บทที่ 10พบหน้านางเอกในนิยาย กู้เฟยหนี่ว์ได้มาเยือนจวนตระกูลอวี้ตามคำเชิญของอวี้หลัน นางทั้งประหลาดใจและคาดหวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าเพราะเหตุใดอวี้หลันถึงได้ส่งคำเชิญมาหานาง ทั้งที่ทั้งสองแทบจะไม่เคยเห็นหน้าหรือรู้จักกันมาก่อนเลย ตัวเชื่อมเดียวที่กู้เฟยหนี่ว์คิดออกคืออวี้หลันอาจจะมาช่วยพูดให้นางถอยห่างจากองค์รัชทายาทก็เป็นได้ เพราะอวี้ซูเยว่คือคนที่ฮองเฮาทรงอยากได้มาเป็นลูกสะใภ้มากที่สุด แต่ตอนนี้นางกลับเป็นคนขวางทางรักของอวี้ซูเยว่"เชิญคุณหนูกู้ที่ศาลาเจ้าค่ะ ตอนนี้คุณหนูใหญ่กำลังเร่งทำขนมอยู่ในครัวเจ้าค่ะ อีกสักครู่คงออกมาพบคุณหนูกู้เจ้าค่ะ"รั่วซีนำทางกู้เฟยหนี่ว์ไปยังศาลา ใบหน้าของนางพลันยิ้มขำกับท่วงท่าการทำขนมของเจ้านายสาว อาหารที่คุณหนูใหญ่ทำนั้นมันช่างแปลกประหลาด และไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน"คุณหนูใหญ่อวี้ทำขนมหรือ ไม่เห็นต้องลำบากเลย"กู้เฟยหนี่ว์รู้สึกประหลาดใจขึ้นไปอีก ไม่ใช่ว่านางจะใส่ยาพิษลงไปในขนมให้นางทานหรอกนะ
ผลัก!อวี้หลันผลักร่างของอวี้ซูเยว่ให้คุกเข่าลงกับพื้น ดวงหน้าของนางแสดงออกถึงความไม่พอใจ แววตาคู่สวยเย็นเยียบราวกับบ่อน้ำที่มองไม่เห็นก้น"ข้าจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย ขอโทษคุณหนูกู้ที่เจ้าแสดงกิริยาอย่างคนไม่มีผู้ใดอบรมสั่งสอนซะ ถ้ายังดื้อดึงไม่เลิก อย่าหาว่าข้าไม่เตือน!!""ฮึก ขะ ขอโทษ"อวี้ซูเยว่ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวเป็นครั้งแรก นางไม่เคยเห็นอวี้หลันน่ากลัวเช่นนี้มาก่อนเลย โดยไม่ทันคิดนางก็เผลอเอ่ยคำขอโทษออกไป"ขอโทษดี ๆ""ขะ ข้าขอโทษเจ้าค่ะคุณหนูกู้""ช่างเถอะหลันเอ๋อร์ ข้าไม่เป็นไร"กู้เฟยหนี่ว์ค่อนข้างจะตกใจเล็กน้อยกับความสัมพันธ์ของสองพี่น้อง และนางก็รู้ได้ทันทีว่าทั้งสองหาใช่พี่น้องที่รักใคร่กลมเกลียวกันไม่"พาคุณหนูรองกลับเรือน แล้วรายงานเรื่องนี้ให้ท่านพ่อทราบด้วย"อวี้หลันหันมาสั่งรั่วซีน้ำเสียงราบเรียบ"เจ้าค่ะคุณหนูใหญ่"รั่วซีรีบเข้ามาประคองอวี้ซูเยว่ให้กลับไปที่เรือน โดยมีสาวใช้อีกหนึ่งคนเข้ามาช่วยด้วย คราแรกอวี้ซูเยว่พยายามจะขัดขืน แต่เพราะมิอาจสู้แรง
