เฟยเทียนกลับมาถึงบ้านเขากินอาหารเช้าอย่างรีบร้อนเพราะมันเลยเวลามามากแล้ว ในบ้านจึงมีเพียงเขาคนเดียวที่ยังไม่ได้กิน จากนั้นเขาและภรรยารวมถึงน้องชายก็ขับเกวียนมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านเหอมู่ทันทีจวินตั๋งที่ขับเกวียนออกมาจากบ้านของเฟยเทียนนั้นเขามาดักรอเกวียนที่มาส่งข้าวและพวกเครื่องเทศ ส่วนเกวียนของเขามีเพียงเสื้อกันหนาว ฟูกนอนและผ้าพับสำหรับตัดชุดและยังมีผ้าบาง ๆ เหมือนตาข่ายที่เฟยเทียนซื้อเอาไว้บอกว่าจะนำมาทำที่ใส่เนื้อผลงิ้วอยู่อีกหลายพับเมื่อเกวียนที่นำข้าวมาส่งวิ่งมาถึงจุดที่เขาดักรออยู่ เขาก็ขับเกวียนนำหน้าเกวียนร้านขายข้าวไปทันที เมื่อมาถึงหมู่บ้านเหอมู่ โชคดีที่เขาไม่พบชาวบ้านสักคนทำให้ไม่ต้องตอบคำถามของใคร เกวียนทั้งสองเล่มวิ่งตามกันไปจนถึงบ้านของจวินตั๋ง เขานำเกวียนของตัวเองเข้าไปจอดในบ้านก่อน จากนั้นจึงมาช่วยคนงานร้านขายข้าวสารขนของลงจากเกวียนโดยมีเมิ่งจวื้อจวินผู้เป็นพ่อช่วยยกของลงจากเกวียนเช่นเดียวกัน ส่วนพวกผ้าพับและเสื้อกันหนาวนั้น ภรรยาและท่านแม่ของเขาเอาเข้าไปเก็บในบ้านเมื่อขนข้าวของทุกอย่างลงหมดแล้ว ต่อมาพวกเขาก็ช่วยกันยกเข้าไปเก็บในห้องเสบียง ข้าวของที่ซื้อมาวันนี้พวก
พวกเขาเดินเข้าป่าลึกมาเรื่อย ๆ ทุกคนสะพายตะกร้าเอาไว้บนหลังและในตะกร้านั้นยังมีกระสอบหลายใบใส่มาด้วย วันนี้พวกเขาไม่ได้ตั้งใจมาล่าสัตว์ พวกเขาตั้งใจมาเพื่อเก็บผลงิ้วเท่านั้นจึงไม่มีใครนำกับดักมาด้วย“อีกไกลหรือไม่ จวินตั๋ง” “ไม่ไกลขอรับ ท่านพ่อเหนื่อยหรือขอรับจะพักก่อนหรือไม่”“ไม่เหนื่อยพ่อแค่ถามดูเท่านั้น พ่อยังไม่แก่ถึงขนาดเดินเข้าป่าแค่นี้ก็ไม่ไหวหรอกนะ”“อ่อ ขอรับ เดินตรงไปข้างหน้านี้ไม่ไกลแล้วขอรับข้ากับเฟยเทียนทำเครื่องหมายเอาไว้แล้วเพราะหากไม่ทำข้ากลัวว่าจะเสียเวลามาเดินหาเพราะในป่าก็เหมือน ๆ กันหมด ทำให้หลงทิศหลงทางได้ง่าย”“ดีนับว่าพวกเจ้ายังมีความรอบคอบ”“ข้าเรียนมาจากภรรยาของข้าขอรับท่านลุง”“อ่อ เป็นเช่นนั้น ที่พูดแบบนี้ไม่ใช่อยากจะอวดกับลุงว่าเมียเจ้าเก่งหรอกใช่ไหม”“ก็ใช่ขอรับ ฮ่า ๆ” แล้วทุกคนก็หัวเราะออกมาด้วยความสุข หลังจากเดินตามเครื่องหมายที่เฟยเทียนและจวินตั๋งทำเอาไว้ไม่นานพวกเขาก็เดินมาถึงป่างิ้วที่ซ่อนอยู่ในป่าลึก ด้วยจำนวนของต้นงิ้วที่มีมากมายฉีหลินคิดว่ามันมีพอให้คนทั้งหมู่บ้านได้นำไปใช้ทำผ้าห่มและชุดกันหนาวเลยทีเดียวถึงแม้ว่าจะได้ไม่ครบทุกคนในครอบครัวแต่กา
