จู่ๆ ดวงตาของเย่จิ่งอวี้พลันเบิกกว้าง นัยน์ตาฉายแววเยียบเย็น“ออกไปเถอะ”ซูฉ่ายเวยตกใจ พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ฝ่าบาท หม่อมฉัน...หม่อมฉันยังนวดไม่เสร็จเลยเพคะ”ใบหน้าของเย่จิ่งอวี้เปลี่ยนเป็นเย็นชา“ถอยไป”ครั้นเห็นใบหน้าหล่อเหลานั้นเย็นชาราวกับน้ำแข็ง ทันใดนั้นซูฉ่ายเวยก็ไม่กล้าพูดคำใดอีก นางรีบสวมเสื้อ แล้วก้มหน้าก้มตาถอยกลับไปเมื่อออกไปข้างนอกก็ปั้นหน้ายิ้มแสร้งทำเป็นมีความสุขเชิดหน้าขึ้นแล้วกล่าวว่า “หลี่กงกง ข้าจะกลับแล้ว ไว้วันหน้าค่อยมาเข้าเฝ้าฮ่องเต้ใหม่”เมื่อเห็นอาภรณ์ที่ไม่เรียบร้อยของซูฉ่ายเวย หลี่เต๋อฝูก็ก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว พูดด้วยความเคารพ “พระสนมเดินทางดีๆ”ซูฉ่ายเวยตอบรับต้วยเสียงขึ้นจมูก วางมือบนแขนของเซียงหลาน แล้วเยื้องกรายออกจากห้องหนังสือไปอย่างเหิมใจหลังจากออกจากห้องหนังสือ ซูฉ่ายเวยก็กัดฟัน สีหน้าแดงก่ำนางเป็นฝ่ายเริ่มก่อนถึงเพียงนี้แล้ว เหตุใดฝ่าบาทถึงไม่ติดกับ ต้องเป็นเพราะชุดไม่สวย ถึงไม่สามารถดึงดูดความสนใจของฝ่าบาทได้เมื่อกลับมาถึงหอฉงฮวา ซูฉ่ายเวยก็ถอดกระโปรงของนางออกทันทีณ ห้องหนังสือแววตาของเย่จิ่งอวี้เย็นชาเมื่อนึกถึงสตรีในวังหลั
ราวกับว่าเจ้าหมาน้อยกลัวว่าแม่จะจากไป เขายังคงจับคอเสื้อของนางไม่ปล่อย แล้วเริ่มพูดอ้อแอ้ไม่หยุด ขมวดคิ้วเล็กๆ จนเกือบจะผูกเป็นปมซึ่งท่วงท่าที่แสดงออกมานี้ช่างคล้ายคลึงกับเย่จิ่งอวี้มาก“สมกับเป็นลูกชายของพ่อสารเลวเจ้าจริงๆ”พอนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่นี้เย่จิ่งอวี้กับซูฉ่ายเวยเกิดอะไรที่ไม่สามารถอธิบายได้ อินชิงเสวียนก็อดเบะปากเสียมิได้ พลอยรู้สึกไม่ชอบหน้าเจ้าหมาน้อยไปด้วย“เป็นเด็กดีรออยู่ตรงนี้ ห้ามร้องไห้งอแง ถ้าเจ้ากล้างอแง ข้าจะไม่สนใจเจ้าแล้ว”พูดจบก็ยัดเจ้าหมาน้อยไว้ในอ้อมแขนของยายหลี่ เจ้าหมาน้อยตกตะลึง ลืมตาโพลงจ้องมองอินชิงเสวียนเข้าไปในห้องผ่านไปหลายอึดใจ จึงยกมือเล็กๆ ขึ้นเพื่อประท้วง ในยามนี้เอง ไป๋เสวี่ยเห่าขึ้นครั้งหนึ่ง เจ้าหมาน้อยก็ถูกดึงดูดโดยเจ้าขนฟูทันที ชี้ไปที่ไป๋เสวี่ยแล้วพูดอ้อแอ้ๆยายหลี่ยังคงกลัวไป๋เสวี่ยอยู่ อุ้มเจ้าหมาน้อยไม่กล้าเข้าใกล้ ตอนที่อยู่ในจวนรัชทายาท สุนัขตัวนี้ก็กัดคนไปไม่น้อยเลยอินชิงเสวียนได้เข้าไปในมิติแล้ว สิ่งที่อยู่ข้างในนั้นเติบโตเต็มที่แล้ว อินชิงเสวียนใช้การเก็บเกี่ยวอัตโนมัติของมิติ ครั้นแล้วแป้งสาลีและข้าวสารก็ถูกจัดเก็บอย่าง
