“มากไป”“ถามจริงๆ คุณแม่คิดยังไงถึงส่งผู้หญิงน่ารักๆ อย่างคุณนับมาให้พี่” ภูภูมิยักคิ้วถามพี่ชายคนกลาง ที่ตั้งแต่มีความรักความดิบความเถื่อนก็ดูจะลดน้อยลง ผมเผ้าก็เป็นทรงหนวดเคราวที่นานๆ โกนทีก็โกนจนเกลี้ยงเกลา โชว์หน้าหล่อๆ ตลอด “ส่งมาจับผิด”“จับผิดเรื่อง” คนฟังเอ่ยถามนั่นเพราะยังไม่รู้รายละเอียด“คุณแม่คิดว่าพี่เป็นเกย์”“พี่เนี่ยนะเป็นเกย์” ภูภูมิเลิกคิ้วสูงทันที มารดาคิดอะไรอยู่ถึงคิดว่าลูกชายคนกลางเป็นเกย์หรือเพราะที่ผ่านมาภูตะวันไม่เคยจริงจังกับใคร คิดแล้วก็เสียวสันหลังกลัวมารดาคิดแบบนั้นกับตนบ้างแล้วส่งผู้หญิงไปให้ที่แทนซาเนีย ขืนเป็นแบบนั้นงานเข้าหนักแน่นอน “อือ นั่นแหละคือจุดประสงค์หลักที่คุณแม่ส่งนับมา ไม่ได้ส่งมาให้พี่ทำอะไรแบบนั้น”“แบบนั้นคือแบบไหนพี่” น้องชายตัวแสบแกล้งทำเป็นไม่รู้ “เออน่ะ ไม่ต้องรู้หรอก” ภูตะวันยิ้มกริ่มซึ่งคนฟังก็เข้าใจความหมายโดยไม่ต้องอธิบายขยายความได้เป็นอย่างดี เพราะจดจ่อคุยกันทั้งคู่จึงไม่รู้ว่าบุคคลที่สามที่เอ่ยถึงนั้นเดินมาใกล้จนบังเอิญได้ยิน แม้จะได้ยินแต่นับพันดาวก็จับใจความไม่ได้มากนัก “ไม่ต้องรู้อะไรหรือคะ”“เปล่าครับ ไม่มีอะไร” นายหั
“ฉลองเลยๆๆ” โรสรินเออออตาม ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเธอจะคว้างานใหม่นี้ให้ได้อย่างแน่นอน เพราะจากที่ได้ฟังรายละเอียดคร่าวๆ มันเป็นงานที่น่าสนใจอย่างมากแถมค่าตอบแทนรวมถึงสวัสดิการอื่นๆ ก็ดีมากเช่นกัน “ถ้าพรุ่งนี้ฉันผ่านสัมภาษณ์ก็จะได้ไปทำงานที่ต่างประเทศด้วยนะ” ขณะนั่งกินข้าวเพื่อฉลองให้วันพรุ่งนี้ด้วยกัน โรสรินก็เอ่ยบอกขึ้นเพราะนี่คือหนึ่งในข้อแม้ที่ทางนั้นแจ้งมาขณะคุยสายก่อนนัดสัมภาษณ์ “ที่ไหน”“แทนซาเนีย”“แทนซาเนีย ไม่คุ้นชื่อประเทศเลยสักนิด”“ฉันก็ไม่คุ้น”“แต่แกก็เลือกที่จะไปสัมภาษณ์น่ะเหรอ” แม้จะพึ่งดีใจไปหยกๆ แต่พอรู้ว่าหากโรสรินสัมภาษณ์ผ่านต้องไปทำงานไกลถึงต่างประเทศแบบนี้ มุกดาก็ชักจะลังเล“อือ สถานการณ์ของฉันในตอนนี้มันบีบคั้นให้ต้องสัมภาษณ์และคว้างานนี้มาให้ได้” สีหน้าแววตาของโรสรินนั้นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “ถ้าสัมภาษณ์ผ่านแกต้องไปทำงานที่แทนซาเนียเลยนะ งานอะไรทางนั้นได้บอกไหม”“บอก งานเกี่ยวกับเหมืองทอง”“เหมืองทองที่แทนซาเนีย โอ๊ย! ฉันขอถอนคำพูดได้ไหมที่ขอให้แกได้งานนี้” “ถอนทำไม งานนี้ก็ดีแล้วนะ”“ดีตรงไหน ไปทำงานต่างประเทศแถมยังเป็นประเทศที่ไม่รู้จักอีกด้วย เขาจะหลอกแกไ
