะบอกให้เร็วกว่านี้นะ! ยังไงก็เถอะ ถ้ามีใครเข้ามายุ่งวุ่นวายกับเธอ ก็เอ่ยชื่อของฉันออกไปได้เลย แล้วฉันจะมาปกป้องเธอเอง!” "อะไรก
สตีเวนเผยยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกับคำรามออกมา เขาปลุกพละกำลังภายในที่น่ากลัวและชั่วร้ายออกมาอย่างฉับพลัน พร้อมกับแสงสีแดงที่กะพริบระยิบระยับในดวงตา ระหว่างที่มิเชลล์กำลังจะฟาดฝ่ามือลงไปที่สตีเวน เขาก็พลันตอบโต้การโจมตีด้วยฝ่ามือของตัวเองเช่นกัน ตู้ม! เสียงระเบิดดังก้องกังวานไปทั่วห้องโถง สตีเวนเองก็ได้เก็บซ่อนพลังพิเศษไว้ที่ในฝ่ามือของตัวเอง พลังนั้นพุ่งทะลุผ่านฝ่ามือของมิเชลล์ไป มันเป็นทักษะอันทรงพลังในฐานะจ้าวแห่งเงามรณะเลยก็ว่าได้ หรือเรียกอีกอย่างว่าทักษะแห่งการล่อลวง เพราะเหตุนั้น สตีเวนจึงไม่สนใจการโจมตีมิเชลล์มากนัก เพราะเขารู้ว่าท้ายที่สุดแล้วตนจะต้องชนะอย่างแน่นอน ในตอนนั้นเอง เขาพลันดีดนิ้วและกล่าวคำพูดขึ้นมา “หยุด!” ทว่า ทักษะแห่งชัยชนะทั้งหมดของสตีเวนกลับไม่มีผลอะไรเลยในวันนี้ มิเชลล์พุ่งเข้าใส่สตีเวนด้วยการเคลื่อนไหวที่รุนแรงและเฉียบแหลม เธอยกขาขึ้นแล้วกระแทกไปยังศีรษะของสตีเวนอย่างแรง "อะไรกัน?" อึก! สตีเวนล้มลงไปนอนกับพื้น เขาพลันกลอกตาไปมาและรู้สึกเหมือนจะเป็นลม ทันทีที่สติเริ่มจางหาย ความคิดสุดท้ายของสตีเวนก็พลันปรากฏขึ้นมาในหัว “มันจะเป็นไปได้ยังไง
ตุ๊บ! ท่ามกลางเสียงอึกทึกครึกโครมของฝูงชน มิเชลล์ก็กระโดดข้ามราวขึ้นไปบนเวทีประลอง ระหว่างที่มิเชลล์ขึ้นไปยืนบนเวทีประลอง หน้าอกขนาดมหึมาของเธอก็พลันกระเพื่อมขึ้นลงไม่หยุด ทุกคนต่างตกตะลึงและเบิกตากว้าง โดยเฉพาะเหล่านักเรียนชาย พวกเขาต่างก็ยิ่งอิจฉาอเล็กซ์มากกว่าเดิมทันทีที่เห็นเช่นนั้น มิเชลล์รีบคว้าตัวพริสซิลล่าและลากเธอมาหลบอยู่ด้านหลัง มิเชลล์จ้องไปยังชายวัยกลางคนจอมหยิ่งผยองและกล่าวคำพูดขึ้น “ฉันจะเป็นคู่ต่อสู้ของนายเอง!” พริสซิลล่าในตอนนี้ไม่กล้าที่จะอยู่บนเวทีอีกต่อไปแล้ว ด้วยเหตุนั้น เธอจึงรีบวิ่งออกไปจากลานประลอง พร้อมกับกุมมือตัวเองด้วยความหวาดกลัว อเล็กซ์ตบไหล่ของพริสซิลล่าและเผยยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น “เธอทำดีมาก ฉันบอกแล้วว่าเธอต้องชนะ” “ฉัน... ฉันชนะการประลองจริง ๆ เหรอ?” “...” หลายต่อหลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เริ่มจ้องมองไปที่พริสซิลล่าและกลอกตา แอนนาลิสเองก็ขมวดคิ้วและจ้องไปยังพริสซิลล่าเช่นกัน เธอไม่เข้าใจความสามารถที่ระเบิดออกมาอย่างกะทันหันของพริสซิลล่าเลยแม้แต่น้อย หลังจากนั้น เธอก็คิดเองเออเองว่าเทรเวอร์น่าจะใช้พลังของตัวเองมากเกินไป แอนนาลิสคิดหาวิธีอื่
“พูดบ้าอะไรของเธอกัน?!” ระหว่างกำลังคิดว่านี่คงเป็นแผนของชมรมซาตานที่ต้องการส่งใครสักคนขึ้นมาบนเวทีประลอง เทรเวอร์ก็รู้สึกโกรธไม่น้อย ทันใดนั้น เทรเวอร์ก็พุ่งเข้าไปหาพริสซิลล่าและฟาดฝ่ามือใส่เธอ เทรเวอร์ต้องการสยบพริสซิลล่าด้วยฝ่ามือ นั่นก็เพื่อแสดงให้เห็นถึงพละกำลังและความยิ่งใหญ่ในฐานะประธานชมรมมังกรหยก "อ๊าย!" พริสซิลล่าพลันกรีดร้องและยกมือขึ้นมาตั้งการ์ดโดยสัญชาตญาณ ทันใดนั้น กระแสพลังฉีพลันพุ่งออกมาจากร่างกายของเธอ ตุบ! เทรเวอร์พลันฟาดลงไปยังข้อมือพริสซิลล่า ทว่า เขากลับสัมผัสได้ถึงกระแสพลังจำนวนมหาศาลพุ่งตรงเข้ามา ฟิ้ว! ทันใดนั้น ร่างกายของเทรเวอร์ก็ลอยละล่องขึ้นไปกลางอากาศเหนือเวทีประลองและล้มลงกระแทกกับพื้นอย่างแรง พร้อมกับผมที่ตั้งชูอยู่เหนือศีรษะ ร่างกายของเทรเวอร์สั่นเทา เขาอ้าปากค้างราวกับมีหมอกพิษทมิฬลอยออกมาจากปาก ทุกคนในห้องโถงต่างก็เงียบไปด้วยความตกใจ พวกเขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยด้วยซ้ำ มิเชลล์เองก็เบิกตากว้างเช่นกัน เธอจ้องมองดูสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา ดวงตาของแอนนาลิสพลันเบิกกว้าง เธออ้าปากค้างทันใด เธอแทบจะไม่อยากเชื่อเหตุการณ์ท