“ทำไมน่ะเหรอ?”ฟู่เยว่พูดซ้ำด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “เพราะนายเป็นแค่ลูกชู้ลูกนอกสมรส แต่คุณปู่ดันเข้าข้างนายไปหมดซะทุกเรื่อง กระทั่งยังคิดยกบริษัทให้นายอีก! ทำไมกัน? ฉันต่างหากที่เป็นผู้สืบทอดในอนาคตของตระกูลฟู่!”“เพราะงั้นแสดงว่าพี่ไม่เคยเห็นผมเป็นพี่น้องเลย แต่เป็นศัตรูที่ทำให้พ่อแม่ของพี่ต้องตาย และช่วงชิงตระกูลฟู่กับพี่?” ฟู่เจิงก้มหน้ามองเขาฟู่เยว่แค่นเสียงฮึทีหนึ่ง พลางมองฟู่เจิงด้วยความเย็นชา “หรือว่าไม่ใช่หรือไง?”ไม่ว่าจะอยู่ที่บ้านหรือนอกบ้าน ภาพลักษณ์ที่ฟู่เยว่แสดงให้ผู้คนได้เห็นล้วนมีแต่ความอ่อนโยนและความสง่างามเสมอมา ดุจดั่งสายลมยามวสันต์ฟู่เจิงคิดว่าสายตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชาและเคียดแค้นเช่นนี้ไม่มีทางปรากฏขึ้นบนตัวเขาอีกครั้งก่อนฟู่เยว่เคยเผยสายตาเช่นนี้ออกมา ทว่ายังเป็นตอนอยู่ประถม เขาโยนกระเป๋าหนังสือของฟู่เจิงลงไปในแม่น้ำ ตอนที่ฟู่เจิงถือท่อนไม้ไปเกี่ยวกระเป๋าขึ้นมา เขายังไปผลักฟู่เจิงให้ตกลงไปซ้ำอีก และหลังจากฟู่เจิงอ้อนวอนอยากจะปีนขึ้นมาสมดังใจแล้ว ก็ขู่เขาไม่ให้ไปบอกคุณปู่หลังกลับไป เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเสื้อผ้าที่เปียกโชก การอธิบายของฟู่เจิงคือตัวเขาไม่ท
นั่นคือพี่ชายคนโตที่เติบโตมาพร้อมกับเขา จะให้ฟู่เจิงส่งเขาเข้าคุกกับมือตัวเอง ในใจของฟู่เจิงก็เจ็บปวดอย่างไร้ที่เปรียบ ทำไมฟู่เยว่ต้องทำแบบนี้ด้วย ทำให้เขาต้องตกไปอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก!“เพราะงั้นพี่ก็รู้สาเหตุการตายของพ่อเวินเหลียงมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว?!” ฟู่เจิงขมวดคิ้วมุ่นจนผูกโบ เขาจ้องฟู่เยว่เขม็งพลางถามไปชะงักไปฟู่เยว่เอ่ย “จะว่าใช่ก็ได้ พอพูดขึ้นมานายอาจต้องขอบคุณฉันด้วยซ้ำ ไม่อย่างนั้นนายอาจจะไม่ได้เจอกับเวินเหลียงก็ได้”ฟู่เจิงกำหมัดทั้งสองแน่น แล้วเตะไปบนขาฟู่เยว่อย่างแรงทีหนึ่ง “ตกลงมันเรื่องอะไรกันแน่ ผมอยากรู้รายละเอียด! นับตั้งแต่ตอนนี้ พี่เล่าให้ผมฟังอย่างละเอียดอย่าให้ตกหล่นแม้แต่ตัวเดียว!”จุดเริ่มต้นของเรื่องราวเรียบง่ายมาก ๆตอนนั้นตระกูลฉู่เป็นเพียงแค่โรงงานเล็ก ๆ ฉู่เจี้ยนจวินเองก็เป็นแค่เจ้าของโรงงานคนหนึ่งเท่านั้นเงื่อนไขภูมิหลังครอบครัวของฉู่ซืออี๋นั้นเทียบกับคนทั่วไปแล้วก็ไม่เลวทีเดียว ทว่าเมื่อเทียบกับคนมีชื่อเสียงของเจียงเฉิงแล้ว เดิมทีไม่พอให้เหลียวแลอยู่แล้วพ่อแม่ดูเหมือนจะปรองดองกันทว่าความจริงแตกแยก แม่เอาแต่โอดครวญ พ่อนอกใจ บางครั้งยังเ