ระหว่างคำพูดยังมีเสียงหยกกระทบกัน และหญิงงามผู้งดงามที่หน้าตาแตกต่างกันทั้งสี่คนก็เข้ามาจากข้างนอกทุกคนมาที่ห้องโถงและโค้งคำนับพร้อมกัน“น้อมคำนับหลิงผิน”ทันใดนั้นซูฉ่ายเวยก็แสดงสีหน้าภาคภูมิใจ โบกมือให้ทุกคน“ลุกขึ้น”“ขอบคุณพระสนมหลิงผิน”หนึ่งในนั้นเงยหน้าขึ้น อดไม่ได้ที่จะพูดด้วยความประหลาดใจ “ใบหน้าของพระสนมช่างงดงามนัก ขาวเนียนชุ่มชื้นราวกับฉ่ำน้ำ”อีกคนหนึ่งรีบพูดเสริมอย่างประจบ “มิน่าเล่าฝ่าบาทถึงได้โปรดปรานพระสนม พระสนมงดงามที่สุดในแผ่นดินจริงๆ”“ก็ใช่น่ะสิ พระสนมงดงามปานนี้ คาดว่าอีกไม่นานจะคงได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็นสนมขั้นเฟย”ขณะที่คนเหล่านี้กำลังพูดคุยกัน แต่มีหญิงงามผู้หนึ่งยืนอยู่ข้างๆ กำผ้าเช็ดหน้าไว้แน่น โดยที่ทำอะไรไม่ถูกอินชิงเสวียนเหลือบมองนาง รู้สึกว่าหญิงงามผู้นี้หน้าตาสะสวย ดวงตาคู่งามฉายแววเฉลียวฉลาดเมื่อเห็นว่าอินชิงเสวียนกำลังมองตัวเอง ก็พยักหน้าและยิ้มให้นางเมื่อเทียบกับคนเหล่านี้ที่ได้แค่ประจบประแจง หญิงงามผู้นี้กลับดูพิเศษมากกว่าอินชิงเสวียนก็ส่งยิ้มให้นางเช่นกันหญิงงามที่พูดก่อนหน้านี้มองเห็นแผ่นพอกหน้าบนโต๊ะแล้ว อดไม่ได้ที่จะถามด้วยค
เย่จิ่งเย่ายกยิ้มมุมปาก ทว่าดวงตาของเขากลับทำให้รู้สึกอึดอัดมากทันใดนั้นอินชิงเสวียนก็ขนลุกไปทั่วทั้งร่างกาย รีบก้มศีรษะลงอย่างรวดเร็ว“กระหม่อมถวายพระพรอันผิงอ๋อง”“ตามสบาย”เย่จิ่งเย่ายืนนิ่งและโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยเขาพูดด้วยน้ำเสียงที่มีเพียงเขาและอินชิงเสวียนเท่านั้นที่ได้ยิน “เจ้าต้องรับใช้ฮ่องเต้ให้ดี!”อินชิงเสวียนสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อนางเงยหน้าขึ้นก็เห็นเย่จิ่งอวี้ยืนอยู่ที่ประตูแล้วเขาเอามือไพล่หลัง ดวงตาหงส์หรี่เล็กน้อย และเสื้อคลุมตัวยามสีเหลืองทองขับเน้นให้รูปร่างสูงโปร่งสง่างาม เผยให้เห็นถึงความน่าครั่นคร้ามของโอรสสวรรค์เมื่อสบตากัน หัวใจของอินชิงเสวียนก็สั่นสะท้านน้อยๆทันใดนั้นจึงเข้าใจได้ทันทีว่าคนสารเลวเย่จิ่งเย่าจงใจเข้ามาใกล้ชิด เพื่อใส่ร้ายตัวเองเย่จิ่งเย่าเหลือบมองจากมุมตา แล้วเดินจากไปพร้อมกับหัวเราะเบาๆ อินชิงเสวียนสาปแช่งในใจ เดรัจฉานผู้นี้เลวทรามจริงๆแล้วจึงรีบปล่อยไป๋เสวี่ยอย่างรวดเร็ว ดึงเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าต่อหน้าเย่จิ่งอวี้“กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาของเขาจับจ้องไปที่อินชิงเสวียน“ลุกขึ้น”“ขอบพร
