“หนูเคยได้ยินคุณย่าพูดถึง คุณย่าร้องไห้ด้วย หนูปลอบคุณย่าว่าไม่ต้องร้องนะคะ”“ฝานฝานทำถูกแล้ว” ฟู่เจิงชมคุณท่านจากไปอย่างกะทันหัน แม้แต่ฟู่เจิงยังไม่ทันได้พูดประโยคสุดท้ายกับคุณท่านเลยในเมื่อไม่ได้เจอหน้าเป็นครั้งสุดท้าย ฟู่ชิงเยว่จึงไม่ได้กลับมา คงจะรอจนกว่าจะถึงปีใหม่“งั้นคุณลุงต้องอยู่กับคุณป้าแน่ ๆ!” ฟู่ซือฝานมองฟู่เจิงพลางยิ้มอย่างเริงร่าสีหน้าของฟู่เจิงแข็งทื่อ “ฝานฝาน ตอนนี้ลุงกับป้าไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว”“ทำไมล่ะคะ? สามีภรรยาก็อยู่ด้วยกันทั้งนั้น เหมือนคุณย่าทวดกับคุณปู่ทวด” ในดวงตากลมโตของฟู่ซือฝานเต็มไปด้วยความสงสัย“เพราะลุงหย่ากับป้าแล้ว ฝานฝานรู้ไหมว่าหย่าหมายความว่าอะไร? หมายความว่าลุงกับป้าไม่ได้เป็นสามีภรรยากันอีกต่อไปแล้ว”บนใบหน้าน้อย ๆ ของฟู่ซือฝานเผยสีหน้าผิดหวังออกมา “คุณป้าสวยขนาดนั้น ทำไมคุณลุงถึงหย่ากับคุณป้าล่ะคะ? คุณลุงจะแต่งงานกับคุณน้าอีกคนใช่ไหมคะ?”คุณน้าอีกคน หมายถึงฉู่ซืออี๋ ฟู่ซือฝานรู้ถึงการมีตัวตนของเธอ“ไม่ใช่ ลุงไม่ได้อยากแต่งงานกับคนอื่น ลุงไม่ได้อยากหย่ากับป้า แต่ป้าเป็นคนอยากหย่ากับลุง”“จริงเหรอคะ?” ใบหน้าของเจ้าตัวน้อยเต็มไปด้วยท
“สวัสดีจ้ะซือฝาน ช่างเป็นเด็กดีจริง ๆ รีบนั่งลงสิ” คุณหญิงพยักหน้าด้วยความพอใจ ก่อนจะล้วงนาฬิกาข้อมือเด็กที่เตรียมเอาไว้ตั้งนานแล้วออกมาส่งให้ฟู่ซือฝาน “นี่เป็นของขวัญเจอหน้ากันครั้งแรกที่ย่าทวดให้เธอ” เจ้าตัวน้อยไม่กลัวคนแปลกหน้าเลยแม้แต่น้อย เธอวางกระเป๋าเป้ลงบนโซฟาก่อน แล้วเขย่งขาขึ้นไปนั่งข้างคุณหญิง ค่อยหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นมาเปิด “ขอบคุณค่ะคุณย่าทวด คุณย่าทวดคะ หนูเอาของขวัญมาให้คุณย่าทวดด้วยค่ะ”พูดไปเธอก็พลางล้วงกล่องเหล็กออกมาจากกระเป๋าเป้กล่องหนึ่ง “นี่ค่ะ คุณย่าทวด นี่เป็นคุกกี้ที่หนูทำเองกับมือเลยค่ะ คุณย่าทวดลองชิมดูสิคะ”“ว้าว ซือฝานของเรายังเด็กขนาดนี้แต่ทำคุกกี้เป็นแล้วเหรอ? เก่งจริง ๆ!”คุณหญิงเปิดกล่องเหล็กออก ข้างในเป็นคุกกี้สีเหลืองอร่ามที่ถูกวางเอาไว้สะเปะสะปะ ดูออกทันทีว่าใช้แม้พิมพ์กดออกมา มีรูปทรงกระต่ายตัวน้อย มีรูปทรงเจ้าแมวตัวเล็ก และยังมีรูปทรงกลม รูปทรงตัวเลขหนึ่ง เป็นต้นคุณหญิงหยิบออกมาชิมคำหนึ่ง ฟันปลอมเกือบหลุดออกมาจากปาก“อร่อยไหมคะ?!” ฟู่ซือฝานมองเธอด้วยนัยน์ตาเปล่งประกายดวงตาสองข้างนั้น ทั้งใหญ่ทั้งกลม แบ่งสัดส่วนตาดำและตาขาวออกอย่างชัดเจนเดิ
