“เอาเป็นว่าผมเสียใจด้วยที่ต้องปฏิเสธคุณ” ต่อให้เวลาหาคนจะเหลือไม่มากแต่ภูภูมิก็เลือกที่จะปฏิเสธ โรสริน ถ้าไม่ได้คนจริงๆ เขาก็ลงไปคุมเองเหมือนที่ผ่านๆ มา มีปัญหาก็แก้กันไป แต่แค่คิดก็ปวดหัวรอเสียแล้ว “แต่ถึงคุณจะปฏิเสธ ฉันก็ยังยืนยันว่าอยากทำงานนี้จริงๆ ค่ะ ถ้าคุณให้โอกาสฉันจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง” น้ำเสียงของโรสรินสั่นเครือเล็กๆ แต่ก็พยายามคุมสติไว้ “ครับ ไว้ผมจะลองพิจารณาอีกที ขอบคุณที่สละเวลามาคุยกัน” ภูภูมิส่งยิ้มให้เธอแต่มันกลับเป็นรอยยิ้มที่เจ็บปวดสำหรับโรสริน เพราะดูเหมือนเธอจะชวดงานนี้แน่นอนแล้ว ทันทีที่เดินออกจากห้องสัมภาษณ์น้ำตามันก็ร่วงจนต้องขอเข้าห้องน้ำเพื่อสงบสติอารมณ์ ส่วนภูภูมินั้นก็รู้สึกไม่ดีที่ต้องปฏิเสธเช่นกันเพราะรู้ว่าทุกคนล้วนมาด้วยความหวัง แต่ใบหน้าสวยๆ ของ โรสรินกลับลอยเข้ามาในหัวจนทำให้หนุ่มโสดใจสั่น ก่อนจะสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัวแล้วลุกไปเข้าห้องน้ำเพื่อรอสัมภาษณ์คนต่อไปเมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จจังหวะที่จะเดินกลับห้อง เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้งคราวนี้เป็นสายจากพี่ชายคนกลางอย่างภูตะวันที่คงรู้เรื่องจากภูเมฆมาแล้วนั่นเอง “สัมภาษณ์เป็นไงบ้าง”“พึ่
“ก็ใช่ไงคะ คุณยังไม่รู้จักฉันแต่ตัดสินฉันแล้ว รู้ไหมว่าฉันคาดหวังงานนี้มากแค่ไหน คำปฏิเสธของคุณมันทำให้บ้านในฝันของฉันลอยหายไปแล้ว” จู่ๆ น้ำตาของโรสรินก็ไหลอาบแก้มขณะที่มือก็ยังทุบตี สลับต่อยร่างกายของ ภูภูมิไม่หยุด หลังสัมภาษณ์เธอมาสงบสติอารมณ์ในห้องน้ำ แต่พอทำใจได้กลับมาได้ยินชายหนุ่มคุยโทรศัพท์ด้วยเรื่องของเธอ อารมณ์ที่คิดว่าสงบก็ปะทุเหมือนภูเขาไฟแต่สำหรับภูภูมิแล้วการที่โรสรินทำเช่นนี้เหมือนประตูพรหมลิขิตถูกทำลายจนพังไม่เหลือชิ้นดี หัวใจที่เคยตายด้านกลับเต้นไม่เป็นจังหวะหนำซ้ำยังมองเห็นอนาคตชัดเจนขึ้น ผู้หญิงแบบนี้เขาควรปล่อยเธอไปจริงๆ หรือเปล่าหรือควรยื้อไว้“โอเค ตอนนี้คุณต้องหยุดมือก่อนแล้วเราค่อยๆ คุยกัน” คำพูดของชายหนุ่มทำให้โรสรินหยุดมือทันทีก่อนจะรีบปาดน้ำตาให้แห้ง แล้วสูดอากาศเข้าปอดลึกๆ เพื่อดึงสติ ส่วนภูภูมิก็สำรวจร่างกายตัวเองเล็กน้อย“คุยอะไรอีกไม่ทราบ”“คุยเรื่องงานไงครับ ไม่อยากได้แล้วเหรอ”“อะไรนะคะ” แววตาของโรสรินเป็นประกายทันทีเมื่อได้ยินเช่นนี้ เพราะทีแรกนึกว่าภูภูมิจะคุยเรื่องที่เธอทำร้ายเขาอย่างบ้าคลั่งเสียอีก แต่นอกจากแผลบนหน้าที่ถูกเธอต่อยไปเต็มแรงส่วนอื่นก
“ฉันแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้ย่ะ อีกอย่างเขาคงมีแฟนแล้วแหละ ไม่เหลือถึงฉันหรอก”“ถ้าเหลือ”“ถ้าเหลือค่อยมาคิด ตอนนี้ใจฉันมีแต่งานเท่านั้น อดทนแค่สองปี สองปีเราจะมีบ้านเป็นของตัวเอง แค่คิดก็มีความสุขแล้วเนอะ”“อื้อ ฉันก็ด้วย” มุกดาเองก็มีความสุขแค่ได้คิดถึงบ้านในฝันความสุขมันก็ล้นเต็มอก ก่อนจะวางสายเพื่อกลับไปทำงานของตัวเองต่อ ในขณะที่โรสรินก็กลับมาที่คอนโดมิเนียมของมุกดาแม้จะเรียกแบบนั้นแต่มุกดาก็เช่าอยู่ไม่ได้ซื้อเป็นของตัวเองแต่อย่างใดโรสรินมองดูตู้เย็นที่ค่อนข้างเก่าแล้วตัดสินใจออกไปซื้อตู้ใหม่มาแทนที่โดยใช้เงินเก็บของตัวเอง เธออยากมอบของขวัญให้เพื่อนสักชิ้นเพราะใกล้จะถึงวันเกิดของมุกดาแล้วนั่นเอง ทันทีที่เจ้าของห้องกลับมาเห็นตู้เย็นใหม่ก็ถึงกับร้องไห้ดีใจแต่ก็ไม่วายบอกเพื่อนรักให้เอาไปคืน“แกก็ซื้อของอร่อยๆ มาแช่ให้เยอะๆ ผลไม้ที่แกชอบด้วย อยู่คนเดียวอย่าทำงานหนัก กินข้าวหาเวลาไปพักผ่อนบ้าง”“อือ แกก็ด้วย อยู
ขอต้อนรับนักอ่านทุกท่านเข้าสู่ ‘ซีรีส์เมียข้าใครอย่าแตะ’ ค่ะ โดยเป็นซีรีส์สามพี่น้องที่เป็นแฝดกันนะคะ เริ่มแรกจะเป็นของพี่ใหญ่อย่างภูเมฆ(สวาทรักพ่อเลี้ยงภูเมฆ) ตามด้วยคนกลางอย่างภูตะวัน (สวาทรักนายหัวภูตะวัน) และคนสุดท้ายน้องเล็กอย่างภูภูมิ(สวาทรักนายเหมืองภูภูมิ) โดยเนื้อหาทั้งสามเรื่องสามารถแยกอ่านกันได้ไม่มีความสับสนใดๆ ค่ะแต่ถ้าอ่านด้วยกันความฟินคือไม่ต้องพูดถึง ห้าปี!คือเวลาที่ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่อย่างภูภูมิไม่ได้กลับมาเหยียบเมืองไทย ที่ผ่านมาเขาใช้ชีวิตตามเหมืองทองต่างๆ แทบจะทั่วทุกมุมโลกและตอนนี้ก็ปักหลักคุมเหมืองทองอยู่ที่แทนซาเนีย ซึ่งที่นั่นเป็นเหมืองทองที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งก็ว่าได้เหตุผลที่ตัดสินใจไปทำเหมืองทองที่นั่นก็สั้นๆ ง่ายๆ เพราะเขาอยากเป็นนักล่าทองคำในตำนานเหมือนที่บิดาเคยทำสมัยยังหนุ่มๆ จำได้ว่าแค่เห็นรูปบิดาตอนนั้นภูภูมิก็อุทานออกมาว่าเท่สุดๆ และนั่นคือความฝันวัยเด็กที่แม้จะเติบโตก็ไม่เคยจางหาย กระทั่งมองเห็นโอกาสทำเหมืองทองที่ต่างประเทศ ทันทีที่บิดารู้ท่านก็สนับสนุนเต็มที่เช่นกันภูภูมิขยับแว่นกันแดดบนใบหน้าเล็กน้อย ฐานแว่นรองรับกับสันจมูกโด่งได้อย่างลงตัว ย
