หลินเซียงอี๋มองเศษกระเบื้องเต็มพื้น เอ่ยด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “ท่านแม่ ลูกทำผิดอะไร เหตุใดถึงต้องคุกเข่า?”“เจ้ายังมีหน้ามาถามอีกหรือว่าทำไมต้องคุกเข่า?”สะใภ้แซ่หวังตบโต๊ะเสียงดังด้วยความโกรธ “แอบสับเปลี่ยนตัวเจ้าสาว ยักยอกสินเดิมของผู้อื่น เจ้ากล้าบอกว่าไม่ใช่ฝีมือเจ้าอย่างนั้นหรือ?”“หลินเซียงอี๋ เจ้ากล้าแข็งข้อกับแม่หรือ!”“งั้นท่านแม่ก็ไปฟ้องทางการสิเจ้าคะ”หลินเซียงอี๋ทนไม่ไหวอีกต่อไป ความโกรธที่อัดอั้นในอกมานานหลายปี รวมทั้งความแค้นจากชาติที่แล้ว ระเบิดออกมาพร้อมกันทั้งหมด เมื่อได้ยินคำพูดที่ไร้ความสำนึกของมารดา!“ท่านแม่ ข้าหรือหวังพิ่นถิง ใครกันแน่ที่เป็นลูกสาวแท้ๆ ของท่าน?”“ท่านเอาสมบัติของตระกูลหลินไปให้คนอื่น เตรียมสินเดิมให้นางตั้งร้อยยี่สิบหีบ แต่ลูกกลับไม่ได้อะไรจากท่านแม่เลย”“แล้วยังกล้าพูดอีกว่าทำเพื่อข้า?”“ท่านลองถามใจตัวเองดูเถอะ ว่ามันยุติธรรมไหม?”สะใภ้แซ่หวังมองหลินเซียงอี๋ด้วยสายตาเย็นชา “ของๆ ข้า ข้าจะให้ใครก็ย่อมได้ เจ้าไม่ใช่มีสินเดิมที่ท่านปู่ให้หรอกหรือ?”“อีกอย่าง พิ่นถิงก็ไม่ใช่คนอื่น หลายปีมานี้ถ้าไม่ใช่เพราะท่านปู่ของเจ้าไม่ยอมช่วยเหลือท่าน
สีหน้าของหวังพิ่นถิงซีดเผือด ดวงตาเต็มไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ“ท่านป้า ท่านดูพี่สาวพูดจาเข้าสิ ชัดเจนว่านางแย่งสามีของข้าไป ท่านโหวน้อยเป็นของข้า”“เป็นของเจ้า เป็นของเจ้า”สะใภ้แซ่หวังหยุดร้องไห้ และหันมาจ้องมองหลินเซียงอี๋ “เซียงอี๋ เรื่องสินเดิมไม่เป็นไร แต่ท่านโหวน้อยเป็นคนที่เจ้าขอถอนหมั้นด้วยตัวเอง เจ้าฉวยโอกาสในวันแต่งงาน แย่งท่านโหวน้อยกลับไป มันไม่สมควร”“เอาอย่างนี้ เจ้าฟังคำแนะนำของแม่สักประโยค ตอนนี้เรื่องนี้ยังไม่แพร่ออกไปด้านนอก พวกเจ้าเปลี่ยนกลับมาเเบบเดิมเถอะ!”หลินเซียงอี๋ได้ยินคำพูดนี้ก็เข้าใจทุกอย่างขึ้นมาทันที เจตนาที่แท้จริงของผู้เป็นแม่อยู่ตรงนี้นี่เองนางมองสีหน้าของมารดาที่เหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไรทั้งนั้น ความรักที่มีต่อมารดาเสี้ยวสุดท้ายในใจมลายหายไปจนสิ้นนางเอ่ยถามอย่างเย็นชา “น้องสาวไม่ได้บอกท่านหรือ? ข้ากับท่านโหวน้อยได้เสียกันแล้ว จะเปลี่ยนไปเหมือนเดิมได้อย่างไร?”สะใภ้แซ่หวังถอนหายใจ “ข้าถามสิงโจวแล้ว เขามีความรักที่ลึกซึ้งต่อเจ้า ไม่สนใจว่าเจ้าจะบริสุทธิ์หรือไม่ ตราบใดที่เจ้ายอมแต่งงานกับเขา เขาก็ยินดี”“เฮอะ ข้าต้องขอบคุณท่านแม่ที่วางแผนให้ข้า
