แม่จูงมือหล่อนออกจากห้องน้ำ ฝ่ามือของแม่ที่กระชับมือหล่อนแน่นชื้นไปด้วยเหงื่อ แม่ก็ตื่นเต้นไม่ต่างจากหล่อน
“แม่...”
“อะไรหรือน้องหนู”
แม่หันมองหล่อน นัชชาโผเข้ากอดแม่ไว้แน่น “หนูขอบคุณแม่นะ ที่แม่ทำให้หนูมีวันนี้”
“แม่สิต้องขอบใจน้องหนูที่ทำให้แม่มีวันนี้เหมือนกัน แม่มีความสุขมากที่สุด อากง อาม่า อาโก และญาติๆ เราก็มีความสุข น้องหนูรู้ไหม มีแต่คนอิจฉาลูกที่ได้เจ้าบ่าวทั้งหล่อทั้งรวย และที่สำคัญ เขารักลูกของแม่มาก นี่แหละที่ทำให้แม่มีความสุขที่สุด”
“ไม่น่าเชื่อเลยนะแม่ หมอดูของแม่แม่นมาก”
“ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อล่ะ และอีกเรื่องที่แม่อยากให้น้องหนูเชื่อในคำทำนาย”
หล่อนมองแม่ตาแป๋วรอฟัง
“คำทำนายแรกที่ว่าลูกจะได้แต่งงานภายในหนึ่งเดือนเป็นจริงแล้ว จริงอย่างไม่น่าเชื่อด้วยใช่ไหม ทีนี้ก็เหลืออีกหนึ่งคำทำนายนะ นั่นคือ ลูกจะหมดเคราะห์หมดโศก จะมีแต่ความสุข จำคำของแม่ไว้นะน้องหนู ไม่มีใครทำร้ายเราได้นอกจากความคิดของเราเอง วันนี้ลูกได้ผู้ชายที่รักลูกมาเป็นคู่ชีวิต วันต่อๆ ไป ลูกก็ต้องทำตัวให้สมค่ากับความรักของเขา อย่าสนใจกับคำใคร ต้องยืดอกเชิดหน้าว่าเราสอยผู้ชายที่ชะนีหมายปองทั้งเมืองมาได้”
“แม่... แม่ก็ได้ยินที่คนพวกนั้นคุยกัน”
น้ำตารื้นขึ้นมาอีกจนได้ เมื่อแม่พยักหน้า
“แต่แม่ไม่ให้ค่าคนพวกนั้นหรอกนะ และน้องหนูเองก็ต้องไม่ให้ค่าคำพูดของพวกเขา แม่ไม่ได้เลี้ยงลูกมาให้ยอมคำคนนะ แต่แม่เลี้ยงให้ลูกเชื่อมั่นในตัวเอง มองตัวเองสิลูก วันนี้น้องหนูของแม่ สวยที่สุด ‘ซาเลน่า โกเมซ’ ชัดๆ”
“หูย... แม่อะ เปรี้ยวมากกกก”
“อวบให้ทุกคนอิจฉานะลูก แม่รักน้องหนูนะลูก”
“หนูก็รักแม่ที่สุดในโลกเลย”
“ไป ไปตอกหน้านังชะนีพวกนั้นกัน แล้วมีความสุขให้โลกอิจฉา”
นัชชามองฝ่ามือของแม่ที่กระชับมือหล่อน รอยยิ้มกว้างพร้อมดวงตาคลอไปด้วยหยาดน้ำ แต่นั่นมาจากความสุขล้วนๆ
.
.
เสียงพิธีกรประกาศเชิญเจ้าบ่าวเจ้าสาวขึ้นบนเวที ก้องภพกระชับฝ่ามือหล่อนพร้อมจับจูงขึ้นบนเวที เขากุมมือหล่อนแน่น ยิ้มให้หล่อนราวกับโลกทั้งใบมีแค่เขากับหล่อนเพียง 2 คน นัชชายิ้มตอบอย่างมีความสุขไม่ต่างกัน หล่อนหันมองแม่ ยิ้มให้ท่าน หล่อนพร้อมแล้วที่จะเป็น ‘เจ้าสาวอวบ’ ให้ทุกคนอิจฉา
“เจ้าบ่าวพบรักกับเจ้าสาวได้ยังไงครับ และอะไรที่ทำให้เจ้าบ่าวประทับใจในตัวเจ้าสาว”
พิธีกรเอ่ยถามก้องภพพร้อมยื่นไมค์ให้เขา เขารับมาถือไว้ มือข้างหนึ่งยังกอบกุมมือหล่อน บีบเบาๆ ราวจะให้กำลังใจกับรอยยิ้มเจื่อนๆ ของหล่อน
“ผม... รักน้องหนู ตั้งแต่แรกเห็น”
เสียงกรี๊ดกร๊าดของเหล่าแขกผู้มาร่วมงานทำเอาหล่อนเขิน และเขาเองก็เขินเช่นกัน
“ผมตกหลุมรัก ผู้หญิงตัวกลมๆ ทำงานเก่ง มีความคิดดี มีทัศนคติดีๆ และผมก็ขอเธอเป็นแฟนวันนั้นเลย”
เสียงกรี๊ดของสาวๆ ยิ่งดังขึ้น นัชชาไม่รู้หรอกว่านั่นเป็นเสียงของความยินดี หรือกรีดร้องเพราะความเสียดาย รู้แต่ว่าหล่อนโคตรสุข
“แล้วเธอยอมไหมครับ”
ก้องภพส่ายหน้า “ไม่ครับ เธอไม่ยอม คุณคิดดูสิครับ เธอปฏิเสธผู้ชายที่ทั้งหล่อทั้งรวยอย่างผม”