“ใช่” เสียงทุ้มเอ่ยรับ “ดูเหมือนเอเจนซี่ของฉันทำงานพลาดนิดหน่อย ทางนั้นพึ่งโทรมาแจ้งมาว่านัดคนผิดให้นายไป จะให้ฉันยกเลิกนัดนี้เลยไหม เพราะดูโปรไฟล์แล้ว ไม่ตรงตามที่นายต้องการเท่าไหร่” สีหน้าของภูเมฆเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด แต่ก่อนจะโทรหาภูภูมิเขาก็คาดโทษทางเอเจนซี่ไปแล้ว เพราะไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ซ้ำอีก “แต่ผมไม่มีเวลาแล้วสิพี่เพราะหลังจากนี้ก็คงยุ่งตลอด ไหนๆ เอเจนซี่ของพี่นัดไปแล้วและเธอคนนั้นก็อาจจะมารอสัมภาษณ์แล้ว ก็ถือว่าเป็นพรหมลิขิตแล้วกัน”“พรหมลิขิตเลยเหรอ” ภูเมฆทวนคำพูดของน้องชายคนเล็ก เรื่องแค่นี้พูดเป็นตุเป็นตะเป็นพรหมลิขิตไปได้ทั้งๆ ที่มันคือความผิดพลาดของคนไม่ใช่พรหมลิขิตที่ไหน “เธอมาด้วยความหวังเพื่อสัมภาษณ์งาน อย่าไปทำลายความหวังนั้นของเธอเลย”“ก็จริง เราไม่ควรทำลายความหวังของใคร” “งั้นแค่นี้ก่อนนะพี่”“โอเค” ภูเมฆเอ่ยรับแล้วกดวางสายจากภูภูมิแล้วพึมพำบางอย่างออกมา “ขอให้สมพรปากของนาย ขอให้มันเป็นพรหมลิขิตอย่างที่นายพูด” ก๊อก ก๊อก ก๊อก“เชิญครับ” เสียงทุ้มเอ่ยอนุญาตมาจากด้านใน ประตูห้องจึงค่อยๆ เปิดออกและนั่นทำให้ภูภูมิเงยหน้าขึ้นมอง จึงเห็นว่าเป็นหญิงสาวที่ร
“เอาเป็นว่าผมเสียใจด้วยที่ต้องปฏิเสธคุณ” ต่อให้เวลาหาคนจะเหลือไม่มากแต่ภูภูมิก็เลือกที่จะปฏิเสธ โรสริน ถ้าไม่ได้คนจริงๆ เขาก็ลงไปคุมเองเหมือนที่ผ่านๆ มา มีปัญหาก็แก้กันไป แต่แค่คิดก็ปวดหัวรอเสียแล้ว “แต่ถึงคุณจะปฏิเสธ ฉันก็ยังยืนยันว่าอยากทำงานนี้จริงๆ ค่ะ ถ้าคุณให้โอกาสฉันจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง” น้ำเสียงของโรสรินสั่นเครือเล็กๆ แต่ก็พยายามคุมสติไว้ “ครับ ไว้ผมจะลองพิจารณาอีกที ขอบคุณที่สละเวลามาคุยกัน” ภูภูมิส่งยิ้มให้เธอแต่มันกลับเป็นรอยยิ้มที่เจ็บปวดสำหรับโรสริน เพราะดูเหมือนเธอจะชวดงานนี้แน่นอนแล้ว ทันทีที่เดินออกจากห้องสัมภาษณ์น้ำตามันก็ร่วงจนต้องขอเข้าห้องน้ำเพื่อสงบสติอารมณ์ ส่วนภูภูมินั้นก็รู้สึกไม่ดีที่ต้องปฏิเสธเช่นกันเพราะรู้ว่าทุกคนล้วนมาด้วยความหวัง แต่ใบหน้าสวยๆ ของ โรสรินกลับลอยเข้ามาในหัวจนทำให้หนุ่มโสดใจสั่น ก่อนจะสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัวแล้วลุกไปเข้าห้องน้ำเพื่อรอสัมภาษณ์คนต่อไปเมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จจังหวะที่จะเดินกลับห้อง เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้งคราวนี้เป็นสายจากพี่ชายคนกลางอย่างภูตะวันที่คงรู้เรื่องจากภูเมฆมาแล้วนั่นเอง “สัมภาษณ์เป็นไงบ้าง”“พึ่
“ก็ใช่ไงคะ คุณยังไม่รู้จักฉันแต่ตัดสินฉันแล้ว รู้ไหมว่าฉันคาดหวังงานนี้มากแค่ไหน คำปฏิเสธของคุณมันทำให้บ้านในฝันของฉันลอยหายไปแล้ว” จู่ๆ น้ำตาของโรสรินก็ไหลอาบแก้มขณะที่มือก็ยังทุบตี สลับต่อยร่างกายของ ภูภูมิไม่หยุด หลังสัมภาษณ์เธอมาสงบสติอารมณ์ในห้องน้ำ แต่พอทำใจได้กลับมาได้ยินชายหนุ่มคุยโทรศัพท์ด้วยเรื่องของเธอ อารมณ์ที่คิดว่าสงบก็ปะทุเหมือนภูเขาไฟแต่สำหรับภูภูมิแล้วการที่โรสรินทำเช่นนี้เหมือนประตูพรหมลิขิตถูกทำลายจนพังไม่เหลือชิ้นดี หัวใจที่เคยตายด้านกลับเต้นไม่เป็นจังหวะหนำซ้ำยังมองเห็นอนาคตชัดเจนขึ้น ผู้หญิงแบบนี้เขาควรปล่อยเธอไปจริงๆ หรือเปล่าหรือควรยื้อไว้“โอเค ตอนนี้คุณต้องหยุดมือก่อนแล้วเราค่อยๆ คุยกัน” คำพูดของชายหนุ่มทำให้โรสรินหยุดมือทันทีก่อนจะรีบปาดน้ำตาให้แห้ง แล้วสูดอากาศเข้าปอดลึกๆ เพื่อดึงสติ ส่วนภูภูมิก็สำรวจร่างกายตัวเองเล็กน้อย“คุยอะไรอีกไม่ทราบ”“คุยเรื่องงานไงครับ ไม่อยากได้แล้วเหรอ”“อะไรนะคะ” แววตาของโรสรินเป็นประกายทันทีเมื่อได้ยินเช่นนี้ เพราะทีแรกนึกว่าภูภูมิจะคุยเรื่องที่เธอทำร้ายเขาอย่างบ้าคลั่งเสียอีก แต่นอกจากแผลบนหน้าที่ถูกเธอต่อยไปเต็มแรงส่วนอื่นก
“ฉันแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้ย่ะ อีกอย่างเขาคงมีแฟนแล้วแหละ ไม่เหลือถึงฉันหรอก”“ถ้าเหลือ”“ถ้าเหลือค่อยมาคิด ตอนนี้ใจฉันมีแต่งานเท่านั้น อดทนแค่สองปี สองปีเราจะมีบ้านเป็นของตัวเอง แค่คิดก็มีความสุขแล้วเนอะ”“อื้อ ฉันก็ด้วย” มุกดาเองก็มีความสุขแค่ได้คิดถึงบ้านในฝันความสุขมันก็ล้นเต็มอก ก่อนจะวางสายเพื่อกลับไปทำงานของตัวเองต่อ ในขณะที่โรสรินก็กลับมาที่คอนโดมิเนียมของมุกดาแม้จะเรียกแบบนั้นแต่มุกดาก็เช่าอยู่ไม่ได้ซื้อเป็นของตัวเองแต่อย่างใดโรสรินมองดูตู้เย็นที่ค่อนข้างเก่าแล้วตัดสินใจออกไปซื้อตู้ใหม่มาแทนที่โดยใช้เงินเก็บของตัวเอง เธออยากมอบของขวัญให้เพื่อนสักชิ้นเพราะใกล้จะถึงวันเกิดของมุกดาแล้วนั่นเอง ทันทีที่เจ้าของห้องกลับมาเห็นตู้เย็นใหม่ก็ถึงกับร้องไห้ดีใจแต่ก็ไม่วายบอกเพื่อนรักให้เอาไปคืน“แกก็ซื้อของอร่อยๆ มาแช่ให้เยอะๆ ผลไม้ที่แกชอบด้วย อยู่คนเดียวอย่าทำงานหนัก กินข้าวหาเวลาไปพักผ่อนบ้าง”“อือ แกก็ด้วย อยู
แม้จะนัดหมายกับภูภูมิตอนแปดโมงเช้า ทว่า โรสรินก็เลือกที่จะออกจากคอนโดมิเนียมตั้งแต่เช้าตรู่และเธอก็ตัดสินใจถูกเพราะวันนี้การจราจรค่อนข้างติดขัดเมื่อเจอหน้าต่างฝ่ายก็ต่างเอ่ยคำทักทายกันและกัน ภูภูมิกวาดสายตามองโรสรินเล็กน้อยลุควันนี้ของเธอนั้นไม่ได้ต่างไปจากเมื่อวาน ยังคงดูทะมัดทะแมง จะว่าไปตั้งแต่เขาตกลงรับเธอเข้าทำงานก็ยกเลิกนัดสัมภาษณ์กับคนอื่นๆ จนหมด หวังว่าเธอจะไม่เปลี่ยนใจในขณะที่โรสรินก็กวาดสายตามองอีกฝ่ายเช่นเดียวกัน ตั้งแต่ปล่อยหมัดต่อยชายหนุ่มไปเต็มแรง เธอก็ยังคงรู้สึกผิดอยู่ลึกๆ แต่จะตอบแทนด้วยการตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด ชายหนุ่มคุยกับเธอเล็กน้อยจากนั้นก็ให้เลขาส่วนตัวของผู้เป็นน้าพาไปจัดการเรื่องเอกสารสำคัญที่จะใช้ในวันเดินทางทุกอย่างดูเร่งรีบแต่ก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอน ถึงจะเหนื่อยเป็นพิเศษกับการเดินทางไปที่นั่นที่นี่ตลอดทั้งวันแต่เธอกลับมีความสุขเมื่อนึกถึงสิ่งที่รออยู่ในอนาคต กระทั่งช่วงเย็นก็ได้เจอกับภูภูมิอีกครั้ง“เป็นไงบ้าง จัดการเอกสารเรียบร้อยดีไหมครับ”
“แกเคยตกหลุมรักใครหรือชอบใครทั้งๆ ที่ไม่รู้หรือพึ่งรู้จักไหม”“เคยสิ ทำไมจะไม่เคย ถามทำไมหรือว่าตอนนี้แกชอบใคร” มุกดาเองก็มีโมเมนต์แอบรักข้างเดียวเหมือนกัน“ไม่รู้สิ ไม่มั่นใจเหมือนกันว่านั่นเรียกว่าชอบไหม แต่รู้สึกดีเวลาได้เห็นหน้า”“ใคร”“พระเอกซีรีส์เกาหลี”“ยัยบ้า ที่แท้ก็ตกหลุมรักพระเอกซีรีส์เกาหลีเนี่ยนะ”“อือ หล่อดีออก” โรสรินยิ้มกว้างให้เพื่อน เธอขี้ขลาดเพราะไม่กล้าบอกความจริงออกไป ว่าคนที่เธอพูดถึงคือภูภูมิ นั่นเพราะเธอไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใคร นั่งคิดนอนคิดก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องรู้สึกแบบนั้นกับเขา ใจหนอใจทำไมถึงได้สับสนไปหมดกระทั่งภาพที่เห็นวันนี้ทำให้เธอต้องหยุดตัวเองแล้วดึงสติกลับมา เขาไม่ได้คิดอะไรกับเธอแต่เธอนั้นกลับคิดมโนไปไกลแสนไกลจนเพ้อเจ้อ เธอกับเขาเกี่ยวข้องกันเพราะเรื่องงานห้ามคิดเป็นเรื่องอื่นเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นทุกอย่างจะพัง บ้านที่วาดหวังไว้ก็จ
“ตกลงจะไม่ยอมบอกจริงๆ ใช่ไหมว่าได้ลูกสาวหรือลูกชาย” เพราะจนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าลูกในท้องของโรสรินเป็นเด็กผู้หญิงหรือเด็กผู้ชาย สองคนปิดเงียบ“กล่อมผมไม่สำเร็จก็มากล่อมเมียผมต่อหรือครับคุณแม่” เสียงของภูภูมิดังขึ้น“แม่ก็แค่อยากรู้ จะได้เตรียมของรับขวัญหลานคนแรกได้ถูก” อำพรอ้างเรื่องของขวัญแต่ลูกชายคนเล็กกลับรู้ทัน“คุณแม่ให้เงินสดก็ได้นี่ครับ”“ลูกคนนี้นี่ ทำไมนะ ยิ่งโตยิ่งดื้อ”“ใช่ค่ะคุณแม่ คุณบาสยิ่งโตยิ่งดื้อ” โรสรินเออออตามแม่สามี เพราะเรื่องบางเรื่องภูภูมิก็ไม่รู้ไปเอาความดื้อมาจากไหน อย่างเรื่องล่าสุดคือการเปิดเหมืองทองแห่งใหม่ ทั้งๆ ที่หลายคนเตือนแล้วว่าถ้าทำจะได้ไม่คุ้มเสียชายหนุ่มก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนใจ แต่พอรู้เหตุผลลึกๆ เธอก็ยิ่งชื่นชมสามีคนนี้เหตุผลที่เขาเลือกที่ตรงนั้นเพราะครอบครัวของไซมอนอยู่ที่นั่น ภูภูมิจึงเข้าไปเพื่อสร้างงานให้คนในหมู่บ้านจะได้ไม่ต้องออกไปทำงานที่ไหนไกล ครอบครัวก็จะได้อยู่ใกล้กัน“อ้าวๆ ทำไมมาลงที่ผมแล้วละครับ”
เพื่อจะได้มีเวลาเตรียมตัว ภูภูมิและโรสรินกลับมาเมืองไทยก่อนวันแต่งงานของภูเมฆและเภตราหลายวัน ทันทีที่มาถึงก็เข้าไปหารังสรรค์และอำพรที่บ้านก่อน ออกไปกินข้าวกับพวกท่าน ก่อนจะตัดสินใจนอนค้างด้วยที่บ้านส่วนว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ง่วนอยู่กับการเตรียมตัวเช่นกันกระทั่งถึงวันสำคัญภูภูมิก็ตาโตเมื่อเห็นโรสรินในชุดเพื่อนเจ้าสาว เธอดูสวยและอ่อนหวานไม่เหมือนภาพปกติที่เห็นในทุกๆ วัน“หลงเลยสิ”“หลงเมียไม่ผิดนี่พี่” ภูภูมิหันมายิ้มให้พี่ชายคนกลางอย่างภูตะวัน ที่ก็คงทั้งรักทั้งหลงนับพันดาวไม่น้อยเลยเพราะเห็นถ่ายรูปให้ไม่หยุดแถมยังชมว่าสวยอย่างนั้นสวยอย่างนี้ นี่ถ้าไม่ได้เห็นกับตาเขาไม่เชื่อจริงๆ ว่าพี่ชายสายบู๊จะเข้าสู่โหมดมุ้งมิ้ง“ปากหวาน”“แล้วพี่อ่ะ เมื่อไหร่จะแต่งงานกับคุณนับ”“เร็วๆ นี้ คุณแม่กำลังหาฤกษ์อยู่ ถามแต่พี่แล้วนายเมื่อไหร่จะแต่งงานกับคุณโรส” ภูตะวันเอ่ยถามกลับมาบ้างเพราะอยากให้ทั้งคู่แต่งงานกัน&
