“ลุงเฉิน พาข้าไปพบท่านปู่กับท่านย่า”หลินเซียงอี๋จูงมือหลินเหยียนหลี่ เลือกไปพบท่านปู่ที่เรือนหลักอย่างไม่ลังเล“ได้เลยขอรับ บ่าวจะพาคุณหนูใหญ่ไปพบกับนายท่านผู้เฒ่าเดี๋ยวนี้”พ่อบ้านชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะแสดงท่าทางดีใจจนเนื้อเต้น รีบส่งคนไปแจ้งข่าวที่เรือนหลักป้าหวังหน้าถอดสีเล็กน้อย รีบเอ่ยรั้งว่า “คุณหนูใหญ่ ฮูหยินยังรอท่านอยู่นะเจ้าคะ! ท่าน....”“ป้าหวัง ท่านแม่นับเป็นผู้น้อย วันนี้ข้ากลับมาเยี่ยมตระกูล ย่อมต้องไปคารวะผู้อาวุโสก่อนสิ”หลินเซียงอี๋พูดตัดบทป้าหวัง ก่อนจะพาหลินเหยียนหลี่กับอวิ๋นเฉิงเดินตามพ่อบ้านไปที่เรือนหลัก โดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามองด้านหลังหลินเจิ้นเซิ่ง นายท่านผู้เฒ่าตระกูลหลินเป็นถึงอาจารย์ของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ตอนที่พระองค์ขึ้นครองราชย์ได้แต่งตั้งเขาเป็นมหาราชครู ฐานะสูงส่งไม่ธรรมดามหาราชครูหลินมีบุตรชายสองคน บุตรสาวหนึ่งคนลูกชายคนโตคือหลินเฉินผู้เป็นบิดาของหลินเซียงอี๋ เพื่อปกป้องฮ่องเต้เขาจึงเสียชีวิตตั้งแต่ยังหนุ่มแน่น ทิ้งภรรยาแซ่หวังไว้กับลูกชายและลูกสาว ซึ่งก็คือหลินเซียงอี๋และหลินเหยียนหลี่ลูกชายคนรองหลินถิง รับตำแหน่งเป็นหัวหน้าศาลต้าหลี่
“ท่านปู่ ท่านย่า หลานสาวอกตัญญูผู้นี้มาคารวะพวกท่านแล้วเจ้าค่ะ”หลินเซียงอี๋คุกเข่าลงต่อหน้ามหาราชครูหลินและฮูหยินผู้เฒ่า โขกศีรษะหนึ่งครา ยามแหงนหน้าขึ้นมาใบหน้าก็เต็มไปด้วยน้ำตาแล้วหลินเหยียนหลี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ พี่สาวยังไม่เข้าใจว่าทำไมพี่สาวถึงได้ตื่นเต้นขนาดนี้เขาเหลือบมองไปที่เบาะรองนั่งที่ว่างเปล่าข้างๆ พี่สาว ก่อนจะคุกเข่าตาม“ท่านปู่ ท่านย่า อย่าโกรธพี่หญิงใหญ่เลยนะขอรับ เป็นความผิดของเหยียนหลี่เอง”หลินเหยียนหลี่กล่าวเช่นนั้นแล้วก้มหัวโขกศีรษะหนึ่งครามหาราชครูหลิน ฮูหยินผู้เฒ่า...อารองหลิน อาสะใภ้รอง...อวิ๋นเฉิง...หลินเล่ออี๋ในวัยสิบขวบเป็นเด็กสาวที่ร่าเริงแจ่มใส เมื่อเห็นน้องชายคนเล็กที่ทำตัวเป็นผู้ใหญ่มาตลอดแสดงกิริยาเช่นนี้ออกมา ก็อดหัวเราะไม่ได้“คิกๆๆ น้องสาม เบาะตรงนั้นเป็นที่ของพี่เขยนะ”อวิ๋นเฉิงร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก ขณะที่ดึงหลินเหยียนหลี่ขึ้นจากเบาะรองนั่ง ก่อนจะคุกเข่าลงแทน “ผู้น้อยอวิ๋นเฉิงคารวะท่านปู่ ท่านย่า พวกท่านโปรดวางใจเถิดขอรับ ข้าจะดูแลเซียงอี๋อย่างดี ไม่ให้นางต้องเจ็บช้ำน้ำใจแม้แต่น้อย”กล่าวจบก็โขกศีรษะลงไปอีกครั้งมหาราชครูหลินมอ