เย่จิ่งอวี้วางพู่กันลงแล้วรีบไปที่ประตูกลิ่นสดชื่นของพืชพรรณผสมกับดินลอยเข้ามาในจมูกของเขา ทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกสดชื่นทันทีเสี่ยวอานจื่อและผู้อื่นที่ยืนอยู่ที่กลางลานเรือน เมื่อพวกเขาเห็นฝน พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะกระโดดขึ้นมาด้วยความดีใจ“ฝนตกแล้ว ฝนตกแล้ว”“สดชื่นจริงๆ!”หลายคนเสียกิริยาของตัวเองไปชั่วขณะหนึ่งเมื่อพวกเขาหันกลับมาและเห็นฮ่องเต้ก็ต่างก็ปิดปากแต่เย่จิ่งอวี้กลับไม่ได้ต่อว่าต่อขานพวกเขา ฝนไม่ตกมาเป็นเวลานาน ในใจของเขาก็มีความสุขไม่แพ้กันในตอนนี้ หลี่เต๋อฝูก็พาคนขนน้ำแข็งยักษ์กลับมา ขณะที่วิ่งเขาก็พูดว่า “ฝ่าบาท ฝนกำลังตกลงมาจากท้องฟ้า นี่เป็นลางดี ต้องเป็นเพราะฝ่าบาทอุทิศตนเพื่อประชาชน ทำให้สวรรค์ซาบซึ้ง ฝนจึงตกมาเช่นนี้”อินชิงเสวียนยืนอยู่ข้างหลังเย่จิ่งอวี้ เมื่อได้ยินเช่นนี้ก็เบะปาก ตาแก่นี่ประจบสอพลอเก่งจจริงๆสีหน้าของเย่จิ่งอวี้ราบเรียบ ดวงตาของเขายังคงมองดูเม็ดฝนที่ตกลงมาจากท้องฟ้าการประชุมเช้าวันนี้ เขาได้ถามเรื่องฝนฟ้าอากาศกับโหราจารย์โดยเฉพาะ โหราจารย์ตอบว่าระยะนี้ยังไม่มีฝนตก แต่เพิ่งผ่านไปไม่ถึงสองชั่วยาม ฝนก็ตกลงมาจากฟ้าแล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นว่า
หรือว่าที่ฝนตกเมื่อครู่เป็นนางที่ใช้คะแนนสะสมแลกมาบ้าเอ้ย!นี่เรื่องบ้าอะไรเนี่ยจู่ๆ อินชิงเสวียนก็นึกขึ้นได้ว่าตอนที่นางใช้คะแนนแลกนมผงให้เจ้าหมาน้อย ป้ายที่อยู่ถัดจากร้านค้าคะแนนสะสมได้อัปเดตคำบางคำ และดูเหมือนจะเขียนไว้ว่าน้ำพุวิญญาณอะไรสักอย่าง ตอนนั้นนางรีบมาก จึงไม่ได้อ่านอะไรมากนักหรือว่าน้ำพุวิญญาณได้อัพเกรดฟังก์ชั่นบางอย่างยิ่งอินชิงเสวียนคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าใด นางก็ยิ่งกังวลมากขึ้นเท่านั้น แล้วก็พูดกับทุกคนตรงนั้นทันที “ข้าอยากไปปลดทุกข์หน่อย พวกเจ้ารออยู่ที่นี่”ขันทีน้อยยิ้มแล้วพูดว่า “ไปเถอะ ถ้าฮ่องเต้ถามถึงเจ้า พวกเราจะช่วยแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าให้เจ้า”“ขอบใจนะ”อินชิงเสวียนเดินออกจากห้องหนังสือ ห่างออกไปสองร้อยเมตรมีห้องน้ำสำหรับนางกำนัลและขันทีที่รับใช้ฮ่องเต้อยู่เมื่อนึกได้ดังนี้ อินชิงเสวียนก็ค้นพบบางสิ่งบางอย่างผู้คนที่รับใช้เย่จิ่งอวี้ดูเหมือนจะเป็นขันทีทั้งหมด ไม่มีนางกำนัลเลยช่างเถอะ อยากใช้งานผู้ใดก็ใช้เถอะ ตอนนี้นางแค่อยากกลับไปดูที่มิติแล้วอินชิงเสวียนมาที่ประตูห้องน้ำ มองไปรอบๆ ไม่เห็นผู้ใด จึงรีบเข้าไปในมิติทันทีเมื่อตรวจสอบคะแ