บทที่ 11สัญญาด้วยชีวิต งานมงคลสมรสระหว่างเจิ้งจื่อห้าวกับอวี้หลันจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ขบวนเกี้ยวเจ้าสาวของเจ้าบ่าวที่แห่แหนมารับด้วยตนเองยิ่งใหญ่ตระการตามาก เกี้ยวเจ้าสาวแปดคนหามใช้ทหารราชองครักษ์ของฝ่าบาทมาแบกหามโดยเฉพาะ ตัวเกี้ยวเองก็ทำจากไม้เนื้อหอมราคาแพง ประดับด้วยทองคำและอัญมณีอย่างมากมายจนดวงตาแทบพร่ามัว ผ้ามงคลสีแดงที่ใช้ประดับเกี้ยวก็มาจากผ้าไหมเนื้อดีแห่งแดนหนาว ยิ่งด้านหลังขบวนได้มีเหล่านางกำนัล และขันทีคอยช่วยกันโปรยเงินตำลึงเงิน ราวกับหว่านให้กับผู้ที่มาร่วมงานตลอดทางเหล่าผู้คนที่มาร่วมชมงานแต่งงานถึงกับอ้าปากค้างไปตาม ๆ กัน ขนมมงคลที่ใช้แจกเหล่าเด็กน้อยก็ได้พ่อครัวหลวงมาทำให้อย่างพิถีพิถัน ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนถูกจัดเตรียมมาเป็นอย่างดี และยิ่งใหญ่เสียยิ่งกว่างานแต่งงานขององค์ชายสี่กับคุณหนูใหญ่ตระกูลซุนเสียอีกแต่ที่ทำให้ผู้คนพากันตกตะลึงจนแทบจะลืมหายใจคือขบวนสินสอด และสินเดิมของเจ้าสาว งานนี้อวี้เฉินฟู่ทุ่มทุนให้กับบุตรสาวคนนี้มากมายนัก และที่น่าประหลาดใจคือท่านต
ทันทีที่เจิ้งชุนฟงเห็นบุตรชายอุ้มเจ้าสาวเข้ามา พระองค์ก็สรวลขึ้นด้วยความชอบใจ"ฮ่ะฮ่า เจ้าสามคงจะร้อนใจแย่แล้ว ฮองเฮาคิดเช่นเดียวกับเจิ้นหรือไม่""หม่อมฉันก็คิดเช่นนั้นเพคะฝ่าบาท หากรู้เช่นนี้หม่อมฉันคงจะรีบจัดงานแต่งงานให้กับลูกสามนานแล้วเพคะ"'ฮองเฮาโจวซูหลิ่ง' ทรงผินพระพักตร์มาแย้มสรวลกับฮ่องเต้ พระนางเองก็อยากจะให้เจ้งจื่อห้าวรีบแต่งงานเสียที อวี้หลันผู้นี้ก็ถือว่าพอใช้ได้ แม้ว่าใจจริงพระนางต้องการให้เขาแต่งกับคุณหนูตระกูลรองซุนมากกว่า"เวลานี้ก็ถือว่าเหมาะสมแล้วล่ะ ฮ่ะฮ่า"เจิ้งชุนฟงยังคงสรวลออกมาไม่ขาดสายเมื่อเจ้าบ่าวและเจ้าสาวมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของทั้งสองพระองค์ แม่สื่อผู้เป็นผู้ทำพิธีก็ได้ก้าวขึ้นมาด้านหน้า นางเอ่ยนำทั้งสองให้ทำตามพิธีอย่างเคร่งครัดต่อไป... พิธีช่วงเช้าได้เสร็จสิ้นลงด้วยดี ลำดับถัดไปแม่สื่อก็ได้นำตัวเจ้าสาวให้ไปรอเจ้าบ่าวที่ห้องหอ ส่วนเจ้าบ่าวก็มีหน้าที่ที่ต้องรับแขกต่อไปภายในห้องหอนั้น อวี้หลันที่รู้สึกปวดเมื่อยต้นคอจนแทบจะทนไม่ไหว จึงได้เรียกรั่วซีที่อยู่ในห้อง