ทุกสายตาจับจ้องไปยังสะใภ้แซ่หวังที่เดินเข้ามาด้วยท่าทางแข็งกร้าวดุดันชุดกระโปรงยาวสีแดงสดตัดเย็บด้วยดิ้นทองปักลายดอกโบตั๋น ขับเน้นรูปร่างอรชรอ้อนแอ้น ถึงแม้จะผ่านการเป็นแม่คนมาแล้วถึงสองครั้ง แต่บนใบหน้ากลับไม่ปรากฏริ้วรอยแห่งวัย พอมายืนเคียงข้างบุตรสาวก็ดูราวกับพี่น้องทีเดียว“หลินเซียงอี๋ เจ้าคิดจะทำให้ข้าโมโหจนตายหรืออย่างไร?”สะใภ้แซ่หวังตวาดลั่นด้วยความโกรธ ขณะที่นางเพิ่งจะเดินผ่านลานบ้าน เสียงของนางก็ดังนำมาก่อนแล้วสะใภ้แซ่หานเห็นท่าทางของสะใภ้แซ่หวังก็เอามือลูบหน้าตัวเอง พึมพำอย่างหมั่นไส้ “คนที่ไม่มีเรื่องให้กังวล ความโรยราช่างมาถึงช้าจริงๆ”หลินถิงหันไปมองภรรยาด้วยสายตาตำหนิ ในสถานการณ์เช่นนี้ นางยังมีกะจิตกะใจคิดเรื่องแบบนี้ได้อีกเขาลุกขึ้นยืนหวังจะช่วยพูดจาไกล่เกลี่ย แต่ดันได้ยินหลานสาวเอ่ยขึ้นว่า “ท่านแม่ ท่านปู่ท่านย่ายังนั่งอยู่ตรงนี้นะเจ้าคะ! มารยาทของท่านหายไปไหนกัน?”คำถามของหลานสาว ทำให้เขาต้องกลืนคำพูดที่เตรียมไว้ลงไปดูเหมือนหลานสาวจะเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ?“ข้าว่าไม่แน่หรอก นางอาจจะเห็นว่ามารดาของตัวเองพึ่งพาไม่ได้แล้ว ก็เลยมาขอความช่วยเหลือจากท่านพ่อแทน ฮึ
คำพูดที่เหลือของสะใภ้แซ่หานถูกกลืนหายไปในลำคอ นางรีบลุกขึ้นยืนแล้วอธิบายกับฮูหยินผู้เฒ่าหลิน“ท่านแม่ ข้าไม่ได้หมายความแบบนั้น มิใช่ว่าข้าไม่อยากมาคารวะท่าน แต่พี่สะใภ้…พี่สะใภ้นางทำเกินไปจริงๆ”สะใภ้แซ่หวังไม่รอให้ฮูหยินผู้เฒ่าหลินพูดอะไร นางก็เอ่ยแทรกขึ้นมาอีกว่า “หรือว่าน้องสะใภ้คิดว่าตระกูลฝ่ายมารดาของตัวเองไม่ได้ผลประโยชน์ ก็เลยรู้สึกเสียเปรียบ?”“หรือเจ้าคิดว่าข้าน่าอิจฉาที่สามีตายแล้ว?”“หวังเจาตี้! เจ้าใส่ร้ายป้ายสี!”สะใภ้แซ่หานโกรธจนสุดขีด นางไม่สนใจมารยาทอะไรทั้งนั้น พุ่งเข้าใส่สะใภ้แซ่หวังทันที“ฮูหยิน เจ้าคิดจะทำอะไรน่ะ!”หลินถิงรีบเข้าไปขัดขวางภรรยาตัวเอง กอดสะใภ้แซ่หานไว้ไม่ให้นางพุ่งเข้าไปหาเรื่องอีกฝ่ายสีหน้าของสะใภ้แซ่หวังก็เปลี่ยนไปเช่นกัน นางตะคอกใส่ว่า “หานชุนฮว๋า! ข้าชื่อหวังจินเหลียน ไม่ใช่หวังเจาตี้!”เมื่อเห็นว่าการกลับมาเยี่ยมตระกูล กลายเป็นเวทีทะเลาะวิวาทของทั้งสองหลินเซียงอี๋รู้สึกสับสนจนทำอะไรไม่ถูก ปากของมารดานางช่างหาเรื่องใส่ตัวเก่งยิ่งนัก บางทีก็ไปหาเรื่องเขาโดยไม่มีเหตุผล ทำให้คู่กรณีโกรธแค้นขุ่นเคืองได้โดยง่ายนางฟังคำพูดพล่ามของมารดาจนทน
