หน้าหลัก / โรแมนติก / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 481 เจ้าถามมากเกินไปแล้ว

แชร์

บทที่ 481 เจ้าถามมากเกินไปแล้ว

ผู้แต่ง: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
เมื่อเห็นข้อความในพระราชโองการ หินก้อนใหญ่ที่ทับอกของอินจ้งก็ถูกวางลง

ไม่ใช่ว่าเขาไม่ยินดีที่จะออกรบ แท้จริงแล้วเป็นเพราะเสบียงและหญ้ามีไม่เพียงพอต่อการบริโภคเป็นเวลานาน อีกเรื่องสำคัญก็คืออาการป่วยของอินสิงอวิ๋น

นี่เป็นไข้ใจของอินจ้งมาโดยตลอด

คืนนั้น จวนแม่ทัพจัดการเลี้ยงสุรา เพื่อต้อนรับอูเอินและแม่ทัพเจียงวู

สำหรับการต้อนรับที่สมศักดิ์ศรีของอินจ้ง อูเอินและคนอื่นๆ ต่างซาบซึ้งใจมาก

ชูแก้วแล้วพูดว่า “ในเมื่อเป็นคำสั่งของโอรสแห่งสวรรค์ ข้าและคนอื่นๆ ก็ยินดีที่จะยุติสงครามเช่นกัน ตอนนี้สามารถติดต่อค้าขายกันได้ ไม่มีอะไรดีไปมากกว่านี้อีกแล้ว ตราบใดที่สามารถแลกเปลี่ยนธัญพืชจากราชวงศ์โจวได้ พวกเราก็จะสามารถพัฒนาพื้นที่เพาะปลูกได้เช่นกัน ซึ่งทำให้มีชีวิตที่มั่นคงได้”

อินจ้งหัวเราะเหอะๆ และพูดว่า “ฝ่าบาทมีปรีชาญาณโดดเด่น ฉลาดเฉียบแหลมและมีสายตายาวไกล คาดว่าพระองค์ทรงเห็นข้อเสียของเจียงวู จึงมีพระประสงค์ให้ทำการติดต่อค้าขายกันได้ ตราบใดที่เจียงวูไม่รุกรานอาณาเขตของพวกเรา ความสงบสุขนี้จะดำรงสืบไปเป็นนิตย์”

อูเอินพูดอย่างละอายใจว่า “แม่ทัพอินพูดถูกต้องทีเดียว ครั้งนี้เจียงวูจะทำให
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 482 สัญญายุติสงคราม

    วันถัดมา ณ เมืองลั่วสยาอินจ้งนำอูเอินและคนอื่นๆ ตามทัพมาถึงพื้นที่ลาดชันสิบลี้ทางตะวันออกของเมืองด้านตรงข้าม มีชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งสวมชุดสีน้ำเงินเข้มนั่งบนหลังม้า ด้านหลังของเขามีกลุ่มทหารเจียงวูตามมาด้วยเมื่อเห็นรูปร่างของผู้ชาย อินจ้งกำเชือกในมือแน่นเขารู้เรื่องอาซือหลานปลอมตัวเป็นอินสิงอวิ๋นจากปากของกวนเซี่ยว จึงแอบกัดฟันกรอดด้วยความเคียดแค้นแต่กลับไม่ได้แสดงออกทางสีหน้าเขายิ้มเล็กน้อย ประสานมือคำนับและพูดว่า “ท่านคือท่านอ๋องถูหย่าลาจี๋เล่อใช่หรือไม่?”อาซือหลานยกมือขึ้นคำนับและพูดว่า “แม่ทัพอิน สบายดีหรือไม่”กวนเซี่ยวขี่ม้ามาด้านหน้าหนึ่งก้าว“เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว ในเมื่อพวกเจ้าแพ้สงคราม ก็ควรจะคุกเข่าลงยอมรับโทษ กล้าดีอย่างไรที่มัวนั่งสบายใจบนหลังม้า?”อาซือหลานยิ้มที่มุมปากและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะยอมแพ้ แต่ข้าก็ยอมแพ้ต่อฮ่องเต้ของราชวงศ์โจว ในเมื่อแม่ทัพอินไม่ใช่คนสกุลเย่ และไม่ลูกหลานของเชื้อพระวงศ์ จะให้ข้าคุกเข่าลงด้วยเหตุอันใด?”“เจ้า...”กวนเซี่ยวเกลียดเขาเข้ากระดูก จึงจับด้ามดาบไว้แน่นอินปู้อวี่กดไหล่ของเขาเอาไว้ เพื่อบอกเขาว่าอย่าเพิ่งวู่วามอินจ้งหั

