ยามซื่อวันต่อมา ก็มีเสียงตะโกนโหวกเหวกดังอยู่หน้าบ้าน “ พรานตงอยู่ไหม ออกมาเดี๋ยวนี้ บุตรสาวของข้าอยู่ที่ใด เห็นมีคนบอกว่านางอยู่ที่บ้านของเจ้า นางหายไปทั้งคืน เจ้าต้องรับผิดชอบ” ทุกคนในบ้านต่างโผล่หน้าออกมาดูต้นเหตุของเสียงโหวกเหวกนั้นซูเม่ยที่เช็ดมือของนางจนแห้งแล้วรีบเดินออกมาจากครัวนางกำลังจะทำมันเชื่อมให้บุตรชายและทุกคนได้ชิมกัน เกิดอะไรขึ้นอีกล่ะ นางเดินออกมาที่หน้าลานบ้านพบกับหัวหน้าหมู่บ้านคนที่เคยนำหนังสือตัดขาดกับบ้านจางมาให้ และที่ยืนอยู่ข้างๆเข้าคือชายชราคนหนึ่งผมของเขาขาวโพลนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ปะชุนและดูมอมแมมไม่น้อย ส่วนด้านหลังของพวกเขาก็เช่นเคยมีชาวบ้านหลายๆคนเดินมามุงดูเหตุการณ์ดังเช่นคราวที่แล้ว เฟยหยาเปิดประตูห้องนอนของเขาออกมา ส่วนเจ้าตัวเล็กก็ไม่วายยืนเมียงมองที่หน้าห้องของตนเองอย่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกัน แล้วประตูห้องของซูเม่ยที่เมื่อคืนมีสหายของสามีมาพักค้างคืนก็เปิดออกช้าๆ ร่างของอี้เหยาสหายของสามีและยังมีสตรีที่สวมอาภรณ์ของบุรุษยืนแอบอยู่ด้านหลังเขาด้วยท่าทางหวาดกลัว ดวงตาของนางจ้องมองชายชราทีี่ยืนอยู่ข้างๆหัวหน้าหมู่บ้าน“ นั่นไง หยงเอ๋อเจ้ามานอนกับบุรุ
หลายเดือนผ่านไปซูเม่ยที่ตอนนี้ท้องโตอย่างมาก นางยังคงเดินไปมาเพราะทนอยู่นิ่งไม่ไหว ยังพยายามทำงานบ้าน แม้สามีจะจ้างหญิงในหมู่บ้านมาช่วยทำงานบ้านและทำอาหารให้นางแล้ว เพราะนางตั้งครรภ์และอีกไม่ถึงสองเดือนก็ใกล้คลอดแล้ว ยามซื่อของวันนี้จู่ๆก็มีเสียงรถม้ามาจอดที่หน้าบ้านของพวกเขาซูเม่ยจึงได้ออกไปเมียงมองดูว่าใครมาที่หน้าบ้าน ก็พบว่ามีชายวัยกลางคนแต่งกายหรูหราไม่น้อยลงมาจากรถม้าตามด้วยชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีร่างบางสูงโปร่งและผิวขาวเหมือนดังเช่นคนมีอันจะกิน ตามด้วยคนเดินตามหลังที่น่าจะเป็นคนรับใช้ของพวกเขา เฟยหยาเปิดประตูห้องออกมาเขากำลังนั่งอ่านหนังสือและเขียนจดหมายส่งให้มารดาอยู่” บ้านนี้ใช่บ้านของซูเม่ยหรือไม่ “ ชายวัยกลางคนท่าทางภูมิฐานนั้นเอ่ยถามเฟยหยาที่เดินออกไปหาเขา ” ใช่นางเป็นเมียข้าเอง “ ชายคนนั้นชะงักไปครู่หนึ่ง ขณะนั้นซูเม่ยก็เดินออกมายืนหน้าเรือนของตนเอง ” นั่นไงซูเม่ย แต่นางตั้งครรภ์อย่างนั้นหรือ “ ชายร่างสูงผอมที่ยืนจ้องมองซูเม่ยที่หยุดยืนจ้องมองพวกเขาเช่นกันอยู่ที่หน้าเรือน ชายวัยกลางคนที่มากับเขาหันไปหาชายร่างสูงนั้นทันที” เจ้าบอกว่านางไม่มีสามีอย่างไรเล่า ข้าอุตส่าห์ยอมร