ก่อนมื้ออาหารเย็นเล็กน้อยฉีหลินเข้าไปในหมู่บ้านเพื่อแจ้งเรื่องนุ่นกับจางสงโดยมีเสี่ยวหลางตามไปด้วย ส่วนเสี่ยวเฮยตอนนี้ทำตัวเป็นเก้าอี้ให้เจี้ยนเอ๋อร์นั่งท่องตำรา เสี่ยวหูทำหน้าที่เป็นเตียงนอนให้เฉิงเอ๋อร์นอนท่องตำราเพื่อจดจำตัวอักษรเช่นเดียวกัน อย่าถามหาแมวอ้วนอย่างต้าเซี่ยเลยมันยังนอนขี้เกียจอยู่บนเบาะนอนที่นางฟางเย็บให้มัน“ท่านแม่ ข้าจะไปบ้านท่านลุงจางสง กับข้าวข้าทำไว้หมดแล้ว พวกท่านกินก่อนได้เลยหากข้ากลับมาช้าไม่ต้องรอข้านะเจ้าคะ”“ได้ ๆ เจ้าไปเถอะเดี๋ยวแม่จะแบ่งส่วนของเจ้าเอาไว้ให้ก็แล้วกัน เจ้าใหญ่ไป ๆ ไปเป็นเพื่อนเมียเจ้าไป อย่ามาเกะกะแม่ อี้ถังอย่าเป่านุ่นเล่นมันปลิวไปหมดแล้ว ท่านบัณทิตทั้ง 3 เจ้าคะ รบกวนพวกท่านไปพักผ่อนเถอะเจ้าค่ะ อย่าได้ลำบากมาช่วยงานเลย งานแค่นี้ให้คนงานทำก็พอ ไปอาบน้ำผลัดผ้ารอกินมื้อเย็นเถอะเจ้าค่ะ”และนี่คือความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในแต่ละวันในบ้าน ถึงนางฟางจะปวดหัวกับเหล่าเด็กโข่งพวกนี้ แต่ชีวิตในแต่ละวันล้วนเต็มไปด้วยความสุข และนางหวังว่าความสุขเช่นนี้มันจะอยู่กับครอบครัวของนางตลอดไปเฟยเทียนเมื่อได้ยินท่านแม่บอกให้เขาไปกับภรรยาเขารีบลุกขึ้นเดินตามไปทันที
หมู่บ้านเหอมู่ที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน หลังจากวันนี้พวกเขาได้พาชาวบ้านเข้าป่าไปเก็บผลงิ้วมาได้ส่วนหนึ่งจากนั้นพวกเขาแบ่งให้ทุกครอบครัว เท่า ๆ กันจากนั้นแต่ละครอบครัวส่งภรรยาหรือแม่ของพวกเขามาเรียนรู้วิธีการนำนุ่นไปทำผ้าห่มและชุดกันหนาวกับนางเจียงภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้าน ทุกคนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีไม่มีใครอู้งานหรือกินแรงคนอื่น ด้วยพวกเขารู้ดีว่าหากทำตัวไม่ดีจะถูกตัดสิทธิ์ในส่วนแบ่งทันที หากเป็นเช่นนี้แล้วพวกเขาก็จะพลาดการมีผ้าห่มอุ่น ๆ และเสื้อกันหนาวสำหรับเด็กเล็กและคนชราในบ้านหลังจากที่ชาวบ้านกลับไปกันหมดแล้ว ตอนนี้เป็นเวลาอาหารเย็นทุกคนในครอบครัวต่างก็กินอาหารด้วยความหิวโหย วันนี้พวกเขาเหนื่อยมากจริง ๆ แต่สิ่งที่ได้กลับมานับว่าคุ้มค่ามาก“ท่านพ่อหลังจากที่จัดการอะไรเรียบร้อยแล้วข้าจะไปเยี่ยมพี่สาวนะขอรับ ข้าจะชวนเฟยเทียนไปด้วย วัวของเฟยเทียนวิ่งเร็วมากข้าคิดว่าออกเดินทางแต่เช้ามืดไปถึงบ้านพี่สาวก็ยามอู่พอดี จะได้ไม่กลับมามืดค่ำจนเกินไป”“เจ้าไปดูนางสักหน่อยก็ดี หลินอี้ไม่ได้กลับมาเยี่ยมบ้านเดิม 2 ปีแล้ว พ่อเองก็เป็นห่วงนางมากถึงสามีของนางจะเป็นคนดีคนหนึ่งแต่ครอบครัวของสามีไม่
