สิ้นเสียงของหลี่ฉานฮว๋า บรรยากาศในห้องก็เงียบสงัดลงทันทีหลินเซียงอี๋หันมองไปที่ชุนฮว๋าซึ่งยืนอยู่ด้านหลังป้าหนิงโดยไม่รู้ตัว เห็นได้ชัดว่าบนใบหน้าของนางยังคงมีความหวาดกลัวอยู่ เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ความหวาดกลัวก็เปลี่ยนเป็นความดีใจ แต่ก็ยังมีความกังวลอยู่บ้าง นางต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกป้าหนิงถลึงตาใส่จนต้องหยุดหลินเซียงอี๋เลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วลุกขึ้นยืน พูดทันทีว่า “คนที่อยู่ข้างกายท่านแม่ย่อมต้องเป็นคนดี ท่านวางใจได้ ข้าจะจัดการเรื่องของพี่ชุนฮว๋าให้เรียบร้อย ท่านแม่ไม่ต้องกังวล”“ลูกสะใภ้ สัญญาขายตัวนี้ข้ามอบให้เจ้าแล้ว ชุนฮว๋าก็นับว่าเป็นทาสของเจ้าเช่นกัน นางไม่ใช่คนของข้า เจ้าไม่ต้องเห็นแก่หน้าข้า จะตีจะด่าจะขายออกไปอย่างไรก็ตามใจเจ้า ไม่ต้องมาบอกกล่าวข้า”ระหว่างที่พูด ตงเสวี่ยก็ยื่นเอกสารสัญญาทาสของชุนฮว๋าให้หลินเซียงอี๋ด้วยความเคารพเมื่อตงเสวี่ยทำเช่นนั้น สีหน้าของชุนฮว๋าก็ซีดเผือด เหมือนไม่คิดว่าฮูหยินจะยอมยกสัญญาซื้อตัวทาสของนางให้อีกฝ่ายจริงๆหลินเซียงอี๋เลิกคิ้ว นางเองก็ไม่คิดว่าแม่สามีจะมอบให้จริงๆ นี่มันไม่ใช่การส่งคนมาแฝงข้างกายนางหรอกหรือ แล้วการให้สัญญาซื้
ชุนฮว๋าหน้าซีดเผือด ไม่คาดคิดว่าหลินเซียงอี๋จะไม่ยอมไว้หน้าฮูหยินท่านโหวแม้แต่น้อยทั้งชิวเยว่และเซี่ยอวี่มองหน้ากัน รีบเข้าไปพยุงชุนฮว๋าขึ้นมา ทั้งสองคนประกบซ้ายขวา พาชุนฮว๋ามากล่าวขอโทษหลินเซียงอี๋“ฮูหยินน้อย ฮูหยินใหญ่ให้พวกเรามาปรนนิบัติฮูหยินน้อย พวกเราจึงเป็นคนของฮูหยินน้อย ชุนฮว๋าเพียงแต่ไม่รู้กฎระเบียบยามอยู่ต่อหน้าฮูหยินน้อย บ่าวจะตั้งใจสั่งสอนนางเองเจ้าค่ะ”“พวกบ่าวจะพาชุนฮว๋าออกไปก่อนเจ้าค่ะ”หลินเซียงอี๋ไม่อยากถือสาคนรับใช้จึงไม่ได้พูดอะไร ปล่อยให้ทั้งสองคนพาตัวชุนฮว๋าออกไปพอทุกคนออกไปหมดแล้ว ซื่อชูที่อัดอั้นมานานก็ถามขึ้นทันที “ฮูหยินน้อย นังบ่าวสารเลวนั่นมาที่เรือนของเราได้อย่างไร?”“นางคือสาวใช้ที่ท่านโหวน้อยขับไล่ออกไปคืนนั้น ฮูหยินใหญ่จะให้นางเป็นอนุของท่านโหวน้อยหรือ?”“ฮูหยินน้อย ท่านต้องคิดหาวิธีขับไล่นางแพศยานั่นออกไปนะเจ้าคะ”หลินเซียงอี๋หลุดหัวเราะออกมา นางมองซื่อชูที่กำลังกลุ้มอกกลุ้มใจอย่างขบขัน พูดเย้าแหย่นางว่า “เจ้าเด็กคนนี่ ทำตัวเหมือนสามีตัวเองจะเอาเมียน้อยเข้าบ้านอย่างไรอย่างนั้น”“ไม่ต้องกังวลนะ ข้าจะหาบุรุษที่รักเดียวใจเดียวมาให้เจ้าเอง รับรอ
