แชร์

บทที่ 13

ผู้แต่ง: เอเวอร์กรีน ฉิน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
คุณหนูโดโรธีเชื่อมั่นในตัวอเล็กซ์ แต่สิ่งที่อเล็กซ์พูดนั้นมันก็ยากที่จะเชื่อ ที่สำคัญที่สุด เขาใช้เวลาถึงสิบเดือนที่ไม่อยู่กับร่องกับรอย และความทรงจำนั้นมันยังคงตราตรึงอยู่ในใจของเธอ

อเล็กซ์จ้องไปที่สปาร์คอย่างเย็นชา ก่อนจะพูดขึ้นว่า “อีกครั้งแล้วกับการโกหก ฉันต้องการเห็นมันจนกว่าที่นายจะหยุดโกหกเสียที นายคิดว่าคำโกหกของนายนั้นไร้ที่ติหรือเปล่า? นายจะใช้กลุ่มบริษัท เธาซันด์ ไมล์ เพื่อบังคับให้ฉันหย่ากับโดโรธีหรือ? ตลกอะไรเบอร์นั้น! จอห์น เกตส์ แห่งกลุ่มบริษัท เธาซันด์ ไมล์ ใช่ไหม? เขาพึ่งมาคุกเข่าต่อหน้าของฉัน เพื่อร้องขอความเมตตาเอง”

ทุกคนต่างหัวเราะ แม้แต่โดโรธีก็ยังรู้สึกผิดหวังในตัวของอเล็กซ์ด้วย เธอคิดว่าเขากำลังโกหกอยู่

สปาร์คหัวเราะเสียงดัง “อเล็กซ์ ฉันไม่นึกเลยว่านายจะเห็นภาพลวงตานั่นจริง ๆ และนายอาจจะมีอาการประสาทหลอนด้วย คุณจอห์น เกตส์ จากกกลุ่มบริษัท เธาซันด์ ไมล์ เนี่ยนะที่เขาจะมาคุกเข่าต่อหน้านาย? ทำไมนายไม่บอกเลยล่ะว่าท่านเล็กซ์ทำงานให้กับนาย?”

อเล็กซ์ยิ้มเยาะ 'ใช่ ท่านเล็กซ์ กันเธอร์ ทำงานให้กับฉัน'

อย่างไรก็ตาม ยังไม่ถึงเวลาที่จะเฉลยความลับนี้

เขามองไปที่คุณหนูโดโรธีและกล่าวว่า “โดโรธี ทุกอย่างเกิดขึ้นจากเขา เขาเป็นคนที่จ้างแกสตันด้วยเงินสิบล้านดอลลาร์และสัญญากับเขาว่าจะหาสาวงามสามคนมาให้ เขากำลังพยายามสร้างสถานการณ์ที่จะบังคับให้คุณไปเป็นภรรยาของเขาอยู่ ฉันพูดถูกไหม สปาร์ค?”

เมื่อสปาร์คได้ยินเช่นนั้นก็มีความตื่นตระหนกในดวงตาของเขา อเล็กซ์เพิ่งเปิดเผยความจริงต่อหน้าของทุกคน

แต่ทันใดนั้น คุณนายแคลร์ก็คว้าไม้กวาด เธอฟาดมันไปที่หัวของอเล็กซ์แล้วด่าเขาว่า “ไร้สาระสิ้นดี! ทั้งหมดที่แกพูด ไอ้สารเลวที่เอาแต่สร้างเรื่องนิยายน้ำเน่า! หยุดพูดเรื่องไร้สาระแบบนั้นเสียที สิบล้านดอลลาร์กับผู้หญิงสามคนเหรอ? แกจะบ้าหรือเปล่า? ด้วยเงินจำนวนมากขนาดนั้น เขาสามารถหาผู้หญิงคนไหนก็ได้ที่เขาต้องการ ทำไมเขาถึงทำอย่างนั้นเพียงเพื่อโอกาสที่จะได้อยู่กับโดโรธีลูกสาวของฉัน?”

อเล็กซ์จับไม้กวาดไว้แล้วตอบว่า “เพราะว่าเขาเป็นพวกวิปริตที่อยากจะแต่งงานกับพี่สะใภ้ของตัวเอง”

สปาร์คพูดอย่างโกรธเคือง “นายคงเป็นบ้าไปแล้ว ฉันจะไม่ให้ความบันเทิงกับนายแล้วนะ”

หลังจากนั้น คุณนายแคลร์เริ่มก็เริ่มทุบตีอเล็กซ์อย่างโกรธจัด และไล่เขาออกจากวิลล่า แอสเส็กซ์ โดยตะโกนว่า “ออกไป ออกไป อย่าก้าวเข้ามาในบ้านของพวกเราอีก แม้แต่ก้าวเดียวจากนี้ไป!”

อเล็กซ์พยายามพูดกับโดโรธีที่ยังอยู่ภายในบ้านเขาตะโกนออกมาว่า “โดโรธี ลองคิดดูดี ๆ ผมยอมทนรับการดูถูกเหยียดหยาม ผมสามารถทนกับการถูกคุณแม่ทุบตีและดุด่าได้ และผมก็ไม่เคยโกหกคุณเลย”

ปัง! คุณนายแคลร์ปิดประตูเสียงดัง

อเล็กซ์สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พยายามระงับอารมณ์หุนหันพลันแล่นและความโกรธของเขา แล้วหยิบสัมภาระที่ถูกโยนออกไปนอกวิลล่า

สปาร์คยิ้มและมองดูโดโรธีและพูดอย่างไม่อายว่า “โดโรธี ดูสิ พ่อของผมช่วยคุณแก้ปัญหาแล้ว คุณสามารถฟ้องหย่าได้แล้ววันนี้!”

โดโรธีรู้สึกสงสัย “สปาร์ค คุณบอกว่าพ่อของคุณจะไม่เข้ามาช่วยเหลือฉัน ถ้าฉันยังไม่ได้หย่าไม่ใช่เหรอ? ในตอนนี้ ฉันไม่รู้ว่าจะเชื่อใครดี!”

เบียทริซพูดว่า “พี่สาว นี่พี่กำลังถูกผีสิงอยู่หรือเปล่า? พี่จะไปเชื่อคนบ้าและเพ้อเจ้อคนนั้นจริง ๆ หรือ?”