“กลับมาก่อนงานแต่งงานพี่เขาสักหน่อยนะบาส จะได้มีเวลาเตรียมตัว”“ครับคุณแม่”“ยิ้มให้มากๆ นะหนูโรส เวลาหนูยิ้มแล้วโลกมันสดใส” อำพรลูบต้นแขนของโรสรินไปมาเบาๆ รู้ว่าจิตใจของอีกฝ่ายยังกลับมาไม่ปกติเท่าไหร่ การสูญเสียเพื่อนและเป็นคนในครอบครัวเพียงคนเดียวมันทำใจได้ยากแน่นอน“ค่ะ”“อยู่ที่โน่นดูแลตัวเองดีๆ นะ ฝากลูกชายของแม่ด้วย ถ้าทำอะไรผาดโผนอันตรายเกินตัวไปก็จัดการอบรมแทนแม่ได้เลย”“เอาแบบนั้นเลยหรือครับคุณแม่”“ใช่” อำพรหันไปรับคำลูกชาย ก่อนจะหันมาพูดกับโรสรินอีกครั้ง “ตามนี้นะหนูโรส”“ค่ะคุณป้า” โรสรินพยักหน้ารับแล้วส่งยิ้มให้อำพร ผู้อาวุโสจึงรวบเธอเข้าไปกอดแล้วตบแผ่นหลังเบาๆ เพื่อให้กำลังใจและปลอบโยนกับเรื่องที่พึ่งผ่านไปแต่ก็มีความลับที่ภูภูมิยังไม่ได้บอกครอบครัวคือเรื่องที่เขากับโรสรินได้จดทะเบียนสมรสกันแล้ว แต่ก็ตั้งใจจะบอกตอนก
เพราะเป็นครั้งแรกภูภูมิจึงบอกให้ตัวเองใจเย็น ค่อยๆ กลืนกินโรสรินอย่างช้าๆ ไม่บุ่มบ่ามเอาแต่ใจ ดวงตาคู่คมกวาดมองร่างกายสวยงามของเธออย่างหลงใหลก่อนจะอ้าปากครอบครองหน้าอกคู่สวย “อะ…อา” โรสรินแอ่นตัวขึ้นสูงอย่างเสียวซ่าน ยิ่งถูกชายหนุ่มสัมผัสมากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งเร่าร้อนจนต้องขบเม้มริมฝากตัวเอง ริมฝีปากและฝ่ามือร้อนๆ ของภูภูมิเคลื่อนไหวไปทุกตารางนิ้วบนร่างกายหอมหวานของ โรสริน เธอยอมแล้วจริงๆ ยอมเป็นของเขาทั้งกายและใจ สายตาของภูภูมิที่จ้องมองร่างกายเปลือยเปล่าของเธออย่างชื่นชมนั้นทำให้เจ้าของร่างอย่างโรสรินขนลุกเกรียว พอสายตาคู่นั้นหันมาสบกันเขาก็มอบจูบที่ดูดดื่มให้ ขณะที่ร่างกายกลับมีปฏิกิริยาปวดร้าวคล้ายรอคอยอะไรบางสิ่งบางอย่าง ที่เวลานี้เธอยังไม่เข้าใจว่าคืออะไร หัวใจของโรสรินเต้นรัวเมื่อภูภูมิค่อยๆ แทรกตัวลงไประหว่างเรียวขาทั้งสองข้างของเธอพร้อมกับค่อยๆ แยกให้มันออกห่างจากกัน ลำคอของเธอแห้งผากเฝ้ารอสิ่งที่จะเกิดขึ้นไม่แพ้ภูภูมิ
“ฉันต้องไปนะ” มุกดาส่งยิ้มให้แล้วค่อยๆ หมุนตัวเข้าไปในบ้าน โรสรินอยากตามไปทว่าเธอกลับผลักประตูรั้วเข้าไปด้วยไม่ได้ ทำได้เพียงยืนมองเพื่อนรักอยู่นอกรั้วสีขาวเท่านั้น ก่อนที่ภาพตรงหน้าจะค่อยๆ จางหายไปและเธอก็สะดุ้งตื่น“คุณบาส” คนแรกที่โรสรินเห็นคือภูภูมิ ชายหนุ่มนอนฟุบอยู่ข้างๆ เธอเหมือนมาคอยเฝ้า บางวันโรสรินก็ตื่นมาในอ้อมกอดของอีกฝ่าย ยิ่งเห็นเขาก็ยิ่งรู้สึกผิดที่ต้องเป็นภาระให้แบบนี้“ตื่นแล้วเหรอครับ”“คุณมานอนตรงนี้นานหรือยังคะ”“ไม่นานครับ” เสียงทุ้มที่ฟังอบอุ่นเอ่ยบอกทั้งๆ ที่เขานั้นมานอนเฝ้าเธอได้หลายชั่วโมงแล้ว “คุณอยากกินอะไร ผมทำให้” แม้จะทำอาหารไม่เก่งแต่ภูภูมิกลับอาสา“ไม่ค่ะ” โรสรินส่ายหน้าปฏิเสธแล้วค่อยๆ หยัดตัวขึ้นมานั่ง“ผมรู้ว่าคุณยังเสียใจแต่คุณมุกดาเธอไปสบายแล้ว คนร้ายก็กำลังได้รับโทษ เรื่องร้ายๆ กำลังจะผ่านไปนะคุณ”“ฉันรู้ แต่พอหวนกลับไปคิดถึงมุกดาก็เจ็บปวด เพราะเธอคือเพื่อนคือครอบครัวเดียวของฉัน”&ld
“ศาลาไหนครับ” ลูกชายคนกลางอย่างภูตะวันเอ่ยถามด้วยสีหน้าที่ยังงุนงงไม่แพ้น้องชายคนเล็กอย่างภุภูมิแม้แต่น้อย“ศาลานี้นี่แหละ เธอชื่อมุกดา” ชื่อที่ได้ยินทำเอาทุกคนอึ้งแต่ก็มีอยู่หนึ่งคนที่ไม่ได้แสดงท่าทีตกใจอะไร นั่นเพราะภูเมฆตกใจมาก่อนหน้านี้แล้ว“มุกดา เพื่อนคุณโรสเหรอครับคุณพ่อ” ภูภูมิเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจพร้อมตั้งคำถามว่าบิดาไปรู้จักกับมุกดาได้ยังไง“อืม สงสัยอะไรไปถามกับบีมเอา พ่อกับแม่ขอตัวไปไหว้ศพก่อน”“ครับๆ” เสียงทุ้มของภูภูมิเอ่ยรับคำก่อนจะพาบิดาและมารดาไปไหว้ศพโดยโรสรินเป็นคนคอยจุดธูปส่งให้ เธอยกมือไหว้แขกที่ไม่คุ้นหน้าเพื่อขอบคุณ แม้ตอนนี้เธอจะไม่ได้ร้องไห้แต่ร่องรอยความเสียใจอย่างหนักก็ยังคงอยู่ในแววตาและสีหน้า“ฉันเสียใจด้วยนะหนู”“ขอบคุณมากค่ะ” โรสรินยกมือไหว้ขอบคุณอีกครั้ง ก่อนจะเงยหน้ามองแขกทั้งสองคนที่แต่งตัวภูมิฐาน ทันทีที่ได้สบตาโรสรินกลับรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
“ไม่ต้องถึงมือคุณพ่อหรอกเรื่องนี้พี่เอาอยู่” เสียงของภูเมฆดังขึ้น เมื่อครู่ไตรเดินเข้าไปแจ้งว่าทุกอย่างในบ้านเคลียร์เรียบร้อยแล้วเขาจึงตามมาสมทบ“นั่นไงผู้มีอิทธิพลตัวจริงมาโน่นแล้ว” ภูตะวันหันไปมองพี่ชายคนโตแล้วยิ้มตรงมุมปากออกมาเล็กน้อย“นายก็พูดไปนั่น อิทธิพลฉันมีแค่หยิบมือสู้ใครได้”“ถ่อมตัวนะพี่รู้ๆ กันอยู่” ประโยคนี้ยังคงดังมาจากภูตะวัน ซึ่งภูเมฆก็ไม่ได้เอ่ยปฏิเสธอะไร ภูภูมิส่งยิ้มให้พี่ชายทั้งสองคนก่อนจะยกมือไหว้ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือในครั้งนี้ แต่คนที่ก้าวเข้ามาในบ้านหลังจากนั้นกลับทำให้เขาตกใจเพราะไม่คิดว่าเธอจะหวนกลับมา“คุณโรส คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ภูภูมิตรงเข้าไปถามแต่ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ตอบ สายตาเอาแต่จ้องมองบางสิ่งบางอย่างตรงหน้าโรสรินนั้นกำลังช็อกเพราะไม่คิดว่าจะเห็นศรีษะของเพื่อนในสภาพเช่นนั้น แต่เท้ากลับเดินเข้าไปหาช้าๆ ไม่ว่าสภาพตอนนี้จะเป็นยังไงแต่ในสายตาของโรสรินแล้วมุกดายังคงสวยเสมอ“ฉันจะมารับเพื่อนกลับบ้านค่ะ” น้ำเสียงสั่นเครือของโรสรินเอ่ยบอก