ใช่แล้ว จุดเริ่มต้นของเรื่องราวมันมาจากคำพูดทีเล่นทีจริงพร้อมแฝงไปด้วยเจตนาทำให้ฉู่ซืออี๋ลำบากของฟู่เยว่ประโยคนี้นี่เองทว่าฟู่เยว่ไม่เคยจินตนาการถึงความรู้สึกศรัทธาของฉู่ซืออี๋มาก่อนเลยหลังจากนั้นผ่านไปพักใหญ่ ๆ ฉู่ซืออี๋ก็ไม่ได้มาหาฟู่เยว่อีก ฟู่เยว่คิดแค่ว่าเธอล้มเลิกไปเพราะรู้ว่ามันยาก...ฟู่เจิงก็ไม่ใช่คนที่จะจีบติดได้ง่าย ๆ ขนาดนั้นฟู่เยว่เองก็ไม่เคยเห็นว่ารอบตัวฟู่เจิงมีผู้หญิงอะไรเพียงแต่คิดไม่ถึงว่าฉู่ซืออี๋จะทำได้จริง ๆตอนนั้นฟู่เจิงเพิ่งเข้ามาฝึกงานที่บริษัท มีอยู่วันหนึ่งหลังเลิกงานตอนเที่ยง ฟู่เยว่ชวนฟู่เจิงไปกินข้าวด้วยกัน นึกไม่ถึงเลยว่าจะเห็นฟู่เจิงตอบกลับข้อความพอทั้งสองคนกินข้าวเสร็จแล้วเดินออกมาจากในร้านอาหาร มีผู้หญิงคนหนึ่งยืนรออยู่หน้าประตู เมื่อเห็นพวกเขาก็เข้ามารับหน้าฟู่เจิงแนะนำกับเขาว่า นี่คือแฟนของเขา ฉู่ซืออี๋ฉู่ซืออี๋ทำเป็นไม่รู้จักเขาอย่างนั้น พลางเรียกเขาว่าพี่ใหญ่ทั้งยิ้มเล็กน้อยฟู่เยว่มองสีหน้าของฉู่ซืออี๋ จากนั้นก็มองฟู่เจิงที่ไม่รู้เรื่องอะไรข้าง ๆ ทีหนึ่ง สีหน้าเขามีความชื่นชมว่าเยี่ยมยอดอยู่เล็กน้อยคืนนั้นหลังเขากลับไป ฉู่ซืออี๋ก็
สุดท้ายสืบมาถึงตัวเขาจริง ๆถ้าเขาไม่มีทางทำให้ข้อมูลรั่วไหล อย่างนั้นก็เป็นได้แค่คนที่สามารถเข้ามาใช้คอมพิวเตอร์ของเขาได้เท่านั้น คนที่น่าสงสัยมากที่สุดก็คือฉู่ซืออี๋ตอนนั้นเขากับฉู่ซืออี๋คบกันมาได้ระยะหนึ่งแล้ว คิดว่าทั้งสองคนเข้ากันไม่ค่อยได้ มีความคิดที่จะเลิกกันทว่าดันคิดไม่ถึงว่าหลังจากที่ทั้งสองคนเจอทางตัน ฉู่ซืออี๋ก็หนีออกไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ จนถูกลักพาตัวไปและประสบกับการทรมานเรื่องข้อมูลรั่วไหลและเรื่องเลิกกันจึงต้องชะลอไปก่อน“อันที่จริงหลังเธอจัดการเสร็จฉันนึกเสียใจมาก วิธีการแบบนี้มันยากมากที่จะไม่ถูกสืบเจอ”เพียงแต่เรื่องมันเกิดขึ้นไปแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นทำให้ฟู่เยว่ขี่หลังเสือแล้วลงยากฟู่เจิงพูดอย่างคาดเดาขึ้นว่า “เพราะงั้นคดีลักพาตัวเกี่ยวข้องกับฉู่ซืออี๋? ใช้วิธีนี้มาชะล้างความน่าสงสัยของเธอ?”ฟู่เยว่ตอบ “ใช่ ฉู่ซืออี๋เป็นคนวางแผนคดีลักพาตัวด้วยตัวเองคนเดียว กำกับเองแสดงเอง ที่บอกว่าเจอสถานการณ์เลวร้ายจนไม่อาจจินตนาการ ก็เป็นภาพลวงตาที่สร้างขึ้นมาทั้งนั้น”ฟู่เยว่ได้ข่าวหลังจากที่ฉู่ซืออี๋ลงมือทำไปแล้ว เพราะฉู่ซืออี๋ไม่มีทางหนีทีไล่เธอเอ
