แชร์

บทที่ 10

ผู้แต่ง: เอเวอร์กรีน ฉิน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
แน่นอน สปาร์คจะไม่มีทางยอมรับว่าสิ่งที่เขาให้นั้นมันเป็นเพียงสร้อยคอปลอมที่มีมูลค่าเพียงสองพันเดอลลาร์เท่านั้น

ถ้าเขายอมรับ ความพยายามครั้งก่อนนี้ของเขาก็จะสูญเปล่าเป็นแน่ จริงไหม?

เขายืนขึ้นทันที และชี้ไปที่แคสแซนดรา แล้วพูดว่า “ผมไม่รู้ว่าคุณกับขยะนั่น อเล็กซ์ เขาให้คุณยืนหยัดเพื่อเขาหรือเปล่า คุณเป็นใครกันแน่ถึงได้มาสงสัยเครื่องประดับที่ผมให้ คุณรู้ไหม ว่าฉันเป็นใคร?"

แคสแซนดราเยาะเย้ยและกล่าวว่า “แน่นอน ฉันรู้ว่าคุณเป็นใคร คุณเป็นเด็กเหลือขอนิสัยเสียที่พยายามแย่งชิงทรัพย์สินของครอบครัวอเล็กซ์ พูดกันตามตรง ทุกสิ่งที่คุณมีอยู่ในตอนนี้มันก็เป็นของโดโรธี คุณฉกฉวยทรัพย์สมบัติของเธอและตอนนี้ยังมีหน้ามามอบของปลอมให้เธออีก เครื่องประดับจอมปลอมนั่นคุณมอบให้เพื่อใช้แลกกับร่างกายของเธอ คุณมันช่างหน้าด้านมาก”

ในตอนนี้นั้นเธอเชื่อในอเล็กซ์ ร็อคกี้เฟลเลอร์

เธอยังเรียกเขาว่าพ่อและเธอยังยืนหยัดเพื่อเขาอีกด้วย

สปาร์คถอนหายใจอย่างเย็นชา “คุณเอาแต่พูดว่าคุณขายสร้อยคอ รักแห่งเมืองปาฏิหาริย์ แล้วคุณขายมันให้ใครล่ะ?”

แคสแซนดราตอบว่า "ขายให้..."

ขณะที่เธอกำลังจะบอกพวกเขาว่าคืออเล็กซ์ ทันใดนั้น เธอก็จำคำเตือนของเขาได้ ตัวตนของเขาไม่สามารถเปิดเผยได้ ดังนั้นเธอจึงหุบปากของเธอเอาไว้

“ทำไมฉันจะต้องบอกคุณด้วยล่ะ?”

สปาร์ครู้สึกโกรธมาก ๆ

เขากระแทกโต๊ะอย่างแรงจนมันสามารถสะเทือนน้ำในแก้วได้ เขามองไปที่คุณนายแคลร์และพูดว่า “คุณนายแคลร์ ผมไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเธอ เธอมาที่นี่เพื่อปลอมแปลงข้อมูลและใส่ร้ายผม หากเป็นเช่นนี้ ผมก็ถือว่าทำเกินไปจริง ๆ ผมจะไม่ช่วยอะไรเลย ถ้ากลุ่มบริษัทในเครือเธาซันด์ ไมล์ ตามล่าพวกคุณ"

แคสแซนดราหัวเราะเยาะเย้ย "ฉันรับรองได้เลยว่ากลุ่มบริษัทในเครือเธาซันด์ ไมล์ จะไม่มีวันตามล่าครอบครัวแอสเส็กซ์..."

ก่อนที่เธอจะพูดต่อ…

คุณนายแคลร์ก็หยิบแก้วของเธอขึ้นมาและสาดไวน์แดงไปบนใบหน้าของแคสแซนดรา

เธอดุว่า “ออกไปซะ ขยะอเล็กซ์นั่นมันให้ประโยชน์อะไรกับเธอในการทำลายการแต่งงานที่ยอดเยี่ยมของโดโรธีกับสปาร์ค ออกไปจากที่นี่เลยนะ! แล้วอย่ามีหน้ากลับมาเหยียบชายคาของครอบครัวแอสเส็กซ์อีก!”

จากนั้นเธอก็รีบพูดกับสปาร์คว่า “ลูกเขยที่รัก ใจเย็น ๆ เธอเป็นแค่นังผู้หญิงบ้า ๆ คนหนึ่ง เธอไม่มีมารยาทเสียจริง ๆ เธอไม่รู้อะไรสักนิดเกี่ยวกับมูลค่าของเครื่องประดับสามสิบล้านดอลลาร์ เครื่องประดับที่คุณซื้อมาต้องเป็นของแท้แน่นอนค่ะ”

แคสแซนดราเปียกโชกและอับอายมาก ๆ

เธอมองไปที่โดโรธีและทันใดนั้นเธอก็หัวเราะ

“โดโรธี แล้วเธอจะเสียใจที่หย่ากับอเล็กซ์”

เธอส่ายหัวแล้วพูดต่ออีกว่า

“โดโรธีรีบ ลุกขึ้นและรีบตามไปขอโทษเขาสิ”

แต่คุณนายแคลร์กลับตะโกนว่า "เสียใจด้วยนะ! หล่อนคงอิจฉาโดโรธีที่จะได้กลายเป็นว่าที่นายหญิงของร็อคกี้เฟลเลอร์ กรุ๊ป ในไม่ช้านี้ แต่หล่อนสิยังไม่มีใครเอาเลย โถ ๆ"

“ไปให้พ้น! อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก ไม่อย่างนั้นหล่อนเจอดีแน่!”

หลังจากเหตุการณ์นี้มันทำให้แคสแซนดรารู้สึกเห็นอกเห็นใจอเล็กซ์เป็นอย่างมาก

คุณนายแคลร์เป็นคนโง่ที่เห็นแก่เงินเพียงอย่างเดียว แม่ที่เต็มใจขายลูกสาวของตัวเองเพียงเพื่อเงิน แต่ส่วนที่ตลกที่สุดก็คือ เธอยังล้อเลียนอเล็กซ์อีกด้วย

คุณนายแคลร์นั้นเธอเกินกว่าคำว่าละโมบโลภมากไปไกลมาก

...