เย่จิ่งอวี้กดข้อมือของอินชิงเสวียนด้วยเข่าข้างหนึ่ง ใช้มือขวารัดคอของนาง ดวงตาของเขามืดมนและคมกริบ คมราวกับใบมีดเมื่อมองเห็นเงาดำใหญ่เหนือศีรษะ หัวใจของอินชิงเสวียนก็เต้นรัวราวกับเสียงกลอง“ฝ่าบาท กระหม่อมเอง...”อินชิงเสวียนพยายามอย่างเต็มที่ที่ส่งเสียงแหบแห้งเหมือนเป็ดที่ตายแล้วในความมืด ริมฝีปากสีชมพูของอินชิงเสวียนเผยอออกเล็กน้อย ออกแรงคว้ามือที่เหมือนเหล็กขนาดใหญ่ของเย่จิ่งอวี้ด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดของนางดวงตาของเย่จิ่งอวี้เยียบเย็น แล้วจึงค่อยๆ ปล่อยมือออกเขาถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่”“วันนี้กระหม่อมกับเสี่ยวอานจื่อมาเฝ้ารับใช้ฝ่าบาท พอได้ยินเสียงของพระองค์ จึงคิดว่าฝ่าบาทประชวร จึงเข้ามาดู”อินชิงเสวียนลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว และไอหลายครั้งติดๆ กันดวงตาของเย่จิ่งอวี้หรี่ลงเล็กน้อย แววตาไหวระริกอินชิงเสวียนคุกเข่าลงบนพื้นอย่างรวดเร็ว“ฝ่าบาท กระหม่อมได้ยินเสียงจึงเข้ามาจริงๆ กระหม่อมไม่มีวันกล้ามีเจตนาชั่วร้ายต่อฝ่าบาท กระหม่อมไม่มีอาวุธติดตัวมาด้วยซ้ำ”อินชิงเสวียนตบหน้าอกตัวเอง เกิดเสียงแสกสากเย่จิ่งอวี้เลิกคิ้วขึ้น “แล้วเจ้ามีอะไรติดตัวรึ”
“เจ้าก็ลุกขึ้นเถอะ”เสียงของเย่จิ่งอวี้แผ่วเบาและสิ้นหวังอย่างอธิบายไม่ถูก“ขอบพระทัยฝ่าบาท”อินชิงเสวียนยืนขึ้นจากพื้น สายตายังคงเหลือบมองตั๋วเงิน อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายอึกใหญ่หลี่เต๋อฝูเข้ามาจากด้านนอกห้องโถง และบังเอิญเห็นอินชิงเสวียนกลืนน้ำลายพอดี หูของเขาพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงเถือกเมื่อเห็นหลี่เต๋อฝูจ้องมองนางด้วยสีหน้าแปลกๆ อินชิงเสวียนก็ประหลาดใจ และขยับเข้าไปใกล้โต๊ะมากขึ้นหลี่เต๋อฝูไม่กล้าเปิดเผยมากเกินไป รีบเข้าไปเปลี่ยนชุดให้เย่จิ่งอวี้อย่างรวดเร็วเมื่อเห็นเย่จิ่งอวี้หันหลังให้ตัวเอง อินชิงเสวียนก็รีบดึงตั๋วเงินสองใบออกมาอย่างรวดเร็ว พับและยัดกลับเข้าไปในแขนเสื้อแม้สองร้อยตำลึงก็ทำให้นางรู้สึกสบายใจขึ้นมากหลังจากนั้นไม่นาน เย่จิ่งอวี้ก็แต่งกายเต็มยศมงกุฎฮ่องเต้ที่ประดับด้วยหินโมราสีแดง เป็นสัญลักษณ์ของอำนาจสูงสุดของฮ่องเต้ มังกรทองห้าเล็บบนหน้าอกมีความสง่างามและทรงพลังเมื่อเย่จิ่งอวี้สวมฉลองพระองค์เสร็จ จู่ๆ ก็มีกลิ่นอายดุดันและทรงพลัง อากัปกิริยาของเขาทำให้ผู้คนรู้สึกราวกับว่าถูกภูเขาไท่ซานกดทับ แสดงถึงความสง่างามของเขาอินชิงเสวียนถูกกดไว้ด้วยกลิ่นอายนี้