Share

บทที่ 50 มาได้พอดี

Author: ม่อเยี่ยน
อินชิงเสวียนราวกับได้หลุดพ้น เมื่อเดินออกมาถึงนอกตำหนักก็พบเข้ากับหลี่เต๋อฝู

“จะวิ่งไปไหน อย่าได้เสียมารยาทต่อหน้าพระตำหนัก”

หลี่เต๋อฝูหรี่เสียงตวาดออกมาตำหนิ

อินชิงเสวียนกล่าวว่า “ฝ่าบาทให้ข้าออกมารอด้านนอก”

หลี่เต๋อฝูชี้นิ้วไปที่เตียงตั่งเล็กๆ ด้านนอก

“เช่นนั้นจงไปรอที่นั่น คืนนี้เจ้านอนที่นี่ กระตือรือร้นเข้าล่ะ ยามวิกาลหากฝ่าบาทลุกขึ้นมา จงถือโถมังกรให้ฝ่าบาทด้วย”

อินชิงเสวียนงุนงง “โถมังกรคือสิ่งใด”

หลี่เต๋อฝูกล่าวเสียงเบาว่า “โถปัสสาวะ”

“หา!”

ใบหน้าของอินชิงเสวียนร้อนผ่าวจนแทบไหม้

จริงหรือ ต้องช่วยเย่จิ่งอวี้ทำไอ้นั่น

ถึงร่างของนางตอนนี้จะเคยมีลูกมาแล้ว แต่ตัวจริงๆ ของนางยังเป็นสาวแรกรุ่น ไม่เคยจับมือผู้ชายด้วยซ้ำ จะให้ไปจับไอ้นั่นเนี่ยนะ...

วินาทีนี้อินชิงเสวียนอยากจะเอาหัวชนกำแพงเหลือเกิน

หลี่เต๋อฝูกล่าวอย่างหงุดหงิดว่า “อะไรกัน มีผู้คนมากมายอยากได้รับเกียรตินี้รู้หรือไม่”

อินชิงเสวียนพึมพำว่า “งั้นเก็บเกียรตินี้ไว้ให้หลี่กงกงเถอะ”

“นี่คือรางวัลที่ฝ่าบาทประทานให้ คิดจะให้ใครก็ได้หรือ”

หลี่เต๋อฝูตำหนิออกมาแล้วหันหลังจากไป

อินชิงเสวียนขมวดคิ้วเข้าหากัน นางแอบด่าใ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Piyachon Mailtang
ขำนหนักมาก5555 สนุกมากจริงๆเรื่องนี้ค่ะ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 51 เรียกมารดาแล้ว

    ซูฉ่ายเวยกล่าวด้วยใบหน้าตื่นเต้นเล็กน้อย "ต้องการสิ่งใด เสี่ยวกงกงกล่าวมาเถิด มิต้องเกรงใจ เพียงแค่ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ ต้องจ่ายเท่าไหร่ข้าก็ยอม”ในวังหลังนี้มิมีสิ่งใดสำคัญไปกว่าการได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้อีกแล้วเมื่อวานนี้นางเพิ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นผิน กรมวังได้นำผ้ามากมายมาให้นาง ไหนจะเครื่องประดับและไข่มุกอีก 3 กล่องใหญ่ ก่อนหน้านี้นางมิกล้าแม้แต่จะจินตนาการอินชิงเสวียนหยิบน้ำหอมออกมาจากกระเป๋าเสื้อ แล้วยิ้มขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์เหมือนจิ้งจอกสาว"ฝ่าบาทชื่นชอบน้ำหอมกลิ่นนี้ยิ่งนัก หากเหนียงเหนียงใช้มันละก็คงจะสำเร็จไปกว่าครึ่ง และยังมีสีผึ้งทาปากที่ส่งมาจากแดนไกลล้วนเป็นของหายาก สีสันงดงามมีกลิ่นหอมอ่อนๆ จากธรรมชาติ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นของสำคัญที่จะทำให้เหนียงเหนียงได้รับความรักความโปรดปราน"ซูฉ่ายเวยมองไปยังขวดใสที่ดูแพรวพราว อีกทั้งสีผึ้งทาปากที่สามารถยืดหดเองได้ แววตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจนางก็นับว่าเกิดมาจากตระกูลชั้นสูง แต่สิ่งของน่าอัศจรรย์ใจประณีตงดงามเหล่านี้นางไม่เคยเห็นมาก่อนอินชิงเสวียนเปิดขวดน้ำหอมลูกกลิ้งออกมาแล้วทาลงไปที่หลังมือของนาง"เจ้าสิ่งน

