ฉันชื่อ “นัชชา” ค่ะ ปีนี้อายุ 25 ปี ตก ‘เบญจเพส’ พอดี
คุณคงอยากรู้ว่า ‘เบญจเพส’ แล้วฉันกลัวอะไรไหม ก็มีเรื่องกลัวอยู่นะ
แต่คุณคงกำลังคิดว่า ฉันกลัวอาถรรพ์อะไรพรรค์นั้นใช่ไหม ไม่อะ ฉันไม่กลัว ไม่เชื่อด้วยซ้ำ
แต่แม่ฉันสิ สารพัดจะพาฉันไปสะเดาะเคราะห์ ทั้งไปไหว้พระ รดน้ำมนต์ พกผ้ายันต์ติดตัว ห้อยพระเครื่อง บวชชีพราหมณ์ สารพัดสารพันที่แม่ทั้งพาไปและทั้งบังคับให้ฉันไปทำ รวมทั้งต้องถ่ายรูปส่งมาให้ดูเป็นหลักฐานด้วยว่าฉันไปทำมาแล้วจริงๆ
และที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับเบญจเพสก็คือ เรื่อง ‘ดวง’
นั่นแหละ ไม่ว่าญาติพี่น้องหรือเพื่อนฝูงจะบอกว่าหมอดูที่ไหนแม่นเวอร์ ทายแม่นสุด แม่ฉันต้องดั้งด้นไปให้ถึง จากนั้นก็ช่วยทำบุญค่าครูหลักร้อยไปจนถึงหลักพัน เพื่อให้ได้มาซึ่งคำทำนายสำหรับลูกสาวตัวน้อยๆ ของแม่เสมอ และคำทำนายหนักอึ้ง จนฉันไม่อยากไปทำงานก็คือ
‘น้องหนู! ลูกหนูตัวน้อยๆ ของแม่ น้องหนูจ๋า พ่อหมอดูตาทิพย์ท่านบอกแม่ว่า เบญจเพสนี้ดวงน้องหนูจะรุ่ง! พุ่งแรง น้องหนูจะหมดเคราะห์หมดโศก และจะได้ลาภเป็นสัตว์สองเท้า!’
ฉันควรจะฟังแม่และยิ้มเท่านั้น เพราะคำทำนายเบสิคๆ แบบนี้ หมอดูที่ไหนก็ทายแบบนี้ไม่ใช่เหรอ แต่ไม่เป็นอย่างนั้นน่ะสิ เมื่อสัตว์ 2 เท้าที่แม่พูดถึงก็คือ
‘พ่อหมอว่าลูกจะได้ ผัว!!’
และที่พีคในพีคยิ่งกว่านั้นก็คือ ‘ผัว! ในที่ทำงานด้วยนะลูก ไม่เกินเดือนหน้า น้องหนูของแม่ได้สละโสดแน่ ปีนี้ดวงผู้ชายลูกแม่ขึ้นจริงๆ ว้ายๆๆๆ ดีใจๆๆ ลูกสาวจะขายออก ดีใจๆๆ’
คุณฟังที่แม่ฉันพูดสิ คิดดู แม่ช่างไม่เข้าใจฉัน...