“หลินเซียงอี๋ เจ้าจงตายเสียเถอะ!”คมมีดปักลงกลางอก แม้ตายก็ตายตาไม่หลับ!“แค่ก แค่ก!”หลังจากไออย่างรุนแรงอยู่พักหนึ่ง หลินเซียงอี๋ก็เบิกตาโพลงขึ้นมาอย่างฉับพลัน สิ่งแรกที่ปรากฏสู่ม่านสายตาคือสีแดงฉานราวกับเลือดที่ไหลทะลักจากอกของนางหลินเซียงอี๋จับต้นชนปลายไม่ถูก มิใช่ว่านางถูกแทงตายไปแล้วหรือ?“คุณหนู เจ้าบ่าวมารอที่หน้าเรือนแล้วเจ้าค่ะ พวกเรารีบออกไปกันเถอะ”ซื่อชูและเผิ่งฮั่วคนหนึ่งถือแอปเปิ้ล อีกคนหนึ่งประคองหลินเซียงอี๋เจ้าบ่าว?!หลินเซียงอี๋ได้สติกลับมาทันใด ตวัดมือเปิดผ้าคลุมศีรษะออกใบหน้าที่แสนคุ้นตาของคนทั้งสองปรากฏตรงหน้า น้ำตาของหลินเซียงอี๋พลันรินไหลนางยังไม่ตาย นางกลับมามีชีวิตอีกครั้ง!แล้วยังย้อนกลับมาในตอนที่กำลังจะแต่งงานด้วย“คุณหนู หากท่านยังร้องไห้อีกเครื่องประทินโฉมคงไม่เหลือแล้วเจ้าค่ะ ท่านเขยกำลังจะเข้ามารับอยู่แล้ว แต่งหน้าใหม่ไม่ทันนะเจ้าคะ”ยังทันอยู่ ทุกอย่างยังไม่สายเกินไปหลินเซียงอี๋คว้ามือของสาวใช้เอาไว้แล้วเอ่ยคำพูดที่สร้างความตกตะลึงอย่างยิ่งให้ทั้งสองคนฟัง“เดี๋ยวพอออกจากเรือนแล้ว พวกเจ้าหาโอกาสสับเปลี่ยนตัวข้ากับหวังพิ่นถิงเสีย”“ข
“คุณหนูหวัง ข้าแต่งงานกับเจ้าเพราะเห็นแก่สัญญาหมั้นหมายระหว่างตระกูลหลินและตระกูลอวิ๋น ไม่อยากให้ทั้งสองตระกูลบาดหมางกัน”เสียงทุ้มต่ำแฝงความเย็นชาดังขึ้น หลินเซียงอี๋พลันรู้สึกประหลาดใจไม่เปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวหรือ?เห็นได้ชัดเลยว่าอีกฝ่ายไม่คิดจะทำเช่นนั้น“ข้าจะให้ความเคารพเจ้าในฐานะภรรยา แต่ข้าจะไม่แตะต้องเจ้า วันหน้าหากเจ้าพบเจอคนที่ชอบ ข้าก็พร้อมจะปล่อยเจ้าไป”“ดึกมากแล้ว เจ้าเองก็เหนื่อยมาทั้งวัน รีบพักผ่อนเถอะ ข้าจะออกไปอยู่ข้างนอก”เมื่อเอ่ยจบ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของเขาแทน!แบบนี้ ก็ได้หรือ?หลินเซียงอี๋คิดไม่ถึงว่าอวิ๋นเฉิงจะปฏิบัติเช่นนี้กับหวังพิ่นถิงในคืนวันแต่งงาน เขาแต่งงานกับหวังพิ่นถิงเพราะต้องการรักษาเกียรติของสองตระกูลหรือ?เมื่อเสียงฝีเท้าเงียบลง หลินเซียงอี๋ก็ถอดผ้าคลุมเจ้าสาวออก ก่อนจะพบว่าภายในห้องมีนางเพียงคนเดียว สาวใช้ถูกไล่ออกไปหมดแล้วมองลอดผ่านทางช่องประตูแคบๆ ออกไป ด้านนอกเห็นเงาร่างสีแดงยืนอยู่อย่างเลือนรางดูเหมือนว่าอวิ๋นเฉิงแม้จะไม่ชอบหวังพิ่นถิง แต่เขาก็ยังถือว่าให้เกียรติหวังพิ่นถิงอยู่บ้าง ไม่ได้เดินหนีออกไปจากเรือนหอแต่การทำแบบนี้ถือเป