เจ้าตัวน้อยโอบคอของฟู่เจิงเอาไว้ พร้อมชมด้วยความตื่นเต้นดีใจ “ว้าว! คุณลุง คุณลุงเก่งมากจริง ๆ! หนูชอบคุณลุงสุด ๆ!”“เพราะลุงอุ้มเธอมือเดียวได้งั้นเหรอ?”“อืม ๆ! พ่อของสวี่เซ่อก็อุ้มเขาขึ้นมาด้วยมือเดียวได้เหมือนกัน! ฝานฝานไม่มีพ่อ คุณลุงทำให้หนูรู้สึกเหมือนถูกพ่ออุ้มเลย”เมื่อได้ยินดังนั้น ฟู่เจิงก็มองฟู่ซือฝาน พลางเจ็บปวดใจเล็กน้อยเจ้าเด็กน้อยตรงหน้าคนนี้ ดูเหมือนจะไม่รู้จักคิดไม่มีสมอง ทว่าอันที่จริงรู้ประสีประสาทุกอย่างเด็กหญิงตัวน้อยที่น่ารักขนาดนี้ ทำไมพ่อแม่ของเธอถึงได้ใจแข็งทิ้งไปได้นะ? ไม่เหมาะจะเป็นพ่อแม่คนจริง ๆ!มีแวบหนึ่งฟู่เจิงผุดความคิดที่จะรับเลี้ยงฟู่ซือฝานขึ้นมาเขาเพียงแค่อยากอยู่กับเวินเหลียง พวกเขาคงไม่มีลูกด้วยกันอีก รับเลี้ยงฟู่ซือฝานบางทีอาจเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวก็ได้เพียงแต่เขาจะเอ่ยปากออกไปสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ ต้องรอจนกว่าเขาจะจีบเวินเหลียงกลับมาได้ แล้วถามความคิดเห็นของเวินเหลียงพวกเขากลับไปกินข้าวเที่ยงกันที่บ้านใหญ่ เจ้าหนูน้อยเหนื่อยแล้ว เธอง่วงจนลืมตาไม่ขึ้นฟู่เจิงถามขึ้นเบา ๆ ว่า “ฝานฝาน ลุงพาเธอกลับไปบ้านลุงเลยนะ ตอนนี้เธอนอนบนรถไปก่อนสักพ
“ฝานฝาน” เวินเหลียงยิ้มเล็กน้อยพลางโน้มตัวลงไป แล้วอุ้มฟู่ซือฝานขึ้นมา บีบหน้าแดง ๆ ของเจ้าตัวน้อยอย่างสนิทสนม “ทำไมเธอถึงมาเมืองเจียงเฉิงได้ล่ะ?”ฟู่ซือฝานจูบลงบนหน้าเวินเหลียงดังจุ๊บ ๆ ก่อนจะผงกศีรษะน้อย ๆ ขึ้นมา “หนูปิดเทอมแล้วน่ะค่ะ คุณย่ามีธุระ เลยดูแลหนูไม่ได้”เธอยัดกล่องใสในมือให้เวินเหลียง “คุณป้าคะ นี่เป็นของขวัญที่หนูเอามาให้คุณป้าค่ะ”ดวงตากลมดิ๊กของฟู่ซือฝาน อย่างกับปุ๊กลุกตอนมุดอยู่ใต้โต๊ะเป๊ะ ๆ เวินเหลียงมองไปแล้วก็อดไม่ได้ที่จะใจอ่อน “ขอบคุณนะฝานฝานเรื่องของขวัญน่ะ จะขึ้นไปเล่นกับป้าไหม?”ไม่รู้เพราะอะไร เธอมักมีความรู้สึกสนิทสนมกับฟู่ซือฝานขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุถ้าลูกของเธอได้คลอดออกมา จะน่ารักเหมือนฝานฝานไหมนะ?ฟู่ซือฝานพยักหน้าหนัก ๆ “ไปค่ะ!”“ไปกัน ไปเล่นข้างบนกับป้า”เวินเหลียงจูงมือฟู่ซือฝานเดินเข้าไปในย่านเมื่อฟู่เจิงเห็นว่าผู้ใหญ่อย่างตนถูกละเลยอยู่คนเดียว เขาก็ลูบจมูก และเดินตามอยู่ด้านหลังไปเงียบ ๆเวินเหลียงเดินไปได้สองก้าวก็หยุดฝีเท้าลง ก่อนจะหันหน้าไปมองฟู่เจิงฟู่เจิงเองก็หยุดฝีเท้าลงอย่างแรง สีหน้าเหยเกอยู่เล็กน้อย“ส่วนคุณน่ะไม่ต้องตามไป” เ
