คนในรูปนั้นก็ทำให้เขาตื่นตกใจเป็นอย่างมาก! กู้หม่าง? ลู่หลีซานเงยหน้าขึ้นไปมองยังฮั่วจือเหยียนทันที ดวงตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ "ทำไม คงจะไม่ใช่ว่าเคยพบกับคนคนนี้ใช่ไหม?" ฮั่วจือเหยียนเยาะเย้ยออกมา ลู่หลีซานวางรูปถ่ายลง ใบหน้าไม่เปลี่ยนสี "นี่ก็คือคนที่ฉันจะให้นายกำจัดทิ้ง" ฮั่วจือเหยียนจ้องมองไปที่เขา "พี่ซาน จำเอาไว้ให้ดี อย่าทำพลาด!" "หมายความว่ายังไงกัน?" ฮั่วจือเหยียนหัวเราะออกมาอย่างประหลาด หัวเราะอยู่นาน จนกระทั่งลู่หลีซานเกือบจะหมดความอดทน "เอาละ ไม่อ้อมค้อมกับนายแล้ว" ฮั่วจือเหยียนพูดออกมาอย่างเย็นชา "คนนี้คือฮั่วจือสิง นายท่านสามตระกูลฮั่ว! เมื่อวานนี้คุณปู่เพิ่งจะบินไปอเมริกาเพื่อพบกับบุคคลสำคัญ ตอนนี้ยังไม่มีเวลาว่างมาจัดการเรื่องในตระกูล… และนี่ก็เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่พวกเราจะลงมือ!" ลู่หลีซานขมวดคิ้ว เขาไม่คิดเลยว่า สามีของเจียงชั่นคือฮั่วจือสิง! จากที่ตอบโต้กันในระยะนี้ ดูเหมือนว่าเจียงชั่นจะไม่รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของฮั่วจือสิง แต่ก็ยังคงปกป้องเขาเป็นอย่างดี หากว่าเขาทำร้ายฮั่วจือสิงไปจริง ๆ แล้ว เกรงว่าหญิงสาวคงจะยอมเสียสละทุกอย่างเพื่อต่อสู
ลู่หลีซานจ้องเขม็งไปฮั่วจือเหยียน เนิ่นนานก็ยังพูดออกมาไม่ได้แม้แต่คำเดียว“ความสงสัยของคุณปู่ ฉันจะช่วยกำจัดมันเอง” ฮั่วจือเหยียนมองเขาแล้วพูดว่า “ลู่หลีซาน นายแค่ต้องช่วยฉันกำจัดคนที่ฉันต้องกำจัดเท่านั้น เรื่องที่เหลือนายไม่ต้องเป็นกังวลไป!”น้ำเสียงที่น่ากลัวนี้ทำให้ลู่หลีซานเชื่อว่าเขาต้องการกำจัดกระทั่งชายชราไปเช่นกันฮั่วจือเหยียนให้กู้หม่างถอยออกไป จากนั้นหยิบแผนผังออกมา วาดตำแหน่งในใจกลางเมืองหยางเฉิงเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์“สถานที่แห่งนี้มีผู้คนหนาแน่น ดังนั้นที่ดินทุกตารางนิ้วจึงมีค่า” เขาหัวเราะจาง ๆ “หลังจากเรื่องเสร็จสิ้นแล้ว ฉันจะไปทักทายกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ดินนี้เป็นของนาย! เป็นยังไง?”ลู่หลีซานเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ไม่พูดอะไรออกมา“ลู่หลีซาน” ฮั่วจือเหยียนตบไหล่เขา “นายเป็นคนทะเยอทะยาน โหดเหี้ยมมากพอและดุร้าย นั่นคือสิ่งที่ฉันชอบในตัวนาย!”“เรื่องนี้เป็นประโยชน์ไม่เสียหายอะไรทั้งต่อนายและฉัน นายจะต้องชั่งน้ำหนักให้ดี!”ลู่หลีซานใช้นิ้วชี้ไปที่แผนผังของแผนที่ พื้นที่ขนาดใหญ่และมีศักยภาพที่ไม่อาจประเมินได้ ในบริเวณหยางเฉิง ที่ดินทุกตารางนิ้วล้วนแต่มีค่าใช้จ่า
