รอยน้ำเจิ่งนองบริเวณหน้าบ้านทำให้ต้องชะงักเท้าอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะมองหาสาเหตุ แพรดาวกวาดสายตาไปทั่วหน้าบ้านสองชั้นหลังเล็กที่อยู่เข้ามาในซอยประมาณห้าร้อยเมตร ร่างชายชราวัยหกสิบเจ็ดปีก้มๆเงยๆอยู่บริเวณแปลงปลูกดอกไม้เล็กๆหน้าบ้าน ปลายสายยางอยู่ในอ่างบัวน้ำล้นจนมีปลาหางนกยูงออกมานอนดิ้นเล่นน้ำอยู่บนพื้นดินเฉอะแฉะ
“น้ำท่วมแล้วคุณตา”
แพรดาวรีบสาวเท้าเดินเข้าไปปิดก๊อกน้ำ ชายชราหันมามองทำหน้าเหรอหราแต่ยิ้มให้จนเห็นฟันหลอซี่หน้า
หญิงสาวรวบกระโปรงยาวคลุมเข่าสีดำก่อนทรุดตัวลงนั่งยองๆข้างๆ ชายชราที่กำลังสาละวนกำการย้ายต้นไม้ในกระถางลงดิน จนเผลอลืมดูน้ำที่เปิดใส่อ่างบัว มือหยาบและเหี่ยวย่นค่อยๆช้อนปลาหางนกยูงตัวน้อยนอนดิ้นรนบนพื้นดินกลับสู่พื้นน้ำดังเดิม คุณตาทำเหมือนไม่มีเธออยู่ใกล้ดูแลต้นไม้ใบหญ้าของตาต่อไป
“คุณตาบรรพต คะ”
บรรพตคือชื่อคุณตาเจ้าของบ้านเช่าที่แสนใจดี เรียกไม่ดังนัก แต่เหมือนคุณตาจะไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้แต่ยิ้มเหงาๆ แล้วลุกขึ้นเดินเข้าบ้านเช่าของตัวเอง บ้านสองหลังปลูกใกล้กันในเนื้อที่บริเวณเดียวกัน หลายปีก่อนที่แม่ตระเวนหาบ้านเช่าราคาถูกจนมาเจอสองตายายที่อยู่กันตามลำพัง นานๆลูกหลานจะมาเยี่ยมสักครั้ง คุณยายใจดีให้เธอกับแม่เช่าอยู่ด้วยราคาไม่สูงนักเพียงเดือนละแค่สามพันบาท ไม่รวมค่าน้ำค่าไฟฟ้า ทำให้เธอกับแม่ได้มีบ้านอยู่เสียที แม้ว่าจะเป็นบ้านเช่าก็ตาม แต่หลังจากนั้นไม่นาน คุณยายก็ล้มป่วยและจากไป พอคุณตาเหลือตัวคนเดียวก็กลายเป็นคนไม่พูดไม่จา ช่วงนั้นลูกหลานจะมารับปู่ไปอยู่ด้วยและขายบ้านทิ้งเสีย ตอนนั้นเธอกับแม่ก็เสียขวัญไม่น้อย เพราะกว่าจะหาบ้านเช่าราคานี้ได้ไม่ง่ายเลย แต่คุณตาไม่ยอมย้ายทำให้เธอกับแม่ยังมีที่ซุกหัวนอนถึงทุกวันนี้
“กลับมาแล้วเหรอลูกแพร” เสียงแม่ดังมาจากด้านหลัง แพรดาวยิ้มเหนื่อยๆ วันนี้ไปสมัครงานแต่เห็นแววแล้วว่าตัวเองอดแน่ๆ ซึ่งไม่ใช่ครั้งแรกที่กลับบ้านด้วยสภาพห่อเหี่ยวอย่างนี้ แม่พยักหน้ารับรู้แล้วหันไปสนใจกับจักรเย็บผ้าที่มีเสื้อผ้ารอซ่อมอยู่อีกสองกองใหญ่