“เฮ้ย! กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่” ภูเมฆเอ่ยทักน้องชายคนเล็กอย่างตกใจและประหลาดใจพอสมควร นั่นเพราะไม่คิดว่าภูภูมิจะมาหาถึงที่เชียงใหม่แถมยังไม่บอกไม่กล่าวอะไรกันล่วงหน้าอีกด้วย “เมื่อสองสามวันก่อน ไปนอนกอดคุณแม่ให้หายคิดถึงก็บินขึ้นมาหาพี่ที่นี่” เอ่ยจบก็หย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ในห้องทำงานพี่ชาย พร้อมกับไล้สายตามองว่าที่เจ้าบ่าวที่ดูมีความสุขจนปิดไว้ไม่อยู่ “เซอร์ไพรส์นะเนี่ย”“พี่สองคนก็ดันมาอยู่กันคนล่ะภาค กว่าจะตัดสินใจได้ว่าจะมาหาใครก่อนก็ต้องจับไม้สั้นไม้ยาวอยู่นาน” “จับไม้สั้นไม้ยาวเลยเหรอ” คำพูดของน้องชายคนเล็กทำให้คนฟังยิ้มแล้วหัวเราะออกมาเล็กนน้อย วิธีหาข้อสรุปของภูภูมิยังคงอยู่เหนือการคาดเดาเสมอๆ “ครับ”“นี่แสดงว่าเบสยังไม่รู้ใช่ไหมว่านายกลับมาเมืองไทยแล้ว”“ยังครับ จะอยู่กับพี่สองสามวันแล้วค่อยบินลงไปหาพี่เบสที่ใต้ ไปด้วยกันไหมพี่”“อยากไปแต่ช่วงนี้ยุ่งๆ” ว่าที่เจ้าบ่าวปฏิเสธ นอกจากงานแล้วเขาก็ยังต้องจัดการเรื่องรายละเอียดของงานแต่งงานอีกด้วย“อ้อ…ลืมไปพี่กำลังเตรียมงานแต่งงาน”“อืม…ต่อให้ยังพอมีเวลาอีกหลายเดือน แต่ฉันกับว่าที่พี่สะใภ้นายก็อยากเตรียมทุกอย่างไว้เสียแต่เนิ่นๆ
เฮ้อออเสียงถอนหายใจลากยาวๆ ดังมาจากหญิงสาวในชุดไปรเวทสบายๆ ที่เวลานี้นั่งทำหน้าเซ็งอยู่บนโต๊ะทำงานตัวเล็กๆ ภายในคอนโดมิเนียมแบบหนึ่งห้องนอน พื้นที่ไม่ได้กว้างขวางแต่เพราะเป็นคอนโดมิเนียมสมัยใหม่จึงถูกออกแบบการใช้งานไว้อย่างลงตัวตรงหน้าเธอมีโน้ตบุ๊คส่วนตัววางอยู่ โดยหน้าแรกที่เปิดทิ้งไว้นั้นคือหน้ารับสมัครงานจากเว็บไซต์ชื่อดัง โรสรินไล่ส่งเรซูเม่ไปยังบริษัทที่เธอสนใจร่วมงานด้วยตั้งแต่เช้า จากนั้นก็รอสาย ทว่าสายที่โทรมากลับไม่ใช่จากบริษัทที่เธอเฝ้ารอแต่คือบรรดามิจฉาชีพที่เธอสวดให้พรไปหลายยกก่อนที่อีกฝ่ายจะทนไม่ไหวตัดสายทิ้งไปเสียดื้อๆเฮ้อออเสียงถอนหายใจดังมาจากเธออีกครั้ง ใบหน้าสวยยังคงออกอาการเซ็งอย่างเห็นได้ชัด คิ้วขมวดเข้าหากันจนยุ่งเหยิงไปหมด“มีบริษัทไหนโทรเรียกแกไปสัมภาษณ์หรือยัง” เจ้าของห้องเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง เพราะนอกจากงานใหม่ยังหาไม่ได้แล้ว ข้าวปลาเพื่อนรักก็แทบไม่กินเช่นกัน “มีแต่พี่มิจอะสิ”“มิจฉาชีพ” มุกดาต่อคำให้สมบูรณ์ ระยะนี้ใครบ้างจะไม่ได้รับสายจากมิจฉาชีพ “อือ”“โทรหาแกตอนนี้ มิจก็มิจเถอะ ชะตาขาดแน่นอน” นั่นเพราะมุกดารู้ว่าตอนนี้อารมณ์ของโรสรินพร้อมระเบิดได้ตลอด
“มากไป”“ถามจริงๆ คุณแม่คิดยังไงถึงส่งผู้หญิงน่ารักๆ อย่างคุณนับมาให้พี่” ภูภูมิยักคิ้วถามพี่ชายคนกลาง ที่ตั้งแต่มีความรักความดิบความเถื่อนก็ดูจะลดน้อยลง ผมเผ้าก็เป็นทรงหนวดเคราวที่นานๆ โกนทีก็โกนจนเกลี้ยงเกลา โชว์หน้าหล่อๆ ตลอด “ส่งมาจับผิด”“จับผิดเรื่อง” คนฟังเอ่ยถามนั่นเพราะยังไม่รู้รายละเอียด“คุณแม่คิดว่าพี่เป็นเกย์”“พี่เนี่ยนะเป็นเกย์” ภูภูมิเลิกคิ้วสูงทันที