ฉะนั้น ในวันก่อนตรุษจีนนั่นดูเหมือนเว่าเขาจะเป็นคนบังคับให้เวินเหลียงเลิก ทว่าอันที่จริงเวินเหลียงแค่พายเรือไปตามน้ำเท่านั้นทั้ง ๆ ที่เธอเองก็อยากเลิกกับเมิ่งเซ่อ ทว่าต่อหน้าเขาดันทำท่าทางไม่อยากเลิกแถมยังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟใส่เขาอีกผู้หญิงคนนี้ หลังจากหย่ากับเขา ก็กล้าหาญขึ้นมากจริง ๆ!ฟู่เจิงถอดหูฟังบลูทูธออก แล้วลวดมือโยนไปในช่องเก็บของเลยเปลวเพลิงในใจของเขาเริ่มลุกโชนขึ้นเรื่อย ๆ ใกล้จะควบคุมไม่อยู่แล้วในหัวโห่ร้องไห้หันกลับไปคิดบัญชีกับเวินเหลียง กดเธอลงบนที่นอนแล้วทำให้เธอร้องไห้ ดูซิว่าเธอยังกล้าทำให้เขาโกรธอยู่อีกไหม!ทว่าก็มีสติส่วนหนึ่งบอกให้เขากดความคิดนี้เอาไว้ขณะที่รอติดไฟแดง ฟู่เจิงล้วงกล่องบุหรี่และไฟแช็กออกมาจากกระเป๋ากางเกงตัวเอง จากนั้นดึงบุหรี่มาคาบไว้ระหว่างฟันมวนหนึ่ง กำลังจะจุดไฟ ทันใดนั้นก็นึกถึงฟู่ซือฝานที่อยู่ที่นั่งด้านหลังขึ้นมา เขาจึงเก็บไฟแช็กวางกลับไปอีกครั้งไฟแดงเปลี่ยนเป็นไฟเขียว ฟู่เจิงสตาร์ตรถอีกครั้งขณะมาถึงยังคฤหาสน์ย่านซิงเหอวาน บุหรี่ที่คาบไว้ในปากก็ถูกเขากัดจนไม่เหลือชิ้นดีแล้วหลังพาฟู่ซือฝานกลับมาส่งที่บ้าน ฟู่เจิงก็กลับรถมุ่งหน้า
“ผมจะทำเป็นว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน การแต่งงานมีแค่คนสองคนเท่านั้นที่รู้ว่าเป็นยังไง ต่อไปรบกวนคุณอาช่วยอย่าทำพฤติกรรมบางอย่างที่มันทำลายการแต่งงานของผม ด้วยการแอบอ้างว่าหวังดีกับผมอีกนะครับ” ฟู่เจิงพูดเตือนเมื่อเห็นว่าตัวเองพูดไปก็เปล่าประโยชน์ ฟู่ชิงเยว่ก็เดือดพล่านจนแทบกระอักเลือดเก่าออกมาคำหนึ่งแล้วเธอเองก็ไม่อยากต้องมาตึงเครียดทุกครั้งที่คุยกับฟู่เจิงเช่นกัน จึงเป็นฝ่ายเปลี่ยนเรื่องคุยก่อน “ช่างเถอะ แล้วแต่เธอแล้วกัน จริงสิ ฉันได้ยินผู้ถือหุ้นคนอื่นบอกว่า ช่วงนี้บริษัทขัดแย้งกับตระกูลฮั่วในด้านธุรกิจนิดหน่อย ตระกูลฮั่วชิงโปรเจกต์ของบริษัทไปสองสามโปรเจกต์?”เมื่อนึกถึงเรื่องในอดีตตอนที่ยังเป็นสาว ฟู่ชิงเยว่ก็พอจะเดาได้ว่าทำไมฮั่วตงเฉิงผู้กุมอำนาจถึงมาทำให้ตระกูลฟู่ลำบาก นัยน์ตาของเธอพลันประกายความสับสนออกมา“อืม”“ฉันได้ยินมาว่าตอนนี้ผู้กุมอำนาจของตระกูลฮั่วคือฮั่วตงเฉิง เธอเคยเจอเขาไหม?” ฟู่ชิงเยว่ถามลองเชิง“คุณอารู้จักเขาเหรอครับ?”“เคยได้ยินมาบ้างน่ะ”“ผมเคยเจอเขาสองครั้ง แต่แค่เขาไม่ยอมพูดอะไรมาก อีกอย่างผมยังไม่รู้แน่ชัดว่าทำไมเขาถึงมาหาเรื่องตระกูลฟู่” ฟู่เ
ฉู่ซืออี๋หวนนึกขึ้นได้ว่า ปีนั้นตอนที่เธอเพิ่งถูกช่วยกลับมา และเมื่อต้องเผชิญหน้ากับการพบหน้าเธอ ในช่วงเวลานั้นฟู่เจิงดูเงียบมาก และไม่เคยพูดถึงเรื่องเลิกกันเลยเธอสัมผัสได้ถึงความรู้สึกตกต่ำ การโทษตัวเอง ความกลัดกลุ้มใจ การไม่ได้นอนทั้งคืนของเขา แม้จะเป็นแบบนี้แต่เขาก็ไม่เคยสูบบุหรี่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ฟู่เจิงที่มีฐานะเป็นคุณชายแห่งตระกูลฟู่ลืมกินลืมนอน ทุ่มเทกายใจเรียนอย่างหนัก เป็นนักเรียนสามดี[1]คนหนึ่งตอนที่ตามจีบเขา ฉู่ซืออี๋ที่มีความมั่นใจมาตลอดพบเจอกับล้มเหลวไม่เป็นท่า ถึงได้เผชิญหน้าหน้ากับฟู่เจิงอย่างจริงจัง เขาเป็นเด็กผู้ชายที่ไม่เหมือนกับลูกหลานตระกูลไฮโซทั่วไปเลยเขามีการแสวงหาของตัวเอง มีการยืนหยัดเป็นของตัวเองเธอคิดว่าเขาจะยืนหยัดในหลักการของตัวเองมาโดยตลอดทว่าไม่นึกเลยว่าจะถูกเวินเหลียงพังทลายลงอย่างง่ายดายฟู่เจิงบีบก้นบุหรี่กดลงไปในที่เขี่ยบุหรี่ ขณะยกแขนขึ้นเสื้อผ้าตรงไหล่ย่อมเลิกขึ้นจนเผยให้เห็นเค้าโครงของกล้ามเนื้อออกมา “ออกหน้ามาระบุตัวผู้ต้องหา คุณมีเงื่อนไขอะไรก็พูดมาได้เลย”ขณะรับสายฟู่เจิง ฉู่ซืออี๋ก็คาดเดาจุดประสงค์ของเขาเอาไว้แล้ว ในใจเธออดไม่ได
...เวินเหลียงพบว่าสายตาที่ฉู่ซืออี๋มองเธอมันดูแปลก ๆ ราวกับแฝงไปด้วยการมองอย่างละเอียดถี่ถ้วนและมองประเมินบางอย่าง นับตั้งแต่เช้าวันนี้ ก็เป็นแบบนี้เลย มิหนำซ้ำยังใช้เธอเป็นบ้าเป็นหลัง แค่เพราะเรื่องเล็ก ๆ ก็เหวี่ยงแล้ว“วันนี้เธอกินดินระเบิดมาเหรอ?”ในระหว่างว่างเพื่อรอเข้าฉากถ่ายละคร ในที่สุดเวินเหลียงก็อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วถาม“ชีวิตเธอนี่ดีจริง ๆ” ฉู่ซืออี๋จ้องเวินเหลียง จู๋ ๆ ก็พ่นประโยคนี้ออกมาสองคนพี่น้อง เจอผู้ชายคนเดียวกัน ทว่าจุดจบกลับต่างกันโดยสิ้นเชิงฉู่ซืออี๋บีบบทละครในมือแน่น ความรู้สึกอิจฉาคุกรุ่นความแตกต่างระหว่างทั้งสองคน ทั้งหมดมาจากพ่อเวินเหลียงได้เจอกับพ่อที่มีความรับผิดชอบอย่างเวินหย่งคัง แม้จะไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด ทว่าก็ไม่ได้ต่างอะไรจากพ่อผู้ให้กำเนิด ยอมเสียสละทั้งหมดเพื่อลูกสาวส่วนฉู่เจี้ยนกั๋วแม้จะเป็นพ่อผู้ให้กำเนิดเธอ ทว่ากลับไม่มีประโยชน์อะไรเลย ขนาดตายยังตายได้โง่เง่าที่สุดไม่ต้องพูดถึงว่าฉู่เจี้ยนกั๋วจะยอมตายเพื่อเธอเลย แค่ขอให้เขาก้าวหน้าขึ้นอีกหน่อยเหมือนอย่างคุณลุง เธอก็คงไม่ต้องตกต่ำมาถึงขั้นอย่างวันนี้หรอก!ในใจฉู่ซืออี๋
หลังผู้กำกับตะโกนว่าผ่าน เวินเหลียงก็หยิบเสื้อคลุมขนสัตว์ไปให้ฉู่ซืออี๋ตอนบ่ายยังมีฉากของฉู่ซืออี๋อีก พวกเธอกินข้าวเที่ยงกันที่กองถ่ายขณะที่เวินเหลียงเอาข้าวเที่ยงไปให้ฉู่ซืออี๋ ก็ได้ยินฉู่ซืออี๋รับสายอยู่ในรถ ราวกับว่าเป็นคนจากออฟฟิศของเธอโทรมา แสดงออกประมาณว่าทางนักลงทุนส่งบทละครมาสองสามเรื่อง มาถามให้ฉู่ซืออี๋เลือกหน่อยในบทละครสองสามเรื่องนั้น เวินเหลียงเคยได้ยินสองเรื่อง