อันที่จริงแผนเดิมของฉู่ซืออี๋คือใส่ความว่าเวินหย่งคังล่วงละเมิดเธอตอนสัมภาษณ์เนื่องจากเธอเป็นเหยื่อและเป็นฝ่ายอ่อนแอกว่า คนส่วนใหญ่ก็จะเชื่อเธอ ถึงเวลานั้นเวินหย่งคังจะถูกตราหน้าว่าเป็นคนร้ายข่มขืนกระทำชำเรา แน่นอนว่าคำพูดที่เขาพูดออกมาจะไม่มีความน่าเชื่อถืออีกต่อไป กระทั่งอาจถูกคิดว่าใส่ร้ายฉู่ซืออี๋อีกต่างหากฟู่เจิงซัดหมัดไปบนผนังอีกหนึ่งที สีหน้าเต็มไปด้วยความเดือดดาลยากจะบรรยาย เขาเอ่ยขึ้นทั้งกัดฟันว่า “แล้วทำไมสุดท้ายเธอถึงเปลี่ยนใจล่ะ?”ก่อนหน้านี้เนื่องจากความรู้สึกผิดที่มาพร้อมกับเรื่องลักพาตัว เขาเห็นแก่ความรู้สึกเล็ก ๆ น้อย ๆ นั่น จึงไม่เคยคิดกับฉู่ซืออี๋ในทางที่ไม่ดีต่อมาเรื่องบางอย่าง เขาก็ทำเป็นว่าฉู่ซืออี๋มีความคิดเล็กน้อยเท่านั้นจนกระทั่งตอนนี้ เขาถึงมองจิตใจอำมหิตโหดเหี้ยมดั่งงูและแมงป่องที่ซ่อนอยู่ใต้ผิวหนังของฉู่ซืออี๋ออกอย่างกระจ่างแจ้ง!นี่จะอธิบายได้ด้วยเพียงคำว่าแผนการได้อย่างไร?นี่มันลงมือโหดเหี้ยมอำมหิต ไร้ซึ่งความเป็นคนชัด ๆ!ฟู่เยว่เอ่ย “คงเป็นเพราะมีคนเตือนเธอ”หลังจากถูกคนเตือน ฉู่ซืออี๋ก็เปลี่ยนแผนในฐานะนักข่าวที่มีชื่อเสียงและอิทธิพลคนหนึ่ง
เธอลอบไปหาฟู่เยว่อยู่หลายต่อหลายครั้ง หลังพบว่าฟู่เยว่ไม่รู้สึกยินดียินร้าย ก็เริ่มข่มขู่ฟู่เยว่หากฟู่เยว่ไม่คบกับเธอ เธอจะแจ้งตำรวจ และสารภาพไปว่าฟู่เยว่เป็นคนบงการทั้งหมด ทั้งสองคนพังพินาศไปด้วยกันรายการเดินบัญชีธนาคารคือหลักฐานมัดตัว!ทั้งสองคนลงเรือลำเดียวกันแล้ว ในมือฉู่ซืออี๋ถือจุดอ่อนของฟู่เยว่เอาไว้ ท่าทีของเธอเองก็ไร้ซึ่งความถ่อมตนอย่างก่อนหน้านี้ไปตั้งนานแล้วฟู่เยว่กลัวว่าฉู่ซืออี๋จะแจ้งตำรวจจริง ๆ จึงทำได้เพียงแสดงทีท่าสบาย ๆ คอยปลอบฉู่ซืออี๋ ทว่าก็ลากความสัมพันธ์ไม่ยอมเลิกกับซูชิงอวิ๋นไปด้วยตอนนั้นเขามีสองทางเลือก หนึ่งคือคิดหาวิธีต่อต้านฉู่ซืออี๋ หรือสู้สุดแรง พนันว่าฉู่ซืออี๋ไม่กล้าแจ้งตำรวจ สองคือเลิกกับซูชิงอวิ๋นแล้วไปคบกับฉู่ซืออี๋ทว่าตอนนั้นเขาลังเลตัดสินใจไม่เด็ดขาด ดันเลือกวิธีที่โง่ที่สุดเมื่อฉู่ซืออี๋พบว่าเขายังไม่หย่ากับซูชิงอวิ๋น ก็ค่อย ๆ หมดความอดทน และเลือกลงมือกับซูชิงอวิ๋นความตั้งใจเดิมคือให้ฟู่เยว่เลือก...มีเธออยู่ เขากับซูชิงอวิ๋นก็ไม่มีทางได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขไม่นึกเลยว่าซูชิงอวิ๋นจะตั้งท้อง ร่องรอยบาดแผลบนตัวก็ไม่หนักหนาอะไร ทว่ากลับเสี
ฟู่เจิงกำหมัดขึ้นมาแน่น กระดูกข้อนิ้วซีดเผือด หลังมือมีเส้นเลือดปูดขึ้นมาทีละเส้น นัยน์ตาประกายความอำมหิตออกมาเขาเชื่อคำพูดของฟู่เยว่พวกเขาโตมาด้วยกัน ไม่มีใครรู้จักฟู่เยว่ดีเท่าเขา นิสัยอ่อนโยนอบอุ่น ลังเลตัดสินใจไม่เด็ดขาด มีความโลภแต่ไม่มีความกล้าเรื่องเหล่านั้นต้องมีคนคอยยุแยงเขาอยู่เบื้องหลังแน่ ๆ เขาถึงได้ทำแบบนี้ลงไปหากไม่ได้เป็นเพราะฉู่ซืออี๋ พวกเขาสองพี่น้องก็คงไม่มีทางเดินมาถึงขั้นอย่างในวันนี้แน่นอน!ทว่าฟู่เยว่เองก็สลัดการเป็นชนวนของเรื่องราวไม่หลุดเช่นกันฟู่เจิงผิดหวังที่ฟู่เยว่ไม่ได้ดั่งใจมากจริง ๆ!“ไม่นานมานี้พี่สะใภ้ใหญ่บอกว่าพบว่าพี่ติดต่อกับผู้หญิงคนอื่น...”