ลู่หลีซานนั่งลงบนรถ ถึงแม้ว่าเครื่องปรับอากาศจะถูกปรับอุณหภูมิไปจนต่ำที่สุดแล้ว แต่เขาก็ยังคงรู้สึกหงุดหงิดอยู่ เขาขมวดคิ้วแน่น อาการปวดหัวเริ่มบรรเทาไปเล็กน้อยแล้ว แต่ความเจ็บปวดในใจก็ยังคงรุนแรงอยู่ ตั้งแต่วันแรกที่เข้าไปอยู่ในคุกเขาก็รู้ว่าตัวเองกับหลินอวี่ฉิงจะไม่มีทางเป็นคนในโลกใบเดียวกันอีก เขาไม่อาจดูแลเธอไปได้ตลอดชีวิต ทำได้เพียงแค่คอยมองดูเธอ คิดถึงเธอ และก็คอยปกป้องให้เธอปลอดภัยไปตลอดชีวิตเขา เพราะฉะนั้นในตอนที่เขามองเห็นว่าเธอเข้าไปพัวพันกันกับกู้หม่าง เขาทั้งประหลาดใจและหวาดกลัว เพราะเขาเข้าใจเป็นอย่างดีว่ากู้หม่างนั้นเป็นคนเช่นไร เขาไม่มีทางที่จะให้คนเช่นนี้มีโอกาสได้ทำร้ายเธอ! ขอเพียงแค่มีคนอาจจะเป็นอันตรายต่อเธอ เขาก็จะไม่เสียดายอะไรทั้งนั้นที่จะกำจัดทิ้งซะ และนี้ก็เป็นสาเหตุว่าทำไมเขาถึงต้องกลับมาสร้างปัญหาให้กับกู้หม่างอีกครั้ง แต่วันนี้เขาก็แน่ใจเรื่องหนึ่งได้แล้ว... คนนั้นไม่ใช่กู้หม่าง! ลูกน้องวางสายไป สีหน้าดูเคร่งขรึมก่อนจะหันไปมองเขาแล้วพูดออกมาเสียงต่ำ "พี่ซาน ทางด้านหยางเฉิงส่งข่าวมา บอกว่า...กู้หม่างยังไม่ตาย!" "แน่ใจนะ?" ท่าทีของลู่หลีซา
ลู่หลีซานชะงักไป แล้วถามออกมาอย่างเคร่งขรึม “คุณชายใหญ่ต้องการจะให้ใครหายไป?”หลังที่นิ่งเงียบไปอย่างประหลาด ฮั่วจือเหยียนเอ่ยเสียงหนักแน่นออกมาสองสามคำ“นายน้อยสามตระกูลฮั่ว ฮั่วจือสิง!”สายตาของลู่หลีซานเปล่งประกายเย็นเยียบออกมา“หากว่านายมีเวลาก็มาที่หยางเฉิงสักรอบ พวกเรามาพูดคุยรายละเอียดกัน!”…เจียงชั่นมองไปยังหลินอวี่ฉิงที่ขดตัวอยู่บนเตียงอย่างปวดใจ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแสบร้อนตรงปลายจมูกขึ้นมา ก่อนจะตบแผ่นหลังเธอเบา ๆ ตั้งแต่ที่กลับมาจนกระทั่งถึงตอนนี้ หลินอวี่ฉิงยังไม่พูดออกมาแม้แต่คำเดียว เข้าประตูมาก็ขังตัวเองเอาไว้ในห้องนอน ดวงตาทั้งสองราวกับว่าไม่มีจุดสนใจ เหมือนกับว่าถูกกระชากจิตวิญญาณออกไปจากร่างกาย“พี่อวี่ฉิง พี่หิวแล้วใช่ไหม?” เจียงชั่นคิดทุกวิถีทางพยายามที่จะพูดกับเธอ “คุณหมอเสิ่นและกู้หม่างก็อยู่กันข้างนอก ฉันให้พวกเขาทำอาหารให้พี่ดีไหม?”เปลือกตาของหลินอวี่ฉิงเริ่มขยับ น้ำตาหยดแรกก็ไหลลงมาจากทางหางตาหัวใจของเจียงชั่นบีบรัดหลินอวี่ฉิงที่เธอรู้จักนั้นกระฉับกระเฉงมาโดยตลอด เหมือนกับนกนางนวลตัวหนึ่งที่เล่นลมไป เหมือนว่าบนโลกใบนี้ไม่มีอุปสรรคใดที่เธอก้าวข้าม
