วันนี้บ้านตระกูลหยางได้มีโอกาสต้อนรับท่านราชครูแห่งเมืองหลวง นางฟางช่วยกันทำอาหารกับลูกสาวและลูกสะใภ้อย่างสุดฝีมือ สองแฝดรับหน้าที่เฝ้าไก่ขอทาน รวมถึงหมูย่างหนังกรอบที่ฉีหลินเลียนแบบมาจากหมูหันในภพที่นางจากมาส่วนเฟยเทียนกับอี้ถังไปช่วยกันจับปูและกุ้ง เมื่อเฟยเทียนไม่อยู่งานในไร่ก็ตกเป็นหน้าที่ของม่อถูและเซียวหลาง จากองครักษ์ฝีมือดีที่ตอนนี้ผันตัวมาทำไร่ทำสวน“ข้าไม่คิดเลยว่าชั่วชีวิตข้าจะมีวันนี้” ม่อถู“อะไรของเจ้า พูดอะไรข้าไม่เห็นจะเข้าใจ” เซียวหลาง“ก็พวกเรายังไงล่ะ จากองครักษ์ ตอนนี้เป็นอะไรชาวสวนชาวไร่ ชีวิตเรียบง่ายไปวัน ๆ ฮ่า ๆ หรือเจ้าว่าไม่ใช่” ม่อถู“มันก็จริงของเจ้า ข้าเองตลอดหลายปีที่ผ่านมา ข้าไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องแต่งงานมีลูก แล้วตอนนี้เป็นยังไงล่ะ ได้เมียมา 1 ลูกอีก 2 ข้าก็ว่ามันก็ดีนะ หรือเจ้าว่าไม่ใช่” เซียวหลาง“เหอ ๆ ถ้าเจ้าว่าดีมันก็ดีล่ะนะ หากเจ้าคิดว่าไม่ดีก็ไม่ดี” ม่อถู“วันนี้ฮูหยินคงทำอาหารเยอะมาก ข้าจะได้กินของอร่อยอีกแล้ว เสียใจกับเจ้าด้วยนะเซียวหลาง" ม่อถูพูดออกมา“เสียใจ? เสียใจกับข้าทำไม แล้วทำไมจะต้องเสียใจด้วย”“อ้าว ก็เจ้ามีภรรยามีลูกแล้วเจ้าก็ต้อ
เหลือเวลาอีกไม่มากก็จะเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว นับตั้งแต่ไป๋หย่งเต๋อเดินทางมาที่หมู่บ้านป่าหมอกเวลาก็ผ่านไปแล้วกว่าสองเดือน ตอนนี้ถึงเวลาที่เขาจะต้องเดินทางกลับเมืองหลวงแล้ว ถึงแม้ว่าใจของเขาจะไม่อยากกลับไปก็ตามทีแต่เพราะมีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบทำให้เขาไม่สามารถอยู่ที่หมู่บ้านป่าหมอกแห่งนี้ได้ การที่เขาได้อยู่ที่นี่ในหมู่บ้านแห่งนี้เขาได้เห็นอะไรหลาย ๆ อย่างที่แตกต่างจากเมืองหลวง วิถีชีวิตที่เรียบง่ายของชาวบ้าน การแสดงน้ำใจโอบอ้อมอารีต่อกัน ซึ่งหาไม่ได้เลยในสังคมเมืองหลวง“ท่านลุงจะกลับเมืองหลวงพรุ่งนี้หรือเจ้าคะ” ฉีหลินที่ออกมาจากการฝึกตนพอดี ถามไป๋หย่งเต๋อ“ใช่แล้วล่ะหลินเอ๋อร์ ลุงเองก็ไม่อยากกลับไปหรอก เอาไว้ลุงจะลาออกแล้วมาอยู่ที่นี่ดีกว่าอยู่เมืองหลวงตั้งเยอะ อากาศที่นี่ก็ดีมากเลย ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ลุงรู้สึกว่าตัวเองแข็งแรงขึ้นกว่าเดิมมาเลย ขอบใจเจ้าที่ดูแลลุงอย่างดีนะ”“ข้ายินดีและเต็มใจเจ้าค่ะ แค่ท่านลุงมีความสุขก็ดีแล้ว ข้าเองก็ขอบคุณท่านลุงด้วยเช่นกันเจ้าค่ะที่สั่งสอนเจ้าลิงแสบทั้งสองคนนั้นเป็นอย่างดี นี่สถานศึกษาก็ใกล้จะสร้างเสร็จแล้ว ไม่รู้ว่าพี่อี้ถังหาอาจารย์มาประจำที่นี
