รถยนต์จอดอยู่หน้าร้านอาหารสไตล์ตะวันตกคลาสสิก ตัวอักษรภาษาอังกฤษที่เขียนอยู่บนผนังสองสามคำคือชื่อร้านเวินเหลียงเข้าร้านอาหารด้วยการนำของเลขา โต๊ะเต็มเอี้ยด ดูออกว่าร้านนี้ต้องกิจการดีเยี่ยมแน่พอเข้าไปเวินเหลียงก็เห็นฟู่เจิงเขานั่งอยู่ด้านในแถวที่สามจากทางเดินของร้านอาหาร ใส่เสื้อสีดำ กางเกงสแลคสีดำ ถอดเสื้อสูทพาดอยู่กับพนักเก้าอี้เขานั่งพิงเก้าอี้แบบสบาย ๆ นั่งไขว่ห้าง ท่วงท่าสง่างามเหมือนกับสัมผัสได้ เขาหันมามองทางประตูและสบตากับเวินเหลียงเวินเหลียงเดินเร็วไป ลากเก้าอี้แล้วนั่งลงอยู่ฝั่งตรงข้ามของเขา“มาแล้วเหรอ ตอนบ่ายที่บ้านทำอะไร?”“นอนทั้งบ่ายเลยค่ะ”“งั้นคืนนี้คงไม่ง่วงแล้วสิ” เวินเหลียงฟังความหมายแฝงของเขาออก ถลึงตาใส่เขาทีหนึ่งพนักกงานถือเมนูมาให้คนละหนึ่งเล่มฟู่เจิงใช้ภาษาอังกฤษสั่งอาหารสองสามอย่างเขาพูดภาษาอังกฤษได้ตรงตามมาตรฐาน น้ำเสียงทุ้มต่ำมีเสน่ห์ทำให้เวินเหลียงนึกถึงตอนเรียน เวลาที่เหลือจากการเรียนการฟังภาษาอังกฤษ เขาจะพูดสุนทรพจน์ของเขาให้ฟังรอบแล้วรอบเล่า เขียนต้นฉบับของสุนทรพจน์ เลียนแบบความเร็วและสำเนียงของเขา อ่านแล้วอ่านอีก อย่างไรก็ทำให
ลูกคนโตก็คือพ่อของฟู่เจิงกับฟู่เยว่ ในตอนที่ฟู่เจิงเป็นเด็ก เขาประสบอุบัติเหตุกับภรรยาเสียชีวิตทั้งคู่คนรองก็คือประธานกรรมการของฟู่ซื่อกรุ๊ปในปัจจุบัน ปกติจะยื่นมือเข้ายุ่งงานบริษัทน้อยมาก แต่เปิดบริษัทแฟรนไชส์อาหารของตัวเองบริษัทหนึ่ง ยุ่งงวดกับการทำธุรกิจคนที่สามก็คือฟู่ชิงเยว่อาสาวที่ตั้งหลักปักฐานอยู่ทีลอสแอนเจลิสเนื่องจากเด็กที่สุด ทั้งยังเป็นผู้หญิง คุณปู่กับคุณย่าจึงรักมาเป็นพิเศษ จนทำให้ฟู่ชิงเยว่อายุสี่สิบกว่าแล้วก็ยังเอาแต่ใจนิด ๆและเป็นสาวโสดจนถึงตอนนี้เมื่อก่อนคุณปู่กับคุณย่ากลุ้มกับเรื่องแต่งงานของเธอมาก ให้เธอไปดูตัวกับชายหนุ่มรูปงานมากความสามารถหลายต่อหลายคนแต่ฟู่ชิงเยว่ไม่อยากแต่งงาน พี่รองจนปัญญาจึงปล่อยเลยตามเลยได้ยินว่าหลายปีนี้รับเลี้ยงเด็กคนหนึ่งมาตระกูลฟู่เกือบสิบปีแล้ว จำนวนครั้งที่เวินเหลียงเจอกับฟู่ชิงเยว่นับได้ด้วยนิ้วมือเธอรู้สึกได้อย่างฉับไวว่าคุณอาไม่ชอบเธอ เริ่มแรกฟู่ชิงเยว่กลับมาฉลองปีใหม่ พอเห็นเวินเหลียงก็มักเห็นเธอเป็นอากาศธาตุภายหลังเธอแต่งงานกับฟู่เจิง ฟู่ชิงเยว่กลับมาครั้งหนึ่ง สายตาที่มองเธออย่างกับมองศัตรู ทั้งยังเคยมาหาเธออย่า