“เป็นฉู่ซืออี๋” ฟู่เยว่เงยหน้าเอ่ย “เธอถูกคนของนายตามหาไปทั่ว เลยแอบหนีมาหาฉัน พวกเราทะเลาะกันยกหนึ่ง”รอยข่วนบนคอเขาที่ซูชิงอวิ๋นไปเห็นเข้าเป็นฝีมือของฉู่ซืออี๋ทว่าเขาดันพูดอะไรออกมาไม่ได้ ได้แต่มองดูเธอดิ้นรนด้วยความเจ็บปวด ตรอมใจและหดหู่พูดตามตรง วันนี้เมื่อฟู่เจิงได้รู้เรื่องทุกอย่างแล้ว ในใจฟู่เยว่กลับมีความรู้สึกเบาใจขึ้นมาอย่างหนึ่งท้ายที่สุดเขาก็ไม่ต้องอดสั่นขวัญแขวน ตัวสั่นงันงกด้วยคว
ลมหายใจอุ่นร้อนรดอยู่บนต้นคอยาวเรียวระหงของเวินเหลียง เธอพยายามควบคุมความพลุ่งพล่านที่อยากจะหลีกตัวออกไปเงียบไปอยู่นาน ฟู่เจิงถึงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกหนึ่ง เขาหลับตาลงพร้อมพยายามเก็บอารมณ์เอาไว้ “ไม่มีอะไร”เขาค่อย ๆ ถอยหลังก้าวหนึ่ง ก่อนจะผละเวินเหลียงออกเวินเหลียงเงยหน้าขึ้นมา เธอสัมผัสได้ถึงความหนักอึ้งในใจเขาได้อย่างรวดเร็วเธอสังเกตเห็นส่วนที่ปูดบวมแดงและรอยฟกช้ำดำเขียวบนหน้าเขาได้ในระยะใกล้ “คุณไปมีเรื่องกับคนอื่นมาเหรอ?”“อืม” ฟู่เจิงขานรับด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเวินเหลียงประหลาดใจเป็นอย่างมาก “ฉันจะไปหยิบกล่องยามานะ คุณนั่งลงก่อน”ภายในห้องทำงานประธานกรรมการใหญ่มีกล่องยาสำรองเอาไว้ ด้านในมียาสามัญอยู่จำนวนหนึ่งฟู่เจิงเงียบไม่พูดอะไร แล้วลวดมือพาดเสื้อกันลมไปบนพนักพิงโซฟาก่อนจะนั่งลงไปเวินเหลียงวางกล่องยาลงบนโต๊ะ ก่อนจะนั่งลงแล้วเปิดหายาทาแผลไปด้วยพลางเอ่ยถามขึ้นว่า “เกิดอะไรขึ้น? ทำไมคุณถึงไปมีเรื่องกับคนอื่นได้? มีคนขับรถไม่ใช่เหรอ?”พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือใครกันกล้าต่อยฟู่เจิง?ใครกล้าต่อยฟู่เจิงจนอยู่ในสภาพนี้?ฟู่เจิงเงียบไม่พูดไม่จาผ่านไปนานสองนานก็ยังไม่ไ
อิเลียลุกขึ้นพรวด พลางมองเยี่ยนหวยอย่างเหลือเชื่อ“ถ้าเธอยังเห็นฉันเป็นพี่ชายของเธออยู่ ก็เชื่อฟังฉัน แล้วกลับไปเมืองฟิลาเดลเฟียพรุ่งนี้ซะ!” เยี่ยนหวยนั่งตัวตรงพลางเงยหน้ามองเธออยู่บนโซฟา“ฉันไม่กลับ!” อิเลียเดือดดาลจนแค่นเสียงฮึออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะกลับไปนั่งตรงมุมโซฟา “อยากกลับพี่ก็กลับไปเองซะเลยสิ!”“ฟู่เจิงไม่ใช่คนดี ต่อให้ระหว่างพวกเธอมีลูกด้วยกัน เขาก็ไม่มีทางคบกับเธอ”ก่อนหน้านี้ฟู่เจิงเคยมีเรื่องอื้อฉาวว่ามีชู้ ตอนนี้ก็มีอดีตภรรยาที่มีความสัมพันธ์คลุมเครือมาอีกคน ขอให้เป็นผู้ใหญ่ที่รักลูกสาว ก็จะไม่มีวันเลือกเขาทั้งนั้น“พี่รู้ได้ยังไงว่าเขาไม่ใช่คนดี? พี่รู้ได้ไงว่าเขาจะไม่คบกับฉัน? วันนี้ตอนเที่ยงเรายังไปกินข้าวด้วยกันอยู่เลย!”