อาซือหลานก็มองเห็นอินชิงเสวียนเช่นกันชุดกระโปรงพับกลีบสีชมพูเข้าคู่กับสาวน้อยที่มีความสวยบริสุทธิ์และอ่อนโยน สง่างามและมีเสน่ห์ ราวกับดอกลิลลี่ที่กำลังเบ่งบาน งดงามไม่ซ้ำใคร หยิ่งในศักดิ์ศรีจนยากจะเอื้อมถึงเขากระตุกมุมปากขึ้นมาอย่างไม่อาจห้ามใจได้ ในหัวใจก็ผุดความหวังลึกๆ ขึ้นมาเมื่อมองเย่จิ่งอวี้ที่อยู่ข้างกายของนาง รอยยิ้มของอาซือหลานก็หุบลง ดวงตาราวกับงูพิษที่แสดงความแค้นจนไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้เป็นเพียงแค่สุนัขฮ่องเต้ แทบไม่มีคู่ควรจะยืนข้างกายอินชิงเสวียนเลยด้วยซ้ำ เขาเหมาะสมที่จะเป็นคู่ครองของชิงเสวียนมากกว่าเสียอีก มีเพียงแค่เขาที่สามารถมอบความสุขอันยิ่งใหญ่ที่สุดให้แก่อินชิงเสวียนได้ในหัวสมองมีเค้าโครงภาพแบบนั้นแบบนี้ อาซือหลานรู้สึกถึงอาการร้อนวูบวาบในท้อง และนิ้วมือก็สั่นเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้เมื่อรู้สึกถึงดวงตาทั้งสองข้างที่จ้องมองมาที่ตัวเอง อินชิงเสวียนก็รู้สึกขนลุกทั่วทั้งตัวขึ้นมาในทันที สุนัขชั้นต่ำ วันนี้ก็คือวันตายของเจ้า!เจ้าสำนักเซี่ยวนั่งลงด้านข้างของเฮ่ออวิ๋นทง“เมื่อวานสำนักกระบี่สังหารเกิดการสูญเสียอะไรบ้าง?”เฮ่ออวิ๋นทงพูดด้วยจิตวิญญาณที
กวนเซี่ยวตกใจเล็กน้อย ไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไรในเวลาสั้นๆ อีกทั้งเขายังไม่เชื่อคำพูดของผู้หญิงคนนี้หญิงสาวเห็นว่าเขาไม่พูดจา จึงค่อยๆ พูดโน้มน้าว “เจ้าคงจะเป็นลูกศิษย์ของสำนักใดสำนักหนึ่งสินะ ในเมื่อเป็นชาวยุทธภพ ก็ไม่มีผู้ใดที่ไม่ปรารถนาในอำนาจ ขอเพียงมีอำนาจคับฟ้า ผู้หญิงทุกคนต่างแย่งกรูกันเข้าไป ผู้ที่เคยเหยียบย่ำเจ้าไว้ใต้ฝ่าเท้าในอดีต จะเงยหน้าขึ้นและมองดูเจ้าซึ่งอยู่เหนือกว่า เจ้ามีความเห็นอย่างไรบ้าง?”แม้ว่าผู้นี้จะเป็นคนที่สุนัขชั้นต่ำส่งมาก็ไม่เป็นไร ขอเพียงสามารถช่วยนางปลดจากโซ่เหล็กได้ นางก็จะได้เห็นเดือนเห็นตะวันอีกครั้งเมื่อนึกถึงฟางรั่ว กวนเซี่ยวก็รู้สึกใจเต้นเล็กน้อยแต่กลับถามออกมาอย่างอดไม่ได้“ผู้ใดจับท่านมาขังไว้ที่นี่ และผู้ที่สวมรอยเป็นท่านคือผู้ใดกัน?”หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงเคียดแค้นว่า “มันคือสัตว์เดรัจฉานที่แฝงตัวเข้ามาในสำนักเซียวเหยา เขามีนิสัยดุร้ายและเจ้าเล่ห์ มีไฝน้ำตาอยู่ที่มุมตาของเขา สิ่งที่ข้ารู้เกี่ยวกับเขาก็มีเพียงเท่านี้”เมื่อได้ยินคำว่าไฝน้ำตา กวนเซี่ยวก็หายใจถี่ขึ้น“เขามีอายุราวยี่สิบกว่าปี หน้าตาหล่อเหลา ไฝน้ำตาอยู่ที่มุมตาซ้ายใ