ไม่คิดเลยว่าผู้ชายที่สูงส่งและเย็นชาอย่างฮั่วจื่อสิงจะมีด้านที่ธรรมดาแบบนี้ด้วยไม่รู้ว่าเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นกันแน่ ในขณะนี้เขาเห็นฮั่วจื่อสิงที่สูง 190 เซนติเมตรก้มลงมาคุยกับเจียงชั่นที่ตัวเล็กกว่ามากราวกับเด็กน้อย สีหน้าของเธอที่กำลังพูดกับเขานั้นช่างจริงจังภาพตรงหน้าทำให้ลู่หลี่ซานตกใจอยู่ไม่น้อยตอนที่ฮั่วจื่อสิงอยู่กับเจียงชั่น เขาทำตัวปกติราวกับพ่อบ้านใจกล้าที่กลัวภรรยาดุในบางที หาเงินมาได้ก็ต้องให้กับภรรยา ซึ่งไม่ต่างอะไรกับผู้ชายจำนวนไม่น้อยที่ต้องออกจากบ้านไปหาเงินชายหนุ่มที่เมื่อก่อนเป็นผู้ที่คนมากมายต่างเคารพนับถือ แต่ตอนนี้เขากลับกำลังใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอย่างคนที่ไร้สถานะอันสูงส่งใด ๆหัวใจของลู่หลี่ซานสั่นเทา พลางกำหมัดแน่นร่างสูงเดินเข้ามาใกล้ประตูหน้าร้านกาแฟที่เปิดอยู่อย่างช้า ๆ ในขณะที่เสียงสนทนาของคนทั้งสองก็ชัดขึ้นเรื่อย ๆ“ฟังฉันนะคะที่รัก เราจำเป็นต้องลดราคาลงจริง ๆ มันแพงไป”“แต่ของที่เราใช้มันพรีเมี่ยมนะคุณ เราลดราคาไม่ได้”“มันไม่ถึงกับขาดทุนหรอกนะ แค่ถูกกว่าท้องตลาดหน่อย กำไรน้อย แต่สุดท้ายก็จะขายหมุนเวียนได้เรื่อย ๆ” เจียงชั่นยืนกราน “ถ้าขนมพวกนี
ลู่หลี่ซานหัวเราะเบา ๆ สีหน้าไม่รู้สึกรู้สาใด ๆ“นี่ไม่ใช่ร้านกาแฟหรอกเหรอ? แล้วฉันควรจะมาทำอะไรที่นี่ล่ะ”ฮั่วจื่อสิงมองอีกฝ่ายอย่างระแวดระวัง ใบหน้าไม่แสดงอาการใด ๆเขาไม่ได้ดูน่ากลัวอย่างคราวที่แล้ว แต่ก็ไม่รู้อยู่ดีว่ามีเจตนาดีหรือร้ายฮั่วจื่อสิงหันมาโอบไหล่ผู้เป็นภรรยาแล้วกระซิบให้เธอกลับบ้าน แล้วเขาจะดูแลต่อเองเจียงชั่นดูกังวลเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มยืนกรานอย่างนั้น เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดินออกไปจากตรงนั้นช้า ๆ เมื่อร่างบางจากไปฮั่วจื่อสิงก็มองไปที่ลู่หลี่ซานแล้วรอยยิ้มมุมปาก“ชุดน้ำชาบ่ายใช่ไหม? ได้เดี๋ยวฉันจัดให้”“ทำได้ด้วยเหรอ?”“ฉันเป็นเจ้าของที่นี่ทำไมจะทำไม่ได้”ฮั่วจื่อสิงกลับมาที่ด้านหลังบาร์ ร่างสูงเตรียมการด้วยความเชี่ยวชาญและคล่องแคล่ว ทว่าเสียงอุปกรณ์ที่กระทบกันไปมาเสียงดังมาก จนลู่หลี่ซานไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายทำเพราะเป็นเรื่องปกติหรือต้องการขับไล่เขากันแน่จากนั้นไม่นานชุดขนมที่ถูกจัดวางอย่างประณีตก็ถูกนำมาเสิร์ฟตรงหน้าเรดเวลเว็ดเค้กที่สวยงามและลาเต้ร้อนหอมกรุ่นที่ตกแต่งด้วยดอกไอริสสีม่วงถูกนำมาวางตรงหน้าลู่หลี่ซานหยิบดอกไม้ขึ้นมาแล้วยิ้ม
