“ได้จริงๆ หรือ”เย่ไห่ถังต้องการออกจากวังโดยเร็วที่สุด แต่ก็กลัวว่าอินชิงเสวียนจะหิว จะถูกเสด็จพี่ตำหนิเอาได้“ไม่มีปัญหา ข้ายังไม่หิวเท่าไหร่”อินชิงเสวียนกำชับอะไรสองสามคำ แล้วพาเย่ไห่ถังออกจากวังเมื่อมาถึงประตูจิ้งอาน ก็เห็นหลี่เต๋อฝูเดินนำนายหญิงยี่สิบคนเข้าแถวเพื่อออกไปข้างนอก ทุกคนร้องไห้โศกเศร้าเหมือนไปงานไว้ทุกข์เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า หลี่เต๋อฝูก็หันกลับมาพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “กระหม่อมถวายพระพรกุ้ยเฟย ถวายพระพรองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ”เย่ไห่ถังโบกมืออย่างอารมณ์ดี“ตามสบาย พวกนางจะออกจากวังแล้วหรือ”หลี่เต๋อฝูตอบว่า “ถูกต้อง ฝ่าบาทมีราชโองการลงมาแล้ว ให้กระหม่อมไปส่งเหล่านายหญิงออกจากวังวันนี้พ่ะย่ะค่ะ”เมื่อพูดตรงนี้ หลี่เต๋อฝูก็เหลือบมองอินชิงเสวียนฝ่าบาทสามารถทำเช่นนี้เพื่อกุ้ยเฟยได้ เรียกได้ว่าเสี่ยงต่อการไม่ยอมรับจากใต้หล้าจริงๆ หากพระสนมมีลูกชายหญิงหลายคนก็แล้วไปเถิด แต่ตอนนี้มีวังหลังมีองค์ชายน้อยเพียงคนเดียว เด็กน้อยเลี้ยงดูให้เติบใหญ่ได้ยาก หากเกิดอะไรขึ้น ฝ่าบาทมิต้องไร้ผู้สืบทอดบัลลังก์งั้นหรือถุยๆ!นี่เขากำลังคิดอะไรอยู่ โหราจารย์บอกว่าองค์ชายน้อยเป
อินชิงเสวียนตกใจเล็กน้อยนางเพิ่งคุยกับเย่จิ่งอวี้เรื่องของนักพรตเต๋าเสร็จ ก็ได้พบนักพรตเต๋าจำนวนมากมายพอดี คาดว่ามีประมาณสิบกว่าคนเมื่อมองดูเสื้อผ้าที่ซอมซ่อและเรียบง่ายของพวกเขา แต่ละคนมีรูปร่างผอมซูบ ดูเหมือนผ่านความยากลำบากมามาก แต่กลับมีชีวิตชีวา โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นที่เผยให้เห็นความสดใสและเงียบสงบนี่เป็นครั้งแรกที่อินชิงเสวียนได้พบนักพรตเต๋าพเนจรแบบนี้ ซึ่งแตกต่างจากนักบวชเหล่านั้นในวัดยุคปัจจุบันคนเหล่านี้เป็นนักพรตเซียนเต๋าที่สง่างามทุกคน สีหน้าและแววตาจริงจัง ทำให้คนเกิดความเคารพและยำเกรงโดยไม่รู้สาเหตุพวกเขาเดินผ่านอินชิงเสวียนไปอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ได้หยุดลงและยังคงเดินต่อไปด้านหน้า สายตาแน่วแน่และนิ่งสงบจนกระทั่งถึงนักพรตเต๋าน้อยผู้นั้นที่หน้าตาสะอาดและหล่อเหลา เมื่อเดินผ่านอินชิงเสวียนไปก็หันกลับมาเหลือบมองนางเมื่อสบสายตากัน อินชิงเสวียนก็ใจสั่นเล็กน้อยดวงตาคู่นั้นพิเศษอย่างแท้จริง สดใสราวกับกระจก ไม่แปดเปื้อนโคลนตม ใสสะอาดจนทำให้คนรู้สึกต่ำต้อยนักพรตเต๋าน้อยผู้นี้สูงส่งงดงาม เขายิ้มให้อินชิงเสวียนอย่างเป็นมิตร และเดินตามรอยเท้าของท่านอาจารย์ไปอิ