สีหน้าของสะใภ้แซ่หวังเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ดวงตาของนางมีแววตื่นตระหนก กำลังจะเอ่ยปากพูดบางอย่าง แต่กลับเห็นพ่อสามีลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยท่าทางโซเซ พุ่งตัวเข้าไปหาหีบที่มีตำราภาพวาดตัวอักษร ตำราต่างๆ มหาราชครูหลินเปิดดูทีละเล่ม แล้วก็วางกลับคืนทีละเล่มสีหน้าของเขาดูแย่ลงเรื่อยๆ ในที่สุดก็ดำคล้ำจนมองไม่เห็น สุดท้ายเขาก็ไม่คิดจะดูต่ออีกเขาหันไปมองหลินเซียงอี๋ “เซียงอี๋ เจ้าบอกว่าของเหล่านี้เป็นสินเดิมของน้องสาวเจ้า?”“ใช่เจ้าค่ะ ท่านปู่ หีบเหล่านี้คือหีบสินเดิมของหวังพิ่นถิง”หลินเซียงอี๋เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในจวนโหวเมื่อวานอย่างรวบรัด สุดท้ายก็อธิบายว่า “ท่านปู่ มิใช่ข้าไม่กตัญญู แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ข้าย่อมต้องรอบคอบและรัดกุม”“เจ้าทำถูกแล้ว!”มือที่ถือตำราของมหาราชครูหลินเริ่มสั่น เขาจ้องมองสะใภ้แซ่หวัง ดวงตาเต็มไปด้วยความผิดหวัง “สะใภ้แซ่หวัง เจ้าจะอธิบายเรื่องนี้ว่าอย่างไร?”สะใภ้แซ่หวังร้อนรน “ท่านพ่อ ลูกสะใภ้ไม่รู้จริงๆ บางที บางทีอาจเป็นคนรับใช้ที่จัดสินเดิมผิด ลูกสะใภ้จะให้คนยกกลับไป ตรวจสอบทีละชิ้นอย่างถี่ถ้วน ตรวจสอบเสร็จแล้วจะส่งกลับไป”เห็นสะใภ้แซ่หวังไม่ยอมสำนึ
สะใภ้แซ่หวังทรุดลงกับพื้น หน้าซีดเผือดฮูหยินผู้เฒ่าหลินสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เจ้ารอง ไปแจ้งทางการ บอกว่าจวนของเราโดนขโมยปล้น!”แจ้งทางการ!สมองที่กำลังมึนงงของสะใภ้แซ่หวังพลันกระจ่างแจ้ง นางพุ่งเข้าไปกอดขาฮูหยินผู้เฒ่าหลินทันที “ท่านแม่ ลูกสะใภ้ผิดไปแล้ว อย่าแจ้งทางการเลยนะเจ้าคะ!”แม่สามีคนนี้พูดจริงทำจริง ถ้าแจ้งทางการขึ้นมาจริง ๆ นางคงไม่หลงเหลืออะไรแล้วสะใภ้แซ่หวังเป็นฮูหยินตระกูลหลินมานานหลายปี ต่อหน้าคนนอกก็ทำตัวเป็นกุลสตรีเพียบพร้อม ตอนอยู่ในบ้านจะเป็นอย่างไรก็ช่าง แต่ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป นางต้องอับอายขายหน้าแน่ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าชื่อเสียงเสียหาย ใครจะคบค้าสมาคมกับนางอีก“ฮึ บ้านเราโดนขโมยปล้น ทำไมจะแจ้งทางการไม่ได้”ฮูหยินผู้เฒ่าหลินไม่สะทกสะท้าน ตวาดเสียงดัง “เจ้ายังยืนนิ่งอยู่ทำไม รีบไปสิ!”“ไม่ได้ ไปไม่ได้”สะใภ้แซ่หวังร้องห่มร้องไห้เสียงดัง “ท่านแม่ แจ้งทางการไม่ได้นะเจ้าคะ ลูกสะใภ้สำนึกผิดแล้วจริงๆ ขอท่านแม่โปรดเมตตา ยกโทษให้ลูกสะใภ้สักครั้งเถอะ! ลูกสะใภ้จะไม่ทำอีกแล้ว”แววตาฮูหยินผู้เฒ่าหลินสว่างวาบขึ้นเล็กน้อย “อ้อ แล้วทำไมของใน