สปาร์คพูดขึ้นว่า “คุณไม่เชื่อผมใช่ไหม? ผมจะไปหาพ่อและให้เขาพิสูจน์ให้คุณได้เห็น”

เขามีท่าทางเร่งรีบหลังจากที่พูดอย่างนั้น

อันที่จริงแล้ว เขาตื่นตระหนกเล็กน้อยและจะรีบไปหาแกสตันเพื่อถามว่าสถานการณ์นั้นเป็นอย่างไร

คุณนายแคลร์กล่าวชื่นชมเขาในทันทีว่า “คุณเป็นลูกเขยที่ดี ฉันเชื่อคุณ ฝากบอกพ่อของคุณด้วยว่าฉันขอบคุณมาก!”

สปาร์คพยักหน้า เปิดประตูแล้วออกไปในที่สุด

อเล็กซ์เห็นสปาร์คเข้าไปในรถแลมโบกินีด้วยการล่ำลาอย่างอบอุ่นจากคุณนายแคลร์และคุณหนูเบียทริซ

“เอ๊ะ แกช่วยขยับให้มันเร็วขึ้นได้ไหม? รีบเก็บข้าวของของแกและออกไปจากที่นี่ได้แล้ว!” คุณนายแคลร์พูดขณะที่เธอถ่มน้ำลายใส่เท้าของอเล็กซ์ก่อนที่จะเดินกลับเข้าไปข้างในวิลล่า

อเล็กซ์เพิ่งเก็บของเสร็จ เขาหยิบแต่ของที่สำคัญและจำเป็นสำหรับเขาเท่านั้น เขาทิ้งข้าวของที่เหลือและวางแผนที่จะซื้อใหม่ทั้งหมด ตอนนี้เขามีเงินจำนวณมากมหาศาลที่สามารถใช้ได้อย่างไม่จำกัด

ขณะที่เขากำลังจะจากไป คุณหนูโดโรธีก็รีบวิ่งเข้ามาหาเขา “อเล็กซ์ ได้โปรดอย่าไปเลย!” โดโรธีกล่าว อเล็กซ์หยุดและหันกลับไปมองที่เธอ เขารู้สึกผิดหวังที่โดโรธียังคงสงสัยในสิ่งที่เขาพูด

อเล็กซ์กล่าวด้วยรอยยิ้มขมขื่นว่า “ข้าวของทั้งหมดของผมถูกโยนทิ้งไปแล้ว ผมควรนอนที่ประตูหรือ ถ้าผมไม่ออกไป?”

โดโรธีตอบว่า “ถ้าสิ่งที่คุณบอกฉันเป็นความจริง คุณไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด ถ้าคุณไม่ผิดแล้วจะไปทำไม? แม่ของฉันตั้งใจแน่วแน่ที่จะให้สปาร์คเข้ามาเป็นครอบครัวของเรา ถ้าเขาเป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้ ทำไมคุณไม่อยู่และปกป้องฉันล่ะ? จะเป็นอย่างไรถ้าแม่ของฉันวางยาฉันก่อนที่จะโทรหาสปาร์คให้มาค้างที่นี่?”

ขณะที่อเล็กซ์ครุ่นคิด ยัยแม่มดแก่คนนั้นอาจจะสามารถทำเช่นนั้นได้จริง ๆ เพียงเพื่อความเห็นแก่เงินของเธอ

เมื่อมองไปที่คุณนายแคลร์ที่กำลังจ้องมองเขาอย่างดุร้ายราวกับเสือ เขาพยักหน้าและพูดว่า “คุณพูดถูก ผมไม่ควรไป ผมยังคงเป็นสามีของคุณ และผมจะเป็นสามีของคุณตลอดไป”

คุณนายแคลร์รีบวิ่งออกมาพร้อมกับไม้กวาดในมือด้วยท่าทางที่โกรธจัด

โดโรธียืนบังหน้าของอเล็กซ์และพูดว่า “คุณแม่ ถ้าคุณไล่เขาออกไป หนูจะไปกับเขา บางทีเมื่อลูกของพวกเราโตขึ้น หนูอาจที่จะกลับมาหาคุณบ้าง”

เมื่อคุณหญิงแคลร์ได้ยินเช่นนั้นก็ตกตะลึงและกลับไปที่ห้องของเธอด้วยความโกรธ

ลึก ๆ แล้ว เธอรู้ดีว่าโดโรธีจะทำมันจริง ๆ เหมือนเมื่อสิบเดือนที่แล้ว เธอแทงตัวเองเข้าที่หน้าอกเพียงเพื่ออเล็กซ์

โดโรธีพูดกับอเล็กซ์อีกครั้ง “พิสูจน์ให้ฉันเห็นสิ”

อเล็กซ์ตอบกลับว่า “คุณต้องการให้ผมพิสูจน์อะไร?”

โดโรธีกล่าวว่า “พิสูจน์ว่าคุณสามารถปกป้องฉันได้ในอนาคต ไม่อย่างนั้นแม่ของฉันก็จะยังคงไล่คุณอยู่อย่างนี้ ส่วนฉันจะยังคง… กลายเป็นผู้หญิงของสปาร์ค”

อเล็กซ์ยิ้มอย่างมั่นใจและพูดว่า “ไม่ต้องกังวลไป ผมจะพิสูจน์ให้คุณได้เห็น ผมจำได้ว่าอีกสองวันนับจากนี้จะเป็นการฉลองวันครบรอบของบริษัท แอสเส็กซ์ ก่อสร้าง หนุ่มสาวในตระกูลแอสเส็กซ์จะแข่งขันผลงานประจำปีของพวกเขา และผมมีของขวัญที่จะมอบให้คุณก่อนวันนั้นจะมาถึงแน่นอน”

“ของขวัญอะไร?” โดโรธีถามด้วยความสงสัย

“ผมไม่อยากที่จะพูด แต่ผมจะพิสูจน์ให้คุณเห็นด้วยการกระทำของผมเอง” อเล็กซ์ตอบ

โดโรธีรู้สึกสงสัย แต่ดูเหมือนกับว่าเขานั้นจะไม่ได้โกหก

แล้วเธอก็ถามต่ออีกว่า “แหวนแต่งงานอยู่ที่ไหน? คุณไปซื้อคืนมาแล้วหรือยัง?”