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 52 พบเย่จิ่งเย่าอีกแล้ว

    อินชิงเสวียนได้ยินอย่างชัดเจน เมื่อครู่เจ้าหนูพูดออกมาว่าแม่นางเอื้อมมือออกไปจิ้มแก้มน้อยๆ ของเขาที่อ่อนนุ่ม“เจ้าเรียกให้ข้าฟังอีกครั้งสิ”เจ้าหมาน้อยใช้ดวงตาอันดำขลับจ้องไปที่นาง แต่มิได้เอ่ยสิ่งใดอีก“ดูเหมือนว่าจะบังเอิญพูดออกมาเท่านั้น หากเด็กเล็กขนาดนี้พูดได้คงน่าตกใจน่าดู”อินชิงเสวียนเล่นอยู่กับเจ้าหนูน้อยอีกสักพัก ก่อนคืนเจ้าหมาน้อยให้กับยายหลี่ ส่วนตนกลับเข้าไปในมิติแล้วนำผักผลไม้ รวมถึงข้าวและแป้งออกมา จากนั้นจึงไปยังร้านค้าคะแนนสะสมเพื่อแลกปีกไก่และเนื้อหมูด้วยความไวในการเติบโตของเมล็ดพันธุ์ในมิติ มันทั้งโตและสุกเร็วกว่าข้างนอกหลายเท่า เมื่อนางเห็นว่าในนิติมีแป้งและข้าวจำนวนหลายร้อยกระสอบวางอยู่ก็หนักใจอินชิงเสวียนยกมือขึ้นเคาะศีรษะของตนแล้วเดินทางออกจากมิติไปเอาเป็นว่าของเหล่านี้ยังมิบูดเน่าง่ายๆ เอาไว้ที่นี่ก่อนก็แล้วกัน เมื่อมีโอกาสค่อยจัดการเมื่อเห็นว่าเจ้านายของตนนำอาหารกลับมาเยอะแยะมากมาย อวิ๋นฉ่ายก็ดวงตาเป็นประกายด้วยความดีใจ"ท่านปู่เซียนช่างดีกับเจ้านายเหลือเกิน ทุกครั้งท่านได้ให้อาหารการกินมามากมาย"“นั่นน่ะสิ นี่เรียกว่าทำดีได้ดี!"อินชิงเสวียนเผ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 53 เพลิงไร้นาม

    "เสด็จพี่ของข้าคงต้องรออีกสักพักจึงจะเสร็จการประชุม เสี่ยวกงกงมิจำเป็นต้องรีบร้อนปานนั้น"เย่จิ่งเย่าเข้ามาขวางทางเอาไว้ รอยยิ้มในแววตาดูเข้มข้นขึ้น"เสี่ยวกงกงเหตุใดจึงดูกลัวข้าเช่นนั้น"อินชิงเสวียนถอยหลังออกไปก้าวหนึ่งแล้วกล่าวอย่างรีบร้อนใจว่า "ท่านเป็นถึงอ๋อง กระหม่อมเป็นเพียงบ่าว กระหม่อมย่อมต้องยำเกรงต่อเจ้านาย"เย่จิ่งเย่าส่งเสียงหึๆ ออกมา "ช่างตอบได้ดีนัก ในเมื่อเจ้าเข้าใจอย่างถ่องแท้ก็จงติดตามข้ามา ข้ามิได้เข้าวังมานับปีแล้ว มิรู้ว่าเสด็จพี่ของข้าชื่นชอบสิ่งใดบ้างในช่วงนี้""กระหม่อมเองก็เพิ่งถูกย้ายให้มารับใช้ข้างกายฮ่องเต้ ยังมิค่อยรู้เรื่องราวของฮ่องเต้เท่าไรนัก หากท่านอ๋องประสงค์จะทราบสามารถสอบถามหลี่กงกงได้ กระหม่อมมีหน้าที่ดูแลดอกไม้และต้นไม้ในสวนอวิ๋นเซียง มิสะดวกที่จะอยู่เป็นเวลานาน ท่านอ๋องได้โปรดอภัยด้วย"อินชิงเสวียนคิดอยากจะจากไปให้รวดเร็ว คนคนนี้น่ากลัวกว่าเย่จิ่งอวี้เสียอีกเขาคบหากับเจ้าของร่างเดิมมาได้หนึ่งปี เรียกได้ว่าใกล้จะแต่งงานกันอยู่แล้ว จู่ๆ เขากลับไปแต่งงานกับบุตรสาวของโหวเหนือช่างมิต่างอันใดกับขยะน่ารังเกียจอินชิงเสวียนรีบเดินอ้อมไปจากเขาอย่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 54 ออกวัง

    เมื่อได้ยินประโยคนี้อินชิงเสวียนก็ชะงักลงหากมองจากมุมมองของฮ่องเต้ เย่จิ่งอวี้เป็นฮ่องเต้ที่ดีคนหนึ่งเขาใส่ใจประชาชนจริงๆ เมื่อนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาในช่วงนี้ หากเขามิได้ทำงานหามรุ่งหามค่ำ ก็ปรึกษาหารือกับเหล่าขุนนางทั้งหลายว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนดูดีกินดี ในใจของนางก็เกิดความชื่นชมนับถือแต่คนคนนี้กลับเย็นชาต่อภรรยาของตนยิ่งนัก ช่างน่าโกรธแค้นเหลือเกินหรือเย่จิ่งอวี้จะมิชอบสตรีเมื่อนึกได้ดังนี้อินชิงเสวียนก็ขนลุกขนพองแม้ว่าในยุคปัจจุบัน นางจะเป็นสาววาย แต่นางก็มิอาจยอมรับกับเรื่องนี้ได้หากเกิดขึ้นกับตนเมื่อจินตนาการถึงภาพของเย่จิ่งอวี้ที่กอดจูบลูบคลำผู้ชาย ภาพนั้นช่างร้อนแรงแสบตาเหลือเกินด้านนอกประตู เย่จิ่งอวี้ได้ขึ้นเกี้ยวมังกรไปแล้วเมื่อก้าวออกไปด้านนอก อากาศก็ร้อนระอุ อุณหภูมิอย่างน้อยน่าจะอยู่ที่ 36 องศาเห็นจะได้ในเวลานี้อินชิงเสวียนอยากจะกัดลิ้นของตัวเองเหลือเกิน เหตุใดจู่ๆ จึงได้รายงานว่าเมล็ดพันธุ์เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว นั่งเย็นๆ อยู่ในห้องทรงพระอักษรมิดีกว่าหรือ รนหาเรื่องใส่ตัวจริงๆ เมื่อมองไปยังเย่จิ่งอวี้ที่ร้อนเสียจนขมวดคิ้วเข้าหากัน ในที่สุดหัวใจนา