ลินลี่สาวโสดวัยสามสิบกว่าๆ ที่เพิ่งพบว่าแฟนหนุ่มของตนเองมีความสัมพันธ์กับเพื่อนสนิทของตนเอง ลินลี่รับไม่ได้จึงเสียใจและผิดหวังอย่างมาก จึงประชดชีวิตจอดรถที่ปากซอยทางเข้าบ้านของตนเองแล้วลงไปดื่มยาดองอย่างที่ไม่เคยมาก่อน ป้าใจคนขายยาดองนำเสนอสูตรใหม่่ที่เพิ่งคิดค้นขึ้นมาให้ลองชิม เมื่อดื่มไปเรื่อย ๆ ก็พบว่ามันอร่อยอย่างไม่ที่ไม่คาดคิด จึงได้ดื่มไปจนเมามายแล้วฟุบหลับไป แต่เมื่อฟื้นสติขึ้นมาอีกครั้ง กลับพบว่าตนเองนอนอยู่บนพื้นดินแข็ง ๆ แถมมองขึ้นไปด้านบนหลังคายังมุงด้วยใบจากอีกด้วย หันมองไปรอบๆห้องเก่าๆนี้ที่มันสร้างมาจากไม้ไผ่ที่ค่อนข้างเก่าสานเป็นแผ่นแล้วประกอบเข้าด้วยกันแต่ก็ยังมีรูทำให้มองเห็นแสงสว่างลอดเข้ามาในห้องตามรอยแยกของไม้ไผ่ และในห้องนี้มันยังมีหม้อที่ทำจากดินเผาที่ก้นมันดำมากแขวนอยู่ที่ริมผนัง สภาพของมันคงจะผ่านการใช้งานมาอย่างสมบุกสมบันไม่น้อย มีเตาไฟที่น่าจะปั้นขึ้นมาจากดินเหนียวที่มีคราบเขม่าจับจนดำไปหมด และมีโต๊ะไม้เก่าๆที่ใช้วางถ้วยจานชามและหม้อสองสามใบ มีกองฟืนอยู่ข้าง ๆ เตาไฟนั้น ลินลี่ที่ยังมึนงงกับสถานที่และสมองยังไม่ประมวลผลว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเองถึงได้มานอนอยู่บน
ลินลี่ทุบกระเทียมและลงมือหั่นกระหล่ำหัวนั้นโดยแบ่งหั่นแค่เพียงครึ่งซีก หั่นเป็นชิ้นไม่ใหญ่นัก ค้นได้ต้นหอมเล็กน้อย จึงได้ตัดรากมันแล้วนำใส่ในอ่างดินเผาเก่าๆรวมกับกะหล่ำที่หั่นเป็นชิ้นแล้ว เดินออกไปล้างที่โอ่งด้านนอกจนสะอาดดีแล้วจึงลงมือทุบกระเทียม และตอกไข่ใส่ในชามดินเผาแล้วก็ใช้ตะเกียบตีไข่แล้วใส่ต้นหอมที่ซอยแล้วลงไป แล้วค้นหาเครื่องปรุงก็ไม่มีแต่พบเกลือที่ยังเหลืออยู่อีกไม่มากแล้ว หยิบลงใส่ในชามไข่ไปเล็กน้อยใช้ตะเกียบอันเดิมคนจนละลาย จากนั้นก็ก่อไฟแต่ก็ไม่มีไม้ขีดขณะที่กำลังหมุนไปมาอยู่นั้น อาเหวินที่เฝ้ามองมารดาของตนกำลังลงมือทำอาหารและเห็นว่านางทำท่าเหมือนจะก่อไฟไม่เป็นจึงได้เอ่ยขึ้นว่า “ อาเหวินก่อไฟเป็น ข้าจะลงมือก่อไฟให้ท่านแม่เอง ” เขาเอ่ยขึ้นแล้วเดินมาที่เตาไฟ “ ถ้าเช่นนั้นเจ้าก่อไฟให้แม่ ” ลินลี่หันไปบอกกับอาเหวิน เขาเดินเข้ามาแล้วจัดการนำฟืนที่เป็นเศษไม้เล็กๆมาก่อแล้วจึงได้ใช้หินสองก้อนที่วางอยู่ด้านล่างมาเสียดสีกันจนเกิดประกายไฟขึ้นมาแล้วจุดกับเศษไม้ที่เหมือนเป็นไม้ที่มียางไม้เคลือบเอาไว้ มันติดไฟอย่างรวดเร็วเด็กชายนำมันมาจุดที่ในเตาไฟที่เขานำเศษไม้มาก่อเอาไว้จนมันลุกโพล
