และเมื่อนึกถึงท่าทีที่ฟู่เจิงมีต่อเขา มักจะแฝงความเป็นศัตรูเอาไว้อย่างเลือนรางอยู่ตลอด ทีแรกเขาคิดว่าตัวเขาเข้าใจผิดไปเองบางรายละเอียดที่ไม่น่าสนใจ ตอนแรกไม่ทันได้สังเกตเห็น พอมานึกย้อนดูในตอนนี้แล้วถึงเข้าใจขึ้นมาที่แท้ในบางเรื่องก็มีสัญญาณมาตั้งนานแล้วเขาถึงขั้นสงสัยว่า แฟนหนุ่มที่เวินเหลียงพูดถึงนั้นหมายถึงฟู่เจิงและคราวก่อน เวินเหลียงบอกว่าพวกเขากำลังจะเลิกกันแล้ว ซึ่งชนวนก็คือฟู่เจิงจัดการวันเกิดให้ฉู่ซืออี๋และโจวอวี่ก็นึกไปถึง ที่ฉู่ซืออี๋ถูกไฟครอกจนได้รับบาดเจ็บคราวก่อน ทั้ง ๆ ที่อาการบาดเจ็บไม่ได้รุนแรงเลย แต่ฟู่เจิงกลับไปเฝ้าอยู่หน้าเตียงทั้งคืนฟู่เจิงกับฉู่ซืออี๋พัวพันยุ่งเหยิงกันขนาดนี้ จะคู่ควรกับเวินเหลียงได้ยังไง?ดังนั้นเขาจึงส่งข้อความไปหาเวินเหลียงอีกครั้ง “อาเหลียง ถ้าเรื่องในข่าวเป็นความจริง ฉันหวังว่าเธอจะคิดให้ดีหน่อยนะ ฟู่เจิงไม่ใช่คนที่คู่ควรให้ฝากชีวิตเอาไว้!”เปิดหน้าจอโทรศัพท์มา เวินเหลียงก็เห็นสองข้อความนี้ของเขาหากเป็นก่อนหน้านี้ เมื่อเห็นโจวอวี่พูดแบบนี้ เธอจะแก้ต่างให้ฟู่เจิงทันทีทว่าตอนนี้ เวินเหลียงเพียงขมวดคิ้วเล็กน้อย ในจังหวะที่เธอกำ
“การค้นหาร้อนแรงอะไรเหรอ?”อีกคนพูดขึ้นว่า “ฉันเห็นแล้ว! ถูกเปิดโปงตอนกลางดึก แล้วจู่ ๆ ก็หายไปไม่ทิ้งร่องรอยในเวลาแค่หนึ่งชั่วโมง ประธานฟู่ของเรานี่สุดยอดเลยจริง ๆ”“พวกเธอรีบพูดมาสิการค้นหาร้อนแรงอะไรเหรอ?”“ลู่ลู่ ถ้าเธอรู้คงได้อกแตกตายแน่”พนักงานที่ชื่อลู่ลู่คนนั้น ซี๊ดปากทีหนึ่ง “คงไม่ใช่คู่จิ้นของเราถูกล่มเรือหรอกนะ?”พนักงานอีกสองคนสนิทสนมกับเธอมาก ต่างรู้ดีว่าลู่ลู่ชอบพูดเรื่องคู่จิ้นที่สุดแฟนคลับตัวยงระดับสิบสองของแฮชแท็กคู่จิ้น จิ้นฟ้าจิ้นดิน มืดฟ้ามัวดินไปหมดและเธอก็เป็นพนักงานภายในฟู่ซื่อ กรุ๊ป เคยเห็นฉู่ซืออี๋มาหาฟู่เจิงที่บริษัท แค่เผยอะไรบางอย่างบนเฟซบุ๊กไปอย่างส่งเดช ก็ดึงดูดความสนใจของแฟนคลับคู่จิ้นไม่น้อย“เธอทายถูกแล้ว! ก็เรื่องประธานฟู่กับทางผู้อำนวยการเวินของเอ็มคิวนั่น...เธอไปค้นหาเพจซุบซิบเรื่องรักในเฟซบุ๊กสิ”น้ำเสียงชะงักไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นคนคนนี้ก็พูดขึ้นมาอีกว่า “เธอดูสิ หลักฐานเยอะมาก ถ่ายได้จัง ๆ เลย ถ่ายติดว่าพวกเขากลับบ้านด้วยกันหลายครั้ง”“อ๊า ๆ ๆ ๆ...” เสียงกรีดร้องอย่างกับกราวด์ฮ็อกดังขึ้นเสียงหนึ่งพนักงานที่ชื่อลู่ลู่คงเห็นเนื้อหาที