ลู่หลีซานเป็นเพราะว่าปกป้องหลินอวี่ฉิงถูกตัดสินว่ามีความผิดว่าจงใจทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ ถูกจำคุกแปดปีในตอนมหาวิทยาลัยหลินอวี่ฉิงไปเยี่ยมเขาที่คุกนับครั้งไม่ถ้วน แต่ผู้คุมกลับบอกเธอมาเพียงประโยคที่เย็นชาว่า “เขาไม่อยากพบคุณ”ครั้งสุดท้ายเป็นในตอนที่เธอเรียนจบมหาวิทยาลัย เธอได้รับข้อเสนอจากบริษัท ก็เลยคิดจะแบ่งปันข่าวดีนี้กับเขาในตอนที่เธอยืนมองมาจากด้านนอกห้องเข้าเยี่ยมอยู่อย่างร้อนใจ ก็ได้ยินเสียงประตูเหล็กดังขึ้น เมื่อมองเห็นท่าทีลำบากใจของลู่หลีซานที่นั่งอยู่อีกด้านหนึ่งของฉากกันโปร่งแสงน้ำตาของเธอก็ไหลลงมาไม่หยุด“ไม่ต้องร้องไห้” และนี่ก็เป็นประโยคแรกที่เขาพูดกับเธอ และก็เป็นประโยคสุดท้าย “มาเสียน้ำตาให้คนอย่างฉัน ไม่คู่ควร”เมื่อพูดจบเขาก็มองเธออย่างลึกซึ้ง ลุกขึ้นแล้วเดินกลับเข้าไปด้านหลังประตูเหล็กหลินอวี่ฉิงพยายามทุบฉากกั้นโปร่งแสงนั้นอย่างแรง ผู้คุมรั้งเธอเอาไว้ ไม่นานนักด้านในก็มีข่าวส่งออกมาผู้คุมบอกเธอด้วยท่าทีเคร่งขรึมว่าลู่หลีซานบอกว่าต่อไปอย่ามาหาเขาอีก พบกันก็ถือเสียว่าไม่รู้จักหูของหลินอวี่ฉิงเกิดเสียงดังหึ่งขึ้น สมองเต็มไปด้วยความว่างเปล่าอย่างไรก็
ฮั่วจือสิงคิดที่จะตบไหล่ของเขา แต่มือของเขาหยุดกลางอากาศ ผ่านไปสักพักก่อนที่มันจะตกลงมา…เมื่อเขากลับถึงบ้านในตอนเย็น เจียงชั่นก็โน้มตัวเข้าไปในอ้อมแขนของฮั่วจือสิง ทั้งสองก็นอนเล่นบนเตียงใหญ่ด้วยกันฟ้ามืดแล้ว เธอก็ยังนอนไม่หลับ แสงดาวอันเจิดจรัสพุ่งผ่านหน้าต่างเข้ามาส่องในห้องนอนที่ไม่ได้เปิดไฟ เจียงชั่นกะพริบตาโตมองดูท้องฟ้ายามค่ำคืน ราวกับว่าไม่ได้ชื่นชมกับทิวทัศน์ยามค่ำคืนเงียบ ๆ มานานแล้วฮั่วจือสิงกลัวว่าเธอจะร้อน จึงหยิบพัดขึ้นมาพัดให้เธอช้า ๆ พลางก้มมองลงไปที่ใบหน้าด้านข้างที่นุ่มนวลและมีเสน่ห์ของเธอจนทำให้หัวใจของเขาเต้นรัวเธอพลิกตัวในอ้อมแขนของเขาอย่างเกียจคร้าน ใบหน้าหันมาเผชิญกับเขาและยิ้มหวานลูกกระเดือกของฮั่วจือสิงขยับ เหมือนว่าจะมีความอบอุ่นเล็กน้อยพุ่งขึ้นมาเจียงชั่นมองดูเหงื่อที่ปลายจมูกและคิดว่าปกติตัวเองเพื่อที่จะประหยัดค่าไฟก็เลยไม่เปิดเครื่องปรับอากาศ ทันใดนั้นก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อยและพูดว่า "สามี ถ้าคุณร้อนเกินไปก็เปิดแอร์เถอะ ไม่ได้เปลืองเงินมากนัก”“อืม...ไม่จำเป็น” เขาเลียริมฝีปากความร้อนของเขากับเธอนั้น ไม่ใช่เรื่องเดียวกันเลย…ฮั่วจือสิงหายใจ
สีหน้าของฮั่วจือสิงเปลี่ยนไปมา แล้วตอบออกมาเสียงเบา “ล้วนแต่เป็นเรื่องในอดีตกันไปหมดแล้ว…นักโทษที่อยู่ด้วยกันนอกจากจะทะเลาะกันแล้วยังจะทำอะไรได้อีก” “คุณเคยทำร้ายเขาเหรอ?” “อืม จะว่าแบบนั้นก็ได้” เจียงชั่นพยักหน้า คนที่เคยอยู่ในนั้นมาก่อนมักจะใช้ความรุนแรงและมีปัญหาทางจิต เหมือนกับลู่หลีซาน ในใจคิดแต่จะเป็นหัวหน้าใหย่ เมื่อถูกกู้หม่างต่อยตีเข้า ในใจย่อมรู้สึกไม่ยินยอมอย่างแน่นอน ทว่ากู้หม่างไม่ได้มีปัญหาเหล่านี้ นอกจากใบหน้าเย็นชา