บทที่ 12จุมพิตครั้งแรก อวี้หลันยืนยิ้มด้วยความเจ้าเล่ห์ คราแรกนางก็คิดว่าเขาคือเสือผู้หญิงแห่งยุคนี้เสียอีก ที่ไหนได้...ก็แค่ชายหนุ่มที่ไม่ประสีประสา แค่เห็นเรือนร่างที่นางตั้งใจให้เห็นวับ ๆ แวม ๆ เขาก็แทบจะทำสิ่งใดไม่ถูกเสียแล้วใบหน้าที่แดงก่ำราวกับจะคั้นออกมาเป็นน้ำได้ และสายตาที่มองมาด้วยความตกตะลึง นั่นยิ่งทำให้อวี้หลันมั่นใจเต็มสิบส่วนองค์ชายสามผู้นี้ไม่เคยหลับนอนกับสตรี!!อะไรที่ทำให้มั่นใจน่ะหรือ เพราะถ้าหากข่าวลือนั้นคือเรื่องจริงว่าเขามีอนุกว่ายี่สิบนาง เมื่อเขาได้เห็นเรือนร่างนี้แล้ว เขาจะต้องเกิดอาการอยากจะถาโถมเข้ามาจู่โจมนางทันที เสือที่เห็นเหยื่ออยู่ตรงหน้าจะยอมปล่อยให้หลุดรอดไปได้อย่างไรเล่าแต่นี่เขากลับยืนมองนิ่งอย่างคนทำอะไรไม่ถูก ทั้งสายตาที่หลบเลี่ยงนั่นด้วย เช่นนี้แล้วอนุที่อยู่ในเรือนหลังของเขาจะต้องเป็นสตรีที่เขาคอยดูแลไม่ผิดแน่ อาจจะให้ที่พำนักและคอยคุ้มครองอย่างลับ ๆ ก็เป็นได้ เหมือนในซีรีส์จีนที่นางเคยดูมาก่อน ค
อวี้หลันที่แช่น้ำไปทั้งตัวลุกพรวดขึ้นมา เป็นผลให้ผ้าคลุมที่บางอยู่แล้วแทบจะไม่ปกปิดร่างกายของนางเลย เจิ้งจื่อห้าวที่หันมาเห็นเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงเลือดบุรุษพลันร้อนรุ่มขึ้นมาทันที กึ่งกลางกายที่เพิ่งสงบไปพลันตั้งตระหง่านขึ้นมาอีกครั้ง"จะ เจ้ารีบนั่งลงไปเดี๋ยวนี้เลย"เจิ้งจื่อห้าวเอ่ยสั่งเสียงสั่น เขารีบหันหลังกลับไปมองทางอื่นทันที"องค์ชายสามเพคะ ได้โปรด...ช่วยหม่อมฉันด้วยเถิดเพคะ"น้ำเสียงแว่วหวานเอ่ยขอร้องอย่างน่าสงสาร แต่เจิ้งจื่อห้าวไม่ได้สงสารนางเลยสักนิด เขาสงสารตัวเองมากกว่าที่ต้องมาเจอสถานการณ์เช่นนี้"ไม่ได้ ในข้อตกลงของเราไม่ได้มีเรื่องนี้นะอวี้หลัน เจ้าสงบสติอารมณ์เสียก่อนเถิด""เช่นนั้นก็เพิ่มเข้าไปสิเพคะ"จบประโยคเสียงของน้ำที่กระเพื่อมทำให้เจิ้งจื่อห้าวหันกลับไปมอง เขาได้แต่นึกเสียใจที่ทำเช่นนั้น เพราะความหวังดีของตัวเองแท้ ๆ เชียวร่างกายที่เปียกชุ่มไปด้วยหยดน้ำถาโถมเข้ามายังร่างกายของบุรุษอันแสนอบอุ่น อวี้หลันที่มีสติอันน้อยนิด และเพราะต้องการจะกลั่นแกล้งเจิ้งจื่อห้าวเป
บทที่ 13ค่ำคืนวสันต์อันร้อนแรง "อื้อ...อ่า เจ็บนะเพคะ"อวี้หลันร้องครางเสียงสั่น เมื่อถูกเจิ้งจื่อห้าวดูดดึงที่ยอดอกของนาง ไรฟันของเขามันขบกัดที่ผิวเนื้ออ่อนนุ่ม จนอวี้หลันรู้สึกเจ็บแปลบไปทั่วเนินอกขาวผ่อง ความเสียวกระสันพวยพุ่งเข้ามาไม่ขาดสาย ปลุกเร้าให้นางรู้สึกทรมาน อยากจะให้เขาสัมผัสร่างกายของนางมากกว่านี้เจิ้งจื่อห้าวผละใบหน้าออกมาเล็กน้อย