เช้าวันต่อมาเฟยเทียนตื่นขึ้นมาเตรียมเกวียนเพื่อออกเดินทางไปหมู่บ้านถงลี่ เขาเตรียมอาหารไปให้สืออีและสือเอ้อร์ด้วย ฉีหลินเองก็ตื่นแล้วเช่นเดียวกัน นางรู้สึกว่าวันนี้จะมีเรื่องยุ่งยากเกิดขึ้นเฟยเทียนเตรียมเกวียนเสร็จแล้วเขาเดินเข้ามาในบ้านก็พบว่าภรรยาของเขาเตรียมตัวเสร็จแล้วเช่นเดียวกัน จากนั้นเขาจึงเดินไปหานางฟางเพื่อบอกกล่าวว่าจะพาสหายไปเยี่ยมพี่สาวในวันนี้“ท่านแม่ขอรับ วันนี้ข้ากับหลินเอ๋อร์จะไปหมู่บ้านถงลี่กับจวินตั๋งนะขอรับ”“ไปทำไมหรือลูก หมู่บ้านถงลี่มีเรื่องอะไรหรือไม่”“จวินตั๋งกับท่านลุงเมิ่งเป็นห่วงพี่หลินอี้น่ะขอรับ นางไม่ได้กลับมาเยี่ยมบ้านเดิมมาสองปีแล้ว และครั้งสุดท้ายที่นางกลับมาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ขอรับ พวกเขากลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับนาง จวินตั๋งเลยว่าจะไปดูเสียหน่อยจึงมาชวนลูกกับหลินเอ๋อร์ไปด้วย”“เช่นนั้นก็ไปเถอะ เดินทางดี ๆ อย่าปล่อยให้เมียเจ้าไปทุบตีคนเข้าใจหรือไม่”“ขอรับท่านแม่ แต่ถ้าจำเป็นต้องทุบตีก็ต้องทุบตีนะขอรับ”“เจ้านี่นะ ดูพูดเข้าไป ๆ รีบไปได้แล้วประเดี๋ยวจะสายเอา หมู่บ้านถงลี่ไม่ใช่ใกล้ ๆ เลย”“เช่นนั้นข้าไปก่อนนะขอรับท่านแม่ ฝากท่านแม่บอกท่านบอกให้ไป
จวินตั๋งนั้นยังนั่งอยู่บนเกวียน เขามองเข้าไปบ้านตระกูลเหอด้วยความสงสัย หน้าบ้านมีชาวบ้านอยู่จำนวนมากเขาได้แต่สงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่“เกิดอะไรขึ้นทำไมมีชาวบ้านมาอยู่หน้าบ้านตระกูลเหอมากมายขนาดนี้กัน” จวินตั๋ง“ข้าหาที่จอดเกวียนก่อน เจ้าลงไปดูก่อนจวินตั๋งข้าว่าจะต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่ ๆ” เฟยเทียน“ได้ เอาตามนั้น”“จวินตั๋งหากมีอะไรเกิดขึ้นเจ้าอย่าใจร้อนทำอะไรลงไปโดยไม่คิดหน้าคิดหลังเข้าใจหรือไม่ เจ้าต้องใช่สติไตร่ตรองให้ดี”“ข้าเข้าใจแล้ว ขอบใจเจ้ามากนะเฟยเทียน”จวินตั๋งลงจากเกวียนเพื่อให้เฟยเทียนนำเกวียนไปจอด ฉีหลินเดินตามมาติด ๆ นางทำตัวกลมกลืนไปกับชาวบ้านที่มามุงดูอยู่หน้าบ้านตระกูลเหอในตอนนี้ มีเสียงด่าทอดังออกมาจากข้างใน เสียงแม่เฒ่าเหอที่ทั้งด่าทอโทษฟ้าดินและเสียงของกงซานที่ยืนยันจะแยกบ้านให้ได้ และเสียงห้ามปรามของพ่อเฒ่าเหอที่พยายามเกลี้ยกล่อมลูกชายและตามมาด้วยเสียงแหลม ๆ ของสะใภ้ใหญ่ที่คอยเติมเชื้อไฟอยู่ตลอดเวลาในตอนนั้นจวินตั๋งรู้สึกได้ว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับครอบครัวของพี่สาวของเขา เขาเดินเบียดชาวบ้านที่มุงอยู่เข้ามาจนถึงในบ้านได้สำเร็จโดยมีฉีหลินที่ตามมาติด ๆ จา