แต่ที่แปลกคือกู้หม่างเหมือนจะหายไปจากตรงนั้น ฟางฮั่นจึงไปที่เจียงโจวแล้วนำข่าวมาบอกเขาอย่างเงียบ ๆ “นายน้อยคนของเราได้ค้นหาอยู่ทั่วหยางเฉิงแล้ว แต่ก็ไม่พบกู้หม่างเลย”การแสดงออกของฮั่วจื่อสิงจึงเย็นชาคนที่มีชีวิตอยู่ อยู่ดี ๆ จะหายตัวไปได้ยังไงตอนนี้ไม่มีทั้งคนที่มีชีวิตอยู่หรือว่าศพ ชายหนุ่มจึงกำลังคิดถึงผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดที่กำลังจะตามมา...“ค้นหาในหยางเฉิงต่อไป” เขากัดฟันกรอด “ฉันสงสัยว่าลุงหรือคนอื่น ๆ อาจจะพบเขาก่อน ถ้าพวกเขาต้องการลงมือทำอะไร ต้องแอบส่งคนมาจัดการฉันแน่”“นายน้อย...” ฟางฮั่นเบิกตากว้างอย่างกังวล“ไม่ต้องห่วงฉัน” ฮั่วจื่อสิงเอ่ย “เจียงชั่น..หาคนที่เชื่อถือได้สักสองสามคนคอยติดตามและปกป้องระหว่างที่เธอไปกลับจากที่ทำงาน เธอจะต้องปลอดภัย”“ครับ”หลังจากที่พูดแบบนั้น ความรู้สึกหนาวเย็นก็แผ่ซ่านไปถึงกระดูกของเขาไม่ว่าฮั่วจื่จ่านเฮ่อ ฮั่วจือเหยียน หรือคนอื่น ๆ ในตระกูลฮั่วที่พร้อมจะเคลื่อนไหว เขาก็ไม่เคยกลัวเลยสักครั้งแต่ตอนนี้เขากลัวเขาและเจียงชั่นอยู่ในที่สว่าง ส่วนพวกเขาเหล่านั้นหลบอยู่ในที่มืด หากว่าต้องการเคลื่อนไหวหรือลงมือทำอะไร เป้าหมายต่อไปจะต
ฮั่วจือสิงดูความเห็นในมือถือ ทันใดนั้นความดำมืดก็ปรากฎขึ้นในแววตาร้านเปิดใหม่จะไม่ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากนัก มีความเป็นไปได้ที่จะมีคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้อย่างที่เจียงชั่นบอกเห็นได้ชัดว่าความเห็นเหล่านี้เปิดจากพวกเกรียนคีย์บอร์ดทั้งนั้น ที่แสดงความเห็นเชิงลบและเป็นอันตรายแบบนี้ฮั่วจือสิงเองก็สงสัยว่าคนทำจะเป็นลู่หลี่ซาน แต่มันเป็นเพียงความคิดแค่แวบเดียวเท่านั้น ก่อนที่เขาจะปฏิเสธมันไปตามลักษณะและท่าทางของลู่หลี่ซานแล้ว เขาไม่น่าจะใช้วิธีที่ต่ำและดูไม่ค่อยมีประสบการณ์แบบนี้อีกอย่างวิธีการดังกล่าวยังเป็นการกระทำที่ไม่ได้ส่งผลอะไรมากมาย แต่เหมือนการต่อสู้เล็ก ๆ น้อย ๆ ระหว่างผู้หญิงเท่านั้น ถ้าลู่หลี่ซานต้องการจริง ๆ เขาก็จะประกาศชัดเจนว่าอยากจะสร้างสงครามและนี่ก็ไม่เหมือนที่คู่แข่งทำ แถวนี้มีร้านกาแฟอยู่เยอะก็จริง ทว่าแต่ละร้านจะมีเอกลักษณ์ที่เฉพาะตัวมากจึงมีฐานลูกค้าประจำเป็นของตัวเอง ทุกคนรู้ดีอยู่แล้วว่าทำธุรกิจร่วมกันอย่างสันติ ดังนั้นคนเหล่านี้ที่ส่งความเห็นแย่ ๆ จึงทำเพื่อใส่ร้ายและมุ่งเป้าไปที่เจียงชั่นเท่านั้น...คำตอบค่อย ๆ ฉายชัดขึ้น แต่เมื่อเห็นสีหน้าเศร้าสร้อ