เขายกยิ้มด้วยความพึงพอใจเมื่อได้ยินเสียงร้องครางของอวี้หลัน นั่นหมายความว่าถึงแม้เขาจะไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน แต่เพราะอ่านตำราวสันต์มามาก เมื่อได้ลงสนามจริงเขาก็สามารถทำให้หญิงสาวในอ้อมกอดสุขสมไปกับบทรักของเขาได้"อ๊ะ! หนาวเพคะ"เพราะอวี้หลันแช่ตัวอยู่ในถังอาบน้ำนาน เมื่อเวลาผ่านไปร่างกายของนางก็เริ่มหนาวสั่นขึ้นมา ด้วยร่างกายนี้ไม่สามารถแช่ในน้ำเย็นนานได้ คงสืบผลมาจากเรื่องเมื่อคราวก่อนนั้น ทำให้ตั้งแต่นั้นมาร่างกายของนางจะไวต่ออากาศเย็นมากเป็นพิเศษ"อ่า ไปที่เตียงเถิด"
"ต้องการหรือเพคะ?"อวี้หลันหยุดชะงักตรงหลุมสะดือของเขา นางเงยใบหน้าขึ้นมาถามเขา พลางชี้นิ้วไปทางแท่งหยกที่กำลังตั้งเด่มาทางใบหน้าของนาง รอยยิ้มหวานปรากฏที่มุมปากเล็กด้วยความเจ้าเล่ห์"อ่า...ใช่""เช่นนั้นก็ตอบคำถามของหม่อมฉันมาก่อนสิเพคะ""คำถามอะไร"อารมณ์ที่กำลังพวยพุ่งพลันหยุดชะงัก เจิ้งจื่อห้าวยันกายขึ้นมามองหน้าคนช่างยั่ว เขาทั้งรู้สึกฉุนและหัวเสียนางจงใจกลั่นแกล้งเขา ให้เขาทรมานเพราะไฟราคานี้!"อนุขององค์ชาย พวกนางเป็นใครเพคะ""แค่สตรีที่ข้าสงสารแล้วรับเลี้ยงไว้""หอเดือนดับใช่ขององค์ชายไหมเพคะ"เจิ้งจื่อห้าวหรี่ตามองพระชายาของตนนิ่ง ความสงสัยและความหวาดระแวงก่อตัวขึ้นมาในใจของชายหนุ่ม"...""ถ้ามันตอบยากไป เช่นนั้นก็ไม่เป็นอะไรหรอกเพคะ"อวี้หลันไม่คิดจะไล่ต้อนเจิ้งจื่อห้าว นางแค่หยัดกายลุกขึ้นยืนแล้วเดินกรีดกรายไปหยิบผ้าคลุมขึ้นมาคลุมกาย แล้วเดินกลับมาล้มตัวลงนอนด้านข้างของเขา ทำราวกับเรื่องเมื่อครู่นี้พวกเขาไม่ได้กำลังจะใช้ค่ำคืนอันร้อนแรงด้วยกัน
ตอนพิเศษ 2ชุดนอนตัวใหม่ อวี้หลันเดินเข้าไปยังห้องนอนบุตรสาวเพื่อสั่งความแม่นมกับรั่วซี หลีกงกงที่อยู่ด้วยก็รู้ความนัก เขายังเอ่ยกับอวี้หลันด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อีกด้วย"พระชายาไม่ต้องเป็นห่วงท่านหญิงน้อยเลยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมกับรั่วซีจะช่วยดูแลท่านหญิงน้อยให้เอง พระชายาโปรดทรงวางใจได้เลยพ่ะย่ะค่ะ" หลีกงกงขยับเข้ามาใกล้อีกนิดเพื่อให้ได้ยินกันสองคน "ท่านหญิงน้อยคงจะเหงาน่าดูเลยนะพ่ะย่ะค่ะ ทางที่ดีพระชายาน่าจะประทานน้องให้กับท่านหญิงน้อยสักหลาย ๆ คนก็ดีนะพ่ะย่ะค่ะ""หลีกงกง! เจ้านี่นะ"อวี้หลันทั้งขำทั้งฉุน หลีกงกงผู้นี้ช่างเจ้ากี้เจ้าการยิ่งนัก"โปรดเห็นใจคนแก่ขี้เหงาเช่นกระหม่อมด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะพระชายา""เฮ้อ...