เฮล แองเจิล

ที่นี่ตั้งอยู่บนที่ดินที่มีมูลค่าสูงที่สุดในใจกลางเมืองแคลิฟอร์เนีย มีพื้นที่หนึ่งเฮกตาร์ เป็นคลับเฮาส์ที่ใหญ่ที่สุดและยอดเยี่ยมที่สุดในตำนานของแคลิฟอร์เนีย

โดยปกติจะเปิดให้บริการเฉพาะผู้บริหารของกลุ่มบริษัทในเครือเธาซันด์ ไมล์ เพียงเท่านั้น

เพราะฉะนั้นผู้ที่สามารถเข้าไปในคลับเฮาส์ได้จะมีเพียงแค่ผู้ที่มีตำแหน่งใหญ่โตเท่านั้น

อเล็กซ์นั่งแท็กซี่และบอกคนขับให้ไปที่เฮล แองเจิล คนขับมองมาที่เขาอย่างไม่เชื่อสายตา

สีหน้าของเขาแสดงออกถึงความอยากที่จะถามว่าทำไมเขาถึงจะไปที่เฮล แองเจิล?

อย่างไรก็ตาม ด้วยความกลัวเขาจึงไม่ได้เอ่ยถามอะไรเลย

เขานั่งเงียบตลอดการเดินทาง

อีกทั้งเขายังปิดวิทยุ

อเล็กซ์ถือแหวนแต่งงานขณะที่ภายในใจของเขานั้นมีแต่ความขุ่นเคือง เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับท่าทีการแสดงออกของคนขับด้วยซ้ำ

“สปาร์ค ร็อคกี้เฟลเลอร์ แกมันน่ารังเกียจและไร้ยางอายมาก ฉันจะให้แกลิ้มรสของการถูกกระทำบ้าง”

“ฉันจะใช้อำนาจของกลุ่มบริษัทในเครือเธาซันด์ ไมล์ เพื่อตรึงแกให้ตาย”

“แต่นั่นมันคงจะน่าเบื่อเกินไป! มาสนุกกันก่อน ดูสิว่าแกจะเล่นเล่ห์กลอะไรอีกได้บ้าง!

“และคุณ คุณนายแคลร์ ฉันจะแสดงให้คุณเห็นว่าสปาร์ค ร็อคกี้เฟลเลอร์ ที่คุณประจบประแจงนักหนานั้นมันไม่มีค่าอะไรเลยสำหรับฉัน!”

มาคิด ๆ ดูแล้ว เขาก็พอที่จะมีแผนแล้ว

อเล็กซ์ลืมตาขึ้น มันเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยวและความมั่นใจ

เขามีทุกอย่างแล้ว

ไม่นานหลังจากนั้น รถก็ขับเคลื่อนมาถึงที่เฮล แองเจิล

หลังจากที่ลงจากรถ อเล็กซ์เงยหน้าขึ้นมองไปข้างบน ก่อนที่จะเดินไปที่ประตู...

"หยุด!"

"บุคลากรที่ไม่ได้รับอนุญาตจะไม่สามารถเข้าสู่เฮล แองเจิล ได้!"

เสียงอันทรงพลังและดุร้ายตะโกนใส่เขา

อเล็กซ์ตกใจและคิดว่า 'มันไม่ง่ายเลยที่จะเข้าไปในเฮล แองเจิล การ์ดรักษาความปลอดภัยที่หน้าประตูดูน่าเกรงขามมาก เขาตัวใหญ่และดูทรงพลัง'

ในประวัติเล่าว่ามีเหล่าคุณชาย ทหารรับจ้าง ผู้มีอิทธิพล และผู้ที่มีศิลปะการต่อสู้มากมายในกลุ่มบริษัทในเครือเธาซันด์ ไมล์...

เขาคือหนึ่งในนั้นไหมนะ?

อย่างไรก็ตาม เขาเป็นเจ้านายที่แท้จริงของกลุ่มบริษัทในเครือเธาซันด์ ไมล์

ไม่สำคัญหรอกว่าเขาจะเป็นคุณชายประเภทไหน แต่ชายตรงหน้าก็ยังคงทำงานให้กับเขาอยู่ดี

เขาสงบสติอารมณ์และพูดออกมาอย่างอ่อนโยนว่า “ฉันไม่ใช่คนที่ไม่ได้รับอนุญาตหรอกนะ ฉันกำลังมองหา เล็กซ์ กันเธอร์ อยู่น่ะ!”

การ์ดรักษาความปลอดภัยโกรธจัด “บังอาจมาก คุณเป็นใครถึงมาเรียกท่านเล็กซ์ด้วยชื่อของเขา! คุกเข่าและขอโทษ เดี๋ยวนี้!”

อเล็กซ์ขมวดคิ้ว “ฉันกำลังมองหาท่านเล็กซ์ กันเธอร์ เขาเชิญฉันมาที่นี่ เชื่อฉันเถอะ เข้าไปแล้วบอกเขาว่า ร็อคกี้เฟลเลอร์รออยู่ที่นี่”

ในขณะเดียวกัน ชายหนุ่มในชุดสูทเดินเข้ามาอย่างเย่อหยิ่งพร้อมกับผิวปาก เขาเห็นอเล็กซ์ถูกห้ามไม่ให้เข้าไปข้างในอยู่ที่ประตูทางเข้า เขาจึงยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า "โอ้ ดูสินี่ใคร? สามีที่น่าสงสารที่สุดในแคลิฟอร์เนียที่ภรรยาไปมีชู้ไม่ใช่หรือ? มีภรรยาที่ไหนบ้างไม่ยอมให้สามีแตะต้องตัวเธอ อีกทั้งยังเป็นลูกชายที่ถูกทอดทิ้งของร็อคกี้เฟลเลอร์อีกด้วย”

อเล็กซ์มองเขาและจำเขาไม่ได้เลยซักนิด

เขาพูดอย่างเย็นชาว่า "คุณเป็นใคร? คุณเป็นใครถึงได้มาตัดสินผม"

“สวะ!”

ชายคนนั้นเย้ยหยัน “คุณคงยังอารมณ์ร้อนอยู่! ฉันได้ยินมาว่าภรรยาของคุณจะหย่ากับคุณ จุ๊ จุ๊ จุ๊ คุณหนูโดโรธีภรรยาของคุณเป็นคนสวย แต่ว่าคุณรู้สึกมีความสุขไหมหลังจากที่ภรรยาของคุณแต่งงานใหม่? หรือไม่มีความสุขเลย?”

อเล็กซ์มองเขาอย่างเย็นชา “บอกมาสิว่านายเป็นใคร!”

ชายหนุ่มหัวเราะ “ฮ่าฮ่าฮ่า แล้วยังไงล่ะ? แกต้องการจะแก้แค้นฉันหรือ? โอ้ย น่ากลัวจัง!”

เขาพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน “ฟังดี ๆ นะ ฉันชื่อแกสตัน เกตส์! ฉันเป็นคนที่ภรรยาของนายขุ่นเคืองที่แผนกต้อนรับเมื่อสองสามวันก่อน! แล้วนายโกรธไหม? พูดออกมาเพื่อความมั่นใจของนายหน่อยสิ? น่าสงสารนายจัง สามีซึ่งภรรยาแอบไปมีชู้ แล้วอย่าริอาจพยายามมาเทียบชั้นกับฉัน ฉันไม่อยากจะเสียเวลาเสวนากับนาย”

ปรากฎว่าคน ๆ นั้นก็คือแกสตัน เกตส์ นั่นเอง

บุคคลนี้ไม่ใช่คนสำคัญอะไรนัก เขาเป็นเพียงแค่หลานชายของผู้บริหารในบริษัทย่อยของกลุ่มบริษัทในเครือเธาซันด์ไมล์

ดังนั้นเล็กซ์ กันเธอร์ จึงจำเขาไม่ได้เลยแม้สักนิด

เขาจึงใช้เวลานานในการตามหาบุคคลนี้

จากนั้นเล็กซ์ กันเธอร์ จึงเรียกอเล็กซ์มาที่ เฮล แองเจิล นี้

ที่ตลกไปกว่านั้นก็คือ แกสตัน เกตส์ คิดว่าเล็กซ์ กันเธอร์ เรียกเขามาที่ เอล แองเจิล เพื่อชื่นชมความดี เขาจึงเยาะเย้ยอเล็กซ์

อเล็กซ์เยาะเย้ย "งั้นนายเอง! มีคำพูดสุดท้ายไหม?"

แกสตัน เกตส์ โกรธจัด “ไอ้โง่ คำพูดสุดท้ายสำหรับใคร? เชื่อไหม ว่าฉันจะไม่ปล่อยให้แกตายอย่างสงบหรอกนะ!”

อเล็กซ์ส่ายหัวเบา ๆ “ฉันไม่เชื่อ!”

ที่นี่คือ เอล แองเจิล สนามเด็กเล่นของเขา เขาเชื่อมั่นว่าเขาสามารถให้บทเรียนแก่ชายคนนี้ได้

ในขณะนั้นก็มีเสียงอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นว่า “ฉันก็ไม่เชื่อเหมือนกัน!”

แกสตัน เกตส์ โกรธจัด “ไอ้งั่งที่ไหนที่บอกว่าไม่เชื่ออีก?”

เขาหันไปมองตามเสียงนั้น

เมื่อเขาเห็นเจ้าของเสียงนั้น เขาก็ถึงกับชะงัก

“ท่านเล็กซ์… กันเธอร์?”

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 11

    ขณะที่แกสตันเริ่มจำชายชราที่ยืนอยู่ข้างหลังของเขาได้ การแสดงออกทางสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมากชายชราเป็นผู้บริหารระดับสูงของกลุ่มบริษัทในเครือเธาซันด์ ไมล์ และเป็นอัลฟ่าแห่งโลกใต้ดิน ท่านเล็กซ์—เล็กซ์ กันเธอร์!เขาไม่กล้าที่จะต่อล้อต่อเถียงกับท่านเล็กซ์ ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ยังคงให้ความสำคัญกับชีวิตของตัวเขาเองแกสตันยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ขณะที่เขากำลังรวบรวมสติ เขายิ้มและกล่าวคำขอโทษทันที “ท่านเล็กซ์ ผมเสียใจจริง ๆ ผมต้องขออภัยด้วย ไม่รู้ว่าเป็นท่าน! ได้โปรดยกโทษให้ผมสำหรับสิ่งที่ผมเพิ่งพูดไป ผมรู้ว่าท่านเป็นคนใจกว้าง โอ้ ผมชื่อแกสตัน ที่ท่านส่งคนมาเรียกผมมาที่นี่ จุดประสงค์ของการประชุมครั้งนี้เพื่อมอบหมายงานเพิ่มเติมให้ผมหรือบางทีเพื่อเลื่อนตำแหน่งให้ผมเป็นผู้จัดการหรือเปล่าครับ? ผมสัญญาว่าผมจะทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถเลยครับ"ใบหน้าของท่านเล็กซ์ย่นลงเล็กน้อย ดวงตาของเขาเคร่งขรึมและเย็นชาเขาพูดด้วยเสียงโมโนโทนว่า "เราไปคุยกันที่ห้องประชุมเถอะ"เมื่อแกสตันเห็นว่าท่านเล็กซ์ไม่ได้ลงโทษหรือโมโหอะไรเขาเลย เขาก็รู้สึกปีติยินดีอย่างยิ่ง แม้ว่าท่านเล็กซ์นั้นจะไม่สามารถซ่อนความโกรธข

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 12

    ท่านเล็กซ์เตะแกสตันและตะโกนว่า “ตอนนี้มันสายเกินไปแล้วที่จะมาร้องขอความเมตตา! ลากมันออกไปแล้วจับมันไปถ่วงน้ำซะ”การ์ดรักษาความปลอดภัยพุ่งไปข้างหน้า ในขณะเดียวกันความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ของแกสตันนันมันได้เอ่อล้นออกมา เขาคำนับหมอบลงกับพื้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนหน้าผากของเขาแตกและเริ่มมีเลือดไหลนองออกมา แกสตันตะโกนว่า “ท่านเล็กซ์ ได้โปรดไว้ชีวิตผมด้วย! ลุงจอห์น ช่วยด้วย! ผมรู้ว่าผมผิดได้ทำผิดไปแล้ว ผมสำนึกผิดแล้ว นายท่านอเล็กซ์ครับ ได้โปรดให้อภัยผมด้วย!”การทนดูการกระทำนั้นมันช่างเป็นเรื่องยากมาก ๆ สำหรับจอห์น เกตส์ ที่จะอดทนดูได้ แต่เขาก็ไม่สามารถคัดค้านอะไรได้เลยสักคำอเล็กซ์ชำเลืองมองไปที่แกสตันและพูดว่า “ไว้ชีวิตเขา เขายังอาจจะมีประโยชน์สำหรับเรา”เมื่อได้ยินคำพูดของอเล็กซ์ ความกตัญญูกตเวทีก็ถูกจารึกไว้ทั่วใบหน้าของจอห์น เขาเตะแกสตันอย่างรวดเร็วและพูดว่า “ขอบคุณนายท่านอเล็กซ์เดี๋ยวนี้เลย จำเอาไว้ว่านับจากนี้ไปเขาจะเป็นเจ้านายของแก!”แกสตันลุกลี้ลุกลนหมอบลงกับพื้นพร้อมกับพูดว่า “ขอบคุณครับ! ขอบคุณมาก ๆ นายท่านอเล็กซ์!”ท่านเล็กซ์ไม่สามารถซ่อนความโกรธเคืองในน้ำเสียงได้และกล่าวว่า "ส