เจียงชั่นรู้สึกกังวล แต่สถานการณ์นี้กลับตรงกับที่ฮั่วจือสิงคาดการณ์เอาไว้เขาขี้เกียจเกินกว่าจะต้องเดินเสิร์ฟกาแฟให้แขกทั้งวันเพียงแค่อยากจะดูแลเธอทุกวัน โดยหวังให้ในร้านมีเพียงเขาและเธอสองคนเท่านั้นอย่างไรก็ตามเพื่อความสุขของเจียงชั่น เขาจึงขอให้เย่เชินตรวจสอบ และผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่เขาคาดเอาไว้ “นายน้อย ผมได้ปรึกษากับบริษัทสื่อหลายแห่ง พวกเขาก็เลยสามารถดึงข้อมูลมาให้ได้อย่างเร็ว ข้อมูลพวกนี้แสดงให้เห็นว่ามีการควบคุมตรงมาจากกลุ่มตระกูลเจียงครับ”“เจียงเหยาเป็นคนทำงั้นเหรอ?”“แต่ถึงยังไงบัญชีที่ใช้ในการโอนเงินตอบแทนให้คนพวกนั้นก็เป็นบัญชีการเงินของตระกูลเจียงครับ”นอกจากเจียงเหยาแล้วจะมีใครในตระกูลเจียงอีกที่มีเหตุผลให้ต้องทำแบบนี้?ฮั่วจือสิงขมวดคิ้วเขาไม่สนใจเรื่องที่จะต้องต่อต้านคนในตระกูลเจียง เพราะอีกฝ่ายไม่มีทางสู้กับเขาได้อยู่แล้วทว่าเขาสนใจเจียงชั่น..“นายน้อย” เย่เชินพูดเสียงเบา “ถ้าคุณต้องการจัดการตระกูลเจียง มันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร เราแค่ให้สิ่งที่พวกเขาต้องการเท่านั้น”ฮั่วจือสิงยังคงเงียบและวางสายไปในตอนนั้นไม่มีใครอื่นอยู่ในร้าน เจียงชั่นจึงขอให้เขากลับ
“วันนิ้ปิดร้านเร็วน่ะ” เจียงชั่นพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ทุกคนกลับไปเถอะ ที่นี่ไม่มีอะไรเหลือแล้ว”เพื่อนร่วมงานต่างก็มองหน้ากัน ก่อนจะมองไปที่เจียงเหยาเจียงเหยาหัวเราะเยาะเย้ย กอดอกแล้วโบกมือให้ทุกคนนั่งลง “ถ้าปิดร้านเร็วขนาดนั้นแล้วจะมีเงินจ่ายค่าเช่าได้ยังไงกัน?”“เช่า?” เจียงชั่นเลิกคิ้ว “ทุกอย่างในร้านนี้เป็นสามีฉันที่จ่าย เขาเปิดมันเพื่อทำให้ฉันมีความสุขเท่านั้น เพราะฉะนั้นอยากทำงานเมื่อไรก็ทำ อยากหยุดเมื่อไรก็หยุดมันเป็นความสุขของฉัน”“อีกอย่าง..” เธอพูดขณะที่เช็ดบาร์ “ทีนี่เป็นสถานที่สำหรับดื่มกาแฟและกินขนมไม่ใช่ที่สำหรับการนินทา”“ธุรกิจมีปัญหาแล้วจะกังวลไปทำไมอีกล่ะ” เจียงเหยาที่ไม่สามารถควบคุมเจียงชั่นต่อหน้าเพื่อนร่วมงานได้เริ่มรู้สึกอาย“เราไปก็ได้ แต่ก็เข้าใจด้วยล่ะว่าตอนนี้ความเห็นแย่ ๆ ของร้านเธอมีเต็มไปหมด อีกไม่นานร้านก็คงจะเจ๊ง”“สำคัญกับพี่ด้วยเหรอที่ร้านฉันจะเจ๊งหรือไม่เจ๊ง?”“แน่นอนว่ามันไม่เกี่ยวกับฉัน” เจียงเหยายิ้มประชดประชัน “แต่ในเกี่ยวกับสามีเธอ อ้อ! ร้านกาแฟดูโรแมนติกมากนะ แต่ถ้าเอาสามีเธอเข้ามาอยู่ในร้านด้วยเนี่ย คงไม่ใช่การขุดหลุมฝังตัวเองหรอกใช่ไหม?”
