เย่จิ่งอวี้ไล่ตามไปสองก้าว แล้วก็หยุดคนที่มามีวิชาตัวเบาไม่ธรรมดา ย่อมต้องมีวรยุทธ์ล้ำเลิศอยู่แล้ว เป็นเรื่องยากที่จะจัดการกับตู้เยี่ยนแค่คนเดียวอยู่แล้ว ถ้ามีอีกคนมาเพิ่ม โอกาสที่จะชนะก็ยังมีน้อยมากแม้ว่าจะเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ตู้เยี่ยนหนีไปได้ แต่โชคดีที่เขาค้นพบตัวตนของเขาได้ ดังนั้นจึงไม่ไร้ประโยชน์เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เย่จิ่งอวี้ก็ไม่รอช้าอีกต่อไป ใช้วิชาตัวเบากลับไปที่หอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์การนั่งเงียบๆ ข้างน้ำพุวิญญาณในช่วงที่ผ่านมา ได้พัฒนาอุปนิสัยของเขาอย่างมาก ทำให้ความตั้งใจแน่วแน่ แน่นอนว่าความช่วยเหลือที่ใหญ่ที่สุดคือหยกเย็นชิ้นนี้ของเสวียนเอ๋อร์ ซึ่งทำให้เขาสามารถรักษาความประจักษ์ชัดแจ้งไว้ได้ตลอดเมื่อมาถึงป่าไผ่ เขามีความสุขมากจริงๆ แต่เมื่อได้ยินเสียงขลุ่ย เขาก็ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติตู้เยี่ยนสอนวรยุทธ์ให้เขามาหลายปี แต่ไม่เคยเล่นดนตรีให้เขาฟังเลย การหลีกเลี่ยงไม่ยอมพบหน้าของเขา ยิ่งทำให้เย่จิ่งอวี้เคลือบแคลงสงสัยซึ่งก็เป็นอย่างที่คาด เสียงขลุ่ยเปลี่ยนไปในไม่ช้า เย่จิ่งอวี้ก็แสร้งทำเป็นว่าสูญเสียการควบคุม ก็เพื่ออยากเห็นว่าคนที่อยู่ในป่าคือตู้เยี่ยนจร
โมริตะคาวาสึบาเมะไม่คาดคิดว่าตู้เยี่ยนจะลงมือโจมตีตัวเอง แม้ว่าเขาจะหลบได้เร็วพอ แต่ก็ยังถูกวิชาฝ่ามือของตู้เยี่ยนเข้าจนได้ตู้เยี่ยนกลับสับขาหลอก ใช้โอกาสนี้หลบหนีเส้นทางบนภูเขานั้นขรุขระและซับซ้อน โมริตะคาวาสึบาเมะก็ไม่กล้าตามไปอย่างหุนหันพลันแล่น ได้แต่ก่นด่าด้วยความโกรธ“บากะ เศษสวะไม่รู้ชั่วดี!”คราวหน้าถ้าเจออีก จะบดขยี้เขาเป็นชิ้นๆโมริตะคาวาสึบาเมะสาปแช่งอีกหลายคำ ก่อนจะมุ่งหน้ากลับไปที่โรงเตี๊ยมท่ามกลางสายลมยามค่ำคืนในเมื่อไม่สามารถดึงมาเป็นพวกได้ จึงทำได้เพียงดำเนินการตามแผนเดิม ไปเยี่ยมหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์พร้อมเทียบเชิญในเช้าวันพรุ่งนี้ค่ำคืนผ่านไปอย่างรวดเร็วเมื่ออินชิงเสวียนตื่นขึ้นมา เย่จิ่งอวี้ก็นอนอยู่ข้างๆ ตัวเองแล้วเขาหันข้าง คิ้วรูปดาบขมวดมุ่นเล็กน้อย จนคิ้วแทบจะชนกัน แสงแดดยามเช้าสะท้อนเป็นวงเล็กๆบนใบหน้าครึ่งหนึ่งของเขา ทำให้โครงหน้าหล่อเหลาลุ่มลึกอินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะยื่นนิ้วออกมา แตะคิ้วของเย่จิ่งอวี้เบาๆ ขนตาของเย่จิ่งอวี้ขยับเล็กน้อย และคิ้วของเขาก็คลายออกอย่างช้าๆเขาอุตส่าห์นอนหลับสนิทขนาดนี้ อินชิงเสวียนไม่ต้องการรบกวนเขา จึงดึงผ้าห่ม