รองผู้อำนวยการเหลือบมองอินชิงเสวียน พูดและหัวเราะชอบใจว่า “คุณชายรองอินกำลังฝึกการต่อสู้ให้นักเรียนใหม่พร้อมกับคุณชายกวน ตอนนี้พวกเขาอยู่ด้านหลัง กระหม่อมจะพาเหนียงเหนียงและองค์หญิงเสด็จไปเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่ต้อง พวกข้าไปกันเองก็ได้”นับตั้งแต่อินชิงเสวียนไปจากเมืองหลวง เย่ไห่ถังก็ไม่ได้ออกจากวังอีกเลย ความคิดถึงทำให้นางลืมการวางตัว อย่างไรอินชิงเสวียนก็เป็นน้องสาวแท้ๆ ของอินปู้อวี่ ถูกนางหัวเราะเยาะก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนางรีบเดินไปยังเรือนด้านหลัง และได้พบกับอินปู้อวี่ที่ยืนอยู่บนแท่นฝึกการต่อสู้เขาเปลือยกายท่อนบน กำลังนำนักเรียนใหม่ฝึกซ้อมหมัดมวย เส้นกล้ามเนื้อที่แผ่นหลังยาวต่อเนื่องไม่สะดุด ผิวสีน้ำตาลแก่เปล่งประกายเป็นแสงสีทองจางๆ ภายใต้แสงแดดเย่ไห่ถังเพียงเหลือบมองก็รู้สึกว้าวุ่นหัวใจ จึงกำผ้าเช็ดหน้าไว้แน่นโดยไม่รู้ตัวกวนเซี่ยวนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้านข้าง กำลังพักผ่อนอยู่ เขาสวมเสื้อคลุมสั้นสีเทาและเปิดหน้าอกอยู่ คิดว่าคงเหนื่อยจึงนั่งตากลมเมื่อเห็นอินชิงเสวียนและเย่ไห่ถัง กวนเซี่ยวก็ตกใจในทันที รีบหยิบเสื้อมาปิดไว้และกระโดดลงมาจากแท่นฝึกซ้อม น้อมตัวพูดว
กวนเซี่ยวมองแววตาออก เมื่อเห็นอินชิงเสวียนเดินออกไป จึงเดินตามไปทันทีเดินมาเรื่อยๆ จนถึงหน้าห้องพักของพวกเขา อินชิงเสวียนจึงหยุดลงกวนเซี่ยวน้อมตัวพูดว่า “ท่านปู่บอกว่าเขามีอาการวิงเวียนศีรษะเล็กน้อย และปวดท้ายทอยมาก อาจเป็นเพราะเมื่อคืนนอนหลับไม่ดี หากว่าหวงกุ้ยเฟยยังมียาครั้งก่อนอยู่อีก กวนเซี่ยวอยากขอสักหน่อย เหนียงเหนียงได้โปรดประทานให้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”กวนเซี่ยวสะบัดชุดคลุมเตรียมจะคุกเข่าลง อินชิงเสวียนเอื้อมมือมาดึงเขาไว้“ข้ายังมียาอยู่ แต่ยาเหล่านั้นรักษาตามอาการ ไม่ใช่การรักษาที่ต้นเหตุ อีกสักครู่ข้าจะไปเยี่ยมที่จวน ดูว่าอัคราจารย์ยังมีอาการอื่นอีกหรือไม่”“อาการอื่น?”กวนเซี่ยวเงยศีรษะขึ้นด้วยความตื่นตกใจอินชิงเสวียนพูดปลอบใจว่า “เจ้าอย่าคิดฟุ้งซ่านไป อัคราจารย์เป็นผู้ฝึกการต่อสู้มายาวนาน ร่างกายของเขาไม่มีปัญหาอะไรหรอก บางทีเขาอาจโกรธข้าอยู่ ข้าควรจะไปแสดงความขอโทษด้วยตัวเอง”กวนเซี่ยวเข้าใจในสิ่งที่อินชิงเสวียนพูด ซึ่งก็คือเรื่องที่ฟางรั่วเข้ามาในโรงเรียนสอนการต่อสู้ ท่านผู้เฒ่าไม่พอใจต่อเรื่องนี้อย่างมาก“ความจริง เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของหวงกุ้ยเฟยเลย ท่า