เกวียนวิ่งออกมาจากหมู่บ้านถงลี่ได้ไม่นาน เด็กน้อยเทียนหยางก็รู้สึกตัวขึ้น เขาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ฉีหลินเห็นแบบนั้นแล้วนางอดจะสงสารไม่ได้ เด็กตัวเล็กเพียงขนาดนี้ยังถูกรังแกได้ถึงเพียงนี้ จิตใจของพวกเขาทำด้วยอะไร ถึงเมื่อก่อนนางหลินอดีตป้าสะใภ้จะรังแกนางและครอบครัวแต่ไม่เคยลงไม้ลงมือกับเด็กเช่นนี้“พี่สาวหลินอี้ เอาน้ำให้เขาดื่มก่อนเจ้าค่ะ พวกเขายังเป็นคนอยู่หรือไม่เด็กตัวเล็ก ๆ ยังลงมือหนักได้ขนาดนี้จิตใจทำด้วยอะไรกัน ข้าน่าจะลงมือกับพวกเขาหนักกว่านี้ ข้าไม่น่าใจดีเลยจริง ๆ เรากลับไปจัดการกับพวกเขาดีหรือไม่”“หลินเอ๋อร์ เราไม่ควรลงมือหนักเกินไปนะ” เฟยเทียนพูดออกมาเพราะเขากลัวว่าภรรยาจะพูดอะไรที่กระทบจิตใจของกงซาน“น้องสะใภ้ แค่นั้นพวกเขาก็คงไม่กล้าทำอีกแล้วล่ะ ข้าว่าเจ้าใจเย็น ๆ ลงก่อนดีหรือไม่” จวินตั๋งช่วยพูดอีกคน“ข้าขอบใจพวกเจ้าทุกคน วันนี้ถือว่าข้ากงซานติดหนี้พวกเจ้าทุกคนแล้ว” กงซานพูดออกมาด้วยดวงตาแดงก่ำ“พี่เขยไม่ต้องคิดมากนะพวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ต่อจากนี้ไปหน้าที่ของท่านคือดูแลพี่สาวของข้ากับหลานชายให้ดี สิ่งที่แล้วมาก็ให้แล้วไปเถอะ” จวินตั๋งรีบพูดออกมาก่อนที่กงซานจะไ
หลังจากที่เฟยเทียนและฉีหลินกลับไปแล้ว ตอนนี้เป็นเวลาของครอบครัวที่จะต้องพูดคุยและปรึกษากันภายในครอบครัว นางเจียงทั้งดีใจและเสียใจที่ลูกสาวของตัวเองต้องตกที่นั่งลำบากเช่นนี้ แต่นางก็ดีใจที่ลูกเขยของนางเป็นคนดีและยืนอยู่ข้างลูกสาวของนางและไม่ได้กตัญญูจนกลายเป็นคนโง่“ข้าขอโทษท่านพ่อท่านแม่หวังว่าพวกท่านคงจะยกโทษให้ลูกเขยอกตัญญูเช่นข้า ข้าไม่สามารถดูแลลูกเมียให้ดีในเวลาที่ผ่านมา แต่ข้าสัญญาว่าต่อไปนี้ข้าจะไม่ให้นางและลูกต้องลำบากขอรับ พวกท่านจะให้อภัยข้าได้หรือไม่” กงซาน“พวกข้าไม่ถือโทษโกรธเจ้า เจ้าเองก็ทำดีที่สุดแล้ว ต่อไปนี่เจ้าคือเมิ่งกงซาน เจ้าคือลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านเมิ่ง พรุ่งนี้ข้าจะไปจัดการเรื่องของเจ้ากับทางการ จะได้ไม่ต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกับคนบ้านเหออีก พวกเขาจะได้ไม่ต้องมาข่มเหงรังแกและหาประโยชน์เอากับเจ้าในอนาคตได้อีก”“ขอบคุณท่านพ่อตา ท่านแม่ยายที่เมตตาขอรับ”“ขอบคุณท่านพ่อท่านแม่เจ้าค่ะ” หลินอี้เอ่ยออกมาด้วยน้ำตานองหน้า พ่อแม่ของนางดีที่สุด“พวกเจ้ากลับมาแม่ก็หมดห่วงแล้ว เหลือพี่ใหญ่ของเจ้าแม่สังหรณ์ใจไม่ดีเลย ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือไม่” นางเจียงพูดออกมาด้วยความไม่
ในตอนที่ประมุขมารได้ตายไปพร้อมกับดวงจิตที่แตกสลาย แต่ทว่ากลับไม่ได้แตกสลายไปทั้งหมด ยังมีดวงจิตอีกเสี้ยวได้หลุดลอยไปเกิดใหม่ในอีกภพชาติหนึ่ง เกิดใหม่เป็นมนุษย์ธรรมดาไม่สามารถระลึกชาติได้ ไม่มีความสามารถพิเศษอะไร เพียงใช้ชีวิตเรียบง่ายเพียงเท่านั้น นี่คือสิ่งที่ประมุขมารร่ำร้องขอความเมตตาจากสวรรค์ก่อนที่เข้าจะแหลกสลายไปหวังฉีหลินและเฟยเทียนกลับถึงหมู่บ้านป่าหมอก