เสียงคนด้านล่างกลายเป็นร้องว้าว ทั้งไม่แน่ใจ แปลกใจ และงง
“แล้วเจ้าบ่าวทำยังไงต่อครับ”
“ผมก็ตื๊อครับ ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก เช้าถึงเย็นถึงเลยครับ ตอนเช้าผมก็ไปรับเธอมาทำงานด้วยกัน รปภ. ที่บริษัทเป็นพยานให้ผมได้ครับ ผมรับเธอมาทำงานด้วยกันทุกวัน ส่วนตอนเย็นถ้าผมเลิกงานพร้อมเธอก็จะไปส่งเธอที่บ้าน แต่ถ้าไม่พร้อม ผมก็จะไปหาเธอที่บ้านครับ ต้องได้เจอหน้ากันทุกวัน”
แขกที่มาร่วมงานปรบมือและส่งเสียงกรี๊ดกร๊าด แต่คราวนี้นัชชารับรู้ว่ามาจากความสุขของทุกคนจริงๆ คนขี้อิจฉาก็คงไม่กรี๊ดดีใจกับหล่อนหรอกเพราะก้องภพพูดถึงขนาดนี้
“ผมไปกินข้าวที่บ้านเธอทุกเย็นครับ แล้วก็ดูว่าเธอชอบกินอะไร จากนั้นผมก็ไปหัดทำและก็กลายเป็นพ่อครัวบังคับกินที่บ้านเธอ แปลว่าผมทำอะไรออกมา เธอก็ต้องกินให้ได้ครับ เห็นไหมครับ ผมทุ่มเทขนาดไหน ถ้าผมไม่รักจริง ผมคงไม่ทำขนาดนี้หรอก”
นัชชามองลงไปด้านล่าง ที่โต๊ะของครอบครัว หล่อนเห็นแม่ยิ้มทั้งน้ำตา หล่อนเองก็เช่นกัน
“แล้วเจ้าสาวล่ะครับ ใจอ่อนกับเจ้าบ่าวได้ยังไงครับ”
นัชชารับไมโครโฟนจากก้องภพ เขากระชับฝ่ามือหล่อนแน่นราวจะบอกว่าไม่ทิ้งกันไปไหน
“พี่ก้องทำอาหารอร่อยมากค่ะ ดูหุ่นหนูสิคะ นี่ไม่ได้อ้วนมาก่อนนะคะเนี่ย เป็นเพราะพี่ก้องทำ”
คำตอบของหล่อนเรียกเสียงปรบมือจากด้านล่างดังกึกก้อง หล่อนยิ้มน้อยๆ ให้เจ้าบ่าวและส่งรอยยิ้มไปให้กับทุกคน เพราะสิ่งที่หล่อนจะพูดต่อไปนี้ คือตัวแทนของทุกคน
“หนูขอเป็นกำลังใจให้กับเพื่อนๆ ทุกคนนะคะ ที่คิดว่าตัวเองมีความบกพร่อง คิดว่าตัวเองไม่เหมือนคนอื่นเขา เพราะว่าคนที่รักกันจริงๆ เขาไม่ได้มองรูปร่างหน้าตาหรือสิ่งภายนอกหรอกค่ะ แต่เรามองกันที่จิตใจ แล้วหนูก็ดีใจที่หนูได้เจอพี่ก้อง ดีใจที่พี่ก้องรักหนู ดีใจที่พี่ก้องมองข้ามทุกสิ่งที่เป็นจุดบกพร่องของหนู สิ่งที่หนูไม่เคยคิดว่าเป็นจุดเด่นของตัวเองเลย หนูคิดเสมอว่ามันเป็นจุดด้อย แต่ตอนนี้ พอพี่ก้องบอกว่าชอบที่หนูเป็น รักที่หนูเป็น หนูมีความสุขมากค่ะ มีความสุขที่ได้เป็นตัวของตัวเอง แล้วก็มีความสุขที่ได้เป็น ‘เจ้าสาวอวบๆ’ ของพี่ก้อง ขอบคุณที่รักหนูนะคะ”
เสียงปรบมือดังกึกก้องพร้อมกับเสียงเชียร์ทั้งจากพิธีกรและเหล่าแขกผู้มาร่วมงานให้เจ้าบ่าวหอมหล่อน นัชชาไม่รอให้ก้องภพเข้ามาหอมก่อนหรอก หล่อนโอบท่อนแขนรอบลำคอเขา พร้อมเขย่งปลายเท้าจะขยับขึ้นหอม แต่เจ้าบ่าวของหล่อนไวกว่า ก้องภพหันหน้ามาและจุ๊บหล่อนเบาๆ
จุ๊บกันเบาๆ แต่จูบ... เนิ่นนาน
ก้องภพก้มหน้าพนมมือรับพรจากญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย แต่ไม่วายจะชำเลืองมองเจ้าสาวของเขาอยู่บ่อยครั้ง เพราะหล่อนยิ้มแก้มแดงจนเขาอยากจะเร่งเวลาให้ญาติทั้งสองฝ่ายให้พรเสร็จเร็วๆ “คุณก้อง ทะนุถนอมลูกของแม่หน่อยนะ แม้ว่าน้องหนูจะถึกไปสักหน่อย แต่ลูกแม่ก็บอบบางนะ” “แม่อะ” นัชชาเรียกแม่อายๆ จนผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายพากันขำ ก่อนจะพากันออกจากห้องหอ และปล่อยให้คู่บ่าวสาวอยู่กันตามลำพัง ทันทีที่ผู้ใหญ่คนสุดท้ายเดินออกไป ก้องภพก็ปิดประตูห้องพร้อม คลิก... กดล็อกทันที นัชชาสะดุ้งเสียวสันหลังวาบ เมื่อเจ้าบ่าวของหล่อนหันมา ดวงตาคมเข้มเจือแววกรุ้มกริ่มจนใจหล่อนสะท้าน นี่เขาคิดจะทำอะไร นัชชาเริ่มสั่น หล่อนไม่ได้ไร้เดียงสาจนไม่รู้ว่าค่ำคืนเข้าหอเจ้าบ่าวเจ้าสาวเขาต้องทำอะไรกัน แต่... จะเริ่มยังไงล่ะ ใครจะเป็นคนเริ่มก่อน ก้องภพเดินเข้ามาใกล้และทรุดนั่งข้างเจ้าสาว ดวงตาคมเข้มกวาดมองเรือนร่างอวบอิ่มที่เขาอยากกอดหล่อนแนบแน่น อยากจูบไปตามผิวกายทุกสัดส่วน อยากทำเรื่องอย่างว่าตั้งแต่วันแรกที่เห็นหน้า แต่จำต้องสะกดไว้ เพราะสัญชาตญาณภายในร่ำร้องว่
ความอยากมากมายไม่หมดแค่อกอวบใหญ่ แต่ช่วงเอวอวบอิ่มก็ทำให้เขาอยากขยำขยี้ฝ่ามือลงไป อยากจับบั้นเอวนี้และกระชากเข้าใส่ กระชากเข้า กระชากออก จนกว่าหยาดน้ำร้อนรุ่มจะพวยพุ่ง โดยเฉพาะสะโพกผายที่ซุกซ่อนความมหัศจรรย์เอาไว้ เขาก็อยากจะเปิดดูสิ่งที่อยู่ภายใน อยากรู้ว่าที่ลึกลับแห่งนั้นจะซุกซ่อนอะไรไว้ จะเป็นดอกไม้งามที่มีน้ำหวานฉ่ำเยิ้มส่งกลิ่นครวญครางเรียกแมลงตัวผู้อย่างเขาลงไปดูดเลียน้ำหวานหรือเปล่า และเขาแน่ใจว่าสิ่งที่นัชชาพยายามหนีบต้นขาซุกซ่อนต้องหวานมากๆ แน่ “น้องหนู เอ่อ... จะอาบน้ำก่อนไหมคะ” เขาถามและก็ทำให้หล่อนต้องเงยหน้ามอง ยิ้มแหย เพราะหล่อนก็ไม่รู้ว่าควรอาบน้ำก่อนหรือไม่ แต่ถ้าดูในละครหลังข่าว หล่อนก็เห็นเจ้าบ่าวพาเจ้าสาวล้มตัวลงบนที่นอนทั้งที่เครื่องทรงยังอยู่ครบ ยังอดคิดไม่ได้ว่า สร้อยคอ เส้นผม ชุดไทยแต่งงานเหล่านั้นจะไม่พันกันยุ่งเหยิงหรอกหรือ ควรจะถอดออกก่อนเริ่มกิจกรรมอย่างที่ก้องภพทำให้หล่อนนี่นา แต่นั่นไม่รวมถึงเรื่องอาบน้ำ “เอ่อ... หนูไม่รู้ค่ะ ควรอาบน้ำก่อนไหม” ก้องภพยิ้มขำระคนเอ็นดู เขาบีบปลายจมูกแดงร
“อื้อ... พี่ก้อง... ซี้ด... อื้อ... หนู... อ้า...” เสียงครางหวานดังออกมาจากปากอวบอิ่มไม่ขาดสาย พร้อมกับใบหน้าส่ายไปมาเพราะทานทนไม่ไหวกับความเสียวที่จู่โจมปลายยอดชูชัน และยิ่งหล่อนครางกระเส่าซ่านเสียวเขาก็ยิ่งรัวเร็วปลายลิ้น ตวัดต้อนชอนชิม สลับกับดูดดุนน้อยๆ ให้นัชชาร่ำร้องมากขึ้นอีก “พี่ก้อง... อื้อ... พี่ก้อง ซี้ด... หนู... อื้อ... หนูเสียว...” นัชชาส่ายสะบัดเรือนผมไปมาเพราะความเสียวจู่โจมหล่อนไม่หยุด หล่อนไม่รู้แล้วว่าก้องภพจะทำอะไรกับหล่อนบ้าง รู้แต่ว่าหล่อนอยากให้เขาทำแบบนี้ต่อไปอย่าหยุด อยากให้เขาดูด เลีย ซุกไซ้ สูดดม และหอมเต้าอวบใหญ่ของหล่อนไม่หยุด ทว่าความเสียดเสียวที่จุดนั้นก็สอนสั่งให้หล่อนรู้ว่านี่ยังไม่สุด มีความสุขสุดยอดรอคอยหล่อนอยู่ด้านล่างนั้น ความสุขที่มนุษย์ทุกคนล้วนชื่นชอบ “อ้า... ซี้ด... พี่ก้องขา... อ้า... หนูเสียว... ซี้ด... อื้อ...” นัชชาไม่อาจระงับความอยากของหล่อนได้อีกต่อไป หล่อนแอ่นท่อนล่างขึ้นหาเขา หล่อนอยากให้เขาสัมผัสที่จุดนั้น จุดที่ความร้อนรุ่มไปรวมตัวจนหล่อนคันยิบยับ หล