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 55 ซื้อบ้าน

    อินชิงเสวียนรู้สึกขนลุกคนพองขึ้นมาทันทีแล้วรีบดึงเสี่ยวอานจื่อไปด้านข้าง"เจ้าเสมือนพี่น้องของข้า มิต้องเกรงใจไปหรอก""ข้าเข้าใจแล้ว" เสี่ยวอานจื่อตอบรับ ยิ้มจนปากแทบจะฉีกถึงหูทั้งสองคนเดินทางมายังถนนที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในย่านเมืองหลวง อินชิงเสวียนส่งเสี่ยวอานจื่อเข้าไปในโรงเตี๊ยมที่ค่อนข้างหรูหรา จัดแจงให้เสี่ยวอานจื่อเข้าพัก จากนั้นกำชับให้เขากินดื่มได้ตามใจชอบ มิต้องเกรงใจใดๆ ทั้งสิ้น ก่อนจะเดินทางจากไปเพียงลำพังอินชิงเสวียนที่ยืนอยู่บนถนนทอดยาวซึ่งมีผู้คนพลุกพล่านรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยหากนางฉวยโอกาสนี้หนีหรือไปซ่อนที่ใดสักแห่ง คาดว่าเย่จิ่งอวี้คงตามตัวนางไม่พบเนื่องจากในสมัยโบราณนั้นไม่มีกล้องวงจรปิดแต่เมื่อนึกถึงอวิ๋นฉ่ายและยายหลี่ที่อยู่ในวังเย็น ความตื่นเต้นเมื่อครู่และความคิดหุนหันพลันแล่นนั้นก็สงบลงอินชิงเสวียนสัญญากับเจ้าของร่างเดิมเอาไว้ว่าจะปกป้องลูกของนาง และดูแลอวิ๋นฉ่ายกับยายหลี่ ต้องพาพวกนางออกมาจาก พระราชวังหลวงแล้วใช้ชีวิตอย่างอิสระให้ได้ตั้งแต่เล็กจนโต คุณย่าสอนนางให้เป็นคนมีคุณธรรม สิ่งใดที่ให้สัญญากับผู้อื่นไว้ต้องทำให้ได้ตามสัญญา ดังนั้นนางจะไม่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 56 เจ้าบทเจ้าละคร

    อินชิงเสวียนรู้ว่านางกำลังสงสัยอะไร ในความจริงเรื่องนี้มันก็อธิบายได้ยาก ดังนั้นจึงเปลี่ยนหัวข้อการสนทนาไปในทิศทางอื่น “ฮว๋าเซี่ยเป็นประเทศใหญ่ทางตะวันออก อุดมไปด้วยทรัพยากร และที่นั่นก็ยังมีพืชผักอีกมากมายที่คนที่นี่มิเคยเห็นมากก่อน”ขณะที่พูดก็หยิบเมล็ดพืชผักออกมาจากอ้อมแขนของตนเอง“สิ่งเหล่านี้คือเมล็ดพืช หากท่านขุดดินและสามารถปลูกมันขึ้นมาได้ ท่านก็จะมีผักพวกนี้ไว้กินในฤดูใบไม้ร่วง”เหล่าหลิวไท่ไท่รับเมล็ดพันธุ์พืชมา แววตาของนางยังคงจ้องมองไปยังเมล็ดข้าวและแป้งสาลี ไม่รู้ว่าจะกินมันได้อย่างไรอินชิงเสวียนเข้าใจความคิดของนาง เมื่อคิดจะช่วยเหลือแล้วแน่นอนว่าต้องช่วยให้ถึงที่สุด นางพับแขนเสื้อขึ้นเพื่อทำกับข้าวให้กับคนทั้งครอบครัวกิน ตุ๋นมะเขือยาวให้กับพวกนาง ผัดพริกกับลูกพลับเข้าด้วยกัน กลิ่นเปรี้ยวฉุนโชยออกมาทำให้ชื่นใจ นี่เป็นครั้งแรกสำหรับพวกเขาที่ได้ทานอาหารที่รสชาติอร่อยถึงเพียงนี้ อดใจปล่อยให้อาหารเหลืออยู่ไม่ได้ อาหารทุกชามว่างเปล่า พวกเด็กๆ กอดชามไว้ ไม่อยากที่จะปล่อยมันไป เหล่าหลิวไท่ไท่ดุพวกเขาจนเสียขวัญพร้อมกับแย่งชามกลับมาจากพวกเขาเมื่อจ้องมองเด็กสามคนที่ร่างก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 57 มิอาจถูกความงามล่อลวง