อเล็กซ์รีบหยิบแหวนออกมาจากกระเป๋าของเขา

“ช่วยฉันใส่หน่อยสิ!” โดโรธีสั่งเขา

อเล็กซ์มีความสุขมากและสั่นไปด้วยความปิติยินดี ในขณะที่เขาจับมือที่อ่อนนุ่มของเธอและสวมแหวนลงบนนิ้วของเธออย่างอ่อนโยน

โดโรธีรู้ว่ามันคือแหวนแต่งงานของเธอจริง ๆ ดวงตาของเธอจึงมีน้ำตาเอ่อล้นขณะที่เธอพูดว่า “อเล็กซ์ ฉันหวังว่าคุณจะไม่โกหกฉัน นี่เป็นครั้งที่สองที่ฉันขอให้คุณสวมแหวนนี้ให้กับฉัน และมันจะเป็นครั้งสุดท้าย หากคุณทำมันหายไปอีกครั้ง มันจะเป็นการสิ้นสุดเรื่องทั้งหมดระหว่างเรา”

คุณนายแคลร์รีบวิ่งเข้ามาหาพวกเขาอีกครั้ง “ปล่อยนะ ใครอนุญาตให้แกมาแตะต้องตัวลูกสาวของฉัน? ถ้าแกยังอยากอยู่ในบ้านของฉัน ก็ไปทำอาหาร ถูพื้น และซักเสื้อผ้าทั้งหมด”

ในขณะเดียวกัน สปาร์คก็โทรหาแกสตัน เกตส์ และถามว่า "แกสตัน นายกำลังทำอะไรอยู่? ทำไมนายถึงไม่ทำตามที่เราคุยกันไว้? นายทำทุกอย่างพังในนาทีสุดท้าย”

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 14

    เมื่อแกสตันได้รับโทรศัพท์ เขากำลังเข้ารับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลหน้าผากของเขาแตกและใบหน้าของเขาปูดบวม ทั่วร่างของเขามีแต่รอยฟกช้ำสีน้ำเงินและสีม่วงทุกครั้งที่เขารู้สึกเจ็บปวด เขาจะสาปแช่งสปาร์คในใจ ถ้าไม่ใช่เพราะช่วยไอ้เจ้าเล่ห์นั่น เขาก็คงไม่มาตกอยู่ในสถานะปัจจุบันของเขาหรอก เขาแทบจะไม่รอดจากการถูกจับไปถ่วงน้ำเมื่อเขาได้ยินสปาร์คถามเขาเช่นนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอยากที่จะด่า อย่างไรก็ตาม เขาจำคำสั่งของอเล็กซ์ได้และบอกสปาร์คว่า “อย่ามาถามคำถามอะไรฉันมากมาย ฉันไม่มีคำตอบให้นายหรอก ฉันกำลังจะไปต่างประเทศ นายจัดการกับสถานการณ์นี้ด้วยตัวเองเลย”คลิก! แกสตันกดวางสายสปาร์ค และปิดโทรศัพท์เพื่อไม่ให้เขาสามารถติดต่อได้อีก สปาร์คโกรธมาก เขานั้นเต็มไปด้วยไฟแห่งความโกรธ แกสตันเอาเงินไปแล้วแต่กลับไม่ทำตามที่ตกลงกันไว้ อย่างไรก็ตาม แกสตันเป็นหลานชายของจอห์น เกตส์ ผู้มีอำนาจ บุคคลที่เป็นผู้บริหารระดับสูงของกลุ่มบริษัท เธาซันด์ ไมล์ และสปาร์คไม่มีความกล้าพอที่จะทำอะไรกับแกสตันและไม่นานเขาก็ถึงบ้าน บ้านของครอบครัวร็อคกี้เฟลเลอร์เป็นคฤหาสน์หลังใหญ่ ในวันเกิดปีที่เจ็ดของอเล็กซ์ วิลเลียม ร็

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 15

    เมื่อพวกเขาออกจากคฤหาสน์ ต้นตระกูลของแอสเส็กซ์ สปาร์คก็จ้องมองคุณท่านบิลอย่างชื่นชม “คุณปู่ครับ ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคุณปู่มีเส้นสายถึงขนาดที่สนิทสนมกันกับท่านเล็กซ์ แถมยังจัดการช่วยให้เขาเซ็นสัญญาพันล้านดอลลาร์ได้อย่างรวดเร็ว! ไม่น่าแปลกใจที่คุณมั่นใจว่าหญิงชราจะยอมรับข้อเสนอของพวกเรา!”คุณท่านบิลส่ายหัวและพูดว่า “ไอ้สัญญาพันล้านดอลลาร์นั่น ปู่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลยสักนิดเดียว”“หืม? ถ้าเป็นอย่างนั้น ทำไมคุณปู่ถึงได้พูดว่า…” สปาร์คเอ่ยถามด้วยความสงสัย“ฉันก็แค่พูดไปตามน้ำเท่านั้นแหละ” คุณท่านบิลพูดแทรกขึ้นมาก่อนที่สปาร์คจะทันได้พูดจนจบประโยคของเขา “โชคชะตาลิขิตสิ่งต่าง ๆ มาให้เราในวันนี้ ปู่ไม่ได้คาดหวังว่าครอบครัวแอสเส็กซ์จะทำธุรกิจร่วมกับกลุ่มบริษัท เธาซันด์ ไมล์ ได้ ดูเหมือนว่าจะต้องมีผู้ที่มีอำนาจยื่นมือเข้ามาช่วยพวกเขาไว้ มันจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีสำหรับหลานที่จะแต่งงานกับคุณหนูโดโรธี เราอาจจะสามารถเชื่อมต่อหาช่องทางธุรกิจกับกลุ่มบริษัท เธาซันด์ ไมล์ ผ่านทางหลานได้ในอนาคต"สปาร์คยิ้มและพยักหน้าเห็นด้วย ความสงสัยนั้นผุดขึ้นมาในหัวของเขาทันที ว่าใครบ้างที่จะสามารถช่วยครอบคร