หลังจากผ่านงานเลี้ยงต้อนรับและถือว่าเป็นงานเลี้ยงส่งกลาย ๆ แล้ว เช้าวันต่อมาไป๋หย่งเต๋อเดินทางกลับเมืองหลวงพร้อมด้วยรถม้าที่อัดแน่นไปด้วยของฝากจากหมู่บ้านป่าหมอก เหวินหนิงได้แต่อิจฉาเพื่อนองครักษ์อย่างม่อถูและเซียวหลางโดยเฉพาะเซียวหลางนั้นแต่งงานมีภรรยาและลูกชายแล้วถึงแม้ว่าภรรยาของเขาจะไม่ได้เป็นสาวแรกแย้มแต่ใครจะไปสนใจกัน ลูกชายน่ารักถึงเพียงนั้น ถึงแม้ว่าลูกชายคนโตจะโตมากไปหน่อยแต่ทว่าเจ้าเด็กนั่นกลับเรียกเซียวหลางท่านพ่ออย่างเคารพรักทุกครั้งเหวินหนิงมาย้อนมองตัวเองว่าเขาเองก็อายุมากขนาดนี้แล้วยังจะหาเมียได้อยู่อีกหรือ มันน่าเศร้าใจจริง ๆ ด้วยงานของพวกเขาเป็นงานที่เสี่ยงอันตรายพอสมควรหากแต่คิดจะมีครอบครัวแล้วจะต้องคิดให้หนักจะมีสตรีใดที่ยอมมาอยู่กับคนที่ทำงานเช่นพวกเขากันคนที่จะต้องกลับไปก็กลับไปแล้ว ส่วนคนที่มาถึงก็มาถึงแล้วเช่นเดียวกัน เพราะมาถึงตอนที่สถานศึกษายังก่อสร้างไม่เสร็จจึงทำให้พวกเขาทั้งสามคนนอกจากจะสอนลูกชายฝาแฝดของสหายแล้วยังต้องกลายไปเป็นแรงงานในสวนอีกด้วย แต่นับว่าชีวิตชาวสวนไม่ได้แย่เท่าไหร่“ท่านพี่ พี่อี้ถังพาสหายไปช่วยตัดผักท่านว่ามันจะดีจริง ๆ หรือ” ฉีหลิน“
หลังจากที่สหายทั้งสามคนของไป๋อี้ถังตัดสินใจว่าจะย้ายมาอยู่ที่หมู่บ้านป่าหมอกเป็นการถาวร วันรุ่งขึ้นหยางเทียนฉีได้พาทั้งสามคนไปที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้านอย่างจางสง เพื่อทำการซื้อที่ดินรกร้าง จากเดิมที่เมื่อก่อนมีชาวบ้านย้ายออกไปจากหมู่บ้านหลายครอบครัว และตอนนี้ก็มีคนย้ายเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านหลายครอบครัวเช่นเดียวกัน จางสงเองก็ดีใจที่หมู่บ้านของตัวเองขยายใหญ่ขึ้นและเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีต่อไปหมู่บ้านป่าหมอกจะมีสถานศึกษา ลูกหลานชาวบ้านจะได้ศึกษาหาความรู้ไม่ต้อเดินทางเข้าไปถึงในเมืองอีกทั้งค่าใช้จ่ายไม่นับว่าแพงมากจนชาวบ้านธรรมดาไม่สามารถนำมาเป็นค่าใช้จ่ายให้ลูกหลานได้ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วต้องขอบคุณบ้านตระกูลหยางเพราะตั้งแต่ที่พวกเขาย้ายเข้ามาอยู่ที่หมู่บ้านป่าหมอกแห่งนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น หลังจากซื้อที่ดินเสร็จแล้วก็ทำการจ้างชาวบ้านเพื่อแผ้วถางที่ดิน ที่ทั้งสามคนซื้อนั้นอยู่ติดกับสถานศึกษาและไร่ตระกูลหยาง หลังจากจ่ายเงินค่าที่ดินเสร็จแล้ว ตอนนี้แต่ละคนมีที่ดินเป็นของตัวเอง 20 หมู่ จางสงทำการเรียกประชุมชาวบ้านอีกครั้งเพื่อแจ้งให้ชาวบ้านที่ต้องการทำงานได้มาลงชื่อทำ