เมื่อเห็นอิเลียดื้อดึง ในใจของเยียนหวยก็รู้สึกไม่ได้ดั่งใจ เขาแสยะยิ้มออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “พวกเธอไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกันตามลำพัง แต่ฟู่ซือฝานอยู่ข้าง ๆ ใช่ไหม?”ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ฟู่เจิงจะมากินข้าวกับอิเลียตามลำพังได้ยังไง? นอกเสียจากเขาคิดจะเลิกกับเวินเหลียงจริง ๆ“...ใช่ ก็เขาเป็นลูกของพวกเรานี่” เมื่อเห็นว่าถูกเดาทางถูก อิเลียก็พูดอึ
แต่หลังจากเดินตามแผนแล้วถึงได้พบว่า นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยถ้าพ่อแม่คุณลุงคุณป้ารู้ว่าเธอมีลูกนอกสมรสข้างนอก ต้องเข้ามาแทรก และไม่แน่ว่าจะพาตัวเธอกับลูกกลับไป“อิเลีย ผมเข้าใจนะครับคุณในฐานะแม่แท้ ๆ คุณอยากรีบกระชับความสัมพันธ์กับฝานฝาน แต่ก็อย่าตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก โดยเฉพาะมักจะไปหาฝานฝานที่โรงเรียนอนุบาล แบบนี้จะส่งผลกระทบกับชีวิตของเธอได้นะครับ”“ฉันรู้แล้วค่ะ ต่อไปจะไม่ไปหาเขาที่โรงเรียนอนุบาลอีก ฉันเห็นว่าคุณกินน้อยมาก อาหารที่เหลือไม่ถูกปากหรือเปล่า?”ฟู่เจิง “...ก่อนมาผมกินมาบ้างแล้ว”หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฟู่ซือฝานรบเร้าขอกลับกับฟู่เจิงเธอล้วงกลยุทธ์ร้องไห้งอแงชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้นของเด็กห้าขวบออกมาอย่างล้ำลึก ไม่มีเหตุผล ทว่าอิเลียฝืนเธอไม่ได้อิเลียทำได้เพียงกลับไปที่บ้านของเซี่ยเจิน“อิเลีย เธอกลับมาแล้วเหรอ?”เมื่อเห็นอลิซนั่งอยู่บนโซฟา อิเลียเดินมานั่งลง “เป็นยังไงบ้าง? ครั้งนี้เธอไปเมืองซีกับซีซาร์ ได้แสร้งทำเป็นเจอโดยบังเอิญ แล้วไปกินข้าวกับเขาอะไรหรือเปล่า?”อลิซเบะปาก “เปล่า”“ทำไมล่ะ? โอกาสดีขนาดนั้นทำไมเธอไม่คว้าเอาไว้?”“เขางานยุ่งมาก ฉันกล
อิเลียจัดผมด้วยท่าทางราวกับไม่มีเจตนาอื่น หน้าตาเผยความตื่นเต้นออกมาดูท่าเธอจะเลือกวิธีถูกจริง ๆในตอนนี้เธอเพิ่งเข้าใกล้ฟู่ซือฝานไม่เท่าไร ท่าทีของฟู่เจิงเขาก็ผ่อนคลายลงเยอะแล้วผ่านไปยี่สิบนาที ฟู่เจิงก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องรับรองนี่เป็นการเจอกันครั้งที่สองหลังจากวันนั้นเขานั่งลงข้าง ๆ ฟู่ซือฝาน พลางพยักหน้าให้อิเลียเบา ๆ “รบกวนแล้ว ไม่ถือสาที่ผมมาร่วมโต๊ะด้วยใช่ไหม?”“ไม่ถือสา นั่งเถอะค่ะ”สีหน้าของอิเลียเย็นชา ราวกับยังอยู่ต่อหน้าคุณหญิงและฟู่ชิงเยว่ครั้งก่อน เธอไม่ได้โกรธที่ฟู่เจิงปฏิเสธเธออย่างไร้ความปรานี“งานผมยุ่งมาก ยากที่จะใส่ใจคุณกับฝานฝานได้มากขนาดนั้น”“ฝานฝานเป็นลูกของฉัน นี่เป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว ฉันไม่รู้ว่าคุณจะมา ก็เลยสั่งอาหารไปสุ่ม ๆ เดี๋ยวอาหารมาเสิร์ฟคุณก็ดูแล้วกันว่าอยากจะสั่งเพิ่มไหม”“ผมไม่เลือกกิน” ฟู่เจิงตอบจากนั้นพนักงานก็เริ่มมาเสิร์ฟอาหารฟู่เจิงมองเนื้อแพะที่มาเสิร์ฟเต็มโต๊ะ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก้มหน้าไปมองฟู่ซือฝานฟู่ซือฝานก้มศีรษะน้อย ๆ อย่างกระวนกระวายอิเลียหยิบตะเกียบขึ้นมา “ไม่ต้องเกรงใจ กินเลยค่ะ”ฟู่เจิงลังเลอยู่ครู่หนึ่