จางซูเม่ยเดินถือจานอาหารเดินตรงไปที่ห้องสุดท้ายของเรือน แล้วเปิดประตูเดินเข้าไปในห้องที่ดูไม่สว่างเท่าใดนัก เพราะในห้องไม่เปิดหน้าต่าง นางจึงได้เปิดประตูทิ้งเอาไว้ เดินเข้าไปก็เห็นมีชายร่างผอมคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียง ชายคนนั้นผอมจนแก้มตอบ หนวดเครารุงรังไม่น้อยคงไม่ค่อยมีใครตัดให้เขาและดูแลปรนนิบัติเขา เพราะตอนนี้ชายคนนี้ก็ดูแลตนเองไม่ได้ คงได้แต่นอนซมอยู่บนเตียงเพียงเท่านั้น เขาหันมาจ้องมองนางอย่างแปลกใจ “ เจ้าเข้ามาทำอะไร ออกไปนะ ” เขาเอ่ยเหมือนตะคอกทันทีที่เห็นหน้าของซูเม่ย “ ข้าเอาข้าวมาให้กิน ท่านก็กินเสียเถอะ ” ลินลี่เอ่ยขึ้นแล้วยกจานข้าวไปวางที่ข้างโต๊ะของเขา “ อาหารในครัวไม่ค่อยจะมีแล้ว ตอนนี้อาเหวินก็กินแล้ว ข้าแบ่งมาให้ท่านกินเสียเถอะจะได้มีเรี่ยวแรง จะได้หายป่วยไวๆ ” ลินลี่เอ่ยขึ้น สะท้อนใจเล็กน้อยที่เห็นชายร่างผอมนอนซมอยู่โดยที่ขาอีกข้างก็มีผ้าพันเอาไว้ แผลนั้นคงจะหายแล้วแต่กระดูกคงจะยังไม่ประสานกันจึงทำให้เดินไม่ได้ และการใช้ชีวิตของเขามันอดอยากแร้นแค้นปากนี้ ร่างกายจะแข็งแรงพอที่จะหายป่วยไวๆได้อย่างไรกัน “รีบกินเข้าเถอะ เสียดายของในห้องครัวก็แทบจะไม่มีอะไรจะกินแล้ว ” ลินลี่
เมื่อคล้อยหลังสตรีที่เขาเคยรังเกียจนางจนแทบไม่อยากจะมองหน้า นางเป็นแม่ที่ใช้ไม่ได้ นางนำเงินในบ้านออกไปซื้อของฟุ่มเฟือยแล้วแต่งตัวงดงามออกไปเที่ยวที่ในเมือง คบหาชายอื่น แถมยังเอาเงินและข้าวของในบ้านไปให้ป้าและพี่สาวที่เคยเลี้ยงดูนางมาจนแทบจะหมด ปล่อยให้พวกเขาขูดรีดจนบ้านนี้แทบไม่มีอะไรจะกิน ยิ่งเขามาเจ็บป่วยจนไม่สามารถหาเงินเข้าบ้านได้ยิ่งทำให้เขาและบุตรชายแทบจะอดตายอยู่รอมร่อ แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะตอนนี้ขาหักยังไม่หายจึงได้แต่ทำใจว่าหากนางทิ้งไปในเร็ววันนี้เขาและบุตรชายคงจะอดตายกันอยู่ที่บ้านหลังนี้อย่างแน่นอนแต่อยู่ ๆนางก็เปลี่ยนไป นางมาทำดีกับพวกเขาเช่นนี้ต้องการอะไร ทั้งบ้านไม่มีสมบัติอะไรจะให้นางได้ เขาก็เหลือเพียงชีวิตและบ้านเก่า ๆและบุตรชาย นางจะหวังอะไรจากพวกเขากันถึงได้แสร้งทำตัวเป็นคนดี เป็นแม่บ้านแม่เรือนอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน เมื่อก่อนนางเกียจคร้านยิ่งกว่าอะไร แต่วันนี้ถึงกับทำกับข้าวให้เขากับบุตรชายกินแล้วยังทำความสะอาดบ้านเสียสะอาด และยังเอาซื้อผ้าไปซักอีกด้วย แทบไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เห็นนี้เลยด้วยซ้ำ มันเกิดอะไรขึ้นกับนางกัน ขณะที่ตงเฟยหยากำลังครุ่นคิดถึงภรร
