แชร์

บทที่ 46 ที่แท้ก็เป็นนาง

ผู้แต่ง: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
ไทเฮาไม่เคยพบกับอินชิงเสวียน ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าลูกชายของนางกำลังคิดอะไรอยู่

หลังจากฟังคำพูดของลู่จิ้งเสียนแล้ว นางพูดด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ “ฮ่องเต้จะเลินเล่อเช่นนี้ได้อย่างไร แค่ขันทีผู้หนึ่งถึงกับต้องลดตำแหน่งเจ้าด้วย ช่างไร้วุฒิภาวะจริงๆ เย่าเอ๋อร์ เจ้าเพิ่งกลับมาจากไปเฝ้าสุสานหลวง ก็ควรไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้หน่อย พวกเราจะเข้าไปดูกันว่าขันทีเช่นไรถึงทำให้ฮ่องเต้ร้อนใจเพียงนี้”

ลู่จิ้งเสียนพยักหน้าเหมือนไก่จิกข้าวทันที

“เสด็จแม่ ท่านให้ความเป็นธรรมกับหม่อมฉันนะเพคะ”

เย่จิ่งเย่ายื่นมือออกไปพยุงไทเฮา

“ก็ได้ ข้าก็ควรไปดูสักหน่อยเหมือนกัน”

ครั้นแล้วขบวนคนกลุ่มใหญ่ก็ออกจากตำหนักฉือหนิง มีขันทีนางกำนัลถือพระกลดพู่สีเหลือทองเดินตามหลัง มุ่งหน้าไปยังห้องหนังสืออย่างสง่างาม

อินชิงเสวียนกำลังเหม่อมองฟ้า ทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสี่ยวอานจื่อตะโกนจากด้านนอกว่า “ไทเฮาเสด็จ อันผิงอ๋องเสด็จ พระสนมเสียนผินเสด็จ”

อันผิงอ๋องรึ

เขาเป็นบุรุษระยำที่เจ้าของร่างเดิมชอบไม่ใช่หรือ

เหตุใดจู่ๆ เขาจึงเข้ามาในวัง

ถ้าเขาจำตัวเองได้จะทำเช่นไรดี

ทันใดนั้นอินชิงเสวียนก็เหงื่อแตกพลั่ก รีบวิ่งไปข้างหลังเย่จิ่งอวี้ พย
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 47 แผนการของฮ่องเต้

    เย่จิ่งอวี้ยิ้มบางๆ “น้องกับพระชายาอ๋องก็ไม่ได้เจอกันมาหนึ่งปีแล้ว ถึงเวลากลับไปหากันแล้ว หากมีเวลาก็พาพระชายาอ๋องเข้ามาในวังมาเยี่ยมเสด็จแม่ได้”เย่จิ่งเย่ายกมือขึ้นประกบคำนับแล้วพูดว่า น้องน้อมรับพระบัญชา ถ้าไม่มีอะไรแล้ว กระหม่อมขอทูลลา”เมื่อเห็นว่าการคืนตำแหน่งของลู่จิ้งเสียนนั้นเป็นไปได้ยากแล้ว ไทเฮาก็ลุกขึ้นยืนเช่นกันยิ้มอย่างใจดีและพูดว่า “ในเมื่อฝ่าบาทยุ่งอยู่กับราชกิจ เช่นนั้นข้าก็ไม่รบกวนแล้ว เสียนเอ๋อร์ จำสิ่งที่ฮ่องเต้ตรัสได้แล้วนะ ตราบใดที่เจ้าช่วยดูแลวังหลังอย่างดี ฮ่องเต้จะคืนตำแหน่งสนมขั้นเฟยให้เจ้าเอง”ลู่จิ้งเสียนพูดด้วยใบหน้าเคร่งเครียด “หม่อมฉันทราบแล้วเพคะ หม่อมฉันจะเชื่อฟังคำสอนของฝ่าบาทอย่างแน่นอน”เย่จิ่งอวี้ส่งไทเฮาไปที่ประตูและโค้งคำนับเล็กน้อย “ลูกน้อมส่งไทเฮา”“กลับไปเถอะ ราชกิจของเจ้าจะล่าช้าไม่ได้”ไทเฮาคลี่ยิ้มพลางโบกมือ ทันทีที่ออกจากห้องหนังสือ ความมีเมตตบนใบหน้าก็หายไปทันที“ฮ่องเต้ทำเพื่อขันทีน้อยถึงเพียงนี้ เขาเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ หรือว่าเขาคิดไม่ธรรมดากับขันทีน้อยผู้นั้นจริงๆ”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ลู่จิ้งเสียนก็รู้สึกเสียใจมากยิ่งขึ้น“หม่อม