ฉันนี่นะ จะหาผัวในที่ทำงานได้ และจะได้แต่งงานภายในเดือนหน้าอีก หมามีปีก นกออกลูกเป็นคนละมั้ง ฉันถึงจะได้ผัวตามที่พ่อหมอดูตาทิพย์ของแม่ทำนายไว้
ก็ผู้ชายในออฟฟิศฉันน่ะ ไม่แก่ ก็มีเมียแล้วทั้งนั้น หรือจะหวังให้มีพนักงานใหม่เป็นหนุ่มโสด แล้วมาชอบฉัน นั่นฉันคงต้องหวังลมๆ แล้งๆ แน่ เพราะเขาคงไม่มองฉันหรอก
นั่นล่ะ ฉันถึงว่าให้หมามีปีกก่อนไง เพราะอยู่มาจนป่านนี้ไม่เห็นจะมีทั้ง 2 เท้า หรือว่า 4 เท้า (2 คน) มาสนใจ แห้งเหี่ยวมาจน 25 หนาว ก็คงจะหนาวต่อไปอีกนานแสนนาน
‘ไม่ได้การล่ะน้องหนู แม่ว่าเราไปช้อปปิ้งกันดีกว่า แม่จะไปหาผ้ามาตัดชุดใหม่ น้องหนูก็ซื้อชุดสวยๆ ไว้ใส่ไปทำงานด้วยนะลูก คุณสัตว์สองเท้าเขาจะได้ประทับใจ’
‘แม่... หนูอ้วนแบบนี้ คงไม่มีสัตว์สองเท้าที่ไหนมาประทับใจหรอก จะมีก็แค่เจ้าของโรงเชือดเท่านั้นแหละ ที่จะประทับใจหนูอะ เห็นปุ๊บ อยากกินหมูกระทะเลย’
‘อ้ายยยย... อย่าพูดไปนะน้องหนู พ่อหมอตาทิพย์น่ะ ท่านแม่นมาก นี่อาโกเราเขาการันตีเองเลยนะ’
‘แต่โกก็ไม่มีผัวนะแม่’
‘บ้า! อาโกเขาถามเรื่องงาน แต่เราน่ะเรื่องผัว’
‘แม่อย่าไปเชื่อเลย ไม่แม่นหรอก เชื่อหนูเหอะ หนูเป็นคนได้ผัว หนูว่าไม่ก็ไม่สิแม่ ลาบก้อยซอยถี่ซอยห่างของแม่ หนูไม่มีวันได้กินหรอก’
‘อูย... ปากคอเราะราย จะไม่ได้ผัวก็เพราะแบบนี้ล่ะมั้ง’
ฉันได้แต่ยิ้มเพราะมันคือเรื่องจริง ใครจะมาชอบคนอ้วนอย่างฉัน พูดให้แม่หมดหวังไปซะดีกว่า จะได้ไม่ต้องคอยลุ้น และฉันก็ไม่ต้องเครียดด้วย
‘เอาน่า ไม่ต้องเศร้าไป ในเมื่อเขาเป็นลาภของลูก เขาต้องสนใจลูกสิ เชื่อแม่นะ ลาภต้องตกใส่มือน้องหนูแน่นอน น้องหนูแค่ทำตัวเองให้สวยเข้าไว้ สวยเข้าไว้ลูก เดี๋ยวผัวมาเอง’
ฉันอึ้งแต่แม่ยิ้มแป้น ดวงตาพาฝันคงพาแม่ทะลุไปในโลกอนาคตถึงวันแต่งงานของฉันแล้วล่ะ แต่แม่ไม่มองฉันเลย
หวังว่าแม่คงไม่ชาชินกับวัตถุยิ่งใหญ่ประจำบ้าน เอ๊ะ! หรือว่าแม่จะชิน แต่ฉันไม่ชินตัวเองนะ ไม่เลย ไม่เคยเลย
เงาที่สะท้อนออกมาจากกระจกนั่น ‘ไหกระเทียมต่อขา’ ใช่ไหม
เพราะคนอะไรจะสูงแค่ 155 เซนติเมตร แต่ดันหนัก 60 กิโลกรัม
สัดส่วนน่ะหรือ เข้าขั้นสเลนเดอร์เชียวล่ะ 36-32-36 แทบจะเท่ากันทั้งตัว
ทุกจุดดูตัน ตัน แล้วก็ตัน แล้วผู้ชายที่ไหนจะชอบผู้หญิงหลายตันอย่างฉัน
นั่นล่ะ สิ่งที่ฉันกลัวมากสุดสำหรับเบญจเพสนี้ ‘ฉันกลัวอ้วน!!! มากไปกว่านี้’
.
.
‘นัชชา’ รีบพาร่างปุ้มปุ้ยเดินเร็วรี่ไปให้ถึงห้องประชุมก่อนเวลา แต่ตาก็คอยพะวักพะวนมองตัวเลขบนนาฬิกาข้อมือที่บ่งบอกว่าอีกแค่ 40 วินาทีเท่านั้น การประชุมจะเริ่มขึ้น ซึ่งหล่อนกำลังจะไปไม่ทัน
“อ๊ายๆๆๆๆ เวลาจ๋า หยุดให้ฉันหน่อย ว้ายๆๆๆ ไม่กี่ก้าว ไม่กี่ก้าว ว้ายๆๆๆ อย่าเดินนะ อย่าเดินนะ ว้ายยยยย...”
หล่อนทั้งรีบเดิน ทั้งกรีดร้องเล็กๆ กับตัวเอง พยายามสุดฤทธิ์จะไปให้ถึง แต่ไม่ว่าจะรีบยังไงช่วงขาของหล่อนก็ก้าวได้แค่นั้น หรือหากจะวิ่งไป พื้นออฟฟิศคงได้สึกกันแน่ ดีไม่ดี คนด้านในจะออกมาเพราะคิดว่าแผ่นดินไหว
“ไม่ได้นะ ไม่ยอมนะ ถึงแล้วๆๆ”
นัชชาเอื้อมคว้ามือจับประตูหวังจะกระชากออก แต่กลับมีอีกมือมาคว้าหมับก่อนจะดันเข้า
“ว้าย!” หล่อนร้องดังเพราะร่างอวบอิ่มผลุบเข้าหน้าคะมำไปในห้อง แต่... หล่อนกลับไม่เจ็บ
ความรู้สึกน่ะหรือ ‘อบอุ่นชะมัด’
“ขอโทษด้วยนะครับที่มาสาย โชคดีของผมที่คุณน้องหนูช่วยนำมา ไม่งั้นผมสายแย่เลย” เสียงทุ้มๆ ของผู้ชายที่ดังอยู่ด้านหลังทำให้นัชชาชะงัก ความร้อนราวจะแผ่ซ่านไปทั่วทั้งกาย แม้ขณะนี้เขาจะปล่อยมือออกจากรอบเอวหนาๆ ของหล่อนแล้วก็ตาม แต่ความอุ่นซ่านราวจะยังอยู่ คล้ายว่าเขาจะโอบกอดหล่อนไว้ “คุณน้องหนูเชิญนั่งเลยครับ เดี๋ยวเราเริ่มประชุมได้เลย” “เอ่อ... ค่ะ ขอโทษทุกท่านด้วยนะคะ ที่ทำให้ต้องรอ” นัชชาตอบรับเขา ก่อนจะหันไปขอโทษขอโพยผู้เข้าร่วมประชุมคนอื่นๆ ไม่มีสีหน้าตำหนิจากใคร มีแต่สีหน้าจริงจังพร้อมสำหรับการประชุม เพราะคนที่เอ่ยอ้างว่าหล่อนพามานั้นเขาคือ ‘คุณก้องภพ’ รองประธานบริษัท หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ ลูกชายของท่านประธาน เจ้าของที่นี่ไง หล่อนหย่อนกายอวบๆ ลงนั่งในเก้าอี้ว่างฝั่งซ้ายมือของเขา เพราะนี่คือการประชุมวางนโยบายของฝ่ายจัดซื้อประจำไตรมาสที่ 3 ซึ่งคนเตรียมข้อมูลพรีเซ้นท์คือหล่อน และเขาที่ส่งยิ้มน้อยๆ พร้อมผายมือมาด้านหน้า นั่นคือสัญญาณให้หล่อนเริ่มต้นได้เลย นัชชาโค้งศีรษะเพียงนิด ยิ้มแหยน้อยๆ ในเชิงขออภัย แต่
“คุณน้องหนู...” “คะ” เขาเรียกชื่อหล่อน แต่ไม่พูดอะไรอีก เรียกแล้วก็จ้องหน้านิ่งแต่มีรอยยิ้ม จากนั้นเจ้าของร่างสูงก็ลุกขึ้นยืน นั่นทำให้หล่อนต้องลุกขึ้นตาม แต่เขากลับก้าวเข้าใกล้ พร้อมเอื้อมมือมากระชับบ่าหนาแน่นและกดให้หล่อนนั่งลงตามเดิม นัชชาหายใจไม่ทั่วท้อง หล่อนคาดเดาไม่ถูกว่าคุณก้องภพจะทำอะไร จะตำหนิ... หรือ... จะทำอะไร สถานการณ์และสายตาเขาที่มองมาทำให้หล่อนรู้สึกแปลกๆ แม้หล่อนจะอ้วนแต่หล่อนก็เป็นเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ที่มีเซ้นท์เรื่องความรัก จะเป็นไปได้หรือที่คำหมอดูจะเป็นจริง “คุณน้องหนู” “คะ... คุณก้องภพมีอะไรกับหนูอีกหรือเปล่าคะ หรือจะใช้ให้หนูทำอะไร ก็บอกมาได้เลยนะคะ หนูยินดีทำให้ทุกอย่างค่ะ” ใบหน้าหล่อที่ค้อมลงมาใกล้ ทำให้หล่อนต้องถามออกไป ทั้งๆ ที่อยากจะเผยอปากรับจูบแรกจากเขา แต่หล่อนไม่อยากมโนไปไกลกว่านี้ แค่นี้หล่อนก็หาทางกลับจากดาวอังคารไม่ถูกแล้ว ทว่าคำถามที่หลุดออกจากริมฝีปากสีชมพูสุขภาพดีนั้น กลับทำให้หล่อนอึ้ง ทุกอย่างหยุดการเคลื่อนไหว แม้แต่ลมหายใจของหล่อนเอง “คะ... คุณก้องภพ ถามว่าอะไ
นัชชาไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว หล่อนกำลังเคลิ้มฝัน หล่อนกำลังล่องลอยไปถึงสวรรค์ที่หล่อนไม่เคยไปถึง และหล่อนกำลังลอยได้ เนิ่นนานทีเดียวกว่าเขาจะถอนปากออกและนั่นก็ทำให้หล่อนซุกซบอยู่ที่อกแน่นของเขา หล่อนไร้แรงแม้แต่จะพยุงตัวเอง จนเขากระชับที่เอวและยกหล่อนขึ้นนั่งบนโต๊ะประชุม นัชชารับรู้ว่าร่างกายของหล่อนร้อนผ่าวโดยเฉพาะที่ใบหน้านั้นร้อนซาบซ่านไปหมด หล่อนไม่รู้ว่าควรจะปฏิบัติตัวอย่างไร ไม่กล้ามองหน้าเขา จึงได้แต่ก้มหน้านิ่ง แต่คุณก้องภพก็ไม่ทำให้หล่อนเขินอายนาน ปลายนิ้วของเขาเคลื่อนมาเชยปลายคางให้หล่อนแหงนหน้าขึ้นมองเขา แต่หล่อนไม่กล้ามองจึงเลือกหลับตาเสีย “น้องหนูคะ เป็นแฟนกับพี่แล้วนะคะ” นั่นแหละหล่อนเบิกตากว้างมองเขาทันที ทั้งที่ความร้อนพุ่งซ่าน “ไม่นะคะ น้องหนูยังไม่ได้ตอบรับนะคะ” “จูบเมื่อกี้... พี่ถือว่าน้องหนูตอบรับแล้วนะคะ ต่อไปนี้เป็นแฟนพี่แล้ว ห้ามมองคนอื่น ห้ามกรี๊ดคนอื่น พี่อนุญาตให้มองแต่พี่และกรี๊ดพี่ได้คนเดียวเท่านั้น และตอนเช้าพี่ก็จะไปรับที่บ้านนะคะ ห้ามปฏิเสธเพราะนี่คือหน้าที่ของแฟน” “คุณก้อง
อาหารเย็นฝีมือแฟนลูกสาวทำให้แม่เจริญอาหารสุดๆ กินจนอิ่มแปล้ จากนั้นก็ขอตัวไปนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์ เพื่อเปิดโอกาสให้เขากับหล่อนคุยกัน ซึ่งก็เป็นแบบนี้แทบจะทุกวัน แม้จะแค่ 2 อาทิตย์ แต่เขากลับสนิทสนมกับที่บ้านของหล่อนจนกลายเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัว ‘น้องหนูคะ’ ‘คะพี่ก้อง’ หล่อนมองมือตัวเองที่เขาเอื้อมมากุมไว้ ขณะเดินเล่นกันอยู่ในสวนเล็กๆ ข้างบ้าน สีหน้าท่าทางของเขา มองรู้ว่ามีเรื่องจะคุยด้วย ‘พี่ก้องมีอะไรหรือเปล่าคะ คุยกับหนูได้ทุกเรื่องค่ะ’ ‘พี่อยากคุยกับน้องหนูเรื่อง... แต่งงาน’ ‘คะ?’ นี่จะการันตีความแม่นของพ่อหมออีกเรื่องใช่ไหม ‘พี่รู้ว่ามันเร็วไป พี่รู้ว่าน้องหนูอาจจะยังไม่พร้อม อาจจะกลัวการใช้ชีวิตคู่ แต่พี่พร้อมนะ พี่พร้อมที่จะดูแลน้องหนูเป็นอย่างดี’ เขาที่พูดรัวเร็ว ไม่เหมือนคุณก้องภพ ผู้บริหารที่สุขุม ดูดี ทุกจังหวะการก้าวเดินและพูดคุย ‘น้องหนู ปีนี้พี่อายุสามสิบห้าแล้วนะคะ’ ‘สามสิบห้าแล้วเหรอคะ อุ้ย... หนูขอโทษค่ะ พี่ก้องพูดต่อเลยค่ะ’ ‘ก็พี่สามสิบห้า
แม่จูงมือหล่อนออกจากห้องน้ำ ฝ่ามือของแม่ที่กระชับมือหล่อนแน่นชื้นไปด้วยเหงื่อ แม่ก็ตื่นเต้นไม่ต่างจากหล่อน “แม่...” “อะไรหรือน้องหนู” แม่หันมองหล่อน นัชชาโผเข้ากอดแม่ไว้แน่น “หนูขอบคุณแม่นะ ที่แม่ทำให้หนูมีวันนี้” “แม่สิต้องขอบใจน้องหนูที่ทำให้แม่มีวันนี้เหมือนกัน แม่มีความสุขมากที่สุด อากง อาม่า อาโก และญาติๆ เราก็มีความสุข น้องหนูรู้ไหม มีแต่คนอิจฉาลูกที่ได้เจ้าบ่าวทั้งหล่อทั้งรวย และที่สำคัญ เขารักลูกของแม่มาก นี่แหละที่ทำให้แม่มีความสุขที่สุด” “ไม่น่าเชื่อเลยนะแม่ หมอดูของแม่แม่นมาก” “ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อล่ะ และอีกเรื่องที่แม่อยากให้น้องหนูเชื่อในคำทำนาย” หล่อนมองแม่ตาแป๋วรอฟัง “คำทำนายแรกที่ว่าลูกจะได้แต่งงานภายในหนึ่งเดือนเป็นจริงแล้ว จริงอย่างไม่น่าเชื่อด้วยใช่ไหม ทีนี้ก็เหลืออีกหนึ่งคำทำนายนะ นั่นคือ ลูกจะหมดเคราะห์หมดโศก จะมีแต่ความสุข จำคำของแม่ไว้นะน้องหนู ไม่มีใครทำร้ายเราได้นอกจากความคิดของเราเอง วันนี้ลูกได้ผู้ชายที่รักลูกมาเป็นคู่ชีวิต วันต่อๆ ไป ลูกก็ต้องทำตัวให้ส
ก้องภพก้มหน้าพนมมือรับพรจากญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย แต่ไม่วายจะชำเลืองมองเจ้าสาวของเขาอยู่บ่อยครั้ง เพราะหล่อนยิ้มแก้มแดงจนเขาอยากจะเร่งเวลาให้ญาติทั้งสองฝ่ายให้พรเสร็จเร็วๆ “คุณก้อง ทะนุถนอมลูกของแม่หน่อยนะ แม้ว่าน้องหนูจะถึกไปสักหน่อย แต่ลูกแม่ก็บอบบางนะ” “แม่อะ” นัชชาเรียกแม่อายๆ จนผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายพากันขำ ก่อนจะพากันออกจากห้องหอ และปล่อยให้คู่บ่าวสาวอยู่กันตามลำพัง ทันทีที่ผู้ใหญ่คนสุดท้ายเดินออกไป ก้องภพก็ปิดประตูห้องพร้อม คลิก... กดล็อกทันที นัชชาสะดุ้งเสียวสันหลังวาบ เมื่อเจ้าบ่าวของหล่อนหันมา ดวงตาคมเข้มเจือแววกรุ้มกริ่มจนใจหล่อนสะท้าน นี่เขาคิดจะทำอะไร นัชชาเริ่มสั่น หล่อนไม่ได้ไร้เดียงสาจนไม่รู้ว่าค่ำคืนเข้าหอเจ้าบ่าวเจ้าสาวเขาต้องทำอะไรกัน แต่... จะเริ่มยังไงล่ะ ใครจะเป็นคนเริ่มก่อน ก้องภพเดินเข้ามาใกล้และทรุดนั่งข้างเจ้าสาว ดวงตาคมเข้มกวาดมองเรือนร่างอวบอิ่มที่เขาอยากกอดหล่อนแนบแน่น อยากจูบไปตามผิวกายทุกสัดส่วน อยากทำเรื่องอย่างว่าตั้งแต่วันแรกที่เห็นหน้า แต่จำต้องสะกดไว้ เพราะสัญชาตญาณภายในร่ำร้องว่