อินชิงเสวียนจึงทำการแลกทักษะห้าสิบห้าสิบ ไม่ว่าอย่างไรวันนี้จะต้องฆ่าตัวหายนะนี่ให้ตายเมื่อเห็นอินชิงเสวียนโจมตีตัวเอง อาซือหลานก็ดีใจมากในการรับรู้ของเขา อินชิงเสวียนเป็นผู้ที่อ่อนแอที่สุดท่ามกลางคนเหล่านี้อย่างไม่ต้องสงสัย ตราบใดที่สามารถจัดการนางได้ ก็จะสามารถใช้นางกดดันเจ้าสำนักเซี่ยว เพื่อหนีไปจากที่นี่จากนั้นก็รีบรวบรวมกำลังภายในไว้ที่ฝ่ามือขวา และพูดเสียงเหยาะแหยะว่า “หากชิงเสวียนยอมฝังร่างไปพร้อมกับข้า ข้าจะยอมตายเพื่อเจ้าในทันที”เมื่อสิ้นเสียงลง ก็รู้สึกว่ากำลังที่ทรงพลังยิ่งใหญ่โจมตีมาจากฝ่ามือของอินชิงเสวียน อาซือหลานรู้สึกเจ็บหน่วงที่หน้าอก แม้ว่าเขาจะพยายามที่จะอดกลั้นเอาไว้ แต่เลือดสดก็ยังไหลออกมาจากมุมปากสีหน้าก็ซีดขาวในทันทีเหตุใดแม้แต่อินชิงเสวียนก็มีศักยภาพมากพอที่จะต่อสู้กับเขาได้ พวกเขาแอบทำกลอุบายอะไรใส่ตัวเองกันแน่? อินชิงเสวียนก็กระอักเลือดออกมาเต็มปากเช่นกัน ความสามารถทักษะห้าสิบห้าสิบของนางทักษะนี้ เมื่อเจอศัตรูที่มีความแข็งแกร่ง ตัวเองก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น แต่ก็มีข้อเสียเช่นกัน หากศัตรูได้รับความบาดเจ็บอย่างไร นางก็จะได้รับเช่นกันแต่
เจ้าสำนักเซี่ยวหันกลับไปพร้อมฝ่ามือภายใต้ความโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ พลังอานุภาพจึงน่าสะพรึงกลัวอย่างมากเมื่อสองฝ่ามือปะทะกัน ลมแรงก็ถูกกระตุ้นขึ้นมาในทันทีอินชิงเสวียนตามมาด้านหลัง และจำได้ว่าเขาคือผู้ที่ลักพาตัวของตัวเองมา“ผู้อาวุโสเซี่ยว เขานี่แหละ!”นางตะโกนเสียงดัง แลกทักษะห้าสิบห้าสิบอีกครั้ง และฟาดไปยังด้านหลังของชายชุดดำชายชุดดำถูกกำลังภายในอันมหาศาลของเจ้าสำนักเซี่ยวปะทะจนถอยหลังไปหลายก้าว และหลบจากการโจมตีของอินชิงเสวียนได้อย่างหวุดหวิด“เจ้าคือใครกันแน่? เหตุใดต้องทำร้ายอวี้เอ๋อร์เช่นนี้ด้วย?”เจ้าสำนักเซี่ยววางเย่จิ่งอวี้ลง และคุ้มกันเขาไว้ด้านหลังของตัวเอง ดวงตาคู่หนึ่งจ้องไปที่ชายชุดดำอินชิงเสวียนฉวยโอกาสนี้มาอยู่ข้างกายเย่จิ่งอวี้“อาอวี้ ท่านรีบตื่นขึ้นมาสิ!”เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นข้างหู สายตาของเย่จิ่งอวี้ค่อยๆ ฟื้นสู่ความปกติเขาจับมือที่เย็นเล็กน้อยของอินชิงเสวียน และพูดปลอบใจว่า “เสวียนเอ๋อร์ไม่ต้องกลัว ข้าไม่เป็นไร”เมื่อเห็นว่าเขายังจำตัวเองได้ อินชิงเสวียนก็ถอนหายใจออกมาเบาๆระหว่างที่ทั้งสองพูดคุยกันนั้น เจ้าสำนักเซี่ยวปะทะฝ่ามือกับเข