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 48 จะมาไม้ไหน

    “อืม”อินชิงเสวียนตอบรับเบาๆ แต่ในใจนั้นตำหนิยกใหญ่บางทีเขาอาจมีใจให้ซูฉ่ายเวยอยู่บ้างเล็กน้อยเหอะๆ ชายหนอชาย ล้วนปากไม่ตรงกับใจณ หอฉงฮวาด้านในกำลังตกอยู่ในความวุ่นวายซูฉ่ายเวยเพิ่งได้ยินว่าลู่จิ้งเสียนถูกลดตำแหน่งเป็นเสียนผิน จากนั้นก็ได้ยินข่าวเรื่องตนได้รับเลื่อนตำแหน่งเป็นหลิงผินเนื่องด้วยตื่นเต้นมากเสียเกินไปจึงทำให้ซูฉ่ายเวยเป็นลมจนกระทั่งหลี่เต๋อฝูประกาศพระราชโองการเสร็จสิ้นแล้ว นางจึงได้เอ่ยถามดั่งเพิ่งตื่นจากฝัน “หลี่กงกง นี่ นี่เป็นความจริงหรือ”หลี่เต๋อฝูตอบด้วยรอยยิ้มว่า “จริงแท้แน่นอน หลิงผินควรรับพระราชโองการและขอบพระทัยในพระกรุณาได้แล้ว”ซูฉ่ายเวยซาบซึ้งเสียจนร่างกายสั่นคลอน นางรีบเอื้อมมือไปรับพระราชโองการ จากนั้นสั่งให้เซียงหลานนำหยวนเป่าสองอันใหญ่ให้แก่หลี่เต๋อฝูขันทีน้อยทั้งหลายได้รับผ้าและเครื่องประดับพระราชทานมาแล้ว ต่างพากันยิ้มมิหุบปากเจ้านายแห่งหอฉงฮวาได้เชิดหน้าชูตาสักทีระหว่างที่กำลังปลื้มปีติกันอยู่นั้น จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงดังขึ้นว่า “ฮ่องเต้เสด็จ”ซูฉ่ายเวยตื่นตระหนกทันใด ฮ่องเต้เสด็จมาเร็วถึงเพียงนี้?นางรีบจัดแจงผมเผ้าเครื่องประดับแล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 49 วางแผน

    เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้วเข้าหากันแล้ววางม้วนหนังสือในมือลง"เข้ามาได้"ครู่เดียว หานสือซึ่งสวมชุดธรรมดาเดินตรงเข้ามาจากด้านนอก เมื่อเขาเข้ามาถึงก็คุกเข่าลงด้วยความรีบร้อนใจ"เมื่อครู่กระหม่อมเพิ่งได้รับข่าว วิธีการที่ฝ่าบาทให้มานั้นได้ผลแล้ว ขุนนางได้ทำตามที่ฝ่าบาทรับสั่ง กักตัวผู้ที่มิได้ติดเชื้อออกไป สำหรับผู้ที่มิอาจช่วยไว้ได้ ให้นำเอาไปเผา บัดนี้สถานการณ์โรคระบาดถูกควบคุมเอาไว้ได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ"คิ้วของเย่จิ่งอวี้ที่ขมวดเข้าหากันอยู่จึงคลายออกเล็กน้อย"ดียิ่งนัก จงไปกำชับให้ปรุงยามากขึ้น พยายามช่วยให้ได้ทุกคน อย่าให้พลาดแม้แต่คนเดียว”เมื่อได้ยินประโยคนี้ หานสือก็คุกเข่าลงทั้งสองข้างพร้อมกล่าวด้วยความซาบซึ้งใจว่า "ฝ่าบาททรงมีพระกรุณาธิคุณเช่นนี้ ช่างเป็นบุญของไพร่ฟ้าประชาชนเหลือเกิน"จากนั้นเขาก็ถอนหายใจกล่าวว่า "แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดสวรรค์จึงได้ลงโทษแล้วซ้ำเล่า ทรมานประชาชนในแคว้นต้าโจวเพียงนี้"เย่จิ่งอวี้หรี่ตาเล็กน้อย "เจ้าหมายถึงการระบาดของตั๊กแตน?"หานสือตอบรับว่า "พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท แม้การที่ตั๊กแตนระบาดจะมิใช่เรื่องแปลก แต่ก็มิใช่ว่าเกิดขึ้นทุกปี บัดนี้ทั้งภัยแล้ง โรคระบา