ทุกอย่างนางไม่คิดว่าจะง่ายดายถึงเพียงนี้ ในที่สุดประมุขมารก็คิดได้เสียที และหวังว่าพรที่นางและสามีร้องขอกับท่านมหาเทพนั้นจะทำให้ประมุขมารไปเกิดใหม่ในภพภูมิที่ดี มีความสุขและมีภรรยาที่รักเขามากแล้วก็ขอให้ทั้งสองคนเป็นคู่ด้ายแดงทุกภพทุกชาติไป นี่เป็นสิ่งเดียวที่นางและสามีทำได้หลังจากที่หมดปัญหา หมดสงคราม ทุกคนก็ใช้ชีวิตกันอย่างสงบสุข แคว้นหลงอยู่ในยุคที่เจริญรุ่งเรือง ประชาชนอยู่ดีกินดี และข่าวการกลับมาขององค์ชายแปดผู้หายสาบสูญ ตอนนี้ถูกแต่งตั้งเป็นชินอ๋อง ที่ดินศักดินาหมู่บ้านป่าหมอกและหมู่บ้านใกล้เคียงอีกสามหมู่บ้าน หวังฉีหลินทิ้งงานให้ลูกชายทั้งหลายแล้วหนีไปท่องเที่ยวกับสามี ทั้งสองคนออกไปท่องโลกกว้าง และมักจะนำผลไม้หรือพืช
หลังจากที่ประมุขมารได้รับสารท้ารบจากเฟยเทียน ทำให้เขาได้รู้ว่าต่อให้เวลาจะผ่านไปนานสักแค่ไหนบุรุษผู้กระหายสงครามและพร้อมจะทำลายศัตรูตรงหน้าให้ย่อยยับได้ทุกเมื่ออย่างแม่ทัพสวรรค์ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยถึงแม้ในชาติภพนี้เขาจะลงมาจุติในดินแดนของมนุษย์แต่ความสามารถของเขายังติดตัวมานั่นไม่ใช่เรื่องโกหก ถึงแม้มหาเทพจะไม่ค่อยชอบหน้าลูกเขยสักเท่าไหร่ แต่มหาเทพผู้รักลูกสาวยิ่งกว่าสิ่งใดย่อมไม่มีทางให้นางลำบากส่วนมารอย่างตัวเขาเล่าทำอันใดได้บ้าง เป็นเขาเองที่ไปตกหลุมรักนางข้างเดียว เป็นเขาเองที่ยึดมั่นถือมั่น เป็นเขาเองที่ไม่ยอมปล่อยวาง เขารู้ตัวเองดีด้วยพลังของตัวเขาเองยังไม่ฟื้นคืนกลับมาทั้งหมด ต่อให้สู้จนตัวตายก็ไม่สามารถเอาชนะทั้งสองได้ถึงแม้จะเอาชนะแม่ทัพสวรรค์ได้แล้วธิดามหาเทพจะชายตาแลเขาหรือก็ไม่ นางไม่เพียงไม่ชายตาแลหากแต่นางคงแก้แค้นเขาที่ทำให้สามีของนางต้องมีอันเป็นไป นอกจากจะไม่ได้ความรักแล้วสิ่งที่ได้กลับมาคือความเกลียดชังต่างหากที่นางจะหยิบยื่นให้เขาแล้วเหตุใดเขาถึงได้หน้ามืดตามัวเช่นนี้อยู่ถึงแสนปี ประชาชนเผ่ามารล้วนล้มตายไปตั้งเท่าไหร่ น้องชายคนเดียวของเขาที่เฝ้าเตือนสติเขาอยู่ตลอด
เวลาผ่านไปแล้วนับเดือน ตอนนี้กองกำลังที่ฉีหลินฝึกฝนขึ้นมาก็ออกจากด่านกักตนกันทุกคนแล้ว เวลานี้ฉีหลินกับสามีพร้อมด้วยเหล่าสัตว์เทพพร้อมไปเยือนเผ่ามารแล้วเฟยเทียนเองก็เห็นสมควรว่าไม่ควรปล่อยเวลาให้ยืดเยื้อไปมากกว่านี้ หลังจากจบปัญหานี้ได้เท่ากับภารกิจของภรรยาได้เสร็จสิ้นลงเช่นกัน ต่อจากนี้ไปพวกเขาสามีภรรยาจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเสียทีหลังจากกำหนดวันเคลื่อนพลได้แล้วฉีหลินก็ให้ทุกคนได้พักผ่อนให้เต็มที่ และเตรียมข้าวของที่จำเป็นใส่ลงในแหวนมิติให้เรียบร้อย ทั้งอาหารการกิน ยารักษาต่าง ๆ ทุกคนต่างเตรียมไปให้พร้อมสรรพ ด้วยศึกครั้งนี้อีกฝ่ายคือเผ่ามารไม่รู้ว่าจะมีฝีมือร้ายกาจขนาดไหน แต่พวกเขาเชื่อมั่นในตัวนายท่านและนายหญิงว่าจะนำพาพวกเขากลับบ้านมาอย่างปลอดภัยเฟยจิน เฮ่ออี และฮั่นเหวินไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการรบในครั้งนี้ ลูก ๆ ของเฟยเทียนทุกคนก็เช่นเดียวกัน ส่วนสัตว์เทพที่คอยดูแลความปลอดภัยที่หมู่บ้านป่าหมอกมีเพียงต้าเซี่ยกับเสี่ยวเสวียนอู่เพียงสองตัวเท่านั้นส่วนเสี่ยวหลาง เสี่ยวหู่ เสี่ยวเฮย เสี่ยวรุ่ยจื่อ และพี่ใหญ่อย่างจินหลงล้วนเข้าร่วมการรบในครั้งนี้ คนที่กระตือรือร้นมากที่สุดคื
ไป๋อี้ถังผู้โสดสนิท ครองตัวเป็นผู้บริสุทธิ์ประหนึ่งนักพรตผู้ทรงศีล อีกทั้งรังเกียจสตรีมากเล่ห์ หลังจากออกจากด่านกักตนมา เขาก็ต้องตั้งหน้าตั้งตาสั่งสอนลูกศิษย์ในสำนัก ไม่มีภรรยาและบุตรให้ดูแล เวลาทั้งหมดที่มีนอกจากฝึกฝนพลังปราณแล้ว เวลาส่วนที่เหลือเขาจึงเคี่ยวเข็ญลูกศิษย์ในสำนักศึกษาด้วยความเข้มงวดในเวลาต่อมา อาจารย์ใหญ่ไป๋อี้ถังจึงมีฉายาว่า อาจารย์ใหญ่จอมโหด หากใครไม่ทำการบ้านมาส่งก็จะโดนลงโทษให้ไปวิ่งรอบสถานศึกษา อีกทั้งยังจะต้องทำการบ้านในครั้งหน้ามากกว่าคนอื่นสองเท่าเท่านั้นยังไม่พอ ยังต้องเขียนจดหมายสำนึกผิดอีก 100 จบ และไปเก็บมูลทำความสะอาดคอกของสือเอ้อร์กับสืออีแทนคนงานในไร่ แถมยังต้องถูกเจ้าสือเอ้อร์กับสืออีกลั่นแกล้งจนหน้าทิ่มกองอึอีก ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีใครกล้าไม่ทำการบ้านอีกเลยวันนี้เป็นวันที่ไป๋อี้ถังว่างมาก มากที่สุด วันนี้เป็นวันหยุดของสถานศึกษา ไป๋อี้ถังจึงคิดว่าจะไปเดินเล่นที่ตลาดในเมือง และหาซื้อพู่กันกับแท่นฝนหมึกเพิ่มเพราะเท่าที่เขามีอยู่ตอนนี้ใช้ไปจนเกือบจะหมดแล้วจากนั้นเขาตั้งใจว่าจะชวนสหายทั้งสามของเขาไปด้วยกัน แต่กลับไม่มีใครไปเพราะแต่ละคนต้องการอยู่กับภรรยาแ
หลังจากที่เฟยเทียนกับฉีหลินเดินทางกลับมาถึงหมู่บ้านป่าหมอกพร้อมลูกชายและเหล่าสหาย หนึ่งเดือนให้หลังเฟยจินก็กลับมาพร้อมกับฮั่นเหวินและเฮ่ออี หลังจากเข้าเฝ้าฮ่องเต้และรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดน รวมถึงส่งรายชื่อหนอนให้กับเบื้องบนแล้ว ตัวเขาเองก็หมดหน้าที่ ตอนนี้สงครามสงบลงแล้ว ทั้งสามจึงได้ยื่นหนังสือขอลาพักกลับบ้านเกิดเพื่อเยี่ยมบิดามารดาไป๋อี้ถังและสหายทั้งสามจะเข้าด่านกักตนเพื่อฝึกฝนในอีก 3 วันข้างหน้า โดยผู้ที่จะรับหน้าที่สั่งสอนศิษย์ในสถานศึกษาก็คือราชครูไป๋หย่งเต๋อที่เดินทางตามหลังเฟยจินได้เพียง 7 วันนอกจากไป๋หย่งเต๋อแล้วยังมีไป๋เจิ้นกั๋วเจ้ากรมอาญา เดินทางมาพร้อมกับไท่ปิงองครักษ์ประจำตัว นับเป็นการรวมตัวกันระหว่างองครักษ์เลยก็ว่าได้ เซียวหลางตัดสินใจแต่งงานและติดตามไป๋อี้ถัง ม่อถูเองก็เช่นเดียวกัน มีเพียงไท่ปิงเท่านั้นที่มีหน้าที่ดูแลไป๋เจิ้นกั๋วที่เมืองหลวงไท่ปิงเองก็อยากจะมีชีวิตเฉกเช่นสหายทั้งสองบ้าง เขาเองก็คงต้องเร่งฝึกองครักษ์ขึ้นมาใหม่เพื่อจะได้ทำหน้าที่แทนเขา ส่วนตัวเขาเองจะตามมาตั้งรกรากที่หมู่บ้านป่าหมอกแห่งนี้ตามสหายทั้งสองคนวันนี้ฉีหลินเรียกประชุมหน่วยลับที่เป
เฟยเทียนพาภรรยามุ่งหน้ากลับหมู่บ้านป่าหมอกทันที หลังจากจัดการทั้งสองแคว้นเรียบร้อยแล้ว และด่านสุดท้ายของภารกิจในครั้งนี้ก็คือจัดการกับเผ่ามารให้เด็ดขาด หากไม่กำจัดประมุขเผ่ามารเสียตอนนี้ ไม่แน่ว่าวันข้างหน้าก็จะเกิดปัญหาเช่นนี้อีก มีเพียงกำจัดประมุขมารให้ได้เท่านั้นทุกคนจะได้ไม่เดือดร้อน ตอนนี้มีข่าวส่งว่าอ๋องมารน้องชายเพียงคนเดียวของประมุขมารได้หนีออกจากเผ่ามารไปตั้งรกรากที่อื่นแต่เดิมอ๋องมารก็ไม่เห็นด้วยกับประมุขมารเรื่องยึดดินแดนมนุษย์ แต่ไหนเลยประมุขมารผู้เป็นพี่ชายจะยอมฟัง ในเมื่อมันเป็นความแค้นใจที่มีต่อธิดามหาเทพและสามี ต่อให้อีกนับล้านปีประมุขมารก็วางความแค้นในใจลงไม่ได้“ไม่รู้ว่าเจ้าสามแสบจะทำเรื่องปวดหัวให้ท่านพ่อกับท่านปู่มากมายเพียงใด โดยเฉพาะลูกสาวของท่านพี่ ป่านนี้ไม่ใช่พี่อี้ถังปวดหัวจนผมขาวหมดหัวแล้วหรือเจ้าคะ”“ฮ่า ฮ่า ไม่ขนาดนั้นกระมัง ลูกสาวของเราออกจะน่ารัก อีกอย่างพี่อี้ถังก็ไม่ใช่ว่าจะรับมือไม่ได้เลยนี่นะ”“ท่านพี่ก็เข้าข้างนางตลอดล่ะเจ้าค่ะ อีกหน่อยนางก็เสียคนพอดี”“ไม่ใช่ว่านางกลัวท่านแม่อย่างเจ้าอยู่หรอกหรือ เอาน่าลูกยังเด็กอยู่ยังไม่รู้ความ มีพวกต้าเซี่ยอย
ในท้องพระโรงตอนนี้เต็มไปด้วยเสียงร้องไห้คร่ำคราญของบรรดาองค์หญิงและเหล่าสนมของฮ่องเต้ ส่วนเหล่าองค์ชายนั้นในใจต่างคิดว่าพวกเขาจบเห่แล้วคราวนี้ ยังไม่ทันได้ลงมือช่วงชิงตำแหน่งรัชทายาทแต่เสด็จพ่อกลับทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่ ตอนนี้คนของแคว้นหลงบุกมาจัดการพวกเขาถึงในวังหลวงแห่งนี้ เช่นนั้นที่ชายแดนก็คงจะพ่ายแพ้เช่นเดียวกัน“มีอะไรจะพูดหรือไม่ แต่เอาจริง ๆ ไม่ต้องพูดหรอกเสียเวลา ข้าเข้าใจ เสี่ยวเฮยจัดการด้วยล่ะ เอาให้สะอาด” ฉีหลิน“จัดการให้เรียบร้อยจะได้รีบไปจัดการต่อ ข้าอยากกลับบ้านคิดถึงลูก” เฟยเทียนฮ่องเต้แคว้นอู๋มองดูสองสามีภรรยาสั่งงานเจ้าบุรุษชุดดำด้วยความไม่เข้าใจ อะไรคือจัดการให้เรียบร้อย อะไรคือเอาให้สะอาด พูดจาให้คนฟังแล้วไม่เข้าใจก็ช่างเถอะ แต่ช่วยเห็นหัวเขาหน่อยจะได้หรือไม่“อ้อ เสี่ยวเฮย ช่วยปล่อยฮองเฮากับองค์ชายและองค์หญิงที่เกิดจากพระนางด้วย มีคนต้องการพบพวกเขา”“ได้ จะจัดการให้เดี๋ยวนี้”“ขอบใจ ท่านพี่ไปกันเถอะเจ้าค่ะ เรายังมีอะไรที่ต้องทำต่อ”“อืม เสี่ยวเฮยจัดการให้เรียบร้อยอย่าให้เล็ดลอดออกไปได้แม้แต่คนเดียวเข้าใจหรือไม่”เฟยเทียนเดินตามหลังภรรยาออกไปจากท้องพระโรง ท่าม