ทั้งสองเข้าไปล้างหน้าแปรงฟันในมิติ เย่จิ่งอวี้คุ้นเคยกับการใช้แปรงสีฟันและยาสีฟันแล้ว มีดโกนก็ใช้ได้อย่างคล่องแคล่วเมื่อออกจากวัง ทำทุกอย่างด้วยตัวเอง เป็นประสบการณ์ที่แตกต่างสำหรับเย่จิ่งอวี้หลังจากล้างหน้าล้างตาแล้ว ทั้งสองก็แลกหม้อไฟเล็กๆ ที่ทำความร้อนได้เองมาสองหม้อ และแลกเครื่องเคียงจากร้านค้าสะสมคะแนน ไปปรุงกินอย่างง่ายๆ บนพื้นหญ้าเมื่อออกมา ฮวาเชียนและลูกศิษย์คนอื่นต่างก็ยุ่งกันอยู่“มีคนมาเยี่ยมหรือ”อินชิงเสวียนเข้าไปช่วย แล้วถือโอกาสถามระหว่างที่เดินฮวาเชียนยิ้มกล่าวว่า “เป็นศิษย์ที่ได้รับการแนะนำจากเพื่อนเก่าของเจ้าสำนัก ไม่มีที่พัก จึงมาอยู่ที่นี่สักพักหนึ่ง”ขณะที่กำลังพูด โมริตะคาวาสึบาเมะก็เดินออกจากห้องข้างๆ “สวัสดีแม่นางฮวา ท่านนี้คือ...”ฮวาเชียนแนะนำ “เรียกว่าแม่นางอินก็ได้ นี่คือหลานสะใภ้ของเจ้าสำนักเซี่ยว นี่คือศิษย์ของนักพรตเทียนจี เถียนเซินหลิน”“สวัสดีจอมยุทธ์เถียน”อินชิงเสวียนมองประเมินแวบหนึ่ง แล้วถอนสายตาคืนดวงตาของโมริตะคาวาสึบาเมะกวาดมองทั่วตัวอินชิงเสวียน ผู้หญิงคนนี้เป็นเด็กบ้านั่นที่สามารถเล่นพิณการเวกได้ ถ้าไม่สามารถทำลายพิณได้ เช่นนั
เย่จิ่งหลานรีบไปชายหาด ไม่สนใจสีหน้าของหวังซุ่นสิบห้านาทีต่อมา ทั้งสองก็มาถึงชายหาดเมื่อมองดูสิ่งของขนาดใหญ่ที่นอนอยู่บนท่าเรือ โมริตะคาวาสึบาเมะก็อดไม่ได้ที่จะสูดอากาศเย็นๆ เข้าปอดหากสามารถสร้างเรือขนาดใหญ่เช่นนี้ได้ การบรรทุกคนหลายร้อยคนก็ไม่ใช่ปัญหาโชคดีที่เขามาที่เป่ยไห่ หากปล่อยให้พวกเขาสร้างสิ่งนี้ขึ้นมาจริงๆ พวกเขาอาจจะโจมตีเกาะตงหลิวได้ในคราวเดียวชาวจงหยวนเหล่านี้ จะมองข้ามง่ายๆ ไม่ได้เด็ดขาดอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือ คนที่ต่อเรือเป็นเด็กเปรตนี่ที่อยู่ตรงหน้าเขาจริงๆไม่คาดคิดว่าเขามีที่อายุยังน้อย จะมีความสามารถเพียงนี้ ถ้าโตขึ้น จะเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งมากอย่างแน่นอนเมื่อมองไปที่เย่จิ่งหลานซึ่งเป็นผู้คุมงานก่อสร้าง ดวงตาของโมริตะคาวาสึบาเมะก็เป็นประกายเยือกเย็นเย่จิ่งหลานดูเหมือนจะรู้สึกได้ เขามองย้อนกลับไปก็เห็นพวกเขากำลังช่วยขนของ จึงหันความสนใจไปที่แบบแปลนอีกครั้งวันทั้งวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว และในชั่วพริบตา พระอาทิตย์ก็เคลื่อนคล้อยไปทางทิศตะวันตกแล้วเมื่อคิดว่าพรุ่งนี้เป็นตรุษจีน เย่จิ่งหลานก็แจ้งให้ทุกคนเลิกงานเร็ว รอวันตรุษจีนพรุ่งนี้จากน