มารดาคิดอะไรอยู่ถึงคิดว่าลูกชายคนกลางเป็นเกย์หรือเพราะที่ผ่านมาภูตะวันไม่เคยจริงจังกับใคร คิดแล้วก็เสียวสันหลังกลัวมารดาคิดแบบนั้นกับตนบ้างแล้วส่งผู้หญิงไปให้ที่แทนซาเนีย ขืนเป็นแบบนั้นงานเข้าหนักแน่นอน “อือ นั่นแหละคือจุดประสงค์หลักที่คุณแม่ส่งนับมา ไม่ได้ส่งมาให้พี่ทำอะไรแบบนั้น”“แบบนั้นคือแบบไหนพี่” น้องชายตัวแสบแกล้งทำเป็นไม่รู้ “เออน่ะ ไม่ต้องรู้หรอก” ภูตะวันยิ้มกริ่มซึ่งคนฟังก็เข้าใจความหมายโดยไม่ต้องอธิบายขยายความได้เป็นอย่างดี เพราะจดจ่อคุยกันทั้งคู่จึงไม่รู้ว่าบุคคลที่สามที่เอ่ยถึงนั้นเดินมาใกล้จนบังเอิญได้ยิน แม้จะได้ยินแต่นับพันดาวก็จับใจความไม่ได้มากนัก “ไม่ต้องรู้อะไรหรือคะ”“เปล่าครับ ไม่มีอะไร” นายหั
“ฉลองเลยๆๆ” โรสรินเออออตาม ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเธอจะคว้างานใหม่นี้ให้ได้อย่างแน่นอน เพราะจากที่ได้ฟังรายละเอียดคร่าวๆ มันเป็นงานที่น่าสนใจอย่างมากแถมค่าตอบแทนรวมถึงสวัสดิการอื่นๆ ก็ดีมากเช่นกัน “ถ้าพรุ่งนี้ฉันผ่านสัมภาษณ์ก็จะได้ไปทำงานที่ต่างประเทศด้วยนะ” ขณะนั่งกินข้าวเพื่อฉลองให้วันพรุ่งนี้ด้วยกัน โรสรินก็เอ่ยบอกขึ้นเพราะนี่คือหนึ่งในข้อแม้ที่ทางนั้นแจ้งมาขณะคุยสายก่อนนัดสัมภาษณ์ “ที่ไหน”“แทนซาเนีย”“แทนซาเนีย ไม่คุ้นชื่อประเทศเลยสักนิด”“ฉันก็ไม่คุ้น”“แต่แกก็เลือกที่จะไปสัมภาษณ์น่ะเหรอ” แม้จะพึ่งดีใจไปหยกๆ แต่พอรู้ว่าหากโรสรินสัมภาษณ์ผ่านต้องไปทำงานไกลถึงต่างประเทศแบบนี้ มุกดาก็ชักจะลังเล“อือ สถานการณ์ของฉันในตอนนี้มันบีบคั้นให้ต้องสัมภาษณ์และคว้างานนี้มาให้ได้” สีหน้าแววตาของโรสรินนั้นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “ถ้าสัมภาษณ์ผ่านแกต้องไปทำงานที่แทนซาเนียเลยนะ งานอะไรทางนั้นได้บอกไหม”“บอก งานเกี่ยวกับเหมืองทอง”“เหมืองทองที่แทนซาเนีย โอ๊ย! ฉันขอถอนคำพูดได้ไหมที่ขอให้แกได้งานนี้” “ถอนทำไม งานนี้ก็ดีแล้วนะ”“ดีตรงไหน ไปทำงานต่างประเทศแถมยังเป็นประเทศที่ไม่รู้จักอีกด้วย เขาจะหลอกแกไ
“ฉันแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้ย่ะ อีกอย่างเขาคงมีแฟนแล้วแหละ ไม่เหลือถึงฉันหรอก”“ถ้าเหลือ”“ถ้าเหลือค่อยมาคิด ตอนนี้ใจฉันมีแต่งานเท่านั้น อดทนแค่สองปี สองปีเราจะมีบ้านเป็นของตัวเอง แค่คิดก็มีความสุขแล้วเนอะ”“อื้อ ฉันก็ด้วย” มุกดาเองก็มีความสุขแค่ได้คิดถึงบ้านในฝันความสุขมันก็ล้นเต็มอก ก่อนจะวางสายเพื่อกลับไปทำงานของตัวเองต่อ ในขณะที่โรสรินก็กลับมาที่คอนโดมิเนียมของมุกดาแม้จะเรียกแบบนั้นแต่มุกดาก็เช่าอยู่ไม่ได้ซื้อเป็นของตัวเองแต่อย่างใดโรสรินมองดูตู้เย็นที่ค่อนข้างเก่าแล้วตัดสินใจออกไปซื้อตู้ใหม่มาแทนที่โดยใช้เงินเก็บของตัวเอง