“มีเงาะในตู้เย็นนะลูก” แม่เอ่ยขึ้นเข้าใจความรู้สึกของลูกสาว
“ค่ะแม่จ๋า”
แพรดาวเดินไปกอดแม่ที่นั่งอยู่หลังจักรเย็บผ้า หลายเดือนก่อนแม่ประสบอุบัติเหตถูกรถมอเตอร์ไซค์ชน บาดเจ็บสาหัส ต้องหยุดงานที่ทำในบริษัททำความสะอาดนานนับเดือน แม้จะกลับมาพักฟื้นที่บ้านแล้ว ร่างกายแม่ก็ยังไม่เหมือนเดิม เดินเหินไม่สะดวก เธอจึงทำงานแทนระหว่างที่ตัวเองยังหางานประจำอื่นไม่ได้
“อย่าคิดมาก” แม่ตบหลังมือลูกสาวเบาๆ
เสียงถีบจักรของแม่ดังขึ้นเรียกสติแพรดาวกลับมา เธอเผลอระบายลมหายใจก่อนหมุนตัวเดินเข้าบ้าน กี่ปีแล้วนะที่ผ่านพ้น ชีวิตที่ผ่านมาก็เพียงแค่เธอกับแม่สองคนมาตลอด ตอนที่ยังเด็กๆ เคยถามเรื่องพ่อ แม่ก็นิ่งเงียบและไม่เคยตอบอะไร แววตาเศร้าหมองของแม่ทำให้เธอไม่ซักไซ้อีก มีเธอกับแม่อยู่ แค่นี้ก็พอแล้ว
ที่บ้านกว่าจะกินมื้อเย็นก็เกือบกลายเป็นมือค่ำหลังทุ่มครึ่งทุกทีไป แต่แพรดาวต้องเตรียมอาหารวางไว้บนโต๊ะให้เรียบร้อยแล้วครอบไว้ด้วยฝาชี ที่ผ่านมาแม่ทำงานหาเลี้ยงเธอ งานในบ้านเธอจึงทำเองจนเคยชินแล้ว
ปฏิทินบอกเวลาผ่านมากว่าสี่ปีและอะไรๆในบ้านมันเปลี่ยนแปลงไปตั้งมากมาย แต่บ้านหลังน้อยที่แทรกอยู่มาเนิ่นนานแม้มีบริเวณบ้านบ้านไม่มากแต่ก็ถูกจัดแบ่งพื้นที่ให้ต้นไม้นานาชนิดของปู่ได้อยู่อาศัย
หลังจากการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของย่าด้วยโรคร้าย คุณปู่ก็คล้ายเป็นครอบครัวไปด้วย แม้คุณปู่จะไม่ได้ร่าเริงเหมือนตอนที่คุณย่ายังอยู่ แต่พอรู้ว่าแม่ของเธอต้องอยู่บ้านไปทำงานไม่ได้ ก็อนุญาตให้ยกจักรเย็บผ้าของคุณย่ามาใช้ทำมาหากิน มีรายได้เล็กๆน้อยๆ พอได้ซื้อข้าวสารกรอกหม้อ
หลายต่อหลายครั้งที่เกิดคำถามในใจ...และหลายต่อหลายครั้งที่เลิกค้นหาคำตอบ...แม่ยังสาวและสวยจะหาผู้ชายอีกสักคนก็ไม่ใช่เรื่องแปลกในสมัยนี้
แม่ก็ยังเลือกที่จะเป็นแม่จ๋าของเธอ แต่แม่รักพ่อขนาดไม่มีใครใหม่เชียวหรือ?