ไม่ชอบพูดแล้ว สำหรับเธอแล้วก็ไม่มีทางเลือก ดวงตาคู่งามของเจียงชั่นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม จ้องมองไปยังสามีของตัวเองอย่างเงียบ ๆ ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกได้ว่าเก็บได้สมบัติล้ำค่า มือเล็กของเธอลูบไปยังกรอบหน้าคมอย่างเห็นได้ชัดนั้นของเขา เขายังไม่ทันได้โกนหนวด ตอซังหนวดจั๊กจี้ฝ่ามือของเธอ “ทำไมถึงมองผมแบบนั้น?” น้ำเสียงของฮั่วจือสิงอ่อนโยนเต็มไปด้วยความรัก ลูบลงไปบนหัวเล็ก ๆ ของเธอ “ไม่มีอะไร” เธอพูดเสียงเบา "เพียงแต่พบว่าสามีของฉันไม่เพียงแต่แยกแยะบุญคุณความแค้น แล้วยังมีความเอื้อเฟื้อกับคนอื่น!" "ลู่หลีซานทำกับคุณขนาดนี้ คุณยังมีความเห็นอกเห็นใจให้
ไป๋จิ่งหยวนพยักหน้าอย่างหนักแน่น "อาทิตย์ที่แล้วในตอนที่ผมตกปลาอยู่ ก็พบหน้ากับคนนั้นเข้าพอดีในตอนนั้นผมก็ตกใจเป็นอย่างมาก! ลูกพี่สาม กู้หม่างนั้นเหมือนพี่มาก..." ท่าทีของฮั่วจือสิงยิ่งมืดมนและน่ากลัว "ทว่านอกจากหน้าจะเหมือนกันแล้ว พวกพี่ทั้งสองคนก็ไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลย" ไป๋จิ่งหยวนพูดต่อ "ผมสงสัยบางอย่าง ก็เลยหาคนให้ไปลอบตรวจสอบ ไม่คิดว่าผลที่ได้จากการตรวจสอบจะพบว่ากู้หม่างไม่ได้ตาย" "หลังจากที่เขาออกจากคุกก็ล่วงเกินหัวหน้าแก๊งในเจียงโจวไปหลายคน ไม่ชำระหนี้จนต้องถูกตัดนิ้วแล้วโยนไปที่เจียงโจว" ฮั่วจือสิงไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว เย่เชินเองก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ "เพราะฉะนั้น..." เมื่อเย่เชินได้สติขึ้นมา "หรือว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับลู่หลีซาน?" "ลูกพี่สาม ไม่แน่ว่าลู่หลีซานมองออกตั้งแต่แรกแล้วว่าพี่ไม่ใช่กู้หม่าง!" ดวงตาของฮั่วจือสิงส่องประกายเย็นเยียบ นี่เองก็เป็นเรื่องที่เขากังวล หลายครั้งที่ต่อสู้กันกับลู่หลีซาน คนคนนี้ดูแปลกประหลาด บางที่อาจจะสังเกตเห็นตรงจุดนี้ได้นานแล้วก็เป็นได้ ไป๋จิ่งหยวนเลียริมฝีปาก พูดออกมาอย่างลังเล "ลู่หลีซานคนนั้น...คงจะไม
คนในรูปนั้นก็ทำให้เขาตื่นตกใจเป็นอย่างมาก! กู้หม่าง? ลู่หลีซานเงยหน้าขึ้นไปมองยังฮั่วจือเหยียนทันที ดวงตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ "ทำไม คงจะไม่ใช่ว่าเคยพบกับคนคนนี้ใช่ไหม?" ฮั่วจือเหยียนเยาะเย้ยออกมา ลู่หลีซานวางรูปถ่ายลง ใบหน้าไม่เปลี่ยนสี "นี่ก็คือคนที่ฉันจะให้นายกำจัดทิ้ง" ฮั่วจือเหยียนจ้องมองไปที่เขา "พี่ซาน จำเอาไว้ให้ดี อย่าทำพลาด!" "หมายความว่ายังไงกัน?" ฮั่วจือเหยียนหัวเราะออกมาอย่างประหลาด หัวเราะอยู่นาน จนกระทั่งลู่หลีซานเกือบจะหมดความอดทน "เอาละ ไม่อ้อมค้อมกับนายแล้ว" ฮั่วจือเหยียนพูดออกมาอย่างเย็นชา "คนนี้คือฮั่วจือสิง นายท่านสามตระกูลฮั่ว! เมื่อวานนี้คุณปู่เพิ่งจะบินไปอเมริกาเพื่อพบกับบุคคลสำคัญ ตอนนี้ยังไม่มีเวลาว่างมาจัดการเรื่องในตระกูล… และนี่ก็เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่พวกเราจะลงมือ!" ลู่หลีซานขมวดคิ้ว เขาไม่คิดเลยว่า สามีของเจียงชั่นคือฮั่วจือสิง! จากที่ตอบโต้กันในระยะนี้ ดูเหมือนว่าเจียงชั่นจะไม่รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของฮั่วจือสิง แต่ก็ยังคงปกป้องเขาเป็นอย่างดี หากว่าเขาทำร้ายฮั่วจือสิงไปจริง ๆ แล้ว เกรงว่าหญิงสาวคงจะยอมเสียสละทุกอย่างเพื่อต่อสู
ลู่หลีซานจ้องเขม็งไปฮั่วจือเหยียน เนิ่นนานก็ยังพูดออกมาไม่ได้แม้แต่คำเดียว“ความสงสัยของคุณปู่ ฉันจะช่วยกำจัดมันเอง” ฮั่วจือเหยียนมองเขาแล้วพูดว่า “ลู่หลีซาน นายแค่ต้องช่วยฉันกำจัดคนที่ฉันต้องกำจัดเท่านั้น เรื่องที่เหลือนายไม่ต้องเป็นกังวลไป!”น้ำเสียงที่น่ากลัวนี้ทำให้ลู่หลีซานเชื่อว่าเขาต้องการกำจัดกระทั่งชายชราไปเช่นกันฮั่วจือเหยียนให้กู้หม่างถอยออกไป จากนั้นหยิบแผนผังออกมา วาดตำแหน่งในใจกลางเมืองหยางเฉิงเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์“สถานที่แห่งนี้มีผู้คนหนาแน่น ดังนั้นที่ดินทุกตารางนิ้วจึงมีค่า” เขาหัวเราะจาง ๆ “หลังจากเรื่องเสร็จสิ้นแล้ว ฉันจะไปทักทายกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ดินนี้เป็นของนาย! เป็นยังไง?”ลู่หลีซานเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ไม่พูดอะไรออกมา“ลู่หลีซาน” ฮั่วจือเหยียนตบไหล่เขา “นายเป็นคนทะเยอทะยาน โหดเหี้ยมมากพอและดุร้าย นั่นคือสิ่งที่ฉันชอบในตัวนาย!”“เรื่องนี้เป็นประโยชน์ไม่เสียหายอะไรทั้งต่อนายและฉัน นายจะต้องชั่งน้ำหนักให้ดี!”ลู่หลีซานใช้นิ้วชี้ไปที่แผนผังของแผนที่ พื้นที่ขนาดใหญ่และมีศักยภาพที่ไม่อาจประเมินได้ ในบริเวณหยางเฉิง ที่ดินทุกตารางนิ้วล้วนแต่มีค่าใช้จ่า
เจียงชั่นยิ้มแล้วไม่ตอบอะไรโมนาจึงรู้สึกตระหนกขึ้นมาถังอี้หรานเป็นผู้กำกับที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้ ภาพยนตร์ทุกเรื่องที่เขากำกับล้วนแต่ได้รับรางวัลในระดับนานาชาติไม่เพียงแค่มีชื่อเสียงในประเทศ แต่ยังมีชื่อเสียงในวงการภาพยนตร์ระดับนานาชาติอีกด้วยทุกคนในวงการต่างก็กระตือรือร้นที่จะได้เข้าไปอยู่ในทีมของถังอี้หรานแน่นอนว่าโมนาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ถังอี้หรานเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถ ทุกคนรู้จักกันดีว่าเธอหยิ่งแค่ไหน แน่นอนว่าแม้แต่ดารายอดนิยมอย่างเธอถังอี้หรานก็ไม่แยแสแต่ตอนนี้...