ล้วนเป็นบทละครนักลงทุนขั้นถัดไปเห็นดีเห็นงามแล้วทั้งนั้น ศิลปินมากมายต่างตบตีแย่งชิงกันเพื่อเข้าไปผู้กำกับและคนเขียนบทละครของบทละครหนึ่งในนั้นเข้าขาทำงานด้วยกันมาหลายครั้ง ได้รับรางวัลมานับไม่ถ้วน ล้วนเป็นบุคคลผู้ประสบความสำเร็จที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างยิ่งในวงการ เป็นละครฟอร์มยักษ์เรื่องหนึ่งที่เหลืออีกสองสามเรื่องเธอลองตรวจสอบดูแล้ว ล้วนเป็นละครที่สร้างขึ้นมาจากนิยายชื่อดังทั้งสิ้น แน่นอนว่าย่อมมีกระแสอยู่ในตัวเองอยู่แล้วเวินเหลียงประหลาดใจไปครู่หนึ่งในสองวันนี้ตอนที่เธอพัก ได้ยินทีมงานในกองถ่ายและนักแสดงตัวประกอบคุยกัน ก็พอจะเข้าใจวงการนี้ขึ้นมาบ้างแล้ว คนที่เป็นฝ่ายเลือกบทละครได้ก่อน ถ้าไม่ใช่เพราะด
ผ่านไปไม่กี่นาที่ ฉู่ซืออี๋ก็มาถึงเช่นกัน ก่อนจะเรียกให้เวินเหลียงขึ้นไปยังห้องรับรองที่จองเอาไว้ชั้นบนพร้อมกัน ภายในห้องรับรองมีคนมารออยู่สองสามคนแล้ว ล้วนเป็นนักแสดงที่เวินเหลียงเคยได้ยินชื่อเสียงมาก่อนทั้งสิ้น หนึ่งในนั้นมีคนหนึ่งที่เป็นนักแสดงมากฝีมือวัยกลางคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากพวกเขาคงเป็นนักแสดงที่ร่วมแสดงในรายการนี้เมื่อเห็นฉู่ซืออี๋เข้ามา ทั้งสองสามคนนั้นก็ทักทายกันอย่างเกรงอกเกรงใจฉู่ซืออี๋หาที่นั่งแล้วนั่งลงภายในห้องรับรองกลับไปเงียบสงัดลงอีกครั้ง บรรยากาศค่อย ๆ หยุดนิ่งไปนักแสดงมากฝีมือวัยกลางคนคนนั้นเป็นคนเอ่ยปากออกมาก่อน พร้อมเลือกหัวข้อสนทนาขึ้นมาขณะพูดคุยกันแม้จะมีความผิวเผิน ขานรับไปเรื่อย ทว่าดีร้ายยังไงก็ต้องทลายบรรยากาศอิหลักอิเหลื่อแปลกพิกลนี่เวินเหลียงครุ่นคิด นี่ก็คือวงการบันเทิงเหรอ?แม้จะเป็นเพื่อนร่วมงานกัน แต่ก็ยากจะพูดคุยเหมือนอย่างปกติ เพราะไม่แน่ว่าเมื่อไรจะมีผลประโยชน์เข้ามาพัวพัน กลายเป็นฝ่ายตรงข้ามกันเวลาประมาณเก้าโมงสิบนาที คนอื่น ๆ ก็ทยอยมากันทุกคนต่างลุกขึ้นต้อนรับคนที่มาในครั้งนี้ เป็นผู้กำกับของรายการ รองผู้กำกับสองคนและค
“หา?”เวินเหลียงที่จู่ ๆ ก็ถูกขานชื่อสะดุ้งโหยง เธอเงยหน้าขึ้นด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนจะพบว่าทุกคนมองมาที่เธอเป็นสายตาเดียวกันในฐานะผู้ช่วยคนหนึ่ง เธอพยายามลดความรู้สึกการมีตัวตนของตัวเองลงต่ำที่สุดแล้ว ทว่าทำไมผู้กำกับยังถามความคิดเห็นจากเธออีกล่ะ?เดี๋ยวนะเหมือนว่าผู้กำกับจะรู้จักเธอด้วย?