เรือนชิ่นฟางเคยเป็นเรือนนอนส่วนตัวของหลินเซียงอี๋จริงๆ แล้วห้องเดิมของนางอยู่ที่เรือนเหอหย่า ใกล้กับเรือนหลักที่มารดาพักอาศัย แต่ต่อมาหวังพิ่นถิงอยากได้ สะใภ้แซ่หวังจึงให้นางย้ายมาอยู่เรือนชิ่นฟางที่ติดกับประตูเล็กขอบจวนแห่งนี้มารดาบอกว่า เจ้าเป็นพี่สาวแล้วก็เป็นเจ้าของบ้าน เหตุใดถึงไม่ยอมน้องสาวบ้างบิดาเสียชีวิตไปเจ็ดปี หวังพิ่นถิงก็อาศัยอยู่ในเรือนตะวันตกเจ็ดปี นางยอมมาเจ็ดปี สุดท้ายแม้แต่เรื่องงานแต่งของตัวเองก็ยังยอมสุดท้ายต้องแลกมาด้วยชีวิตถึงได้ตาสว่าง“แค่กๆ คุณหนูเจ้าคะ ท่านอยู่ในลานบ้านไปก่อนนะเจ้าคะ ข้างในห้องมีแต่ฝุ่นเต็มไปหมดเลย”เมืองหลวงตั้งอยู่ทางเหนือของราชวงศ์อัน อากาศแห้ง ห้องหับถ้าไม่ได้ทำความสะอาดวันเดียวก็จะเต็มไปด้วยฝุ่นแล้วนางออกเรือนไปแค่สองวัน โต๊ะก็มีฝุ่นเกาะหนาเป็นชั้น เห็นได้ชัดว่าหลังจากที่นางออกเรือนไปแล้ว มารดาก็ไม่ได้มาเหยียบที่นี่อีกเลย“เอาเถอะ ไม่ต้องเสียเวลาเก็บกวาดแล้ว อย่างไรข้าก็อยู่ได้ไม่นาน เดี๋ยวก็ไปที่เรือนหลักแล้ว”หลินเซียงอี๋ไปนั่งบนเก้าอี้ที่เต็มไปด้วยฝุ่น มองสำรวจห้องหับของตัวเองอย่างละเอียดวันนั้นหลังจากตื่นขึ้นมาก็รีบข
พอกล่าวจบ กู้สิงโจวก็จ้องมองหลินเซียงอี๋อย่างไม่ละสายตา ไม่ยอมพลาดแม้แต่ร่องรอยพิรุธเล็กๆ น้อยๆ บนใบหน้าของนางหลินเซียงอี๋นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะทำสีหน้าเลิ่กลั่ก “เจ้าพูดเรื่องอะไร”กู้สิงโจวขมวดคิ้วเล็กน้อย ราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เขาเอ่ยต่อว่า “เซียงอี๋ เจ้าไม่ต้องปิดบังข้าแล้ว ข้ารู้ว่าเจ้าก็กลับมาเหมือนกัน ข้ายอมรับว่าที่ผ่านมาข้าทำไม่ดีกับเจ้าไว้มาก แต่หลังจากนี้จะไม่เป็นแบบนั้นอีก”“แต่งงานกับข้าเถอะ! ขอแค่เจ้ากลับมา ข้าไม่ถือสาเรื่องที่เจ้าไม่บริสุทธิ์หรอก ครั้งนี้ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเจ้าอีก”หลินเซียงอี๋ขมวดคิ้ว “คุณชายกู้ โปรดวางตัวให้เหมาะสมด้วย ตอนนี้ข้าเป็นฮูหยินน้อยของจวนโหวแล้ว อย่าคิดว่าพูดอะไรแปลกๆ แบบนี้แล้วข้าจะยอมสลับคู่แต่งงานกับหวังพิ่นถิง”กู้สิงโจวรู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นสีหน้าสับสนปนรังเกียจของหลินเซียงอี๋ถ้าหลินเซียงอี๋ไม่ได้ย้อนเวลากลับมาเหมือนเขา แล้วทำไมนางถึงได้สับเปลี่ยนตัวเจ้าสาวโดยไม่มีเหตุผล ชาติที่แล้วหลินเซียงอี๋แต่งงานกับเขาแท้ๆและสินเดิมหนึ่งร้อยยี่สิบหีบของหวังพิ่นถิงก็ยังไม่ถูกเปิดเผย ตอนนี้ควรจะถูกยกไปเก็บไว้ที่บ้านตระกูลกู้