หลังจากจัดการอาหารเย็นให้ทั้งสองพ่อลูกที่ไม่ได้กินอาหารอร่อยและอิ่มท้องเท่านี้มาเกือบสองเดือนแล้ว ทำให้ทั้งบ้านมีบรรยากาศที่มีความสุขขึ้น ใบหน้าบึ้งตึงเกือบตลอดเวลาที่พบหน้ากันของสามีในนามของลินลี่ในร่างของซูเม่ยตอนนี้ดูผ่อนคลายลงมาก ซูเม่ยเดินเข้าไปในห้องนอนของเขาอีกครั้งในเวลาก่อนนอน “ ท่านจะถ่ายหนักเบาหรือไม่ ” เขาเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าหวานของหญิงตรงหน้าแม้นางจะไม่ได้แต่งกายงดงามและไม่ได้แต่งเติมใบหน้าแต่นางก็เป็นหญิงงามผู้หนึ่งที่ในวันนี้นางดูงามกว่าตอนที่นางแต่งเติมใบหน้าจนหนาเตอะอย่างที่ผ่านมาด้วยซ้ำไป และวันนี้นางทำตัวดีมากสมกับเป็นแม่บ้านแม่เรือนเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เขาจำต้องแต่งนางเข้ามา “ ข้าจัดการเองได้ ” เขาเอ่ยด้วยใบหน้าแดงระเรื่อนิดๆ ที่นางมาเอ่ยเรื่องการทำกิจธุระส่วนตัวของเขา “ ไม่ต้องอายหรอกน่า ข้าจะจัดการให้ท่านเอง ” ซูเม่ยคนใหม่เอ่ยขึ้นแล้วก็ก้มลงหยิบถังที่เขาใช้ถ่ายเบาขึ้นมาถือไว้แล้วนำออกไปเททิ้งที่ห้องสุขาเล็กๆนอกตัวบ้าน แล้วจัดการล้างทำความสะอาดแล้วก็นำกลับมาวางไว้ในห้องให้เขาตามเดิม เฟยหยาอดีตนายพรานมือฉกาจจ้องมองการกระทำของหญิงตรงหน้าด้วยใบหน้าแดงระเรื่อด
แต่หญิงร่างอวบอิ่มเช่นซูเม่ยที่วิญญาณในร่างไม่ใช่คนเดิมจึงได้ยกไม้ยาวที่พาดเอาไว้ที่ข้างฝาขึ้นมาแล้วเอ่ยว่า “ ก็ลองเข้าไปค้นดูสิ ถ้าไม่ฟาดให้หน้าหงาย อย่ามาเรียกว่าซูเม่ย ” ลินลี่ในร่างซูเม่ยเอ่ยด้วยใบหน้าขึงขัง แม้ไม่ได้เก่งกาจอะไรแต่ก็พอจะเคยได้ร่ำเรียนศิลปะการป้องกันตัวมาบ้าง วันนี้จะต้องจัดการกำจัดคนเห็นแก่ตัวสองคนนี้ให้ออกไปจากชีวิตของครอบครัวที่น่าสงสารนี้ให้ได้ “ หนอย !! นังซูเม่ย กล้าเหรอ น้ำหน้าอย่างแกจะทำอะไรพวกข้าได้ ” คนเป็นลูกสาวเงื้อมือเหมือนจะโผเข้ามาตบซูเม่ยที่ยืนป้องกันครัวของบ้านนี้เอาไว้ นางจึงได้ยกเท้าถีบอย่างแรงไปที่หน้าอกของหญิงตรงหน้าจนนางกระเด็นล้มลงก้นกระแทกเสียงดังผลั๊ก สองแม่ลูกตะลึงงันที่อยู่ซูเม่ยนั้นกล้าสู้พวกตน เพราะอดีตที่ผ่านมาซูเม่ยยอมให้ทั้งสองทุบตีโขกสับมาตลอด ไม่เคยกล้าหือเลยสักครั้งเดียว คนเป็นลูกสาวนั้นจุกไม่น้อยเลยได้แต่นั่งแปะอยู่บนพื้นเช่นเดิม ส่วนคนเป็นแม่ก็ปรี่เข้ามาจะตบกับซูเม่ยจึงถูกถีบลงไปนั่งแปะบนพื้นไม่ไกลจากบุตรสาวของตนนัก แต่คนแก่ร่างกายไม่แข็งแรงย่อมจะเจ็บตัวกว่าคนหนุ่ม จึงได้ร้องโอดโอยออกมา “ ข้าจะไปฟ้องหัวหน้าหมู่บ้านว่าถูกนังซูเม
หลายเดือนผ่านไปซูเม่ยที่ตอนนี้ท้องโตอย่างมาก นางยังคงเดินไปมาเพราะทนอยู่นิ่งไม่ไหว ยังพยายามทำงานบ้าน แม้สามีจะจ้างหญิงในหมู่บ้านมาช่วยทำงานบ้านและทำอาหารให้นางแล้ว เพราะนางตั้งครรภ์และอีกไม่ถึงสองเดือนก็ใกล้คลอดแล้ว ยามซื่อของวันนี้จู่ๆก็มีเสียงรถม้ามาจอดที่หน้าบ้านของพวกเขาซูเม่ยจึงได้ออกไปเมียงมองดูว่าใครมาที่หน้าบ้าน ก็พบว่ามีชายวัยกลางคนแต่งกายหรูหราไม่น้อยลงมาจากรถม้าตามด้วยชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีร่างบางสูงโปร่งและผิวขาวเหมือนดังเช่นคนมีอันจะกิน ตามด้วยคนเดินตามหลังที่น่าจะเป็นคนรับใช้ของพวกเขา เฟยหยาเปิดประตูห้องออกมาเขากำลังนั่งอ่านหนังสือและเขียนจดหมายส่งให้มารดาอยู่” บ้านนี้ใช่บ้านของซูเม่ยหรือไม่ “ ชายวัยกลางคนท่าทางภูมิฐานนั้นเอ่ยถามเฟยหยาที่เดินออกไปหาเขา ” ใช่นางเป็นเมียข้าเอง “ ชายคนนั้นชะงักไปครู่หนึ่ง ขณะนั้นซูเม่ยก็เดินออกมายืนหน้าเรือนของตนเอง ” นั่นไงซูเม่ย แต่นางตั้งครรภ์อย่างนั้นหรือ “ ชายร่างสูงผอมที่ยืนจ้องมองซูเม่ยที่หยุดยืนจ้องมองพวกเขาเช่นกันอยู่ที่หน้าเรือน ชายวัยกลางคนที่มากับเขาหันไปหาชายร่างสูงนั้นทันที” เจ้าบอกว่านางไม่มีสามีอย่างไรเล่า ข้าอุตส่าห์ยอมร
ยามซื่อวันต่อมา ก็มีเสียงตะโกนโหวกเหวกดังอยู่หน้าบ้าน “ พรานตงอยู่ไหม ออกมาเดี๋ยวนี้ บุตรสาวของข้าอยู่ที่ใด เห็นมีคนบอกว่านางอยู่ที่บ้านของเจ้า นางหายไปทั้งคืน เจ้าต้องรับผิดชอบ” ทุกคนในบ้านต่างโผล่หน้าออกมาดูต้นเหตุของเสียงโหวกเหวกนั้นซูเม่ยที่เช็ดมือของนางจนแห้งแล้วรีบเดินออกมาจากครัวนางกำลังจะทำมันเชื่อมให้บุตรชายและทุกคนได้ชิมกัน เกิดอะไรขึ้นอีกล่ะ นางเดินออกมาที่หน้าลานบ้านพบกับหัวหน้าหมู่บ้านคนที่เคยนำหนังสือตัดขาดกับบ้านจางมาให้ และที่ยืนอยู่ข้างๆเข้าคือชายชราคนหนึ่งผมของเขาขาวโพลนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ปะชุนและดูมอมแมมไม่น้อย ส่วนด้านหลังของพวกเขาก็เช่นเคยมีชาวบ้านหลายๆคนเดินมามุงดูเหตุการณ์ดังเช่นคราวที่แล้ว เฟยหยาเปิดประตูห้องนอนของเขาออกมา ส่วนเจ้าตัวเล็กก็ไม่วายยืนเมียงมองที่หน้าห้องของตนเองอย่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกัน แล้วประตูห้องของซูเม่ยที่เมื่อคืนมีสหายของสามีมาพักค้างคืนก็เปิดออกช้าๆ ร่างของอี้เหยาสหายของสามีและยังมีสตรีที่สวมอาภรณ์ของบุรุษยืนแอบอยู่ด้านหลังเขาด้วยท่าทางหวาดกลัว ดวงตาของนางจ้องมองชายชราทีี่ยืนอยู่ข้างๆหัวหน้าหมู่บ้าน“ นั่นไง หยงเอ๋อเจ้ามานอนกับบุรุ
เมื่อปากหนาของเขาดูดลิ้นเล็กของนางเป็นจังหวะสลับกับเกี่ยวพันลิ้นเล็กของนางอย่างเมามัน ทำให้หย่งเอ๋อยิ่งเสียวซ่านจนเกินจะทน นางร้องครางเบาๆทั้งที่ิลิ้นเล็กยังถูกลิ้นสากของเขาเกี่ยวพันอย่างดูดดื่มอยู่ มือบางของนางก็ลูบไล้หลังไหล่ของคนบนร่างของนางไปมา เล็บคมกรีดลงไปบนหลังของเขา แม้รองแม่ทัพหนุ่มจะเจ็บแสบไม่น้อยแต่เขาก็ยกยิ้มอย่างพอใจ นางร่าน นางร้าย ร่านถูกใจเขาเหลือเกิน บั้นเอวหนาเร่งขย่มนางจนแตกพ่ายออกมาอย่างมากมาย แล้วจึงได้จับร่างอวบของนางลงมายืนในน้ำแล้วหันหลังให้เขา