เรื่องนี้หลีกงกงคงต้องไปกราบทูลองค์ชายสามแล้วล่ะว่าเขาจะมีความสามารถหรือไม่ ข้ามิอาจตอบได้หรอกนะ"อวี้หลันแสร้งถอนหายใจ ทั้งที่ใจจริงนางนั้นกำลังวางแผนเช่นกันว่าอยากจะมีบุตรอีกสัก 2 คนเพื่อให้เป็นเพื่อนเล่นกัน"เช่นนั้นข้าคงต้องออกแรงมากหน่อยเสียแล้วใช่หรือไม่"น้ำเสียงห้วนดุที่
ตอนพิเศษ 1เจิ้งลี่จิน เวลาล่วงเลยผ่านไปไวยิ่งนักในความรู้สึกของอวี้หลัน นับตั้งแต่นางเข้ามาอยู่ในร่างนี้ก็ร่วม 1 ปีกว่าแล้ว ตอนนี้ชีวิตของนางเปลี่ยนแปลงไปจนนางไม่นึกฝันเลย บัดนี้นางได้สร้างครอบครัวที่สมบูรณ์ขึ้นมาแล้ว บุตรสาวตัวน้อยผู้เป็นความสุขทั้งมวลให้กับนางกับเจิ้งจื่อห้าว เด็กน้อยที่น่าเอ็นดูนักในสายตาของผู้เป็นพ่อเป็นแม่'เจิ้งลี่จิน' บุตรสาวตัวน้อยที่ถือกำเนิดขึ้นมาจากความรักของคนทั้งสอง เจ้าก้อนแป้งน้อยตัวขาวอวบอ้วน นางมีดวงตากลมโตสุกสกาวดั่งเช่นมารดา แต่จมูกโด่งรั้นกับริมฝีปากนั้นถอดแบบบิดามิมีผิดเพี้ยน ไม่ว่าผู้ใดต่างเอ่ยเป็นเสียงเดียวกันว่าเจิ้งลี่จินช่างมีใบหน้าเหมือนกับบิดายิ่งนักคำพูดนี้เองที่ทำให้เจิ้งจื่อห้าวถึงกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยความภาคภูมิใจ ตัวเขาเองก็รู้สึกดียิ่งนักที่บุตรสาวมีใบหน้าเหมือนกันกับเขา และยิ่งนางมีดวงตาเหมือนกับอวี้หลันเขายิ่งรู้สึกดีเพิ่มขึ้นไปอีกอวี้หลันจดจำความยากลำบากของการคลอดเจิ้งลี่จินได้ดี วันเวลากว่าจะผ่านมาได้ช่างแสนสาหัสยิ่งนัก แต่เมื่อคิดว่านี่คือการเสียสละของมารดาเพื่อให้เจ
บทส่งท้าย วังเจียวจินอวี้หลันนอนอยู่บนเตียงด้วยความเบื่อหน่าย นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้วหลังจากที่นางถูกลอบสังหาร ตอนนี้นางได้หาเป็นอะไรมากที่บอกว่าตกใจก็เสแสร้งทั้งนั้น แต่กลายเป็นว่าเจิ้งจื่อห้าวนั้นตื่นตระหนกเกินไป เขาเป็นกังวลมากจนนางนึกเสียใจที่ใช้แผนการนี้ขึ้นมา สุดท้ายแล้วนางก็ต้องนอนอยู่นิ่ง ๆ บนเตียง โดยที่ไม่สามารถย่างกรายออกไปจากห้องได้เลย"ฮ่ะฮ่าเป็นอย่างไรบ้างเล่า ข้าล่ะนึกชอบใจนักที่องค์ชายสามทรงสั่งห้ามเจ้าลุกออกจากเตียงเช่นนี้ สมแล้วที่เจ้าใช้แผนการนี้หลอกล่อให้ฮองเฮาติดกับ ทั้งยังหลอกใช้ข้าอีกด้วย"กู้เฟยหนี่ว์ที่มาเยี่ยมอวี้หลันเอ่ยบ่นอีกฝ่าย นางยังคงรู้สึกไม่พอใจกับแผนการของอวี้หลันนัก แม้ผลลัพธ์จะดีที่สามารถกำจัดอำนาจของฮองเฮาไปได้ ทำให้องค์รัชทายาทรู้จักตัวตนอีกด้านหนึ่งของพระมารดาแต่มันก็เสี่ยงเกินไป"เจ้าไม่ต้องมาหัวเราะข้าเลย เจ้าเองก็ชอบไม่ใช่หรือที่ได้สังหารคน หึ!""