“โอว... พี่ก้องขา... อื้อ... พี่ก้อง! อื้อ!” นัชชาแอ่นตัวขึ้นหานิ้วมือหาลิ้นเขา ความเสียวมากล้น แต่ความอายก็มีมากเช่นกัน และตอนนี้หล่อนก็เสียวจนต้องเบียดต้นขาเข้าหากัน แต่ก้องภพไม่ยอม แถมยังเป่าลมเบาๆ ใส่ตรงนั้นของหล่อนอีกด้วย จากนั้นก็เริ่มต้นลงลิ้นครั้งใหม่จนหล่อนดิ้นพล่าน หล่อนไม่รู้เลยว่าความเสียวนี้จะไปสิ้นสุดลงที่จุดไหน รู้แต่เพียงว่าหล่อนเสียวสุดเสียว เสียวที่สุดในชีวิต เสียวจนล่องลอยได้ บั้นท้ายยกขึ้นกระแทกใส่ปากใส่ลิ้นเขาพร้อมทั้งร่อนรี่ไม่ติดเตียง ยิ่งก้องภพแยงลิ้นพร้อมๆ กับแยงนิ้ว หล่อนก็สุดจะยับยั้ง “อ๊ายยยยย... พี่ก้อง! อ๊ายยยยย...” สัมผัสหวานแผ่วพลิ้วซึมซับแทรกลึกเข้าสู่ร่องสาวจนนัชชาสั่นกระตุก อ้าปากค้างและกรีดร้องสุดเสียง สิ่งใดที่จะบรรเทาร่างกายที่กำลังโบยบินนี้หล่อนไม่รั้งรอเลย หล่อนจะทำทุกอย่างให้ความเสียดเสียวนี้ระเบิด ก้องภพชักนิ้วออกจากความชุ่มฉ่ำ เคลื่อนใบหน้าจูบซับหน้าขาอวบอิ่มเต็มไม้เต็มมือจนนัชชาบิดกายด้วยความเสียว จากนั้นก็เคลื่อนใบหน้ามาตามหน้าท้อง เคลื่อนขึ้นหาเต้าอวบใหญ่ ซุกจมูกลงไปสู
มือเร่าร้อนลูบไล้ไปทั่วกลีบดอกไม้ เขี่ยเส้นไหมบางเบาควานหารอยแยก ก่อนจะค่อยๆ ดันปลายนิ้วเข้ามาในร่องฉ่ำชื้นทีละนิดๆ จนนัชชาต้องบิดกายด้วยความซ่านเสียวสลับกับส่ายร่อนสะโพกสู้ปลายนิ้วอย่างลืมตัว ร่องรักของหล่อนตอดตุ๊บ หยาดน้ำฉ่ำเยิ้มท่วมท้นปลายนิ้วของเขา และเมื่อเขาดันเข้ามาสุดนิ้ว หล่อนก็ผวาแอ่นกายขึ้น ความเสียวที่ก่อเกิดสั่งการให้หล่อนตอบสนองด้วยการส่ายร่อนสะโพกให้ยิ่งเร็ว และก็ต้องกรีดร้องมากขึ้นเมื่อความคับแน่นสอดแทรกเข้ามาเพิ่ม “อื้อ... พี่ก้อง... เจ็บ! อื้อ... เจ็บ... โอว... ซี้ด... พี่ก้องขา... หนูเจ็บ...” เสียงเจ็บครางแผ่วหวานจนเขาอยากจะรัวนิ้วกระแทกใส่เร็วๆ แต่ต้องยั้งไว้ เพราะครั้งนี้เขาจะไปพร้อมกับหล่อน เพียงแต่นัชชาต้องคุ้นชินกับความยิ่งใหญ่ที่มากกว่า 1 นิ้ว “ทั้งเจ็บทั้งเสียวไหมคะ” “ค่ะ... เจ็บ เสียว... อื้อ... เสียว... เจ็บ โอว...” ก้องภพยิ้มเพราะนัชชาดิ้นพล่านแอ่นร่องฉ่ำน้ำใส่นิ้วเขาเร็วขึ้น จาก 2 นิ้ว จึงเพิ่มเป็น 3 นิ้ว “พี่ก้อง... อ๊ายยยยย... เจ็บ! หนูเจ็บ! พี่ก้อง!” นัชชาดิ้นรนพยายามกร
“ก็พี่อยากให้น้องหนูพร้อมที่สุดไงล่ะ แค่หนึ่งนิ้ว น้องหนูยังเจ็บ ของพี่น่ะ ใหญ่กว่าสามนิ้วอีกนะ พี่ไม่อยากให้น้องหนูเจ็บมาก พี่ก็เลยต้องทำให้น้องหนูพร้อม” หล่อนพยักหน้าว่าเข้าใจ ใบหน้ามีรอยยิ้มอาย “แล้วอย่างนี้น้องหนูยังสงสัยอะไรอีกคะ” “หนูกลัวจะทำให้พี่ก้องไม่มีความสุขค่ะ” “พี่มีความสุขที่สุดค่ะ สุขที่ได้น้องหนูเป็นเจ้าสาว และพี่ก็กำลังจะสุขสุดยอดที่ได้น้องหนูเป็นเมีย น้องหนูจำไว้นะคะ ไม่ว่าจะหุ่นแบบไหน คนเราก็มีเซ็กซ์กันได้ ยิ่งคนสองคนรักกัน หุ่นไหนๆ ก็ไม่มีความหมายหรอกค่ะ เพราะหากคนคนนั้นได้มีเซ็กซ์กับผู้หญิงที่ตรงสเป็ค แถมยังเป็นคนที่เขารัก น้องหนูคิดดูสิคะ ว่าเขาจะมีความสุขได้มากแค่ไหน” หล่อนพยักหน้ารับ ยิ้มน้อยๆ แต่ปลายจมูกแดงระเรื่อและขอบตาก็ฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำ “อ้วนไม่ใช่คำหยาบคายนะคะ แต่ความคิดของคนต่างหากที่ทำร้ายกัน และความคิดของเราเองก็ทำร้ายตัวเองด้วย น้องหนูตรงสเป็คพี่ที่สุดแล้ว อวบอิ่มเต็มไม้เต็มมือพี่แบบนี้ ให้พี่กระแทกทั้งวันทั้งคืน พี่ก็ไหว” “พี่ก้องอะ” “พี่พูดจริงนะคะ ต่อไปนี้ถ้าใครมาบอ
