ฮั่วจือสิงหมดคำพูด เขาค่อย ๆ เดินไปทางด้านนั้น เดินได้ก้าวหนึ่งก็หันมองเธอครั้งหนึ่งหวังว่าภรรยาของเขาจะช่วยชุบชีวิตเขากลับมา แต่เจียงชั่นกลับส่งสายตาและรอยยิ้มให้กำลังใจเขาตลอด ทำให้เขากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ท้ายที่สุดแล้วเขาก็กัดฟันกระทืบเท้าออกมา แล้วเดินตรงไปด้านหน้าของฮั่วจือซิน ในเวลานี้ทุกคนพูดคุยกันอย่างมีความสุข ต่างก็พากันเงยหน้าขึ้นไปมองเขาทันที แล้วค่อย ๆ ตะลึงไปอยู่ครู่หนึ่ง “คุณ…คุณกู้” หลินอวี่ฉิงรู้สึกผิดปกติเป็นคนแรก เลยลองถามออกไป “มีเรื่องอะไรกันคะ?” ฮั่วจือสิงเคร่งขรึมเป็นอย่างยิ่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความตึงเครียด ร่างกายยืนแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น ก่อนจะค้างอยู่หลายวินาที… ทันใดนั้นเขาก็ฉีกยิ้มยิงฟันเผยให้เห็นฟันขาวออกมา! ทุกคนพากันเบิกตากว้าง ผงะไปด้านหลัง แล้วมองไปยังเขาอย่างไม่อยากเชื่อ หลังจากที่นิ่งเงียบไปหลายวินาที ในร้านกาแฟเล็ก ๆ ก็มีเสียงหัวเราะระเบิดดังออกมา! เจียงชั่นได้ยินเสียงก็รีบวิ่งเข้ามา พบเพียงทุกคนต่างก็พากันหัวเราะตัวโยน ฮั่วจือซินและเย่เชินอีกเพียงนิดก็เกือบจะพลิกตกเก้าอี้ไป! ก่อนจะมองไปที่สามีของตัวเอง… มุมปากที่ยิ้มอยู่ค่อย ๆ ลดลง
ฮั่วจือสิงจ้องมองเขาอย่างเย็นชา แววตาเป็นประกายอย่างตื่นตัวและแววอันตรายแวบผ่านไป "กู้หม่าง" ลู่หลีซานส่งเสียงเย้ยหยันออกมาแล้วมองยังเขาอย่างมีความหมาย "เงินค่าเช่าและตกแต่งร้านนี้คงจะไม่ใช่ถูก ๆ สินะ? นายไปเงินจำนวนมากขนาดนั้นมาจากไหนกัน?" "เรื่องนี้คงไม่ต้องให้นายเป็นกังวลหรอก" สีหน้าของฮั่วจือสิงเย็นชา "สหาย ตอนอยู่ในคุกฉันก็ไม่ได้ดูแลนายน้อย ๆ นะ" ในสายตาของลู่หลีซานไม่สนใจผู้ใด "เฮ้อ หากว่าขาดเงินแล้วละก็มาบอกฉันได้ ฉันจะให้นายยืมอย่างแน่นอน จะไม่ให้นายอยู่อย่างลำบากแน่!" "ขอบใจ แต่ไม่จำเป็น" "กล้าหาญถึงขนาดนี้แล้วเหรอ? กู้หม่าง หรือว่านายจะเป็นเหมือนกับที่คนอื่นพูดเอาไว้จริง ๆ อาศัยให้ภรรยาของนายเลี้ยงดู?" ในตอนที่ลู่หลีซานพูดนั้นสายตาก็คอยจับจ้องไปยังเจียงชั่นที่อยู่ด้านหลังเขา ฮั่วจือสิงกำหมัดแน่น จนเส้นเลือดปรากฏบนท่อนแขนกำยำของเขาอย่างเห็นได้ชัด "นายอย่ามาพูดจาไร้สาระที่นี่นะ" จู่ ๆ เสียงของหญิงสาวก็ดังลอยมา เจียงชั่นมายืนด้านหน้าฮั่วจือสิง ดวงตาโตคู่งามดูมั่นใจไม่เกรงกลัว เรื่องอื่นเธออาจจะอ่อนแอ แต่ว่าถ้าหากมีคนพุ่งเป้าไปที่สามีของเธอ เธอจะไม่มีทางยอมอย่