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 13

    คุณหนูโดโรธีเชื่อมั่นในตัวอเล็กซ์ แต่สิ่งที่อเล็กซ์พูดนั้นมันก็ยากที่จะเชื่อ ที่สำคัญที่สุด เขาใช้เวลาถึงสิบเดือนที่ไม่อยู่กับร่องกับรอย และความทรงจำนั้นมันยังคงตราตรึงอยู่ในใจของเธออเล็กซ์จ้องไปที่สปาร์คอย่างเย็นชา ก่อนจะพูดขึ้นว่า “อีกครั้งแล้วกับการโกหก ฉันต้องการเห็นมันจนกว่าที่นายจะหยุดโกหกเสียที นายคิดว่าคำโกหกของนายนั้นไร้ที่ติหรือเปล่า? นายจะใช้กลุ่มบริษัท เธาซันด์ ไมล์ เพื่อบังคับให้ฉันหย่ากับโดโรธีหรือ? ตลกอะไรเบอร์นั้น! จอห์น เกตส์ แห่งกลุ่มบริษัท เธาซันด์ ไมล์ ใช่ไหม? เขาพึ่งมาคุกเข่าต่อหน้าของฉัน เพื่อร้องขอความเมตตาเอง”ทุกคนต่างหัวเราะ แม้แต่โดโรธีก็ยังรู้สึกผิดหวังในตัวของอเล็กซ์ด้วย เธอคิดว่าเขากำลังโกหกอยู่สปาร์คหัวเราะเสียงดัง “อเล็กซ์ ฉันไม่นึกเลยว่านายจะเห็นภาพลวงตานั่นจริง ๆ และนายอาจจะมีอาการประสาทหลอนด้วย คุณจอห์น เกตส์ จากกกลุ่มบริษัท เธาซันด์ ไมล์ เนี่ยนะที่เขาจะมาคุกเข่าต่อหน้านาย? ทำไมนายไม่บอกเลยล่ะว่าท่านเล็กซ์ทำงานให้กับนาย?”อเล็กซ์ยิ้มเยาะ 'ใช่ ท่านเล็กซ์ กันเธอร์ ทำงานให้กับฉัน'อย่างไรก็ตาม ยังไม่ถึงเวลาที่จะเฉลยความลับนี้เขามองไปที่คุณหนูโดโ

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 14

    เมื่อแกสตันได้รับโทรศัพท์ เขากำลังเข้ารับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลหน้าผากของเขาแตกและใบหน้าของเขาปูดบวม ทั่วร่างของเขามีแต่รอยฟกช้ำสีน้ำเงินและสีม่วงทุกครั้งที่เขารู้สึกเจ็บปวด เขาจะสาปแช่งสปาร์คในใจ ถ้าไม่ใช่เพราะช่วยไอ้เจ้าเล่ห์นั่น เขาก็คงไม่มาตกอยู่ในสถานะปัจจุบันของเขาหรอก เขาแทบจะไม่รอดจากการถูกจับไปถ่วงน้ำเมื่อเขาได้ยินสปาร์คถามเขาเช่นนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอยากที่จะด่า อย่างไรก็ตาม เขาจำคำสั่งของอเล็กซ์ได้และบอกสปาร์คว่า “อย่ามาถามคำถามอะไรฉันมากมาย ฉันไม่มีคำตอบให้นายหรอก ฉันกำลังจะไปต่างประเทศ นายจัดการกับสถานการณ์นี้ด้วยตัวเองเลย”คลิก! แกสตันกดวางสายสปาร์ค และปิดโทรศัพท์เพื่อไม่ให้เขาสามารถติดต่อได้อีก สปาร์คโกรธมาก เขานั้นเต็มไปด้วยไฟแห่งความโกรธ แกสตันเอาเงินไปแล้วแต่กลับไม่ทำตามที่ตกลงกันไว้ อย่างไรก็ตาม แกสตันเป็นหลานชายของจอห์น เกตส์ ผู้มีอำนาจ บุคคลที่เป็นผู้บริหารระดับสูงของกลุ่มบริษัท เธาซันด์ ไมล์ และสปาร์คไม่มีความกล้าพอที่จะทำอะไรกับแกสตันและไม่นานเขาก็ถึงบ้าน บ้านของครอบครัวร็อคกี้เฟลเลอร์เป็นคฤหาสน์หลังใหญ่ ในวันเกิดปีที่เจ็ดของอเล็กซ์ วิลเลียม ร็

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 15

    เมื่อพวกเขาออกจากคฤหาสน์ ต้นตระกูลของแอสเส็กซ์ สปาร์คก็จ้องมองคุณท่านบิลอย่างชื่นชม “คุณปู่ครับ ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคุณปู่มีเส้นสายถึงขนาดที่สนิทสนมกันกับท่านเล็กซ์ แถมยังจัดการช่วยให้เขาเซ็นสัญญาพันล้านดอลลาร์ได้อย่างรวดเร็ว! ไม่น่าแปลกใจที่คุณมั่นใจว่าหญิงชราจะยอมรับข้อเสนอของพวกเรา!”คุณท่านบิลส่ายหัวและพูดว่า “ไอ้สัญญาพันล้านดอลลาร์นั่น ปู่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลยสักนิดเดียว”“หืม? ถ้าเป็นอย่างนั้น ทำไมคุณปู่ถึงได้พูดว่า…” สปาร์คเอ่ยถามด้วยความสงสัย“ฉันก็แค่พูดไปตามน้ำเท่านั้นแหละ” คุณท่านบิลพูดแทรกขึ้นมาก่อนที่สปาร์คจะทันได้พูดจนจบประโยคของเขา “โชคชะตาลิขิตสิ่งต่าง ๆ มาให้เราในวันนี้ ปู่ไม่ได้คาดหวังว่าครอบครัวแอสเส็กซ์จะทำธุรกิจร่วมกับกลุ่มบริษัท เธาซันด์ ไมล์ ได้ ดูเหมือนว่าจะต้องมีผู้ที่มีอำนาจยื่นมือเข้ามาช่วยพวกเขาไว้ มันจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีสำหรับหลานที่จะแต่งงานกับคุณหนูโดโรธี เราอาจจะสามารถเชื่อมต่อหาช่องทางธุรกิจกับกลุ่มบริษัท เธาซันด์ ไมล์ ผ่านทางหลานได้ในอนาคต"สปาร์คยิ้มและพยักหน้าเห็นด้วย ความสงสัยนั้นผุดขึ้นมาในหัวของเขาทันที ว่าใครบ้างที่จะสามารถช่วยครอบคร