“ต่อให้เจ้าไม่อยากแต่งงานกับตระกูลกู้ เจ้าก็แค่ยกเลิกงานแต่งเท่านั้น วันหน้ายังมีเจ้าบ่าวที่เพียบพร้อมอีกมากมาย”“แต่เจ้าสลับตัวเจ้าสาวแต่งเข้าจวนโหวเช่นนี้ คนในจวนโหวจะมองเจ้าอย่างไร”“หนทางข้างหน้าของเจ้าคงจะลำบากแล้ว!”สองชาติรวมกัน หลินเซียงอี๋ยังไม่เคยได้ยินคำพูดที่อ่อนโยนเช่นนี้จากท่านย่ามาก่อน ทันใดนั้นนางก็เข้าใจเรื่องหนึ่งไม่ใช่ว่าท่านย่าไม่ชอบพวกเขา แต่พวกเขาไม่เคยให้โอกาสย่าได้ชอบต่างหากล่ะน้ำตานางไหลพรากออกมาทันที “ท่านย่า ข้า…ข้าไม่อยากแต่งงานเข้าตระกูลกู้ ข้ากลัวทำให้พวกท่านเสียหน้า”“แล้วตอนนี้ไม่เสียหน้าหรือ?”ถึงแม้ฮูหยินผู้เฒ่าหลินจะไม่ชอบที่หลานสองคนจากบ้านใหญ่ ถูกแม่ของพวกเขาเลี้ยงดูมาแบบคนตระกูลต่ำต้อย แต่พวกเขาก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของนาง นางหวังจะให้พวกเขามีชีวิตที่ดีจริงๆ“แต่เรื่องมันผ่านไปแล้ว ตอนนี้จะพูดอะไรก็สายไปแล้วล่ะ แม่สามีของเจ้าเป็นคนใจดีแต่แสดงออกไม่เก่ง เจ้าแต่งเข้าไปแล้วก็เอาอกเอาใจนางให้ดี นางคงไม่สร้างความลำบากให้เจ้าหรอก”“แล้วก็รีบมีลูกเสีย ตอนอยู่ในจวนโหวเจ้าจะได้มีที่ยืนอย่างมั่นคง”หลินเซียงอี๋รู้ว่าคำพูดของท่านย่ามาจากใจจริง นา
“อาสะใภ้รองถามเยอะแยะไปหมด เล่นเอาข้าไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อนดีเลย”หลินเซียงอี๋พูดติดตลกเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “สำนักศึกษาส่วนตัวในจวนฉีอ๋องก็ดีอยู่หรอก แต่ไม่มีเพื่อนที่เข้ากันได้กับเหยียนหลี่เลย”“อีกอย่าง ข้าอยากให้เหยียนหลี่สนิทสนมกับพี่น้องในบ้าน จึงคิดจะส่งเหยียนหลี่ไปเรียนที่สำนักศึกษากวนฟู่กับน้องรอง”สะใภ้แซ่หานคิดคำนวณอย่างรวดเร็ว แต่ไม่แสดงสีหน้าใดๆ มีเพียงรอยยิ้มที่มุมปาก “ใช่แล้ว พี่น้องกันก็ควรจะสนิทสนมกันเอาไว้ เจ้าวางใจได้ ต่อไปข้าจะให้เหยียนหมิงดูแลเหยียนหลี่อย่างดี”“ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณอาสะใภ้รองมากเจ้าค่ะ”“พูดเหมือนพวกเราเป็นคนอื่นคนไกลไปได้?”หลินเหยียนหลี่ศึกษาตำราที่สำนักศึกษาส่วนตัวในจวนฉีอ๋อง สะใภ้แซ่หวังก็เอาแต่มาอวดเบ่งใส่หน้านาง คราวนี้หลินเหยียนหลี่ไม่ไปเรียนที่นั่นแล้ว นางจะรอดูว่าสะใภ้แซ่หวังจะยังพูดจาเหน็บแนมได้อีกไหมพอคิดถึงสีหน้าของสะใภ้แซ่หวัง มุมปากของสะใภ้แซ่หานก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ จึงไม่ได้รั้งหลินเซียงอี๋ไว้คุยต่อ“ไปพบมารดาของเจ้าเถอะ อย่างไรก็แม่ลูกกัน เจ้าเองก็ทำเพื่อเหยียนหลี่ มารดาของเจ้าต้องเข้าใจ”หลินเซียงอี๋พยักหน้า มองส่งสะใภ้
ชุนฮว๋าหน้าซีดเผือด ไม่คาดคิดว่าหลินเซียงอี๋จะไม่ยอมไว้หน้าฮูหยินท่านโหวแม้แต่น้อยทั้งชิวเยว่และเซี่ยอวี่มองหน้ากัน รีบเข้าไปพยุงชุนฮว๋าขึ้นมา ทั้งสองคนประกบซ้ายขวา พาชุนฮว๋ามากล่าวขอโทษหลินเซียงอี๋“ฮูหยินน้อย ฮูหยินใหญ่ให้พวกเรามาปรนนิบัติฮูหยินน้อย พวกเราจึงเป็นคนของฮูหยินน้อย ชุนฮว๋าเพียงแต่ไม่รู้กฎระเบียบยามอยู่ต่อหน้าฮูหยินน้อย บ่าวจะตั้งใจสั่งสอนนางเองเจ้าค่ะ”“พวกบ่าวจะพาชุนฮว๋าออกไปก่อนเจ้าค่ะ”หลินเซียงอี๋ไม่อยากถือสาคนรับใช้จึงไม่ได้พูดอะไร ปล่อยให้ทั้งสองคนพาตัวชุนฮว๋าออกไปพอทุกคนออกไปหมดแล้ว ซื่อชูที่อัดอั้นมานานก็ถามขึ้นทันที “ฮูหยินน้อย นังบ่าวสารเลวนั่นมาที่เรือนของเราได้อย่างไร?”