เจียงชั่นยิ้มแล้วไม่ตอบอะไรโมนาจึงรู้สึกตระหนกขึ้นมาถังอี้หรานเป็นผู้กำกับที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้ ภาพยนตร์ทุกเรื่องที่เขากำกับล้วนแต่ได้รับรางวัลในระดับนานาชาติไม่เพียงแค่มีชื่อเสียงในประเทศ แต่ยังมีชื่อเสียงในวงการภาพยนตร์ระดับนานาชาติอีกด้วยทุกคนในวงการต่างก็กระตือรือร้นที่จะได้เข้าไปอยู่ในทีมของถังอี้หรานแน่นอนว่าโมนาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ถังอี้หรานเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถ ทุกคนรู้จักกันดีว่าเธอหยิ่งแค่ไหน แน่นอนว่าแม้แต่ดารายอดนิยมอย่างเธอถังอี้หรานก็ไม่แยแสแต่ตอนนี้...“เมื่อกี้นี้คุณโทรหาถังอี้หรานจริง ๆ เหรอ?”“ใช่ครับ” ผู้จัดการห่าวเหลือบมองเธอ “ผู้อำนวยการถังเพิ่งสร้างภาพยนตร์เรื่องใหม่ คุณเนี่ยซินและคุณเจียงช่วยติดต่อกับเธอแล้ว”สีหน้าของโมนาเปลี่ยนไปด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างมาก“ผะ..ผู้ช่วยเจียง” เธอมองเจียงชั่น “ผู้กำกับถังจะมาร่วมรายการนี้ด้วยเหรอ? แต่ฉันได้ยินมาว่าเธอไม่เคยปรากฎตัวในรายการวาไรตี้เลยนะ”เจียงชั่นยิ้มและยังคงไม่พูดอะไร“มันไม่ใช่รายการวาไรตี้ธรรมดา ๆ หรอกเหรอ?!” โมนาโกรธจัดเจียงชั่นเม้มปากแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ไม่สำคัญหรอกค่ะ เพ
เจียงชั่นที่กำลังดื่มน้ำ เกือบพ่นน้ำออกมาทันทีที่ได้ยินหลังจากวางสายแล้วเธอก็เดินออกไปเห็นได้ชัดว่าดาราสาวเป็นคนที่ใจร้อนมาก หญิงสาวจ้องเจียงชั่นด้วยความไม่พอใจ“นี่น่ะเหรอที่เรียกว่ามืออาชีพ กำลังทำอะไรอยู่?” โมนาตะโกน “หยู่เฟิงมีเดียก็ใหญ่โตแล้วมีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้นะ จะดูแลได้ดีแน่เหรอ? เพิกเฉยต่อศิลปินแบบนี้มันไม่สุภาพเลยนะ!”ผู้จัดการห่าวทนไม่ไหว “คุณโมนามีมารยาทหน่อยได้ไหมครับ?”โมนาเหลือบมองเขา“ผู้ช่วยเจียงเป็นผู้ช่วยอาวุโสของคุณฟู่ เธอรับผิดชอบงานประชาสัมพันธ์และการฝึกอบรมต่าง ๆ ให้กับศิลปินทุกคน แม้แต่เนี่ยซินเองก็ต้องทำตามและให้ความร่วมมือกับผู้ช่วยเจียง”“คุณโมนาคิดว่าตัวเองมีสถานะที่สูงกว่าคุณเนี่ยซินงั้นสินะครับ?”ทุกคำพูดของผู้จัดการห่าวเน้นย้ำ โมนาจึงถอยหลังเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจเจียงชั่นยิ้มแล้วหยิบเอกสารจากโต๊ะขึ้นมา ในนั้นมีตารางงานของศิลปินหลายคนของบริษัท“นี่เป็นแผนการเดินทางของคุณค่ะ” เจียงชั่นยื่นเอกสารสำเนาให้กับโมนา “ในนั้นมีข้อควรระวังในการปรากฏตัวในรายการ เดี๋ยวฉันจะช่วยสื่อสารกับผู้จัดการส่วนตัวของคุณล่วงหน้า”“นีมันรายการอะไ
เจียงชั่นขมวดคิ้วพลางมองตามไปยังเสียงที่ได้ยินเธอเห็นหญิงสาวสวยแต่งตัวเรียบหรู สวมแว่นกันแดดอันใหญ่และต่างหูกับสร้อยคอที่ดูเว่อร์เดินนวยนาดเข้ามา“ไม่ได้บอกว่ามีทีมผู้บริหารที่เป็นมืออาชีพหรอกเหรอ?” เธอถอดแว่นนกันแดดอันใหญ่ออกแล้วมองเจียงชั่นด้วยท่าทางที่ไม่เป็นมิตร “แล้วอยู่ไหน?”ผู้จัดการห่าวและเจียงชั่นมองหน้ากันแล้วพยักหน้าเบา ๆเจียงชั่นยื่นมือออกมาแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณโมนาใช่ไหมคะ? ฉันคือ...”โมนาแสดงท่าทีที่หยิ่งออกมา เธอไม่ยอมจับมือกับเจียงชั่นเลยเจียงชั่นจึงหยุดค้างอยู่กลางอากาศแบบนั้น ก่อนจะดึงมือกลับเงียบ ๆผู้จัดการห่าวก้าวไปข้างหน้าแล้วเอ่ย “คุณโมนาครับ นี่คือคุณเจียงชั่นผู้ช่วยอาวุโสที่หยู่เฟิงมีเดียของเรา เธอรับผิดชอบในการจัดหาศิลปิน ถ้าหากว่าคุณมีคำถามอะไร สามารถคุยกับเธอได้เลยโดยตรง”“อ้อ เจียงชั่น!” โมนายิ้มในขณะที่ก้มลงมองเล็บมือที่เพิ่งทำมาของเธอ “มีประสบการณ์หรือเปล่า? ไม่ใช่ใครก็จะดูแลฉันได้นะ”“ไม่ต้องกังวลครับคุณโมนา แม้ว่าผู้ช่วยเจียงจะไม่ได้อยู่ในวงการนี้นาน แต่ความสามารถในการทำงานของเธอโดดเด่นมาก”“ความสามารถในการทำงานหรือยั่วผู้ชายกันแน่ที่โดด
“ไอ้สารเลว! แกมันน่ารังเกียจ”สีหน้าของหยินรั่วหงแดงจัดฮั่วจ่านเฮ่อมองกลับด้วยรอยยิ้ม ภายใต้แววตาเจ้าเล่ห์มีความชั่วร้ายอยู่เต็มเปี่ยมเครื่องบินส่วนตัวของฮั่วจือสิงตกจริง แต่หยินรั่วหงไม่รู้เรื่องนี้ในตอนนั้นเขาพบกับฮั่วจ่านเฮ่อที่งานเลี้ยงหลายแห่ง พวกเขาเป็นเพียงคนที่รู้จักกันเท่านั้นนอกเหนือจากการฝึกฝนด้านการแพทย์และเภสัชกรรมแล้ว ตระกูลหยินในหนานหยางยังเปิดสนามบินพลเรือนอีกด้วย สนามบินขนาดใหญ่หลายแห่งในหนานหยางอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลหยินดังนั้นฮั่วจ่านเฮ่อจึงมีแผนนี้ขึ้นมา ทว่าเขาซ่อนความจริงนี้จากหยินรั่วหง ก่อนจะใช้อุบายในการใช้ช่างเทคนิคเข้ามาทำอะไรบางอย่างกับเครื่องบินของฮั่วจือสิง...จากนั้นเขาก็แกล้งทำกรรมธรรม์ก้อนใหญ่แล้วบอกหยินรั่วหงว่าเงินหลายล้านจะตกเป็นของเขาหยินรั่วหงไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะกลายเป็นผู้ร้ายในการก่ออาชญากรรมที่เลวร้ายในครั้งนี้ด้วย“ประธานหยิน ถ้าเรื่องนี้ถูกพูดออกไป จะไม่มีใครฟังคำอธิบายของคุณหรอกนะ เพราะพวกเขาจะคิดว่าคุณเป็นคนที่ร่วมทำร้ายฮั่วจือสิงเหมือนกัน”“เมื่อถึงเวลาชื่อเสียงและความมั่นคงของคุณก็จะถูกทำลายลงไป”หยินรั่วหงหายใจเข
“ใช่”ฮั่วจือสิงขมวดคิ้วด้วยสีหน้าที่จริงจังขึ้นมาเล็กน้อย “ผมไม่ได้บอกเรื่องนี้กับชั่นชั่น ดังนั้นอย่าพูดเรื่องนี้เลยนะ...”“เกิดอะไรขึ้น?” “ช่วงนี้อาการบาดเจ็บที่ขา...มันมีอาการนิดหน่อยน่ะ”เสิ่นเซียวตกใจ รีบพาเขาไปเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดทันที“ไม่มีอะไรหรอก” ฮั่วจือสิงตบไหล่อีกฝ่าย “มันน่าจะกำเริบ ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ช่วงนี้อากาศเย็นลงมาก ก็จะเจ็บมากหน่อย”“ผมจำได้ว่าตอนนั้นคุณให้ยาผม ทั้งแบบกินแล้วก็แบบทา มันได้ผลดีมากนะ..