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 50 มาได้พอดี

    อินชิงเสวียนราวกับได้หลุดพ้น เมื่อเดินออกมาถึงนอกตำหนักก็พบเข้ากับหลี่เต๋อฝู“จะวิ่งไปไหน อย่าได้เสียมารยาทต่อหน้าพระตำหนัก”หลี่เต๋อฝูหรี่เสียงตวาดออกมาตำหนิอินชิงเสวียนกล่าวว่า “ฝ่าบาทให้ข้าออกมารอด้านนอก”หลี่เต๋อฝูชี้นิ้วไปที่เตียงตั่งเล็กๆ ด้านนอก“เช่นนั้นจงไปรอที่นั่น คืนนี้เจ้านอนที่นี่ กระตือรือร้นเข้าล่ะ ยามวิกาลหากฝ่าบาทลุกขึ้นมา จงถือโถมังกรให้ฝ่าบาทด้วย”อินชิงเสวียนงุนงง “โถมังกรคือสิ่งใด”หลี่เต๋อฝูกล่าวเสียงเบาว่า “โถปัสสาวะ”“หา!”ใบหน้าของอินชิงเสวียนร้อนผ่าวจนแทบไหม้จริงหรือ ต้องช่วยเย่จิ่งอวี้ทำไอ้นั่นถึงร่างของนางตอนนี้จะเคยมีลูกมาแล้ว แต่ตัวจริงๆ ของนางยังเป็นสาวแรกรุ่น ไม่เคยจับมือผู้ชายด้วยซ้ำ จะให้ไปจับไอ้นั่นเนี่ยนะ...วินาทีนี้อินชิงเสวียนอยากจะเอาหัวชนกำแพงเหลือเกินหลี่เต๋อฝูกล่าวอย่างหงุดหงิดว่า “อะไรกัน มีผู้คนมากมายอยากได้รับเกียรตินี้รู้หรือไม่”อินชิงเสวียนพึมพำว่า “งั้นเก็บเกียรตินี้ไว้ให้หลี่กงกงเถอะ”“นี่คือรางวัลที่ฝ่าบาทประทานให้ คิดจะให้ใครก็ได้หรือ”หลี่เต๋อฝูตำหนิออกมาแล้วหันหลังจากไปอินชิงเสวียนขมวดคิ้วเข้าหากัน นางแอบด่าใ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 51 เรียกมารดาแล้ว

    ซูฉ่ายเวยกล่าวด้วยใบหน้าตื่นเต้นเล็กน้อย "ต้องการสิ่งใด เสี่ยวกงกงกล่าวมาเถิด มิต้องเกรงใจ เพียงแค่ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ ต้องจ่ายเท่าไหร่ข้าก็ยอม”ในวังหลังนี้มิมีสิ่งใดสำคัญไปกว่าการได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้อีกแล้วเมื่อวานนี้นางเพิ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นผิน กรมวังได้นำผ้ามากมายมาให้นาง ไหนจะเครื่องประดับและไข่มุกอีก 3 กล่องใหญ่ ก่อนหน้านี้นางมิกล้าแม้แต่จะจินตนาการอินชิงเสวียนหยิบน้ำหอมออกมาจากกระเป๋าเสื้อ แล้วยิ้มขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์เหมือนจิ้งจอกสาว"ฝ่าบาทชื่นชอบน้ำหอมกลิ่นนี้ยิ่งนัก หากเหนียงเหนียงใช้มันละก็คงจะสำเร็จไปกว่าครึ่ง และยังมีสีผึ้งทาปากที่ส่งมาจากแดนไกลล้วนเป็นของหายาก สีสันงดงามมีกลิ่นหอมอ่อนๆ จากธรรมชาติ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นของสำคัญที่จะทำให้เหนียงเหนียงได้รับความรักความโปรดปราน"ซูฉ่ายเวยมองไปยังขวดใสที่ดูแพรวพราว อีกทั้งสีผึ้งทาปากที่สามารถยืดหดเองได้ แววตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจนางก็นับว่าเกิดมาจากตระกูลชั้นสูง แต่สิ่งของน่าอัศจรรย์ใจประณีตงดงามเหล่านี้นางไม่เคยเห็นมาก่อนอินชิงเสวียนเปิดขวดน้ำหอมลูกกลิ้งออกมาแล้วทาลงไปที่หลังมือของนาง"เจ้าสิ่งน