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 16

    “เจ้าสาวอะไรเหรอ?” โดโรธี ถาม คุณหนูเอ็มม่ายิ้มและพูดว่า “เธอไม่รู้เรื่องเลยจริง ๆ เหรอ? น่าทึ่งมาก! แล้วพบกันเร็ว ๆ นี้นะ ยังไงก็ขอแสดงความยินดีล่วงหน้าด้วยแล้วกัน!” สายตาของโดโรธีและอเล็กซ์สบตากัน พวกเขารู้ว่าต้องมีอะไรบางอย่างที่ไม่ดีกำลังจะเกิดขึ้นแน่ ๆ อเล็กซ์รู้สึกไม่ค่อยดีเมื่อเห็นสปาร์คอยู่ในห้องโถง นี่ก็เกือบจะสี่ทุ่มแล้วและมีผู้คนจำนวนมากอยู่ในห้องจัดเลี้ยง คุณท่านโจแอนน์กับแก้มที่มีสีเลือดฝาดในชุดสีขาวดั่งพระจันทร์ที่ยืนอยู่ใต้แสงไฟ เธอยื้นแขนทั้งสองข้างของเธอออกและทุก ๆ คนในห้องโถงก็เงียบ “วันนี้เป็นวันครบรอบสิบห้าปีของการก่อตั้งแอสเส็กซ์ ดิฉันขอขอบคุณหุ้นส่วนทางธุรกิจของพวกเราสำหรับการเข้าร่วมของคุณในค่ำคืนนี้” แปะ...แปะ... แปะ… (ปรบมือ) ฝูงชนต่างพากันปรบมือ “ตามปกติแล้วกิจกรรมของเราในวันนี้คือรุ่นเล็กของตระกูลแอสเส็กซ์จะได้รับรางวัลตามผลงานของพวกเขา แต่ครั้งนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเพราะวันนี้เรามีผู้ชนะเพียงคนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือ...” คุณท่านโจแอนน์ตั้งใจที่หยุดชั่วขณะ จากนั้นแสงก็ส่องไปที่ โดโรธี “โดโรธี! หลานสาวคนสวยของฉัน” “โดโรธีได้เ

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 17

    คุณท่านบิล ร็อคกี้เฟลเลอร์ ทำให้อเล็กซ์รู้สึกอับอาย เขานึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสิบเดือนที่แล้วซึ่งวิลเลียมพ่อของเขาก็ต้องอับอายเช่นกัน เขาพูดว่า “คุณปู่ ทำไมคุณต้องโกหกด้วย? ผมไม่เข้าทั้งวิลเลียมและผมเป็นครอบครัวของคุณ แต่ทำไมเราถึงดูขวางหูขวางตาของท่านนัก?” “ทำไมงั้นเหรอ? ก็เพราะแกทั้งคู่เป็นคนสร้างแต่ความเสื่อมเสียให้กับผู้คนไงล่ะ!” พึมพำ อเล็กซ์รู้สึกใจสลายราวกับมีดแทงทะลุมันลงไป น้ำตาไหลอาบแก้ม “โดโรธี ได้โปรดเชื่อผม ผมไม่เคยโกหก” อเล็กซ์มองไปที่โดโรธีด้วยสายตาที่อ้างว้างและทำอะไรไม่ถูก แต่โดโรธีกลับตบหน้าเขาและพูดทั้งน้ำตาว่า “คุณทำให้ฉันรู้สึกผิดหวัง ฉันคิดว่าคุณจะเปลี่ยนแล้ว แต่คุณกลับดูน่ารังเกียจและไร้ยางอายมากกว่าเดิม คุณมันคนโกหกที่แย่มาก ฉันไม่ไหวกับคนอย่างคุณแล้ว” เธอถอดแหวนแต่งงานโยนใส่อเล็กซ์ แหวนโดนที่ใบหน้าของอเล็กซ์ แล้วกลิ้งลงไปกับพื้น ใบหน้าของอเล็กซ์เปลี่ยนเป็นสีซีด คำพูดของโดโรธีดังอยู่ในหูของเขา เธอเคยบอกอเล็กซ์ว่าจะไม่มีทางที่จะใส่แหวนวงนั้นกลับไปที่นิ้วของเธอ ถ้าหากในวันหนึ่งเธอถอดมันออกไปอีกครั้งการดูถูกเหยียดหยามและการดูถูกจาจากแขกเป็

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 18

    “อะไรนะ? จริง ๆ แล้วท่านเล็กซ์พูดกับเขาในฐานะนายท่านอย่างนั้นเหรอ?” “อเล็กซ์ไม่ใช่คนที่ถูกขับไล่โดยตระกูลร็อคกี้เฟลเลอร์หรอกเหรอ? เขาจะเกี่ยวข้องกับท่านเล็กซ์ผู้ที่มีมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ได้อย่างไร?” “อเล็กซ์เป็นเจ้าของบริษัทเธาซันด์ ไมล์ งั้นเหรอ? ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงเขาอาจจะเป็นคนที่รวยที่สุดในแคลอฟอร์เนียหรือจะเรียกได้ว่า รวยที่สุดในอเมริกาเลยก็ว่าได้” “โอ้พระเจ้านั่น เป็นข่าวใหญ่มาก มันวิเศษมาก” ทุกคนพากันตื่นตะลึง พวกเขากระซิบกันขณะที่มองขึ้นไปบนเวที ทั้งครอบครัวแอสเส็กซ์ตกตะลึง ร่างกายของคุณท่านโจแอนน์กำลังสั่นสะท้าน ดวงตาของคุณนายแคลร์วิ่งขึ้นมาจากหัวของเธอด้วยความประหลาดใจ โดโรธีปิดปากของเธอ เธอรู้สึกงงงวย อเล็กซ์มองไปที่ท่านเล็กซ์อย่างรู้สึกว่างเปล่าและถามว่า “ท่านเล็กซ์ คุณมาที่นี่ทำไม?” ท่านเล็กซ์ตอบว่า “นายท่านอเล็กซ์ ผมได้ยินเกี่ยวกับงานเลี้ยงประจำปีของตะกูลแอสเส็กซ์ ผมเลยมาเพื่อแสดงความยินดีและขณะเดียวกันก็มามอบสัญญาพันล้านดอลลาร์ แต่ไม่คิดว่าจะได้เห็นสิ่งนี้” อเล็กซ์มองไปที่โดโรธีและยิ้มอย่างขมขื่น “ผมขอโทษสำหรับสิ่งที่คุณได้เห็น” เขารับสัญญาม