วันนี้ก็เลยอยากจะให้สั่งยาเพิ่ม”เสิ่นเซียวลังเลอยู่นาน โดยที่ไม่พูดอะไร“มีอะไรรึเปล่า?”ฮั่วจือสิงนึกสงสัยว่าแพทย์อาจจะไม่สามารถสั่งยาได้ง่ายดายอย่างทีคิด?“จือสิง” เสิ่นเซียวมองเขาแล้วเม้มปากแน่น ในที่สุดก็ตัดสินใจเอ่ยออกมา “ที่จริงผม..ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือยาอะไร”“ว่าไงนะ?” ฮั่วจือสิงประหลาดใจ “แต่ตอนนั้นคนที่ให้ยากับผมคือคุณนะ”“ใช่ แต่ยานั่นมีคนมอบให้คุณอีกที”ฮั่วจือสิงยิ่งเกิดความสับสนมากขึ้นเสิ่นเซียวถอนหายใจแล้วบอกความจริงทั้งหมด“คุณลองคิดดูสิ ถึงผมจะจบจากโรงเรียนแพทย์มา แต่ตอนนั้นผมไม่ได้เป็นหมอมานานแล้ว ไม่เคยผ่า
“ครับ นายน้อย” ฟางฮั่นพยักหน้าแต่หยินรั่วหงเป็นคนค่อนข้างลึกลับ ไม่ชอบปรากฎตัวต่อสาธารณะแม้แต่ในงานประมูลวันนั้น ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้เจอหน้าเขา“ถ้านัดหมายในนามของเรา เขาจะต้องรับ” ฮั่วจือสิงคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว“แล้ว...ในนามของคุณชายสองล่ะครับ?”“ไม่จำเป็น” ฮั่วจือสิงเม้มปาก “บอกแค่ว่าปู่อยากเจอเขา”ฟางฮั่นสะดุ้งเล็กน้อย “นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง ถ้ามีปู่ร่วมด้วย หยินรั่วหงจะไม่กล้าทำอะไร”ฮั่วจือสิงยิ้ม ก่อนจะปรับสีหน้าไปเป็นไม่พอใจอีกครั้ง“นายน้อย เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นรู้สึกตระหนกเล็กน้อยฮั่วจือสิงลดเสียงทันทีและเจียงชั่นก็ยังอยู่ในครัว“เปล่า” เขาขยับตัวเล็กน้อย “ก็ปัญหาเดิม ๆ”“อาการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นเป็นกังวลหลังจากเหตุการณ์เครื่องบินตก ฮั่วจือสิงได้รับบาดเจ็บหนัก แม้ตรวจแล้วทุกอย่างจะปกติดี แต่ก็มีเพียงอาการบาดเจ็บที่ขาเท่านั้นที่ยังมีผลกระทบที่ต่อเนื่องมาจนถึงตอนนี้“จริง ๆ มันก็ไม่ได้ร้ายแรง” เขายืดตัวขึ้นแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นลง ก็เลยเจ็บมากเป็นบางครั้งแต่ไม่รุนแรงมาก คงจะไม่เป็นอะไรถ้าฉันพอจะปรั
เจียงชั่นหน้าแดงด้วยความเขินอาย ในขณะที่ฮั่วจือสิงกำลังโมโห เธอรีบผละออกจากเขาแล้ววิ่งเข้าไปในบ้านทันทีฟางฮั่นอ้าปากค้าง สายเกินไปแล้วที่เขาจะหนีไปอีกคน...สีหน้าของฮั่วจือสิงมืดดำราวกับมีหมึกดำ ๆ มาป้ายไว้บนหน้าเขาเดินออกไปตรงลานสนามหญ้าอย่างรวดเร็ว พลางมองฟางฮั่นด้วยแววตาที่แข็งกร้าวและเย็นชาฟางฮั่วกระตุกยิ้มแห้ง ๆ หัวใจเต้นแรงจนจะกระเด้งออกมาจากปาก“เกิดอะไรขึ้น?” เขาเอ่ยตอนนี้ฟางฮั่นลืมทุกสิ่งที่เขาต้องการจะพูดแล้ว จึงมองคนตรงหน้าด้วยแววตาว่างเปล่าความเงียบไม่กี่วินาที ทว่าความรู้สึกกลับยาวนานเป็นทศวรรษจากนั้นเจียงชั่นก็ได้ยินเสียงคำรามเข้ม ๆ ของใครบางคนดังขึ้นมา “ฟางฮั่น!”ป้าเฉินที่กำลังเลือกผักอยู่สะดุ้งแล้วรีบวิ่งออกมาจากครัวทันที“เกิดอะไรขึ้นคะ?”เจียงชั่นนั่งหัวเราะอยู่บนโซฟา“เสี่ยวฟางมีเรื่องเหรอคะ?” ป้าเฉินส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ ก่อนจะกลับไปที่ห้องครัวพลางพึมพำกับตัวเอง “ตะเบ็งเสียงขนาดนี้ คงต้องทำซุปไว้ให้นายน้อยหน่อยแล้วล่ะนะ...”ที่สนามหญ้าเองเจ้าแมวส้มที่กินอาหารจนหมดก็กำลังเหวี่ยงร่างอ้วน ๆ ของมันไปมา ขณะที่มองชายหนุ่มทั้งสองแล้วร้องเหมียวสองสามครั้ง