ยกก้นอวบของนางขึ้นแล้วรองแม่ทัพหนุ่มจึงสอดลำกายอวบใหญ่เข้าไปในร่องอวบของนางอีกครั้งจนมิดลำกายแล้วเริ่มโยกขย่มนางอย่างรุนแรงอีกครั้ง “ อ๊าย อ๊า แรงอีก แรงอีกเจ้าค่ะ อ๊าย อ๊ายย อ๊าา ” หย่งเอ๋อที่เสียวซ่านจนเกินจะทน นางร้องครวญครางอีกครั้งพลางเร่งให้คนที่ขย่มนางจากทางด้านหลังให้เร่งแรงกระแทกนางอีก นางแอ่นก้นงามงอนขึ้นหาเขาอย่างร่านร้อน ปากก็ร้องครวญครางด้วยความเสียวซ่าน รองแม่ทัพหนุ่มจับร่างอวบของเมียหมาดๆพลิกไปมาอยู่หลายท่วงท่า แต่ในทุกท่วงท่าเขาก็กดกระแทกนางอย่างเร่าร้อนจนเสร็จสมไปหลายครั้งแล้ว แต่เจ้าลูกชายที่ยังแข็ง
“ เจ้าเป็นผู้ใดกัน ทำไมถึงมาที่ลำธารค่ำมืดเพียงนี้ ” เขาเอ่ยขึ้น จ้องมองใบหน้างามที่แดงระเรื่อ นางพยายามบีดกายหนีเขา แต่ถูกเขาจับเอาไว้มั่น นางคือหย่งเอ๋อบุตรสาวของตาเฒ่าขี้เมาประจำหมู่บ้าน วันนีี้นางได้ยินว่าพรานตงหายดีแล้ว และนางเองก็หลงรักพรานตงมานานนักหนาพอๆกับซูเม่ย แม้เขาจะแต่งงานกับซูเม่ยแล้ว แต่เขาไม่ได้รักนาง ใครๆในหมู่บ้านก็รู้ว่านางปีนเตียงเขาจึงได้จำใจแต่งงานเพราะนางเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมา หย่งเอ๋อจึงเกิดความคิดว่านางจะไปซุ่มอยู่ที่ลำธาร หากพรานตงมาอาบน้ำนางจะลอบเข้าหาเขาบ้าง และยิ่งนางแอบซุ่มดูเห็นเขาร่ำสุรากับชายคนหนึ่ง แต่นางก็ไม่คาดคิดว่าคนที่นางพบที่ลำธารจะไม่ใช่พรานตง “ ข้าคิดว่าท่านเป็นพรานตง ปล่อยข้านะ ในเมื่อท่านไม่ใช่เขา ปล่อยข้า ” ใบหน้าหล่อคมคายยกยิ้มขึ้น “ พรานตงเขามีเมียแล้ว เจ้าจะมายุ่งเกีี่ยวกับเขาทำไม อีกอย่างเขาไม่ใช่ชายเจ้าชู้ เขารักเมียของเขามาก เจ้ามายั่วยวนเขาก็เสียเวลาเปล่า แต่ไหน ๆ เจ้าก็เป็นหญิงที่ร่านอย่างหน้าไม่อาย เปลือยกายมายั่วยวนสามีของผู้อื่นอย่างหน้าไม่อายเช่นนี้ ถ้าเช่นนั้นข้าจะสงเคราะห์เจ้าเอง ให้ได้รู้รสชาติของบุรุษว่าเป็นเช่นไร ” เขาเอ่ยข
“ งั้นเย็นนี้มาร่ำสุรากันเสียหน่อย ไม่ได้ร่ำสุรากับเจ้ามานานแล้ว ตั้งแต่ข้าเจ็บป่วยไป วันนี้ปล่อยให้เมียข้าดูแลลูกไปก่อน ข้าจะร่ำสุรากับเจ้าให้เมาไปเลย ได้ไหมจ๊ะเมียจ๋า พี่จะร่ำสุรากับสหายเสียหน่อย เจ้าดูแลลูกเข้านอนด้วยก็แล้วกันนะ ” เขาเอ่ยขึ้นแล้วหันไปจ้องมองเมียรักเหมือนจะขออนุญาตินาง “ เจ้าค่ะ ท่านพี่นานๆจะได้พบกับสหายก็ตามสบายเจ้าค่ะ ข้าจะดูแลลูกเอง งั้นข้าจะผัดผักใส่หมู และยังมีเนื้อเค็มข้าจะทอดให้ และหั่นผักดองให้ท่านแกล้มเหล้านะเจ้าคะ อ่อ ยังมีผลไม้เชื่อมที่มีรสเปรี้ยวอยู่ด้วย รอสักครู่ข้าจะจัดการให้เจ้าค่ะ ” นางเอ่ยขึ้นแล้วหันไปค้นหาห่อเนื้อเค็มและผลไม้เชื่อมที่มีรสเปรี้ยวที่นางชิมดูเมื่อวานมาแบ่งใส่ถ้วยใบเล็กให้เขาแกล้มสุรา อี้เหยายักคิ้วให้สหายรัก