“ท่านโหวน้อย เรื่องนี้มันเป็นความผิดของพี่สาวแท้ๆ ทำไมท่านถึงต้องทำร้ายคนอื่นด้วย”หวังพิ่นถิงเคียดแค้นจนแทบเป็นบ้านางไม่คิดว่าอวิ๋นเฉิงเห็นหลินเซียงอี๋อยู่กับกู้สิงโจวสองต่อสองในห้องเดียวกัน ชายหญิงอยู่ด้วยกันตามลำพัง นอกจากเขาจะไม่โกรธ แล้วยังปกป้องหลินเซียงอี๋อีกอวิ๋นเฉิงคิดอะไรอยู่ ผู้ชายปกติเห็นแบบนี้น่าจะโกรธหรือมิใช่หรือ?เขาควรจะทุบตีหลินเซียงอี๋สิ!หวังพิ่นถิงคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก แต่นางเข้าใจว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องโยนความผิดนี้ให้หลินเซียงอี๋ ไม่งั้นพวกนางต้องรับโทสะของอวิ๋นเฉิงแทนแน่“ท่านโหวน้อย ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย!”หลินเซียงอี๋รีบคว้าชายเสื้ออวิ๋นเฉิง ใบหน้าเผยท่าทางเว้าวอนน่าสงสาร “เขาบุกเข้ามาในห้องของข้า แล้วพูดจาส่งเดชอะไรไม่รู้ ข้าไล่เขาไป เขาก็ไม่ยอมไป”“หลินเซียงอี๋ ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเป็นคนตีสองหน้า เจ้าเล่ห์เพทุบายแบบนี้ ข้าเสียแรงที่เคยชอบเจ้า เจ้ากลับรังเกียจชาติตระกูลของข้า ทิ้งข้าไปหาชายอื่น”กู้สิงโจวได้หวังพิ่นถิงช่วยประคองให้ลุกขึ้น ยกมือเช็ดเลือดที่มุมปาก มองหลินเซียงอี๋ด้วยสายตาชั่วร้ายพูดเสียงดังว่า “ท่านโหวน้อย หลินเซียงอี๋นัดข้ามาพบกันท
กู้สิงโจวหันไปมองอวิ๋นเฉิงด้วยความเดือดดาล “ท่านโหวน้อย ท่านเพิ่งจะยอมรับว่าคุณหนูหลินเซียงอี๋เป็นคนนัดพบข้าไม่ใช่หรือ”อวิ๋นเฉิงเหลือบมองเขาด้วยสายตาเหยียดหยาม “นางแค่นัด เจ้าก็เสนอหน้ามา? คุณชายกู้เอาตำราคุณธรรมทั้งหลายไปท่องให้สุนัขฟังหมดแล้วหรือ?”กู้สิงโจว…เมื่อโดนด่าไปเต็มๆ ใบหน้าของกู้สิงโจวก็แดงก่ำเหมือนตับหมู ทว่าเขากลับเถียงไม่ออกสักคำเดิมทีคิดว่าจะยุให้อวิ๋นเฉิงกับหลินเซียงอี๋ผิดใจกัน แม้ว่าจะไม่สามารถทำให้หลินเซียงอี๋กลับมาหาตนเองได้ แต่อวิ๋นเฉิงเห็นภรรยาใหม่ของตนอยู่กับอดีตคู่หมั้นในห้องสองต่อสอง ก็ต้องโกรธแค้นและเกิดความร้าวฉานขึ้นแน่แต่ใครจะรู้ อวิ๋นเฉิงกลับไม่ทำตามที่คาดไว้เลย หนำซ้ำยังปกป้องหลินเซียงอี๋อย่างเต็มที่ด้วยอวิ๋นเฉิงใช้รูปร่างอันสูงใหญ่ ยืนปกป้องหลินเซียงอี๋อยู่ข้างๆ มองคนอื่นๆ ด้วยสายตาเย่อหยิ่ง “ท่านแม่ วันนี้เป็นวันกลับมาเยี่ยมบ้านของเซียงอี๋ เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา ข้าต้องไปถามท่านปู่ท่านย่าสักหน่อยแล้ว ว่าท่านอาสะใภ้รองดูแลจัดการบ้านช่องอย่างไร”“หรือคิดจะรังแกเซียงอี๋เพราะไม่มีใครหนุนหลัง?”สะใภ้แซ่หวังเห็นว่าอวิ๋นเฉิงจะเอาเรื่องไปฟ้องผู้ใหญ