ฟู่เจิงเงยหน้ามองไป สบสายตากับเวินเหลียงไกล ๆ “ไม่มีแผนอะไรครับ”ฟู่ชิงเยว่อึ้ง “ฉู่ซืออี๋กลับไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”“ครับ”“งั้นเธอไม่หย่ากับเขาแล้วเหรอ?”“คุณอาครับ เรื่องนี้ผมตัดสินใจเองครับ”“อาก็แค่ไม่อยากให้เธอน้อยหน้าไม่ใช่หรือไง? เธอเป็นเด็กที่ดีเด่นของตระกูลฟู่ ถึงเมียจะไม่สมฐานะ แต่ก็ต้องเป็นลูกสาวตระกูลใหญ่ เวินเหลียงไม่คู่ควรเธอ เมียแบบนี้จะเอาออกนอกหน้าได้ยังไง? คุณปู่ก็จริง ๆ เลย ไม่ดูว่าใครเป็นควรก็เก็บเอามาที่บ้าน แถมยังจะจับคู่พวกเธออีก ผิดฝาผิดคู่ไปหมดแล้ว!”“คุณอา ผมไม่รู้สึกน้อยหน้าครับ เรื่องนี้ต่อไปคุณอาไม่ต้องพูดถึงแล้ว”ฟู่ชิงเยว่มองเขาแบบไม่เห็นด้วย “ไหนตอนนี้เธอบอกว่าต้องหย่ากับเขาแน่ไง?”“คุณอา!”ฟู่เจิงมองเวินเหลียงแวบหนึ่งด้วยความระวังเธอน่าจะไม่ได้ยิน“เฮ้อ เธอโตแล้ว มีความคิดเป็นของตัวเองแล้ว” ฟู่ชิงเยว่หมุนตัวออกจากห้องรับแขกฟู่เจิงกลับไปนั่งข้างเวินเหลียงอีกครั้ง “คุณอาก็เป็นอย่างนี้เอง เอาแต่ใจมาหลายสิบปี เธออย่าถือสาเลยนะ”เวินเหลียงยิ้ม “ฉันรู้ค่ะ ปีหนึ่งเจอไม่ถึงสองครั้ง ฉันไม่ใส่ใจหรอก”ตอนเย็น ฟู่เจิงไปรับฟู่ซือฝานหลังเลิกเรียนแทนฟู่ชิ
เวินเหลียงยิ้ม ก่อนจะปลดเข็มขัดออก แล้วลงมาจากฝั่งที่นั่งข้างคนขับ จากนั้นก็เปิดประตูรถเข้าไปนั่งยังที่นั่งด้านหลัง “เดี๋ยวฉันนั่งข้างหลังเป็นเพื่อนฝานฝานก็แล้วกัน”เจ้าเด็กน้อยแก่แดดเป็นอย่างมาก เธอมองเวินเหลียงทีหนึ่ง “คุณป้าคือศัตรูหัวใจของหนู!”เวินเหลียงมองสีหน้าจริงจังของเธอ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “อืม ฉันคือศัตรูหัวใจของเธอ”ในจังหวะนี้เอง เสียงริงโทนโทรศัพท์ของฟู่เจิงก็ดังขึ้นมา เขาใส่หูฟังบลูทูทก่อนจะรับสาย “...มีเรื่องอะไร?”จู่ ๆ น้ำเสียงก็ขึงขังขึ้นมา พร้อมทั้งถามกลับอย่างเคร่งขรึมเล็กน้อยเวินเหลียงเห็นเขาขมวดคิ้วมุ่นผ่านกระจกมองหลังไม่รู้ว่าปลายสายพูดอะไร ฟู่เจิงถึงโพล่งออกมาว่า “เอาละ! อย่ามาหาข้ออ้าง ทำให้เขาสงบลงก่อน รอฉันกลับไปจัดการ!”พูดจบเขาก็ตัดสายไป และถอดหูฟังบลูทูทวางไว้ในกล่องเก็บของ“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?” เวินเหลียงถามขึ้น“พนักงานของสาขาย่อยนิวยอร์กทำงานผิดพลาด ฉันต้องกลับไปจัดการ” ฟู่เจิงมองเวินเหลียงจากกระจกมองหลัง“ไปนานแค่ไหน?”“สองวัน เธอว่าไง? ไปกับฉันไหม?”“วันหยุดวันชาติใกล้จะหมดแล้ว ฉันกลับไปเมืองเจียงเฉินก่อนก็แล้วกัน”“ก็ดีเหมือนกัน