เจียงเฉิงเที่ยงวันศุกร์ อิเลียไปรับฟู่ซือฝานออกไปกินข้าวเที่ยงที่คฤหาสน์ย่านซิงเหอวานเธอฉีกยิ้มพลางพูดกับฟู่ซือฝานว่า “เมื่อวานแม่ว่าจะไปรับหนูที่โรงเรียนอนุบาล จู่ ๆ ก็นึกถึงคำพูดของหนูเมื่อครั้งก่อนได้ ก็เลยมาวันนี้ วันนี้ตอนบ่ายแม่จะพาหนูไปเล่นดี ๆ เป็นยังไงจ๊ะ?”ฟู่ซือฝานเอียงคอพลางครุ่นคิด “ตอนบ่ายหนูต้องทำการบ้าน แค่กินข้าวเที่ยงก็พอแล้วค่ะ”“ก็ได้ งั้นหนูคิดไว้หรือเปล่าว่าอยากกินอะไร?”“ไปร้านอาหารที่มีเมนูเนื้อแพะแนะนำแล้วกันค่ะ” ฟู่ซือฝานเอ่ยขึ้นด้วยทีท่าจริงจัง “วันนี้คุณลุงบอกว่าจะไปกินข้าวเที่ยงเป็นเพื่อนหนู ไม่รู้ว่าจะมาไหม”นัยน์ตาอิเลียวาบความปลื้มปีติออกมา “จริงเหรอ?”“เขาเคยบอกไว้แบบนี้ค่ะ คุณน้าคะ ที่คุณน้ารับหนูออกมา ไม่ใช่เป็นเพราะอยากกระชับความสัมพันธ์กับหนูสองต่อสองเหรอคะ? ทำไมถึงหวังให้คุณลุงมาด้วยล่ะคะ?”เจ้าตัวน้อยเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง“น้า...น้ามีเรื่องอยากพูดคุยกับพ่อของหนูน่ะ แล้วก็หวังว่าเราจะได้กินข้าวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว” อิเลียรีบหาข้ออ้างทันทีเจ้าเด็กคนนี้ หูตาเฉียบแหลมจริง ๆ“อ้อ”“น้าจะหาร้านอาหารเนื้อแพะเดี๋ยวน
“เรียกฉันทำไม?” เยี่ยนหวยมองเธอด้วยสีหน้าไร้เดียงสา“ตอนนี้มันฤดูร้อน”ผ่านฤดูใบไม้ผลิมาแล้ว“ฉันแค่นึกถึงวันนั้นที่ไปติวให้เธอแล้วเจอแม่เธอเข้าโดยบังเอิญ เธอคิดไปถึงไหน?” เยี่ยนหวยเลิกคิ้วถังซือซือชะงักไปมีครั้งหนึ่งตอนที่เธอติวอยู่ในบ้าน แล้วบังเอิญเจอแม่ของเธอเข้าจริง ๆ แต่นั่นมันเรื่องตอนเทอมที่สองเยี่ยนหวยต้องจงใจพูดถึงวันนั้นตอนเทอมแรกแน่ ๆ ให้เธอเข้าใจผิดถ้าเธอชี้ไปเลยว่าเยี่ยนหวยจำผิด ก็จะเข้าแผนของเยี่ยนหวย เหมือนว่าเธอยังไม่เคยลืมเรื่องในอดีต คิดถึงเรื่องราวเหล่านั้นของเธอกับเยี่ยนหวยอยู่ตลอด“ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูร้อนเหรอ? นายคิดไปถึงไหนอีก?” เธอปัดตกเรื่องนี้ไปอย่างมั่นใจทันทีหลังพูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินไปด้านหน้าต่อ “ไม่พูดแล้ว รีบไปร้านถัดไปเถอะ”อยู่ข้างนอกจนถึงสี่ทุ่ม ทั้งสองคนถึงกลับไปยังโรงแรมด้วยกันถังซือซืออยากเรียกรถกลับไปเอง ไม่อยากให้เยี่ยนหวยไปส่งเธอเยี่ยนหวยจึงเอ่ยไปตามตรงว่า “ฉันพักอยู่ที่โรงแรมเดียวกันกับเธอ”ถังซือซือ “...”นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแล้วคราวก่อนตอนที่เวินเหลียงถ่ายรูปเยี่ยนหวยรูปแรกที่เมืองฟิลาเดลเฟีย เวินเหลียงก็ถามว่าช่วงนี้เยี่ยนหวย