คำพูดของอวิ๋นเฉิงหนักแน่นและทรงพลังจากนั้น อวิ๋นเฉิงก็พาหลินเซียงอี๋ออกจากเรือนชิ่งฟางโดยไม่ฟังคำอธิบายของสะใภ้แซ่หวังเมื่อออกจากเรือนตะวันตก อวิ๋นเฉิงก็ปล่อยมือหลินเซียงอี๋หลินเซียงอี๋มองไปที่คนข้างๆ แล้วโค้งคำนับอย่างสุภาพ “ขอบคุณสามีที่ช่วยเหลือข้าในวันนี้ ข้า…”“หลินเซียงอี๋ ต่อไปทำอะไรให้คิดให้รอบคอบกว่านี้ ไม่ใช่ทุกครั้งที่ข้าจะมาช่วยเจ้าได้ทัน”อวิ๋นเฉิงตำหนิโดยไม่ลังเล “ถ้าวันนี้เจ้าถูกไอ้สารเลวกู้มันแตะต้องจริงๆ แล้ววงศ์ตระกูลของพวกเราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”หลินเซียงอี๋เก็บความซาบซึ้งใจไว้ “สามีสั่งสอนได้ถูกต้องแล้ว เรื่องวันนี้ข้าประมาทเอง ข้าไม่น่าเชื่อใจท่านแม่”“อย่างไรก็ตาม ขอบคุณสามีที่เชื่อใจข้า ไม่ได้ฟังคำใส่ร้ายป้ายสีของคนอื่น”อวิ๋นเฉิงรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย แต่พอได้ยินคำพูดนี้ก็หัวเราะเยาะ “เจ้าดิ้นรนขวนขวายจะแต่งเข้าจวนโหวเพื่อจะมีชีวิตที่ดี จะกลับไปกินของเก่าอย่างกู้สิงโจวได้อย่างไร”“จวนโหวถึงจะไม่ใช่ตระกูลชั้นแนวหน้าในเมืองหลวง แต่อย่างไรก็ยังดีกว่าตระกูลกู้เยอะ”“ข้ามีสมอง ย่อมรู้จักแยกแยะถูกผิด”หลินเซียงอี๋ฟังแล้วคันฟัน อยากจะกระโดดกัดคนตรงหน้าใ
ความวุ่นวายที่เรือนตะวันตกไม่ได้เล็ดลอดออกไป ดังนั้นท่านผู้เฒ่าทั้งสองและบ้านรองจึงไม่รู้เรื่องอาหารมื้อกลางวันจัดขึ้นที่ห้องโถงใหญ่ในเรือนหลัก แบ่งที่นั่งชายหญิงชัดเจนเพียงแต่คนของตระกูลหลิน นอกจากหลินเซียงอี๋แล้ว หลินเล่ออี๋ลูกสาวคนเดียวก็ยังเด็กอยู่ ฮูหยินผู้เฒ่าหลินจึงไม่ได้วางฉากกั้นทุกคนในครอบครัวทยอยกันเข้ามานั่งจนเต็มที่นั่งยกเว้นสะใภ้แซ่หวังที่ยังไม่มาสีหน้าฮูหยินผู้เฒ่าหลินไม่สู้ดีนัก มองไปที่สาวใช้ข้างกาย "เจ้าไปตามสะใภ้แซ่หวังมา เซียงอี๋กลับมาเยี่ยมบ้าน ในฐานะแม่กลับไม่อยู่ ดูไม่งามเลย"ป้าจางเป็นสาวใช้ข้างกายของฮูหยินผู้เฒ่าหลิน แต่งงานกับพ่อบ้านของตระกูลหลิน หลังจากนั้นก็อยู่รับใช้ฮูหยินผู้เฒ่าหลินมาตลอด ได้รับความไว้วางใจอย่างมากนางเป็นคนเที่ยงธรรมและเคร่งขรึม ช่วยฮูหยินผู้เฒ่าหลินดูแลจัดการทุกอย่าง ด้วยวิธีการที่เฉียบขาด ไม่ไว้หน้าใครสะใภ้แซ่หานเห็นแม่สามีให้คนนี้ไปตามสะใภ้แซ่หวังก็แอบดีใจ ในแววตาคาดหวังว่าจะได้ชมเรื่องสนุกพี่สะใภ้คนนี้ ชีวิตต่อไปภายหน้าคงลำบากแน่หลังจากป้าจางไปแล้ว สะใภ้แซ่หานก็กลอกตาแล้วลุกขึ้นถาม "ท่านแม่ พวกเราจะรอพี่สะใภ้หรือเริ่
ชุนฮว๋าหน้าซีดเผือด ไม่คาดคิดว่าหลินเซียงอี๋จะไม่ยอมไว้หน้าฮูหยินท่านโหวแม้แต่น้อยทั้งชิวเยว่และเซี่ยอวี่มองหน้ากัน รีบเข้าไปพยุงชุนฮว๋าขึ้นมา ทั้งสองคนประกบซ้ายขวา พาชุนฮว๋ามากล่าวขอโทษหลินเซียงอี๋“ฮูหยินน้อย ฮูหยินใหญ่ให้พวกเรามาปรนนิบัติฮูหยินน้อย พวกเราจึงเป็นคนของฮูหยินน้อย ชุนฮว๋าเพียงแต่ไม่รู้กฎระเบียบยามอยู่ต่อหน้าฮูหยินน้อย บ่าวจะตั้งใจสั่งสอนนางเองเจ้าค่ะ”“พวกบ่าวจะพาชุนฮว๋าออกไปก่อนเจ้าค่ะ”หลินเซียงอี๋ไม่อยากถือสาคนรับใช้จึงไม่ได้พูดอะไร ปล่อยให้ทั้งสองคนพาตัวชุนฮว๋าออกไปพอทุกคนออกไปหมดแล้ว ซื่อชูที่อัดอั้นมานานก็ถามขึ้นทันที “ฮูหยินน้อย นังบ่าวสารเลวนั่นมาที่เรือนของเราได้อย่างไร?”