เธอจับแขนของฮั่วจือสิงโดยที่ไม่รู้ตัว ก่อนจะเหลือบมองเขาอย่างขลาดกลัว สีหน้าของฮั่วจือสิงดูสงบนิ่ง แล้วพูดออกมาอย่างเคร่งขรึมเหมือนก่อนหน้านั้น "วัตถุดิบวันนี้มีไม่เพียงพอ ที่จะทำให้คนมากมายขนาดนี้ หากว่าคุณลู่ต้องการจะดื่มกาแฟแล้วค่อยมาใหม่พรุ่งนี้จะดีกว่า!" "ไม่มีกาแฟให้ดื่ม ก็เอาขนมหวานมาก็ได้!" ลู่หลีซานเมื่อเห็นบนโต๊ะยังมีคุ๊กกี้อยู่ก็หยิบขึ้นมาชิ้นหนึ่ง อย่างไรก็ตามฮั่วจือสิงชิงแย่งเก็บจานไปเสียก่อน ก่อนจะส่งสายตาคมปลาบไปให้เขา ลู่หลีซานตกตะลึงไป ทันใดนั้นดวงตาก็เผยแววดุร้ายขึ้นมา ก่อนจะคว้ามือของฮั่วจือสิงอย่างแรง ฮั่วจือสิงที่ป้องกันเอาไว้ก่อนแล้ว ก็หันกายไปด้านข้างพลิกมือจับข้อมือของเขาเอาไว้! ทั้งสองยื้อยุดกันไปมา บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด ชายชุดดำหลายสิบคนที่อยู่รอบ ๆ เองก็พร้อมที่จะลงมือเช่นกัน! เหงื่อเย็นไหลซึมเต็มหลังของเจียงชั่น ลู่หลีซานเหวี่ยงหมัดออกอย่างแรง ฮั่วจือสิงแบมือออกแล้วกำเอาไว้แน่น ท่าทีดูเย็นชา ความรู้สึกกดดันนั้นทำให้ลู่หลีซานอดไม่ได้ที่จะใจสั่นขึ้นมา "คุณลู่" ฮั่วจือสิงยิ้มเหมือนราวไม่ยิ้มออกมา เค้นพูดออกมาทีละคำ "คิดจะฝึกมวยก็มาหา
ลู่หลีซานนั่งลงบนรถ ถึงแม้ว่าเครื่องปรับอากาศจะถูกปรับอุณหภูมิไปจนต่ำที่สุดแล้ว แต่เขาก็ยังคงรู้สึกหงุดหงิดอยู่ เขาขมวดคิ้วแน่น อาการปวดหัวเริ่มบรรเทาไปเล็กน้อยแล้ว แต่ความเจ็บปวดในใจก็ยังคงรุนแรงอยู่ ตั้งแต่วันแรกที่เข้าไปอยู่ในคุกเขาก็รู้ว่าตัวเองกับหลินอวี่ฉิงจะไม่มีทางเป็นคนในโลกใบเดียวกันอีก เขาไม่อาจดูแลเธอไปได้ตลอดชีวิต ทำได้เพียงแค่คอยมองดูเธอ คิดถึงเธอ และก็คอยปกป้องให้เธอปลอดภัยไปตลอดชีวิตเขา เพราะฉะนั้นในตอนที่เขามองเห็นว่าเธอเข้าไปพัวพันกันกับกู้หม่าง เขาทั้งประหลาดใจและหวาดกลัว เพราะเขาเข้าใจเป็นอย่างดีว่ากู้หม่างนั้นเป็นคนเช่นไร เขาไม่มีทางที่จะให้คนเช่นนี้มีโอกาสได้ทำร้ายเธอ! ขอเพียงแค่มีคนอาจจะเป็นอันตรายต่อเธอ เขาก็จะไม่เสียดายอะไรทั้งนั้นที่จะกำจัดทิ้งซะ และนี้ก็เป็นสาเหตุว่าทำไมเขาถึงต้องกลับมาสร้างปัญหาให้กับกู้หม่างอีกครั้ง แต่วันนี้เขาก็แน่ใจเรื่องหนึ่งได้แล้ว... คนนั้นไม่ใช่กู้หม่าง! ลูกน้องวางสายไป สีหน้าดูเคร่งขรึมก่อนจะหันไปมองเขาแล้วพูดออกมาเสียงต่ำ "พี่ซาน ทางด้านหยางเฉิงส่งข่าวมา บอกว่า...กู้หม่างยังไม่ตาย!" "แน่ใจนะ?" ท่าทีของลู่หลีซา
ลู่หลีซานชะงักไป แล้วถามออกมาอย่างเคร่งขรึม “คุณชายใหญ่ต้องการจะให้ใครหายไป?”หลังที่นิ่งเงียบไปอย่างประหลาด ฮั่วจือเหยียนเอ่ยเสียงหนักแน่นออกมาสองสามคำ“นายน้อยสามตระกูลฮั่ว ฮั่วจือสิง!”สายตาของลู่หลีซานเปล่งประกายเย็นเยียบออกมา“หากว่านายมีเวลาก็มาที่หยางเฉิงสักรอบ พวกเรามาพูดคุยรายละเอียดกัน!”…เจียงชั่นมองไปยังหลินอวี่ฉิงที่ขดตัวอยู่บนเตียงอย่างปวดใจ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแสบร้อนตรงปลายจมูกขึ้นมา ก่อนจะตบแผ่นหลังเธอเบา ๆ ตั้งแต่ที่กลับมาจนกระทั่งถึงตอนนี้ หลินอวี่ฉิงยังไม่พูดออกมาแม้แต่คำเดียว เข้าประตูมาก็ขังตัวเองเอาไว้ในห้องนอน ดวงตาทั้งสองราวกับว่าไม่มีจุดสนใจ เหมือนกับว่าถูกกระชากจิตวิญญาณออกไปจากร่างกาย“พี่อวี่ฉิง พี่หิวแล้วใช่ไหม?” เจียงชั่นคิดทุกวิถีทางพยายามที่จะพูดกับเธอ “คุณหมอเสิ่นและกู้หม่างก็อยู่กันข้างนอก ฉันให้พวกเขาทำอาหารให้พี่ดีไหม?”เปลือกตาของหลินอวี่ฉิงเริ่มขยับ น้ำตาหยดแรกก็ไหลลงมาจากทางหางตาหัวใจของเจียงชั่นบีบรัดหลินอวี่ฉิงที่เธอรู้จักนั้นกระฉับกระเฉงมาโดยตลอด เหมือนกับนกนางนวลตัวหนึ่งที่เล่นลมไป เหมือนว่าบนโลกใบนี้ไม่มีอุปสรรคใดที่เธอก้าวข้าม
ลู่หลีซานเป็นเพราะว่าปกป้องหลินอวี่ฉิงถูกตัดสินว่ามีความผิดว่าจงใจทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ ถูกจำคุกแปดปีในตอนมหาวิทยาลัยหลินอวี่ฉิงไปเยี่ยมเขาที่คุกนับครั้งไม่ถ้วน แต่ผู้คุมกลับบอกเธอมาเพียงประโยคที่เย็นชาว่า “เขาไม่อยากพบคุณ”ครั้งสุดท้ายเป็นในตอนที่เธอเรียนจบมหาวิทยาลัย เธอได้รับข้อเสนอจากบริษัท ก็เลยคิดจะแบ่งปันข่าวดีนี้กับเขาในตอนที่เธอยืนมองมาจากด้านนอกห้องเข้าเยี่ยมอยู่อย่างร้อนใจ ก็ได้ยินเสียงประตูเหล็กดังขึ้น เมื่อมองเห็นท่าทีลำบากใจของลู่หลีซานที่นั่งอยู่อีกด้านหนึ่งของฉากกันโปร่งแสงน้ำตาของเธอก็ไหลลงมาไม่หยุด“ไม่ต้องร้องไห้” และนี่ก็เป็นประโยคแรกที่เขาพูดกับเธอ และก็เป็นประโยคสุดท้าย “มาเสียน้ำตาให้คนอย่างฉัน ไม่คู่ควร”เมื่อพูดจบเขาก็มองเธออย่างลึกซึ้ง ลุกขึ้นแล้วเดินกลับเข้าไปด้านหลังประตูเหล็กหลินอวี่ฉิงพยายามทุบฉากกั้นโปร่งแสงนั้นอย่างแรง ผู้คุมรั้งเธอเอาไว้ ไม่นานนักด้านในก็มีข่าวส่งออกมาผู้คุมบอกเธอด้วยท่าทีเคร่งขรึมว่าลู่หลีซานบอกว่าต่อไปอย่ามาหาเขาอีก พบกันก็ถือเสียว่าไม่รู้จักหูของหลินอวี่ฉิงเกิดเสียงดังหึ่งขึ้น สมองเต็มไปด้วยความว่างเปล่าอย่างไรก็
ฮั่วจือสิงคิดที่จะตบไหล่ของเขา แต่มือของเขาหยุดกลางอากาศ ผ่านไปสักพักก่อนที่มันจะตกลงมา…เมื่อเขากลับถึงบ้านในตอนเย็น เจียงชั่นก็โน้มตัวเข้าไปในอ้อมแขนของฮั่วจือสิง ทั้งสองก็นอนเล่นบนเตียงใหญ่ด้วยกันฟ้ามืดแล้ว เธอก็ยังนอนไม่หลับ แสงดาวอันเจิดจรัสพุ่งผ่านหน้าต่างเข้ามาส่องในห้องนอนที่ไม่ได้เปิดไฟ เจียงชั่นกะพริบตาโตมองดูท้องฟ้ายามค่ำคืน ราวกับว่าไม่ได้ชื่นชมกับทิวทัศน์ยามค่ำคืนเงียบ ๆ มานานแล้วฮั่วจือสิงกลัวว่าเธอจะร้อน จึงหยิบพัดขึ้นมาพัดให้เธอช้า ๆ พลางก้มมองลงไปที่ใบหน้าด้านข้างที่นุ่มนวลและมีเสน่ห์ของเธอจนทำให้หัวใจของเขาเต้นรัวเธอพลิกตัวในอ้อมแขนของเขาอย่างเกียจคร้าน ใบหน้าหันมาเผชิญกับเขาและยิ้มหวานลูกกระเดือกของฮั่วจือสิงขยับ เหมือนว่าจะมีความอบอุ่นเล็กน้อยพุ่งขึ้นมาเจียงชั่นมองดูเหงื่อที่ปลายจมูกและคิดว่าปกติตัวเองเพื่อที่จะประหยัดค่าไฟก็เลยไม่เปิดเครื่องปรับอากาศ ทันใดนั้นก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อยและพูดว่า "สามี ถ้าคุณร้อนเกินไปก็เปิดแอร์เถอะ ไม่ได้เปลืองเงินมากนัก”“อืม...ไม่จำเป็น” เขาเลียริมฝีปากความร้อนของเขากับเธอนั้น ไม่ใช่เรื่องเดียวกันเลย…ฮั่วจือสิงหายใจ
สีหน้าของฮั่วจือสิงเปลี่ยนไปมา แล้วตอบออกมาเสียงเบา “ล้วนแต่เป็นเรื่องในอดีตกันไปหมดแล้ว…นักโทษที่อยู่ด้วยกันนอกจากจะทะเลาะกันแล้วยังจะทำอะไรได้อีก” “คุณเคยทำร้ายเขาเหรอ?” “อืม จะว่าแบบนั้นก็ได้” เจียงชั่นพยักหน้า คนที่เคยอยู่ในนั้นมาก่อนมักจะใช้ความรุนแรงและมีปัญหาทางจิต เหมือนกับลู่หลีซาน ในใจคิดแต่จะเป็นหัวหน้าใหย่ เมื่อถูกกู้หม่างต่อยตีเข้า ในใจย่อมรู้สึกไม่ยินยอมอย่างแน่นอน ทว่ากู้หม่างไม่ได้มีปัญหาเหล่านี้ นอกจากใบหน้าเย็นชา ไม่ชอบพูดแล้ว สำหรับเธอแล้วก็ไม่มีทางเลือก ดวงตาคู่งามของเจียงชั่นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม จ้องมองไปยังสามีของตัวเองอย่างเงียบ ๆ ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกได้ว่าเก็บได้สมบัติล้ำค่า มือเล็กของเธอลูบไปยังกรอบหน้าคมอย่างเห็นได้ชัดนั้นของเขา เขายังไม่ทันได้โกนหนวด ตอซังหนวดจั๊กจี้ฝ่ามือของเธอ “ทำไมถึงมองผมแบบนั้น?” น้ำเสียงของฮั่วจือสิงอ่อนโยนเต็มไปด้วยความรัก ลูบลงไปบนหัวเล็ก ๆ ของเธอ “ไม่มีอะไร” เธอพูดเสียงเบา "เพียงแต่พบว่าสามีของฉันไม่เพียงแต่แยกแยะบุญคุณความแค้น แล้วยังมีความเอื้อเฟื้อกับคนอื่น!" "ลู่หลีซานทำกับคุณขนาดนี้ คุณยังมีความเห็นอกเห็นใจให้
เจียงชั่นยิ้มแล้วไม่ตอบอะไรโมนาจึงรู้สึกตระหนกขึ้นมาถังอี้หรานเป็นผู้กำกับที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้ ภาพยนตร์ทุกเรื่องที่เขากำกับล้วนแต่ได้รับรางวัลในระดับนานาชาติไม่เพียงแค่มีชื่อเสียงในประเทศ แต่ยังมีชื่อเสียงในวงการภาพยนตร์ระดับนานาชาติอีกด้วยทุกคนในวงการต่างก็กระตือรือร้นที่จะได้เข้าไปอยู่ในทีมของถังอี้หรานแน่นอนว่าโมนาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ถังอี้หรานเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถ ทุกคนรู้จักกันดีว่าเธอหยิ่งแค่ไหน แน่นอนว่าแม้แต่ดารายอดนิยมอย่างเธอถังอี้หรานก็ไม่แยแสแต่ตอนนี้...“เมื่อกี้นี้คุณโทรหาถังอี้หรานจริง ๆ เหรอ?”“ใช่ครับ” ผู้จัดการห่าวเหลือบมองเธอ “ผู้อำนวยการถังเพิ่งสร้างภาพยนตร์เรื่องใหม่ คุณเนี่ยซินและคุณเจียงช่วยติดต่อกับเธอแล้ว”สีหน้าของโมนาเปลี่ยนไปด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างมาก“ผะ..ผู้ช่วยเจียง” เธอมองเจียงชั่น “ผู้กำกับถังจะมาร่วมรายการนี้ด้วยเหรอ? แต่ฉันได้ยินมาว่าเธอไม่เคยปรากฎตัวในรายการวาไรตี้เลยนะ”เจียงชั่นยิ้มและยังคงไม่พูดอะไร“มันไม่ใช่รายการวาไรตี้ธรรมดา ๆ หรอกเหรอ?!” โมนาโกรธจัดเจียงชั่นเม้มปากแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ไม่สำคัญหรอกค่ะ เพ
เจียงชั่นที่กำลังดื่มน้ำ เกือบพ่นน้ำออกมาทันทีที่ได้ยินหลังจากวางสายแล้วเธอก็เดินออกไปเห็นได้ชัดว่าดาราสาวเป็นคนที่ใจร้อนมาก หญิงสาวจ้องเจียงชั่นด้วยความไม่พอใจ“นี่น่ะเหรอที่เรียกว่ามืออาชีพ กำลังทำอะไรอยู่?” โมนาตะโกน “หยู่เฟิงมีเดียก็ใหญ่โตแล้วมีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้นะ จะดูแลได้ดีแน่เหรอ? เพิกเฉยต่อศิลปินแบบนี้มันไม่สุภาพเลยนะ!”ผู้จัดการห่าวทนไม่ไหว “คุณโมนามีมารยาทหน่อยได้ไหมครับ?”โมนาเหลือบมองเขา“ผู้ช่วยเจียงเป็นผู้ช่วยอาวุโสของคุณฟู่ เธอรับผิดชอบงานประชาสัมพันธ์และการฝึกอบรมต่าง ๆ ให้กับศิลปินทุกคน แม้แต่เนี่ยซินเองก็ต้องทำตามและให้ความร่วมมือกับผู้ช่วยเจียง”“คุณโมนาคิดว่าตัวเองมีสถานะที่สูงกว่าคุณเนี่ยซินงั้นสินะครับ?”ทุกคำพูดของผู้จัดการห่าวเน้นย้ำ โมนาจึงถอยหลังเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจเจียงชั่นยิ้มแล้วหยิบเอกสารจากโต๊ะขึ้นมา ในนั้นมีตารางงานของศิลปินหลายคนของบริษัท“นี่เป็นแผนการเดินทางของคุณค่ะ” เจียงชั่นยื่นเอกสารสำเนาให้กับโมนา “ในนั้นมีข้อควรระวังในการปรากฏตัวในรายการ เดี๋ยวฉันจะช่วยสื่อสารกับผู้จัดการส่วนตัวของคุณล่วงหน้า”“นีมันรายการอะไ
เจียงชั่นขมวดคิ้วพลางมองตามไปยังเสียงที่ได้ยินเธอเห็นหญิงสาวสวยแต่งตัวเรียบหรู สวมแว่นกันแดดอันใหญ่และต่างหูกับสร้อยคอที่ดูเว่อร์เดินนวยนาดเข้ามา“ไม่ได้บอกว่ามีทีมผู้บริหารที่เป็นมืออาชีพหรอกเหรอ?” เธอถอดแว่นนกันแดดอันใหญ่ออกแล้วมองเจียงชั่นด้วยท่าทางที่ไม่เป็นมิตร “แล้วอยู่ไหน?”ผู้จัดการห่าวและเจียงชั่นมองหน้ากันแล้วพยักหน้าเบา ๆเจียงชั่นยื่นมือออกมาแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณโมนาใช่ไหมคะ? ฉันคือ...”โมนาแสดงท่าทีที่หยิ่งออกมา เธอไม่ยอมจับมือกับเจียงชั่นเลยเจียงชั่นจึงหยุดค้างอยู่กลางอากาศแบบนั้น ก่อนจะดึงมือกลับเงียบ ๆผู้จัดการห่าวก้าวไปข้างหน้าแล้วเอ่ย “คุณโมนาครับ นี่คือคุณเจียงชั่นผู้ช่วยอาวุโสที่หยู่เฟิงมีเดียของเรา เธอรับผิดชอบในการจัดหาศิลปิน ถ้าหากว่าคุณมีคำถามอะไร สามารถคุยกับเธอได้เลยโดยตรง”“อ้อ เจียงชั่น!” โมนายิ้มในขณะที่ก้มลงมองเล็บมือที่เพิ่งทำมาของเธอ “มีประสบการณ์หรือเปล่า? ไม่ใช่ใครก็จะดูแลฉันได้นะ”“ไม่ต้องกังวลครับคุณโมนา แม้ว่าผู้ช่วยเจียงจะไม่ได้อยู่ในวงการนี้นาน แต่ความสามารถในการทำงานของเธอโดดเด่นมาก”“ความสามารถในการทำงานหรือยั่วผู้ชายกันแน่ที่โดด
“ไอ้สารเลว! แกมันน่ารังเกียจ”สีหน้าของหยินรั่วหงแดงจัดฮั่วจ่านเฮ่อมองกลับด้วยรอยยิ้ม ภายใต้แววตาเจ้าเล่ห์มีความชั่วร้ายอยู่เต็มเปี่ยมเครื่องบินส่วนตัวของฮั่วจือสิงตกจริง แต่หยินรั่วหงไม่รู้เรื่องนี้ในตอนนั้นเขาพบกับฮั่วจ่านเฮ่อที่งานเลี้ยงหลายแห่ง พวกเขาเป็นเพียงคนที่รู้จักกันเท่านั้นนอกเหนือจากการฝึกฝนด้านการแพทย์และเภสัชกรรมแล้ว ตระกูลหยินในหนานหยางยังเปิดสนามบินพลเรือนอีกด้วย สนามบินขนาดใหญ่หลายแห่งในหนานหยางอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลหยินดังนั้นฮั่วจ่านเฮ่อจึงมีแผนนี้ขึ้นมา ทว่าเขาซ่อนความจริงนี้จากหยินรั่วหง ก่อนจะใช้อุบายในการใช้ช่างเทคนิคเข้ามาทำอะไรบางอย่างกับเครื่องบินของฮั่วจือสิง...จากนั้นเขาก็แกล้งทำกรรมธรรม์ก้อนใหญ่แล้วบอกหยินรั่วหงว่าเงินหลายล้านจะตกเป็นของเขาหยินรั่วหงไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะกลายเป็นผู้ร้ายในการก่ออาชญากรรมที่เลวร้ายในครั้งนี้ด้วย“ประธานหยิน ถ้าเรื่องนี้ถูกพูดออกไป จะไม่มีใครฟังคำอธิบายของคุณหรอกนะ เพราะพวกเขาจะคิดว่าคุณเป็นคนที่ร่วมทำร้ายฮั่วจือสิงเหมือนกัน”“เมื่อถึงเวลาชื่อเสียงและความมั่นคงของคุณก็จะถูกทำลายลงไป”หยินรั่วหงหายใจเข
“ใช่”ฮั่วจือสิงขมวดคิ้วด้วยสีหน้าที่จริงจังขึ้นมาเล็กน้อย “ผมไม่ได้บอกเรื่องนี้กับชั่นชั่น ดังนั้นอย่าพูดเรื่องนี้เลยนะ...”“เกิดอะไรขึ้น?” “ช่วงนี้อาการบาดเจ็บที่ขา...มันมีอาการนิดหน่อยน่ะ”เสิ่นเซียวตกใจ รีบพาเขาไปเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดทันที“ไม่มีอะไรหรอก” ฮั่วจือสิงตบไหล่อีกฝ่าย “มันน่าจะกำเริบ ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ช่วงนี้อากาศเย็นลงมาก ก็จะเจ็บมากหน่อย”“ผมจำได้ว่าตอนนั้นคุณให้ยาผม ทั้งแบบกินแล้วก็แบบทา มันได้ผลดีมากนะ..วันนี้ก็เลยอยากจะให้สั่งยาเพิ่ม”เสิ่นเซียวลังเลอยู่นาน โดยที่ไม่พูดอะไร“มีอะไรรึเปล่า?”ฮั่วจือสิงนึกสงสัยว่าแพทย์อาจจะไม่สามารถสั่งยาได้ง่ายดายอย่างทีคิด?“จือสิง” เสิ่นเซียวมองเขาแล้วเม้มปากแน่น ในที่สุดก็ตัดสินใจเอ่ยออกมา “ที่จริงผม..ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือยาอะไร”“ว่าไงนะ?” ฮั่วจือสิงประหลาดใจ “แต่ตอนนั้นคนที่ให้ยากับผมคือคุณนะ”“ใช่ แต่ยานั่นมีคนมอบให้คุณอีกที”ฮั่วจือสิงยิ่งเกิดความสับสนมากขึ้นเสิ่นเซียวถอนหายใจแล้วบอกความจริงทั้งหมด“คุณลองคิดดูสิ ถึงผมจะจบจากโรงเรียนแพทย์มา แต่ตอนนั้นผมไม่ได้เป็นหมอมานานแล้ว ไม่เคยผ่า