“คุณป้าคะ คุณลุงบอกว่าที่บ้านของคุณป้ามีแมวอยู่ตัวหนึ่ง? หนูเองก็ชอบแมวเหมือนกัน!”“ที่บ้านป้ามีแมวอยู่ตัวหนึ่งจริง ๆ แต่ว่าตอนนี้แมวมันเป็นเชื้อราแมว เชื้อราแมวแพร่สู่คนได้ ฝานฝาน เธอยังเด็กเกินไป ถ้าสัมผัสแมว อาจติดเชื้อราแมวเอาได้นะ”“เชื้อราแมวคืออะไรเหรอคะ?” ใบหน้าของเจ้าตัวน้อยเผยความผิดหวังออกมา ก่อนจะถามขึ้นด้วยความสงสัย“เป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่งจ้ะ”เวินเหลียงเปิดโทรศัพท์ แล้วเซิร์ชหาภาพเชื้อราแมวในเบราว์เซอร์ ก่อนจะเอาให้ฟู่ซือฝานดู “นี่ไง นี่ก็คือเชื้อราแมว”เวินเหลียงเป็นผู้ใหญ่ ภูมิคุ้มกันแข็งแรง อาจไม่ติดเชื้อ แต่ฟู่ซือฝานยังเด็กเกินไป เวินเหลียงไม่กล้าพาเธอไปเสี่ยงแม้จะบอกว่าเชื้อราแมวเป็นโรคที่รักษาให้หายเองได้ แต่ฟู่ซือฝานไม่ใช่ลูกของตนหากติดเชื้อราแมวขึ้นมา ฟู่ชิงเยว่คงได้มาคิดบัญชีกับเธอแน่เจ้าตัวน้อยดูภาพเชื้อราแมวแล้ว ก็เอ่ยขึ้นด้วยความรังเกียจว่า “น่าขยะแขยงจัง จะหายไหมคะ?”“หายจ้ะ แค่ตรงที่เป็นเชื้อราแมวจะคันนิดหน่อย”เมื่อได้ยินดังนั้น ฟู่ซือฝานก็กลอกตาทีหนึ่ง พลางกัดนิ้ว สีหน้าเต็มไปด้วยความสับสน “แต่หนูก็ยังอยากเล่นกับแมวอยู่ดี ทำยังไงดีคะ?”เวินเ
ฟู่ซือฝานตอบตกลง เวินเหลียงหยิบกุญแจรถแล้วออกจากห้องไปเมืองเจียงเฉิงในฐานะเมืองเอกประจำมณฑลเจ เป็นศูนย์กลางการปกครองและศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ ธุรกิจการท่องเที่ยวพัฒนาไปในทิศทางที่ไม่เลวเลย มีจุดชมวิวโด่งดังไปทั่วทั้งประเทศอยู่สองสามแห่ง เมื่อถึงวันหยุดจะมีคนมากมายเวินเหลียงขับรถพาฟู่ซือฝานไปยังจุดชมวิวสองแห่งของเมืองเจียงเฉิง ถ่ายรูปมาไม่น้อยเลยทีเดียว พร้อมทั้งถือโอกาสเดินเล่นรอบ ๆ จุดชมวิวด้วยฟู่ซือฝานกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ เธอซื้อของที่ระลึกไปเยอะมาก บอกว่าจะซื้อกลับไปฝากคุณย่าและบรรดาเพื่อนร่วมชั้นของตัวเองเมื่อถึงตอนกลางวัน เวินเหลียงก็พาฟู่ซือฝานไปกินข้าวที่ร้านอาหารมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งใกล้จุดชมวิวทั้งสองคนเลือกที่นั่งริมหน้าต่าง สามารถมองเห็นทัศนียภาพด้านนอกได้ที่นั่งค่อนข้างสูง เวินเหลียงอุ้มฟู่ซือฝานขึ้นไป ขาเล็กสั้นลอยอยู่ในอากาศ จากนั้นก็แกว่งไปแกว่งมาเพื่อให้ดูแลเธอได้สะดวก เวินเหลียงจึงนั่งฝั่งเดียวกับเธอ หารือกันแล้วสั่งอาหารมาสองสามอย่างฟู่ซือฝานใช้ชีวิตอยู่ในไชน่าทาวน์ที่ลอสแอนเจลิส ชินกับการกินอาหารจีน แต่ถึงอย่างไรก็เป็นต่างประเทศ อาหารจีนไม่หลากหลายเ