“นางคือสาวใช้ที่ท่านโหวน้อยขับไล่ออกไปคืนนั้น ฮูหยินใหญ่จะให้นางเป็นอนุของท่านโหวน้อยหรือ?”“ฮูหยินน้อย ท่านต้องคิดหาวิธีขับไล่นางแพศยานั่นออกไปนะเจ้าคะ”หลินเซียงอี๋หลุดหัวเราะออกมา นางมองซื่อชูที่กำลังกลุ้มอกกลุ้มใจอย่างขบขัน พูดเย้าแหย่นางว่า “เจ้าเด็กคนนี่ ทำตัวเหมือนสามีตัวเองจะเอาเมียน้อยเข้าบ้านอย่างไรอย่างนั้น”“ไม่ต้องกังวลนะ ข้าจะหาบุรุษที่รักเดียวใจเดียวมาให้เจ้าเอง รับรอ
สิ้นเสียงของหลี่ฉานฮว๋า บรรยากาศในห้องก็เงียบสงัดลงทันทีหลินเซียงอี๋หันมองไปที่ชุนฮว๋าซึ่งยืนอยู่ด้านหลังป้าหนิงโดยไม่รู้ตัว เห็นได้ชัดว่าบนใบหน้าของนางยังคงมีความหวาดกลัวอยู่ เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ความหวาดกลัวก็เปลี่ยนเป็นความดีใจ แต่ก็ยังมีความกังวลอยู่บ้าง นางต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกป้าหนิงถลึงตาใส่จนต้องหยุดหลินเซียงอี๋เลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วลุกขึ้นยืน พูดทันทีว่า “คนที่อยู่ข้างกายท่านแม่ย่อมต้องเป็นคนดี ท่านวางใจได้ ข้าจะจัดการเรื่องของพี่ชุนฮว๋าให้เรียบร้อย ท่านแม่ไม่ต้องกังวล”“ลูกสะใภ้ สัญญาขายตัวนี้ข้ามอบให้เจ้าแล้ว ชุนฮว๋าก็นับว่าเป็นทาสของเจ้าเช่นกัน นางไม่ใช่คนของข้า เจ้าไม่ต้องเห็นแก่หน้าข้า จะตีจะด่าจะขายออกไปอย่างไรก็ตามใจเจ้า ไม่ต้องมาบอกกล่าวข้า”ระหว่างที่พูด ตงเสวี่ยก็ยื่นเอกสารสัญญาทาสของชุนฮว๋าให้หลินเซียงอี๋ด้วยความเคารพเมื่อตงเสวี่ยทำเช่นนั้น สีหน้าของชุนฮว๋าก็ซีดเผือด เหมือนไม่คิดว่าฮูหยินจะยอมยกสัญญาซื้อตัวทาสของนางให้อีกฝ่ายจริงๆหลินเซียงอี๋เลิกคิ้ว นางเองก็ไม่คิดว่าแม่สามีจะมอบให้จริงๆ นี่มันไม่ใช่การส่งคนมาแฝงข้างกายนางหรอกหรือ แล้วการให้สัญญาซื้
อวิ๋นเฉิงเห็นหลินเซียงอี๋ครุ่นคิด สีหน้าแสดงถึงความรู้สึกทั้งสุขและเศร้าปะปนกันหัวใจพลันหนักอึ้งหรือว่านางยังลืมเจ้าคนตระกูลกู้นั่นไม่ได้?ทันใดนั้น ความคิดที่จะชวนนางพูดคุยก็หายไปหมดสิ้นทั้งสองคนมองหน้ากันโดยไม่พูดอะไร ตอนที่กลับไปถึงจวนโหว อวิ๋นเฉิงพูดทิ้งท้ายไว้ว่า "ข้าจะไปที่ห้องหนังสือ เย็นนี้ไม่ต้องรอข้า ทานอาหารก่อนได้เลย" แล้วสะบัดแขนเสื้อเดินจากไปหลินเซียงอี๋รู้สึกงงๆ นางหันไปมองเผิ่งฮั่วแล้วพึมพำว่า "คนผู้นี้ทำไมถึงอารมณ์เสียอีกแล้ว?"