ในวันที่ฉีหลินกับเฟยเทียนตัดสินใจลักลอบเข้าวังหลวงแคว้นอู๋ ทางชายแดนแม่ทัพแคว้นอู๋ตัดสินใจนำทัพเข้าบุกแคว้นหลงทันทีโดยมีทัพมารเข้ามาแทรกแซงทำให้กำลังทหารของทางฝั่งแคว้นอู๋มีจำนวนเพิ่มมาหลายพันคนในเมื่อเผ่ามารมือยืดมือยาวถึงเพียงนี้ เสี่ยวเฮยเองก็ย่อมลิ้นยืดลิ้นยาวได้เช่นเดียวกัน ในตอนแรกที่เสี่ยวเฮยยังไม่ได้กลับไปอยู่ในร่างของมังกรทมิฬนั้น ย่อมไม่มีใครเกรงกลัวแต่หลังจากเผ่ามารเข้ามาแทรกแซงทำตัวเป็นกำลังเสริมให้กับแคว้นอู๋ เสี่ยวเฮยจึงเห็นว่าไม่ควรจะปิดบังตัวเองอีกต่อไป มันจึงได้กลับร่างเป็นมังกรทมิฬขนาดใหญ่กว่าที่เผ่ามารจะได้รู้ความจริงก็โดยกินไปจนเกือบหมดเสียแล้ว ยิ่งกลืนกินสิ่งชั่วร้ายไปมากเท่าไหร่ขนาดตัวของเสี่ยวเฮยก็ขยายขึ้นใหญ่มากเท่านั้น ตอนนี้ที่กำลังทหารของแคว้นอู๋เห็นเสี่ยวเฮยกำลังกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อยอยู่นั้น ก็ตัดสินใจกันแล้วว่าจะหนีเอาตัวรอดถึงแม้ว่าแม่ทัพจะไม่สั่งถอยทัพแต่ใครก็ย่อมกลัวตาย ต่างคนต่างรักชีวิตของตัวเองเมื่อคิดได้เช่นนั้นก็ทิ้งอาวุธออกวิ่งทันทีส่วนเสี่ยวเฮยที่กินเผ่ามารไปแล้วยังรู้สึกว่าไม่อิ่มเท่าไหร่ ต่างจ้องมองไปที่กำลังทหารของแคว้นอู๋ด้วยสายตาวาววั
ในขณะที่ฉีหลินกับเฟยเทียนเข้าไปในแคว้นอู๋อย่างราบรื่น ตอนนี้พวกเขาหาที่พักในเมืองหลวงของแคว้นอู๋ได้เรียบร้อยแล้ว ทั้งสองคนปลอมตัวเป็นตายาย เปิดร้านขายบะหมี่ในตลาดนับว่าเป็นงานที่ท้าทายมากสำหรับเฟยเทียน งานขายบะหมี่นี้เขารับหน้าที่เป็นคนทำบะหมี่ ส่วนภรรยาอย่างฉีหลินนั้นทำหน้าที่เก็บเงิน ส่วนผู้ติดตามทำหน้าที่เสี่ยวเอ้อร์ พวกเขาเช่าร้านบะหมี่ต่อจากเจ้าของเดิมที่เก็บของเตรียมตัวย้ายไปอยู่กับลูกชายที่บ้านเกิดในระหว่างที่ท่านพ่อและท่านแม่ไปทำหน้าที่ทำภารกิจเพื่อความสงบสุข แต่ลูกน้อยทั้งสามคนที่หมู่บ้านป่าหมอกนั้นไม่ค่อยให้ความร่วมมือกับ 3 คนแก่ที่บ้านสักเท่าไหร่ ไป๋อี้ถังเองยังไม่สามารถรับมือกับหลานน้อยทั้งสามคนได้ เขาไม่เคยคิดว่าเขาจะอับจนหนทางถึงขนาดนี้ เจ้าสามคนนี่เกิดมาเพื่อสร้างความปั่นป่วนจริง ๆ“ท่านยุงถัง อันนี้ฉือไร” ฟางเซียน“หนังสือวรยุทธ์เบื้องต้น” ไป๋อี้ถัง“ท่านยุงถัง ฉอน เซียนเอ๋อร์ยักเรียน”“ฟางเซียนลุงว่าตอนนี้เจ้าไปนอนกลางวันกับน้องชายทั้งสองของหลานดีหรือไม่ เอาไว้รอให้เจ้าโตกว่านี้ลุงจะสอนให้ทุกอย่างเลย ต้าเซี่ย มาพาคุณหนูของเจ้าไปนอนกลางวันได้แล้ว”“แต่เซียนเอ๋อร์ไม่