เมืองซีในฐานะเมืองใหญ่ของเจียงหนาน ประเภทของกินเล่นมีมากมาย ของกินเอกลักษณ์ที่ขึ้นชื่อไปทั่วประเทศอาทิ เต้าหู้เหม็น ไส้กรอกยักษ์ เส้นหมีเฝิ่น กุ้งเผ็ดเป็นต้นถังซือซือเคยมาเมืองซีตอนมาทำงานต่างถิ่นก่อนหน้านี้ เวลาค่อนข้างกระชั้นชิด จึงทำได้เพียงเดินช็อปปิงที่อื่น แต่เพิ่งเคยมาถนนคนเดินที่นี่เป็นครั้งแรกเธอซื้อไส้กรอกยักษ์สองชิ้นก่อน และแบ่งให้เยี่ยนหวยหนึ่งชิ้นกินไปได้เพียงครึ่งเดียว ถังซือซือก็หยุดอยู่ตรงหน้าร้านขายขนมฉือปา เธอกลืนน้ำลายแล้วถามขึ้นว่า “รู้ไหมคะว่าตรงไหนมีถังขยะบ้าง?”“ที่เหลือเธอไม่กินแล้วเหรอ?”“อืม”“ไม่อร่อย?”“ไม่ใช่ อร่อยมาก แต่ว่ายังมีของอร่อยอื่น ๆ อีกเยอะแยะ ฉันอยากเก็บท้องเอาไว้”เยี่ยนหวย “...”“เอามาให้ฉันก็ได้” เยี่ยนหวยรับไส้กรอกครึ่งชิ้นที่เหลืออยู่มาจากในมือของเธอ ก่อนจะเติมเข้าไปในท้องอย่างไม่มีภาระใด ๆถังซือซือซื้อขนมฉือปาแล้วเธอทำตัวอย่างกับโจร แต่ละร้านไม่ยอมปล่อยไปเลย ทว่าก็ชิมเพียงสองสามคำ ทั้งหมดที่เหลือก็โยนให้เยี่ยนหวยอย่างสบายใจเยี่ยนหวยเพลิดเพลินกับพฤติกรรมพรรค์นี้ ในใจเข้าใจได้ในทันที ราวกับกลับไปเมื่อเจ็ดปีก่อนหลังเรียนอย
“มันเรื่องอะไรกันแน่?”ก่อนหน้านี้ที่เยี่ยนหวยอยู่ที่เจียงเฉิง กลับไม่ได้สังเกตเท่าไรว่าอิเลียกำลังทำอะไรอยู่ เธอออกไปข้างนอกทุกวัน เยี่ยนหวยคิดเพียงแค่ว่าเธอกำลังไปเที่ยวเล่นถังซือซือไม่ใช่คนที่จะกุเรื่องมั่วซั่ว เธอพูดแบบนี้ ต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ ๆ“พูดไปแล้วก็ยาว ตอนแรกฟู่ชิงเยว่อาของฟู่เจิงรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอยู่ที่เมืองนอก ตอนนี้อายุห้าขวบแล้ว ปีที่แล้วอาเหลียงแท้ง แล้วฟู่ชิงเยว่ติดธุระพอดี เลยส่งเด็กคนนั้นกลับประเทศมาให้ฟู่เจิงดูแลช่วงหนึ่ง ฟู่เจิงเลยให้เด็กคนนั้นอยู่ในประเทศไปเลยเพื่อง้ออาเหลียง ปกติจะมาอยู่เป็นเพื่อนอาเหลียง และเด็กคนนั้นเองก็เข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้านของฟู่เจิง แต่ว่า...”เยี่ยนหวยเดาเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปออกแล้ว จึงรับช่วงเอ่ยขึ้นต่อว่า “แต่ว่าจู่ ๆ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวบอกว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกของฟู่เจิงกับอิเลีย?”“ใช่ รายละเอียดฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน เหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับอาของฟู่เจิงนิดหน่อย เธอรู้ตัวตนของเด็กผู้หญิงคนนั้นมาตั้งแต่แรก และไม่ชอบอาเหลียงมาโดยตลอด ยังไงตอนนี้อาเหลียงก็อยู่กับฉัน เขากับฟู่เจิงทะเลาะกันอีกแล้ว”เยี่ยนหวยเอ่ยควา