“เมื่อกี้นี้คุณโทรหาถังอี้หรานจริง ๆ เหรอ?”“ใช่ครับ” ผู้จัดการห่าวเหลือบมองเธอ “ผู้อำนวยการถังเพิ่งสร้างภาพยนตร์เรื่องใหม่ คุณเนี่ยซินและคุณเจียงช่วยติดต่อกับเธอแล้ว”สีหน้าของโมนาเปลี่ยนไปด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างมาก“ผะ..ผู้ช่วยเจียง” เธอมองเจียงชั่น “ผู้กำกับถังจะมาร่วมรายการนี้ด้วยเหรอ? แต่ฉันได้ยินมาว่าเธอไม่เคยปรากฎตัวในรายการวาไรตี้เลยนะ”เจียงชั่นยิ้มและยังคงไม่พูดอะไร“มันไม่ใช่รายการวาไรตี้ธรรมดา ๆ หรอกเหรอ?!” โมนาโกรธจัดเจียงชั่นเม้มปากแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ไม่สำคัญหรอกค่ะ เพ
เจียงชั่นที่กำลังดื่มน้ำ เกือบพ่นน้ำออกมาทันทีที่ได้ยินหลังจากวางสายแล้วเธอก็เดินออกไปเห็นได้ชัดว่าดาราสาวเป็นคนที่ใจร้อนมาก หญิงสาวจ้องเจียงชั่นด้วยความไม่พอใจ“นี่น่ะเหรอที่เรียกว่ามืออาชีพ กำลังทำอะไรอยู่?” โมนาตะโกน “หยู่เฟิงมีเดียก็ใหญ่โตแล้วมีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้นะ จะดูแลได้ดีแน่เหรอ? เพิกเฉยต่อศิลปินแบบนี้มันไม่สุภาพเลยนะ!”ผู้จัดการห่าวทนไม่ไหว “คุณโมนามีมารยาทหน่อยได้ไหมครับ?”โมนาเหลือบมองเขา“ผู้ช่วยเจียงเป็นผู้ช่วยอาวุโสของคุณฟู่ เธอรับผิดชอบงานประชาสัมพันธ์และการฝึกอบรมต่าง ๆ ให้กับศิลปินทุกคน แม้แต่เนี่ยซินเองก็ต้องทำตามและให้ความร่วมมือกับผู้ช่วยเจียง”“คุณโมนาคิดว่าตัวเองมีสถานะที่สูงกว่าคุณเนี่ยซินงั้นสินะครับ?”ทุกคำพูดของผู้จัดการห่าวเน้นย้ำ โมนาจึงถอยหลังเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจเจียงชั่นยิ้มแล้วหยิบเอกสารจากโต๊ะขึ้นมา ในนั้นมีตารางงานของศิลปินหลายคนของบริษัท“นี่เป็นแผนการเดินทางของคุณค่ะ” เจียงชั่นยื่นเอกสารสำเนาให้กับโมนา “ในนั้นมีข้อควรระวังในการปรากฏตัวในรายการ เดี๋ยวฉันจะช่วยสื่อสารกับผู้จัดการส่วนตัวของคุณล่วงหน้า”“นีมันรายการอะไ
เจียงชั่นขมวดคิ้วพลางมองตามไปยังเสียงที่ได้ยินเธอเห็นหญิงสาวสวยแต่งตัวเรียบหรู สวมแว่นกันแดดอันใหญ่และต่างหูกับสร้อยคอที่ดูเว่อร์เดินนวยนาดเข้ามา“ไม่ได้บอกว่ามีทีมผู้บริหารที่เป็นมืออาชีพหรอกเหรอ?” เธอถอดแว่นนกันแดดอันใหญ่ออกแล้วมองเจียงชั่นด้วยท่าทางที่ไม่เป็นมิตร “แล้วอยู่ไหน?”ผู้จัดการห่าวและเจียงชั่นมองหน้ากันแล้วพยักหน้าเบา ๆเจียงชั่นยื่นมือออกมาแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณโมนาใช่ไหมคะ? ฉันคือ...”