“ลูกแพร หนูไปดูคุณตาด้วยนะลูก ไม่รู้กินข้าวหรือยัง เมื่อตอนบ่ายเห็นลูกๆหลานๆมาเยี่ยม ซื้อของมาเยอะเชียว”
“ค่ะแม่จ๋า”
หญิงสาวเดินเร็วๆไปบ้านอีกหลังที่อยู่ห่างกันประมาณยี่สิบก้าว
“คุณตากินข้าวเย็นหรือยังคะ”
แพรดาวเดินไปเรียกคุณตาที่หน้าบ้าน บรรพตหันมายิ้มเห็นฟันหลอแต่มือหยาบใหญ่และเหี่ยวย่นกำลังตบดินบนพื้นให้แน่น ชายชราย้ายดาวเรืองมาปลูกที่หน้าบ้านหลังจากที่มันเบียดก่ออยู่ในกระถางใบเล็ก
“คุณตาเย็นแล้วนะคะ พรุ่งนี้ค่อยทำต่อเถิดค่ะ” เธอเข้าไปช่วยเก็บของ
“ไม่ได้หรอก ยายเค้าจะบ่นเอา”
คำพูดของคุณตาบรรพต ทำให้หญิงสาวชะงักแล้วส่งยิ้มให้ “คุณตากินอะไรหรือยังคะ”
“ยังไม่หิว”
“ไม่หิวก็ต้องกิน คุณยายสั่งให้แพรดูแลคุณตาให้กินข้าวครบสามมื้อ”
เธอยิ้มทะเล้น ได้ผล คุณตามองหน้าเธอยิ้มๆ หญิงสาวช่วยประคองคุณปู่เข้าบ้าน เห็นมีถุงใส่ของวางอยู่ เธอจึงช่วยเอาข้าวของในถุงใส่ตู้เย็น และเก็บตามที่ที่มันควรอยู่
“ทำไมยายไม่ให้ปู่ไปอยู่ด้วยนะ”
หญิงสาวใจหายที่ได้ยินแบบนั้น แต่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ยิน
“ถ้าคุณตาไม่อยู่ หนูแพรกับแม่ก็ไม่มีที่ซุกหัวนอนเหมือนกัน” เธอพูดไปตามตรง ลูกๆหลานๆของปู่อยากได้ที่แปลงนี้จะตายไป แต่คุณตาไม่ยอมย้ายออก จะเอาบ้านคืนก็ไม่ได้
แพรดาวดูแลคุณตาเสร็จแล้วก็เดินกลับบ้านหลังน้อยของตัวเอง ไม่ทันสังเกตว่ามีรถเก๋งคันหนึ่งจอดอยู่นานแล้ว เหมือนคนในรถมั่นใจแล้วว่าคนในบ้านจะอยู่เพียงลำพังจึงลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในบ้าน บิดประตูที่ไม่ได้ล็อกเข้าไปอย่างง่ายดาย ร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำพับแขนเสื้อถึงข้อศอกกวาดตามองไปรอบๆ แล้วถอนหายใจเหนื่อยๆ
ชายชรานั่งอยู่ที่เก้าอี้เอนหลัง รู้สึกตัวว่ามีคนเข้าก็ขยับตัวอย่างเกียจคร้าน จ้องมองคนที่ก้าวเข้ามายืนตรงหน้า“คุณเองรึ” เสียงแหบแห้งเอ่ยาถาม “ไม่ได้เจอนาน”“ความจำดีจริงๆ” ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งเอ่ยขึ้น ร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำพับแขนเสื้อถึงข้อศอก เข้ากับรองเท้าหนังที่สวมอยู่ การเดินเข้ามาราวกับคนคุ้นเคยทำให้อีกฝ่ายเลิกคิ้วเล็กน้อย“ไม่เจอกันกี่ปีแล้ว” บรรพตถอนหายใจอีกเฮือกหนึ่ง“ก่อนที่คุณยายจะเสีย” เขาตอบแล้วเลื่อนเก้าอี้มานั่งข้างๆ ปรายตามองออกไปทางหน้าต่างซึ่งมองเห็นบ้านเล็กๆ ใกล้ๆ กัน “บ้านหลังนั้นมีคนเช่าแล้วเหรอ”“อืม” คุณตาตอบเบาๆ “คุณผู้หญิงเป็นยังไงบ้าง”“สบายดีครับ” เขาตอบไปตามตรง “รักษาตัวเองหลายปี อาการดีขึ้น แต่ก็ยังไปหาหมอตามนัดสม่ำเสมอ”“ก็ดีแล้ว” คุณตาพยักหน้าเศร้าๆ อดีตเคยรุ่งโรจน์ ทรัพยสินเงินทองมากมาย แต่ครอบครัวกลับแตกแยก ลูกหลานไม่เหลียวแลสนใจแต่เงินในบัญชี มันคือผลกรรมจากการได้มาโดยมิชอบทั้งสิ้น“แล้วคุณ...