ด้านหลังของพร้อมพลคือสารพัดรูปปั้นที่คนดีๆ คงไม่สะสมไว้ดูเล่นแน่นอน ถัดไปคือกระดูกสัตว์ บรรดาหม้อไหมองยังไงก็เหมือนสำนักหมอผีไม่มีผิด แต่สิ่งที่ภูภูมิตกใจคือศีรษะของผู้หญิงที่วางอยู่บนพานหน้าแท่นบูชา ที่เวลานี้ค่อยๆ แห้งกรอบจนมองไม่เห็นรูปร่างหน้าตาว่าเป็นใคร ทว่าจู่ๆ เขากลับคิดถึงมุกดาขึ้นมา“นั่นศีรษะคุณมุกดาหรือเปล่า” ภูตะวันเอ่ยขึ้นซึ่งคำถามของนายหัวหนุ่มเหมือนระเบิดที่ทำให้พร้อมพลลนลานก่อนจะตะคอกเสียงดังกลับมา“พวกมึงอย่ายุ่งกับของๆ กู ออกไป”“ออกแน่เพราะกูก็ไม่อยากอยู่นักหรอก” นายหัวหนุ่มตอกหลับเสียงห้วนเช่นกัน ส่วนพร้อมพลนั้นแม้เวลานี้เขาจะตัวคนเดียวแต่กลับไม่ได้แสดงท่าทีหวาดกลัว หนำซ้ำยังมองไปมารอบๆ ตัวคล้ายมองหาใคร ก่อนจะยิ้มที่มุมปากออกมา“มึงฆ่าคุณมุกดาทำไม” ภูภูมิเอ่ยถามขึ้น ซึ่งเขามั่นใจว่าถ้าโรสรินอยู่ตรงนี้ด้วยเธอต้องถามคนร้ายด้วยคำถามเดียวกับเขาแน่นอน“กูไม่ได้ตั้งใจฆ่ามัน กูแค่…” พร้อมพลสารภาพผิดออกมาเป็นฉากๆ ว่าเขานั้นไม่ได้ตั้งใจฆ่ามุกดาแต่พลั้งมือบีบคอเธอ
วันรุ่งขึ้นภูภูมิและโรสรินก็นั่งเครื่องบินจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ โดยเลือกเที่ยวบินให้ใกล้กับภูตะวันเพราะอีกคนต้องนั่งเครื่องสองต่อ นั่นคือครั้งแรกที่โรสรินได้พบพี่ชายฝาแฝดทั้งสองคนของภูภูมิ รวมถึงว่าที่พี่สะใภ้คนโตอย่างเภตราอีกด้วย“บางมุมสามคนนั่นก็เหมือนกัน บางมุมก็ไม่เหมือนว่าไหมคะ”“ค่ะ” โรสรินเห็นด้วยกับคำพูดของเภตรา แต่อีกฝ่ายก็ยังคงสัมผัสความเสียใจได้ซึ่งเภตรานั่นรู้เรื่องทุกอย่างจากคนรักอย่างภูเมฆหมดแล้วเช่นกัน รวมถึงรู้ว่านอกจากมุกดาแล้วโรสรินก็ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนให้พึ่งพา ทั้งคู่จึงเป็นคนสำคัญของกันและกันถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับเธอก็คงช็อกทำตัวไม่ถูก อาฆาตคนร้ายจนอยากตามไปฆ่ากับมือเป็นแน่ ยิ่งเห็นโรสรินก็ยิ่งสงสาร“พี่เสียใจเรื่องเพื่อนของน้องโรสด้วยนะคะ”“ขอบคุณค่ะพี่ขิม”“ถ้ามีเรื่องอะไรที่ไม่สบายใจบอกพี่ได้ พี่พร้อมรับฟังแล้วเป็นกำลังใจให้” น้ำเสียงอบอุ่นและความจริงใจที่ โรสรินสัมผัสได้จากเภตราน