ทว่าไม่เคยมีใครเดินจูงมือไปเข้าห้องน้ำกับเธอระหว่างคาบเรียนเลยมนุษยสัมพันธ์ที่ดูแล้วไม่เลวพวกนั้น ก็เป็นเพราะว่าเธอเป็นหัวกะทิในชั้นเรียนเท่านั้น จึงมักมีเพื่อนร่วมชั้นมาถามปัญหาเรื่องเรียนกับเธออยู่บ่อย ๆหลังสอบเข้ามหาวิทยาลัย ทุกอย่างล้วนสลายหายไปไม่เหลือเยื่อใยกลายเป็นว่าเธอต้องอยู่คนเดียวอีกแล้วเธอยังจำสายตาที่เต็มไปด้วยความทอดถอนใจที่ครูภาษาจีนใช้มองเธอได้คุณครูบอกว่าเธอระแวงมากเกินไปเขาไม่เคยเห็นนักเรียนขี้ระแวงอย่างเธอมาก่อนถ้าบอกว่าเธอเป็นแมวตัวหนึ่ง ที่เอาแต่ค้อมตัวอยู่บนพื้น นอนถอนหายใจ พร้อมกระโจนไปที่แมวจรจดตัวอื่นตลอดเวลา ไม่มีวันโชว์หน้าท้องอันอ่อนนุ่มออกมาต่อให้กับฟู่เจิง เธอก็จะมีการเว้นระยะอยู่เสมอเธอไม่มีทางเดินเข้าไปในหัวใจของฟู่เจิง ทว่าก็ไม่กล้าให้ฟู่เจิงเดินเข้ามาในโลกภายในใจของเธอเช่นกัน ไม่กล้าให้ฟู่เจิงรู้ ว่าก่อนหน้านี้เธอรักเขามานานหลายปีแต่งงานกับฟู่เจิงมาสามปี ผิวเผินดูรักกันมากทว่าอันที่จริงแล้วเธอไม่เคยเชื่อใจฟู่เจิงอย่างหมดใจเลยเวินเหลียงยื่นมือไปลูบผมยุ่งเหยิงที่อยู่บนศีรษะมนุษยสัมพันธ์แย่ก็มนุษยสัมพันธ์แย่ไปสิเธอเองก็คงอยู่ท
ต่อให้ฟู่เจิงไม่ได้นอกใจจริง ๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขากับฉู่ซืออี๋เคยมีความสัมพันธ์คลุมเครือกันอยู่ช่วงหนึ่ง ในสายตาของถังซือซือมันก็คือการนอกใจเวินเหลียงไม่ได้แก้ต่างให้ฟู่เจิง เธอตอบกลับไปว่า “ตอนนี้สุขภาพของคุณปู่ฟู่ไม่ค่อยดีนัก เขาไม่อยากให้พวกเราหย่ากัน”เธอเป็นเด็กที่โตมาในครอบครัวพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว เธอจึงไม่อยากให้ลูกของตัวเองเป็นเหมือนกับตัวเองแต่ลองถามใจตัวเองอีกที ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับฟู่เจิงในตอนนี้ จะสร้างสภาพแวดล้อมครอบครัวที่อบอุ่นให้ลูกได้จริงเหรอ?ถัง “ดั่งคนดื่มน้ำ เย็นร้อนรู้เอง นี่ เรื่องของเธอ ฉันเองก็ไม่ดีที่จะพูดเยอะ ในใจเธอรู้ดีก็พอแล้ว”ถัง “แล้วตอนนี้เธอคิดจะจัดการยังไง? ฉันเห็นคอมเมนต์ด้านล่างของเฟซบุ๊กนั่นมีแต่คนด่าเธอ ฉันว่านะ ถึงยังไงเธอกับประธานฟู่ก็แต่งงานกันถูกต้องตามกฎหมายแล้ว เปิดตัวไปเลย ตบหน้าฉู่ซืออี๋ให้ดังเพียะ ๆ ซะ!”ฮอตแอนด์คูล “ตอนนี้พวกเรายังไม่มีแผนจะเปิดตัว คนในเน็ตพวกนั้น พวกเขาอยากด่าก็ปล่อยให้พวกเขาด่าไปเถอะ”ถัง “หึ ๆ”ถัง “คิดว่าฉันไม่รู้แผนของฟู่เจิงเหรอ?”ฮอตแอนด์คูล “...”ถัง “ถ้าพวกเธอเปิดตัว นี่ก็เท่ากับบอกว่าฟู่