ข้าชอบที่ได้ออกแรงก็จริง ข้อนี้ข้าไม่ปฏิเสธแต่ข้าไม่
"เสด็จพี่คงได้ยินทั้งหมดแล้ว ข้าคิดว่าท่านคงรู้แล้วว่าเป็นฝีมือของผู้ใดกันแน่ ฮองเฮาอาจจะทรงรักและหวังดีต่อเสด็จพี่ด้วยใจจริง แต่กลับผู้อื่นนั้นหาเป็นเช่นนั้นไม่ ผู้ใดก็ตามที่มาขวางทางอำนาจหรือหมดประโยชน์แล้ว ฮองเฮาก็สามารถกำจัดได้ทุกคนโดยไม่สนวิธีการ แม้มันจะโหดเหี้ยมเพียงใดก็ตาม ข้าหวังว่าเสด็จพี่จะไม่ช่วยคนผิดนะพ่ะย่ะค่ะ"เจิ้งจื่อห้าวเอ่ยทิ้งท้ายแล้วจึงได้เดินจากไป... หลักฐานทุกอย่างล้วนชี้ไปที่เสนาบดีโจว ปิ่นทองคำที่อยู่ในมือหัวหน้ามือสังหารก็คือของขวัญที่ฮองเฮาทรงได้รับพระราชทานจากฮ่องเต้ เพราะเหตุนี้เองโจวซูหลิ่งจึงไม่อาจหลีกหนีเอาตัวรอดไปได้ ไม่ว่าอย่างไรนางก็มีความผิด"หม่อมฉันถูกคนใส่ความเพคะฝ่าบาท นี่ต้อง...ต้องเป็นฝีมือของบ่าวทรยศเป็นแน่ มันผู้นั้นต้องแอบขโมยปิ่นของหม่อมฉันไปเพื่อเป็นหลักฐานมามัดตัวหม่อมฉันเพคะ นี่คือการใส่ความเพคะฝ่าบาท"โจวซูหลิ่งร่ำร้องขอความเป็นธรรมให้แก่ตนเอง หากนางไม่ยอมรับจะทำอะไรนางได้ หลักฐานเพียงแค่นี้มิอาจจะเอาผิดนางได้หรอก"เจ้ายอมรับความผิดซะเถิดฮองเฮา เห็นแก่องค์รัชทายาทอย่าให้ชื่อเสีย
บทที่ 32ล้มทั้งกระดาน "พระชายา พระชายาทรงเป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ"ฉีหมิงที่เพิ่งจัดการมือสังหารเสร็จรีบตรงเข้ามาถามไถ่อวี้หลันด้วยความเป็นห่วงทันที เขายังคงตกใจไม่หายที่ได้เห็นท่วงท่าการสังหารคนของคุณหนูกู้ เขาคาดไม่ถึงจริง ๆ ว่าคุณหนูกู้จะมีวรยุทธ์ที่ล้ำเลิศเช่นนี้ เพลงกระบี่ที่ใช้เมื่อครู่ก็งดงามอ่อนช้อยแต่เต็มไปด้วยความดุดัน คุณหนูกู้วาดกระบี่ไปทิศทางใดล้วนต้องได้อาบโลหิตทุกครั้งไป นอกจากองค์ชายสามผู้เป็นนายแล้วก็มีคุณหนูกู้นี่แหละที่เขานับถือเรื่องวรยุทธ์ด้วยใจจริง"ข้าไม่เป็นอะไร แค่รู้สึกตกใจเล็กน้อยเท่านั้นเอง"น้ำเสียงอ่อนแรงที่ดังออกมาจากรถม้ายิ่งทำให้ฉีหมิงรู้สึกผิด กู้เฟยหนี่ว์ชำเลืองตามองมารยาของสหายแล้วเบะปากด้วยความหมั่นไส้'นางหรือที่ตกใจ ต้องเป็นข้าเสียมากกว่าที่ควรตกใจกับแผนการนี้ของนาง'"พระชายาทรงรู้สึกเจ็บท้องหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ให้ท่านหมอมาดูอาการก่อนดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ" ในขบวนรถม้านี้ได้มีท่านหมอมาด้วย