เมื่อเห็นเขาจ้องมองเมียรักด้วยดวงตาหวานฉ่ำปานจะกลืนกิน ไม่พบเจอเพียงไม่นานตอนนี้รองแม่ทัพผู้ดุดันกลายเป็นคนคลั่งรักไปเสียแล้วเมื่อจัดการอาหารเย็นยังไม่เสร็จจึงให้บุตรไปอาบน้ำก่อนเพราะตอนนี้ยังไม่มืดค่ำ แล้้วซูเม่ยจึงได้ทอดหมูให้บุตรชายกินกับข้าวสวยร้อนๆ แบ่งเอาไว้ในหม้อใบเล็กให้สามีที่นางไม่แน่ใจว่าเขาจะหิวหรือไม่ แล้วทอดเนื้อ
ช่วงบ่ายวันนั้นที่บ้านพรานตงก็ได้ต้อนรับสหายที่ขี่ม้าตัวสูงใหญ่ล่ำสันสง่างามยิ่งนักมาเยี่ยม เขาคือท่านอาเหยาของอาเหวิน หรือรองแม่ทัพเฉินอี้เหยา เขาและตงเฟยหยาเป็นสหายร่วมรบกันมาตั้งนานแล้ว เมื่อเขาลาออกเพราะเบื่อหน่ายปัญหาในครอบครัว แม้อี้เหยาจะไม่เห็นด้วยแต่ก็ขัดสหายไม่ได้ แต่ตัวเขาเมื่อว่างเว้นจากราชการคราใดก็จะมุ่งมาเยี่ยมสหายและหลานชายตัวน้อยตลอดยิ่งเขามาครั้งล่าสุดสหายขาหักเพราะเข้าป่าแล้วพลาดตกกับดักที่มีคนวางเอาไว้ แม้เขาเป็นยอดฝีมือแต่ก็ยังพลาดจนได้ จึงได้ขาหัก และนอนพักฟื้นอยู่ที่บ้าน ก่อนเขาจะจากไปในคราวก่อนเขาต่อรถเข็นเอาไว้ให้หลานชายตัวน้อยเพื่อเอาไว้ตักน้ำใช้จากลำธารหลังบ้านมาใส่ในโอ่ง และกำชับให้เขาทำแค่เพียงวันละน้อยจะได้ไม่เหนื่อยจนเกินไปเขาซื้อหาข้าวสารและอาหารมาให้ไว้ในครัว ซื้อของและเสี่ยวหลงเปาไว้ให้จำนวนมาก ซื้อไข่เค็มและผักดองที่เก็บได้นานเอาไว้ และสอนวิธีการกินให้กับเด็กชาย อาหารแห้งเช่นเนื้อเค็ม ปลาตากแห้งเขาก็ซื้อมาเก็บเอาไว้ด้วยกลัวหลานชายจะอดตายเพราะบิดาก็เดินไม่ได้ และตัวเขาก็จำต้องเข้าเมืองหลวงเพราะมีราชการด่วนที่ต้องไปจัดการ แม้จะเป็นห่วงบ้านของสหายไม
“ เอาละ ถ้ามันเป็นอย่างที่ซูเม่ยพูด พวกเจ้าก็ไม่ควรมารบกวนครอบครัวของนางที่แทบไม่มีจะกินอยู่แล้ว พวกเจ้าควรจะทำมาหากินด้วยตนเอง อย่าพยายามเบียดเบียนผู้อื่นเช่นนี้อีก ” หััวหน้าหมู่บ้านเอ่ยขึ้นอย่างเอือมระอา แต่เมื่อเขาได้รับแจ้งจะไม่มาจัดการก็ไม่ได้ จึงได้มาฟังความอีกข้างจากบ้านของพรานตง“ ท่านหัวหน้าจะพูดอย่างนี้ได้อย่างไร พวกตระกูลจางมีบุญคุณกับซูเม่ยนังคนอกตัญญูนี่แค่ไหน พวกท่านก็รู้ บิดามารดาของนางก็เสียไปหมดแล้ว พวกข้ารับเลี้ยงดูนางเอาไว้ ไม่มีบุญคุณให้นางต้องชดใช้เลยหรือ ” ท่านป้าของซูเม่ยเอ่ยขึ้น “ แต่เมื่อตอนที่ข้าแต่งงานกับนาง ข้าได้ให้เงินพวกท่านไปถึงยี่สิบตำลึง เงินจำนวนนี้มันมากมายนัก ข้าเป็นแค่นายพรานหากจะเก็บสะสมเงินจำนวนนี้จริงๆต้องใช้เวลาอยู่หลายปีนะ ถือว่าพวกท่านก็ได้เงินตอบแทนไปมากแล้ว แถมยังคอยมารีดไถเป็นประจำหลายปีมาแล้ว ท่านหัวหน้าหมู่บ้านในเมื่อท่านก็มาแล้ว วันนี้ข้าขอให้ท่านทำหนังสือตัดขาดระหว่างซูเม่ยเมียของข้ากับตระกูลจาง ไม่ต้องข้องเกี่ยวกันอีก หากพวกนางมารบกวนข้าอีก จะได้จัดการอย่างเด็ดขาด คนที่ไม่รู้จักพอให้ไปเท่าไหร่ก็คงไม่พอหรอก ” เขาเอ่ยกับหัวหน้าหมู่บ้า