จู่ ๆ ไป๋จิ่งหยวนก็รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นผิดจังหวะ แทบจะควบคุมเอาไว้ไม่ได้ใบหน้าที่ชัดเจนของเหยาหว่านยินสะกดเขาราวกับมีเวทย์มนตร์ ดวงตากลมคู่นั้นราวกับโลกที่ลึกลับกำลังดึงดูดให้เขาเข้าไปสำรวจไป๋จิ่งหยวนมองเธออย่างว่างเปล่า บรรยากาศโดยรอบเงียบลง ราวกับว่าทุกอย่างกำลังมุ่งความสนใจไปที่เธอลมเย็น ๆ ที่พัดกระโชกมาทำให้เหยาหว่านยินไอออกมาสองสามครั้งทำให้ไป๋จิ่งหยวนถอดเสื้อคลุมออกมาแล้วสวมให้กับเธอแทน“ไม่เป็นไร...”“ใส่เถอะ” เขาช่วยกระชับเสื้อให้กับเธอ “ไม่สบายเหรอคุณ? หรือว่าเป็นหวัด?”เหยาหว่านยินเม้มปากแล้วมองเขาเงียบ ๆตอนนี้เริ่มมีคนทะยอยออกมาจากประตูงานประมูล“ดูเหมือนงานจะจบแล้วล่ะ” ไป๋จิ่งหยวนเอ่ย “เอาล่ะ..เดี๋ยวผมไปส่ง คุณอยู่ที่ไหน?”เหยาหว่านยินชะงักแล้วส่ายหน้าเล็กน้อยทุกอย่างราวกับภาพฝัน ในตอนที่เธอตื่นเธอก็ต้องกลับสู่โลกของความเป็นจริงความจริงที่ว่าเธอเป็นลูกสาวนิรนามของตระกูลเหยา ไม่รู้ว่าจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอีกนานแค่ไหน ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง...ร่างบางหันหลังกลับแล้วเดินไปอย่างช้า ๆ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนของตระดูลเหยากำลังตามหาเธออยู่ไม่ไกล
“คุณชื่อหว่านยินเหรอ?” ไป๋จิ่งหยวนขมวดคิ้วดูสับสน “แล้วนามสกุลอะไร?”เหยาหว่านยินหลับตาลงแล้วนิ่งเงียบไป๋จิ่งหยวนจึงยิ้มกว้าง ไม่ว่าเธอจะนามสกุลอะไรแต่แค่ได้รู้จักชื่อก็ดีมากแล้ว“เอาล่ะ เดี๋ยวผมจะพาไปเดินเล่นในสวน” เขาเอ่ยพลางเดินออกไปจากประตู“นี่คุณ...”แต่ก่อนที่เขาจะออกไปได้ ร่างสูงก็ถูกเหยาหว่านยินรั้งเอาไว้เขาตะลึงก่อนจะหันกลับมามองเขายังไม่ได้ใส่กางเกง!ชายหนุ่มหน้าแดง ในขณะที่มองเหยาหว่านยินด้วยความตระหนก ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ใส่เธอดีเห็นอย่างนั้นเหยาหว่านยินก็รู้สึกขบขัน ใบหน้าที่ซีดเซียวเริ่มมีสีสันขึ้นมาทันทีไป๋จิ่งหยวนวิ่งเข้าไปในห้องแล้วรีบสวมกางเกงทันที ก่อนจะพาเหยาหว่านยินออกไปเดินเล่นในค่ำคืนของฤดใบไม้ร่วงช่างสวยงาม ภายในสวนที่ได้รับแสงแดดอบอุ่นมาตลอดทั้งวัน ยังคงมีกลิ่นอายของความอบอุ่นไปทั่วทั้งบริเวณ รอบข้างมีความเงียบสงบและมีเสียงนกนานาชนิดร้องเป็นระยะ ๆ แสงไฟดวงเล็ก ๆ ที่ตกแต่งสวยงามราวกับมีหิ่งห้อยกำลังบินอยู่เหยาหว่านยินสูดหายใจลึกแล้วหลับตาลงเบา ๆเธอยืนอยู่บนสนามหญ้าและหายใจได้อย่างอิสระ อิสระที่เธอเฝ้าใฝ่หามาทั้งชีวิต“ดีจัง” เธอหั