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 52 พบเย่จิ่งเย่าอีกแล้ว

    อินชิงเสวียนได้ยินอย่างชัดเจน เมื่อครู่เจ้าหนูพูดออกมาว่าแม่นางเอื้อมมือออกไปจิ้มแก้มน้อยๆ ของเขาที่อ่อนนุ่ม“เจ้าเรียกให้ข้าฟังอีกครั้งสิ”เจ้าหมาน้อยใช้ดวงตาอันดำขลับจ้องไปที่นาง แต่มิได้เอ่ยสิ่งใดอีก“ดูเหมือนว่าจะบังเอิญพูดออกมาเท่านั้น หากเด็กเล็กขนาดนี้พูดได้คงน่าตกใจน่าดู”อินชิงเสวียนเล่นอยู่กับเจ้าหนูน้อยอีกสักพัก ก่อนคืนเจ้าหมาน้อยให้กับยายหลี่ ส่วนตนกลับเข้าไปในมิติแล้วนำผักผลไม้ รวมถึงข้าวและแป้งออกมา จากนั้นจึงไปยังร้านค้าคะแนนสะสมเพื่อแลกปีกไก่และเนื้อหมูด้วยความไวในการเติบโตของเมล็ดพันธุ์ในมิติ มันทั้งโตและสุกเร็วกว่าข้างนอกหลายเท่า เมื่อนางเห็นว่าในนิติมีแป้งและข้าวจำนวนหลายร้อยกระสอบวางอยู่ก็หนักใจอินชิงเสวียนยกมือขึ้นเคาะศีรษะของตนแล้วเดินทางออกจากมิติไปเอาเป็นว่าของเหล่านี้ยังมิบูดเน่าง่ายๆ เอาไว้ที่นี่ก่อนก็แล้วกัน เมื่อมีโอกาสค่อยจัดการเมื่อเห็นว่าเจ้านายของตนนำอาหารกลับมาเยอะแยะมากมาย อวิ๋นฉ่ายก็ดวงตาเป็นประกายด้วยความดีใจ"ท่านปู่เซียนช่างดีกับเจ้านายเหลือเกิน ทุกครั้งท่านได้ให้อาหารการกินมามากมาย"“นั่นน่ะสิ นี่เรียกว่าทำดีได้ดี!"อินชิงเสวียนเผ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 53 เพลิงไร้นาม