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 16

    “เจ้าสาวอะไรเหรอ?” โดโรธี ถาม คุณหนูเอ็มม่ายิ้มและพูดว่า “เธอไม่รู้เรื่องเลยจริง ๆ เหรอ? น่าทึ่งมาก! แล้วพบกันเร็ว ๆ นี้นะ ยังไงก็ขอแสดงความยินดีล่วงหน้าด้วยแล้วกัน!” สายตาของโดโรธีและอเล็กซ์สบตากัน พวกเขารู้ว่าต้องมีอะไรบางอย่างที่ไม่ดีกำลังจะเกิดขึ้นแน่ ๆ อเล็กซ์รู้สึกไม่ค่อยดีเมื่อเห็นสปาร์คอยู่ในห้องโถง นี่ก็เกือบจะสี่ทุ่มแล้วและมีผู้คนจำนวนมากอยู่ในห้องจัดเลี้ยง คุณท่านโจแอนน์กับแก้มที่มีสีเลือดฝาดในชุดสีขาวดั่งพระจันทร์ที่ยืนอยู่ใต้แสงไฟ เธอยื้นแขนทั้งสองข้างของเธอออกและทุก ๆ คนในห้องโถงก็เงียบ “วันนี้เป็นวันครบรอบสิบห้าปีของการก่อตั้งแอสเส็กซ์ ดิฉันขอขอบคุณหุ้นส่วนทางธุรกิจของพวกเราสำหรับการเข้าร่วมของคุณในค่ำคืนนี้” แปะ...แปะ... แปะ… (ปรบมือ) ฝูงชนต่างพากันปรบมือ “ตามปกติแล้วกิจกรรมของเราในวันนี้คือรุ่นเล็กของตระกูลแอสเส็กซ์จะได้รับรางวัลตามผลงานของพวกเขา แต่ครั้งนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเพราะวันนี้เรามีผู้ชนะเพียงคนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือ...” คุณท่านโจแอนน์ตั้งใจที่หยุดชั่วขณะ จากนั้นแสงก็ส่องไปที่ โดโรธี “โดโรธี! หลานสาวคนสวยของฉัน” “โดโรธีได้เ

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 17

    คุณท่านบิล ร็อคกี้เฟลเลอร์ ทำให้อเล็กซ์รู้สึกอับอาย เขานึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสิบเดือนที่แล้วซึ่งวิลเลียมพ่อของเขาก็ต้องอับอายเช่นกัน เขาพูดว่า “คุณปู่ ทำไมคุณต้องโกหกด้วย? ผมไม่เข้าทั้งวิลเลียมและผมเป็นครอบครัวของคุณ แต่ทำไมเราถึงดูขวางหูขวางตาของท่านนัก?” “ทำไมงั้นเหรอ? ก็เพราะแกทั้งคู่เป็นคนสร้างแต่ความเสื่อมเสียให้กับผู้คนไงล่ะ!” พึมพำ อเล็กซ์รู้สึกใจสลายราวกับมีดแทงทะลุมันลงไป น้ำตาไหลอาบแก้ม “โดโรธี ได้โปรดเชื่อผม ผมไม่เคยโกหก” อเล็กซ์มองไปที่โดโรธีด้วยสายตาที่อ้างว้างและทำอะไรไม่ถูก แต่โดโรธีกลับตบหน้าเขาและพูดทั้งน้ำตาว่า “คุณทำให้ฉันรู้สึกผิดหวัง ฉันคิดว่าคุณจะเปลี่ยนแล้ว แต่คุณกลับดูน่ารังเกียจและไร้ยางอายมากกว่าเดิม คุณมันคนโกหกที่แย่มาก ฉันไม่ไหวกับคนอย่างคุณแล้ว” เธอถอดแหวนแต่งงานโยนใส่อเล็กซ์ แหวนโดนที่ใบหน้าของอเล็กซ์ แล้วกลิ้งลงไปกับพื้น ใบหน้าของอเล็กซ์เปลี่ยนเป็นสีซีด คำพูดของโดโรธีดังอยู่ในหูของเขา เธอเคยบอกอเล็กซ์ว่าจะไม่มีทางที่จะใส่แหวนวงนั้นกลับไปที่นิ้วของเธอ ถ้าหากในวันหนึ่งเธอถอดมันออกไปอีกครั้งการดูถูกเหยียดหยามและการดูถูกจาจากแขกเป็

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 18

    “อะไรนะ? จริง ๆ แล้วท่านเล็กซ์พูดกับเขาในฐานะนายท่านอย่างนั้นเหรอ?” “อเล็กซ์ไม่ใช่คนที่ถูกขับไล่โดยตระกูลร็อคกี้เฟลเลอร์หรอกเหรอ? เขาจะเกี่ยวข้องกับท่านเล็กซ์ผู้ที่มีมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ได้อย่างไร?” “อเล็กซ์เป็นเจ้าของบริษัทเธาซันด์ ไมล์ งั้นเหรอ? ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงเขาอาจจะเป็นคนที่รวยที่สุดในแคลอฟอร์เนียหรือจะเรียกได้ว่า รวยที่สุดในอเมริกาเลยก็ว่าได้” “โอ้พระเจ้านั่น เป็นข่าวใหญ่มาก มันวิเศษมาก” ทุกคนพากันตื่นตะลึง พวกเขากระซิบกันขณะที่มองขึ้นไปบนเวที ทั้งครอบครัวแอสเส็กซ์ตกตะลึง ร่างกายของคุณท่านโจแอนน์กำลังสั่นสะท้าน ดวงตาของคุณนายแคลร์วิ่งขึ้นมาจากหัวของเธอด้วยความประหลาดใจ โดโรธีปิดปากของเธอ เธอรู้สึกงงงวย อเล็กซ์มองไปที่ท่านเล็กซ์อย่างรู้สึกว่างเปล่าและถามว่า “ท่านเล็กซ์ คุณมาที่นี่ทำไม?” ท่านเล็กซ์ตอบว่า “นายท่านอเล็กซ์ ผมได้ยินเกี่ยวกับงานเลี้ยงประจำปีของตะกูลแอสเส็กซ์ ผมเลยมาเพื่อแสดงความยินดีและขณะเดียวกันก็มามอบสัญญาพันล้านดอลลาร์ แต่ไม่คิดว่าจะได้เห็นสิ่งนี้” อเล็กซ์มองไปที่โดโรธีและยิ้มอย่างขมขื่น “ผมขอโทษสำหรับสิ่งที่คุณได้เห็น” เขารับสัญญาม