พรวด! นัชชาเบิกตากว้างและปิดปากตัวเองได้ทันก่อนเสียงกรีดร้องจะดังออกไป เพราะความยิ่งใหญ่สอดใส่มาจนสุด แต่ความเจ็บปวดร้าวลึกราวถูกทิ่มแทงหล่อนก็ห้ามไม่ได้เลย มันเจ็บ... เหมือนถูกทิ่ม ใช่... หล่อนถูกทิ่มและก็แทง “น้องหนูจ๋า... อย่าเกร็ง ทำใจสบายๆ อย่าเกร็ง อูย...” แรงต่อต้านจากโพรงฉ่ำน้ำยิ่งทำให้ก้องภพซ่านเสียวอย่างที่สุด อยากจะกระแทกไอ้โตตัวเข้าไปในโพรงฉ่ำน้ำใจจะขาด แต่ก็ต้องยั้งไว้ก่อน ทั้งกลัวนัชชาจะเจ็บมากกว่านี้และทั้งกลัวตัวเองจะทนไม่ไหว เขาไม่อยากเป็นนกกระจอกตั้งแต่คืนแรกที่เข้าหอ ทุกอย่างต้องสะกดกลั้นและยั้งไว้ “พี่ก้อง... หนูเจ็บ...” “เมียจ๋า... ทนหน่อยนะคะ” คำว่า ‘เมีย’ ที่เขาใช้เรียกกับริมฝีปากที่จูบซับหยาดน้ำตา ราวกับจะทำให้ความเจ็บจางหาย แม้จะไม่หมดไปจากตรงนั้น แต่หัวใจหล่อนสุขนัก นัชชาพยักหน้า “หนูทนได้ค่ะ พี่ก้องขา... ต่อเลยค่ะ” “พี่สัญญาว่ามันจะเจ็บแค่ครั้งนี้ พี่รักน้องหนูนะคะ เมียของพี่ พี่จะพาเมียขึ้นสวรรค์นะคะ” “ค่ะ พี่ก้องขา... หนูอยากข
“เหนื่อยไหมคะ” นัชชาปรือตาขึ้นมองผู้ชายที่บัดนี้ได้ชื่อว่าเป็นสามีหล่อนเต็มตัว ผู้ชายที่ทำให้หล่อนเจ็บปวดปานจะขาดใจ แต่ก็เป็นผู้ชายที่ทำให้หล่อนสุขครั้งแล้วครั้งเล่าจนกรีดร้องไม่หยุด หล่อนขยับเข้าไปซบอกแน่นของเขา “หายแล้วค่ะ” บอกเขาก่อนจะยิ้มหวาน เมื่อเขาเองก็กอดหล่อนแนบแน่น ในเวลานี้หล่อนรู้แล้วว่ารูปร่างไม่เป็นอุปสรรคสำหรับการร่วมรักเลยสักนิด เสียงกระเส่าของเขายังดังชัดในหัวใจ ‘โอว... มันเหลือเกิน เอามัน โอว... เอามัน...’ เขาร่ำร้องทุกครั้งที่กระแทกแทรกดุ้นลงมาหา พร้อมกับเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่น นั่นคือความมันสุดติ่ง เขาทำให้หล่อนมั่นใจในรูปร่างของตัวเองขึ้นมาเป็น 100% เพราะรูปร่างอวบอิ่มไปทั้งเนื้อทั้งตัวที่ใครต่อใครมองว่าอ้วน แต่เขาไม่ได้เห็นแบบนั้น เขาทำให้หล่อนดูสวยมากในวันนี้ เพราะเขาพูดให้แขกที่มาร่วมงาน รวมทั้งเพื่อนๆ ในบริษัทที่อาจจะเคยนินทาหล่อน ได้เข้าใจแล้วว่าเขารักหล่อนตั้งแต่แรกพบ เขาเองที่เป็นฝ่ายตามติดหล่อน เช้าถึงเย็นถึงให้หล่อนรับเขาเป็นแฟน เขาทำให้ผู้หญิงอ
เสียงพูดในคลิปถูกแทนที่ด้วยบทเพลงแห่งความรัก จากนั้นก็เป็นภาพถ่ายแรกที่คริตแอบถ่ายสมิดา ภาพหล่อนเคี้ยวขนมเต็มปาก ภาพหล่อนหาว ภาพหล่อนทำหน้ามุ่ยเพราะร้อน ภาพหล่อนกอดน้องหมีตัวโต จนมาถึงภาพในธีมวาเลนไทน์ ซึ่งความหมายของภาพก็มีเพียงเจ้าบ่าวเจ้าสาวเท่านั้นที่รู้ เพราะเป็นวันแรกที่ความรักเบ่งบาน เสียงปรบมือดังกึกก้องเมื่อคริตจูงมือเจ้าสาวขึ้นไปบนเวที สายตาเจ้าบ่าวที่มองเจ้าสาว ทำให้สาวพลัสไซส์ทุกคนมีความหวัง แค่หล่อนสวยในแบบฉบับของตัวเอง สวยด้วยทัศนคติการใช้ชีวิต