“คุณคิดว่าตรงนี้อวี้หม่านควรมีปฏิกิริยายังไง?” ผู้กำกับเจิ้งถามขึ้นอีกรอบเวินเหลียงเห็นสีหน้าของผู้กำกับดูจริงจังเป็นอย่างมาก เธอจึงไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน “ฉันยังไม่เคยอ่านบทละคร ไม่รู้ว่าตรงนี้เป็นฉากประมาณไหน ฉันจะพูดในมุมของผู้ชมคนหนึ่งนะคะ ถ้าในใจของอวี้หม่านเต็มไปด้วยการแสวงหาตั้งแต่เริ่มแรก กลับกันได้สูญเสียคุณค่าของการตั้งค่าบทละครตัวนี้ไปแล้ว สูญเสียความเป็นตัวเองในตอนแรกไปท่ามกลางพวกตัวร้าย ฉันคิดว่า คนดูอาจจะยิ่งชอบดูการแสดงที่คนดี ๆ คนหนึ่งถูกบีบให้เปลี่ยนไปอยู่ในเส้นทางดำมืดภายใต้แรงกดดันของชีวิตมากกว่า ถ้าเป็นแบบนี้ตัวละครอวี้หม่านก็จะยิ่งมีอรรถรสมากขึ้น และเพิ่มความรู้สึกอินไปด้วยในขณะเดียวกัน”บทตัวร้ายที่ถูกบีบจนกลายเป็นพวกตัวร้ายมักจะดึงดูดความโศกเศร้าและความเห็นอกเห็นใจมากกว่าพ
พูดไปพลางเธอก็กระดกดื่มอึกเดียวหมด เกลี้ยงจนเห็นก้นแก้วแวววับเด็กใหม่อีกคนกลัวว่าจะสู้ไม่ได้ จึงเริ่มดื่มเหล้าคารวะเช่นกัน และเวินเหลียงก็ดื่มเหล้าแทนฉู่ซืออี๋อย่างเดิมหลังดื่มแก้วนี้หมด ต่อมานักแสดงคนอื่น ๆ ก็เริ่มมาดื่มเหล้าคารวะด้วยเช่นกัน ต่างพูดคุยกับฉู่ซืออี๋ ทว่าชนแก้วเหล้ากับเวินเหลียงหลังหญิงสามชายสองดื่มเหล้าคารวะกันเสร็จ ฉู๋ซืออี๋กับเวินเหลียงก็อื่มคารวะให้กับทุกคนที่อยู่บนโต๊ะหลังคารวะผู้กำกับเจิ้งเสร็จ ฉู่ซืออี๋ก็รินเหล้าให้เวินเหลียง พร้อมพยักหน้าให้รองผู้กำกับหม่า “รองผู้กำกับหม่าคะ ต่อไปตอนทำงานร่วมกันฝากเนื้อปากตัวด้วยนะคะ”“ฉันขอดื่มเหล้าคารวะคุณแทนคุณฉู่ค่ะ” เวินเหลียงยกแก้วเหล้าขึ้นชนกับแก้วของรองผู้กำกับหม่ารองผู้กำกับหม่ายิ้มตาหยี “เรื่องนั้นแน่นอนอยู่แล้ว เราร่วมแรงร่วมใจกัน ปีหน้าต้องดังระเบิดระเบ้อแน่นอน”ไม่รู้ว่าเวินเหลียงรู้สึกไปเองหรือเปล่า เธอมักรู้สึกว่าสายตาที่รองผู้กำกับหม่ามองเธอมันดูแปลก ๆดื่มลงคอไปแก้วแล้วแก้วเล่า เวินเหลียงรู้สึกได้ว่าในท้องมีเปลวเพลิงกำลังแผดเผาอยู่ก้อนหนึ่ง หลังดื่มเหล้าไปแก้มก็แดงระเรื่อไปหมด ดวงตาทั้งสองชุ่มน้ำ ค่อ
อิเลียลุกขึ้นพรวด พลางมองเยี่ยนหวยอย่างเหลือเชื่อ“ถ้าเธอยังเห็นฉันเป็นพี่ชายของเธออยู่ ก็เชื่อฟังฉัน แล้วกลับไปเมืองฟิลาเดลเฟียพรุ่งนี้ซะ!” เยี่ยนหวยนั่งตัวตรงพลางเงยหน้ามองเธออยู่บนโซฟา“ฉันไม่กลับ!” อิเลียเดือดดาลจนแค่นเสียงฮึออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะกลับไปนั่งตรงมุมโซฟา “อยากกลับพี่ก็กลับไปเองซะเลยสิ!”“ฟู่เจิงไม่ใช่คนดี ต่อให้ระหว่างพวกเธอมีลูกด้วยกัน เขาก็ไม่มีทางคบกับเธอ”ก่อนหน้านี้ฟู่เจิงเคยมีเรื่องอื้อฉาวว่ามีชู้ ตอนนี้ก็มีอดีตภรรยาที่มีความสัมพันธ์คลุมเครือมาอีกคน ขอให้เป็นผู้ใหญ่ที่รักลูกสาว ก็จะไม่มีวันเลือกเขาทั้งนั้น“พี่รู้ได้ยังไงว่าเขาไม่ใช่คนดี? พี่รู้ได้ไงว่าเขาจะไม่คบกับฉัน? วันนี้ตอนเที่ยงเรายังไปกินข้าวด้วยกันอยู่เลย!”