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 483 หวนสู่เมืองหลวง

    อินชิงเสวียนตัดสินใจทำการทดลองในวัง อย่างไรพืชผักและเมล็ดข้าวสาลีในสวนอวิ๋นเซียงถูกเก็บเกี่ยวหมดแล้ว ที่ดินก็ทิ้งว่างแม้อินชิงเสวียนจะสามารถเร่งเวลาการเติบโตในมิติได้ แต่พื้นมีกลับมีจำกัด แม้ว่านางจะนำเสบียงอาหารออกมาจากมิติทั้งหมด แต่ก็ไม่เพียงพอต่อประชาชนชาวต้าโจวดังคำที่ว่า สอนเขาจับปลา ดีกว่าหาปลาให้เขากิน แต่ถ้าหากปลูกเมล็ดข้าวสาลี ผลผลิตคงไม่มากเท่าด้านในมิติ การปลูกมันเทศและมันฝรั่งจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า พืชเหล่านี้เติบโตง่ายกว่า ผลผลิตค่อนข้างมาก และยังสามารถใช้ประทังความหิวได้หลายวันนี้ อินชิงเสวียนจึงใช้เวลาในช่วงบ่ายพาขันทีกลุ่มหนึ่งมาสร้างโรงเรือนที่สวนอวิ๋นเซียง และสร้างเตาผิงขนาดใหญ่ไว้ด้านในพวกลำไม้ไผ่ค่อนข้างหาได้ง่าย ถุงพลาสติกก็ใช้คะแนนสะสมแลกมา อินชิงเสวียนขี้เกียจอธิบายที่มาของพลาสติกกับทุกคน นางสั่งให้คนนำไปปูในทันทีทุกคนต่างเข้าใจเหมือนกันว่า สิ่งที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนล้วนมาจากฮว๋าเซี่ยทั้งนั้น เพราะเหนียงเหนียงมักมีสิ่งของที่ไม่เคยมีใครพบเห็นมาก่อนเสมอ ทุกคนจึงไม่รู้แปลกใจหลังจากหว่านเมล็ดพันธุ์แล้ว อินชิงเสวียนก็ใช้น้ำพุวิญญาณน้ำผัก และสั่งให้ข

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 484 ยกน้ำชา

    ณ ห้องหนังสือเย่จิ่งอวี้เพิ่งหยิบสาส์นกราบทูลขึ้นมา หลี่เต๋อฝูก็เข้ามากราบทูล“ฝ่าบาท อินจ้งขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้วางพู่กันลง หรือว่าลืมเรื่องอะไร?“ให้เขาเข้ามาเถอะ”ครู่หนึ่ง อินจ้งก็เดินเข้ามาจากด้านนอก โน้มตัวและพูดว่า “กระหม่อมมีอีกเรื่องที่อยากทูลขอ ฝ่าบาทได้โปรดเมตตาด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“พูดมาสิ”อินจ้งพูดว่า “กระหม่อมได้พาอินสิงอวิ๋นลูกชายคนโตกลับมาด้วย แต่เขายังคงหลับสนิทไม่ฟื้นขึ้นมา กระหม่อมสงสัยว่าเขาจะเป็นโรคร้าย ขอฝ่าบาทโปรดเมตตา ให้หมอหลวงเหลียงไปตรวจดูอาการที่จวนด้วยพ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย“แม่ทัพอินไม่รู้ว่าอินสิงอวิ๋นป่วยเป็นอะไรงั้นหรือ?”อินจ้งตกใจเล็กน้อย“คือ... กระหม่อมไม่ทราบจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้ถามว่า “เจ้าไม่ได้รับจดหมายจากม้าด่วนของข้างั้นหรือ?”อินจ้งฟังไม่เข้าใจ จึงรีบพูดว่า “กระหม่อมได้รับเพียงจกหมายยินยอมยุติสงครามของฝ่าบาท และไม่เห็นจดหมายอื่นเลยพ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้ครุ่นคิดครู่หนึ่ง และไม่ได้พูดอะไรออกมาหากว่าอินจ้งรู้ว่าในร่างกายของอินสิงอวิ๋นมีพิษกู่ ซึ่งไม่มียาในการรักษา จะต้องหมดหวังอย่างแน่นอน สิ่งนี้โหดร