เธออยากมอบของขวัญให้เพื่อนสักชิ้นเพราะใกล้จะถึงวันเกิดของมุกดาแล้วนั่นเอง ทันทีที่เจ้าของห้องกลับมาเห็นตู้เย็นใหม่ก็ถึงกับร้องไห้ดีใจแต่ก็ไม่วายบอกเพื่อนรักให้เอาไปคืน“แกก็ซื้อของอร่อยๆ มาแช่ให้เยอะๆ ผลไม้ที่แกชอบด้วย อยู่คนเดียวอย่าทำงานหนัก กินข้าวหาเวลาไปพักผ่อนบ้าง”“อือ แกก็ด้วย อยู
“ก็ใช่ไงคะ คุณยังไม่รู้จักฉันแต่ตัดสินฉันแล้ว รู้ไหมว่าฉันคาดหวังงานนี้มากแค่ไหน คำปฏิเสธของคุณมันทำให้บ้านในฝันของฉันลอยหายไปแล้ว” จู่ๆ น้ำตาของโรสรินก็ไหลอาบแก้มขณะที่มือก็ยังทุบตี สลับต่อยร่างกายของ ภูภูมิไม่หยุด หลังสัมภาษณ์เธอมาสงบสติอารมณ์ในห้องน้ำ แต่พอทำใจได้กลับมาได้ยินชายหนุ่มคุยโทรศัพท์ด้วยเรื่องของเธอ อารมณ์ที่คิดว่าสงบก็ปะทุเหมือนภูเขาไฟแต่สำหรับภูภูมิแล้วการที่โรสรินทำเช่นนี้เหมือนประตูพรหมลิขิตถูกทำลายจนพังไม่เหลือชิ้นดี หัวใจที่เคยตายด้านกลับเต้นไม่เป็นจังหวะหนำซ้ำยังมองเห็นอนาคตชัดเจนขึ้น ผู้หญิงแบบนี้เขาควรปล่อยเธอไปจริงๆ หรือเปล่าหรือควรยื้อไว้“โอเค ตอนนี้คุณต้องหยุดมือก่อนแล้วเราค่อยๆ คุยกัน” คำพูดของชายหนุ่มทำให้โรสรินหยุดมือทันทีก่อนจะรีบปาดน้ำตาให้แห้ง แล้วสูดอากาศเข้าปอดลึกๆ เพื่อดึงสติ ส่วนภูภูมิก็สำรวจร่างกายตัวเองเล็กน้อย“คุยอะไรอีกไม่ทราบ”“คุยเรื่องงานไงครับ ไม่อยากได้แล้วเหรอ”“อะไรนะคะ” แววตาของโรสรินเป็นประกายทันทีเมื่อได้ยินเช่นนี้ เพราะทีแรกนึกว่าภูภูมิจะคุยเรื่องที่เธอทำร้ายเขาอย่างบ้าคลั่งเสียอีก แต่นอกจากแผลบนหน้าที่ถูกเธอต่อยไปเต็มแรงส่วนอื่นก
“เอาเป็นว่าผมเสียใจด้วยที่ต้องปฏิเสธคุณ” ต่อให้เวลาหาคนจะเหลือไม่มากแต่ภูภูมิก็เลือกที่จะปฏิเสธ โรสริน ถ้าไม่ได้คนจริงๆ เขาก็ลงไปคุมเองเหมือนที่ผ่านๆ มา มีปัญหาก็แก้กันไป แต่แค่คิดก็ปวดหัวรอเสียแล้ว “แต่ถึงคุณจะปฏิเสธ ฉันก็ยังยืนยันว่าอยากทำงานนี้จริงๆ ค่ะ ถ้าคุณให้โอกาสฉันจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง” น้ำเสียงของโรสรินสั่นเครือเล็กๆ แต่ก็พยายามคุมสติไว้ “ครับ ไว้ผมจะลองพิจารณาอีกที ขอบคุณที่สละเวลามาคุยกัน” ภูภูมิส่งยิ้มให้เธอแต่มันกลับเป็นรอยยิ้มที่เจ็บปวดสำหรับโรสริน เพราะดูเหมือนเธอจะชวดงานนี้แน่นอนแล้ว ทันทีที่เดินออกจากห้องสัมภาษณ์น้ำตามันก็ร่วงจนต้องขอเข้าห้องน้ำเพื่อสงบสติอารมณ์ ส่วนภูภูมินั้นก็รู้สึกไม่ดีที่ต้องปฏิเสธเช่นกันเพราะรู้ว่าทุกคนล้วนมาด้วยความหวัง แต่ใบหน้าสวยๆ ของ โรสรินกลับลอยเข้ามาในหัวจนทำให้หนุ่มโสดใจสั่น ก่อนจะสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัวแล้วลุกไปเข้าห้องน้ำเพื่อรอสัมภาษณ์คนต่อไปเมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จจังหวะที่จะเดินกลับห้อง เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้งคราวนี้เป็นสายจากพี่ชายคนกลางอย่างภูตะวันที่คงรู้เรื่องจากภูเมฆมาแล้วนั่นเอง “สัมภาษณ์เป็นไงบ้าง”“พึ่