แค่นั้นผู้ชายดีๆ ก็ตกถึงท้อง.. ในห้องหอ... “ที่รัก... อื้อ... น้องไม่ไหวแล้วนะคะ โอว... ซี้ด... พี่จ๋า... ไม่ไหวแล้ว... น้องไม่ไหวแล้ว...” สมิดาแอ่นร่างขึ้นสูงเปล่งเสียงครวญครางไม่ขาดปาก สะโพกใหญ่ก็ส่ายร่อนไม่หยุด เพราะลิ้นร้อนชอนลึกจนหล่อนทนอยู่เฉยไม่ไหว ต้องส่ายร่อนสะโพกให้เคลื่อนไหวอยู่ตลอด ทว่ายิ่งส่ายร่อนมากเท่าไร ก็คล้ายกับว่าลิ้นร้อนจะสอดใส่และชอนเข้าลึกมากยิ่งขึ้น “โอว... ที่รักขา... โอว... ซี้ด... เสียว... โอว... น้องเสียว ซี้ด... เสียว...” ความเสีย
ดวงตากลมโตมีแววหวาดหวั่นมองเจ้าของร้านซึ่งเป็นสาวเจ้าเนื้อไม่ต่างจากหล่อน “บอกว่าประมาณสิบโมงน่ะค่ะ” หล่อนตอบอ้อมแอ้มเพราะนี่ก็ 10 โมงแล้วแต่ยังไม่เห็นวี่แวว “แล้วเราจะรู้ได้ยังไงคะ ว่าคนไหนอะพี่ติ๊นา” ทุกสายตามองตรงมายังหล่อน ก็ใช่น่ะสิ เพราะไม่เคยมีใครเห็นหน้าตาของคริสติน่ามาก่อน ภาพแทนตัวในสื่อออนไลน์ที่คริสติน่าใช้จะเป็นภาพสาวอ้วนแต่งตัวเปรี้ยว และทุกคนก็เคารพในความเป็นส่วนตัวของกันและกัน จึงไม่เคยมีใครถามถึงหน้าตาที่แท้จริง แม้แต่เพศก็ไม่มีใครรู้ ทั้งเวลาที่คริสติน่าโทร.หาหล่อน ก็ไม่เคยเปิดกล้อง รู้แต่ว่าเสียงที่ได้ยินเป็นผู้หญิงค่อนข้างมีอายุเท่านั้น“พี่ติ๊นาบอกว่าจะใส่ชุดสีแดงค่ะ บอกว่าแดงแรงฤทธิ์ เห็นปุ๊บ พวกเราจะรู้ทันทีว่าเป็นพี่เขา” “หือ... แต่นี่ไม่เห็นมีใครแต่งแดงสักคนเลยนะ” สมิดามองออกไปด้านนอกอีกครั้ง ไม่มีวี่แววเลยว่าจะมีใครแต่งแดงเดินเข้ามา “น้องสะดิ้งลองโทร.หาสิ” “โทร.หลายรอบแล้วค่ะพี่ ปิดเครื่อง” “ฮะ! ตายล่ะ แล้วถ้าพี่ติ๊นาไม่มา เราจะทำไงล่ะ โน่น! นักข่าวรอกั
ร่างเปลือยลุกขึ้นจากเตียง ตรงไปหยิบกางเกงขาสั้นที่ถอดกองอยู่ ล้วงเอาโทรศัพท์ออกมา เขาต้องสั่งเตรียมงานของวันพรุ่งนี้ ‘ธีมวาเลนไทน์ พร้อมถ่าย 6 โมงเย็น’ นั่นคือข้อความที่ส่งออกไป ก่อนที่ร่างเปลือยจะเคลื่อนเข้าหาเตียงนอน แทรกร่างเข้าใต้ผ้าห่มนวมผืนเดียวกันกับหล่อน แต่ไม่มีสิ่งใดจะอุ่นเท่ากายเนื้อที่เขากอดอยู่นี้ กอดตระกองร่างอวบอิ่มที่นอนตะแคงข้างเผยให้เห็นแผ่นหลังขาวนวลเนียนและหัวไหล่น่าจูบน่าหอม แต่เขากลับ... “อื้อ... พี่คริต...” “ขอโทษจ้ะ นอนต่อนะ” คริตกอดกระชับเอวเจ้าเนื้อแนบเข้าหาลำตัวของเขา พลางมองรอยฟันจางๆ ที่หัวไหล่ของสมิดา ก่อนจะจูบทับลงไปอีกครั้ง..ผ่านมาอีก 1 เดือน ข่าวคาวๆ เรื่องนางแบบพลัสไซส์แอบกินตับกับช่างภาพที่กระจายอยู่บนหน้าสื่อก็ไม่มีทีท่าว่าจะคลายลง ทุกสื่อเพ่งเป้าไปที่หล่อนกับคริต มีหลายรายการติดต่อขอสัมภาษณ์ แต่สมิดาไม่ได้รับปาก หล่อนบอกแต่เพียงว่าคิวไม่ว่าง ส่วนหากมีใครมาคอมเม้นท์ในสื่อออนไลน์ของหล่อน หล่อนก็จะตอบทีเล่นทีจริงว่า ‘ไม่บอก ปล่อยให้งง’ พร้อมทั้งติดแฮชแท็กเก๋ๆ ว่า #ไม่ผอมแต่อร่อ