ความอยากมากมายไม่หมดแค่อกอวบใหญ่ แต่ช่วงเอวอวบอิ่มก็ทำให้เขาอยากขยำขยี้ฝ่ามือลงไป อยากจับบั้นเอวนี้และกระชากเข้าใส่ กระชากเข้า กระชากออก จนกว่าหยาดน้ำร้อนรุ่มจะพวยพุ่ง โดยเฉพาะสะโพกผายที่ซุกซ่อนความมหัศจรรย์เอาไว้ เขาก็อยากจะเปิดดูสิ่งที่อยู่ภายใน อยากรู้ว่าที่ลึกลับแห่งนั้นจะซุกซ่อนอะไรไว้ จะเป็นดอกไม้งามที่มีน้ำหวานฉ่ำเยิ้มส่งกลิ่นครวญครางเรียกแมลงตัวผู้อย่างเขาลงไปดูดเลียน้ำหวานหรือเปล่า และเขาแน่ใจว่าสิ่งที่นัชชาพยายามหนีบต้นขาซุกซ่อนต้องหวานมากๆ แน่ “น้องหนู เอ่อ... จะอาบน้ำก่อนไหมคะ” เขาถามและก็ทำให้หล่อนต้องเงยหน้ามอง ยิ้มแหย เพราะหล่อนก็ไม่รู้ว่าควรอาบน้ำก่อนหรือไม่ แต่ถ้าดูในละครหลังข่าว หล่อนก็เห็นเจ้าบ่าวพาเจ้าสาวล้มตัวลงบนที่นอนทั้งที่เครื่องทรงยังอยู่ครบ ยังอดคิดไม่ได้ว่า สร้อยคอ เส้นผม ชุดไทยแต่งงานเหล่านั้นจะไม่พันกันยุ่งเหยิงหรอกหรือ ควรจะถอดออกก่อนเริ่มกิจกรรมอย่างที่ก้องภพทำให้หล่อนนี่นา แต่นั่นไม่รวมถึงเรื่องอาบน้ำ “เอ่อ... หนูไม่รู้ค่ะ ควรอาบน้ำก่อนไหม” ก้องภพยิ้มขำระคนเอ็นดู เขาบีบปลายจมูกแดงร
“อื้อ... พี่ก้อง... ซี้ด... อื้อ... หนู... อ้า...” เสียงครางหวานดังออกมาจากปากอวบอิ่มไม่ขาดสาย พร้อมกับใบหน้าส่ายไปมาเพราะทานทนไม่ไหวกับความเสียวที่จู่โจมปลายยอดชูชัน และยิ่งหล่อนครางกระเส่าซ่านเสียวเขาก็ยิ่งรัวเร็วปลายลิ้น ตวัดต้อนชอนชิม สลับกับดูดดุนน้อยๆ ให้นัชชาร่ำร้องมากขึ้นอีก “พี่ก้อง... อื้อ... พี่ก้อง ซี้ด... หนู... อื้อ... หนูเสียว...” นัชชาส่ายสะบัดเรือนผมไปมาเพราะความเสียวจู่โจมหล่อนไม่หยุด หล่อนไม่รู้แล้วว่าก้องภพจะทำอะไรกับหล่อนบ้าง รู้แต่ว่าหล่อนอยากให้เขาทำแบบนี้ต่อไปอย่าหยุด อยากให้เขาดูด เลีย ซุกไซ้ สูดดม และหอมเต้าอวบใหญ่ของหล่อนไม่หยุด ทว่าความเสียดเสียวที่จุดนั้นก็สอนสั่งให้หล่อนรู้ว่านี่ยังไม่สุด มีความสุขสุดยอดรอคอยหล่อนอยู่ด้านล่างนั้น ความสุขที่มนุษย์ทุกคนล้วนชื่นชอบ “อ้า... ซี้ด... พี่ก้องขา... อ้า... หนูเสียว... ซี้ด... อื้อ...” นัชชาไม่อาจระงับความอยากของหล่อนได้อีกต่อไป หล่อนแอ่นท่อนล่างขึ้นหาเขา หล่อนอยากให้เขาสัมผัสที่จุดนั้น จุดที่ความร้อนรุ่มไปรวมตัวจนหล่อนคันยิบยับ หล