บทล่าสุด

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 200

    “คุณคิดว่าผมอยากรอจริง ๆ เหรอ? ค่าผ่าตัดอย่างน้อยก็ต้องหมดเกือบครึ่งล้าน อีกทั้ง ความเสี่ยงต่อการผ่าตัดก็สูงไม่น้อยเลยด้วย โอกาสรอดคือห้าสิบห้าต่อห้าสิบ ผมอาจจะตายระหว่างผ่าตัดก็ได้ ใครจะไปรู้ล่ะ? อีกอย่าง คุณเองก็รู้ว่าสภาพครอบครัวของผมเป็นยังไง ถ้ามีเรื่องร้ายอะไรเกิดขึ้นกับผม ทั้งแม่แล้วก็น้องสาวผมจะอยู่กันยังไง? แต่ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความแล้ว ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้แหละ ผมมีพัสดุอีกเยอะต้องส่งตอนเที่ยงด้วย” เจ้าของร้านพลันถอนหายใจ พร้อมกับดวงตาเต็มซึ่งไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นโศกนาฏกรรมอีกเรื่องหนึ่ง “เดี๋ยวก่อน!” อเล็กซ์พูดขึ้น "นายเชื่อใจฉันไหมล่ะ?" ชายหนุ่มพลันนิ่งไปเกือบสามวินาที ทันใดนั้น เขาก็พลันเผยยิ้มและพยักหน้า "ฉันเชื่อ ในฐานะเพื่อนของคุณโยเวล คุณคงไม่มีเวลาว่างมาหลอกลวงคนต่ำต้อยอย่างผมหรอก” อเล็กซ์ยืนขึ้น “งั้นก็เชื่อใจฉัน แล้วฉันจะช่วยนายเอง” อเล็กซ์เดินเข้าไปและกางนิ้ว พร้อมกับวางนิ้วหนึ่งไว้เหนือขมับของชายหนุ่ม ตรงนั้นคือตำแหน่งของเนื้องอกซึ่งอยู่ใต้กะโหลกศีรษะของลุค ทันใดนั้น นิ้วของอเล็กซ์ก็ส่องประกายราวกับสีของหยก รา

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 199

    ในระหว่างนั้น ชายหนุ่มที่สำลักบะหมี่ก่อนหน้าก็หันกลับลงไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง "คุณหนูโยเวล... นักร้องสาวแห่งแคลิฟอร์เนีย? จริงเหรอ?” ทันใดนั้นเอง ใครสักคนก็แอบหยิบโทรศัพท์ออกมาและค้นหาชื่อของนักร้องสาวแห่งแคลิฟอร์เนีย ทว่า ทั้งรูปภาพและผลลัพธ์มากมายต่างก็ปรากฏขึ้นมา อันที่จริง มิเชลล์มักจะทำตัวเป็นเป้าสายตาของสาธารณะชน และไม่ได้พวกใจพวกปาปารัสซี่เท่าไหร่นัก อีกทั้ง คนในตระกูลโนเวลเองก็ไม่ได้สนใจในตัวมิเชลล์ด้วยเช่นกัน เธออยากจะเป็นอะไรก็เป็นไป ด้วยเหตุนั้น มันจึงเป็นเรื่องง่ายไม่น้อยเลยที่จะมองหาคนอย่างเธอ ไม่นานนัก ใครสักคนก็ตะโกนขึ้นมา... "มันเป็นความจริง! ทั้งหมดคือเรื่องจริง! เธอคนนี้คือคุณหนูโยเวลตัวจริงเสียงจริง คุณมิเชลล์ โยเวลยังไงล่ะ!” “ใช่แล้ว! ยังไงก็เถอะ คุณหนูโยเวลอุตส่าห์มากินสตูว์ถึงที่ร้านทั้งที ฉัน... ฉันชักอยากจะขอเธอถ่ายรูปหน่อยแล้วสิ” “นายตาบอดหรือยังไงกัน? ดูเธอสิ เธอกำลังโกรธอยู่นะ ทำไมถึงอยากเข้าไปขอเธอถ่ายรูปตอนนี้กันล่ะ?” หลังจากที่ชายคนนั้นตบตัวเองไปมากกว่าสิบครั้ง แจ็คก็พูดขึ้น "รู้จักผมด้วยงั้นเหรอ?" ชายคนนั้นพยักหน้า แจ็คถามขึ้นอีก

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 198

    อันที่จริง อเล็กซ์ต้องการที่จะรักษาแจ็คก็เพราะเขาช่วยตนในเรื่องเอกสาร ทันใดนั้น อเล็กซ์เผยยิ้มและกล่าวคำพูดออกมา “คุณเทรนต์ครับ การช่วยชีวิตใครสักคนอาจต้องใช้โชคชะตา แต่ถ้ามีกำลังสงสัยอะไรอยู่ ก็ไม่เป็นไรครับ คุณสามารถไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลได้ตลอดเวลาเลย แต่ยังไงเสีย คุณคงต้องรีบหน่อยแล้วแหละ เพราะนิ่วในไตของคุณตอนนี้อยู่ในตำแหน่งที่แย่มาก คุณอาจะติดเชื้อได้เลยล่ะ" ทว่า ทุกคนก็พลันหัวเราะออกมาอีกครั้ง 'นายไม่ได้ใช้เครื่องอัลตราซาวนด์หรือเครื่องเอ็กซ์เรย์เลยด้วยซ้ำ อีกทั้ง ชีพจรก็ไม่ได้ตรวจ นายจะรู้ได้ยังไงกันว่านิ่วในไตนั้นอยู่ในตำแหน่งดีหรือร้าย? นายมีดวงตาเอ็กซ์เรย์หรือยังไงกัน?' สำหรับคราวนี้ มิเชลล์เองก็พลันเบิกตากว้างเช่นกัน เธอเอาแขนพาดหน้าอกด้วยความสงสัย “อเล็กซ์ นายมีดวงตาเอ็กซ์เรย์ด้วยงั้นเหรอ?” อเล็กซ์ไม่สนใจเธอเลย ทว่า ไม่นานนัก แจ็คก็พูดขึ้น "คุณร็อคกี้เฟลเลอร์ครับ ผมเชื่อใจคุณ” ยังไงเสีย อเล็กซ์เองก็ไม่ได้จะใช้มีดผ่าตัดอยู่แล้ว ดังนั้น แจ็คจึงรู้สึกว่ามันก็คุ้มที่จะลอง อเล็กซ์ไม่พูดอะไรต่อ ไม่นานนัก เขาก็วางมือเอาไว้บนแผล พร้อมกับสอดพลังฉีเข้าไปในร่างกายของ