อดีตรองแม่ทัพหนุ่มกดกระแทกเมียรักจากทางด้านหลังอย่างรุนแรง เขาเร่งความเร็วขึ้นจนกระทั่งขย่มนางจนแทบจะจมไปกับเตียงอีกครั้ง ทั้งสองร้องครวญครางผสานกันอย่างสุขสมยิ่งนัก จนกระทั่งเสร็จสมไปพร้อมๆกันอีกครั้ง ซูเม่ยนั้นสุขสมจนแทบจะนับครั้งไม่ได้ นางจึงอ่อนระทวยแทบจะสลบไปทันทีในครั้งสุดท้ายที่ถูกสามีที่ร้อนแรงเหลือเกินของนาง กระแทกร่องจีบอย่างเร่าร้อนรุนแรง จนนางเสร็จสมไปอีกครั้งแล้วจึงได้หลับผล็อยไปทันที ทั้ง ๆที่ลำกายใหญ่ของสามียังคาอยู่ในร่องรักของนางด้านเฟยหยาที่เห็นเมียรักเหมือนสลบไปทันทีที่นางกระตุกเกร็งแล้วเสร็จสมไปในยกสุดท้ายนั้น เขาจึงได้ถอนลำกายใหญ่ออกจากร่องอวบของนาง แล้วประคองเมียรักนอนลงที่ฟูกจัดท่าทางให้นางนอนให้สบายตัว แล้วเขาจึงได้ลุกออกไปทำความสะอาดร่างกายตนเองแล้วนำผ้าปูเตียงผืนใหม่มาเปลี่ยนให้เมียรักที่นอนหลับเหมืือนสลบไสลอยู่บนเตียงนั้น เขาค่อยยกตัวนางขึ้นดึงผ้าปูเตียงออกแล้วขมวดมันไว้ที่มุมห้อง แล้วจึงได้ผลัดเปลี่ยนผืนใหม่ที่หอมกลิ่นแดดเพราะซูเม่ยเพิ่งนำไปซักตากแดดมาเมื่อวานนี้เขาเปลี่ยนแล้วจัดที่นอนใหม่แล้วอุ้มร่างอวบของเมียรักให้นอนในท่าที่สบายที่สุด แล้วจึงได้ผลัดเสื
เฟยหยาขย่มร่างอวบของเมียรักอย่างรุนแรงจนเมื่อเสร็จสมไปด้วยกันแล้ว เขาก็จับร่างอวบของนางพลิกเปลี่ยนท่าเป็นนอนคว่ำแล้วดึงสะโพกอวบขาวที่เขาบีบเค้นมันจนขึ้นสีอย่างมันมือ แม่เมียรักของเขา นางเป็นหญิงชาวบ้าน แต่นางเด็ดดวงยิ่งกว่าคุณหนูในห้องหอ ยิ่งกว่าหญิงคณิกาที่เขาเคยผ่านมา หากจับนางแต่งกายด้วยอาภรณ์ของชนชั้นสูงนางคงจะเป็นหญิงที่งามมาก งามปานจะล่มเมืองคนหนึ่ง แต่นางเป็นเมียของเขาเพียงผู้เดียว ถึงนางจะงามเพียงใดก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะแสวงหาบุรุุษใดอีกแล้ว นางเป็นเมียของเขา เป็นแม่ของบุตรของเขาได้เพียงเท่านั้นอดีตรองแม่ทัพหนุ่มที่บัดนี้ลาออกจากราชการแล้วหนีมาซุกตัวอยู่ที่บ้านนอกที่ห่างไกลเมืองหลวงเป็นอย่างมาก ด้วยปัญหาในครอบครัวบางอย่าง เพราะเขาเป็นบุตรชายคนรองแต่โดดเด่นและเก่งกล้าเกินบุตรชายคนโตจึงทำให้ไม่เป็นที่ชอบใจของฮูหยินใหญ่ ที่เส้นทางทางราชการของเขาก้าวหน้าเกินไป ทำให้เขาและมารดาไม่เป็นที่โปรดปรานของทั้งบิดาและฮูหยินใหญ่เพราะมารดาของเขาเป็นเพียงอนุผู้หนึ่งเพียงเท่านั้น เขาจึงได้เบื่อหน่ายการแก่งแย่งชิงดีในหมู่พี่น้องจึงได้ตัดสินใจลาออกจากราชการและอำลามารดาย้ายตนเองมาอยู่ที่บ้านนอกห่างไก