“พี่คริต!” “ไหวไหม” “อื้อ... ไหว...” หล่อนตอบพลางจิกเล็บที่ท่อนแขนของเขา เพราะความเจ็บปวดจากตรงนั้นกำลังกระจายวาบไปสู่ส่วนต่างๆ ของร่างกาย เจ็บมากแต่รู้ว่าไม่ควรร้อง เจ็บทุกคราที่เขาขยับเขยื้อนไม่มีสิ่งใดจะลดทอนลงได้ เพราะเขายังคงเดินหน้า เชื่องช้าแต่ปวดร้าว “อื้อ... พี่คริต...” “จ๋า... สะดิ้งแน่นเหลือเกิน โอว... แน่นที่สุด โอว...” หล่อนยิ้มแห้งเมื่อได้ยินเสียงครวญครางนั้น หล่อนเจ็บ แต่กลับได้ยินเสียงแห่งความสุข “โอว... สะดิ้งจ๋า... พี่จะไปช้าๆ อืม... โอว... ซี้ด... แน่นมาก โอว...” เขาจูบซับหยาดน้ำตาของหล่อน ก่อนจะเคลื่อนมาที่ปาก จูบอ่อนหวานและดุดันหนักแน่นตามอารมณ์ จากนั้นก็แทรกเรียวลิ้นชอนไชจนสมิดาเคลิ้ม ราวจะหลงลืมความเจ็บได้ชั่วครู่ แต่เมื่อท่อนแข็งขยับสอดใส่เพิ่มเข้ามาอีก หล่อนก็ได้ต้องอดกลั้นไว้ ใบหน้าที่นิ่วลงอย่างเจ็บปวดของสมิดาทำให้เขารู้ว่าต้องปลุกเร้าหล่อนให้มากกว่านี้ ปลายลิ้นจึงลากลงมาที่เต้าอวบใหญ่ เลียไล้ บีบเคล้น และดูดดื่มปลายยอดอย่างหนักหน่วง สลับกั
คริตละปากจากความหวานฉ่ำที่อร่อยลิ้นสุดๆ เคลื่อนใบหน้าขึ้นไปหาคนที่ยังครวญครางกระเส่าจากความเสียวที่ได้รับสองครั้งติดๆ เขาอยากปลอบโยนอยากพูดให้หล่อนผ่อนคลาย ทว่าริมฝีปากที่เผยอค้างและยังมีเสียงครางเล็ดลอดกลับทำให้เขาเปลี่ยนใจ ลิ้นร้อนชอนลึกสู่อุ้งปากหวาน ตวัดพลิ้วให้หล่อนรับรู้รสชาติความหอมหวานของตัวเอง รัดรึงดึงรั้งลิ้นน้อยๆ ให้ตามติด พัวพันดุนดูดจนหล่อนครางฮือ จากนั้นหล่อนก็คล้องต้นแขนรอบลำคอเขาและเป็นฝ่ายแทรกลิ้นเข้ามาต่อสู้ “อื้อ... พี่คริต...” “จ๋า... หวาน... อืม...” “พี่คริต... อื้อ... ซี้ด... อื้อ...” คริตเคลื่อนใบหน้าคลอเคลียอยู่ที่อกอวบ โอบกระชับให้ปลายยอดทั้งสองดันชิด ก่อนจะละเลงลิ้นพลิ้วส่ายสะบัดจนสมิดาดิ้นพล่าน จากนั้นก็ลากลิ้นลงมาตามหน้าท้อง กัดเบาๆ ไปทุกส่วน ดูดเลีย เม้ม และลากลิ้นสู่ความหอมหวานอีกครั้ง “อื้อ... พี่คริต...” หล่อนร่ำร้องเพราะเขาไม่ได้ซุกหน้าลงไป แต่กลับเคลื่อนขึ้นมาหา และส่งนิ้วไปละเลง “ซี้ด... พี่คริต...” สมิดาปรือตาขึ้นมองเขา จนเขาอ
สมิดาอมยิ้ม หล่อนมองเขาผ่านม่านน้ำตา เขาไม่รู้ว่าหล่อนจะเชื่อคำบอกรักของเขาไหม แต่เขาจะพิสูจน์ “พี่คริต... อื้อ... พี่คริตขา... อื้อ...” สมิดาสะบัดเรือนผมไปมาจนยุ่งเหยิง หล่อนควบคุมตัวเองไม่ได้เพราะความซ่านเสียวพวยพุ่งไปทั่วร่างทำให้หล่อนขาดสติ เรือนร่างคล้ายจะทำตามทุกอย่างที่ คริตชี้นำ แค่เขาช้อนฝ่ามือเข้าใต้แผ่นหลัง เต้าอวบใหญ่ของหล่อนก็แอ่นขึ้นจนชิดติดขอบปาก หล่อนอยากให้เขากลืนกิน กัด ดูด หรือทำอะไรก็ได้ให้หล่อนผ่อนคลายจากความเสียวนี้ ทั้งที่อีกใจก็ร้องบอกว่าหล่อนอยากเสียวให้มากกว่านี้ หล่อนอยากไปให้สุด อยากให้เขาทำตามที่ต้องการ ไม่ต้องอ่อนโยนกับหล่อน “อื้อ... พี่คริต... ซี้ด... พี่คริตขา...” หล่อนดีดดิ้นตามความซ่านเสียวที่ไล้วนอยู่รอบปลายยอดสีสด เพราะเขายังคงดูดดื่มไล้เลียราวกับเม็ดเชอร์รี่ของหล่อนเอร็ดอร่อยเหลือเกิน ทว่าหล่อนกลับอยากให้เขาขยับเคลื่อนปลายลิ้นไปที่ดอกไม้สดสวย ที่จุดนั้นมีความน่าละอาย มีน้ำหวานชุ่มฉ่ำล้นทะลักจนหยาดเยิ้มออกมา และก็ทำให้หล่อนคันยิบและเจ็บจี๊ดจนต้องบดเบียดต้นขาเข้าหากัน “ซี้ด... พี่คริตขา...”