จังอวี้จิ่นยิ้มแล้วพูดว่า “การได้ฉลองปีใหม่ที่ริมทะเลก็ดีเช่นกันนะเพคะ แม้ว่าหม่อมฉันจะเกิดอยู่ในหมู่บ้านประมง แต่ก็เคยเห็นเพียงแค่แม่น้ำ ไม่เคยได้เห็นทะเลที่กว้างใหญ่เช่นนี้มาก่อนเลยเพคะ”“ทะเลเป็นสถานที่ที่ทำให้ผู้คนรู้สึกโล่งใจ เพียงแต่น่าเสียดายที่ช่วงนี้ยังไม่สงบ ข้าจึงไม่มีทางพาพวกเจ้าไปเล่นที่ริมทะเล”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ อินชิงเสวียนรู้สึกเสียดายเล็กน้อยเมื่อลองคิดดูอีกครั้ง ชาวตงหลิวพ่ายแพ้ติดต่อกันหลายครั้ง แม้ว่าจะหวนกลับคืนมาอีกก็ต้องใช้เวลาอีกสักพัก สองวันนี้น่าจะยังปลอดภัยอยู่“วันนี้ตอนบ่าย พวกเจ้าทั้งสองตามฝูอี้อ๋องออกไปเล่นสิ!”เมื่อสิ้นเสียงของอินชิงเสวียน เย่จิ่งหลานก็วิ่งออกมาจากห้อง“อินชิงเสวียน ดูเหมือนว่าข้าจะมีกำลังภายในบ้างแล้ว”อินชิงเสวียนไม่ค่อยอยากเชื่อ เพราะว่าเขาเพิ่งได้วิชากำลังภายในมาเมื่อวานนี้“จริงหรือ?”เย่จิ่งหลานพยักหน้าด้วยใบหน้าที่ตื่นเต้นดีใจ“หรือว่าเจ้าจะลองให้ข้าฟาดฝ่ามือดูล่ะ?”อินชิงเสวียนรีบปฏิเสธในทันที“ข้าไม่มีวิชาการต่อสู้ เจ้าไปฝึกซ้อมกับหวังซุ่นเถอะ อ้อ จริงด้วย อาซือหลานตายแล้วนะ”“เขา... ตายแล้วจริงหรือ
ไม่รู้ว่าเมื่อใดที่พระจันทร์ขึ้นอย่างเงียบๆ แสงจันทร์ที่สว่างไสวสะท้อนกับผิวน้ำทะเล พื้นผิวสีฟ้าครามของน้ำทะเลดูเหมือนจะถูกเคลือบด้วยแสงสีเงินจางๆฟางรั่วนั่งอยู่บนหินโสโครกก้อนหนึ่ง เมื่อมองผิวน้ำทะเลซึ่งไม่มีที่สิ้นสุด ในใจก็คิดถึงท่านแม่และน้องชายทันใดนั้นดูเหมือนนางจะเห็นท่านแม่และน้องชายจับมือกัน และเดินขึ้นจากพื้นผิวทะเลมาหานาง“ลูกรัก รีบขึ้นมาหาแม่เร็วเข้า”ท่านแม่กวักมือเรียกนางด้วยใบหน้าที่รักและเมตตา น้องชายก็ตะโกนเรียกเสียงหวานว่า “ท่านพี่ พี่รีบมานี่สิ!”ฟางรั่วค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ทันใดนั้นใบหน้าซีดขาวก็มีแดงเป็นเลือดฝาดขึ้นมาสองแถบนางพูดพึมพำเบาๆ ว่า “ท่านแม่ น้องเล็ก ข้าจะไปหาพวกท่านเดี๋ยวนี้”น้ำทะเลที่มีความอุ่นห่อหุ้มเท้าเปลือยเปล่าของฟางรั่ว ราวกับสองมือของท่านแม่ที่อบอุ่นเป็นอย่างมากนางพูดเสียงดังอีกครั้งว่า“ท่านแม่ น้องเล็ก ข้ามาแล้ว!”ทันใดนั้น ฟางรั่วก็รีบตะบึงอย่างบ้าระห่ำ น้ำทะเลเปียกโชนเอวของนางอย่างรวดเร็ว และไม่นานก็ถึงหน้าอกของนางความรู้สึกหายใจไม่ออกแผ่ซ่านเข้ามา ฟางรั่วปิดตาสองข้างอย่างเงียบสงบขณะนั้น แขนอันแข็งแกร่งคู่หนึ่งยื่น