หลังจากกินมื้อเช้าเสร็จแล้วเฟยเทียนกับจวินตั๋งก็เตรียมตัวเข้าป่าทันที ป่าแห่งนี้นับว่ามีความอุดมสมบูรณ์อยู่มาก ชาวบ้านในบ้านเหอมู่นั้นมีอาชีพเพาะปลูกเสียส่วนใหญ่ หากมีเวลาว่างถึงจะเข้าป่าล่าสัตว์กันสักครั้ง สภาพความเป็นอยู่ของชาวบ้านในหมู่บ้านนี้นับว่าดีกว่าหมู่บ้านป่าหมอกอยู่มาก ด้วยพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นดินดีอุดมสมบูรณ์พืชพรรณเจริญงอกงาม ผลผลิตหลังการเก็บเกี่ยวนับว่ามากพอสมควรแต่ยังมีครอบครัวที่มีที่ดินทำกินเพียงน้อยนิดและสมาชิกในครอบครัวมีหลายคนทำให้อาหารไม่เพียงพอ จึงต้องผันตัวเข้าป่าหาของป่าขายหรือนำมากินภายในครอบครัว ทุกหมู่บ้านนั้นย่อมมีครอบครัวที่ยากจนอยู่ทุกหมู่บ้าน เฟยเทียนและจวินตั๋งเดินเข้าป่ามาได้ไม่นานก็พบเข้ากับฮุ่ยเจียงและฮุ่ยหมิงสองพี่น้องบ้านใหญ่หยาง ถึงตระกูลหยางของฮุ่ยเหอนั้นนับว่าเป็นอีกครอบครัวหนึ่งที่มีความเป็นอยู่ที่ดีมากในระดับหนึ่งของหมู่บ้าน แต่สองพี่น้องไม่เคยเกียจคร้านเพราะพวกเขามีพ่อและลูกเมียที่ต้องดูแล ยิ่งตอนนี้ครอบครัวของเขาไม่เหมือนเดิมแล้ว แต่นับว่าเป็นเรื่องดีอย่างน้อย ๆ ท่านพ่อของพวกเขายังคิดได้และปรับปรุงตัวเอง แต่ท่านแม่และน้องสาวของพวกเขานั้นถ
หลังจากที่เฟยเทียนและจวินตั๋งออกจากป่าลึก ทันทีที่พวกเขากลับมาถึงบ้านทั้งสองคนทิ้งตัวลงนอนในลานบ้านอย่างเหนื่อยอ่อน เฟยเทียนนั้นถึงแม้ว่าร่างกายของเขาจะแข็งแรงมากแต่ด้วยความที่ตื่นเต้นดีใจไปกับสหายของเขาที่พบกับสมุนไพรหายากอีกทั้งยังมีราคาแพงอีกด้วย เมื่อสหายดีใจเขาก็ดีใจไปกับสหายด้วย เมื่อสหายตื่นเต้นและดีใจจนแข้งขาอ่อนเขาก็ดีใจจนแข้งขาอ่อนด้วย เพราะครั้งนี้เขาเองก็มีสมุนไพรหายากเช่นเดียวกับสหาย“เฟยเทียนข้าไม่ได้ฝันไปจริง ๆ สินะ ต่อไปนี้ข้าจะมีเงินเพื่อใช้จ่ายในมือมากขึ้น ข้าจะมีเงินให้ลูกชายเรียนหนังสือ ลูกเมียข้า ท่านพ่อและท่านแม่ของข้าจะมีชีวิตอยู่กันอย่างสบายไปหลายปีหากใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็น”“ใช่แล้วเจ้าไม่ได้ฝันไปหรอกนะ ต่อไปนี้ชีวิตของเจ้าก็จะดีขึ้นแล้ว เจ้าสมควรกินให้อิ่ม นอนให้หลับจะได้มีแรงทำงานในวันต่อไป เมียข้าบอกว่าหากท้องไม่อิ่มจะเอาแรงที่ไหนไปทำงาน หากปล่อยให้ตัวเองหิวมาก ๆ จะขาดสติยั้งคิดและบางครั้งอาจจะเผลอทำเรื่องไม่ดีก็ได้”“ข้ารู้แล้ว ข้าจะเชื่อน้องสะใภ้ ข้าจะกินให้อิ่มนอนให้หลับ ข้าจะขยันให้มากกว่านี้ ข้าเชื่อว่าเราจะไม่อดตายหากเราไม่เกียจคร้าน”ในตอนที่ทั้งสอง