เจ้าของมือเป็นคุณชายรูปงาม อายุประมาณยี่สิบปีต้นๆ ใบหน้าราวกับหยก และหล่อเหลาอย่างยิ่ง ด้านหลังเขาเป็นเด็กรับใช้อายุสิบห้าสิบหกปีทั้งสองหยิบเชือกปมผูกรักขึ้นมาพร้อมกัน คุณชายผู้นั้นผลิยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “สุภาพบุรุษไม่พรากของชอบของผู้ใด ในเมื่อพี่ชายก็ชอบเช่นกัน ข้าจะไปดูอย่างอื่น”เย่จิ่งอวี้ก็ไม่ชอบเป็นพิเศษ แค่รู้สึกว่าอุตส่าห์ได้ออกมาทั้งที อย่างไรก็ต้องซื้อของเล็กๆ น้อยๆ ให้หญิงสาวบ้าง เพื่อจะได้แสดงถึงความในใจขณะที่กำลังจะปล่อยมือไปเลือกของอย่างอื่น ก็ได้ยินคุณชายผู้นั้นพูดอย่างดีใจ “แม่นางอิน เจ้าก็ออกมาเดินตลาดกลางคืนเหมือนกันงั้นหรือ”อินชิงเสวียนไม่คาดคิดว่าจะได้พบกับเฮ่อฉางเฟิงที่นี่ นางพูดด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฮ่อนี่เอง ข้ากับสามีกำลังจะไปเยี่ยมเจ้าที่โรงเตี๊ยม”เมื่อเห็นหญิงสาวยิ้มสดใสราวกับดอกไม้ เย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกหึงอยู่หน่อยๆ หลังจากได้ยินนางแนะนำเช่นนี้ ก็ยกยิ้มมุมปากขึ้นมาเขาประกบมือคำนับแล้วพูดว่า “ที่แท้ผู้นี้คือคุณชายเฮ่อที่ภรรยาข้าเอ่ยถึงมาตลอด ขอคำนับแล้ว”เฮ่อฉางเฟิงเหลือบมองเย่จิ่งอวี้ แม้ว่าจะเป็นบุรุษเช่นกัน แต่เฮ่อฉางเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะแอบชื่
ครั้นดวงตาทั้งสองคู่สบกัน ชายวัยกลางคนก็รีบหลบสายตาอินชิงเสวียนไม่สนใจ ในเหลาสุรามีผู้คนมากมาย จะมีคนสอดส่ายสายตามองไปทั่วก็เป็นเรื่องปกติ แต่แล้วทันใดนั้นก็เห็นลูกค้าจอมยุทธ์หญิงสองคนนั่งดื่มสุราอยู่ที่ประตู ท่าทางใจกล้า ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาในใจในยุคศักดินาแบบนี้ มักไม่ค่อยได้เห็นภาพเช่นนี้นักในขณะที่ชื่นชมอยู่นั้น ก็มีสตรีอีกสองคนเดินขึ้นไปบนชั้นสองเมื่อเห็นรูปร่างหน้าตาของพวกนางอย่างชัดเจน อินชิงเสวียนก็ตะลึงงันไปชั่วขณะเป็นฉุยอวี้กับเฟิงเอ้อร์เหนียง!หญิงผู้นี้เปิดกิจการเรือนจุ้ยหงในเมืองหลวงไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงปรากฏตัวที่เป่ยไห่ และทำไมถึงอยู่กับฉุยอวี้?หรือว่าสองคนรู้จักกันอยู่แล้ว?เมื่อพิจารณาว่าสำนักเซียวเหยามุ่งเน้นไปที่การบ่มเพาะร่างกายและจิตวิญญาณ การที่เฟิงเอ้อร์เหนียงผู้เป็นเถ้าแก่หอนางโลมจะรู้จักกับฉุยอวี้ก็ไม่แปลกฉุยอวี้และเฟิงเอ้อร์เหนียงหาที่นั่งริมหน้าต่าง สองคนสั่งเนื้อวัวสองจิน และสุรารสแรงสองกา แล้วต่างคนก็ต่างกินข้าวเมื่อเห็นฉุยอวี้และเฟิงเอ้อร์เหนียงสองคน สีหน้าของชายวัยกลางคนที่มองอินชิงเสวียนก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เป็นพวกนางจริงๆ พอจะมาก็ม