โมนาแสดงท่าทีที่หยิ่งออกมา เธอไม่ยอมจับมือกับเจียงชั่นเลยเจียงชั่นจึงหยุดค้างอยู่กลางอากาศแบบนั้น ก่อนจะดึงมือกลับเงียบ ๆผู้จัดการห่าวก้าวไปข้างหน้าแล้วเอ่ย “คุณโมนาครับ นี่คือคุณเจียงชั่นผู้ช่วยอาวุโสที่หยู่เฟิงมีเดียของเรา เธอรับผิดชอบในการจัดหาศิลปิน ถ้าหากว่าคุณมีคำถามอะไร สามารถคุยกับเธอได้เลยโดยตรง”“อ้อ เจียงชั่น!” โมนายิ้มในขณะที่ก้มลงมองเล็บมือที่เพิ่งทำมาของเธอ “มีประสบการณ์หรือเปล่า? ไม่ใช่ใครก็จะดูแลฉันได้นะ”“ไม่ต้องกังวลครับคุณโมนา แม้ว่าผู้ช่วยเจียงจะไม่ได้อยู่ในวงการนี้นาน แต่ความสามารถในการทำงานของเธอโดดเด่นมาก”“ความสามารถในการทำงานหรือยั่วผู้ชายกันแน่ที่โดด
“ไอ้สารเลว! แกมันน่ารังเกียจ”สีหน้าของหยินรั่วหงแดงจัดฮั่วจ่านเฮ่อมองกลับด้วยรอยยิ้ม ภายใต้แววตาเจ้าเล่ห์มีความชั่วร้ายอยู่เต็มเปี่ยมเครื่องบินส่วนตัวของฮั่วจือสิงตกจริง แต่หยินรั่วหงไม่รู้เรื่องนี้ในตอนนั้นเขาพบกับฮั่วจ่านเฮ่อที่งานเลี้ยงหลายแห่ง พวกเขาเป็นเพียงคนที่รู้จักกันเท่านั้นนอกเหนือจากการฝึกฝนด้านการแพทย์และเภสัชกรรมแล้ว ตระกูลหยินในหนานหยางยังเปิดสนามบินพลเรือนอีกด้วย สนามบินขนาดใหญ่หลายแห่งในหนานหยางอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลหยินดังนั้นฮั่วจ่านเฮ่อจึงมีแผนนี้ขึ้นมา ทว่าเขาซ่อนความจริงนี้จากหยินรั่วหง ก่อนจะใช้อุบายในการใช้ช่างเทคนิคเข้ามาทำอะไรบางอย่างกับเครื่องบินของฮั่วจือสิง...จากนั้นเขาก็แกล้งทำกรรมธรรม์ก้อนใหญ่แล้วบอกหยินรั่วหงว่าเงินหลายล้านจะตกเป็นของเขาหยินรั่วหงไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะกลายเป็นผู้ร้ายในการก่ออาชญากรรมที่เลวร้ายในครั้งนี้ด้วย“ประธานหยิน ถ้าเรื่องนี้ถูกพูดออกไป จะไม่มีใครฟังคำอธิบายของคุณหรอกนะ เพราะพวกเขาจะคิดว่าคุณเป็นคนที่ร่วมทำร้ายฮั่วจือสิงเหมือนกัน”“เมื่อถึงเวลาชื่อเสียงและความมั่นคงของคุณก็จะถูกทำลายลงไป”หยินรั่วหงหายใจเข
“ใช่”ฮั่วจือสิงขมวดคิ้วด้วยสีหน้าที่จริงจังขึ้นมาเล็กน้อย “ผมไม่ได้บอกเรื่องนี้กับชั่นชั่น ดังนั้นอย่าพูดเรื่องนี้เลยนะ...”“เกิดอะไรขึ้น?” “ช่วงนี้อาการบาดเจ็บที่ขา...มันมีอาการนิดหน่อยน่ะ”เสิ่นเซียวตกใจ รีบพาเขาไปเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดทันที“ไม่มีอะไรหรอก” ฮั่วจือสิงตบไหล่อีกฝ่าย “มันน่าจะกำเริบ ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ช่วงนี้อากาศเย็นลงมาก ก็จะเจ็บมากหน่อย”“ผมจำได้ว่าตอนนั้นคุณให้ยาผม ทั้งแบบกินแล้วก็แบบทา มันได้ผลดีมากนะ..วันนี้ก็เลยอยากจะให้สั่งยาเพิ่ม”เสิ่นเซียวลังเลอยู่นาน โดยที่ไม่พูดอะไร“มีอะไรรึเปล่า?”ฮั่วจือสิงนึกสงสัยว่าแพทย์อาจจะไม่สามารถสั่งยาได้ง่ายดายอย่างทีคิด?“จือสิง” เสิ่นเซียวมองเขาแล้วเม้มปากแน่น ในที่สุดก็ตัดสินใจเอ่ยออกมา “ที่จริงผม..ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือยาอะไร”“ว่าไงนะ?” ฮั่วจือสิงประหลาดใจ “แต่ตอนนั้นคนที่ให้ยากับผมคือคุณนะ”“ใช่ แต่ยานั่นมีคนมอบให้คุณอีกที”ฮั่วจือสิงยิ่งเกิดความสับสนมากขึ้นเสิ่นเซียวถอนหายใจแล้วบอกความจริงทั้งหมด“คุณลองคิดดูสิ ถึงผมจะจบจากโรงเรียนแพทย์มา แต่ตอนนั้นผมไม่ได้เป็นหมอมานานแล้ว ไม่เคยผ่า