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 197

    ผู้หญิงที่พูดขึ้นนั้นนั่งอยู่ข้างหลังอเล็กซ์ ดูเหมือนว่าเธอจะอายุราวสามสิบปีแล้ว ผู้หญิงคนนั้นได้ยินการสนทนาของพวกเขาตั้งแต่เข้ามานั่งใกล้ ๆ แล้ว ผู้หญิงคนนั้นนั่งฟังพวกเขาตั้งแต่ตอนที่มิเชลล์บอกว่าเธอจะจับพริสซิลล่ามาอยู่บนเตียงของอเล็กซ์ ผู้หญิงคนนั้นรู้สึกดูถูกเหยียดหยามทั้งสองอย่างถึงที่สุด อันที่จริง เธออยากจะเรียกตำรวจมาจับพวกเขาด้วยซ้ำ แต่ทว่า เธอก็รู้สึกโล่งใจที่อเล็กซ์ปฏิเสธข้อเสนอไป ต่อมา เธอก็ได้ยินทั้งสองพูดถึงบริษัทเธาซันด์ลีฟ เธอได้ยินมิเชลล์พูดว่าตัวเองนั้นสามารถขอใบอนุญาตได้เลยเพียงแค่เอ่ยวาจา และทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ผู้หญิงคนนั้นก็แทบจะพ่นสตูว์เนื้อรสเผ็ดออกมาทางปาก อันที่จริง เธอเองก็เพิ่งรู้เรื่องเกี่ยวกับบริษัทเธาซันด์ลีฟ สามีของเธอขายวัสดุก่อสร้างอยู่ที่นั่น แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงตัวแทนจำหน่ายรายย่อยที่ทำงานภายใต้แฟรนไชส์ของรัฐแคลิฟอร์เนีย แต่เธอก็รู้ดีว่าเจ้าของบริษัทเธาซันด์ลีฟก็คือตระกูลโยเวล ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในรัฐแคลิฟอร์เนีย อีกทั้ง บริษัทยังได้รับการโฆษณาเป็นอย่างดีอีกด้วย ทว่า สามีของเธอก็ได้แจกจ่ายวัสดุก่อสร้างอยู่ตั้งหลายร

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 196

    อันที่จริง เบียทริซเองก็กลัวว่าตัวเองจะไม่สามารถเอาชีวิตรอดในมหาวิทยาลัยได้หากจะต้องเปิดโปงพวกเขาทั้งสอง ทันทีที่ทั้งคู่มาถึงลานจอดรถ อเล็กซ์ก็ตระหนักได้ว่ามิเชลล์นั้นซื้อรถสปอร์ตสุดหรูแอสตันมาร์ตินสีแดงให้กับตน โครงสร้างสุดเท่ของรถสปอร์ตคนนี้ค่อนข้างทันสมัย ​​แต่มันไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ขับผ่านถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่ออย่างแน่นอน “โทษทีนะ พอดีฉันหารุ่น M8 ที่นายต้องการไม่ได้เลยน่ะ ตอนนี้ไม่มีรุ่นนั้นเหลืออยู่ในแคลิฟอร์เนียเลยด้วย ยังไงก็เถอะ นายก็ใช้คันนี้พลาง ๆ ไปก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวถ้าของเข้าแล้ว ฉันจะไปซื้อรุ่น M8 มาคืนให้” 'ดูเธอสิ ช่างมีน้ำใจเหลือเกิน' เธอสามารถซื้อรถหรูราคาหลายแสนได้ราวกับว่าซื้อลูกโป่ง “ก็ได้!” อเล็กซ์ไม่เรื่องมากกับเรื่องรถยนต์อยู่แล้ว ทั้งสองเดินทางไปยังร้านอาหารสตูว์รสจัดจ้าน มิเชลล์นึกประหลาดใจ “นายอยากทำกับฉันแบบนี้จริง ๆ เหรอ?” อเล็กซ์ตอบกลับ “ตอนแรกฉันจะรักษาพริสซิลล่า แต่เธอดันกลับบ้านไปก่อน ยังไงเสีย ตอนนี้เรามาสั่งอะไรง่ายๆ กินกันดีกว่า” “นี่นายกำลังพยายามตามจีบพริสซิลล่าอยู่หรือเปล่าเนี่ย? อันที่จริง ฉันช่วยนายได้นะรู้ไหม? ฉันทำให้เธ

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 195

    “ดาวมหาลัยชนชั้นกลาง... เบียทริซ แอสเส็กซ์งั้นเหรอ?” “เธอคือ...” ทั้งแอนนาลิสและพริสซิลล่าต่างก็จ้องไปที่เบียทริซอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง หลังจากนั้น พวกเขาก็หันไปหาอเล็กซ์ จากท่าทีของทั้งสอง พวกเขาต่างก็รับรู้มาว่าอเล็กซ์เป็นแฟนของมิเชลล์ ไม่อย่างนั้น ทั้งสองจะรู้จักและจูบกันได้ยังไงล่ะ? ในตอนนี้ พวกเขาต่างก็คิดว่ามิเชลล์คงจะต้องตะคอกและทุบตีอเล็กซ์อย่างแน่นอน แม้แต่เบียทริซเองก็คิดเช่นนั้น เบียทริซเรียกอเล็กซ์ว่าพี่เขยก็เพื่อเปิดเผยตัวตนของเขาเอง อีกทั้ง เบียทริซเองก็ต้องการบอกกล่าวให้มิเชลล์รับรู้ว่าว่าอเล็กซ์เป็นชายที่แต่งงานแล้ว และแน่นอน เบียทริซในตอนนี้กำลังเล่นกับความรู้สึกของมิเชลล์อยู่ จากที่เบียทริซรู้เรื่องราวของมิเชลล์มา มิเชลล์จะต้องโมโหและทำร้ายอเล็กซ์อย่างแน่นอน แต่ทว่า กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย มิเชลล์รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ไม่นานนัก เธอก็กล่าวคำพูดขึ้น “เบียทริซ แอสเซ็กซ์ เธอเป็นน้องสะใภ้ของอเล็กซ์หรือยังไงกัน? เธอน่าจะบอกให้เร็วกว่านี้นะ! ยังไงก็เถอะ ถ้ามีใครเข้ามายุ่งวุ่นวายกับเธอ ก็เอ่ยชื่อของฉันออกไปได้เลย แล้วฉันจะมาปกป้องเธอเอง!” "อะไรก