เมื่อได้ยินฟู่เจิงพูดแบบนี้ เหล่าจางก็อึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบรับ “ครับ”ฟู่เจิงหยิบเอกสารที่อยู่ข้างมือขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ นิ้วเรียวยาวดันไปข้างหน้า “ผมให้ฝ่ายเลขากับฝ่ายกฎหมายร่างจดหมายเตือนขึ้นมาฉบับหนึ่ง เดี๋ยวก็คงโพสต์ในแอ็กเคานต์ทางการ ตอนโพสต์ คุณคอยสังเกตการเคลื่อนไหวในโซเชียลอยู่ตลอดเวลาด้วยนะครับ”“ครับ ผมเข้าใจแล้ว” เหล่าจางหยิบเอกสารที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมา แล้วเปิดแฟ้มเอกสารเป็นไปตามคาด นี่เป็นจดหมายเตือนที่มักใช้กันบ่อย ๆ ในวงการบันเทิง ทว่าไม่ได้มีนัยสำคัญทางกฎหมาย เป็นเพียงแค่การตักเตือนการกระทำเท่านั้นในจดหมายเตือนระบุเอาไว้อย่างชัดเจนว่า ซุบซิบเรื่องรักละเมิดสิทธิด้านชื่อเสียงของคุณฟู่เจิง ขอให้ซุบซิบเรื่องรักรีบลบโพสต์ในเฟซบุ๊ก เพื่อเป็นการขอโทษ และให้หยุดใส่ร้ายและโจมตีคุณฟู่เจิงโพสต์นี้ติดคำค้นหาร้อนแรงภายในไม่กี่นาทีด้านล่างมีคอมเมนต์เยาะเย้ยส่วนหนึ่ง“จดหมายเตือน? ข้อเสนอของฉันคือฟ้องไปเลย”“สิทธิด้านชื่อเสียง? งั้นมันก็เป็นเรื่องจริง?”“ฟู่เจิง เขาละเมิดสิทธิด้านชื่อเสียงของผมครับ”ผู้พิพากษา คุณทำอะไร?ฉัน พูดเรื่องที่เขาเคยทำอีกครั้ง“ความรู้เจ๋ง ๆ
เรื่องราวมาถึงจุดนี้แล้ว เวินเหลียงพยายามหลีกเลี่ยงข้อครหากับฟู่เจิงในบริษัท แต่ฟู่เจิงกลับทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังคงให้เวินเหลียงไปกินข้าวที่ห้องทำงานของเขาอย่างเดิมเวินเหลียงนั่งลงบนโซฟา ตรงหน้ามีอาหารที่ตัวเธอชอบกินอยู่เต็มโต๊ะ มองฟู่เจิงที่อยู่ตรงหน้าเตรียมตะเกียบและอุปกรณ์กินข้าวให้เธออย่างใส่ใจ จู่ ๆ ในใจของเวินเหลียงก็เกิดแรงกระตุ้นขึ้นมาอย่างหนึ่ง เธออยากถามออกไปมากจริง ๆ พวกเขายังมีความเป็นไปได้ที่จะเปิดตัวไหม?เพียงแต่ยังไม่ทันได้พูดออกมา ฟู่เจิงก็เป็นฝ่ายพูดก่อนว่า “อาเหลียง เรื่องในโซเชียลฉันพิจารณาดูแล้ว อันที่จริงฉันเคยคิดอยากจะเปิดเผยความสัมพันธ์ของพวกเรา แต่หลังจากเปิดตัว หัวหอกก็จะหันไปหาซืออี๋ แบบนี้จะทำให้เธอไม่มีที่ยืนในสังคม ถึงขั้นชื่อเสียงฉาวโฉ่ และกระแสวิจารณ์คงไม่หยุดแค่นี้แน่ มีแต่จะยิ่งเลวร้ายลง ถึงเวลานั้นก็จะสูญเสียการควบคุม...”“คุณไม่ต้องพูดแล้ว ฉันเข้าใจทุกอย่าง”จู่ ๆ อาหารที่อยู่ในปากก็จืดชืด อย่างกับไม่มีรสชาติ ยากจะกลืนลงไปในจังหวะนั้น เวินเหลียงก็ผุดความคิดหนึ่งขึ้นในใจ เธอชอบอะไรในตัวเขากัน?ชอบการหยามหน้าและการหลอกลวงที่เขาทำมาตลอด