ไปหาหมอหรือเปล่า”ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอ “ผมจัดการตัวเองได้”“ช่างเถอะ ผมยุ่งเรื่องของคุณหนูมากเกินไป”“ผมสามสิบแล้ว เลิกเรียกคุณหนูได้แล้ว” ชายหนุ่ม
“แม่บ้านค่ะ” หญิงสาวเอ่ยตอบ แต่สายจ้องไปที่ปิ่นโต หัสดินมองตามสายตาเธอ แล้วก็เขาก็ทำหน้าประดักประเดิก“นี่ของเธอเหรอ”“ใช่ค่ะ อาหารกลางวันของดิฉัน” หญิงสาวตอบทำตาปริบๆ เขากินไปไม่กี่คำหรอก แต่ว่า นั้นข้าวกลางวันของเธอเชียวนะ“เอ่อ... ผมไม่รู้” เขาทำหน้านิ่งกลบความเก้อเขิน “เธอเข้ามาในห้องนี้ได้ยังไง”“ก็เข้าทางประตูยังไงคะ” แม่บ้านไม่ได้ตั้งใจจะพูดจากวนประสาท แต่หงุดหงิดที่ถูกขโมยของกิน ถ้าเขาถามสักคำจะไม่ว่าอะไรเลย“ไม่มีใครบอกเหรอว่าผมอยู่ในห้อง” เขาจ้างแม่บ้านทำความสะอาดห้องสัปดาห์ละสองครั้ง แต่แม่บ้านจะมาตอนที่เขาไม่อยู่ เขาเองก็ไม่เคยเจอแม่บ้านที่จ้างผ่านบริษัททำความสะอาด ออกจะแปลกใจที่เห็นหญิงสาวตัวเล็กอยู่ในห้องของเขาแบบนี้“ไม่ค่ะ” เธอตอบรวดเร็วไม่ลังเล “ฉันก็มาทำงานตามตารางที่ทางบริษัทให้มา”“ฮืม”เขาเพียงแค่พยักหน้ารับ เขาเป็นคนกำหนดตารางทำความสะอาดให้แม่บ้านมาที่นี่ แต่ละสัปดาห์จะมาไม่ตรงกัน เขาสลับสับเปลี่ยนวันอยู่เสมอ เพื่อความปลอดภัยของเขาเอง ‘ดิน’ เองก็มีศัตรูทางการค้ามากอยู่ไม่น้อย “ทำไม?” “คะ?” หญิงสาวเอียงคอมองอย่างสงสัย
บทนำ “แพรดาว” หญิงสาวในวัยยี่สิบสอง เธออยู่กับ “ศรีฟ้า”แม่ของเพียงสองคน แพรดาวเรียกแม่ว่า “แม่จ๋า” จนติดปาก ตั้งแต่จำความได้เธอก็มีเพียงแม่จ๋าคนเดียว ไม่ปรากฏญาติพี่น้องที่ไหน ชีวิตสองแม่ลูกหาเช้ากินค่ำล้มลุกคลุกคลานมาด้วยกัน จนมาตอนนี้เช่าบ้านหลังน้อยอยู่ เธอเองก็ทำงานพิเศษมาตั้งแต่ยังเด็ก อะไรที่พอช่วยเหลือแม่จ๋าได้ ก็ทำทุกอย่าง ขอเพียงงานสุจริต เธอก็ไม่อายที่จะทำมัน หกเดือนก่อนแม่จ๋าของแพรดาวประสบอุบัติเหตุ โดยรถมอเตอร์ไซค์ชนได้รับบาดเจ็บสาหัส อยู่ห้องไอซียูนานครึ่งเดือนก่อนจะออกมาพักรักษาตัว แพรดาวเพิ่งเรียนจบคณะบริหารมาหมาดๆ ยังหางานทำไม่ได้ ด้วยความที่ต้องการใช้เงิน เธอจึงทำงานในตำแหน่งของแม่ไปก่อน ระหว่างนี้เธอก็ยื่นใบสมัครงานไปทั่ว แต่ก็ยังไม่มีข่าวดีมาเสียที ตอนนี้เลือกงานไม่ได้ มีอะไรก็ทำไปก่อน แพรดาวบอกกับตัวเอง เธอไม่ได้รังเกียจงานที่ตัวเองทำอยู่ เพียงแค่อยากทำงานให้ตรงสายงานที่เรียนมาก็เท่านั้น “หนูแพร” หญิงสาวหันไปตามเสียงเรียก พนักงานในชุดสีฟ้าสดใสโบกมือเรียกก่อนที่ร่างอวบอ้วนจะวิ่งมาถึง