เมื่อเห็นอิเลียดื้อดึง ในใจของเยียนหวยก็รู้สึกไม่ได้ดั่งใจ เขาแสยะยิ้มออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “พวกเธอไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกันตามลำพัง แต่ฟู่ซือฝานอยู่ข้าง ๆ ใช่ไหม?”ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ฟู่เจิงจะมากินข้าวกับอิเลียตามลำพังได้ยังไง? นอกเสียจากเขาคิดจะเลิกกับเวินเหลียงจริง ๆ“...ใช่ ก็เขาเป็นลูกของพวกเรานี่” เมื่อเห็นว่าถูกเดาทางถูก อิเลียก็พูดอึ
แต่หลังจากเดินตามแผนแล้วถึงได้พบว่า นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยถ้าพ่อแม่คุณลุงคุณป้ารู้ว่าเธอมีลูกนอกสมรสข้างนอก ต้องเข้ามาแทรก และไม่แน่ว่าจะพาตัวเธอกับลูกกลับไป“อิเลีย ผมเข้าใจนะครับคุณในฐานะแม่แท้ ๆ คุณอยากรีบกระชับความสัมพันธ์กับฝานฝาน แต่ก็อย่าตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก โดยเฉพาะมักจะไปหาฝานฝานที่โรงเรียนอนุบาล แบบนี้จะส่งผลกระทบกับชีวิตของเธอได้นะครับ”“ฉันรู้แล้วค่ะ ต่อไปจะไม่ไปหาเขาที่โรงเรียนอนุบาลอีก ฉันเห็นว่าคุณกินน้อยมาก อาหารที่เหลือไม่ถูกปากหรือเปล่า?”ฟู่เจิง “...ก่อนมาผมกินมาบ้างแล้ว”หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฟู่ซือฝานรบเร้าขอกลับกับฟู่เจิงเธอล้วงกลยุทธ์ร้องไห้งอแงชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้นของเด็กห้าขวบออกมาอย่างล้ำลึก ไม่มีเหตุผล ทว่าอิเลียฝืนเธอไม่ได้อิเลียทำได้เพียงกลับไปที่บ้านของเซี่ยเจิน“อิเลีย เธอกลับมาแล้วเหรอ?”เมื่อเห็นอลิซนั่งอยู่บนโซฟา อิเลียเดินมานั่งลง “เป็นยังไงบ้าง? ครั้งนี้เธอไปเมืองซีกับซีซาร์ ได้แสร้งทำเป็นเจอโดยบังเอิญ แล้วไปกินข้าวกับเขาอะไรหรือเปล่า?”อลิซเบะปาก “เปล่า”“ทำไมล่ะ? โอกาสดีขนาดนั้นทำไมเธอไม่คว้าเอาไว้?”“เขางานยุ่งมาก ฉันกล
อิเลียจัดผมด้วยท่าทางราวกับไม่มีเจตนาอื่น หน้าตาเผยความตื่นเต้นออกมาดูท่าเธอจะเลือกวิธีถูกจริง ๆในตอนนี้เธอเพิ่งเข้าใกล้ฟู่ซือฝานไม่เท่าไร ท่าทีของฟู่เจิงเขาก็ผ่อนคลายลงเยอะแล้วผ่านไปยี่สิบนาที ฟู่เจิงก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องรับรองนี่เป็นการเจอกันครั้งที่สองหลังจากวันนั้นเขานั่งลงข้าง ๆ ฟู่ซือฝาน พลางพยักหน้าให้อิเลียเบา ๆ “รบกวนแล้ว ไม่ถือสาที่ผมมาร่วมโต๊ะด้วยใช่ไหม?”“ไม่ถือสา นั่งเถอะค่ะ”สีหน้าของอิเลียเย็นชา ราวกับยังอยู่ต่อหน้าคุณหญิงและฟู่ชิงเยว่ครั้งก่อน เธอไม่ได้โกรธที่ฟู่เจิงปฏิเสธเธออย่างไร้ความปรานี“งานผมยุ่งมาก ยากที่จะใส่ใจคุณกับฝานฝานได้มากขนาดนั้น”“ฝานฝานเป็นลูกของฉัน นี่เป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว ฉันไม่รู้ว่าคุณจะมา ก็เลยสั่งอาหารไปสุ่ม ๆ เดี๋ยวอาหารมาเสิร์ฟคุณก็ดูแล้วกันว่าอยากจะสั่งเพิ่มไหม”“ผมไม่เลือกกิน” ฟู่เจิงตอบจากนั้นพนักงานก็เริ่มมาเสิร์ฟอาหารฟู่เจิงมองเนื้อแพะที่มาเสิร์ฟเต็มโต๊ะ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก้มหน้าไปมองฟู่ซือฝานฟู่ซือฝานก้มศีรษะน้อย ๆ อย่างกระวนกระวายอิเลียหยิบตะเกียบขึ้นมา “ไม่ต้องเกรงใจ กินเลยค่ะ”ฟู่เจิงลังเลอยู่ครู่หนึ่