“นางคือสาวใช้ที่ท่านโหวน้อยขับไล่ออกไปคืนนั้น ฮูหยินใหญ่จะให้นางเป็นอนุของท่านโหวน้อยหรือ?”“ฮูหยินน้อย ท่านต้องคิดหาวิธีขับไล่นางแพศยานั่นออกไปนะเจ้าคะ”หลินเซียงอี๋หลุดหัวเราะออกมา นางมองซื่อชูที่กำลังกลุ้มอกกลุ้มใจอย่างขบขัน พูดเย้าแหย่นางว่า “เจ้าเด็กคนนี่ ทำตัวเหมือนสามีตัวเองจะเอาเมียน้อยเข้าบ้านอย่างไรอย่างนั้น”“ไม่ต้องกังวลนะ ข้าจะหาบุรุษที่รักเดียวใจเดียวมาให้เจ้าเอง รับรอ
สิ้นเสียงของหลี่ฉานฮว๋า บรรยากาศในห้องก็เงียบสงัดลงทันทีหลินเซียงอี๋หันมองไปที่ชุนฮว๋าซึ่งยืนอยู่ด้านหลังป้าหนิงโดยไม่รู้ตัว เห็นได้ชัดว่าบนใบหน้าของนางยังคงมีความหวาดกลัวอยู่ เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ความหวาดกลัวก็เปลี่ยนเป็นความดีใจ แต่ก็ยังมีความกังวลอยู่บ้าง นางต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกป้าหนิงถลึงตาใส่จนต้องหยุดหลินเซียงอี๋เลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วลุกขึ้นยืน พูดทันทีว่า “คนที่อยู่ข้างกายท่านแม่ย่อมต้องเป็นคนดี ท่านวางใจได้ ข้าจะจัดการเรื่องของพี่ชุนฮว๋าให้เรียบร้อย ท่านแม่ไม่ต้องกังวล”“ลูกสะใภ้ สัญญาขายตัวนี้ข้ามอบให้เจ้าแล้ว ชุนฮว๋าก็นับว่าเป็นทาสของเจ้าเช่นกัน นางไม่ใช่คนของข้า เจ้าไม่ต้องเห็นแก่หน้าข้า จะตีจะด่าจะขายออกไปอย่างไรก็ตามใจเจ้า ไม่ต้องมาบอกกล่าวข้า”ระหว่างที่พูด ตงเสวี่ยก็ยื่นเอกสารสัญญาทาสของชุนฮว๋าให้หลินเซียงอี๋ด้วยความเคารพเมื่อตงเสวี่ยทำเช่นนั้น สีหน้าของชุนฮว๋าก็ซีดเผือด เหมือนไม่คิดว่าฮูหยินจะยอมยกสัญญาซื้อตัวทาสของนางให้อีกฝ่ายจริงๆหลินเซียงอี๋เลิกคิ้ว นางเองก็ไม่คิดว่าแม่สามีจะมอบให้จริงๆ นี่มันไม่ใช่การส่งคนมาแฝงข้างกายนางหรอกหรือ แล้วการให้สัญญาซื้
อวิ๋นเฉิงเห็นหลินเซียงอี๋ครุ่นคิด สีหน้าแสดงถึงความรู้สึกทั้งสุขและเศร้าปะปนกันหัวใจพลันหนักอึ้งหรือว่านางยังลืมเจ้าคนตระกูลกู้นั่นไม่ได้?ทันใดนั้น ความคิดที่จะชวนนางพูดคุยก็หายไปหมดสิ้นทั้งสองคนมองหน้ากันโดยไม่พูดอะไร ตอนที่กลับไปถึงจวนโหว อวิ๋นเฉิงพูดทิ้งท้ายไว้ว่า "ข้าจะไปที่ห้องหนังสือ เย็นนี้ไม่ต้องรอข้า ทานอาหารก่อนได้เลย" แล้วสะบัดแขนเสื้อเดินจากไปหลินเซียงอี๋รู้สึกงงๆ นางหันไปมองเผิ่งฮั่วแล้วพึมพำว่า "คนผู้นี้ทำไมถึงอารมณ์เสียอีกแล้ว?"เผิ่งฮั่วก้มหน้า ไม่กล้าส่งเสียงหลินเซียงอี๋ไม่มีเรี่ยวแรงจะไปง้อใคร จึงพาเผิ่งฮั่วไปที่เรือนหลักในช่วงเวลาเดียวกัน ณ เรือนหลักของจวนโหวหลี่ฉานฮว๋ามองสาวใช้คนสนิทที่คุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยความผิดหวัง"ชุนฮว๋า เจ้ารู้ไหม ข้าได้หาคู่ครองที่ดีเตรียมไว้ให้เจ้าแล้ว ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง เจ้าจะไม่แต่งงานกับเขาจริงๆ หรือ?"ชุนฮว๋าที่คุกเข่าอยู่ตกใจ รีบพูดว่า "ฮูหยิน ข้ามีใจให้ท่านโหวน้อย ขอท่านเห็นแก่ความจงรักภักดีที่ข้ามีต่อท่าน โปรดเมตตาข้าด้วยเถิด!""ข้าไม่ต้องการแต่งงาน ข้ายินดีปรนนิบัติท่านโหวน้อยและฮูหยินน้อยไปตลอดชีวิต แม้จะ
หลินเหยียนหลี่ทำปากยื่น ไม่ยอมพูดอะไรหลินเซียงอี๋ขบฟันกรอด ยกมือขึ้นมาแล้วเอ่ยว่า “ยังอยากโดนตีอีกหรือไง?”“พี่ก็คิดจะตีข้าอย่างเดียว!”หลินเหยียนหลี่พูดอย่างขุ่นเคือง “ท่านแม่บอกว่าถ้าข้าเอาใจพี่สาว พี่สาวก็จะช่วยเหลือข้า ต้องทำให้พี่ชอบข้า พี่ถึงจะนึกถึงพวกเรา”หลินเซียงอี๋ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรนัก นางถามต่อ “แล้วใครบอกเจ้าว่าพี่เขยบังคับให้ข้าแต่งงานด้วย?”หลินเหยียนหลี่กลอกตาไปมา ตัดสินใจพูดออกมา “พี่สาวตระกูลหวังบอกว่าเดิมทีสามีของพี่สาว ควรจะเป็นสามีของนาง”“นางพูดอะไรเจ้าก็เชื่อ? เจ้าโง่หรือเปล่า?”“ข้าไม่ได้โง่นะ!”หลินเหยียนหลี่พูดอย่างไม่พอใจ “พี่สาวต่างหากที่ไม่รู้จักคุณค่า ไม่ยอมแต่งงานกับพี่ชายสิงโจวพี่สาวตระกูลหวังถึงได้พูดแบบนั้น”หลินเซียงอี๋หัวเราะเยาะ “หลินเหยียนหลี่ เจ้าอยากโดนตีอีกแล้วใช่ไหม?”หลินเหยียนหลี่ยังคงไม่ยอมแพ้ “ข้าพูดผิดตรงไหน?”“อวิ๋นเฉิงเคยเป็นคู่หมั้นของข้า ท่านพ่อเป็นคนหมั้นหมายไว้ให้ตั้งแต่ตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ แต่เพราะท่านแม่กับหวังพิ่นถิงวางแผนร่วมกัน ข้าถึงได้ขอถอนหมั้นกับเขา แต่ต่อมาข้าก็รู้ว่าตัวเองเข้าใจผิด ถึงได้สลับตัวไปแต่งงา
น้องชายที่นางคิดว่าเป็นสุภาพบุรุษกลับมีสภาพแบบนี้ลับหลัง เป็นร่างแยกของคนตระกูลหวังชัดๆ!หลินเซียงอี๋โกรธจนน้ำตาคลอเบ้านางนึกถึงชะตากรรมที่โดดเดี่ยวเดียวดายในตระกูลกู้เมื่อชาติที่แล้วทุกครั้งที่นางกลับไปบ้านเดิม นางก็ไม่เคยเจอหน้าน้องชาย แม่บอกว่าน้องชายกำลังขยันศึกษาตำรา นางก็เชื่อเสียสนิทใจแต่ลืมไปว่าถ้าอยู่ใกล้คนเลวๆ อย่างหวังเย่าจู่ น้องชายจะเรียนดีได้อย่างไรพอมาคิดดูแล้ว ตอนที่ตระกูลหลินล่มสลาย ท่านแม่ส่งน้องชายไปอยู่กับปู่ ก็เพราะแม่เป็นฝ่ายรบเร้า และท่านปู่ก็สงสารลูกหลานตระกูลหลินที่ต้องตกระกำลำบากเลยรับไว้หลินเหยียนหลี่ยังคงร้องไห้ หลินเซียงอี๋รู้สึกเหมือนขมับเต้นตุบๆ เมื่อกวาดตามองไปรอบๆ เห็นกิ่งไม้ที่ใครสักคนทำตกไว้ข้างประตู ก็รีบเก็บขึ้นมาหันหลังกลับไปฟาดใส่หลินเหยียนหลี่อย่างแรง “อายุแค่นี้กลับไม่ตั้งใจเรียน คิดไม่ซื่อ วันนี้ข้าจะสั่งสอนเจ้าแทนท่านพ่อเอง”ชาติที่แล้วหลินเซียงอี๋ใช้ชีวิตเหลวแหลก ไม่รู้จักธาตุแท้ของคน ถูกมารดาและลูกพี่ลูกน้องวางแผนทำลาย ถูกคนร่วมเรียงเคียงคิดร้าย สุดท้ายก็ลงเอยด้วยความตายอย่างน่าอนาถชาตินี้ นางสามารถแก้แค้นพวกคนสารเลวเหล่านั้น
“เซียงอี๋อย่าไปถือสามารดาของเจ้าเลยนะ เชื่อใจอาสะใภ้รองนะ อาสะใภ้รองจะช่วยดูแลเหยียนหลี่ให้เอง”สะใภ้แซ่หานพาลูกชายลูกสาวมาส่งคู่บ่าวสาวถึงประตูที่สอง ความจริงแล้ว นางอยากจะสืบดูว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นที่เรือนตะวันตกหลินเซียงอี๋ย่อมไม่พูดอะไรอยู่แล้ว นางยิ้มแล้วกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นต่อไปนี้ ข้าก็ต้องรบกวนอาสะใภ้รองแล้วเจ้าค่ะ”“อาสะใภ้รองไม่ต้องไปส่งแล้ว ให้เหยียนหลี่ไปส่งข้าก็พอ”“ตกลง ถ้าอย่างนั้นข้าส่งพวกเจ้าตรงนี้นะ”สะใภ้แซ่หานมองอวิ๋นเฉิงที่กำลังคุยกับลูกชายของนางอยู่ ดึงหลินเซียงอี๋ไปด้านข้างแล้วถามเบาๆ ว่า “เซียงอี๋ ท่านย่าคิดว่าเรื่องของเรือนตะวันตกต่อไปนี้จะยกให้ข้าดูแลด้วย”“ข้าคิดว่า ค่าใช้จ่ายประจำวันของพี่สะใภ้ใหญ่และเหยียนหลี่ต่อไปนี้จะออกจากเงินส่วนกลาง เหมือนกับเรือนตะวันออกของพวกเรา แต่ว่าคุณชายจากตระกูลหวังก็อยู่ที่เรือนตะวันตกด้วย ข้าก็เลยอยากจะถามเจ้าว่า จะต้องทำตาหลักการแบบไหนดี ข้าจะได้ตระเตรียมได้ถูก”ความจริงแล้วเรื่องนี้ไม่ควรจะถามหลินเซียงอี๋ที่เป็นลูกสาวที่แต่งออกไปแล้ว แต่คนที่ดูแลเรือนตะวันตกตอนที่ยังไม่ได้แยกครอบครัวคือหลินเซียงอี๋ หากไม่ถามก่อ
ความวุ่นวายที่เรือนตะวันตกไม่ได้เล็ดลอดออกไป ดังนั้นท่านผู้เฒ่าทั้งสองและบ้านรองจึงไม่รู้เรื่องอาหารมื้อกลางวันจัดขึ้นที่ห้องโถงใหญ่ในเรือนหลัก แบ่งที่นั่งชายหญิงชัดเจนเพียงแต่คนของตระกูลหลิน นอกจากหลินเซียงอี๋แล้ว หลินเล่ออี๋ลูกสาวคนเดียวก็ยังเด็กอยู่ ฮูหยินผู้เฒ่าหลินจึงไม่ได้วางฉากกั้นทุกคนในครอบครัวทยอยกันเข้ามานั่งจนเต็มที่นั่งยกเว้นสะใภ้แซ่หวังที่ยังไม่มาสีหน้าฮูหยินผู้เฒ่าหลินไม่สู้ดีนัก มองไปที่สาวใช้ข้างกาย "เจ้าไปตามสะใภ้แซ่หวังมา เซียงอี๋กลับมาเยี่ยมบ้าน ในฐานะแม่กลับไม่อยู่ ดูไม่งามเลย"ป้าจางเป็นสาวใช้ข้างกายของฮูหยินผู้เฒ่าหลิน แต่งงานกับพ่อบ้านของตระกูลหลิน หลังจากนั้นก็อยู่รับใช้ฮูหยินผู้เฒ่าหลินมาตลอด ได้รับความไว้วางใจอย่างมากนางเป็นคนเที่ยงธรรมและเคร่งขรึม ช่วยฮูหยินผู้เฒ่าหลินดูแลจัดการทุกอย่าง ด้วยวิธีการที่เฉียบขาด ไม่ไว้หน้าใครสะใภ้แซ่หานเห็นแม่สามีให้คนนี้ไปตามสะใภ้แซ่หวังก็แอบดีใจ ในแววตาคาดหวังว่าจะได้ชมเรื่องสนุกพี่สะใภ้คนนี้ ชีวิตต่อไปภายหน้าคงลำบากแน่หลังจากป้าจางไปแล้ว สะใภ้แซ่หานก็กลอกตาแล้วลุกขึ้นถาม "ท่านแม่ พวกเราจะรอพี่สะใภ้หรือเริ่