"อาอันน้องพี่" สองพี่น้องต่างเดินเข้าไปสวมกอดกันด้วยความคิดถึง สายใยระหว่างพี่น้องเรียงร้อยถักทอเข้าด้วยกัน "ข้าคิดถึงท่านพี่มากเลยขอรับ แล้วนี่..." อวี้เวยอันหันไปมองบุรุษข้างกายของพี่สาว หรือว่าคนผู้นี้จะเป็นสามีของพี่สาวของเขากัน "นี่คือองค์ชายสามเจิ้งจื่อห้าว พระสวามีของพี่เอง" "คารวะองค์ชายสามพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเสียมารยาทแล้ว ขอองค์ชายสามได้โปรดอย่าได้ถือสาเลยพ่ะย่ะค่ะ" อวี้เวยอันรีบทำความเคารพเจิ้งจื่อห้าวทันที เพราะเขาดีใจที่ได้เจออวี้หลันมากเกินไปจึงได้เสียมารยาทกับองค์ชายสาม "ไม่ต้องมากพิธีรีตองหรอก เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว" เขาเอ่ยอย่างใจดี เรียกรอยยิ้มหวานจากคนข้างกายที่กำลังนึกหวั่นว่าเขาอาจจะเข้ากับน้องชายของนางไม่ได้ แต่เมื่อได้เห็นเช่นนี้ก็หมดห่วง "ขอบคุณองค์ชายสามที่เมตตาพ่ะย่ะค่ะ" อวี้เวยอันรู้สึกถูกชะตาพี่เขยผู้นี้ยิ่งนัก สายตาของเขาพลันมองไปเห็นหน้าท้องที่นูนเด่นของพี่สาว "ท่านพี่อ้วนขึ้นหรือขอรับ" แม้จะพยายามพูดเส
สองบุรุษยืนส่งสตรีอันเป็นที่รักด้วยหัวใจที่วูบโหวงแปลกประหลาด พวกเขารู้สึกว่าการจากลาเพียงชั่วระยะเวลาสั้น ๆ นี้ช่างยาวนานเสียเหลือก่อนเจิ้งจื่อห้าวสะบัดศีรษะไล่ความคิดออกไป ก่อนจะรีบกลับไปสะสางงานให้เสร็จ เขาอยากจะดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ภายใต้แสงจันทร์ที่บ่อน้ำพุร้อน ณ ตำหนักฤดูร้อนเสียแล้ว ที่นั่นขึ้นชื่อเรื่องความงดงามของธรรมชาติที่ถูกช่างฝีมือดีรังสรรค์เอาไว้ ยิ่งถ้าได้อยู่กับสตรีอันเป็นที่รัก ใช้ร่างกายอันแข็งแรงของตนโอบกอดนางตลอดทั้งคืนคงเป็นเรื่องที่ดีมาก"ข้าขอตัวก่อนนะพ่ะย่ะค่ะเสด็จพี่""อืม ข้าเองก็จะไปหาเสด็จแม่ที่ตำหนักเสียหน่อย ช่วงนี้เสด็จแม่ทรงฝันร้ายอยู่บ่อยครั้งนัก""ข้าขอฝากแสดงความห่วงใยต่อฮองเฮาด้วยนะพ่ะย่ะค่ะ หากเสร็จงานเมื่อใดข้าจะไปเยี่ยมฮองเฮาด้วยตนเอง แล้วจึงจะไปตำหนักฤดูร้อนต่อไป""เข้าใจแล้ว เจ้ารีบไปเถิด"สองพี่น้องส่งยิ้มให้แก่กัน แล้วจึงได้เดินแยกทางกันไปทำหน้าที่ของตน... รถม้าเคลื่อนออกมาจากนอกเมืองหลวงราวหนึ่งชั่วยามแล้ว หนทางข้างหน้าสะดวกสบายไม่ได้ลำบากอะไรนัก เนื่องจากเส้นทางนี้