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 194

    สตีเวนเผยยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกับคำรามออกมา เขาปลุกพละกำลังภายในที่น่ากลัวและชั่วร้ายออกมาอย่างฉับพลัน พร้อมกับแสงสีแดงที่กะพริบระยิบระยับในดวงตา ระหว่างที่มิเชลล์กำลังจะฟาดฝ่ามือลงไปที่สตีเวน เขาก็พลันตอบโต้การโจมตีด้วยฝ่ามือของตัวเองเช่นกัน ตู้ม! เสียงระเบิดดังก้องกังวานไปทั่วห้องโถง สตีเวนเองก็ได้เก็บซ่อนพลังพิเศษไว้ที่ในฝ่ามือของตัวเอง พลังนั้นพุ่งทะลุผ่านฝ่ามือของมิเชลล์ไป มันเป็นทักษะอันทรงพลังในฐานะจ้าวแห่งเงามรณะเลยก็ว่าได้ หรือเรียกอีกอย่างว่าทักษะแห่งการล่อลวง เพราะเหตุนั้น สตีเวนจึงไม่สนใจการโจมตีมิเชลล์มากนัก เพราะเขารู้ว่าท้ายที่สุดแล้วตนจะต้องชนะอย่างแน่นอน ในตอนนั้นเอง เขาพลันดีดนิ้วและกล่าวคำพูดขึ้นมา “หยุด!” ทว่า ทักษะแห่งชัยชนะทั้งหมดของสตีเวนกลับไม่มีผลอะไรเลยในวันนี้ มิเชลล์พุ่งเข้าใส่สตีเวนด้วยการเคลื่อนไหวที่รุนแรงและเฉียบแหลม เธอยกขาขึ้นแล้วกระแทกไปยังศีรษะของสตีเวนอย่างแรง "อะไรกัน?" อึก! สตีเวนล้มลงไปนอนกับพื้น เขาพลันกลอกตาไปมาและรู้สึกเหมือนจะเป็นลม ทันทีที่สติเริ่มจางหาย ความคิดสุดท้ายของสตีเวนก็พลันปรากฏขึ้นมาในหัว “มันจะเป็นไปได้ยังไง

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 193

    ตุ๊บ! ท่ามกลางเสียงอึกทึกครึกโครมของฝูงชน มิเชลล์ก็กระโดดข้ามราวขึ้นไปบนเวทีประลอง ระหว่างที่มิเชลล์ขึ้นไปยืนบนเวทีประลอง หน้าอกขนาดมหึมาของเธอก็พลันกระเพื่อมขึ้นลงไม่หยุด ทุกคนต่างตกตะลึงและเบิกตากว้าง โดยเฉพาะเหล่านักเรียนชาย พวกเขาต่างก็ยิ่งอิจฉาอเล็กซ์มากกว่าเดิมทันทีที่เห็นเช่นนั้น มิเชลล์รีบคว้าตัวพริสซิลล่าและลากเธอมาหลบอยู่ด้านหลัง มิเชลล์จ้องไปยังชายวัยกลางคนจอมหยิ่งผยองและกล่าวคำพูดขึ้น “ฉันจะเป็นคู่ต่อสู้ของนายเอง!” พริสซิลล่าในตอนนี้ไม่กล้าที่จะอยู่บนเวทีอีกต่อไปแล้ว ด้วยเหตุนั้น เธอจึงรีบวิ่งออกไปจากลานประลอง พร้อมกับกุมมือตัวเองด้วยความหวาดกลัว อเล็กซ์ตบไหล่ของพริสซิลล่าและเผยยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น “เธอทำดีมาก ฉันบอกแล้วว่าเธอต้องชนะ” “ฉัน... ฉันชนะการประลองจริง ๆ เหรอ?” “...” หลายต่อหลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เริ่มจ้องมองไปที่พริสซิลล่าและกลอกตา แอนนาลิสเองก็ขมวดคิ้วและจ้องไปยังพริสซิลล่าเช่นกัน เธอไม่เข้าใจความสามารถที่ระเบิดออกมาอย่างกะทันหันของพริสซิลล่าเลยแม้แต่น้อย หลังจากนั้น เธอก็คิดเองเออเองว่าเทรเวอร์น่าจะใช้พลังของตัวเองมากเกินไป แอนนาลิสคิดหาวิธีอื่

  • สุดชีวาชะตาลิขิต   บทที่ 192

    “พูดบ้าอะไรของเธอกัน?!” ระหว่างกำลังคิดว่านี่คงเป็นแผนของชมรมซาตานที่ต้องการส่งใครสักคนขึ้นมาบนเวทีประลอง เทรเวอร์ก็รู้สึกโกรธไม่น้อย ทันใดนั้น เทรเวอร์ก็พุ่งเข้าไปหาพริสซิลล่าและฟาดฝ่ามือใส่เธอ เทรเวอร์ต้องการสยบพริสซิลล่าด้วยฝ่ามือ นั่นก็เพื่อแสดงให้เห็นถึงพละกำลังและความยิ่งใหญ่ในฐานะประธานชมรมมังกรหยก "อ๊าย!" พริสซิลล่าพลันกรีดร้องและยกมือขึ้นมาตั้งการ์ดโดยสัญชาตญาณ ทันใดนั้น กระแสพลังฉีพลันพุ่งออกมาจากร่างกายของเธอ ตุบ! เทรเวอร์พลันฟาดลงไปยังข้อมือพริสซิลล่า ทว่า เขากลับสัมผัสได้ถึงกระแสพลังจำนวนมหาศาลพุ่งตรงเข้ามา ฟิ้ว! ทันใดนั้น ร่างกายของเทรเวอร์ก็ลอยละล่องขึ้นไปกลางอากาศเหนือเวทีประลองและล้มลงกระแทกกับพื้นอย่างแรง พร้อมกับผมที่ตั้งชูอยู่เหนือศีรษะ ร่างกายของเทรเวอร์สั่นเทา เขาอ้าปากค้างราวกับมีหมอกพิษทมิฬลอยออกมาจากปาก ทุกคนในห้องโถงต่างก็เงียบไปด้วยความตกใจ พวกเขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยด้วยซ้ำ มิเชลล์เองก็เบิกตากว้างเช่นกัน เธอจ้องมองดูสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา ดวงตาของแอนนาลิสพลันเบิกกว้าง เธออ้าปากค้างทันใด เธอแทบจะไม่อยากเชื่อเหตุการณ์ท

DMCA.com Protection Status