คนที่นั่งตัวแข็งตั้งแต่หล่อนแนบอกอวบกับแผ่นหลังกว้าง ราวจะแข็งมากขึ้นเมื่อหล่อนพูดจบ เขาหันขวับมองหล่อนอย่างเร็ว ฝ่ามือทาบที่หัวไหล่บีบแรง ดวงตาของเขาร้อนรน สมใจหล่อน “ให้ใคร พี่ถามว่าให้ใคร!” “ไม่ให้ใครค่ะ ให้พี่คริตคนเดียว” หล่อนยิ้มให้เขาทั้งน้ำตา หัวใจเต็มตื้นอย่างบอกไม่ถูก ยอมรับว่าใจง่าย เพราะหล่อนตกหลุมรักเขาอย่างง่ายดายเหลือเกิน ตั้งแต่เมื่อไรกันที่หล่อนเฝ้าแต่แอบมองเขาตามหน้านิตยสาร มองอย่างชื่นชมดารานายแบบหรือหนุ่มไฮโซสักคน และก็แอบฝันว่าสักวันจะได้ร่วมงานกับเขา และครั้งนี้เมื่อมีโอกาสได้ใกล้ชิด หล่อนก็ไม่รีรอที่จะอ่อยเต็มที่ ทั้งที่รักษาเนื้อรักษาตัวมาเป็นอย่างดี มีแฟนก็มากสุดแค่จูบ ไม่เคยมีใครก้าวข้ามเส้นที่ขีดไว้ เพราะหล่อนไม่เคยให้โอกาส แต่กับเขาหล่อนเปิดโอกาสเต็มที่ เพราะความรู้สึกของหัวใจไม่โกหก หล่อนรักเขา... รักตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ “นะคะพี่คริต ช่วยกินสะดิ้งที สะดิ้งอยากให้พี่คริตกิน” “สะดิ้งจะต้องเสียใจ” “พร้อมค่ะ เพราะถ้าพี่คริตไม่กิน สะดิ้งก็...” “จะกินให้เกลี้ยงเลย”
ฝ่ามือของเขาก็โอบกระชับเต้าอวบใหญ่ เคล้นคลึงเบาๆ ทว่าเร้าอารมณ์จนหล่อนต้องแอ่นอกเข้าหา เพราะเขาเนิบนาบจนหล่อนอยากให้เขาทำให้รุนแรงกว่านี้ และอาการดิ้นพล่านของหล่อนก็ได้รับการตอบสนอง เมื่อบราเซียถูกถอดออกจากร่าง “ใหญ่มาก สวยมากด้วย” สมิดายกมือขึ้นป้องปิดอกของตัวเองเอาไว้ หล่อนอยากให้เขามอง อยากให้เขาเห็นความใหญ่โต แต่หล่อนก็อาย “ขอพี่กินได้ไหมครับ” อา... หล่อนจะบอกว่าไม่ได้เหรอ ในเมื่อเขารั้งฝ่ามือของหล่อนออกจากนั้นใบหน้าหล่อเหลาก็ฝังเข้ามาตรงกลางร่อง “อา... พี่คริต... อื้อ...” สมิดาครางกระเส่า เสียวจนต้องห่อไหล่ก่อนจะสะท้านเด้งขึ้นอัดส่งอกอวบใส่หน้าเขา เมื่อไรเคราสากลากไล้ไปตามเนื้อบอบบาง หล่อนส่ายสะบัดใบหน้าไม่เข้าใจความรู้สึกนี้ เพราะหล่อนเจ็บจากตอหนวดทิ่มตำ แต่หล่อนก็เสียวจนสั่นไปทั้งร่าง โดยเฉพาะ ‘ตรงนั้น’ ของหล่อนกำลังมีปฏิกิริยาตอบสนอง แค่เขาจับ จูบ ดูด เลีย หน้าอก หล่อนยังเสียวได้มากมายขนาดนี้ แล้วถ้าเขาไปต่อช่วงล่างล่ะ จะเสียวจะสั่นและจะเจ็บได้มากแค่ไหนกัน “ซี้ด... อื้อ...”
คริตประคองร่างอวบอัดให้หันหน้ามองเขา รู้ว่าหล่อนอาย แต่เขาไม่อยากรออะไรอีกแล้ว 3 ปีที่รอคอยเพราะแสดงออกไม่ได้ นั่นถือว่ามากเกินไปแล้ว และตอนนี้อีกแค่ชั่ววินาทีก็รอไม่ได้ เพราะค่ำคืนที่เขาตั้งใจสร้างให้ทุกอย่างเป็นใจไม่ได้หาง่ายๆ เริ่มตั้งแต่นัดหล่อนมาถ่ายแบบที่นี่... บ้านพักของครอบครัวเขาเอง ขอให้เพื่อนช่างภาพคนอื่นเรียกคิวน้องเมย์ในวันนี้ และทีมงานของเขาที่ดริ๊งก์กันอยู่ด้านบนนั้นด้วย ทุกอย่างเป็นใจ เหลือเพียงแต่หล่อน เขาหวังนิดๆ ว่าคืนนี้จะได้ แต่หวังมากๆ ว่าต้องได้แน่นอน ได้ทั้งตัว ทั้งหัวใจ “เป็นแฟนกันไหม” “คะ?” คริตไร้นิ้วมือขึ้นเกลี่ยข้างแก้มก่อนจะลากลงมาตามเส้นรอบปากของหล่อนอย่างช้าๆ และนุ่มนวล จากริมฝีปากบนลงมาที่ริมฝีปากล่าง หยุดที่กึ่งกลางริมฝีปาก และตอนนี้ใบหน้าเหวอๆ นั้นก็น่าจูบชะมัดและเขาก็ทนไม่ได้ ท่อนแขนเกี่ยวกระชากร่างอวบอัดเข้าใกล้ ฉกความร้อนรุ่มลงหาความหอมหวานทันที บดเบียดริมฝีปากเข้าหา จูบซับ ดูดดุน แนบแน่น แน่นอนว่าหล่อนจูบตอบ สมิดาไม่ได้ไร้เดียงสา เมื่อหล่อนคล้องแขนรอบลำคอของเขา และแหงนหน้ารับจูบดูดดื่ม ล