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 19

    ท่านแกสตัน คุกเข่าต่อหน้า คุณหนูโดโรธี ทันที “คุณหนูร็อคกี้เฟลเลอร์ ผมขอโทษ ผมขอให้คุณให้อภัย ผมตาบอดเพราะความโลภของผมและเอาเงินสิบห้าล้านดอลลาร์จาก สปาร์ค ไปทำการประมูลเพื่อจงใจให้เขาแสดงตัวราวกับว่าเขาเป็นฮีโร่ เขาต้องการแย่งคุณไปจากนายน้อยอเล็กซ์ ผมผิดไปแล้ว โปรดยกโทษให้ผมด้วย” ดวงตาของโดโรธีเต็มไปด้วยน้ำตาและเธอไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้ ขวับ! ท่านจอห์น คว้าสร้อยคอคุณนายแคลร์อย่างแรงแล้วโยนลงพื้นเพื่อทำลายมัน และพูดว่า “นี่เป็นการปลอมแปลงสร้อยคอ รักแห่งเมืองปฏิหาริย์ ของเรา ไม่เพียงแค่ผิดกฎหมาย แต่ยังเป็นการดูถูกบริษัทของเราอีกด้วย” ทุกคนตกใจกับการเปิดเผยทุกสิ่งที่ นายน้อยสปาร์ค พูดนั้นเป็นเรื่องโกหก คำกล่าวอ้างที่ไร้สาระทั้งหมดของอเล็กซ์เป็นเรื่องจริง แต่ทุกคนก็ยังสงสัยในตัวเขา ในขณะนั้นเอง อเล็กซ์รู้สึกท้อแท้ จิตใจของเขาเต็มไปด้วยภาพของโดโรธีพยักหน้ากับคำขอแต่งงานของสปาร์ค เขาปาดน้ำตาก่อนจะออกจากโรงแรมอย่างรวดเร็ว โดโรธีทุกข์ใจมากจนหายใจแทบไม่ออก คำสัญญาก่อนหน้านี้ของอเล็กซ์ดังขึ้นใจใจของเธอ “ผมเป็นหนี้คุณมากเกินไปในช่วงสิบเดือนที่ผ่านมา ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อต

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 20

    อเล็กซ์เหมือนถูกแช่แข็ง เธอน่าทึ่งมากและความงามของเธอไม่ได้ซีดเซียวเมื่อเทียบกับโดโรธี แต่ร่างกายของคุณหมอเชอริลนังดูยั่วยวนกว่า อเล็กซ์รู้สึกเหมือนกำลังฝัน เขาคิดกับตัวเองว่า ‘หรือว่าเธอจะรู้ว่าสร้อยคอนั้นเป็นของแท้และมีมูลค่าถึงสามสิบล้านดอลลาร์? บางทีเธออาจจะเงียบ ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ตอนนี้กำลังไล่ตามเราอย่างจริงจัง!’ ขณะที่อเล็กซ์กำลังครุ่นคิดเขาสงสัยว่าถ้าคุณหมอเชอริลเหงาสำหรับคืนนี้ เขาควรจะเห็นด้วยกับคำชวนของเธอดีไหม? ในขณะที่เขานึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้หัวใจของเขาอยู่ในความปวดร้าวและเขาก็ไม่สามารถเอาชนะมันได้ เขาจึงตัดสินใจที่จะยอมรับคำชวนของคุณหมอเชอริล คุณหมอเชอริลกล่าวว่า “คืนนี้ฉันมีงานเลี้ยงอาหารค่ำรวมตัวเพื่อนร่วมชั้นเรียนและมีผู้ชายคนหนึ่งตามตื๊อฉันมาระยะหนึ่งแล้ว ฉันคิดว่าเขาน่ารำคาญ ฉันอยากให้คุณแกล้งเป็นแฟนของฉันและทำให้เขาเลิกตอแยฉันสักที คุณยินดีที่จะช่วยฉันไหมคะ?” อเล็กซ์สะดุ้งเล็กน้อย แต่ตอบอย่างยิ้ม ๆ ว่า “ผมเข้าใจแล้วว่านี่เป็นเพียงแค่การกำจัดตัวก่อกวน ได้ครับผมจะช่วยคุณเอง” เขามองร่างการที่เย้ายวนของเธอและร็สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็โล่งใจ เขาค

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 21

    ในทันใดนั้นอเล็กซ์ก็รู้สึกถึงความสุขที่เกิดขึ้น ลึก ๆ ในใจของเขา เขาคิดว่าเมื่อพระเจ้าปิดประตูหนึ่งแต่ก็ยังเปิดอีกประตูหนึ่งให้ เชอริลต้องการที่จะออกไป แต่เธอขยับไม่ได้สักนิ้ว เธอรู้สึกเขินและหน้าแดง เมื่อพวกเขามาถึงชั้นหนึ่งก็เดินออกจากลิฟต์ คุณหมอเชอริลจ้องมองไปที่เขาและกระซิบว่า “อย่าคิดที่จะแต๊ะอั๋งฉันล่ะ” อเล็กซ์รู้สึกเสียใจและพูดว่า “เชอริล นั้นไม่ใช่ความผิดของผมนะ” เป็นเวลาห้าโมงครึ่งพวกเขาก็มาถึงที่ร้านอาหารอุระซาว่า มีลูกค้าไม่มากในร้านอาหาร แต่รถที่จอดอยู่ที่หน้าร้านอาหารล้วนเป็นรถหรูและระดับสูงซึ่งเป็นรถยนต์ที่มีมูลค่าหลายสิบล้าน “ร้านอาหารอุระซาว่าเป็นร้านอาหารที่แพงเป็นอับดับสองในการรับประทานอาหารในแคลิฟอร์เนีย” “ดูเหมือนว่าคุณจะมีเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่ร่ำรวยถึงได้นัดกันมารวมตัวกันที่นี่!” อเล็กซ์กล่าวด้วยรอยยิ้ม คุณหมอเชอริลหน้ามุ่ย “คนที่เชิญเรามาที่นี่ก็คือผู้ชายคนที่ฉันไม่ชอบมากที่สุดและคืนนี้คุณจะต้องจัดการเขาให้ได้!” “ได้เลย” อเล็กซ์ตอบ เขารู้ว่าผู้ชายที่เธอพูดถึงคือคนที่แอบชอบเธอ ในเวลานั้นเองก็มีคนจากด้านหลังตะโกนว่า “เชอริล!” อเล็กซ์เห็นชาย