“แม่บ้านค่ะ” หญิงสาวเอ่ยตอบ แต่สายจ้องไปที่ปิ่นโต หัสดินมองตามสายตาเธอ แล้วก็เขาก็ทำหน้าประดักประเดิก“นี่ของเธอเหรอ”“ใช่ค่ะ อาหารกลางวันของดิฉัน” หญิงสาวตอบทำตาปริบๆ เขากินไปไม่กี่คำหรอก แต่ว่า นั้นข้าวกลางวันของเธอเชียวนะ“เอ่อ... ผมไม่รู้” เขาทำหน้านิ่งกลบความเก้อเขิน “เธอเข้ามาในห้องนี้ได้ยังไง”“ก็เข้าทางประตูยังไงคะ” แม่บ้านไม่ได้ตั้งใจจะพูดจากวนประสาท แต่หงุดหงิดที่ถูกขโมยของกิน ถ้าเขาถามสักคำจะไม่ว่าอะไรเลย“ไม่มีใครบอกเหรอว่าผมอยู่ในห้อง” เขาจ้างแม่บ้านทำความสะอาดห้องสัปดาห์ละสองครั้ง แต่แม่บ้านจะมาตอนที่เขาไม่อยู่ เขาเองก็ไม่เคยเจอแม่บ้านที่จ้างผ่านบริษัททำความสะอาด ออกจะแปลกใจที่เห็นหญิงสาวตัวเล็กอยู่ในห้องของเขาแบบนี้“ไม่ค่ะ” เธอตอบรวดเร็วไม่ลังเล “ฉันก็มาทำงานตามตารางที่ทางบริษัทให้มา”“ฮืม”เขาเพียงแค่พยักหน้ารับ เขาเป็นคนกำหนดตารางทำความสะอาดให้แม่บ้านมาที่นี่ แต่ละสัปดาห์จะมาไม่ตรงกัน เขาสลับสับเปลี่ยนวันอยู่เสมอ เพื่อความปลอดภัยของเขาเอง ‘ดิน’ เองก็มีศัตรูทางการค้ามากอยู่ไม่น้อย “ทำไม?” “คะ?” หญิงสาวเอียงคอมองอย่างสงสัย
ชายชรานั่งอยู่ที่เก้าอี้เอนหลัง รู้สึกตัวว่ามีคนเข้าก็ขยับตัวอย่างเกียจคร้าน จ้องมองคนที่ก้าวเข้ามายืนตรงหน้า“คุณเองรึ” เสียงแหบแห้งเอ่ยาถาม “ไม่ได้เจอนาน”“ความจำดีจริงๆ” ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งเอ่ยขึ้น ร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำพับแขนเสื้อถึงข้อศอก เข้ากับรองเท้าหนังที่สวมอยู่ การเดินเข้ามาราวกับคนคุ้นเคยทำให้อีกฝ่ายเลิกคิ้วเล็กน้อย“ไม่เจอกันกี่ปีแล้ว” บรรพตถอนหายใจอีกเฮือกหนึ่ง“ก่อนที่คุณยายจะเสีย” เขาตอบแล้วเลื่อนเก้าอี้มานั่งข้างๆ ปรายตามองออกไปทางหน้าต่างซึ่งมองเห็นบ้านเล็กๆ ใกล้ๆ กัน “บ้านหลังนั้นมีคนเช่าแล้วเหรอ”“อืม” คุณตาตอบเบาๆ “คุณผู้หญิงเป็นยังไงบ้าง”“สบายดีครับ” เขาตอบไปตามตรง “รักษาตัวเองหลายปี อาการดีขึ้น แต่ก็ยังไปหาหมอตามนัดสม่ำเสมอ”“ก็ดีแล้ว” คุณตาพยักหน้าเศร้าๆ อดีตเคยรุ่งโรจน์ ทรัพยสินเงินทองมากมาย แต่ครอบครัวกลับแตกแยก ลูกหลานไม่เหลียวแลสนใจแต่เงินในบัญชี มันคือผลกรรมจากการได้มาโดยมิชอบทั้งสิ้น“แล้วคุณ...ไปหาหมอหรือเปล่า”ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอ “ผมจัดการตัวเองได้”“ช่างเถอะ ผมยุ่งเรื่องของคุณหนูมากเกินไป”“ผมสามสิบแล้ว เลิกเรียกคุณหนูได้แล้ว” ชายหนุ่ม