เช้าวันต่อมาจวินตั๋งมาหาเฟยเทียนที่บ้านตามเวลาที่ได้นัดหมายกันเอาไว้ จากนั้นทั้งสองคนก็รีบเข้าเมืองไปทันที จวินตั๋งตื่นเต้นมากเขาไม่รู้ว่าเห็ดหลินจือดำดอกนี้จะขายได้เท่าไหร่อายุของมันไม่ใช่น้อย ๆ เลย“ข้าตื่นเต้นมากเลยเมื่อคืนถึงกับนอนไม่หลับ ไม่ใช่เพียงแค่ข้านะท่านพ่อท่านแม่และภรรยาข้าเองก็นอนไม่หลับท่านพ่อเองระแวงว่าจะมีใครมาแย่งชิงมันไปจากพวกเรา จนถึงขั้นไม่หลับไม่นอนเลยทีเดียว พอข้าออกเดินทางมาหาเจ้าท่านพ่อยังกำชับแล้วกำชับอีกกลัวข้าทำหาย ไม่รู้ว่าป่านนี้ท่านพ่อจะเข้านอนแล้วหรือยัง”“ฮ่า ๆ อีกหน่อยก็ชินไปเองล่ะ ตอนแรกที่ภรรยาของข้าได้เห็ดหลินจือมาถึงแม้ว่าตอนนั้นมันจะอายุแค่ 100 ปี ท่านพ่อของข้ายังยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูกเลยล่ะ”“เจ้าเองวันนี้ก็ต้องดูแลข้าดี ๆ นะเฟยเทียน ข้าอาจจะดีใจจนหัวใจวายตายไปเลยก็ได้นะ ข้าไม่รู้เช่นกันว่ามันจะราคาเท่าไหร่ แต่อย่างน้อย ๆ มันก็จะทำให้ฐานะทางการเงินของบ้านข้าดีขึ้นมากเลยล่ะ”“ได้สิ ข้าจะดูแลเจ้าเป็นอย่างดี เจ้าวางใจได้มีข้าอยู่ทั้งคน”วันนี้พวกเขาเข้าเมืองโดยเกวียนของเฟยเทียน สืออีและสือเอ้อร์ยังทำหน้าที่ลากเกวียนของมันเป็นอย่างดี ตั้งแต่ที่พวกมันทั
เฟยเทียนกลับมาถึงบ้านเขากินอาหารเช้าอย่างรีบร้อนเพราะมันเลยเวลามามากแล้ว ในบ้านจึงมีเพียงเขาคนเดียวที่ยังไม่ได้กิน จากนั้นเขาและภรรยารวมถึงน้องชายก็ขับเกวียนมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านเหอมู่ทันทีจวินตั๋งที่ขับเกวียนออกมาจากบ้านของเฟยเทียนนั้นเขามาดักรอเกวียนที่มาส่งข้าวและพวกเครื่องเทศ ส่วนเกวียนของเขามีเพียงเสื้อกันหนาว ฟูกนอนและผ้าพับสำหรับตัดชุดและยังมีผ้าบาง ๆ เหมือนตาข่ายที่เฟยเทียนซื้อเอาไว้บอกว่าจะนำมาทำที่ใส่เนื้อผลงิ้วอยู่อีกหลายพับเมื่อเกวียนที่นำข้าวมาส่งวิ่งมาถึงจุดที่เขาดักรออยู่ เขาก็ขับเกวียนนำหน้าเกวียนร้านขายข้าวไปทันที เมื่อมาถึงหมู่บ้านเหอมู่ โชคดีที่เขาไม่พบชาวบ้านสักคนทำให้ไม่ต้องตอบคำถามของใคร เกวียนทั้งสองเล่มวิ่งตามกันไปจนถึงบ้านของจวินตั๋ง เขานำเกวียนของตัวเองเข้าไปจอดในบ้านก่อน จากนั้นจึงมาช่วยคนงานร้านขายข้าวสารขนของลงจากเกวียนโดยมีเมิ่งจวื้อจวินผู้เป็นพ่อช่วยยกของลงจากเกวียนเช่นเดียวกัน ส่วนพวกผ้าพับและเสื้อกันหนาวนั้น ภรรยาและท่านแม่ของเขาเอาเข้าไปเก็บในบ้านเมื่อขนข้าวของทุกอย่างลงหมดแล้ว ต่อมาพวกเขาก็ช่วยกันยกเข้าไปเก็บในห้องเสบียง ข้าวของที่ซื้อมาวันนี้พวก
ในตอนที่ประมุขมารได้ตายไปพร้อมกับดวงจิตที่แตกสลาย แต่ทว่ากลับไม่ได้แตกสลายไปทั้งหมด ยังมีดวงจิตอีกเสี้ยวได้หลุดลอยไปเกิดใหม่ในอีกภพชาติหนึ่ง เกิดใหม่เป็นมนุษย์ธรรมดาไม่สามารถระลึกชาติได้ ไม่มีความสามารถพิเศษอะไร เพียงใช้ชีวิตเรียบง่ายเพียงเท่านั้น นี่คือสิ่งที่ประมุขมารร่ำร้องขอความเมตตาจากสวรรค์ก่อนที่เข้าจะแหลกสลายไปหวังฉีหลินและเฟยเทียนกลับถึงหมู่บ้านป่าหมอก ทุกอย่างนางไม่คิดว่าจะง่ายดายถึงเพียงนี้ ในที่สุดประมุขมารก็คิดได้เสียที และหวังว่าพรที่นางและสามีร้องขอกับท่านมหาเทพนั้นจะทำให้ประมุขมารไปเกิดใหม่ในภพภูมิที่ดี มีความสุขและมีภรรยาที่รักเขามากแล้วก็ขอให้ทั้งสองคนเป็นคู่ด้ายแดงทุกภพทุกชาติไป นี่เป็นสิ่งเดียวที่นางและสามีทำได้หลังจากที่หมดปัญหา หมดสงคราม ทุกคนก็ใช้ชีวิตกันอย่างสงบสุข แคว้นหลงอยู่ในยุคที่เจริญรุ่งเรือง ประชาชนอยู่ดีกินดี และข่าวการกลับมาขององค์ชายแปดผู้หายสาบสูญ ตอนนี้ถูกแต่งตั้งเป็นชินอ๋อง ที่ดินศักดินาหมู่บ้านป่าหมอกและหมู่บ้านใกล้เคียงอีกสามหมู่บ้าน หวังฉีหลินทิ้งงานให้ลูกชายทั้งหลายแล้วหนีไปท่องเที่ยวกับสามี ทั้งสองคนออกไปท่องโลกกว้าง และมักจะนำผลไม้หรือพืช
หลังจากที่ประมุขมารได้รับสารท้ารบจากเฟยเทียน ทำให้เขาได้รู้ว่าต่อให้เวลาจะผ่านไปนานสักแค่ไหนบุรุษผู้กระหายสงครามและพร้อมจะทำลายศัตรูตรงหน้าให้ย่อยยับได้ทุกเมื่ออย่างแม่ทัพสวรรค์ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยถึงแม้ในชาติภพนี้เขาจะลงมาจุติในดินแดนของมนุษย์แต่ความสามารถของเขายังติดตัวมานั่นไม่ใช่เรื่องโกหก ถึงแม้มหาเทพจะไม่ค่อยชอบหน้าลูกเขยสักเท่าไหร่ แต่มหาเทพผู้รักลูกสาวยิ่งกว่าสิ่งใดย่อมไม่มีทางให้นางลำบากส่วนมารอย่างตัวเขาเล่าทำอันใดได้บ้าง เป็นเขาเองที่ไปตกหลุมรักนางข้างเดียว เป็นเขาเองที่ยึดมั่นถือมั่น เป็นเขาเองที่ไม่ยอมปล่อยวาง เขารู้ตัวเองดีด้วยพลังของตัวเขาเองยังไม่ฟื้นคืนกลับมาทั้งหมด ต่อให้สู้จนตัวตายก็ไม่สามารถเอาชนะทั้งสองได้ถึงแม้จะเอาชนะแม่ทัพสวรรค์ได้แล้วธิดามหาเทพจะชายตาแลเขาหรือก็ไม่ นางไม่เพียงไม่ชายตาแลหากแต่นางคงแก้แค้นเขาที่ทำให้สามีของนางต้องมีอันเป็นไป นอกจากจะไม่ได้ความรักแล้วสิ่งที่ได้กลับมาคือความเกลียดชังต่างหากที่นางจะหยิบยื่นให้เขาแล้วเหตุใดเขาถึงได้หน้ามืดตามัวเช่นนี้อยู่ถึงแสนปี ประชาชนเผ่ามารล้วนล้มตายไปตั้งเท่าไหร่ น้องชายคนเดียวของเขาที่เฝ้าเตือนสติเขาอยู่ตลอด
เวลาผ่านไปแล้วนับเดือน ตอนนี้กองกำลังที่ฉีหลินฝึกฝนขึ้นมาก็ออกจากด่านกักตนกันทุกคนแล้ว เวลานี้ฉีหลินกับสามีพร้อมด้วยเหล่าสัตว์เทพพร้อมไปเยือนเผ่ามารแล้วเฟยเทียนเองก็เห็นสมควรว่าไม่ควรปล่อยเวลาให้ยืดเยื้อไปมากกว่านี้ หลังจากจบปัญหานี้ได้เท่ากับภารกิจของภรรยาได้เสร็จสิ้นลงเช่นกัน ต่อจากนี้ไปพวกเขาสามีภรรยาจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเสียทีหลังจากกำหนดวันเคลื่อนพลได้แล้วฉีหลินก็ให้ทุกคนได้พักผ่อนให้เต็มที่ และเตรียมข้าวของที่จำเป็นใส่ลงในแหวนมิติให้เรียบร้อย ทั้งอาหารการกิน ยารักษาต่าง ๆ ทุกคนต่างเตรียมไปให้พร้อมสรรพ ด้วยศึกครั้งนี้อีกฝ่ายคือเผ่ามารไม่รู้ว่าจะมีฝีมือร้ายกาจขนาดไหน แต่พวกเขาเชื่อมั่นในตัวนายท่านและนายหญิงว่าจะนำพาพวกเขากลับบ้านมาอย่างปลอดภัยเฟยจิน เฮ่ออี และฮั่นเหวินไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการรบในครั้งนี้ ลูก ๆ ของเฟยเทียนทุกคนก็เช่นเดียวกัน ส่วนสัตว์เทพที่คอยดูแลความปลอดภัยที่หมู่บ้านป่าหมอกมีเพียงต้าเซี่ยกับเสี่ยวเสวียนอู่เพียงสองตัวเท่านั้นส่วนเสี่ยวหลาง เสี่ยวหู่ เสี่ยวเฮย เสี่ยวรุ่ยจื่อ และพี่ใหญ่อย่างจินหลงล้วนเข้าร่วมการรบในครั้งนี้ คนที่กระตือรือร้นมากที่สุดคื
ไป๋อี้ถังผู้โสดสนิท ครองตัวเป็นผู้บริสุทธิ์ประหนึ่งนักพรตผู้ทรงศีล อีกทั้งรังเกียจสตรีมากเล่ห์ หลังจากออกจากด่านกักตนมา เขาก็ต้องตั้งหน้าตั้งตาสั่งสอนลูกศิษย์ในสำนัก ไม่มีภรรยาและบุตรให้ดูแล เวลาทั้งหมดที่มีนอกจากฝึกฝนพลังปราณแล้ว เวลาส่วนที่เหลือเขาจึงเคี่ยวเข็ญลูกศิษย์ในสำนักศึกษาด้วยความเข้มงวดในเวลาต่อมา อาจารย์ใหญ่ไป๋อี้ถังจึงมีฉายาว่า อาจารย์ใหญ่จอมโหด หากใครไม่ทำการบ้านมาส่งก็จะโดนลงโทษให้ไปวิ่งรอบสถานศึกษา อีกทั้งยังจะต้องทำการบ้านในครั้งหน้ามากกว่าคนอื่นสองเท่าเท่านั้นยังไม่พอ ยังต้องเขียนจดหมายสำนึกผิดอีก 100 จบ และไปเก็บมูลทำความสะอาดคอกของสือเอ้อร์กับสืออีแทนคนงานในไร่ แถมยังต้องถูกเจ้าสือเอ้อร์กับสืออีกลั่นแกล้งจนหน้าทิ่มกองอึอีก ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีใครกล้าไม่ทำการบ้านอีกเลยวันนี้เป็นวันที่ไป๋อี้ถังว่างมาก มากที่สุด วันนี้เป็นวันหยุดของสถานศึกษา ไป๋อี้ถังจึงคิดว่าจะไปเดินเล่นที่ตลาดในเมือง และหาซื้อพู่กันกับแท่นฝนหมึกเพิ่มเพราะเท่าที่เขามีอยู่ตอนนี้ใช้ไปจนเกือบจะหมดแล้วจากนั้นเขาตั้งใจว่าจะชวนสหายทั้งสามของเขาไปด้วยกัน แต่กลับไม่มีใครไปเพราะแต่ละคนต้องการอยู่กับภรรยาแ
หลังจากที่เฟยเทียนกับฉีหลินเดินทางกลับมาถึงหมู่บ้านป่าหมอกพร้อมลูกชายและเหล่าสหาย หนึ่งเดือนให้หลังเฟยจินก็กลับมาพร้อมกับฮั่นเหวินและเฮ่ออี หลังจากเข้าเฝ้าฮ่องเต้และรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดน รวมถึงส่งรายชื่อหนอนให้กับเบื้องบนแล้ว ตัวเขาเองก็หมดหน้าที่ ตอนนี้สงครามสงบลงแล้ว ทั้งสามจึงได้ยื่นหนังสือขอลาพักกลับบ้านเกิดเพื่อเยี่ยมบิดามารดาไป๋อี้ถังและสหายทั้งสามจะเข้าด่านกักตนเพื่อฝึกฝนในอีก 3 วันข้างหน้า โดยผู้ที่จะรับหน้าที่สั่งสอนศิษย์ในสถานศึกษาก็คือราชครูไป๋หย่งเต๋อที่เดินทางตามหลังเฟยจินได้เพียง 7 วันนอกจากไป๋หย่งเต๋อแล้วยังมีไป๋เจิ้นกั๋วเจ้ากรมอาญา เดินทางมาพร้อมกับไท่ปิงองครักษ์ประจำตัว นับเป็นการรวมตัวกันระหว่างองครักษ์เลยก็ว่าได้ เซียวหลางตัดสินใจแต่งงานและติดตามไป๋อี้ถัง ม่อถูเองก็เช่นเดียวกัน มีเพียงไท่ปิงเท่านั้นที่มีหน้าที่ดูแลไป๋เจิ้นกั๋วที่เมืองหลวงไท่ปิงเองก็อยากจะมีชีวิตเฉกเช่นสหายทั้งสองบ้าง เขาเองก็คงต้องเร่งฝึกองครักษ์ขึ้นมาใหม่เพื่อจะได้ทำหน้าที่แทนเขา ส่วนตัวเขาเองจะตามมาตั้งรกรากที่หมู่บ้านป่าหมอกแห่งนี้ตามสหายทั้งสองคนวันนี้ฉีหลินเรียกประชุมหน่วยลับที่เป
เฟยเทียนพาภรรยามุ่งหน้ากลับหมู่บ้านป่าหมอกทันที หลังจากจัดการทั้งสองแคว้นเรียบร้อยแล้ว และด่านสุดท้ายของภารกิจในครั้งนี้ก็คือจัดการกับเผ่ามารให้เด็ดขาด หากไม่กำจัดประมุขเผ่ามารเสียตอนนี้ ไม่แน่ว่าวันข้างหน้าก็จะเกิดปัญหาเช่นนี้อีก มีเพียงกำจัดประมุขมารให้ได้เท่านั้นทุกคนจะได้ไม่เดือดร้อน ตอนนี้มีข่าวส่งว่าอ๋องมารน้องชายเพียงคนเดียวของประมุขมารได้หนีออกจากเผ่ามารไปตั้งรกรากที่อื่นแต่เดิมอ๋องมารก็ไม่เห็นด้วยกับประมุขมารเรื่องยึดดินแดนมนุษย์ แต่ไหนเลยประมุขมารผู้เป็นพี่ชายจะยอมฟัง ในเมื่อมันเป็นความแค้นใจที่มีต่อธิดามหาเทพและสามี ต่อให้อีกนับล้านปีประมุขมารก็วางความแค้นในใจลงไม่ได้“ไม่รู้ว่าเจ้าสามแสบจะทำเรื่องปวดหัวให้ท่านพ่อกับท่านปู่มากมายเพียงใด โดยเฉพาะลูกสาวของท่านพี่ ป่านนี้ไม่ใช่พี่อี้ถังปวดหัวจนผมขาวหมดหัวแล้วหรือเจ้าคะ”“ฮ่า ฮ่า ไม่ขนาดนั้นกระมัง ลูกสาวของเราออกจะน่ารัก อีกอย่างพี่อี้ถังก็ไม่ใช่ว่าจะรับมือไม่ได้เลยนี่นะ”“ท่านพี่ก็เข้าข้างนางตลอดล่ะเจ้าค่ะ อีกหน่อยนางก็เสียคนพอดี”“ไม่ใช่ว่านางกลัวท่านแม่อย่างเจ้าอยู่หรอกหรือ เอาน่าลูกยังเด็กอยู่ยังไม่รู้ความ มีพวกต้าเซี่ยอย
ในท้องพระโรงตอนนี้เต็มไปด้วยเสียงร้องไห้คร่ำคราญของบรรดาองค์หญิงและเหล่าสนมของฮ่องเต้ ส่วนเหล่าองค์ชายนั้นในใจต่างคิดว่าพวกเขาจบเห่แล้วคราวนี้ ยังไม่ทันได้ลงมือช่วงชิงตำแหน่งรัชทายาทแต่เสด็จพ่อกลับทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่ ตอนนี้คนของแคว้นหลงบุกมาจัดการพวกเขาถึงในวังหลวงแห่งนี้ เช่นนั้นที่ชายแดนก็คงจะพ่ายแพ้เช่นเดียวกัน“มีอะไรจะพูดหรือไม่ แต่เอาจริง ๆ ไม่ต้องพูดหรอกเสียเวลา ข้าเข้าใจ เสี่ยวเฮยจัดการด้วยล่ะ เอาให้สะอาด” ฉีหลิน“จัดการให้เรียบร้อยจะได้รีบไปจัดการต่อ ข้าอยากกลับบ้านคิดถึงลูก” เฟยเทียนฮ่องเต้แคว้นอู๋มองดูสองสามีภรรยาสั่งงานเจ้าบุรุษชุดดำด้วยความไม่เข้าใจ อะไรคือจัดการให้เรียบร้อย อะไรคือเอาให้สะอาด พูดจาให้คนฟังแล้วไม่เข้าใจก็ช่างเถอะ แต่ช่วยเห็นหัวเขาหน่อยจะได้หรือไม่“อ้อ เสี่ยวเฮย ช่วยปล่อยฮองเฮากับองค์ชายและองค์หญิงที่เกิดจากพระนางด้วย มีคนต้องการพบพวกเขา”“ได้ จะจัดการให้เดี๋ยวนี้”“ขอบใจ ท่านพี่ไปกันเถอะเจ้าค่ะ เรายังมีอะไรที่ต้องทำต่อ”“อืม เสี่ยวเฮยจัดการให้เรียบร้อยอย่าให้เล็ดลอดออกไปได้แม้แต่คนเดียวเข้าใจหรือไม่”เฟยเทียนเดินตามหลังภรรยาออกไปจากท้องพระโรง ท่าม