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 485 สงสัย

    เย่จิ่งอวี้ก็ตกใจเล็กน้อยพวกผู้หญิงเจียงวูคุกเข่าลงและพูดพร้อมกันว่า “ขอบพระทัยฝ่าบาท”เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้วแน่นตราบใดที่ตัวเองมีสถานะเป็นโอรสแห่งสวรรค์ เขาไม่มีทางกลับคำพูดได้ จึงพูดกับหลี่เต๋อฝูว่า “ไปหาตำหนักให้พวกนางด้วย”หลี่เต๋อฝูก็มีสีหน้าประหลาดใจ เขาแอบเหลือบมองเย่จิ่งอวี้ และบอกพวกผู้หญิงว่า “ทุกท่าน ตามข้ามา”หญิงที่เป็นผู้นำพูดว่า “ขอบพระคุณกงกง”อินจ้งกระแอมเสียงแห้งและพูดว่า “กระหม่อมก็ขอทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”แม้เขารู้สึกไม่สบายใจ แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรมากเย่จิ่งอวี้เป็นถึงโอรสสวรรค์ในราชวงศ์นี้ อย่าว่าแต่ทาสหญิงพวกนี้เลยหากเขาต้องการผู้หญิงทุกคนบนโลก ก็ไม่มีใครกล้าพูดมากได้เย่จิ่งอวี้พยักหน้า แต่กลับอึดอัดในใจตัวเองเป็นอะไรไป หรือว่าเมื่อคืนไม่ได้พักผ่อนเพียงพอ จึงสับสนมึนงงเช่นนี้?ทันใดนั้นก็นึกถึงพิษกู่ของอินสิงอวิ๋น จึงแอบตกใจเล็กน้อยหรือว่าคนเหล่านี้มาด้วยเป้าหมายที่ไม่ดี และกล้าทำมิดีมิร้ายในแก้วน้ำชาของตัวเอง?มิเช่นนั้นตัวเองจะกล้าทำการตัดสินใจแบบนี้ได้อย่างไร?เพราะคิดว่าเป็นชาของในวัง จึงไม่ได้คิดมาก เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้บางอย่าง เย่จิ่งอวี้ก็ว้าวุ่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 486 ว้าวุ่นใจ

    เย่จิ่งอวี้ก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองหลงกลใครแล้วจริงๆ หรือไม่ จึงไม่อยากพูดออกมาสุ่มสี่สุ่มห้า และทำให้อินชิงเสวียนต้องเป็นห่วงเขาหัวเราะและพูดว่า “ข้าแค่บอกว่าถ้าหาก ไม่ว่าใครก็ต้องทำผิดพลาดบ้าง หากข้าพูดจาเกินไปจริงๆ เสวียนเอ๋อร์อย่าได้ใส่ใจเด็ดขาด”อินชิงเสวียนเหลือบมองเย่จิ่งอวี้ และตบที่ไหล่ของเขาพูดอย่างไม่แยแสว่า “วางใจเถอะเพคะ หากฝ่าบาทพูดสิ่งใดผิดไป หม่อมฉันจะยกโทษให้ฝ่าบาทเสมอ”“เช่นนั้นก็ดี”เย่จิ่งอวี้วางเสี่ยวหนานเฟิงลงบนรถเข็นเด็ก ยิ้มและพูดว่า “วันนี้ข้าอยากเรียนรู้วิธีการย่างเนื้อบ้าง เสวียนเอ๋อร์อย่าเก็บความสามารถไว้ผู้เดียวสิ”“เพคะ การได้ลงมือทำเอง จะยิ่งอร่อยมากขึ้น”อินชิงเสวียนหยิบพัดขึ้นมาอย่างทะมัดทะแมง พับแขนเสื้อและเดินมาด้านหน้าเตาย่างนางสอนวิธีการควบคุมไฟให้กับเย่จิ่งอวี้ ในหัวก็คิดเรื่องของอินสิงอวิ๋นแม้น้ำพุวิญญาณของนางจะมีประสิทธิภาพมาก แต่ไม่สามารถถอนพิษกู่ได้ หากต้องการช่วยเหลืออินสิงอวิ๋น จำเป็นต้องไปตามหาคนขโมยพิณที่สำนักเสียงศักดิ์สิทธิ์เพียงแต่ต้องไปตามหาทั่วทุกที่ และแม้จะตามหาเขาพบ ก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะยื่นมือเข้ามาช่วยหรือไม่?ระหว่างที่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 487 อิจฉา