หลังทานอาหารเที่ยงที่บ้านของฟู่ชิงเยว่เสร็จ ก็นั่งอยู่ต่ออีกครู่หนึ่ง จากนั้นฟู่เจิงก็ไปส่งเวินเหลียงกลับโรงแรม ส่วนตัวเขารีบกลับไปนิวยอร์กคืนนั้นเลยเวินเหลียงพักอยู่ที่โรงแรมคืนหนึ่ง วันต่อมาก็เดินทางมายังสนามบิน เพื่อกลับเมืองเจียงเฉินการเดินทางในวันหยุดวันชาติจบลงแล้วเวินหลียงไม่ได้แจ้งคนขับรถ แต่บอกให้ป้าหวังเรียกรถมารับเธอที่สนามบินแทนหลังลงจากเครื่องบิน เวินเหลียงกับป้าหวังก็ปรึกษาหารือกัน และไปทำการตรวจครรภ์ที่โรงพยาบาลเลยเธอตั้งครรภ์ได้สิบสี่สัปดาห์กว่าแล้ว จากอัลตราซาวนด์จะเห็นได้ว่า โดยภาพรวมทารกเป็นรูปเป็นร่างแล้วหมอชี้ให้ป้าหวังที่อยู่ข้าง ๆ ดู “นี่เป็นมือของเด็ก นี่เป็นขาของเด็ก นี่เป็นหัว ตาจมูกมองไม่ค่อยชัด เด็กแข็งแรงมากทีเดียว พัฒนาการไม่เลวเลย”ป้าหวังตอบรับอย่างดีอกดีใจตรวจครรภ์เสร็จ ระหว่างที่เวินเหลียงกำลังจะเดินออกมาจากห้องตรวจ หมอก็กำชับว่า “ระหว่างตั้งครรภ์ต้องควบคุมการมีเพศสัมพันธ์หน่อยนะครับ มันไม่ดีต่อเด็กทารก”ใบหน้าน้อย ๆ ของเวินเหลียงแดงระเรื่อ ก่อนจะตอบรับอย่างลวก ๆระหว่างทางกลับ ป้าหวังโน้มน้าวให้เวินเหลียงบอกเรื่องตั้งครรภ์กับฟู่เจิง
“โอเคค่ะ ฉันจะไปกับพวกคุณ”เวินเหลียงปิดคอมพิวเตอร์ หยิบกระเป๋าของตัวเอง “ไปกันเถอะค่ะ”เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองคน เดินอยู่ทางซ้ายคนหนึ่งทางขวาคนหนึ่ง เดินขนาบข้างเวินเหลียงเจ้าหน้าที่คนหนึ่งพูดกับรองหัวหน้าอู๋ว่า “รองหัวหน้าอู่วางใจเถอะครับ พวกเราจะรีบตรวจสอบให้รู้แจ้งโดยเร็วที่สุด”เมื่อมาถึงยังสถานีตำรวจ เวินเหลียงก็ถูกเก็บโทรศัพท์ไป ก่อนจะถูกพาตัวไปยังห้องห้องหนึ่งมีตำรวจนั่งอยู่ตรงหน้าเธอ กำลังดูกล้องวงจรปิดในวันนั้น แล้วถามอย่างละเอียดว่า “ขอถามหน่อยนะครับคุณเวิน คุณเข้าไปในห้องทำงานประธานกรรมการทำไมครับ? ก่อนเข้าไปคุณรู้หรือเปล่าว่าคุณฟู่ไม่ได้อยู่ที่บริษัท?”เวินเหลียงตอบ “ฉันรู้ค่ะ ที่ฉันเข้าไปในห้องทำงานของเขา ก็เพราะจะยืมใช้ห้องพักผ่อนของเขาพักผ่อนตอนกลางวัน และได้รับการอนุญาตจากเขาแล้ว”โทรศัพท์ของเวินเหลียงวางอยู่ข้าง ๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจอ่านบันทึกการสนทนาในวันนั้น จากนั้นก็เลื่อนขึ้นไปอีกสองสามหน้า ก่อนจะถามขึ้นว่า “พวกคุณเป็นอะไรกัน?”“สามีภรรยา”เจ้าหน้าที่ตำรวจมองเวินเหลียงทีหนึ่ง ก่อนจะเดินออกไปในห้องเหลือแค่เวินเหลียงเพียงคนเดียวแม้เธอจะพิสูจน์ได้ว่า การไ