“ใช่ว่าอาไม่อยากให้เธอเห็น อาแค่รู้สึกว่าข้อความของเขามันไม่สำคัญจริง ๆ”“ถ้าเป็นข้อความของคนอื่นล่ะคะ?”เวินเหลียง “...”แต่เธอก็ยังเปิดโทรศัพท์อ่านทีหนึ่งยังเป็นข้อความของเมิ่งเซ่อเหมือนเดิมเมิ่งเซ่อ “พี่ครับ ช่วงนี้พี่มีเวลาไหมครับ? ผมอยากเลี้ยงข้าวพี่สักมื้อ”อาจเป็นเพราะกลัวเวินเหลียงไม่ตอบตกลง เมิ่งเซ่อจึงพูดเสริมขึ้นมาอีกว่า “เพิ่งเริ่มฝึกงาน ยังมีเรื่องอีกเยอะที่ไม่ค่อยเข้าใจ ก่อนหน้านี้พี่เป็นพนักงานของฟู่ซื่อ กรุ๊ป ผมเลยอยากขอคำแนะนำจากพี่หน่อยน่ะครับ”“คุณอาคะ เขานัดคุณอากินข้าวน่ะ”“อืม”เวินเหลียงปิดหน้าจอไปเลย“คุณอาไม่ตอบกลับเหรอคะ?”“ไม่จำเป็นต้องตอบกลับ”“หนูรู้แล้ว ป้าสะใภ้ไม่ชอบเขา! หนูเองก็ไม่ชอบเขาเหมือนกัน!”“ทำไมเธอถึงไม่ชอบเขาล่ะ?”ฟู่ซือฝานจับนิ้วชี้ของเวินเหลียง พร้อมแกว่งแขนของเวินเหลียง “เพราะเขาแย่งป้าสะใภ้กับคุณลุง! ป้าสะใภ้คะ หนูชอบป้าสะใภ้ หนูอยากให้ป้าสะใภ้เป็นป้าสะใภ้ของหนู”“ฝานฝาน เธอชอบฉัน ฉันเป็นคุณอาของเธอมันก็ได้เหมือนกันนี่ ฉันกับคุณลุงของเธอหย่ากันแล้ว นี่เป็นเรื่องใหญ่ในชีวิต ฉันไม่สามารถเป็นป้าสะใภ้ของเธอได้อีก”“แต่ว่าคุณลุ
เวินเหลียงกำลังรออาหารมาเสิร์ฟ ทันใดนั้นโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้นมา บนหน้าจอโชว์ชื่อของฟู่เจิง“ป้าสะใภ้คะ สายของคุณลุงค่ะ” ฟู่ซือฝานที่สายตาแหลมคมเห็นเข้าแล้วเวินเหลียงหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย “ฮัลโหล?”“ตอนนี้พวกเธออยู่บ้านกันหรือเปล่า? ฉันจะไปรับฝานฝาน”เวินเหลียงยกโทรศัพท์ไปให้ห่างหน่อยหนึ่ง ก่อนจะมองฟู่ซือฝานที่อยู่ข้าง ๆ แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ฝานฝาน คุณลุงของเธอจะมารับเธอแล้ว คืนนี้เธอจะกลับไปกับอาไหม? หรือว่ากินข้าวเสร็จแล้วก็กลับไปกับคุณลุงของเธอ?”ฟู่ซือฝานแสร้งทำเป็นครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างว่านอนสอนง่ายว่า “วันนี้ป้าสะใภ้เหนื่อยมามากแล้ว ฝานฝานกลับไปกับคุณลุงหลังกินข้าวเสร็จก็ได้ค่ะ” “โอเค งั้นฉันจะให้เขามานะ”เวินเหลียงเอาโทรศัพท์มาแนบข้างหูอีกครั้ง “ตอนนี้พวกเราอยู่ที่ร้านอาหารฮอลแลนด์ถนนวัฒนธรรม อาหารยังไม่มาเสิร์ฟ”เธอมองเวลา “คุณมาประมาณหกโมงครึ่งก็แล้วกัน”ฟู่เจิงชะงักไปครู่หนึ่ง “ตอนนี้ฉันอยู่ใกล้ ๆ พอดี จะไปเดี๋ยวนี้แหละ”ไม่ให้โอกาสเวินเหลียงได้ปฏิเสธ เขาก็ตัดสายไปเลยเวินเหลียง “...”ไม่นานปลาเผาก็มาเสิร์ฟ ยังมีอาหาร