เจียงเฉิงเที่ยงวันศุกร์ อิเลียไปรับฟู่ซือฝานออกไปกินข้าวเที่ยงที่คฤหาสน์ย่านซิงเหอวานเธอฉีกยิ้มพลางพูดกับฟู่ซือฝานว่า “เมื่อวานแม่ว่าจะไปรับหนูที่โรงเรียนอนุบาล จู่ ๆ ก็นึกถึงคำพูดของหนูเมื่อครั้งก่อนได้ ก็เลยมาวันนี้ วันนี้ตอนบ่ายแม่จะพาหนูไปเล่นดี ๆ เป็นยังไงจ๊ะ?”ฟู่ซือฝานเอียงคอพลางครุ่นคิด “ตอนบ่ายหนูต้องทำการบ้าน แค่กินข้าวเที่ยงก็พอแล้วค่ะ”“ก็ได้ งั้นหนูคิดไว้หรือเปล่าว่าอยากกินอะไร?”“ไปร้านอาหารที่มีเมนูเนื้อแพะแนะนำแล้วกันค่ะ” ฟู่ซือฝานเอ่ยขึ้นด้วยทีท่าจริงจัง “วันนี้คุณลุงบอกว่าจะไปกินข้าวเที่ยงเป็นเพื่อนหนู ไม่รู้ว่าจะมาไหม”นัยน์ตาอิเลียวาบความปลื้มปีติออกมา “จริงเหรอ?”“เขาเคยบอกไว้แบบนี้ค่ะ คุณน้าคะ ที่คุณน้ารับหนูออกมา ไม่ใช่เป็นเพราะอยากกระชับความสัมพันธ์กับหนูสองต่อสองเหรอคะ? ทำไมถึงหวังให้คุณลุงมาด้วยล่ะคะ?”เจ้าตัวน้อยเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง“น้า...น้ามีเรื่องอยากพูดคุยกับพ่อของหนูน่ะ แล้วก็หวังว่าเราจะได้กินข้าวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว” อิเลียรีบหาข้ออ้างทันทีเจ้าเด็กคนนี้ หูตาเฉียบแหลมจริง ๆ“อ้อ”“น้าจะหาร้านอาหารเนื้อแพะเดี๋ยวน
“เรียกฉันทำไม?” เยี่ยนหวยมองเธอด้วยสีหน้าไร้เดียงสา“ตอนนี้มันฤดูร้อน”ผ่านฤดูใบไม้ผลิมาแล้ว“ฉันแค่นึกถึงวันนั้นที่ไปติวให้เธอแล้วเจอแม่เธอเข้าโดยบังเอิญ เธอคิดไปถึงไหน?” เยี่ยนหวยเลิกคิ้วถังซือซือชะงักไปมีครั้งหนึ่งตอนที่เธอติวอยู่ในบ้าน แล้วบังเอิญเจอแม่ของเธอเข้าจริง ๆ แต่นั่นมันเรื่องตอนเทอมที่สองเยี่ยนหวยต้องจงใจพูดถึงวันนั้นตอนเทอมแรกแน่ ๆ ให้เธอเข้าใจผิดถ้าเธอชี้ไปเลยว่าเยี่ยนหวยจำผิด ก็จะเข้าแผนของเยี่ยนหวย เหมือนว่าเธอยังไม่เคยลืมเรื่องในอดีต คิดถึงเรื่องราวเหล่านั้นของเธอกับเยี่ยนหวยอยู่ตลอด“ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูร้อนเหรอ? นายคิดไปถึงไหนอีก?” เธอปัดตกเรื่องนี้ไปอย่างมั่นใจทันทีหลังพูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินไปด้านหน้าต่อ “ไม่พูดแล้ว รีบไปร้านถัดไปเถอะ”อยู่ข้างนอกจนถึงสี่ทุ่ม ทั้งสองคนถึงกลับไปยังโรงแรมด้วยกันถังซือซืออยากเรียกรถกลับไปเอง ไม่อยากให้เยี่ยนหวยไปส่งเธอเยี่ยนหวยจึงเอ่ยไปตามตรงว่า “ฉันพักอยู่ที่โรงแรมเดียวกันกับเธอ”ถังซือซือ “...”นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแล้วคราวก่อนตอนที่เวินเหลียงถ่ายรูปเยี่ยนหวยรูปแรกที่เมืองฟิลาเดลเฟีย เวินเหลียงก็ถามว่าช่วงนี้เยี่ยนหวย