“ครับ นายน้อย” ฟางฮั่นพยักหน้าแต่หยินรั่วหงเป็นคนค่อนข้างลึกลับ ไม่ชอบปรากฎตัวต่อสาธารณะแม้แต่ในงานประมูลวันนั้น ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้เจอหน้าเขา“ถ้านัดหมายในนามของเรา เขาจะต้องรับ” ฮั่วจือสิงคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว“แล้ว...ในนามของคุณชายสองล่ะครับ?”“ไม่จำเป็น” ฮั่วจือสิงเม้มปาก “บอกแค่ว่าปู่อยากเจอเขา”ฟางฮั่นสะดุ้งเล็กน้อย “นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง ถ้ามีปู่ร่วมด้วย หยินรั่วหงจะไม่กล้าทำอะไร”ฮั่วจือสิงยิ้ม ก่อนจะปรับสีหน้าไปเป็นไม่พอใจอีกครั้ง“นายน้อย เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นรู้สึกตระหนกเล็กน้อยฮั่วจือสิงลดเสียงทันทีและเจียงชั่นก็ยังอยู่ในครัว“เปล่า” เขาขยับตัวเล็กน้อย “ก็ปัญหาเดิม ๆ”“อาการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นเป็นกังวลหลังจากเหตุการณ์เครื่องบินตก ฮั่วจือสิงได้รับบาดเจ็บหนัก แม้ตรวจแล้วทุกอย่างจะปกติดี แต่ก็มีเพียงอาการบาดเจ็บที่ขาเท่านั้นที่ยังมีผลกระทบที่ต่อเนื่องมาจนถึงตอนนี้“จริง ๆ มันก็ไม่ได้ร้ายแรง” เขายืดตัวขึ้นแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นลง ก็เลยเจ็บมากเป็นบางครั้งแต่ไม่รุนแรงมาก คงจะไม่เป็นอะไรถ้าฉันพอจะปรั
เจียงชั่นหน้าแดงด้วยความเขินอาย ในขณะที่ฮั่วจือสิงกำลังโมโห เธอรีบผละออกจากเขาแล้ววิ่งเข้าไปในบ้านทันทีฟางฮั่นอ้าปากค้าง สายเกินไปแล้วที่เขาจะหนีไปอีกคน...สีหน้าของฮั่วจือสิงมืดดำราวกับมีหมึกดำ ๆ มาป้ายไว้บนหน้าเขาเดินออกไปตรงลานสนามหญ้าอย่างรวดเร็ว พลางมองฟางฮั่นด้วยแววตาที่แข็งกร้าวและเย็นชาฟางฮั่วกระตุกยิ้มแห้ง ๆ หัวใจเต้นแรงจนจะกระเด้งออกมาจากปาก“เกิดอะไรขึ้น?” เขาเอ่ยตอนนี้ฟางฮั่นลืมทุกสิ่งที่เขาต้องการจะพูดแล้ว จึงมองคนตรงหน้าด้วยแววตาว่างเปล่าความเงียบไม่กี่วินาที ทว่าความรู้สึกกลับยาวนานเป็นทศวรรษจากนั้นเจียงชั่นก็ได้ยินเสียงคำรามเข้ม ๆ ของใครบางคนดังขึ้นมา “ฟางฮั่น!”ป้าเฉินที่กำลังเลือกผักอยู่สะดุ้งแล้วรีบวิ่งออกมาจากครัวทันที“เกิดอะไรขึ้นคะ?”เจียงชั่นนั่งหัวเราะอยู่บนโซฟา“เสี่ยวฟางมีเรื่องเหรอคะ?” ป้าเฉินส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ ก่อนจะกลับไปที่ห้องครัวพลางพึมพำกับตัวเอง “ตะเบ็งเสียงขนาดนี้ คงต้องทำซุปไว้ให้นายน้อยหน่อยแล้วล่ะนะ...”ที่สนามหญ้าเองเจ้าแมวส้มที่กินอาหารจนหมดก็กำลังเหวี่ยงร่างอ้วน ๆ ของมันไปมา ขณะที่มองชายหนุ่มทั้งสองแล้วร้องเหมียวสองสามครั้ง