“ใช่” เสียงทุ้มเอ่ยรับ “ดูเหมือนเอเจนซี่ของฉันทำงานพลาดนิดหน่อย ทางนั้นพึ่งโทรมาแจ้งมาว่านัดคนผิดให้นายไป จะให้ฉันยกเลิกนัดนี้เลยไหม เพราะดูโปรไฟล์แล้ว ไม่ตรงตามที่นายต้องการเท่าไหร่” สีหน้าของภูเมฆเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด แต่ก่อนจะโทรหาภูภูมิเขาก็คาดโทษทางเอเจนซี่ไปแล้ว เพราะไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ซ้ำอีก “แต่ผมไม่มีเวลาแล้วสิพี่เพราะหลังจากนี้ก็คงยุ่งตลอด ไหนๆ เอเจนซี่ของพี่นัดไปแล้วและเธอคนนั้นก็อาจจะมารอสัมภาษณ์แล้ว ก็ถือว่าเป็นพรหมลิขิตแล้วกัน”“พรหมลิขิตเลยเหรอ” ภูเมฆทวนคำพูดของน้องชายคนเล็ก เรื่องแค่นี้พูดเป็นตุเป็นตะเป็นพรหมลิขิตไปได้ทั้งๆ ที่มันคือความผิดพลาดของคนไม่ใช่พรหมลิขิตที่ไหน “เธอมาด้วยความหวังเพื่อสัมภาษณ์งาน อย่าไปทำลายความหวังนั้นของเธอเลย”“ก็จริง เราไม่ควรทำลายความหวังของใคร” “งั้นแค่นี้ก่อนนะพี่”“โอเค” ภูเมฆเอ่ยรับแล้วกดวางสายจากภูภูมิแล้วพึมพำบางอย่างออกมา “ขอให้สมพรปากของนาย ขอให้มันเป็นพรหมลิขิตอย่างที่นายพูด” ก๊อก ก๊อก ก๊อก“เชิญครับ” เสียงทุ้มเอ่ยอนุญาตมาจากด้านใน ประตูห้องจึงค่อยๆ เปิดออกและนั่นทำให้ภูภูมิเงยหน้าขึ้นมอง จึงเห็นว่าเป็นหญิงสาวที่ร
“ฉลองเลยๆๆ” โรสรินเออออตาม ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเธอจะคว้างานใหม่นี้ให้ได้อย่างแน่นอน เพราะจากที่ได้ฟังรายละเอียดคร่าวๆ มันเป็นงานที่น่าสนใจอย่างมากแถมค่าตอบแทนรวมถึงสวัสดิการอื่นๆ ก็ดีมากเช่นกัน “ถ้าพรุ่งนี้ฉันผ่านสัมภาษณ์ก็จะได้ไปทำงานที่ต่างประเทศด้วยนะ” ขณะนั่งกินข้าวเพื่อฉลองให้วันพรุ่งนี้ด้วยกัน โรสรินก็เอ่ยบอกขึ้นเพราะนี่คือหนึ่งในข้อแม้ที่ทางนั้นแจ้งมาขณะคุยสายก่อนนัดสัมภาษณ์ “ที่ไหน”“แทนซาเนีย”“แทนซาเนีย ไม่คุ้นชื่อประเทศเลยสักนิด”“ฉันก็ไม่คุ้น”“แต่แกก็เลือกที่จะไปสัมภาษณ์น่ะเหรอ” แม้จะพึ่งดีใจไปหยกๆ แต่พอรู้ว่าหากโรสรินสัมภาษณ์ผ่านต้องไปทำงานไกลถึงต่างประเทศแบบนี้ มุกดาก็ชักจะลังเล“อือ สถานการณ์ของฉันในตอนนี้มันบีบคั้นให้ต้องสัมภาษณ์และคว้างานนี้มาให้ได้” สีหน้าแววตาของโรสรินนั้นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “ถ้าสัมภาษณ์ผ่านแกต้องไปทำงานที่แทนซาเนียเลยนะ งานอะไรทางนั้นได้บอกไหม”“บอก งานเกี่ยวกับเหมืองทอง”“เหมืองทองที่แทนซาเนีย โอ๊ย! ฉันขอถอนคำพูดได้ไหมที่ขอให้แกได้งานนี้” “ถอนทำไม งานนี้ก็ดีแล้วนะ”“ดีตรงไหน ไปทำงานต่างประเทศแถมยังเป็นประเทศที่ไม่รู้จักอีกด้วย เขาจะหลอกแกไ