คำพูดของอวิ๋นเฉิงหนักแน่นและทรงพลังจากนั้น อวิ๋นเฉิงก็พาหลินเซียงอี๋ออกจากเรือนชิ่งฟางโดยไม่ฟังคำอธิบายของสะใภ้แซ่หวังเมื่อออกจากเรือนตะวันตก อวิ๋นเฉิงก็ปล่อยมือหลินเซียงอี๋หลินเซียงอี๋มองไปที่คนข้างๆ แล้วโค้งคำนับอย่างสุภาพ “ขอบคุณสามีที่ช่วยเหลือข้าในวันนี้ ข้า…”“หลินเซียงอี๋ ต่อไปทำอะไรให้คิดให้รอบคอบกว่านี้ ไม่ใช่ทุกครั้งที่ข้าจะมาช่วยเจ้าได้ทัน”อวิ๋นเฉิงตำหนิโดยไม่ลังเล “ถ้าวันนี้เจ้าถูกไอ้สารเลวกู้มันแตะต้องจริงๆ แล้ววงศ์ตระกูลของพวกเราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”หลินเซียงอี๋เก็บความซาบซึ้งใจไว้ “สามีสั่งสอนได้ถูกต้องแล้ว เรื่องวันนี้ข้าประมาทเอง ข้าไม่น่าเชื่อใจท่านแม่”“อย่างไรก็ตาม ขอบคุณสามีที่เชื่อใจข้า ไม่ได้ฟังคำใส่ร้ายป้ายสีของคนอื่น”อวิ๋นเฉิงรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย แต่พอได้ยินคำพูดนี้ก็หัวเราะเยาะ “เจ้าดิ้นรนขวนขวายจะแต่งเข้าจวนโหวเพื่อจะมีชีวิตที่ดี จะกลับไปกินของเก่าอย่างกู้สิงโจวได้อย่างไร”“จวนโหวถึงจะไม่ใช่ตระกูลชั้นแนวหน้าในเมืองหลวง แต่อย่างไรก็ยังดีกว่าตระกูลกู้เยอะ”“ข้ามีสมอง ย่อมรู้จักแยกแยะถูกผิด”หลินเซียงอี๋ฟังแล้วคันฟัน อยากจะกระโดดกัดคนตรงหน้าใ
กู้สิงโจวหันไปมองอวิ๋นเฉิงด้วยความเดือดดาล “ท่านโหวน้อย ท่านเพิ่งจะยอมรับว่าคุณหนูหลินเซียงอี๋เป็นคนนัดพบข้าไม่ใช่หรือ”อวิ๋นเฉิงเหลือบมองเขาด้วยสายตาเหยียดหยาม “นางแค่นัด เจ้าก็เสนอหน้ามา? คุณชายกู้เอาตำราคุณธรรมทั้งหลายไปท่องให้สุนัขฟังหมดแล้วหรือ?”กู้สิงโจว…เมื่อโดนด่าไปเต็มๆ ใบหน้าของกู้สิงโจวก็แดงก่ำเหมือนตับหมู ทว่าเขากลับเถียงไม่ออกสักคำเดิมทีคิดว่าจะยุให้อวิ๋นเฉิงกับหลินเซียงอี๋ผิดใจกัน แม้ว่าจะไม่สามารถทำให้หลินเซียงอี๋กลับมาหาตนเองได้ แต่อวิ๋นเฉิงเห็นภรรยาใหม่ของตนอยู่กับอดีตคู่หมั้นในห้องสองต่อสอง ก็ต้องโกรธแค้นและเกิดความร้าวฉานขึ้นแน่แต่ใครจะรู้ อวิ๋นเฉิงกลับไม่ทำตามที่คาดไว้เลย หนำซ้ำยังปกป้องหลินเซียงอี๋อย่างเต็มที่ด้วยอวิ๋นเฉิงใช้รูปร่างอันสูงใหญ่ ยืนปกป้องหลินเซียงอี๋อยู่ข้างๆ มองคนอื่นๆ ด้วยสายตาเย่อหยิ่ง “ท่านแม่ วันนี้เป็นวันกลับมาเยี่ยมบ้านของเซียงอี๋ เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา ข้าต้องไปถามท่านปู่ท่านย่าสักหน่อยแล้ว ว่าท่านอาสะใภ้รองดูแลจัดการบ้านช่องอย่างไร”“หรือคิดจะรังแกเซียงอี๋เพราะไม่มีใครหนุนหลัง?”สะใภ้แซ่หวังเห็นว่าอวิ๋นเฉิงจะเอาเรื่องไปฟ้องผู้ใหญ