“หรือว่าเธออยากให้ฉันไป?”เวินเหลียงคิดว่านี่ไม่ใช่ปัญหาว่าเธออยากให้ไปหรือไม่อยากให้ไป แต่เป็นปัญหาที่ว่าฉู่ซืออี๋จะยอมหรือไม่ยอมต่างหากเป็นไปตามคาด ขณะที่ทั้งสองคนพักกลางวันอยู่ในห้องพัก สายของหวังเหยียนก็โทรเข้ามาอีกครั้งฟู่เจิงรับสายในห้องพักเลยเธอได้ยินฟู่เจิงถามขึ้นว่า “ใช้ยาระงับประสาทหรือยัง?”“ใช้แล้วค่ะ แต่ช่วงนี้ใช้บ่อยเกินไป ร่างกายของซืออี๋เกิดการต่อต้านแล้ว ไม่ค่อยได้ผลเท่าไร”“ทำไมไม่หาคนมาควบคุมเธอเพิ่มอีกสักสองสามคนล่ะ?”“ซืออี๋ข่วนหมอบาดเจ็บไปสองคนแล้ว...”“...”ผ่านไปครู่หนึ่งฟู่เจิงก็วางสายแล้วหันหน้ามองไปที่เวินเหลียงเวินเหลียงประคองตัวลุกขึ้นนั่ง ดวงตาใสเป็นประกาย เธอยักไหล่แสดงทีท่าว่าทำอะไรไม่ได้ “ไปโรงพยาบาล?”เห็นสายตาของเวินเหลียง ลมหายใจของฟู่เจิงก็ติดขัด เขาอธิบายว่า “ซืออี๋กรีดข้อมือพยายามฆ่าตัวตาย...”น้ำเสียงของเขาแผ่วเบาลงเรื่อย ๆ เข้าใจดีว่าในช่วงเวลานี้อธิบายอีกมากมายแค่ไหนก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดีเพียงแต่เขาจะทนดูซืออี๋เป็นอะไรไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้ ในตอนที่อาการกำเริบเธอทำได้หมดทุกอย่าง“อืม ฉันรู้คะ” เวินเหลียงพยักหน้าเบา ๆ “คุณไปเถอะ
ฉู่ซืออี๋โผเข้าไปในอ้อมอกของฟู่เจิงด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ พลางคว้าปกเสื้อของฟู่เจิงเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ปากก็สะอึกสะอื้นไปด้วย “อาเจิง ฉันคิดว่าคุณจะไม่ต้องการฉันแล้วซะอีก! ทำไมคุณถึงเพิ่งมาล่ะ...”ฟู่เจิงชะงักไปครู่หนึ่ง ในตอนนี้ถึงได้ค่อย ๆ ยื่นมือออกไปวางบนหลังของฉู่ซืออี๋ แล้วปลอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ไม่ต้องกลัวนะ ไม่เป็นไรแล้ว...”ฉู่ซืออี๋นอนอิงร้องไห้จนควบคุมตัวเองไม่ได้อยู่ในอ้อมอกของฟู่เจิงชายมากความสามารถกับสาวงาม กอดกันร้องไห้ ช่างเป็นฉากของคู่สามีภรรยาจริง ๆ...เวินเหลียงยืนห่างออกไปไม่ไกล มองพวกเขาทั้งสองคนด้วยใบหน้าไร้อารมณ์เสียใจเหรอ? เหมือนจะไม่ได้เสียใจขนาดนั้นก่อนหน้าที่เธอจะมาโรงพยาบาล ก็จินตนาการถึงภาพนี้เอาไว้แล้วเธอคิดว่าตัวเองจะเจ็บปวดใจและเดือดดาลแต่ตอนนี้พอได้มาเห็นเข้าจริง ๆ แล้ว ในใจกลับสงบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน“แผลของคุณยังมีเลือดไหลอยู่ ให้หมอทำแผลก่อนนะ”ฟู่เจิงกุมข้อมือที่ได้รับบาดเจ็บของฉู่ซืออี๋เอาไว้ ก่อนจะเงยหน้าส่งสัญญาณให้หมอเข้ามาใครจะรู้ได้ว่าหมอเพิ่งก้าวเข้ามาเพียงก้าวเดียว ฉู่ซืออี๋ก็หลบไปขดตัวอยู่หลังฟ