เวินเหลียงเดินตามหลังฟู่เจิงออกมาจากห้องสอบสวน เจอกับจี้เจ๋อฟู่เจิงพยักหน้าไปทางจี้เจ๋อ ก่อนจะตบไหล่ของเขา “เรื่องที่นี่ฝากคุณด้วยนะ พวกเราขอตัวกลับก่อน”“อืม”เวินเหลียงพยักหน้าไปทางจี้เจ๋อเธอไม่สนิทกับจี้เจ๋อ แต่เธอรู้ว่าจี้เจ๋อเป็นทนายความเบอร์หนึ่งของฟู่ซื่อ มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทั้งเมืองเจียงเฉิงเขาคงมาเพื่อจัดการเรื่องความลับที่รั่วไหลออกไป และการประกันตัวเธอออกมาเป็นเพียงแค่ผลพลอยได้เท่านั้น“พวกเราไปกันเถอะ” ฟู่เจิงหันหน้าไปมองเวินเหลียงทีหนึ่งเวินเหลียงก้มหน้าพลางเดินตามอยู่ด้านหลังฟู่เจิง “คุณบอกว่าจะอยู่นิวยอร์กสองวันไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงกลับมาเร็วขนาดนี้ล่ะ?”นัยน์ตาของฟู่เจิงลึกซึ้ง เขาโอบเอวของเธอเอาไว้ เดือดดาลจนหัวเราะออกมา “เธอยังมีหน้ามาถามฉันอีก? คืนนี้คิดจะนอนอยู่ข้างในจริง ๆ เหรอ?”ระยะเวลาสองวันเป็นเพียงแค่การคาดการณ์คร่าว ๆ เท่านั้น จัดการเรื่องเสร็จ เขาก็รีบขึ้นเครื่องบินโดยเร็วที่สุดเมื่อเปิดโทรศัพท์หลังเครื่องลงจอด ก็มีสายไม่ได้รับจากเลขาหยาง และฝากข้อความของเลขาหยางเด้งขึ้นมา เพื่อรับรองว่าเขาจะเห็นในทันทีหลังจากลงจากเครื่องบินหลังทราบสถานกา
“ฮัลโหล ประธานฟู่? ประธานฟู่?”เป็นสายของรองหัวหน้าอู๋ที่โทรเข้ามาหลังรับสาย รองหัวหน้าอู๋กลับไม่ได้ยินเสียงของอีกฝ่าย ในใจอดไม่ได้ที่จะเต้นตึกตัก ๆกระทั่งเขาเรียกประธานฟู่เป็นครั้งที่สาม การตอบกลับของอีกฝ่ายถึงได้ค่อย ๆ แว่วดังขึ้นมา“หัวหน้าอู๋ ทำไมถึงโทรมาในเวลานี้ครับ?”ฟู่เจิงปิดประตูห้องนอนหลักอย่างระมัดระวัง ในตอนนี้เองถึงได้เปล่งเสียงตอบกลับไป“ประธานฟู่กลับมาแล้วเหรอครับ? ผมได้ยินพวกเลขาหยางเขาบอกว่า ทางนิวยอร์กเกิดปัญหาขึ้นนิดหน่อย ลูกน้องไม่ตั้งใจทำงาน สร้างความเดือดร้อน โชคดีที่มีประธานฟู่อยู่ จัดการได้ทันเวลาก็เลยไม่ได้กลายเป็นหายนะร้ายแรง สำหรับบริษัทแล้ว ประธานฟู่ก็ไม่น้อยไปกว่าเสาค้ำทะเลบูรพาเลย” พอรับสายรองหัวหน้าอู๋ก็พูดชมขึ้นมาสองสามประโยคก่อนเลยฟู่เจิงแสร้งยิ้ม “รองหัวหน้าอู๋มีอะไรก็พูดมาตรง ๆ เลยครับ”ในตอนนี้เองรองหัวหน้าอู๋ถึงได้พูดเจตนาที่แท้จริงออกมา “ความลับของบริษัทถูกเปิดเผย ผมกังวลมาก เพราะสถานการณ์มันค่อนข้างคับขัน เลยไปล่วงเกินผู้อำนวยการเวินเข้า ผมภักดีต่อบริษัทเสมอมา ถ้ามีตรงไหนไม่เหมาะสม รบกวนประธานฟู่ช่วยผมพูดกับผู้อำนวยการเวินด้วยนะครับ”