ฟางรั่วเดินมาถึงชายฝั่ง เสื้อผ้าแนบกับร่างกายเพราะเปียกน้ำเย่จิ่งอวี้หันหน้าไปอีกด้านทันที และพูดกับกวนเซี่ยวว่า “ไปกับข้าหน่อยสิ”กวนเซี่ยวเหลือบมองฟางรั่ว โน้มตัวตอบรับ และเดินตรงไปยังพื้นทรายพร้อมกับเย่จิ่งอวี้อินชิงเสวียนโยนเสื้อคลุมในมือให้กับฟางรั่ว“หากเจ้าแข็งตายอยู่ที่นี่ก็คงเปลืองโลงศพแย่เลย ช่วยประหยัดทรัพยากรของต้าโจวสักหน่อยดีกว่านะ!”ฟางรั่วรับเสื้อคลุมไปคลุมไว้บนไหล่ รู้สึกอบอุ่นขึ้นไม่น้อยนางเงยหน้าขึ้น สายตาจ้องไปยังอินชิงเสวียน“ท่านบอกว่าหากอุดมการณ์ไม่เหมือนกัน ก็อย่ามาคบกันเลย เช่นนั้นเหตุใดจึงมาช่วยข้า?”อินชิงเสวียนรวบกระโปรงและนั่งลงบนหินโสโครกพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “อาซือหลานตายไปแล้ว เจ้าเป็นเพียงแค่คนที่ทำตามคำสั่งผู้อื่น แม้ยังมีชีวิตอยู่ ก็ไม่สามารถสร้างเรื่องข่มขู่ข้าและอาอวี้ได้อีกแล้ว”อินชิงเสวียนพูดถึงเรื่องนี้ นางชะงักเล็กน้อย และหันหน้าไปมองฟางรั่วแสงจันทร์สะท้อนบนผิวสีขาวราวกับหยกของนาง แม้จะเยือกเย็นเล็กน้อย แต่ก็ยังสวยงามอย่างไม่อาจเทียบได้“ข้าช่วยเจ้า เพราะเจ้ายังคงมีสติปัญญาในการตัดสินใจ การสังหารชาวตงหลิวเหล่า
อินชิงเสวียนหน้าแดงเล็กน้อย และรีบปรามเขาไว้“อย่านะเพคะ เจ้าสำนักเฮ่อและคนอื่นๆ ยังคงแอบอยู่ ข้าไม่อยากให้พวกเขาเห็น”เย่จิ่งอวี้จึงนึกได้ว่า ด้านหลังยังมีผู้อาวุโสสองท่านเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ จึงกระแอมไอเสียงแห้งอย่างอดไม่ได้“สีพระจันทร์ในค่ำคืนนี้ไม่เลวเลยทีเดียว บทเพลงที่เจ้าร้องเมื่อครู่ก็ไพเราะอย่างมาก ชื่อเพลงคืออะไรงั้นหรือ?”อินชิงเสวียนขำพรวดออกมา นี่มันอะไรกันเนี่ย? แต่ปากก็ตอบอย่างจริงจังว่า “บทเพลงนี้มีชื่อว่าใต้ท้องทะเล ผู้ประพันธ์เพลงเขียนให้เพื่อนของเขา เพื่อหวังว่าเพื่อนคนนั้นจะรับรู้ถึงความเป็นห่วงของตัวเองผ่านเสียงเพลง และหวังว่าบทเพลงนี้จะมอบพลังในเขาผ่านความยากลำบากไปได้”“เช่นนั้นตอนจบเป็นอย่างไร?”เย่จิ่งอวี้ถามด้วยความประหลาดใจอินชิงเสวียนยิ้ม“ข้าเองก็ไม่รู้เพคะ บางทีเพื่อนของเขาอาจได้รับการรักษาจนหายดีแล้วก็ได้เพคะ”ตามข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต เพลงนี้แต่งขึ้นเพื่อผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ซึ่งตรงกับที่ผู้เขียนรู้สึกแบบเดียวกับที่เขา จึงสามารถเขียนเพลงเกี่ยวกับความสิ้นหวังและอาการหายใจลำบากที่รายล้อมไปด้วยความมืดมิด ซึ่งเหมาะกับความรู้สึกเมื่อครู่ของฟ