บทล่าสุด

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 200

    “คุณคิดว่าผมอยากรอจริง ๆ เหรอ? ค่าผ่าตัดอย่างน้อยก็ต้องหมดเกือบครึ่งล้าน อีกทั้ง ความเสี่ยงต่อการผ่าตัดก็สูงไม่น้อยเลยด้วย โอกาสรอดคือห้าสิบห้าต่อห้าสิบ ผมอาจจะตายระหว่างผ่าตัดก็ได้ ใครจะไปรู้ล่ะ? อีกอย่าง คุณเองก็รู้ว่าสภาพครอบครัวของผมเป็นยังไง ถ้ามีเรื่องร้ายอะไรเกิดขึ้นกับผม ทั้งแม่แล้วก็น้องสาวผมจะอยู่กันยังไง? แต่ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความแล้ว ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้แหละ ผมมีพัสดุอีกเยอะต้องส่งตอนเที่ยงด้วย” เจ้าของร้านพลันถอนหายใจ พร้อมกับดวงตาเต็มซึ่งไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นโศกนาฏกรรมอีกเรื่องหนึ่ง “เดี๋ยวก่อน!” อเล็กซ์พูดขึ้น "นายเชื่อใจฉันไหมล่ะ?" ชายหนุ่มพลันนิ่งไปเกือบสามวินาที ทันใดนั้น เขาก็พลันเผยยิ้มและพยักหน้า "ฉันเชื่อ ในฐานะเพื่อนของคุณโยเวล คุณคงไม่มีเวลาว่างมาหลอกลวงคนต่ำต้อยอย่างผมหรอก” อเล็กซ์ยืนขึ้น “งั้นก็เชื่อใจฉัน แล้วฉันจะช่วยนายเอง” อเล็กซ์เดินเข้าไปและกางนิ้ว พร้อมกับวางนิ้วหนึ่งไว้เหนือขมับของชายหนุ่ม ตรงนั้นคือตำแหน่งของเนื้องอกซึ่งอยู่ใต้กะโหลกศีรษะของลุค ทันใดนั้น นิ้วของอเล็กซ์ก็ส่องประกายราวกับสีของหยก รา

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 199

    ในระหว่างนั้น ชายหนุ่มที่สำลักบะหมี่ก่อนหน้าก็หันกลับลงไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง "คุณหนูโยเวล... นักร้องสาวแห่งแคลิฟอร์เนีย? จริงเหรอ?” ทันใดนั้นเอง ใครสักคนก็แอบหยิบโทรศัพท์ออกมาและค้นหาชื่อของนักร้องสาวแห่งแคลิฟอร์เนีย ทว่า ทั้งรูปภาพและผลลัพธ์มากมายต่างก็ปรากฏขึ้นมา อันที่จริง มิเชลล์มักจะทำตัวเป็นเป้าสายตาของสาธารณะชน และไม่ได้พวกใจพวกปาปารัสซี่เท่าไหร่นัก อีกทั้ง คนในตระกูลโนเวลเองก็ไม่ได้สนใจในตัวมิเชลล์ด้วยเช่นกัน เธออยากจะเป็นอะไรก็เป็นไป ด้วยเหตุนั้น มันจึงเป็นเรื่องง่ายไม่น้อยเลยที่จะมองหาคนอย่างเธอ ไม่นานนัก ใครสักคนก็ตะโกนขึ้นมา... "มันเป็นความจริง! ทั้งหมดคือเรื่องจริง! เธอคนนี้คือคุณหนูโยเวลตัวจริงเสียงจริง คุณมิเชลล์ โยเวลยังไงล่ะ!” “ใช่แล้ว! ยังไงก็เถอะ คุณหนูโยเวลอุตส่าห์มากินสตูว์ถึงที่ร้านทั้งที ฉัน... ฉันชักอยากจะขอเธอถ่ายรูปหน่อยแล้วสิ” “นายตาบอดหรือยังไงกัน? ดูเธอสิ เธอกำลังโกรธอยู่นะ ทำไมถึงอยากเข้าไปขอเธอถ่ายรูปตอนนี้กันล่ะ?” หลังจากที่ชายคนนั้นตบตัวเองไปมากกว่าสิบครั้ง แจ็คก็พูดขึ้น "รู้จักผมด้วยงั้นเหรอ?" ชายคนนั้นพยักหน้า แจ็คถามขึ้นอีก

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 198

    อันที่จริง อเล็กซ์ต้องการที่จะรักษาแจ็คก็เพราะเขาช่วยตนในเรื่องเอกสาร ทันใดนั้น อเล็กซ์เผยยิ้มและกล่าวคำพูดออกมา “คุณเทรนต์ครับ การช่วยชีวิตใครสักคนอาจต้องใช้โชคชะตา แต่ถ้ามีกำลังสงสัยอะไรอยู่ ก็ไม่เป็นไรครับ คุณสามารถไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลได้ตลอดเวลาเลย แต่ยังไงเสีย คุณคงต้องรีบหน่อยแล้วแหละ เพราะนิ่วในไตของคุณตอนนี้อยู่ในตำแหน่งที่แย่มาก คุณอาจะติดเชื้อได้เลยล่ะ" ทว่า ทุกคนก็พลันหัวเราะออกมาอีกครั้ง 'นายไม่ได้ใช้เครื่องอัลตราซาวนด์หรือเครื่องเอ็กซ์เรย์เลยด้วยซ้ำ อีกทั้ง ชีพจรก็ไม่ได้ตรวจ นายจะรู้ได้ยังไงกันว่านิ่วในไตนั้นอยู่ในตำแหน่งดีหรือร้าย? นายมีดวงตาเอ็กซ์เรย์หรือยังไงกัน?' สำหรับคราวนี้ มิเชลล์เองก็พลันเบิกตากว้างเช่นกัน เธอเอาแขนพาดหน้าอกด้วยความสงสัย “อเล็กซ์ นายมีดวงตาเอ็กซ์เรย์ด้วยงั้นเหรอ?” อเล็กซ์ไม่สนใจเธอเลย ทว่า ไม่นานนัก แจ็คก็พูดขึ้น "คุณร็อคกี้เฟลเลอร์ครับ ผมเชื่อใจคุณ” ยังไงเสีย อเล็กซ์เองก็ไม่ได้จะใช้มีดผ่าตัดอยู่แล้ว ดังนั้น แจ็คจึงรู้สึกว่ามันก็คุ้มที่จะลอง อเล็กซ์ไม่พูดอะไรต่อ ไม่นานนัก เขาก็วางมือเอาไว้บนแผล พร้อมกับสอดพลังฉีเข้าไปในร่างกายของ