    “พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไปบอกพวกนางเดี๋ยวนี้”อินชิงเสวียนพยักหน้า สำหรับผู้หญิงเหล่านี้ นางไม่มีเรื่องจะพูดด้วย ยิ่งไม่อยากคบค้าสมาคมกับพวกนางขันทีน้อยมาที่หน้าประตู และบอกจูอวี้เหยียนว่า “พระนางกุ้ยเฟยพักผ่อนแล้ว ขอเชิญแม่นางทั้งหลายกลับไปเถอะ”จูอวี้เหยียนยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “เจ้าไปบอกพระนางกุ้ยเฟย พูดเพียงว่าข้ารู้เรื่องของอินสิงอวิ๋นที่อยู่ในเจียงวู”“คือว่า...”ขันทีน้อยลังเลเล็กน้อย แม้พระนางกุ้ยเฟยมีจิตใจเมตตา แต่นางพูดชัดเจนว่าไม่ต้องการพบคนเหล่านี้ ตัวเองยังจำเป็นต้องไปรายงานเรื่องพวกนี้หรือไม่?จูอวี้เหยียนหยิบหยวนเป่าเงินออกมา แอบยัดใส่มือของขันทีน้อย“รบกวนกงกงน้อยรายงานเรื่องนี้แทนข้าด้วย ข้ากล้ารับประกันว่า เหนียงเหนียงจะต้องมาพบพวกข้าแน่นอน”กงกงน้อยรีบผลักเงินออกไป ก้มหน้าและพูดว่า “เช่นนั้นแม่นางช่วยรอสักครู่ ข้าจะไปถามความเห็นของเหนียงเหนียงดูก่อน”เขาเข้ามาในตำหนัก และพูดตามที่จูอวี้เหยียนบอก อินชิงเสวียนจึงลุกขึ้นนั่งทันที“นางพูดแบบนี้จริงงั้นหรือ?”ขันทีน้อยโน้มตัวและพูดว่า “แม้กระหม่อมจะมีความกล้ามากเท่าใด กระหม่อมก็ไม่กล้าพูดปดพ่ะย่ะค่ะ”อินชิงเสวีย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 488 ตราบใดที่มีแรงก็จำเป็นต้องไป