    "เสด็จพี่ของข้าคงต้องรออีกสักพักจึงจะเสร็จการประชุม เสี่ยวกงกงมิจำเป็นต้องรีบร้อนปานนั้น"เย่จิ่งเย่าเข้ามาขวางทางเอาไว้ รอยยิ้มในแววตาดูเข้มข้นขึ้น"เสี่ยวกงกงเหตุใดจึงดูกลัวข้าเช่นนั้น"อินชิงเสวียนถอยหลังออกไปก้าวหนึ่งแล้วกล่าวอย่างรีบร้อนใจว่า "ท่านเป็นถึงอ๋อง กระหม่อมเป็นเพียงบ่าว กระหม่อมย่อมต้องยำเกรงต่อเจ้านาย"เย่จิ่งเย่าส่งเสียงหึๆ ออกมา "ช่างตอบได้ดีนัก ในเมื่อเจ้าเข้าใจอย่างถ่องแท้ก็จงติดตามข้ามา ข้ามิได้เข้าวังมานับปีแล้ว มิรู้ว่าเสด็จพี่ของข้าชื่นชอบสิ่งใดบ้างในช่วงนี้""กระหม่อมเองก็เพิ่งถูกย้ายให้มารับใช้ข้างกายฮ่องเต้ ยังมิค่อยรู้เรื่องราวของฮ่องเต้เท่าไรนัก หากท่านอ๋องประสงค์จะทราบสามารถสอบถามหลี่กงกงได้ กระหม่อมมีหน้าที่ดูแลดอกไม้และต้นไม้ในสวนอวิ๋นเซียง มิสะดวกที่จะอยู่เป็นเวลานาน ท่านอ๋องได้โปรดอภัยด้วย"อินชิงเสวียนคิดอยากจะจากไปให้รวดเร็ว คนคนนี้น่ากลัวกว่าเย่จิ่งอวี้เสียอีกเขาคบหากับเจ้าของร่างเดิมมาได้หนึ่งปี เรียกได้ว่าใกล้จะแต่งงานกันอยู่แล้ว จู่ๆ เขากลับไปแต่งงานกับบุตรสาวของโหวเหนือช่างมิต่างอันใดกับขยะน่ารังเกียจอินชิงเสวียนรีบเดินอ้อมไปจากเขาอย่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 54 ออกวัง

    เมื่อได้ยินประโยคนี้อินชิงเสวียนก็ชะงักลงหากมองจากมุมมองของฮ่องเต้ เย่จิ่งอวี้เป็นฮ่องเต้ที่ดีคนหนึ่งเขาใส่ใจประชาชนจริงๆ เมื่อนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาในช่วงนี้ หากเขามิได้ทำงานหามรุ่งหามค่ำ ก็ปรึกษาหารือกับเหล่าขุนนางทั้งหลายว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนดูดีกินดี ในใจของนางก็เกิดความชื่นชมนับถือแต่คนคนนี้กลับเย็นชาต่อภรรยาของตนยิ่งนัก ช่างน่าโกรธแค้นเหลือเกินหรือเย่จิ่งอวี้จะมิชอบสตรีเมื่อนึกได้ดังนี้อินชิงเสวียนก็ขนลุกขนพองแม้ว่าในยุคปัจจุบัน นางจะเป็นสาววาย แต่นางก็มิอาจยอมรับกับเรื่องนี้ได้หากเกิดขึ้นกับตนเมื่อจินตนาการถึงภาพของเย่จิ่งอวี้ที่กอดจูบลูบคลำผู้ชาย ภาพนั้นช่างร้อนแรงแสบตาเหลือเกินด้านนอกประตู เย่จิ่งอวี้ได้ขึ้นเกี้ยวมังกรไปแล้วเมื่อก้าวออกไปด้านนอก อากาศก็ร้อนระอุ อุณหภูมิอย่างน้อยน่าจะอยู่ที่ 36 องศาเห็นจะได้ในเวลานี้อินชิงเสวียนอยากจะกัดลิ้นของตัวเองเหลือเกิน เหตุใดจู่ๆ จึงได้รายงานว่าเมล็ดพันธุ์เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว นั่งเย็นๆ อยู่ในห้องทรงพระอักษรมิดีกว่าหรือ รนหาเรื่องใส่ตัวจริงๆ เมื่อมองไปยังเย่จิ่งอวี้ที่ร้อนเสียจนขมวดคิ้วเข้าหากัน ในที่สุดหัวใจนา

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1465 คนแพศยามักจะสำออยแบบนี้แหละ

    ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1464 แพศยาอย่างเธอ

    เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1463 ฉันชื่อเย่จิ่งหลาน

    ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1462 ปีศาจในชุดดำ

    “แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1461 เศษสวะ

    ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1460 ความคิดชั่วร้าย

    ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1459 เรื่องด่วน

    “ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1458 ขายความน่ารัก

    เสี่ยวหนานเฟิงกางมือเล็กๆ ออก แล้วถามด้วยน้ำเสียงแหลมใสไร้เดียงสาว่า “ภารกิจอะไรอ่ะ”“ไปหาพี่สาวลั่ว”อินชิงเสวียนหยิบน้ำพุวิญญาณออกมาล้างมือที่สกปรกของเสี่ยวหนานเฟิง จากนั้นเช็ดด้วยผ้าเช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อ“อีกประเดี๋ยวเจ้าต้องขายความน่ารัก แม่จะถือโอกาสถามอะไรบางอย่าง”เสี่ยวหนานเฟิงดูสับสน กะพริบตาโตแล้วถามว่า “ขายความน่ารักหมายความว่าอย่างไร ต้องขายให้ได้เงินมากไหม”อินชิงเสวียนหัวเราะเบาๆ“ท่าทางตอนนี้ของเจ้าก็น่ารักบ้องแบ๊วอยู่แล้ว ให้เป็นแบบนี้ต่อก็พอแล้ว”เสี่ยวหนานเฟิงตอบว่าอ้อ และทันใดนั้นก็พูดอย่างตื่นเต้น “พี่สาวลั่วทำหน้าอมทุกข์อยู่ตลอด เราเอาให้ลูกกวาดให้นางก็ได้นะ”อินชิงเสวียนพยักหน้าเห็นด้วย“อื้ม นี่เป็นความคิดที่ดี”นางโบกมือและหยิบถุงลูกกวาดมาจากมิติ“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็มอบให้พี่สาวลั่วนะ”“ตกลง”เสี่ยวหนานเฟิงยื่นมือเล็กๆ ออกมาเพื่อหยิบมัน แล้วถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนิ่ม “ลูกได้ยินจากเสด็จพ่อบอกว่าอาจิ่งหลานหายไป ท่านแม่หาลุงเจอไหม”อินชิงเสวียนถอนหายใจ “ไม่รู้ บางทีเขาอาจจะกลับไปยังที่ของตัวเองแล้ว สำหรับเขาแล้ว แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”เสี่ยวหนานเฟิงเอียง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1457 อย่าพูดจาเหลวไหล

    “แต่ตอนนี้เราไม่ยังตามหาตัวเย่จิ่งหลานไม่พบ ยังมีวิธีอื่นใดที่จะสามารถล่อให้ศิลาตอบสวรรค์ปรากฏตัวได้หรือไม่”อินชิงเสวียนลูบคาง ปัญหาดูเหมือนจะกลับมาที่จุดเดิมนักพรตเทียนชิงกล่าวว่า “ไม่มี ศิลาตอบสวรรค์จะลงโทษคนที่ชั่วร้ายอย่างยิ่งเท่านั้น ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางออกจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์”ลั่วสุ่ยชิงก็ขมวดคิ้วเช่นกัน“นี่เป็นปัญหาที่แก้ไขยากจริงๆ”อินชิงเสวียนถามอย่างสงสัย “ศิลาตอบสวรรค์จะมีประโยชน์อะไรกับชิงฮุย”ลั่วสุ่ยชิงกล่าวว่า “เขาต้องการเป็นเซียน”“อ๋า?”อินชิงเสวียนมองไปที่ลั่วสุ่ยชิงด้วยความประหลาดใจลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างใจเย็น “ในแคว้นเฟยเหยา มีตำนานเล่าขานมาตลอด ตราบใดที่ได้รับศิลาตอบสวรรค์ ก็สามารถหลุดพ้นจากปัญจธาตุได้ สามารถข้ามผ่านวิบากกรรมและบรรลุขั้นสูงสุด บรรลุเป็นเซียน เสด็จพ่อของข้ามีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า ตามหาที่อยู่ของศิลาตอบสวรรค์มาโดยตลอด เมื่อแคว้นเฟยเหยาถูกบุกโจมตี เคยมีคนกระตุ้นศิลาตอบสวรรค์ แต่ถึงกระนั้น หินก้อนนั้นก็ยังคงหายไป พ่อของข้าติดตามกลิ่นอายนั้นไป จนพบแดนศักดิ์สิทธิ์ และได้สรุปว่าศิลาตอบสวรรค์อยู่ที่นั่น”“ผู้ที่เป็นคนกระตุ้นคือใคร เป็นชิ

DMCA.com Protection Status