“ครับ นายน้อย” ฟางฮั่นพยักหน้าแต่หยินรั่วหงเป็นคนค่อนข้างลึกลับ ไม่ชอบปรากฎตัวต่อสาธารณะแม้แต่ในงานประมูลวันนั้น ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้เจอหน้าเขา“ถ้านัดหมายในนามของเรา เขาจะต้องรับ” ฮั่วจือสิงคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว“แล้ว...ในนามของคุณชายสองล่ะครับ?”“ไม่จำเป็น” ฮั่วจือสิงเม้มปาก “บอกแค่ว่าปู่อยากเจอเขา”ฟางฮั่นสะดุ้งเล็กน้อย “นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง ถ้ามีปู่ร่วมด้วย หยินรั่วหงจะไม่กล้าทำอะไร”ฮั่วจือสิงยิ้ม ก่อนจะปรับสีหน้าไปเป็นไม่พอใจอีกครั้ง“นายน้อย เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นรู้สึกตระหนกเล็กน้อยฮั่วจือสิงลดเสียงทันทีและเจียงชั่นก็ยังอยู่ในครัว“เปล่า” เขาขยับตัวเล็กน้อย “ก็ปัญหาเดิม ๆ”“อาการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นเป็นกังวลหลังจากเหตุการณ์เครื่องบินตก ฮั่วจือสิงได้รับบาดเจ็บหนัก แม้ตรวจแล้วทุกอย่างจะปกติดี แต่ก็มีเพียงอาการบาดเจ็บที่ขาเท่านั้นที่ยังมีผลกระทบที่ต่อเนื่องมาจนถึงตอนนี้“จริง ๆ มันก็ไม่ได้ร้ายแรง” เขายืดตัวขึ้นแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นลง ก็เลยเจ็บมากเป็นบางครั้งแต่ไม่รุนแรงมาก คงจะไม่เป็นอะไรถ้าฉันพอจะปรั
เจียงชั่นหน้าแดงด้วยความเขินอาย ในขณะที่ฮั่วจือสิงกำลังโมโห เธอรีบผละออกจากเขาแล้ววิ่งเข้าไปในบ้านทันทีฟางฮั่นอ้าปากค้าง สายเกินไปแล้วที่เขาจะหนีไปอีกคน...สีหน้าของฮั่วจือสิงมืดดำราวกับมีหมึกดำ ๆ มาป้ายไว้บนหน้าเขาเดินออกไปตรงลานสนามหญ้าอย่างรวดเร็ว พลางมองฟางฮั่นด้วยแววตาที่แข็งกร้าวและเย็นชาฟางฮั่วกระตุกยิ้มแห้ง ๆ หัวใจเต้นแรงจนจะกระเด้งออกมาจากปาก“เกิดอะไรขึ้น?” เขาเอ่ยตอนนี้ฟางฮั่นลืมทุกสิ่งที่เขาต้องการจะพูดแล้ว จึงมองคนตรงหน้าด้วยแววตาว่างเปล่าความเงียบไม่กี่วินาที ทว่าความรู้สึกกลับยาวนานเป็นทศวรรษจากนั้นเจียงชั่นก็ได้ยินเสียงคำรามเข้ม ๆ ของใครบางคนดังขึ้นมา “ฟางฮั่น!”ป้าเฉินที่กำลังเลือกผักอยู่สะดุ้งแล้วรีบวิ่งออกมาจากครัวทันที“เกิดอะไรขึ้นคะ?”เจียงชั่นนั่งหัวเราะอยู่บนโซฟา“เสี่ยวฟางมีเรื่องเหรอคะ?” ป้าเฉินส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ ก่อนจะกลับไปที่ห้องครัวพลางพึมพำกับตัวเอง “ตะเบ็งเสียงขนาดนี้ คงต้องทำซุปไว้ให้นายน้อยหน่อยแล้วล่ะนะ...”ที่สนามหญ้าเองเจ้าแมวส้มที่กินอาหารจนหมดก็กำลังเหวี่ยงร่างอ้วน ๆ ของมันไปมา ขณะที่มองชายหนุ่มทั้งสองแล้วร้องเหมียวสองสามครั้ง