    จูอวี้เหยียนดีใจ ไม่คิดว่าอินชิงเสวียนจะรู้จักตัวเองด้วย ไม่นับว่าเป็นคนไร้ค่า“ทูลพระนางกุ้ยเฟย พวกหม่อมฉันล้วนเป็นทาสหญิงของเจียงวู ไม่รู้เรื่องพิษกู่ เหนียงเหนียงโปรดอภัยด้วย”อินชิงเสวียนกวาดตามองจูอวี้เหยียน ทาสหญิงผู้นี้มีท่าทางเจ้าเล่ห์ราวหมาป่า อีกทั้งยังพูดโน้มน้าวจิตใจคนเก่ง รู้จักการรับมือได้ดี ไม่เหมือนสาวรับใช้ทั่วไป เมื่อเห็นตื่นตกใจ แต่กลับมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว“เช่นนั้นเจ้ารู้อะไรบ้าง เล่าให้ฟังหน่อยสิ”อินชิงเสวียนน้ำเสียงราบเรียบ ท่าทีนิ่งขรึม ลักษณะเรียบร้อย ค่อนข้างสง่างามเหมือนผู้เหนือหัวจูอวี้เหยียนพูดเสียงเรียบ “หม่อมฉันรู้มากเท่านี้แหละเพคะ ได้ยินว่าเหนียงเหนียงไม่ยอมพบพวกเรา หม่อมฉันจึงพูดชื่อของแม่ทัพน้อยอิน”อินชิงเสวียนกวาดตามองนางและถามอีกว่า“ท่านอ๋องอาซือหลานของพวกเจ้า ตอนนี้ยังอยู่ในเจียงวูหรือไม่?”จูอวี้เหยียนพูด “อยู่ที่เจียงวูเพคะ พระนางกุ้ยเฟยรู้จักท่านอ๋องของพวกเราด้วยหรือ?”อินชิงเสวียนพูดด้วยน้ำเสียงหยามเหยียด “คนต่ำทรามประเภทนั้น ไม่คู่ควรมารู้จักกับข้าหรอก ในเมื่อพวกเจ้านำของมาให้ข้าเรียบร้อยแล้วก็ออกไปเถอะ ตอนนี้ดึกมากแล้ว ข้าเองก็เ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 489 งานเลี้ยงพริก

    จูอวี้เหยียนโน้มตัวและพูดว่า “เหนียงเหนียงพูดแรงไปแล้วเพคะ พวกข้ามีตำแหน่งต้อยต่ำ เหนียงเหนียงมีสถานะสูงส่งเช่นนี้ คงไม่มาทะเลาะเอาความกับผู้ที่ต่ำกว่าอย่างพวกข้า”อินชิงเสวียนหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “พูดได้ดี ข้าคงไม่ลดตัวไปทะเลาะกับพวกเจ้าหรอก เพื่อแสดงความจริงใจของข้า ข้าจะให้คนนำเข็มเงินมาทำการตรวจสอบก่อน เพื่อไม่ให้พวกเจ้าต้องหวาดระแวง และไม่ยอมกินอาหาร”อย่างไรก็เรียกพวกนางมาเพื่อยื้อเวลา อินชิงเสวียนไม่ได้รีบร้อนนางหันไปโบกมือให้อวิ๋นฉ่าย อวิ๋นฉ่ายหยิบเข็มเงินมาด้านหน้าโต๊ะทันที และทำการตรวจสอบยาพิษทีละจานเมื่อเห็นว่าเข็มเงินไม่เปลี่ยนสี จูอวี้เหยียนก็ยิ้มที่มุมปาก “หม่อมฉันเพียงพูดเล่นเท่านั้น ผู้ใดจะกล้าสงสัยพระนางกุ้ยเฟยเพคะ”อินชิงเสวียนยิ้มระรื่นและพูดว่า “พวกเจ้าเพิ่งมาถึงที่นี่ ก็สมควรที่จะระแวงข้า ตอนนี้พวกเจ้าเห็นชัดแล้วใช่หรือไม่?”จูอวี้เหยียนพูดว่า “เห็นชัดแล้วเพคะ ขอบพระทัยเหนียงเหนียง”อินชิงเสวียนยื่นมือทำท่าทางเชื้อเชิญ“ไม่ต้องเกรงใจ พี่น้องทุกท่านกินได้ตามสบายเลย”จูอวี้เหยียนหยิบตะเกียบขึ้นมา คนอื่นๆ ก็หยิบขึ้นมาตามเช่นกันอาหารหลายจานบนโต๊ะเป็นพริก