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 197

    ผู้หญิงที่พูดขึ้นนั้นนั่งอยู่ข้างหลังอเล็กซ์ ดูเหมือนว่าเธอจะอายุราวสามสิบปีแล้ว ผู้หญิงคนนั้นได้ยินการสนทนาของพวกเขาตั้งแต่เข้ามานั่งใกล้ ๆ แล้ว ผู้หญิงคนนั้นนั่งฟังพวกเขาตั้งแต่ตอนที่มิเชลล์บอกว่าเธอจะจับพริสซิลล่ามาอยู่บนเตียงของอเล็กซ์ ผู้หญิงคนนั้นรู้สึกดูถูกเหยียดหยามทั้งสองอย่างถึงที่สุด อันที่จริง เธออยากจะเรียกตำรวจมาจับพวกเขาด้วยซ้ำ แต่ทว่า เธอก็รู้สึกโล่งใจที่อเล็กซ์ปฏิเสธข้อเสนอไป ต่อมา เธอก็ได้ยินทั้งสองพูดถึงบริษัทเธาซันด์ลีฟ เธอได้ยินมิเชลล์พูดว่าตัวเองนั้นสามารถขอใบอนุญาตได้เลยเพียงแค่เอ่ยวาจา และทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ผู้หญิงคนนั้นก็แทบจะพ่นสตูว์เนื้อรสเผ็ดออกมาทางปาก อันที่จริง เธอเองก็เพิ่งรู้เรื่องเกี่ยวกับบริษัทเธาซันด์ลีฟ สามีของเธอขายวัสดุก่อสร้างอยู่ที่นั่น แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงตัวแทนจำหน่ายรายย่อยที่ทำงานภายใต้แฟรนไชส์ของรัฐแคลิฟอร์เนีย แต่เธอก็รู้ดีว่าเจ้าของบริษัทเธาซันด์ลีฟก็คือตระกูลโยเวล ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในรัฐแคลิฟอร์เนีย อีกทั้ง บริษัทยังได้รับการโฆษณาเป็นอย่างดีอีกด้วย ทว่า สามีของเธอก็ได้แจกจ่ายวัสดุก่อสร้างอยู่ตั้งหลายร

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 196

    อันที่จริง เบียทริซเองก็กลัวว่าตัวเองจะไม่สามารถเอาชีวิตรอดในมหาวิทยาลัยได้หากจะต้องเปิดโปงพวกเขาทั้งสอง ทันทีที่ทั้งคู่มาถึงลานจอดรถ อเล็กซ์ก็ตระหนักได้ว่ามิเชลล์นั้นซื้อรถสปอร์ตสุดหรูแอสตันมาร์ตินสีแดงให้กับตน โครงสร้างสุดเท่ของรถสปอร์ตคนนี้ค่อนข้างทันสมัย ​​แต่มันไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ขับผ่านถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่ออย่างแน่นอน “โทษทีนะ พอดีฉันหารุ่น M8 ที่นายต้องการไม่ได้เลยน่ะ ตอนนี้ไม่มีรุ่นนั้นเหลืออยู่ในแคลิฟอร์เนียเลยด้วย ยังไงก็เถอะ นายก็ใช้คันนี้พลาง ๆ ไปก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวถ้าของเข้าแล้ว ฉันจะไปซื้อรุ่น M8 มาคืนให้” 'ดูเธอสิ ช่างมีน้ำใจเหลือเกิน' เธอสามารถซื้อรถหรูราคาหลายแสนได้ราวกับว่าซื้อลูกโป่ง “ก็ได้!” อเล็กซ์ไม่เรื่องมากกับเรื่องรถยนต์อยู่แล้ว ทั้งสองเดินทางไปยังร้านอาหารสตูว์รสจัดจ้าน มิเชลล์นึกประหลาดใจ “นายอยากทำกับฉันแบบนี้จริง ๆ เหรอ?” อเล็กซ์ตอบกลับ “ตอนแรกฉันจะรักษาพริสซิลล่า แต่เธอดันกลับบ้านไปก่อน ยังไงเสีย ตอนนี้เรามาสั่งอะไรง่ายๆ กินกันดีกว่า” “นี่นายกำลังพยายามตามจีบพริสซิลล่าอยู่หรือเปล่าเนี่ย? อันที่จริง ฉันช่วยนายได้นะรู้ไหม? ฉันทำให้เธ

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 195

    “ดาวมหาลัยชนชั้นกลาง... เบียทริซ แอสเส็กซ์งั้นเหรอ?” “เธอคือ...” ทั้งแอนนาลิสและพริสซิลล่าต่างก็จ้องไปที่เบียทริซอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง หลังจากนั้น พวกเขาก็หันไปหาอเล็กซ์ จากท่าทีของทั้งสอง พวกเขาต่างก็รับรู้มาว่าอเล็กซ์เป็นแฟนของมิเชลล์ ไม่อย่างนั้น ทั้งสองจะรู้จักและจูบกันได้ยังไงล่ะ? ในตอนนี้ พวกเขาต่างก็คิดว่ามิเชลล์คงจะต้องตะคอกและทุบตีอเล็กซ์อย่างแน่นอน แม้แต่เบียทริซเองก็คิดเช่นนั้น เบียทริซเรียกอเล็กซ์ว่าพี่เขยก็เพื่อเปิดเผยตัวตนของเขาเอง อีกทั้ง เบียทริซเองก็ต้องการบอกกล่าวให้มิเชลล์รับรู้ว่าว่าอเล็กซ์เป็นชายที่แต่งงานแล้ว และแน่นอน เบียทริซในตอนนี้กำลังเล่นกับความรู้สึกของมิเชลล์อยู่ จากที่เบียทริซรู้เรื่องราวของมิเชลล์มา มิเชลล์จะต้องโมโหและทำร้ายอเล็กซ์อย่างแน่นอน แต่ทว่า กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย มิเชลล์รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ไม่นานนัก เธอก็กล่าวคำพูดขึ้น “เบียทริซ แอสเซ็กซ์ เธอเป็นน้องสะใภ้ของอเล็กซ์หรือยังไงกัน? เธอน่าจะบอกให้เร็วกว่านี้นะ! ยังไงก็เถอะ ถ้ามีใครเข้ามายุ่งวุ่นวายกับเธอ ก็เอ่ยชื่อของฉันออกไปได้เลย แล้วฉันจะมาปกป้องเธอเอง!” "อะไรก