    เสี่ยวอานจื่อนำมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาโดยมิรู้ตัว เขากล่าวกับอินชิงเสวียนว่า “น้องชาย ชีวิตของเจ้านั้นไม่ง่ายเลยจริงๆ”ดวงตาคู่นั้นของอินชิงเสวียนเองก็เป็นสีแดง พูดกับเด็กๆ เหมือนกับมิอาจตัดใจได้ “อีกเดี๋ยวพ่อก็จะกลับมาหาพวกเจ้าแล้ว อยู่บ้านก็เป็นเด็กดีของย่า พ่อต้องไปแล้ว”หลังจากพูดจบ นางก็ส่งเด็กๆ กลับไปด้วยสีหน้าอันมุ่งมั่น แล้วเดินออกนอกประตูไปโดยมิได้หันกลับมามอง เสี่ยวอานจื่อรีบวิ่งตามออกมา เขาถามด้วยความเป็นห่วงว่า “เสี่ยวเสวียนจือ เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”อินชิงเสวียนขยี้ตาคู่นั้นแล้วหันกลับมายิ้มให้กับเสี่ยวอานจื่อ“แม้จะมิเต็มใจก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้ เฮ้อ นี่แหละหนาชีวิต พวกเรารีบไปกันเถอะ”เสี่ยวอานจื่อถอนหายใจออกมา “คิดมิถึงเลยว่าเจ้าจะมีลูกสามคนแล้วจริงๆ”จากนั้นก็ถามออกมาด้วยความสงสัย “ข้าเห็นว่าเจ้าน่าจะมีอายุประมาณสิบเจ็ดถึงสิบแปดปี แต่ลูกสาวคนโตของเจ้าน่าจะมีอายุหกถึงเจ็ดปีได้”อินชิงเสวียนแทบจะสำลักน้ำลายของตัวเอง กระแอมออกมา “แค่กๆ ......ที่จริงข้าอายุยี่สิบกว่าแล้ว เพียงแต่รูปลักษณ์ของข้าดูอ่อนเยาว์เท่านั้น”เสี่ยวอานจื่อพูดด้วยความตระหนักรู้ในทันใด “ไม่แปลกใจ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 58 องค์หญิงคงไม่ใช่ชาวบ้านผู้อดอยากแปลงกายมาหรอกนะ

    เย่จิ่งอวี้มือไขว้หลัง ค่อยๆ เดินไปอยู่ตรงหน้ารถม้าดูข้าวสารที่ใส่อยู่เต็มถังไม้ ถามขึ้นมาว่า “นี่คือสิ่งใด”“นี่คือข้าวสาร ปลูกจากนา และเป็นที่แพร่หลายในแคว้นหวาซย่า ช่วยให้อิ่มท้องได้นานมาก อีกทั้งรสชาติดียิ่งนัก”อินชิงเสวียนชี้ไปที่แป้งขาว พูดแนะนำให้เย่จิ่งอวี้ฟังว่า “นี่เป็นแป้งสาลีที่กระหม่อมใช้ห่อเกี๊ยวให้ฝ่าบาท เรียกกันว่าแป้ง ที่ปลูกอยู่ในวนอวิ๋นเซียง สามารถทำเป็นสิ่งนี้ได้ ที่เหลือก็คือเมล็ดพันธุ์” เย่จิ่งอวี้มองดูแป้งขาว กล่าวว่าประเสริฐยิ่งไม่หยุด คิดไม่ถึงว่าของเช่นนี้จะเปลี่ยนเป็นเกี๊ยวแสนอร่อยเพียงนั้นได้ จากนั้นก็มองไปที่ข้าวสาร ครุ่นคิดว่าสิ่งนี้จะมีรสชาติเช่นไรอินชิงเสวียนรีบเร่งอธิบาย “หากฝ่าบาทอยากเสวย กระหม่อมจะจัดเตรียมให้”เย่จิ่งอวี้พยักหน้า แล้วกวาดตามองเมล็ดพันธุ์เหล่านั้นยื่นมือหยิบขึ้นมาหนึ่งกำมือ เห็นเมล็ดพันธุ์เต่งตึง นัยน์ตาน้ำลึกเปี่ยมด้วยความสุข“ดี ดียิ่งนัก เมล็ดพันธุ์มากมายเช่นนี้จะให้ผลผลิตเมล็ดพันธุ์อีกไม่น้อย หากปีหน้าลมฟ้าอากาศดี ประชากรต้าโจวไม่อดตายแล้ว”อิงชิงเสวียนมองดวงตาหงส์ของเย่จิ่งอวี้ที่ยิ้มอยู่ อินชิงเสวียนอดนึกถึงคำพูดที

Latest chapter

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1534 ท่านพี่ช่วยข้าได้ไหม

    “ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1533 เจ้าน่ะ ยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนเดิม

    “ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1532 คืนชีวิตให้ท่านแล้วจะเป็นไร

    “เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status