“มากไป”“ถามจริงๆ คุณแม่คิดยังไงถึงส่งผู้หญิงน่ารักๆ อย่างคุณนับมาให้พี่” ภูภูมิยักคิ้วถามพี่ชายคนกลาง ที่ตั้งแต่มีความรักความดิบความเถื่อนก็ดูจะลดน้อยลง ผมเผ้าก็เป็นทรงหนวดเคราวที่นานๆ โกนทีก็โกนจนเกลี้ยงเกลา โชว์หน้าหล่อๆ ตลอด “ส่งมาจับผิด”“จับผิดเรื่อง” คนฟังเอ่ยถามนั่นเพราะยังไม่รู้รายละเอียด“คุณแม่คิดว่าพี่เป็นเกย์”“พี่เนี่ยนะเป็นเกย์” ภูภูมิเลิกคิ้วสูงทันที มารดาคิดอะไรอยู่ถึงคิดว่าลูกชายคนกลางเป็นเกย์หรือเพราะที่ผ่านมาภูตะวันไม่เคยจริงจังกับใคร คิดแล้วก็เสียวสันหลังกลัวมารดาคิดแบบนั้นกับตนบ้างแล้วส่งผู้หญิงไปให้ที่แทนซาเนีย ขืนเป็นแบบนั้นงานเข้าหนักแน่นอน “อือ นั่นแหละคือจุดประสงค์หลักที่คุณแม่ส่งนับมา ไม่ได้ส่งมาให้พี่ทำอะไรแบบนั้น”“แบบนั้นคือแบบไหนพี่” น้องชายตัวแสบแกล้งทำเป็นไม่รู้ “เออน่ะ ไม่ต้องรู้หรอก” ภูตะวันยิ้มกริ่มซึ่งคนฟังก็เข้าใจความหมายโดยไม่ต้องอธิบายขยายความได้เป็นอย่างดี เพราะจดจ่อคุยกันทั้งคู่จึงไม่รู้ว่าบุคคลที่สามที่เอ่ยถึงนั้นเดินมาใกล้จนบังเอิญได้ยิน แม้จะได้ยินแต่นับพันดาวก็จับใจความไม่ได้มากนัก “ไม่ต้องรู้อะไรหรือคะ”“เปล่าครับ ไม่มีอะไร” นายหั
เฮ้อออเสียงถอนหายใจลากยาวๆ ดังมาจากหญิงสาวในชุดไปรเวทสบายๆ ที่เวลานี้นั่งทำหน้าเซ็งอยู่บนโต๊ะทำงานตัวเล็กๆ ภายในคอนโดมิเนียมแบบหนึ่งห้องนอน พื้นที่ไม่ได้กว้างขวางแต่เพราะเป็นคอนโดมิเนียมสมัยใหม่จึงถูกออกแบบการใช้งานไว้อย่างลงตัวตรงหน้าเธอมีโน้ตบุ๊คส่วนตัววางอยู่ โดยหน้าแรกที่เปิดทิ้งไว้นั้นคือหน้ารับสมัครงานจากเว็บไซต์ชื่อดัง โรสรินไล่ส่งเรซูเม่ไปยังบริษัทที่เธอสนใจร่วมงานด้วยตั้งแต่เช้า จากนั้นก็รอสาย ทว่าสายที่โทรมากลับไม่ใช่จากบริษัทที่เธอเฝ้ารอแต่คือบรรดามิจฉาชีพที่เธอสวดให้พรไปหลายยกก่อนที่อีกฝ่ายจะทนไม่ไหวตัดสายทิ้งไปเสียดื้อๆเฮ้อออเสียงถอนหายใจดังมาจากเธออีกครั้ง ใบหน้าสวยยังคงออกอาการเซ็งอย่างเห็นได้ชัด คิ้วขมวดเข้าหากันจนยุ่งเหยิงไปหมด“มีบริษัทไหนโทรเรียกแกไปสัมภาษณ์หรือยัง” เจ้าของห้องเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง เพราะนอกจากงานใหม่ยังหาไม่ได้แล้ว ข้าวปลาเพื่อนรักก็แทบไม่กินเช่นกัน “มีแต่พี่มิจอะสิ”“มิจฉาชีพ” มุกดาต่อคำให้สมบูรณ์ ระยะนี้ใครบ้างจะไม่ได้รับสายจากมิจฉาชีพ “อือ”“โทรหาแกตอนนี้ มิจก็มิจเถอะ ชะตาขาดแน่นอน” นั่นเพราะมุกดารู้ว่าตอนนี้อารมณ์ของโรสรินพร้อมระเบิดได้ตลอด