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1467 ฉันอยากกลับไป

    อินชิงเสวียนดึงมือออก“คุณจำคนผิดแล้ว ฉันไม่ใช่เพื่อนบ้านเดียวกันของคุณ แต่เป็นลูกสาวของแม่ทัพแห่งต้าโจว อินชิงเสวียน!”“คุณ คือเจ้าของร่างเดิมของอินชิงเสวียน?”เย่จิ่งหลานมองเธอขึ้นๆ ลงๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ รูปร่างเหมือนกันทุกประการ แต่หากสังเกตให้ดี จะเห็นได้ว่าเพื่อนบ้านเดียวกันของเขามีพลังความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ ส่วนผู้หญิงตรงหน้าเขาดูอ่อนโยนและอ่อนแอกว่ามากในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้ด้วยว่าทำไมเขาถึงดูคุ้นตากับเด็กน้อยคนนี้ ตอนที่ตัวเองเพิ่งข้ามภพไปยังต้าโจว เขาก็มีรูปร่างหน้าตาลักษณะเหมือนแบบนี้เลยความทรงจำก็เหมือนกับคลื่นทะเล เป็นคลื่นที่ซัดมาระลอกแล้วระลอกเล่า ในที่สุดเย่จิ่งหลานก็ค่อยๆ จำทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในต้าโจวได้ทุกคนช่วยกันต่อต้านชิงฮุยในหุบเขาเชื่อมเมฆา แต่แล้วเขาก็กลับมาในเวลานี้ และกลับมาโดยที่ร่างกายสมบูรณ์ครบถ้วนเมื่อนึกถึงความชั่วร้ายและความเจ้าเล่ห์เพทุบายของชิงฮุย เย่จิ่งหลานก็รู้สึกสับสนอย่างอธิบายไม่ถูก“หรือว่าผมข้ามภพมาได้เพราะป้ายตราคำสั่งนี้ ผมต้องรีบกลับไปโดยเร็วที่สุด”เมื่อเห็นท่าทางกังวลอย่างกะทันหันของเย่จิ่งหลาน อินชิงเสวียนก็ตระหนัก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1466 ความปรารถนาในใจสำเร็จแล้ว

    ไม่ว่าซูเยี่ยจะจำอดีตกับเขาหรือไม่ก็ตาม มันก็ไม่สำคัญสำหรับเย่จิ่งหลานอีกต่อไปแล้วสวรรค์ทำให้เขาได้เจอผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง อาจเป็นเพราะต้องการให้เขาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของซูเยี่ย ผู้หญิงประเภทนี้ จริงๆ แล้วมันไม่จำเป็นต้องให้เขาเสียเวลาด้วยซ้ำเขาเพิ่งอายุได้ยี่สิบแปดปี อนาคตยังอีกยาวไกล ซูเยี่ยเป็นเพียบใบไหม้ที่ร่วงไปจากชีวิตของเขา ไม่มีความสำคัญอะไรเลยเย่จิ่งหลานกระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม ค่อยๆ รู้สึกปลอดโปร่งใจเขาเดินออกจากสวนสาธารณะอย่างช้าๆ และทันใดนั้นก็มีอีกคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาใบหน้านี้ไม่ใช่หน้าตาเดิมของเขา ใครเป็นคนทำศัลยกรรมให้เขา?พลังในร่างกาย มาจากไหนกันแน่แล้วผู้หญิงที่อยู่ในหัวของเขา เป็นใครกันแน่หรือว่าเขาฝึกฝนจนสำเร็จเคล็ดวิชาลับบางอย่าง และผู้หญิงคนนั้นคือแก่นวิญญาณของเขา?เย่จิ่งหลานดึงขอบเอวกางเกงของเขาโดยไม่รู้ตัว ไอ้นั่นยังคงอยู่ตรงนั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงคิดว่าตัวเองฝึกฝนวิชาจนกลายเป็นตงฟางปุ๊ป้ายในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรแล้วแต่การมีสิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์อะไร เอามาใช้กินใช้ดื่มไม่ได้ ตอนนี้ท้องของเขาร้องโครกคราก แต่ไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าเลยขณะที่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1465 คนแพศยามักจะสำออยแบบนี้แหละ

    ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1464 แพศยาอย่างเธอ

    เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1463 ฉันชื่อเย่จิ่งหลาน

    ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1462 ปีศาจในชุดดำ

    “แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1461 เศษสวะ

    ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1460 ความคิดชั่วร้าย

    ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1459 เรื่องด่วน

    “ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ

DMCA.com Protection Status