ในวันที่ฉีหลินกับเฟยเทียนตัดสินใจลักลอบเข้าวังหลวงแคว้นอู๋ ทางชายแดนแม่ทัพแคว้นอู๋ตัดสินใจนำทัพเข้าบุกแคว้นหลงทันทีโดยมีทัพมารเข้ามาแทรกแซงทำให้กำลังทหารของทางฝั่งแคว้นอู๋มีจำนวนเพิ่มมาหลายพันคนในเมื่อเผ่ามารมือยืดมือยาวถึงเพียงนี้ เสี่ยวเฮยเองก็ย่อมลิ้นยืดลิ้นยาวได้เช่นเดียวกัน ในตอนแรกที่เสี่ยวเฮยยังไม่ได้กลับไปอยู่ในร่างของมังกรทมิฬนั้น ย่อมไม่มีใครเกรงกลัวแต่หลังจากเผ่ามารเข้ามาแทรกแซงทำตัวเป็นกำลังเสริมให้กับแคว้นอู๋ เสี่ยวเฮยจึงเห็นว่าไม่ควรจะปิดบังตัวเองอีกต่อไป มันจึงได้กลับร่างเป็นมังกรทมิฬขนาดใหญ่กว่าที่เผ่ามารจะได้รู้ความจริงก็โดยกินไปจนเกือบหมดเสียแล้ว ยิ่งกลืนกินสิ่งชั่วร้ายไปมากเท่าไหร่ขนาดตัวของเสี่ยวเฮยก็ขยายขึ้นใหญ่มากเท่านั้น ตอนนี้ที่กำลังทหารของแคว้นอู๋เห็นเสี่ยวเฮยกำลังกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อยอยู่นั้น ก็ตัดสินใจกันแล้วว่าจะหนีเอาตัวรอดถึงแม้ว่าแม่ทัพจะไม่สั่งถอยทัพแต่ใครก็ย่อมกลัวตาย ต่างคนต่างรักชีวิตของตัวเองเมื่อคิดได้เช่นนั้นก็ทิ้งอาวุธออกวิ่งทันทีส่วนเสี่ยวเฮยที่กินเผ่ามารไปแล้วยังรู้สึกว่าไม่อิ่มเท่าไหร่ ต่างจ้องมองไปที่กำลังทหารของแคว้นอู๋ด้วยสายตาวาววั
ในขณะที่ฉีหลินกับเฟยเทียนเข้าไปในแคว้นอู๋อย่างราบรื่น ตอนนี้พวกเขาหาที่พักในเมืองหลวงของแคว้นอู๋ได้เรียบร้อยแล้ว ทั้งสองคนปลอมตัวเป็นตายาย เปิดร้านขายบะหมี่ในตลาดนับว่าเป็นงานที่ท้าทายมากสำหรับเฟยเทียน งานขายบะหมี่นี้เขารับหน้าที่เป็นคนทำบะหมี่ ส่วนภรรยาอย่างฉีหลินนั้นทำหน้าที่เก็บเงิน ส่วนผู้ติดตามทำหน้าที่เสี่ยวเอ้อร์ พวกเขาเช่าร้านบะหมี่ต่อจากเจ้าของเดิมที่เก็บของเตรียมตัวย้ายไปอยู่กับลูกชายที่บ้านเกิดในระหว่างที่ท่านพ่อและท่านแม่ไปทำหน้าที่ทำภารกิจเพื่อความสงบสุข แต่ลูกน้อยทั้งสามคนที่หมู่บ้านป่าหมอกนั้นไม่ค่อยให้ความร่วมมือกับ 3 คนแก่ที่บ้านสักเท่าไหร่ ไป๋อี้ถังเองยังไม่สามารถรับมือกับหลานน้อยทั้งสามคนได้ เขาไม่เคยคิดว่าเขาจะอับจนหนทางถึงขนาดนี้ เจ้าสามคนนี่เกิดมาเพื่อสร้างความปั่นป่วนจริง ๆ“ท่านยุงถัง อันนี้ฉือไร” ฟางเซียน“หนังสือวรยุทธ์เบื้องต้น” ไป๋อี้ถัง“ท่านยุงถัง ฉอน เซียนเอ๋อร์ยักเรียน”“ฟางเซียนลุงว่าตอนนี้เจ้าไปนอนกลางวันกับน้องชายทั้งสองของหลานดีหรือไม่ เอาไว้รอให้เจ้าโตกว่านี้ลุงจะสอนให้ทุกอย่างเลย ต้าเซี่ย มาพาคุณหนูของเจ้าไปนอนกลางวันได้แล้ว”“แต่เซียนเอ๋อร์ไม่