บทที่ 31หมากตาสุดท้าย หลังจากที่เจิ้งไป๋ฮวากลับไป อวี้หลันก็หันมาเอ่ยถามรั่วซี"มีอะไร""จดหมายจากอารามเป่าซานเพคะ"อวี้หลันรับจดหมายฉบับนั้นขึ้นมาเปิดอ่าน นางอ่านทวนอีกรอบก่อนจะยกยิ้มด้วยความพอใจแล้วทำลายจดหมายฉบับนั้นทิ้งเสีย"ท่านเจ้าอาวาสไม่ได้ทำให้ข้าผิดหวังเลย เขาทำงานได้ดีสมกับที่ข้าคาดหวังจริง ๆ""เอ่อ...บ่าวขอถามได้หรือไม่เพคะว่าเพราะเหตุใดท่านเจ้าอาวาสถึงยอมช่วยเหลือพระชายาถึงเพียงนี้ บ่าวคิดอย่างไรก็คิดไม่ตก"อวี้หลันอมยิ้มกับสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยของสาวใช้ตัวน้อย"ท่านเจ้าอาวาสผู้นี้เคยเป็นโจรป่ามาก่อน เขาสังหารผู้คนราวกับผักปลาที่ไร้ค่า หลังจากที่ถูกทางการไล่ล่าจนแทบเอาชีวิตไม่รอดก็ได้หนีไปบวช นานวันเข้าก็เกิดเลื่อมใสในรสพระธรรมขึ้นมาจึงได้เปลี่ยนตัวตนขึ้นมาใหม่ คราแรกก็เป็นเพียงนักบวชธรรมดาแต่เพราะมีความรอบรู้ในการคาดเดาธรรมชาติจึงทำให้ชาวบ้านเกิดความเลื่อมใสศรัทธ
เจิ้งลู่เหอหัวเสียเป็นอย่างมากที่ในวังของเขามีคนฆ่ากันตาย เขาหาได้รู้สึกเสียใจเลยแม้แต่น้อย กลับกันเขารู้สึกดีใจมากกว่าที่ได้หลุดพ้นจากสองพี่น้องที่แสนเอาแต่ใจคู่นี้ หลังจากนี้เขาคงต้องหาพระชายาคนใหม่ที่จะมาช่วยหนุนหลังเขาต่อไป แต่จะเป็นคนจากตระกูลใดดีนะที่เหมาะสมกับองค์ชายเช่นเขา"เสด็จพี่สี่อย่าได้เศร้าเสียใจไปเลยนะเพคะ"เจิ้งไป๋ฮวาเอ่ยปลอบใจผู้เป็นพี่ชายด้วยความเป็นห่วง"ขอบใจเจ้ามากนะฮวาเอ๋อร์ที่มาร่วมงานศพ พี่พอทำใจได้บ้างแล้วล่ะ" เจิ้งลู่เหอหลุดจากภวังค์ความคิดของตน เขามองซ้ายมองขวาเมื่อไม่เห็นคนที่ต้องการพบหน้าจึงเอ่ยถามเจิ้งไป๋ฮวา "พี่ไม่เห็นเสด็จพี่สามกับพี่สะใภ้เลย"หญิงสาวขยับกายเข้ามาใกล้แล้วกระซิบให้ได้ยินกันแค่สองคน"เสด็จพี่สี่อย่าเพิ่งไปพูดกับใครนะเพคะ ตอนนี้พี่สะใภ้กำลังตั้งครรภ์ เสด็จพี่สามก็คอยดูแลอยู่ไม่ห่าง งานศพที่เอ่อ...ไม่เป็นมงคลเช่นนี้จึงมิอาจมาร่วมงานได้ เสด็จพี่สี่อย่าได้น้อยใจไปเลยนะเพคะ"เจิ้งลู่เหอที่กำลังรู้สึกหัวเสียพลันดีใจที่ได้ยินข่าวที่น่ายินดีนี้ เขาคลี่ยิ้มออกมาแล้วเอ่ยกับเจิ้งไป๋ฮวาด้วยน้ำเ