เผิ่งฮั่วก้มหน้า ไม่กล้าส่งเสียงหลินเซียงอี๋ไม่มีเรี่ยวแรงจะไปง้อใคร จึงพาเผิ่งฮั่วไปที่เรือนหลักในช่วงเวลาเดียวกัน ณ เรือนหลักของจวนโหวหลี่ฉานฮว๋ามองสาวใช้คนสนิทที่คุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยความผิดหวัง"ชุนฮว๋า เจ้ารู้ไหม ข้าได้หาคู่ครองที่ดีเตรียมไว้ให้เจ้าแล้ว ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง เจ้าจะไม่แต่งงานกับเขาจริงๆ หรือ?"ชุนฮว๋าที่คุกเข่าอยู่ตกใจ รีบพูดว่า "ฮูหยิน ข้ามีใจให้ท่านโหวน้อย ขอท่านเห็นแก่ความจงรักภักดีที่ข้ามีต่อท่าน โปรดเมตตาข้าด้วยเถิด!""ข้าไม่ต้องการแต่งงาน ข้ายินดีปรนนิบัติท่านโหวน้อยและฮูหยินน้อยไปตลอดชีวิต แม้จะ
หลินเหยียนหลี่ทำปากยื่น ไม่ยอมพูดอะไรหลินเซียงอี๋ขบฟันกรอด ยกมือขึ้นมาแล้วเอ่ยว่า “ยังอยากโดนตีอีกหรือไง?”“พี่ก็คิดจะตีข้าอย่างเดียว!”หลินเหยียนหลี่พูดอย่างขุ่นเคือง “ท่านแม่บอกว่าถ้าข้าเอาใจพี่สาว พี่สาวก็จะช่วยเหลือข้า ต้องทำให้พี่ชอบข้า พี่ถึงจะนึกถึงพวกเรา”หลินเซียงอี๋ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรนัก นางถามต่อ “แล้วใครบอกเจ้าว่าพี่เขยบังคับให้ข้าแต่งงานด้วย?”หลินเหยียนหลี่กลอกตาไปมา ตัดสินใจพูดออกมา “พี่สาวตระกูลหวังบอกว่าเดิมทีสามีของพี่สาว ควรจะเป็นสามีของนาง”“นางพูดอะไรเจ้าก็เชื่อ? เจ้าโง่หรือเปล่า?”“ข้าไม่ได้โง่นะ!”หลินเหยียนหลี่พูดอย่างไม่พอใจ “พี่สาวต่างหากที่ไม่รู้จักคุณค่า ไม่ยอมแต่งงานกับพี่ชายสิงโจวพี่สาวตระกูลหวังถึงได้พูดแบบนั้น”หลินเซียงอี๋หัวเราะเยาะ “หลินเหยียนหลี่ เจ้าอยากโดนตีอีกแล้วใช่ไหม?”หลินเหยียนหลี่ยังคงไม่ยอมแพ้ “ข้าพูดผิดตรงไหน?”“อวิ๋นเฉิงเคยเป็นคู่หมั้นของข้า ท่านพ่อเป็นคนหมั้นหมายไว้ให้ตั้งแต่ตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ แต่เพราะท่านแม่กับหวังพิ่นถิงวางแผนร่วมกัน ข้าถึงได้ขอถอนหมั้นกับเขา แต่ต่อมาข้าก็รู้ว่าตัวเองเข้าใจผิด ถึงได้สลับตัวไปแต่งงา
น้องชายที่นางคิดว่าเป็นสุภาพบุรุษกลับมีสภาพแบบนี้ลับหลัง เป็นร่างแยกของคนตระกูลหวังชัดๆ!หลินเซียงอี๋โกรธจนน้ำตาคลอเบ้านางนึกถึงชะตากรรมที่โดดเดี่ยวเดียวดายในตระกูลกู้เมื่อชาติที่แล้วทุกครั้งที่นางกลับไปบ้านเดิม นางก็ไม่เคยเจอหน้าน้องชาย แม่บอกว่าน้องชายกำลังขยันศึกษาตำรา นางก็เชื่อเสียสนิทใจแต่ลืมไปว่าถ้าอยู่ใกล้คนเลวๆ อย่างหวังเย่าจู่ น้องชายจะเรียนดีได้อย่างไรพอมาคิดดูแล้ว ตอนที่ตระกูลหลินล่มสลาย ท่านแม่ส่งน้องชายไปอยู่กับปู่ ก็เพราะแม่เป็นฝ่ายรบเร้า และท่านปู่ก็สงสารลูกหลานตระกูลหลินที่ต้องตกระกำลำบากเลยรับไว้หลินเหยียนหลี่ยังคงร้องไห้ หลินเซียงอี๋รู้สึกเหมือนขมับเต้นตุบๆ เมื่อกวาดตามองไปรอบๆ เห็นกิ่งไม้ที่ใครสักคนทำตกไว้ข้างประตู ก็รีบเก็บขึ้นมาหันหลังกลับไปฟาดใส่หลินเหยียนหลี่อย่างแรง “อายุแค่นี้กลับไม่ตั้งใจเรียน คิดไม่ซื่อ วันนี้ข้าจะสั่งสอนเจ้าแทนท่านพ่อเอง”ชาติที่แล้วหลินเซียงอี๋ใช้ชีวิตเหลวแหลก ไม่รู้จักธาตุแท้ของคน ถูกมารดาและลูกพี่ลูกน้องวางแผนทำลาย ถูกคนร่วมเรียงเคียงคิดร้าย สุดท้ายก็ลงเอยด้วยความตายอย่างน่าอนาถชาตินี้ นางสามารถแก้แค้นพวกคนสารเลวเหล่านั้น
“เซียงอี๋อย่าไปถือสามารดาของเจ้าเลยนะ เชื่อใจอาสะใภ้รองนะ อาสะใภ้รองจะช่วยดูแลเหยียนหลี่ให้เอง”สะใภ้แซ่หานพาลูกชายลูกสาวมาส่งคู่บ่าวสาวถึงประตูที่สอง ความจริงแล้ว นางอยากจะสืบดูว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นที่เรือนตะวันตกหลินเซียงอี๋ย่อมไม่พูดอะไรอยู่แล้ว นางยิ้มแล้วกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นต่อไปนี้ ข้าก็ต้องรบกวนอาสะใภ้รองแล้วเจ้าค่ะ”“อาสะใภ้รองไม่ต้องไปส่งแล้ว ให้เหยียนหลี่ไปส่งข้าก็พอ”“ตกลง ถ้าอย่างนั้นข้าส่งพวกเจ้าตรงนี้นะ”สะใภ้แซ่หานมองอวิ๋นเฉิงที่กำลังคุยกับลูกชายของนางอยู่ ดึงหลินเซียงอี๋ไปด้านข้างแล้วถามเบาๆ ว่า “เซียงอี๋ ท่านย่าคิดว่าเรื่องของเรือนตะวันตกต่อไปนี้จะยกให้ข้าดูแลด้วย”“ข้าคิดว่า ค่าใช้จ่ายประจำวันของพี่สะใภ้ใหญ่และเหยียนหลี่ต่อไปนี้จะออกจากเงินส่วนกลาง เหมือนกับเรือนตะวันออกของพวกเรา แต่ว่าคุณชายจากตระกูลหวังก็อยู่ที่เรือนตะวันตกด้วย ข้าก็เลยอยากจะถามเจ้าว่า จะต้องทำตาหลักการแบบไหนดี ข้าจะได้ตระเตรียมได้ถูก”ความจริงแล้วเรื่องนี้ไม่ควรจะถามหลินเซียงอี๋ที่เป็นลูกสาวที่แต่งออกไปแล้ว แต่คนที่ดูแลเรือนตะวันตกตอนที่ยังไม่ได้แยกครอบครัวคือหลินเซียงอี๋ หากไม่ถามก่อ
ความวุ่นวายที่เรือนตะวันตกไม่ได้เล็ดลอดออกไป ดังนั้นท่านผู้เฒ่าทั้งสองและบ้านรองจึงไม่รู้เรื่องอาหารมื้อกลางวันจัดขึ้นที่ห้องโถงใหญ่ในเรือนหลัก แบ่งที่นั่งชายหญิงชัดเจนเพียงแต่คนของตระกูลหลิน นอกจากหลินเซียงอี๋แล้ว หลินเล่ออี๋ลูกสาวคนเดียวก็ยังเด็กอยู่ ฮูหยินผู้เฒ่าหลินจึงไม่ได้วางฉากกั้นทุกคนในครอบครัวทยอยกันเข้ามานั่งจนเต็มที่นั่งยกเว้นสะใภ้แซ่หวังที่ยังไม่มาสีหน้าฮูหยินผู้เฒ่าหลินไม่สู้ดีนัก มองไปที่สาวใช้ข้างกาย "เจ้าไปตามสะใภ้แซ่หวังมา เซียงอี๋กลับมาเยี่ยมบ้าน ในฐานะแม่กลับไม่อยู่ ดูไม่งามเลย"ป้าจางเป็นสาวใช้ข้างกายของฮูหยินผู้เฒ่าหลิน แต่งงานกับพ่อบ้านของตระกูลหลิน หลังจากนั้นก็อยู่รับใช้ฮูหยินผู้เฒ่าหลินมาตลอด ได้รับความไว้วางใจอย่างมากนางเป็นคนเที่ยงธรรมและเคร่งขรึม ช่วยฮูหยินผู้เฒ่าหลินดูแลจัดการทุกอย่าง ด้วยวิธีการที่เฉียบขาด ไม่ไว้หน้าใครสะใภ้แซ่หานเห็นแม่สามีให้คนนี้ไปตามสะใภ้แซ่หวังก็แอบดีใจ ในแววตาคาดหวังว่าจะได้ชมเรื่องสนุกพี่สะใภ้คนนี้ ชีวิตต่อไปภายหน้าคงลำบากแน่หลังจากป้าจางไปแล้ว สะใภ้แซ่หานก็กลอกตาแล้วลุกขึ้นถาม "ท่านแม่ พวกเราจะรอพี่สะใภ้หรือเริ่