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 194

    สตีเวนเผยยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกับคำรามออกมา เขาปลุกพละกำลังภายในที่น่ากลัวและชั่วร้ายออกมาอย่างฉับพลัน พร้อมกับแสงสีแดงที่กะพริบระยิบระยับในดวงตา ระหว่างที่มิเชลล์กำลังจะฟาดฝ่ามือลงไปที่สตีเวน เขาก็พลันตอบโต้การโจมตีด้วยฝ่ามือของตัวเองเช่นกัน ตู้ม! เสียงระเบิดดังก้องกังวานไปทั่วห้องโถง สตีเวนเองก็ได้เก็บซ่อนพลังพิเศษไว้ที่ในฝ่ามือของตัวเอง พลังนั้นพุ่งทะลุผ่านฝ่ามือของมิเชลล์ไป มันเป็นทักษะอันทรงพลังในฐานะจ้าวแห่งเงามรณะเลยก็ว่าได้ หรือเรียกอีกอย่างว่าทักษะแห่งการล่อลวง เพราะเหตุนั้น สตีเวนจึงไม่สนใจการโจมตีมิเชลล์มากนัก เพราะเขารู้ว่าท้ายที่สุดแล้วตนจะต้องชนะอย่างแน่นอน ในตอนนั้นเอง เขาพลันดีดนิ้วและกล่าวคำพูดขึ้นมา “หยุด!” ทว่า ทักษะแห่งชัยชนะทั้งหมดของสตีเวนกลับไม่มีผลอะไรเลยในวันนี้ มิเชลล์พุ่งเข้าใส่สตีเวนด้วยการเคลื่อนไหวที่รุนแรงและเฉียบแหลม เธอยกขาขึ้นแล้วกระแทกไปยังศีรษะของสตีเวนอย่างแรง "อะไรกัน?" อึก! สตีเวนล้มลงไปนอนกับพื้น เขาพลันกลอกตาไปมาและรู้สึกเหมือนจะเป็นลม ทันทีที่สติเริ่มจางหาย ความคิดสุดท้ายของสตีเวนก็พลันปรากฏขึ้นมาในหัว “มันจะเป็นไปได้ยังไง

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 193

    ตุ๊บ! ท่ามกลางเสียงอึกทึกครึกโครมของฝูงชน มิเชลล์ก็กระโดดข้ามราวขึ้นไปบนเวทีประลอง ระหว่างที่มิเชลล์ขึ้นไปยืนบนเวทีประลอง หน้าอกขนาดมหึมาของเธอก็พลันกระเพื่อมขึ้นลงไม่หยุด ทุกคนต่างตกตะลึงและเบิกตากว้าง โดยเฉพาะเหล่านักเรียนชาย พวกเขาต่างก็ยิ่งอิจฉาอเล็กซ์มากกว่าเดิมทันทีที่เห็นเช่นนั้น มิเชลล์รีบคว้าตัวพริสซิลล่าและลากเธอมาหลบอยู่ด้านหลัง มิเชลล์จ้องไปยังชายวัยกลางคนจอมหยิ่งผยองและกล่าวคำพูดขึ้น “ฉันจะเป็นคู่ต่อสู้ของนายเอง!” พริสซิลล่าในตอนนี้ไม่กล้าที่จะอยู่บนเวทีอีกต่อไปแล้ว ด้วยเหตุนั้น เธอจึงรีบวิ่งออกไปจากลานประลอง พร้อมกับกุมมือตัวเองด้วยความหวาดกลัว อเล็กซ์ตบไหล่ของพริสซิลล่าและเผยยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น “เธอทำดีมาก ฉันบอกแล้วว่าเธอต้องชนะ” “ฉัน... ฉันชนะการประลองจริง ๆ เหรอ?” “...” หลายต่อหลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เริ่มจ้องมองไปที่พริสซิลล่าและกลอกตา แอนนาลิสเองก็ขมวดคิ้วและจ้องไปยังพริสซิลล่าเช่นกัน เธอไม่เข้าใจความสามารถที่ระเบิดออกมาอย่างกะทันหันของพริสซิลล่าเลยแม้แต่น้อย หลังจากนั้น เธอก็คิดเองเออเองว่าเทรเวอร์น่าจะใช้พลังของตัวเองมากเกินไป แอนนาลิสคิดหาวิธีอื่

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 192

    “พูดบ้าอะไรของเธอกัน?!” ระหว่างกำลังคิดว่านี่คงเป็นแผนของชมรมซาตานที่ต้องการส่งใครสักคนขึ้นมาบนเวทีประลอง เทรเวอร์ก็รู้สึกโกรธไม่น้อย ทันใดนั้น เทรเวอร์ก็พุ่งเข้าไปหาพริสซิลล่าและฟาดฝ่ามือใส่เธอ เทรเวอร์ต้องการสยบพริสซิลล่าด้วยฝ่ามือ นั่นก็เพื่อแสดงให้เห็นถึงพละกำลังและความยิ่งใหญ่ในฐานะประธานชมรมมังกรหยก "อ๊าย!" พริสซิลล่าพลันกรีดร้องและยกมือขึ้นมาตั้งการ์ดโดยสัญชาตญาณ ทันใดนั้น กระแสพลังฉีพลันพุ่งออกมาจากร่างกายของเธอ ตุบ! เทรเวอร์พลันฟาดลงไปยังข้อมือพริสซิลล่า ทว่า เขากลับสัมผัสได้ถึงกระแสพลังจำนวนมหาศาลพุ่งตรงเข้ามา ฟิ้ว! ทันใดนั้น ร่างกายของเทรเวอร์ก็ลอยละล่องขึ้นไปกลางอากาศเหนือเวทีประลองและล้มลงกระแทกกับพื้นอย่างแรง พร้อมกับผมที่ตั้งชูอยู่เหนือศีรษะ ร่างกายของเทรเวอร์สั่นเทา เขาอ้าปากค้างราวกับมีหมอกพิษทมิฬลอยออกมาจากปาก ทุกคนในห้องโถงต่างก็เงียบไปด้วยความตกใจ พวกเขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยด้วยซ้ำ มิเชลล์เองก็เบิกตากว้างเช่นกัน เธอจ้องมองดูสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา ดวงตาของแอนนาลิสพลันเบิกกว้าง เธออ้าปากค้างทันใด เธอแทบจะไม่อยากเชื่อเหตุการณ์ท

DMCA.com Protection Status