เมืองซีในฐานะเมืองใหญ่ของเจียงหนาน ประเภทของกินเล่นมีมากมาย ของกินเอกลักษณ์ที่ขึ้นชื่อไปทั่วประเทศอาทิ เต้าหู้เหม็น ไส้กรอกยักษ์ เส้นหมีเฝิ่น กุ้งเผ็ดเป็นต้นถังซือซือเคยมาเมืองซีตอนมาทำงานต่างถิ่นก่อนหน้านี้ เวลาค่อนข้างกระชั้นชิด จึงทำได้เพียงเดินช็อปปิงที่อื่น แต่เพิ่งเคยมาถนนคนเดินที่นี่เป็นครั้งแรกเธอซื้อไส้กรอกยักษ์สองชิ้นก่อน และแบ่งให้เยี่ยนหวยหนึ่งชิ้นกินไปได้เพียงครึ่งเดียว ถังซือซือก็หยุดอยู่ตรงหน้าร้านขายขนมฉือปา เธอกลืนน้ำลายแล้วถามขึ้นว่า “รู้ไหมคะว่าตรงไหนมีถังขยะบ้าง?”“ที่เหลือเธอไม่กินแล้วเหรอ?”“อืม”“ไม่อร่อย?”“ไม่ใช่ อร่อยมาก แต่ว่ายังมีของอร่อยอื่น ๆ อีกเยอะแยะ ฉันอยากเก็บท้องเอาไว้”เยี่ยนหวย “...”“เอามาให้ฉันก็ได้” เยี่ยนหวยรับไส้กรอกครึ่งชิ้นที่เหลืออยู่มาจากในมือของเธอ ก่อนจะเติมเข้าไปในท้องอย่างไม่มีภาระใด ๆถังซือซือซื้อขนมฉือปาแล้วเธอทำตัวอย่างกับโจร แต่ละร้านไม่ยอมปล่อยไปเลย ทว่าก็ชิมเพียงสองสามคำ ทั้งหมดที่เหลือก็โยนให้เยี่ยนหวยอย่างสบายใจเยี่ยนหวยเพลิดเพลินกับพฤติกรรมพรรค์นี้ ในใจเข้าใจได้ในทันที ราวกับกลับไปเมื่อเจ็ดปีก่อนหลังเรียนอย
“มันเรื่องอะไรกันแน่?”ก่อนหน้านี้ที่เยี่ยนหวยอยู่ที่เจียงเฉิง กลับไม่ได้สังเกตเท่าไรว่าอิเลียกำลังทำอะไรอยู่ เธอออกไปข้างนอกทุกวัน เยี่ยนหวยคิดเพียงแค่ว่าเธอกำลังไปเที่ยวเล่นถังซือซือไม่ใช่คนที่จะกุเรื่องมั่วซั่ว เธอพูดแบบนี้ ต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ ๆ“พูดไปแล้วก็ยาว ตอนแรกฟู่ชิงเยว่อาของฟู่เจิงรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอยู่ที่เมืองนอก ตอนนี้อายุห้าขวบแล้ว ปีที่แล้วอาเหลียงแท้ง แล้วฟู่ชิงเยว่ติดธุระพอดี เลยส่งเด็กคนนั้นกลับประเทศมาให้ฟู่เจิงดูแลช่วงหนึ่ง ฟู่เจิงเลยให้เด็กคนนั้นอยู่ในประเทศไปเลยเพื่อง้ออาเหลียง ปกติจะมาอยู่เป็นเพื่อนอาเหลียง และเด็กคนนั้นเองก็เข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้านของฟู่เจิง แต่ว่า...”เยี่ยนหวยเดาเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปออกแล้ว จึงรับช่วงเอ่ยขึ้นต่อว่า “แต่ว่าจู่ ๆ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวบอกว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกของฟู่เจิงกับอิเลีย?”“ใช่ รายละเอียดฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน เหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับอาของฟู่เจิงนิดหน่อย เธอรู้ตัวตนของเด็กผู้หญิงคนนั้นมาตั้งแต่แรก และไม่ชอบอาเหลียงมาโดยตลอด ยังไงตอนนี้อาเหลียงก็อยู่กับฉัน เขากับฟู่เจิงทะเลาะกันอีกแล้ว”เยี่ยนหวยเอ่ยควา