รอยน้ำเจิ่งนองบริเวณหน้าบ้านทำให้ต้องชะงักเท้าอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะมองหาสาเหตุ แพรดาวกวาดสายตาไปทั่วหน้าบ้านสองชั้นหลังเล็กที่อยู่เข้ามาในซอยประมาณห้าร้อยเมตร ร่างชายชราวัยหกสิบเจ็ดปีก้มๆเงยๆอยู่บริเวณแปลงปลูกดอกไม้เล็กๆหน้าบ้าน ปลายสายยางอยู่ในอ่างบัวน้ำล้นจนมีปลาหางนกยูงออกมานอนดิ้นเล่นน้ำอยู่บนพื้นดินเฉอะแฉะ “น้ำท่วมแล้วคุณตา” แพรดาวรีบสาวเท้าเดินเข้าไปปิดก๊อกน้ำ ชายชราหันมามองทำหน้าเหรอหราแต่ยิ้มให้จนเห็นฟันหลอซี่หน้า หญิงสาวรวบกระโปรงยาวคลุมเข่าสีดำก่อนทรุดตัวลงนั่งยองๆข้างๆ ชายชราที่กำลังสาละวนกำการย้ายต้นไม้ในกระถางลงดิน จนเผลอลืมดูน้ำที่เปิดใส่อ่างบัว มือหยาบและเหี่ยวย่นค่อยๆช้อนปลาหางนกยูงตัวน้อยนอนดิ้นรนบนพื้นดินกลับสู่พื้นน้ำดังเดิม คุณตาทำเหมือนไม่มีเธออยู่ใกล้ดูแลต้นไม้ใบหญ้าของตาต่อไป “คุณตาบรรพต คะ” บรรพตคือชื่อคุณตาเจ้าของบ้านเช่าที่แสนใจดี เรียกไม่ดังนัก แต่เหมือนคุณตาจะไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้แต่ยิ้มเหงาๆ แล้วลุกขึ้นเดินเข้าบ้านเช่าของตัวเอง บ้านสองหลังปลูกใกล้กันในเนื้อที่บริเวณเดียวกัน หลายปีก่อนที
บทนำ “แพรดาว” หญิงสาวในวัยยี่สิบสอง เธออยู่กับ “ศรีฟ้า”แม่ของเพียงสองคน แพรดาวเรียกแม่ว่า “แม่จ๋า” จนติดปาก ตั้งแต่จำความได้เธอก็มีเพียงแม่จ๋าคนเดียว ไม่ปรากฏญาติพี่น้องที่ไหน ชีวิตสองแม่ลูกหาเช้ากินค่ำล้มลุกคลุกคลานมาด้วยกัน จนมาตอนนี้เช่าบ้านหลังน้อยอยู่ เธอเองก็ทำงานพิเศษมาตั้งแต่ยังเด็ก อะไรที่พอช่วยเหลือแม่จ๋าได้ ก็ทำทุกอย่าง ขอเพียงงานสุจริต เธอก็ไม่อายที่จะทำมัน หกเดือนก่อนแม่จ๋าของแพรดาวประสบอุบัติเหตุ โดยรถมอเตอร์ไซค์ชนได้รับบาดเจ็บสาหัส อยู่ห้องไอซียูนานครึ่งเดือนก่อนจะออกมาพักรักษาตัว แพรดาวเพิ่งเรียนจบคณะบริหารมาหมาดๆ ยังหางานทำไม่ได้ ด้วยความที่ต้องการใช้เงิน เธอจึงทำงานในตำแหน่งของแม่ไปก่อน ระหว่างนี้เธอก็ยื่นใบสมัครงานไปทั่ว แต่ก็ยังไม่มีข่าวดีมาเสียที ตอนนี้เลือกงานไม่ได้ มีอะไรก็ทำไปก่อน แพรดาวบอกกับตัวเอง เธอไม่ได้รังเกียจงานที่ตัวเองทำอยู่ เพียงแค่อยากทำงานให้ตรงสายงานที่เรียนมาก็เท่านั้น “หนูแพร” หญิงสาวหันไปตามเสียงเรียก พนักงานในชุดสีฟ้าสดใสโบกมือเรียกก่อนที่ร่างอวบอ้วนจะวิ่งมาถึง