“เยี่ยนหวย!!”ประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสองคนเข้าไปกันตามลำดับ แล้วลงไปยังลานจอดรถใต้ดินตรงมุมเลี้ยว ในหัวของผู้หญิงสวมหน้ากากอนามัยวาบภาพที่เห็นเมื่อครู่ขึ้นมา หมัดที่ห้อยอยู่กำขึ้นแน่น เธอก้มหน้าทั้งดวงตาที่ประกายความอำมหิตออกมาหากเวินเหลียงอยู่ตรงนี้ คงจะจำได้แน่ ๆ ว่าผู้หญิงที่สวมหน้ากากอนามัยคนนี้ก็คืออลิซที่เธอมาเจียงเฉิง ก็เพราะเยี่ยนหวย เยี่ยนหวยมาเมืองซีเมื่อสองวันก่อน เธอเองก็ตามมาเช่นกันอิเลียถามเลขาของเยี่ยนหวย เมื่อรู้โรงแรมของเขาก็บอกกับอลิซทีแรกอลิซคิดว่าเยี่ยนหวยมาทำธุระที่เมืองซี จากนั้นก็ค่อย ๆ พบว่ามันไม่ชอบมาพากลเยี่ยนหวยไม่ยุ่งเลยสักนิดแถมยังมีเวลาไปสอบถามร้านอาหารท้องถิ่น ถนนคนเดิน จุดชมวิวของเมืองซีเป็นต้น อีกต่างหาก ไม่เหมือนมาทำงานต่างถิ่น แต่เหมือนมาเที่ยวเสียมากกว่าจนกระทั่งวันนี้ เมื่อได้เห็นภาพนั้น อลิซถึงเข้าใจทุกอย่างที่แท้คนที่ซีซาร์ชอบไม่ใช่เฟย์ แต่เป็นถังซือซือเพื่อนของเฟย์!ที่แท้เขาไม่ได้มาทำงานต่างถิ่นที่เมืองซี แต่มาเพื่อตามจีบถังซือซือ!ที่เขาสอบถามร้านอาหารและจุดชมวิวของเมืองซี ก็เพื่อพาถังซือซือไปวันนี้!ในใจอลิซอิจฉาเป็นอย่างม
เมื่อเยี่ยนหวยได้ยินดังนั้น ก็รู้ในทันทีว่าเวินเหลียงไม่ได้รักษาคำมั่นสัญญาแต่เขาก็เตรียมตัวไว้นานแล้ว วันนั้นหลังจากกลับไปก็ให้คนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด แล้วตัดคลิปมาใส่ไว้ในโทรศัพท์เมื่อได้ยินถังซือซือถามขึ้น เขาก็รีบส่งให้เธอทันที “ก็แค่คนที่ไม่สลักสำคัญอะไรคนหนึ่ง ฉันปฏิเสธเขาไปแล้ว”ถังซือซือดูคลิปรอบหนึ่ง ก่อนจะเบะปาก “อยู่ต่างประเทศคุณเยี่ยนมีสาวมาชอบเพียบเลยนะคะ”“แต่ฉันสนใจอยากจะครอบครองแค่เธอ”“จะยอมให้ฉันครอบครองไหม คุณถัง?”เยี่ยนหวยนั่งเอี้ยวตัว แขนข้างหนึ่งพาดอยู่บนพนักพิงเก้าอี้ เขาโน้มตัวเข้ามา ตัวท่อนบนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ กลิ่นหอมฉุยจาง ๆ และกลิ่นอายของชายหนุ่มที่มาพร้อมกับการบุกรุกโอบล้อมเธอเอาไว้เขาดันแว่นตากรอบทอง สีหน้าอบอุ่น ฉีกยิ้มทว่าก็ราวกับไม่ยิ้ม มุมปากกระตุกรอยยิ้มเล็กน้อย ค่อนข้างมีความรู้สึกประเภทหน้าเนื้อใจเสือถังซือซือเหม่อไปครู่หนึ่ง“คุณถัง?”ใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ไออุ่นร้อนปะทะเข้ามาที่หน้า ในที่สุดถังซือซือก็ได้สติกลับมา เธอเอนหลังพลางตบหน้าอก “นายทำฉันตกใจหมด...ไป ไปเดินหาของกินเล่นกันเถอะ”เธอลุกขึ้นและเดินออกไปอย่าง