“ฮะ คุณชายรู้จักเขาด้วย?”หยวนเป่าชะโงกหน้าเข้ามาดูใกล้ๆ แล้วก็ร้องตกใจออกมาทันทีผู้ชายคนนี้ดูเหมือนโครงกระดูก น่ากลัวจริงๆ เฮ่อฉางเฟิงไม่สนใจหยวนเป่า เขาก้มลง ดึงผ้าสีดำบนร่างของชายคนนั้นออก เผยให้เห็นหน้าอกที่แนบเนื้อถึงกระดูก บริเวณกลางอกยังมีรอยประทับสีเขียวของนิ้วโป้งยาวหยวนเป่าเข้ามาดู อดไม่ได้ที่จะพูดด้วยความประหลาดใจ “นี่...นี่คือเจ็ดสิ่งต้องห้ามของเจ้าเมือง! คุณชาย หรือว่า...เขาจะคือรองเจ้าเมืองตู้?”เฮ่อฉางเฟิงปล่อยมือ นัยน์ตาทั้งคู่ปรากฏเมฆดำเคลือบคลุม“คิดไม่ถึงว่าเขายังมีชีวิตอยู่ ข้ากลัวว่าเขาจะยังมีชีวิตอยู่ในอนาคต”หยวนเป่ามองไปที่เฮ่อฉางเฟิงด้วยสีหน้าประหลาดใจ“คุณชายหมายความว่าอย่างไร รองเจ้าเมืองตู้เขา...เขาตายไปแล้วไม่ใช่หรือ ทำไมยังมีชีวิตอยู่”หยวนเป่าเหลือบมองไปมาหลายครั้ง แล้วถามว่า “รองเจ้าเมืองตู้เลื่องชื่อเรื่องหล่อเหลา เหตุใดถึงกลายเป็นเช่นนี้”เฮ่อฉางเฟิงขมวดคิ้วกล่าวว่า “เจ้าก็พูดถึงเจ็ดสิ่งต้องห้ามแล้ว ทำไมยังถึงถามโง่ๆ อีก”แล้วจึงพึมพำต่อว่า “แผนจักจั่นลอกคราบ ตายเพื่อเกิดใหม่...”เมื่อพูดไปได้ครึ่งทาง เขาก็หันกลับมา หยวนเป่าที่มีสีหน้าหว
เมื่อผ้าสีดำหล่นลง ใบหน้าซูบตอบก็โผล่ออกมาจากผ้า ริมฝีปากอ้าออกเล็กน้อย ดวงตาถลน สภาพการตายนั้นเป็นที่น่าสังเวชมากเจ้าสำนักเซี่ยวผงะ“นี่คือ...วางคนลงเดี๋ยวนี้”เขาซัดฝ่ามือใส่เสี่ยวหยวนเป่า เสี่ยวหยวนเป่าร้องว้ากออกมา รีบหลบจากมือทันทีแต่เจ้าสำนักเซี่ยวได้จับตัวคนไว้แล้วเมื่อเห็นสีหน้าไร้ปรานีของชายชรา เสี่ยวหยวนเป่าก็รู้ว่าคนผู้นี้หาเรื่องไม่ได้ จึงตะโกนไปด้านหลังเจ้าสำนักเซี่ยวว่า “อาจารย์ เหตุใดท่านถึงเพิ่งมาขอรับ”ยอดฝีมืออย่างเจ้าสำนักเซี่ยวจะถูกหลอกด้วยการโกหกง่ายๆ เช่นนี้ได้อย่างไร เขาคำรามเสียงเย็น“อุบายของเด็กสามขวบ ยังกล้านำมาเล่นต่อหน้าข้า มาให้ข้าดูหน่อย ว่าเจ้าเป็นใครกันแน่”เมื่อเห็นชายชราพยายามดึงผ้าปิดหน้าออก เสี่ยวหยวนเป่าดีดเท้าเหาะถอยกลับ แล้วตะโกนเสียงดังอีก “อาจารย์หยุดแอบได้แล้ว รีบมาช่วยข้าทีขอรับ”เจ้าสำนักเซี่ยวอุทานเอ๊ะอย่างอดไม่ได้ วิชาตัวเบานี้มาจากสำนักใด ทำไมไม่เคยเห็นมาก่อนขณะที่กำลังลังเล เสี่ยวหยวนเป่าก็แอบย่องหนีไปแล้วเจ้าสำนักเซี่ยวหัวเราะเพราะโมโห สะบัดเสื้อคลุมพรึบ แล้วร่างนั้นก็ติดตามไปเหมือนเงา“เด็กน้อย คิดหรือว่าเจ้าจะรอดพ้นเง