เย่ไห่ถังวิ่งไม่เร็วมากนัก ในใจหวังว่าอินปู้อวี่จะยื้อตัวเองไว้ แต่นางก็ต้องผิดหวังเมื่อหันกลับไปแอบมอง อินปู้อวี่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมอย่างงุนงง“ช่างซื่อบื้อเสียจริง!”เย่ไห่ถังเตะหินบนพื้นด้วยความโกรธ จึงวิ่งไปที่ลานด้านหน้าโดยไม่หันกลับมาอีกเลยอินชิงเสวียนกำลังพูดคุยอยู่กับกวนเซี่ยว เมื่อเห็นเย่ไห่ถังวิ่งออกมาด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ จึงเกิดความสงสัยอย่างอดไม่ได้ หรือพี่รองแสนซื่อบื้อของนางเปิดหูเปิดตาแล้ว และมีเรื่องบางอย่างที่ใกล้ชิดกันเกิดขึ้นกับเย่ไห่ถัง? “เสด็จพี่สะใภ้ พวกเรากลับกันเถอะ ที่นี่ไม่มีอะไรน่าดูหรอกเพคะ”เย่ไห่ถังดึงมืออินชิงเสวียนเดินออกไปด้านนอกทันที อินชิงเสวียนทำได้เพียงพูดกับกวนเซี่ยวว่า “ฝากบอกฟางรั่วแทนข้าด้วย วันหลังข้าจะมาเยี่ยมนางใหม่”กวนเซี่ยวรีบโน้มตัวแสดงความเคารพ“พ่ะย่ะค่ะ กวนเซี่ยวเชิญเสด็จหวงกุ้ยเฟย เชิญเสด็จองค์หญิงไห่ถัง”เมื่อออกจากประตูของโรงเรียนสอนการต่อสู้ อินชิงเสวียนก็ถามด้วยความแปลกใจ“ทำไมหรือ หรือว่าพี่รองของข้าล่วงเกินท่าน?”เย่ไห่ถังหน้าแดงเล็กน้อย นางเบ้ปากเล็กสีแดงสดแล้วพูดว่า “ล่วงเกินอะไรกันเล่า เขาเหมือนกับก้อน
กวนฮั่นหลินยื่นแขนออกมาอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง อินชิงเสวียนเปิดกล่องออกมาอย่างเป็นระเบียบ นำสายคาดรัดไว้ที่แขนของกวนฮั่นหลินเมื่อกดปุ่มอิเล็กทรอนิกส์ สายรัดจะสูบลมเข้ามาทันทีและจะนูนขึ้นอย่างรวดเร็วเย่ไห่ถังรู้สึกประหลาดใจอย่างอดไม่ได้เสด็จพี่สะใภ้เป็นเทพลงมาจุติหรือไม่ เหตุใดจึงมีของแปลกประหลาดเยอะแยะไปหมดกวนฮั่นหลินกลับรู้สึกตื่นตกใจเล็กน้อย รู้สึกราวกับว่าของสิ่งนั้นจะบีบแขนของเขาออกเป็นสองท่อน หากไม่ใช่เพราะรู้ว่าอินชิงเสวียนไม่มีทางทำร้ายตัวเอง เขาคงใช้ฝ่ามือสับของสิ่งนี้ออกเป็นสองท่อนไปนานแล้วโชคดีที่ความรู้สึกบีบอัดนั้นมีอยู่ไม่นาน เพียงไม่กี่อึดใจก็ค่อยๆ หดตัวกลับไป ค่าที่เกี่ยวข้องก็ปรากฏขึ้นบนเครื่องวัดความดันโลหิตด้วยค่าต่ำ70 ค่าสูง170 ค่าความดันนี้ทำให้น่าตกใจอย่างมาก โดยเฉพาะความดันที่มีค่าต่างกันมากเป็นพิเศษ จำได้ว่าหมอที่โรงพยาบาลบอกว่า ผู้สูงอายุที่มีความดันต่างกันมาก ส่วนใหญ่จะมีภาวะสมองตาย ท่านผู้เฒ่ากวนอายุมากขนาดนี้แล้วจึงไม่อาจเลี่ยงได้แต่ว่า หากไม่ได้ใช้เครื่องวัดค่าอย่างละเอียดก่อน อินชิงเสวียนก็ไม่กล้าจ่ายยาให้เขามั่วซั่ว จึงหยิบยาลดควา
ณ ริมชายฝั่งการก่อสร้างเรือขนาดยักษ์ได้เข้าสู่ตอนท้ายแล้วนับตั้งแต่วันนั้นที่เย่จิ่งหลานได้แสดงอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ ทุกคนก็เลื่อมใสศรัทธาเขามากขึ้นไม่แปลกใจที่หอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์รับเขาเป็นศิษย์ และยังส่งฮวาเชียนมาเป็นผู้ช่วย อีกทั้งหนังสือล้ำค่ามากมายที่ได้เห็นในมิติวันนั้น