“เยี่ยนหวย!!”ประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสองคนเข้าไปกันตามลำดับ แล้วลงไปยังลานจอดรถใต้ดินตรงมุมเลี้ยว ในหัวของผู้หญิงสวมหน้ากากอนามัยวาบภาพที่เห็นเมื่อครู่ขึ้นมา หมัดที่ห้อยอยู่กำขึ้นแน่น เธอก้มหน้าทั้งดวงตาที่ประกายความอำมหิตออกมาหากเวินเหลียงอยู่ตรงนี้ คงจะจำได้แน่ ๆ ว่าผู้หญิงที่สวมหน้ากากอนามัยคนนี้ก็คืออลิซที่เธอมาเจียงเฉิง ก็เพราะเยี่ยนหวย เยี่ยนหวยมาเมืองซีเมื่อสองวันก่อน เธอเองก็ตามมาเช่นกันอิเลียถามเลขาของเยี่ยนหวย เมื่อรู้โรงแรมของเขาก็บอกกับอลิซทีแรกอลิซคิดว่าเยี่ยนหวยมาทำธุระที่เมืองซี จากนั้นก็ค่อย ๆ พบว่ามันไม่ชอบมาพากลเยี่ยนหวยไม่ยุ่งเลยสักนิดแถมยังมีเวลาไปสอบถามร้านอาหารท้องถิ่น ถนนคนเดิน จุดชมวิวของเมืองซีเป็นต้น อีกต่างหาก ไม่เหมือนมาทำงานต่างถิ่น แต่เหมือนมาเที่ยวเสียมากกว่าจนกระทั่งวันนี้ เมื่อได้เห็นภาพนั้น อลิซถึงเข้าใจทุกอย่างที่แท้คนที่ซีซาร์ชอบไม่ใช่เฟย์ แต่เป็นถังซือซือเพื่อนของเฟย์!ที่แท้เขาไม่ได้มาทำงานต่างถิ่นที่เมืองซี แต่มาเพื่อตามจีบถังซือซือ!ที่เขาสอบถามร้านอาหารและจุดชมวิวของเมืองซี ก็เพื่อพาถังซือซือไปวันนี้!ในใจอลิซอิจฉาเป็นอย่างม
เมื่อเยี่ยนหวยได้ยินดังนั้น ก็รู้ในทันทีว่าเวินเหลียงไม่ได้รักษาคำมั่นสัญญาแต่เขาก็เตรียมตัวไว้นานแล้ว วันนั้นหลังจากกลับไปก็ให้คนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด แล้วตัดคลิปมาใส่ไว้ในโทรศัพท์เมื่อได้ยินถังซือซือถามขึ้น เขาก็รีบส่งให้เธอทันที “ก็แค่คนที่ไม่สลักสำคัญอะไรคนหนึ่ง ฉันปฏิเสธเขาไปแล้ว”ถังซือซือดูคลิปรอบหนึ่ง ก่อนจะเบะปาก “อยู่ต่างประเทศคุณเยี่ยนมีสาวมาชอบเพียบเลยนะคะ”“แต่ฉันสนใจอยากจะครอบครองแค่เธอ”“จะยอมให้ฉันครอบครองไหม คุณถัง?”เยี่ยนหวยนั่งเอี้ยวตัว แขนข้างหนึ่งพาดอยู่บนพนักพิงเก้าอี้ เขาโน้มตัวเข้ามา ตัวท่อนบนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ กลิ่นหอมฉุยจาง ๆ และกลิ่นอายของชายหนุ่มที่มาพร้อมกับการบุกรุกโอบล้อมเธอเอาไว้เขาดันแว่นตากรอบทอง สีหน้าอบอุ่น ฉีกยิ้มทว่าก็ราวกับไม่ยิ้ม มุมปากกระตุกรอยยิ้มเล็กน้อย ค่อนข้างมีความรู้สึกประเภทหน้าเนื้อใจเสือถังซือซือเหม่อไปครู่หนึ่ง“คุณถัง?”ใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ไออุ่นร้อนปะทะเข้ามาที่หน้า ในที่สุดถังซือซือก็ได้สติกลับมา เธอเอนหลังพลางตบหน้าอก “นายทำฉันตกใจหมด...ไป ไปเดินหาของกินเล่นกันเถอะ”เธอลุกขึ้นและเดินออกไปอย่าง