จู่ ๆ ไป๋จิ่งหยวนก็รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นผิดจังหวะ แทบจะควบคุมเอาไว้ไม่ได้ใบหน้าที่ชัดเจนของเหยาหว่านยินสะกดเขาราวกับมีเวทย์มนตร์ ดวงตากลมคู่นั้นราวกับโลกที่ลึกลับกำลังดึงดูดให้เขาเข้าไปสำรวจไป๋จิ่งหยวนมองเธออย่างว่างเปล่า บรรยากาศโดยรอบเงียบลง ราวกับว่าทุกอย่างกำลังมุ่งความสนใจไปที่เธอลมเย็น ๆ ที่พัดกระโชกมาทำให้เหยาหว่านยินไอออกมาสองสามครั้งทำให้ไป๋จิ่งหยวนถอดเสื้อคลุมออกมาแล้วสวมให้กับเธอแทน“ไม่เป็นไร...”“ใส่เถอะ” เขาช่วยกระชับเสื้อให้กับเธอ “ไม่สบายเหรอคุณ? หรือว่าเป็นหวัด?”เหยาหว่านยินเม้มปากแล้วมองเขาเงียบ ๆตอนนี้เริ่มมีคนทะยอยออกมาจากประตูงานประมูล“ดูเหมือนงานจะจบแล้วล่ะ” ไป๋จิ่งหยวนเอ่ย “เอาล่ะ..เดี๋ยวผมไปส่ง คุณอยู่ที่ไหน?”เหยาหว่านยินชะงักแล้วส่ายหน้าเล็กน้อยทุกอย่างราวกับภาพฝัน ในตอนที่เธอตื่นเธอก็ต้องกลับสู่โลกของความเป็นจริงความจริงที่ว่าเธอเป็นลูกสาวนิรนามของตระกูลเหยา ไม่รู้ว่าจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอีกนานแค่ไหน ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง...ร่างบางหันหลังกลับแล้วเดินไปอย่างช้า ๆ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนของตระดูลเหยากำลังตามหาเธออยู่ไม่ไกล
“คุณชื่อหว่านยินเหรอ?” ไป๋จิ่งหยวนขมวดคิ้วดูสับสน “แล้วนามสกุลอะไร?”เหยาหว่านยินหลับตาลงแล้วนิ่งเงียบไป๋จิ่งหยวนจึงยิ้มกว้าง ไม่ว่าเธอจะนามสกุลอะไรแต่แค่ได้รู้จักชื่อก็ดีมากแล้ว“เอาล่ะ เดี๋ยวผมจะพาไปเดินเล่นในสวน” เขาเอ่ยพลางเดินออกไปจากประตู“นี่คุณ...”แต่ก่อนที่เขาจะออกไปได้ ร่างสูงก็ถูกเหยาหว่านยินรั้งเอาไว้เขาตะลึงก่อนจะหันกลับมามองเขายังไม่ได้ใส่กางเกง!ชายหนุ่มหน้าแดง ในขณะที่มองเหยาหว่านยินด้วยความตระหนก ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ใส่เธอดีเห็นอย่างนั้นเหยาหว่านยินก็รู้สึกขบขัน ใบหน้าที่ซีดเซียวเริ่มมีสีสันขึ้นมาทันทีไป๋จิ่งหยวนวิ่งเข้าไปในห้องแล้วรีบสวมกางเกงทันที ก่อนจะพาเหยาหว่านยินออกไปเดินเล่นในค่ำคืนของฤดใบไม้ร่วงช่างสวยงาม ภายในสวนที่ได้รับแสงแดดอบอุ่นมาตลอดทั้งวัน ยังคงมีกลิ่นอายของความอบอุ่นไปทั่วทั้งบริเวณ รอบข้างมีความเงียบสงบและมีเสียงนกนานาชนิดร้องเป็นระยะ ๆ แสงไฟดวงเล็ก ๆ ที่ตกแต่งสวยงามราวกับมีหิ่งห้อยกำลังบินอยู่เหยาหว่านยินสูดหายใจลึกแล้วหลับตาลงเบา ๆเธอยืนอยู่บนสนามหญ้าและหายใจได้อย่างอิสระ อิสระที่เธอเฝ้าใฝ่หามาทั้งชีวิต“ดีจัง” เธอหั