“เฮ้ย! กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่” ภูเมฆเอ่ยทักน้องชายคนเล็กอย่างตกใจและประหลาดใจพอสมควร นั่นเพราะไม่คิดว่าภูภูมิจะมาหาถึงที่เชียงใหม่แถมยังไม่บอกไม่กล่าวอะไรกันล่วงหน้าอีกด้วย “เมื่อสองสามวันก่อน ไปนอนกอดคุณแม่ให้หายคิดถึงก็บินขึ้นมาหาพี่ที่นี่” เอ่ยจบก็หย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ในห้องทำงานพี่ชาย พร้อมกับไล้สายตามองว่าที่เจ้าบ่าวที่ดูมีความสุขจนปิดไว้ไม่อยู่ “เซอร์ไพรส์นะเนี่ย”“พี่สองคนก็ดันมาอยู่กันคนล่ะภาค กว่าจะตัดสินใจได้ว่าจะมาหาใครก่อนก็ต้องจับไม้สั้นไม้ยาวอยู่นาน” “จับไม้สั้นไม้ยาวเลยเหรอ” คำพูดของน้องชายคนเล็กทำให้คนฟังยิ้มแล้วหัวเราะออกมาเล็กนน้อย วิธีหาข้อสรุปของภูภูมิยังคงอยู่เหนือการคาดเดาเสมอๆ “ครับ”“นี่แสดงว่าเบสยังไม่รู้ใช่ไหมว่านายกลับมาเมืองไทยแล้ว”“ยังครับ จะอยู่กับพี่สองสามวันแล้วค่อยบินลงไปหาพี่เบสที่ใต้ ไปด้วยกันไหมพี่”“อยากไปแต่ช่วงนี้ยุ่งๆ” ว่าที่เจ้าบ่าวปฏิเสธ นอกจากงานแล้วเขาก็ยังต้องจัดการเรื่องรายละเอียดของงานแต่งงานอีกด้วย“อ้อ…ลืมไปพี่กำลังเตรียมงานแต่งงาน”“อืม…ต่อให้ยังพอมีเวลาอีกหลายเดือน แต่ฉันกับว่าที่พี่สะใภ้นายก็อยากเตรียมทุกอย่างไว้เสียแต่เนิ่นๆ
ขอต้อนรับนักอ่านทุกท่านเข้าสู่ ‘ซีรีส์เมียข้าใครอย่าแตะ’ ค่ะ โดยเป็นซีรีส์สามพี่น้องที่เป็นแฝดกันนะคะ เริ่มแรกจะเป็นของพี่ใหญ่อย่างภูเมฆ(สวาทรักพ่อเลี้ยงภูเมฆ) ตามด้วยคนกลางอย่างภูตะวัน (สวาทรักนายหัวภูตะวัน) และคนสุดท้ายน้องเล็กอย่างภูภูมิ(สวาทรักนายเหมืองภูภูมิ) โดยเนื้อหาทั้งสามเรื่องสามารถแยกอ่านกันได้ไม่มีความสับสนใดๆ ค่ะแต่ถ้าอ่านด้วยกันความฟินคือไม่ต้องพูดถึง ห้าปี!คือเวลาที่ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่อย่างภูภูมิไม่ได้กลับมาเหยียบเมืองไทย ที่ผ่านมาเขาใช้ชีวิตตามเหมืองทองต่างๆ แทบจะทั่วทุกมุมโลกและตอนนี้ก็ปักหลักคุมเหมืองทองอยู่ที่แทนซาเนีย ซึ่งที่นั่นเป็นเหมืองทองที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งก็ว่าได้เหตุผลที่ตัดสินใจไปทำเหมืองทองที่นั่นก็สั้นๆ ง่ายๆ เพราะเขาอยากเป็นนักล่าทองคำในตำนานเหมือนที่บิดาเคยทำสมัยยังหนุ่มๆ จำได้ว่าแค่เห็นรูปบิดาตอนนั้นภูภูมิก็อุทานออกมาว่าเท่สุดๆ และนั่นคือความฝันวัยเด็กที่แม้จะเติบโตก็ไม่เคยจางหาย กระทั่งมองเห็นโอกาสทำเหมืองทองที่ต่างประเทศ ทันทีที่บิดารู้ท่านก็สนับสนุนเต็มที่เช่นกันภูภูมิขยับแว่นกันแดดบนใบหน้าเล็กน้อย ฐานแว่นรองรับกับสันจมูกโด่งได้อย่างลงตัว ย