“เป็นไปไม่ได้ เจ้าโกหก!”หวังพิ่นถิงเบิกตากว้างขณะตะคอกว่า “หลินเซียงอี๋ ทำไมเจ้าถึงทำแบบนี้กับข้าได้ลงคอ เจ้าอยากจะแก้แค้นข้าใช่ไหม สตรีร้อยเล่ห์เพทุบายอย่างเจ้าจะคู่ควรตำแหน่งฮูหยินจวนโหวได้อย่างไร”“เจ้านี่มัน....”“พอได้แล้ว!”อวิ๋นเฉิงสีหน้ามืดครึ้ม เขาทนฟังต่อไปไม่ไหวจึงต้องเอ่ยตัดบทหวังพิ่นถิงเขาขยับตัวเล็กน้อยแล้วดันหลินเซียงอี๋ไปไว้ด้านหลัง “เรื่องราวทั้งหมดเป็นมาอย่างไรยังไม่ทันได้สืบหา คุณหนูหวังโปรดระมัดระวังกิริยาของตัวเองด้วย”หวังพิ่นถิงหน้าซีดเผือด สีหน้าฉายแววไม่อยากเชื่ออยู่ชั่วขณะหนึ่ง “ท่านโหวน้อย!”“ที่นี่คือจวนโหว คุณหนูหวังไม่มีสิทธิ์มาสั่งสอนใครที่นี่หรอก”“บิดามารดาของข้าก็อยู่ที่นี่ด้วย คุณหนูหวังโปรดออกไปรอด้านนอกเถอะ”เมื่ออวิ๋นเฉิงประกาศเช่นนี้แล้ว ต่อให้หวังพิ่นถิงจะไม่ยินยอมก็ไม่กล้าอาละวาดอีกต่อไป ทำได้เพียงเดินฮึดฮัดออกไปจากห้องเมื่อภายในห้องเหลือเพียงคู่บ่าวสาวหมาดๆ หลินเซียงอี๋ก็รู้สึกกังวลถึงขีดสุดนางลงทุนทำเรื่องทั้งหมดเพราะหวังอยากให้คนนอกเข้าใจผิด คิดว่านางตกเป็นของอวิ๋นเฉิงแล้ว นางใช้ชื่อเสียงของตัวเองเป็นเดิมพัน เสี่ยงพนันว่าท่านโหวและฮูหยินท
เมื่อคนนอกออกไปหมดแล้ว ภายในห้องก็เหลือเพียงสามพ่อแม่ลูกตระกูลอวิ๋นและหลินเซียงอี๋ฮูหยินท่านโหวมองลูกชายตนเองที่ไม่แสดงท่าทีอะไร ก่อนจะหันไปมองหลินเซียงอี๋ที่ยืนก้มหน้าอยู่ข้างๆ ขมวดคิ้วแล้วเอ่ยว่า “คุณหนูหลิน...”“ท่านแม่ ดึกมากแล้ว หากมีเรื่องอะไรก็ค่อยคุยกันพรุ่งนี้เถอะขอรับ ท่านควรจะไปพักผ่อนได้แล้ว”อวิ๋นเฉิงไม่รอให้มารดาเอ่ยจนจบก็ตัดบทของนางโดยตรง ก่อนจะเอ่ยไล่แบบอ้อมค้อมฮูหยินท่านโหวเดือดดาลจนตบโต๊ะฉาดใหญ่ “ดี ดี เจ้าตามข้าออกมา”เจ้าเด็กคนนี้ วันนี้เกิดเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ นางยังไม่ทันจะได้เอ่ยถามก็ออกตัวปกป้องเสียแล้ว“ขอรับ! ลูกจะส่งท่านแม่กลับห้องเอง”อวิ๋นเฉิงส่งฮูหยินท่านโหวออกจากห้องอย่างนอบน้อม ทิ้งหลินเซียงอี๋เอาไว้ด้านหลังเมื่อคนของจวนโหวออกไปหมดแล้ว หลินเซียงอี๋ก็หายใจคล่องคอขึ้นอย่างมาก นางไม่สนใจเรื่องอะไรอีกและปีนขึ้นไปนอนบนเตียงนางหลับอย่างสบายใจ ขณะที่เรือนหลักของจวนโหวเกิดการวิวาทขึ้นเพราะนาง“ฮึ ท่านดูลูกชายตัวดีของท่านสิ เพียงเพื่อสตรีคนหนึ่ง จวนเจิ้นกั๋วโหวของพวกเราต้องอับอายขายหน้าจนแทบมุดแผ่นดินแล้ว”หลี่ฉานฮว๋า ฮูหยินแห่งจวนโหวจ้องหน้าสามีอย
“แต่อวิ๋นเฉิงเป็นบุรุษที่ดูมีสัจจะพึ่งพาได้ ข้ายอมรับนับถือเขามาก จะต้องดีกับเขาอย่างแน่นอน”หลินเซียงอี๋เอ่ยเสริมหนึ่งประโยค หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ถึงได้เห็นว่าอวิ๋นเฉิงยืนรออยู่ด้านนอกนางนึกถึงตอนที่อวิ๋นเฉิงยืนบังอยู่ตรงหน้านางเมื่อคืน ภายในใจก็แอบซาบซึ้ง เอ่ยปากทักว่า “สามี พวกเราไปคารวะท่านพ่อกับท่านแม่กันเถอะเจ้าค่ะ”ได้ยินคำว่าสามี อวิ๋นเฉิงก็ถึงกับตัวแข็งทื่อ แต่พอนึกถึงสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่นี้ เขาก็อดแขวะไม่ได้ “เจ้าเรียกได้เป็นธรรมชาติเหลือเกินนะ”หลังจากกล่าวจบก็สะบัดแขนเสื้อเดินนำหน้าไปก่อนหลินเซียงอี๋ยืนงง ไม่ให้นางเรียกแบบนี้ จะให้นางเรียกแบบไหนล่ะ?หรือจะให้นางเรียกว่าท่านโหวน้อย?เมื่อวานเขายังปกติดีอยู่เลย ทำไมวันนี้ถึงเปลี่ยนอารมณ์เร็วนักล่ะ?หลินเซียงอี๋ทำตัวไม่ถูก ตอนแรกนางคิดจะเอ่ยขอบคุณเขาสักหน่อย แต่ตอนนี้นางพูดไม่ออกแล้วคิดว่าเรื่องที่นางเปลี่ยนตัวเจ้าสาวคงทำให้เขาไม่พอใจ เมื่อคืนเขาปกป้องนางก็คงทำเพื่อปกป้องเกียรติของจวนโหวเท่านั้นหลินเซียงอี๋เม้มปากแล้วเดินตามอวิ๋นเฉิง ทว่าทิ้งห่างจากอีกฝ่ายเล็กน้อย มุ่งหน้าไปทางเรือนหลักอวิ๋นเฉิงเ
หลินเซียงอี๋พับแขนเสื้อขึ้น ซาวข้าวยกขึ้นตั้งจุดไฟ ยกกะทะเทน้ำมัน ท่าทางคล่องแคล่วเหมือนทำมาแล้วเป็นร้อยๆ ครั้งนอกจากเหล่าแม่ครัวจะตกตะลึงที่เห็นภาพตรงหน้าแล้ว แม้แต่ซื่อชูก็ยังตั้งสติไม่ได้“คุณ คุณหนู ท่านทำอาหารเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่เจ้าคะ?”คุณหนูของนางไม่เคยต้องทำงานใดใด อย่าว่าแต่ทำอาหารเลย นางไม่เคยเข้าไปในครัวด้วยซ้ำทำไมถึงทำอาหารได้ล่ะ“เจ้าคิดว่าคุณหนูของพวกเจ้าไร้ความสามารถอย่างนั้นหรือ?”หลินเซียงอี๋แอบเหลือบมองอาหารของพวกแม่ครัว จึงพอจะรู้ความชอบของสองสามีภรรยาจวนโหว นางต้มโจ๊กเปล่าและทำกับข้าวอย่างง่ายๆ สองสามอย่างอะไรที่มากเกินควรย่อมไม่ดี นางเข้าใจหลักการนี้ดีเหล่าแม่ครัวที่ยืนออรอดูเรื่องตลกของหลินเซียงอี๋ ต่างคิดไม่ถึงว่านางจะทำอาหารเสร็จไวถึงเพียงนี้พวกนางหันไปมองหน้ากันแบบงงๆ ก่อนจะยกกล่องใส่อาหารเดินตามนายบ่าวทั้งสองคนไป“นี่ ฮูหยินน้อยคนนี้คงจะไม่ได้อยู่ในจวนต่อกระมัง! ไม่อย่างนั้นสิ่งที่เราทำกับนางวันนี้ ก็ออกจะเกินไปหน่อย”แม่ครัวคนหนึ่งเอ่ยอย่างไม่สบายใจ“ฮึ ต่อให้ได้อยู่จริง ฮูหยินก็มีอำนาจมากสุดในจวนโหว เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างนางไม่มีสิทธิ์อ
ชุนฮว๋าหน้าซีดเผือด ไม่คาดคิดว่าหลินเซียงอี๋จะไม่ยอมไว้หน้าฮูหยินท่านโหวแม้แต่น้อยทั้งชิวเยว่และเซี่ยอวี่มองหน้ากัน รีบเข้าไปพยุงชุนฮว๋าขึ้นมา ทั้งสองคนประกบซ้ายขวา พาชุนฮว๋ามากล่าวขอโทษหลินเซียงอี๋“ฮูหยินน้อย ฮูหยินใหญ่ให้พวกเรามาปรนนิบัติฮูหยินน้อย พวกเราจึงเป็นคนของฮูหยินน้อย ชุนฮว๋าเพียงแต่ไม่รู้กฎระเบียบยามอยู่ต่อหน้าฮูหยินน้อย บ่าวจะตั้งใจสั่งสอนนางเองเจ้าค่ะ”“พวกบ่าวจะพาชุนฮว๋าออกไปก่อนเจ้าค่ะ”หลินเซียงอี๋ไม่อยากถือสาคนรับใช้จึงไม่ได้พูดอะไร ปล่อยให้ทั้งสองคนพาตัวชุนฮว๋าออกไปพอทุกคนออกไปหมดแล้ว ซื่อชูที่อัดอั้นมานานก็ถามขึ้นทันที “ฮูหยินน้อย นังบ่าวสารเลวนั่นมาที่เรือนของเราได้อย่างไร?”“นางคือสาวใช้ที่ท่านโหวน้อยขับไล่ออกไปคืนนั้น ฮูหยินใหญ่จะให้นางเป็นอนุของท่านโหวน้อยหรือ?”“ฮูหยินน้อย ท่านต้องคิดหาวิธีขับไล่นางแพศยานั่นออกไปนะเจ้าคะ”หลินเซียงอี๋หลุดหัวเราะออกมา นางมองซื่อชูที่กำลังกลุ้มอกกลุ้มใจอย่างขบขัน พูดเย้าแหย่นางว่า “เจ้าเด็กคนนี่ ทำตัวเหมือนสามีตัวเองจะเอาเมียน้อยเข้าบ้านอย่างไรอย่างนั้น”“ไม่ต้องกังวลนะ ข้าจะหาบุรุษที่รักเดียวใจเดียวมาให้เจ้าเอง รับรอ
สิ้นเสียงของหลี่ฉานฮว๋า บรรยากาศในห้องก็เงียบสงัดลงทันทีหลินเซียงอี๋หันมองไปที่ชุนฮว๋าซึ่งยืนอยู่ด้านหลังป้าหนิงโดยไม่รู้ตัว เห็นได้ชัดว่าบนใบหน้าของนางยังคงมีความหวาดกลัวอยู่ เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ความหวาดกลัวก็เปลี่ยนเป็นความดีใจ แต่ก็ยังมีความกังวลอยู่บ้าง นางต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกป้าหนิงถลึงตาใส่จนต้องหยุดหลินเซียงอี๋เลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วลุกขึ้นยืน พูดทันทีว่า “คนที่อยู่ข้างกายท่านแม่ย่อมต้องเป็นคนดี ท่านวางใจได้ ข้าจะจัดการเรื่องของพี่ชุนฮว๋าให้เรียบร้อย ท่านแม่ไม่ต้องกังวล”“ลูกสะใภ้ สัญญาขายตัวนี้ข้ามอบให้เจ้าแล้ว ชุนฮว๋าก็นับว่าเป็นทาสของเจ้าเช่นกัน นางไม่ใช่คนของข้า เจ้าไม่ต้องเห็นแก่หน้าข้า จะตีจะด่าจะขายออกไปอย่างไรก็ตามใจเจ้า ไม่ต้องมาบอกกล่าวข้า”ระหว่างที่พูด ตงเสวี่ยก็ยื่นเอกสารสัญญาทาสของชุนฮว๋าให้หลินเซียงอี๋ด้วยความเคารพเมื่อตงเสวี่ยทำเช่นนั้น สีหน้าของชุนฮว๋าก็ซีดเผือด เหมือนไม่คิดว่าฮูหยินจะยอมยกสัญญาซื้อตัวทาสของนางให้อีกฝ่ายจริงๆหลินเซียงอี๋เลิกคิ้ว นางเองก็ไม่คิดว่าแม่สามีจะมอบให้จริงๆ นี่มันไม่ใช่การส่งคนมาแฝงข้างกายนางหรอกหรือ แล้วการให้สัญญาซื้
อวิ๋นเฉิงเห็นหลินเซียงอี๋ครุ่นคิด สีหน้าแสดงถึงความรู้สึกทั้งสุขและเศร้าปะปนกันหัวใจพลันหนักอึ้งหรือว่านางยังลืมเจ้าคนตระกูลกู้นั่นไม่ได้?ทันใดนั้น ความคิดที่จะชวนนางพูดคุยก็หายไปหมดสิ้นทั้งสองคนมองหน้ากันโดยไม่พูดอะไร ตอนที่กลับไปถึงจวนโหว อวิ๋นเฉิงพูดทิ้งท้ายไว้ว่า "ข้าจะไปที่ห้องหนังสือ เย็นนี้ไม่ต้องรอข้า ทานอาหารก่อนได้เลย" แล้วสะบัดแขนเสื้อเดินจากไปหลินเซียงอี๋รู้สึกงงๆ นางหันไปมองเผิ่งฮั่วแล้วพึมพำว่า "คนผู้นี้ทำไมถึงอารมณ์เสียอีกแล้ว?"เผิ่งฮั่วก้มหน้า ไม่กล้าส่งเสียงหลินเซียงอี๋ไม่มีเรี่ยวแรงจะไปง้อใคร จึงพาเผิ่งฮั่วไปที่เรือนหลักในช่วงเวลาเดียวกัน ณ เรือนหลักของจวนโหวหลี่ฉานฮว๋ามองสาวใช้คนสนิทที่คุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยความผิดหวัง"ชุนฮว๋า เจ้ารู้ไหม ข้าได้หาคู่ครองที่ดีเตรียมไว้ให้เจ้าแล้ว ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง เจ้าจะไม่แต่งงานกับเขาจริงๆ หรือ?"ชุนฮว๋าที่คุกเข่าอยู่ตกใจ รีบพูดว่า "ฮูหยิน ข้ามีใจให้ท่านโหวน้อย ขอท่านเห็นแก่ความจงรักภักดีที่ข้ามีต่อท่าน โปรดเมตตาข้าด้วยเถิด!""ข้าไม่ต้องการแต่งงาน ข้ายินดีปรนนิบัติท่านโหวน้อยและฮูหยินน้อยไปตลอดชีวิต แม้จะ
หลินเหยียนหลี่ทำปากยื่น ไม่ยอมพูดอะไรหลินเซียงอี๋ขบฟันกรอด ยกมือขึ้นมาแล้วเอ่ยว่า “ยังอยากโดนตีอีกหรือไง?”“พี่ก็คิดจะตีข้าอย่างเดียว!”หลินเหยียนหลี่พูดอย่างขุ่นเคือง “ท่านแม่บอกว่าถ้าข้าเอาใจพี่สาว พี่สาวก็จะช่วยเหลือข้า ต้องทำให้พี่ชอบข้า พี่ถึงจะนึกถึงพวกเรา”หลินเซียงอี๋ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรนัก นางถามต่อ “แล้วใครบอกเจ้าว่าพี่เขยบังคับให้ข้าแต่งงานด้วย?”หลินเหยียนหลี่กลอกตาไปมา ตัดสินใจพูดออกมา “พี่สาวตระกูลหวังบอกว่าเดิมทีสามีของพี่สาว ควรจะเป็นสามีของนาง”“นางพูดอะไรเจ้าก็เชื่อ? เจ้าโง่หรือเปล่า?”“ข้าไม่ได้โง่นะ!”หลินเหยียนหลี่พูดอย่างไม่พอใจ “พี่สาวต่างหากที่ไม่รู้จักคุณค่า ไม่ยอมแต่งงานกับพี่ชายสิงโจวพี่สาวตระกูลหวังถึงได้พูดแบบนั้น”หลินเซียงอี๋หัวเราะเยาะ “หลินเหยียนหลี่ เจ้าอยากโดนตีอีกแล้วใช่ไหม?”หลินเหยียนหลี่ยังคงไม่ยอมแพ้ “ข้าพูดผิดตรงไหน?”“อวิ๋นเฉิงเคยเป็นคู่หมั้นของข้า ท่านพ่อเป็นคนหมั้นหมายไว้ให้ตั้งแต่ตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ แต่เพราะท่านแม่กับหวังพิ่นถิงวางแผนร่วมกัน ข้าถึงได้ขอถอนหมั้นกับเขา แต่ต่อมาข้าก็รู้ว่าตัวเองเข้าใจผิด ถึงได้สลับตัวไปแต่งงา
น้องชายที่นางคิดว่าเป็นสุภาพบุรุษกลับมีสภาพแบบนี้ลับหลัง เป็นร่างแยกของคนตระกูลหวังชัดๆ!หลินเซียงอี๋โกรธจนน้ำตาคลอเบ้านางนึกถึงชะตากรรมที่โดดเดี่ยวเดียวดายในตระกูลกู้เมื่อชาติที่แล้วทุกครั้งที่นางกลับไปบ้านเดิม นางก็ไม่เคยเจอหน้าน้องชาย แม่บอกว่าน้องชายกำลังขยันศึกษาตำรา นางก็เชื่อเสียสนิทใจแต่ลืมไปว่าถ้าอยู่ใกล้คนเลวๆ อย่างหวังเย่าจู่ น้องชายจะเรียนดีได้อย่างไรพอมาคิดดูแล้ว ตอนที่ตระกูลหลินล่มสลาย ท่านแม่ส่งน้องชายไปอยู่กับปู่ ก็เพราะแม่เป็นฝ่ายรบเร้า และท่านปู่ก็สงสารลูกหลานตระกูลหลินที่ต้องตกระกำลำบากเลยรับไว้หลินเหยียนหลี่ยังคงร้องไห้ หลินเซียงอี๋รู้สึกเหมือนขมับเต้นตุบๆ เมื่อกวาดตามองไปรอบๆ เห็นกิ่งไม้ที่ใครสักคนทำตกไว้ข้างประตู ก็รีบเก็บขึ้นมาหันหลังกลับไปฟาดใส่หลินเหยียนหลี่อย่างแรง “อายุแค่นี้กลับไม่ตั้งใจเรียน คิดไม่ซื่อ วันนี้ข้าจะสั่งสอนเจ้าแทนท่านพ่อเอง”ชาติที่แล้วหลินเซียงอี๋ใช้ชีวิตเหลวแหลก ไม่รู้จักธาตุแท้ของคน ถูกมารดาและลูกพี่ลูกน้องวางแผนทำลาย ถูกคนร่วมเรียงเคียงคิดร้าย สุดท้ายก็ลงเอยด้วยความตายอย่างน่าอนาถชาตินี้ นางสามารถแก้แค้นพวกคนสารเลวเหล่านั้น
“เซียงอี๋อย่าไปถือสามารดาของเจ้าเลยนะ เชื่อใจอาสะใภ้รองนะ อาสะใภ้รองจะช่วยดูแลเหยียนหลี่ให้เอง”สะใภ้แซ่หานพาลูกชายลูกสาวมาส่งคู่บ่าวสาวถึงประตูที่สอง ความจริงแล้ว นางอยากจะสืบดูว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นที่เรือนตะวันตกหลินเซียงอี๋ย่อมไม่พูดอะไรอยู่แล้ว นางยิ้มแล้วกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นต่อไปนี้ ข้าก็ต้องรบกวนอาสะใภ้รองแล้วเจ้าค่ะ”“อาสะใภ้รองไม่ต้องไปส่งแล้ว ให้เหยียนหลี่ไปส่งข้าก็พอ”“ตกลง ถ้าอย่างนั้นข้าส่งพวกเจ้าตรงนี้นะ”สะใภ้แซ่หานมองอวิ๋นเฉิงที่กำลังคุยกับลูกชายของนางอยู่ ดึงหลินเซียงอี๋ไปด้านข้างแล้วถามเบาๆ ว่า “เซียงอี๋ ท่านย่าคิดว่าเรื่องของเรือนตะวันตกต่อไปนี้จะยกให้ข้าดูแลด้วย”“ข้าคิดว่า ค่าใช้จ่ายประจำวันของพี่สะใภ้ใหญ่และเหยียนหลี่ต่อไปนี้จะออกจากเงินส่วนกลาง เหมือนกับเรือนตะวันออกของพวกเรา แต่ว่าคุณชายจากตระกูลหวังก็อยู่ที่เรือนตะวันตกด้วย ข้าก็เลยอยากจะถามเจ้าว่า จะต้องทำตาหลักการแบบไหนดี ข้าจะได้ตระเตรียมได้ถูก”ความจริงแล้วเรื่องนี้ไม่ควรจะถามหลินเซียงอี๋ที่เป็นลูกสาวที่แต่งออกไปแล้ว แต่คนที่ดูแลเรือนตะวันตกตอนที่ยังไม่ได้แยกครอบครัวคือหลินเซียงอี๋ หากไม่ถามก่อ
ความวุ่นวายที่เรือนตะวันตกไม่ได้เล็ดลอดออกไป ดังนั้นท่านผู้เฒ่าทั้งสองและบ้านรองจึงไม่รู้เรื่องอาหารมื้อกลางวันจัดขึ้นที่ห้องโถงใหญ่ในเรือนหลัก แบ่งที่นั่งชายหญิงชัดเจนเพียงแต่คนของตระกูลหลิน นอกจากหลินเซียงอี๋แล้ว หลินเล่ออี๋ลูกสาวคนเดียวก็ยังเด็กอยู่ ฮูหยินผู้เฒ่าหลินจึงไม่ได้วางฉากกั้นทุกคนในครอบครัวทยอยกันเข้ามานั่งจนเต็มที่นั่งยกเว้นสะใภ้แซ่หวังที่ยังไม่มาสีหน้าฮูหยินผู้เฒ่าหลินไม่สู้ดีนัก มองไปที่สาวใช้ข้างกาย "เจ้าไปตามสะใภ้แซ่หวังมา เซียงอี๋กลับมาเยี่ยมบ้าน ในฐานะแม่กลับไม่อยู่ ดูไม่งามเลย"ป้าจางเป็นสาวใช้ข้างกายของฮูหยินผู้เฒ่าหลิน แต่งงานกับพ่อบ้านของตระกูลหลิน หลังจากนั้นก็อยู่รับใช้ฮูหยินผู้เฒ่าหลินมาตลอด ได้รับความไว้วางใจอย่างมากนางเป็นคนเที่ยงธรรมและเคร่งขรึม ช่วยฮูหยินผู้เฒ่าหลินดูแลจัดการทุกอย่าง ด้วยวิธีการที่เฉียบขาด ไม่ไว้หน้าใครสะใภ้แซ่หานเห็นแม่สามีให้คนนี้ไปตามสะใภ้แซ่หวังก็แอบดีใจ ในแววตาคาดหวังว่าจะได้ชมเรื่องสนุกพี่สะใภ้คนนี้ ชีวิตต่อไปภายหน้าคงลำบากแน่หลังจากป้าจางไปแล้ว สะใภ้แซ่หานก็กลอกตาแล้วลุกขึ้นถาม "ท่านแม่ พวกเราจะรอพี่สะใภ้หรือเริ่
คำพูดของอวิ๋นเฉิงหนักแน่นและทรงพลังจากนั้น อวิ๋นเฉิงก็พาหลินเซียงอี๋ออกจากเรือนชิ่งฟางโดยไม่ฟังคำอธิบายของสะใภ้แซ่หวังเมื่อออกจากเรือนตะวันตก อวิ๋นเฉิงก็ปล่อยมือหลินเซียงอี๋หลินเซียงอี๋มองไปที่คนข้างๆ แล้วโค้งคำนับอย่างสุภาพ “ขอบคุณสามีที่ช่วยเหลือข้าในวันนี้ ข้า…”“หลินเซียงอี๋ ต่อไปทำอะไรให้คิดให้รอบคอบกว่านี้ ไม่ใช่ทุกครั้งที่ข้าจะมาช่วยเจ้าได้ทัน”อวิ๋นเฉิงตำหนิโดยไม่ลังเล “ถ้าวันนี้เจ้าถูกไอ้สารเลวกู้มันแตะต้องจริงๆ แล้ววงศ์ตระกูลของพวกเราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”หลินเซียงอี๋เก็บความซาบซึ้งใจไว้ “สามีสั่งสอนได้ถูกต้องแล้ว เรื่องวันนี้ข้าประมาทเอง ข้าไม่น่าเชื่อใจท่านแม่”“อย่างไรก็ตาม ขอบคุณสามีที่เชื่อใจข้า ไม่ได้ฟังคำใส่ร้ายป้ายสีของคนอื่น”อวิ๋นเฉิงรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย แต่พอได้ยินคำพูดนี้ก็หัวเราะเยาะ “เจ้าดิ้นรนขวนขวายจะแต่งเข้าจวนโหวเพื่อจะมีชีวิตที่ดี จะกลับไปกินของเก่าอย่างกู้สิงโจวได้อย่างไร”“จวนโหวถึงจะไม่ใช่ตระกูลชั้นแนวหน้าในเมืองหลวง แต่อย่างไรก็ยังดีกว่าตระกูลกู้เยอะ”“ข้ามีสมอง ย่อมรู้จักแยกแยะถูกผิด”หลินเซียงอี๋ฟังแล้วคันฟัน อยากจะกระโดดกัดคนตรงหน้าใ
กู้สิงโจวหันไปมองอวิ๋นเฉิงด้วยความเดือดดาล “ท่านโหวน้อย ท่านเพิ่งจะยอมรับว่าคุณหนูหลินเซียงอี๋เป็นคนนัดพบข้าไม่ใช่หรือ”อวิ๋นเฉิงเหลือบมองเขาด้วยสายตาเหยียดหยาม “นางแค่นัด เจ้าก็เสนอหน้ามา? คุณชายกู้เอาตำราคุณธรรมทั้งหลายไปท่องให้สุนัขฟังหมดแล้วหรือ?”กู้สิงโจว…เมื่อโดนด่าไปเต็มๆ ใบหน้าของกู้สิงโจวก็แดงก่ำเหมือนตับหมู ทว่าเขากลับเถียงไม่ออกสักคำเดิมทีคิดว่าจะยุให้อวิ๋นเฉิงกับหลินเซียงอี๋ผิดใจกัน แม้ว่าจะไม่สามารถทำให้หลินเซียงอี๋กลับมาหาตนเองได้ แต่อวิ๋นเฉิงเห็นภรรยาใหม่ของตนอยู่กับอดีตคู่หมั้นในห้องสองต่อสอง ก็ต้องโกรธแค้นและเกิดความร้าวฉานขึ้นแน่แต่ใครจะรู้ อวิ๋นเฉิงกลับไม่ทำตามที่คาดไว้เลย หนำซ้ำยังปกป้องหลินเซียงอี๋อย่างเต็มที่ด้วยอวิ๋นเฉิงใช้รูปร่างอันสูงใหญ่ ยืนปกป้องหลินเซียงอี๋อยู่ข้างๆ มองคนอื่นๆ ด้วยสายตาเย่อหยิ่ง “ท่านแม่ วันนี้เป็นวันกลับมาเยี่ยมบ้านของเซียงอี๋ เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา ข้าต้องไปถามท่านปู่ท่านย่าสักหน่อยแล้ว ว่าท่านอาสะใภ้รองดูแลจัดการบ้านช่องอย่างไร”“หรือคิดจะรังแกเซียงอี๋เพราะไม่มีใครหนุนหลัง?”สะใภ้แซ่หวังเห็นว่าอวิ๋นเฉิงจะเอาเรื่องไปฟ้องผู้ใหญ