คำพูดของอวิ๋นเฉิงหนักแน่นและทรงพลังจากนั้น อวิ๋นเฉิงก็พาหลินเซียงอี๋ออกจากเรือนชิ่งฟางโดยไม่ฟังคำอธิบายของสะใภ้แซ่หวังเมื่อออกจากเรือนตะวันตก อวิ๋นเฉิงก็ปล่อยมือหลินเซียงอี๋หลินเซียงอี๋มองไปที่คนข้างๆ แล้วโค้งคำนับอย่างสุภาพ “ขอบคุณสามีที่ช่วยเหลือข้าในวันนี้ ข้า…”“หลินเซียงอี๋ ต่อไปทำอะไรให้คิดให้รอบคอบกว่านี้ ไม่ใช่ทุกครั้งที่ข้าจะมาช่วยเจ้าได้ทัน”อวิ๋นเฉิงตำหนิโดยไม่ลังเล “ถ้าวันนี้เจ้าถูกไอ้สารเลวกู้มันแตะต้องจริงๆ แล้ววงศ์ตระกูลของพวกเราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”หลินเซียงอี๋เก็บความซาบซึ้งใจไว้ “สามีสั่งสอนได้ถูกต้องแล้ว เรื่องวันนี้ข้าประมาทเอง ข้าไม่น่าเชื่อใจท่านแม่”“อย่างไรก็ตาม ขอบคุณสามีที่เชื่อใจข้า ไม่ได้ฟังคำใส่ร้ายป้ายสีของคนอื่น”อวิ๋นเฉิงรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย แต่พอได้ยินคำพูดนี้ก็หัวเราะเยาะ “เจ้าดิ้นรนขวนขวายจะแต่งเข้าจวนโหวเพื่อจะมีชีวิตที่ดี จะกลับไปกินของเก่าอย่างกู้สิงโจวได้อย่างไร”“จวนโหวถึงจะไม่ใช่ตระกูลชั้นแนวหน้าในเมืองหลวง แต่อย่างไรก็ยังดีกว่าตระกูลกู้เยอะ”“ข้ามีสมอง ย่อมรู้จักแยกแยะถูกผิด”หลินเซียงอี๋ฟังแล้วคันฟัน อยากจะกระโดดกัดคนตรงหน้าใ
กู้สิงโจวหันไปมองอวิ๋นเฉิงด้วยความเดือดดาล “ท่านโหวน้อย ท่านเพิ่งจะยอมรับว่าคุณหนูหลินเซียงอี๋เป็นคนนัดพบข้าไม่ใช่หรือ”อวิ๋นเฉิงเหลือบมองเขาด้วยสายตาเหยียดหยาม “นางแค่นัด เจ้าก็เสนอหน้ามา? คุณชายกู้เอาตำราคุณธรรมทั้งหลายไปท่องให้สุนัขฟังหมดแล้วหรือ?”กู้สิงโจว…เมื่อโดนด่าไปเต็มๆ ใบหน้าของกู้สิงโจวก็แดงก่ำเหมือนตับหมู ทว่าเขากลับเถียงไม่ออกสักคำเดิมทีคิดว่าจะยุให้อวิ๋นเฉิงกับหลินเซียงอี๋ผิดใจกัน แม้ว่าจะไม่สามารถทำให้หลินเซียงอี๋กลับมาหาตนเองได้ แต่อวิ๋นเฉิงเห็นภรรยาใหม่ของตนอยู่กับอดีตคู่หมั้นในห้องสองต่อสอง ก็ต้องโกรธแค้นและเกิดความร้าวฉานขึ้นแน่แต่ใครจะรู้ อวิ๋นเฉิงกลับไม่ทำตามที่คาดไว้เลย หนำซ้ำยังปกป้องหลินเซียงอี๋อย่างเต็มที่ด้วยอวิ๋นเฉิงใช้รูปร่างอันสูงใหญ่ ยืนปกป้องหลินเซียงอี๋อยู่ข้างๆ มองคนอื่นๆ ด้วยสายตาเย่อหยิ่ง “ท่านแม่ วันนี้เป็นวันกลับมาเยี่ยมบ้านของเซียงอี๋ เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา ข้าต้องไปถามท่านปู่ท่านย่าสักหน่อยแล้ว ว่าท่านอาสะใภ้รองดูแลจัดการบ้านช่องอย่างไร”“หรือคิดจะรังแกเซียงอี๋เพราะไม่มีใครหนุนหลัง?”สะใภ้แซ่หวังเห็นว่าอวิ๋นเฉิงจะเอาเรื่องไปฟ้องผู้ใหญ