จู่ ๆ ไป๋จิ่งหยวนก็รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นผิดจังหวะ แทบจะควบคุมเอาไว้ไม่ได้ใบหน้าที่ชัดเจนของเหยาหว่านยินสะกดเขาราวกับมีเวทย์มนตร์ ดวงตากลมคู่นั้นราวกับโลกที่ลึกลับกำลังดึงดูดให้เขาเข้าไปสำรวจไป๋จิ่งหยวนมองเธออย่างว่างเปล่า บรรยากาศโดยรอบเงียบลง ราวกับว่าทุกอย่างกำลังมุ่งความสนใจไปที่เธอลมเย็น ๆ ที่พัดกระโชกมาทำให้เหยาหว่านยินไอออกมาสองสามครั้งทำให้ไป๋จิ่งหยวนถอดเสื้อคลุมออกมาแล้วสวมให้กับเธอแทน“ไม่เป็นไร...”“ใส่เถอะ” เขาช่วยกระชับเสื้อให้กับเธอ “ไม่สบายเหรอคุณ? หรือว่าเป็นหวัด?”เหยาหว่านยินเม้มปากแล้วมองเขาเงียบ ๆตอนนี้เริ่มมีคนทะยอยออกมาจากประตูงานประมูล“ดูเหมือนงานจะจบแล้วล่ะ” ไป๋จิ่งหยวนเอ่ย “เอาล่ะ..เดี๋ยวผมไปส่ง คุณอยู่ที่ไหน?”เหยาหว่านยินชะงักแล้วส่ายหน้าเล็กน้อยทุกอย่างราวกับภาพฝัน ในตอนที่เธอตื่นเธอก็ต้องกลับสู่โลกของความเป็นจริงความจริงที่ว่าเธอเป็นลูกสาวนิรนามของตระกูลเหยา ไม่รู้ว่าจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอีกนานแค่ไหน ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง...ร่างบางหันหลังกลับแล้วเดินไปอย่างช้า ๆ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนของตระดูลเหยากำลังตามหาเธออยู่ไม่ไกล
“คุณชื่อหว่านยินเหรอ?” ไป๋จิ่งหยวนขมวดคิ้วดูสับสน “แล้วนามสกุลอะไร?”เหยาหว่านยินหลับตาลงแล้วนิ่งเงียบไป๋จิ่งหยวนจึงยิ้มกว้าง ไม่ว่าเธอจะนามสกุลอะไรแต่แค่ได้รู้จักชื่อก็ดีมากแล้ว“เอาล่ะ เดี๋ยวผมจะพาไปเดินเล่นในสวน” เขาเอ่ยพลางเดินออกไปจากประตู“นี่คุณ...”แต่ก่อนที่เขาจะออกไปได้ ร่างสูงก็ถูกเหยาหว่านยินรั้งเอาไว้เขาตะลึงก่อนจะหันกลับมามองเขายังไม่ได้ใส่กางเกง!ชายหนุ่มหน้าแดง ในขณะที่มองเหยาหว่านยินด้วยความตระหนก ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ใส่เธอดีเห็นอย่างนั้นเหยาหว่านยินก็รู้สึกขบขัน ใบหน้าที่ซีดเซียวเริ่มมีสีสันขึ้นมาทันทีไป๋จิ่งหยวนวิ่งเข้าไปในห้องแล้วรีบสวมกางเกงทันที ก่อนจะพาเหยาหว่านยินออกไปเดินเล่นในค่ำคืนของฤดใบไม้ร่วงช่างสวยงาม ภายในสวนที่ได้รับแสงแดดอบอุ่นมาตลอดทั้งวัน ยังคงมีกลิ่นอายของความอบอุ่นไปทั่วทั้งบริเวณ รอบข้างมีความเงียบสงบและมีเสียงนกนานาชนิดร้องเป็นระยะ ๆ แสงไฟดวงเล็ก ๆ ที่ตกแต่งสวยงามราวกับมีหิ่งห้อยกำลังบินอยู่เหยาหว่านยินสูดหายใจลึกแล้วหลับตาลงเบา ๆเธอยืนอยู่บนสนามหญ้าและหายใจได้อย่างอิสระ อิสระที่เธอเฝ้าใฝ่หามาทั้งชีวิต“ดีจัง” เธอหั