ทั้งหมดนี้บ่งชี้ว่าตัวตนของคุณชายน้อยเย่ผู้นี้ไม่ธรรมดาสามัญยิ่งไม่ต้องพูดถึงชีวิตความเป็นอยู่ที่มีในทุกวันนี้ ล้วนเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน อีกทั้งเย่จิ่งหลานยังรักษาอาการป่วยได้ ประชาชนจำนวนมากที่กลับมาเป่ยไห่ก็ได้รับการรักษาจากเขา ชาวบ้านที่ได้รับความเมตตาจากเขาก็มาช่วยเหลือด้วยตัวเองเช่นกันเมื่อเห็นว่ากองกำลังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เย่จิ่งหลานก็พึงพอใจอย่างมากความจริงแล้ว ความตั้งใจเดิมของเขาไม่ได้สูงส่งขนาดนั้น เขารักษาโรคให้ประชาชนก็เพียงเพื่อให้ได้คะแนนมากขึ้น และให้หลักประกันที่มากขึ้นกับตัวเอง แต่เมื่อเขาเห็นชาวบ้านธรรมดาเหล่านี้ช่วยสร้างเรือตลอดวันและคืน ในใจของเขาก็รู้สึกซาบซึ้งมากขึ้นบางทีอินชิงเสวียนอาจพูดถูก เพราะเขาใช้ชีวิตของตัวเองแบ่งแยกมากเกินไป ขอเพียงยินดีที่จะให้ จ
“หา?”ฮั่วเทียนเฉิงแปลกใจเล็กน้อย“สิ่งที่ได้เห็นตามทาง สำนักต่างๆ ถอยออกไปหมด ประชาชนก็กลับมายังตงไห่แล้ว เหตุใดจึงยังไม่จบลงอีก?”เย่จิ่งหลานลุกขึ้นยืนและถอนหายใจพูดว่า “สงครามครั้งนี้ฆ่าผีแคระตงหลิวตายไปจำนวนไม่น้อย แต่ก็มีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่ข้ามทะเลหนีกลับไปได้”เขามองไปยังด้านหน้า แสดงสีหน้ารำพึงฟ้าเวทนาคนออกมา“เคยได้ยินหรือไม่ว่า ไฟป่าเผาผลาญแต่ไม่สูญสิ้น ลมวสันต์จะพัดโบกปลุกชีวิตฟื้น! เกรงว่าไม่ถึงยี่สิบปี ก็จะมีชาวตงหลิวอีกกลุ่มที่ขึ้นบกมาล้างแค้น พวกข้าอยู่ที่เป่ยไห่ก็เพื่อทำลายล้างตงหลิวให้สิ้นซาก และกำจัดหายนะที่จะเกิดขึ้นในภายหลังกับประชาชนเป่ยไห่”ฮั่วเทียนเฉิงพยักหน้า“เช่นนี้นี่เอง”เขาเหลือบมองลูกศิษย์แต่ละสำนักที่กำลังยุ่งวุ่นวายอยู่ที่ริมชายฝั่ง เขาเข้าใจแล้วว่าคนเหล่านี้อาจถูกเลือกจากสำนักต่างๆ เพื่อตามเก็บงานในภายหลัง หากไม่ใช่เพราะเขามีธุระติดตัว คงยินดีที่จะร่วมออกทะเลไปกับเย่จิ่งหลาน และทำสิ่งดีๆ ให้แก่ชาวบ้านธรรมดาเหล่านี้น่าเสียดายที่ตำหนักเทพหอทองคำและเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงจะประลองยุทธ์กันในไม่ช้า ฮั่วเทียนเฉิงจึงไม่มีเวลาว่างมาเล่นสนุกนั
ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท
ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ
เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ
ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ
เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก
“ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว
“ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ
“เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี