ซูฉ่ายเวยกล่าวด้วยใบหน้าตื่นเต้นเล็กน้อย "ต้องการสิ่งใด เสี่ยวกงกงกล่าวมาเถิด มิต้องเกรงใจ เพียงแค่ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ ต้องจ่ายเท่าไหร่ข้าก็ยอม”ในวังหลังนี้มิมีสิ่งใดสำคัญไปกว่าการได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้อีกแล้วเมื่อวานนี้นางเพิ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นผิน กรมวังได้นำผ้ามากมายมาให้นาง ไหนจะเครื่องประดับและไข่มุกอีก 3 กล่องใหญ่ ก่อนหน้านี้นางมิกล้าแม้แต่จะจินตนาการอินชิงเสวียนหยิบน้ำหอมออกมาจากกระเป๋าเสื้อ แล้วยิ้มขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์เหมือนจิ้งจอกสาว"ฝ่าบาทชื่นชอบน้ำหอมกลิ่นนี้ยิ่งนัก หากเหนียงเหนียงใช้มันละก็คงจะสำเร็จไปกว่าครึ่ง และยังมีสีผึ้งทาปากที่ส่งมาจากแดนไกลล้วนเป็นของหายาก สีสันงดงามมีกลิ่นหอมอ่อนๆ จากธรรมชาติ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นของสำคัญที่จะทำให้เหนียงเหนียงได้รับความรักความโปรดปราน"ซูฉ่ายเวยมองไปยังขวดใสที่ดูแพรวพราว อีกทั้งสีผึ้งทาปากที่สามารถยืดหดเองได้ แววตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจนางก็นับว่าเกิดมาจากตระกูลชั้นสูง แต่สิ่งของน่าอัศจรรย์ใจประณีตงดงามเหล่านี้นางไม่เคยเห็นมาก่อนอินชิงเสวียนเปิดขวดน้ำหอมลูกกลิ้งออกมาแล้วทาลงไปที่หลังมือของนาง"เจ้าสิ่งน
อินชิงเสวียนได้ยินอย่างชัดเจน เมื่อครู่เจ้าหนูพูดออกมาว่าแม่นางเอื้อมมือออกไปจิ้มแก้มน้อยๆ ของเขาที่อ่อนนุ่ม“เจ้าเรียกให้ข้าฟังอีกครั้งสิ”เจ้าหมาน้อยใช้ดวงตาอันดำขลับจ้องไปที่นาง แต่มิได้เอ่ยสิ่งใดอีก“ดูเหมือนว่าจะบังเอิญพูดออกมาเท่านั้น หากเด็กเล็กขนาดนี้พูดได้คงน่าตกใจน่าดู”อินชิงเสวียนเล่นอยู่กับเจ้าหนูน้อยอีกสักพัก ก่อนคืนเจ้าหมาน้อยให้กับยายหลี่ ส่วนตนกลับเข้าไปในมิติแล้วนำผักผลไม้ รวมถึงข้าวและแป้งออกมา จากนั้นจึงไปยังร้านค้าคะแนนสะสมเพื่อแลกปีกไก่และเนื้อหมูด้วยความไวในการเติบโตของเมล็ดพันธุ์ในมิติ มันทั้งโตและสุกเร็วกว่าข้างนอกหลายเท่า เมื่อนางเห็นว่าในนิติมีแป้งและข้าวจำนวนหลายร้อยกระสอบวางอยู่ก็หนักใจอินชิงเสวียนยกมือขึ้นเคาะศีรษะของตนแล้วเดินทางออกจากมิติไปเอาเป็นว่าของเหล่านี้ยังมิบูดเน่าง่ายๆ เอาไว้ที่นี่ก่อนก็แล้วกัน เมื่อมีโอกาสค่อยจัดการเมื่อเห็นว่าเจ้านายของตนนำอาหารกลับมาเยอะแยะมากมาย อวิ๋นฉ่ายก็ดวงตาเป็นประกายด้วยความดีใจ"ท่านปู่เซียนช่างดีกับเจ้านายเหลือเกิน ทุกครั้งท่านได้ให้อาหารการกินมามากมาย"“นั่นน่ะสิ นี่เรียกว่าทำดีได้ดี!"อินชิงเสวียนเผ
"เสด็จพี่ของข้าคงต้องรออีกสักพักจึงจะเสร็จการประชุม เสี่ยวกงกงมิจำเป็นต้องรีบร้อนปานนั้น"เย่จิ่งเย่าเข้ามาขวางทางเอาไว้ รอยยิ้มในแววตาดูเข้มข้นขึ้น"เสี่ยวกงกงเหตุใดจึงดูกลัวข้าเช่นนั้น"อินชิงเสวียนถอยหลังออกไปก้าวหนึ่งแล้วกล่าวอย่างรีบร้อนใจว่า "ท่านเป็นถึงอ๋อง กระหม่อมเป็นเพียงบ่าว กระหม่อมย่อมต้องยำเกรงต่อเจ้านาย"เย่จิ่งเย่าส่งเสียงหึๆ ออกมา "ช่างตอบได้ดีนัก ในเมื่อเจ้าเข้าใจอย่างถ่องแท้ก็จงติดตามข้ามา ข้ามิได้เข้าวังมานับปีแล้ว มิรู้ว่าเสด็จพี่ของข้าชื่นชอบสิ่งใดบ้างในช่วงนี้""กระหม่อมเองก็เพิ่งถูกย้ายให้มารับใช้ข้างกายฮ่องเต้ ยังมิค่อยรู้เรื่องราวของฮ่องเต้เท่าไรนัก หากท่านอ๋องประสงค์จะทราบสามารถสอบถามหลี่กงกงได้ กระหม่อมมีหน้าที่ดูแลดอกไม้และต้นไม้ในสวนอวิ๋นเซียง มิสะดวกที่จะอยู่เป็นเวลานาน ท่านอ๋องได้โปรดอภัยด้วย"อินชิงเสวียนคิดอยากจะจากไปให้รวดเร็ว คนคนนี้น่ากลัวกว่าเย่จิ่งอวี้เสียอีกเขาคบหากับเจ้าของร่างเดิมมาได้หนึ่งปี เรียกได้ว่าใกล้จะแต่งงานกันอยู่แล้ว จู่ๆ เขากลับไปแต่งงานกับบุตรสาวของโหวเหนือช่างมิต่างอันใดกับขยะน่ารังเกียจอินชิงเสวียนรีบเดินอ้อมไปจากเขาอย่
เมื่อได้ยินประโยคนี้อินชิงเสวียนก็ชะงักลงหากมองจากมุมมองของฮ่องเต้ เย่จิ่งอวี้เป็นฮ่องเต้ที่ดีคนหนึ่งเขาใส่ใจประชาชนจริงๆ เมื่อนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาในช่วงนี้ หากเขามิได้ทำงานหามรุ่งหามค่ำ ก็ปรึกษาหารือกับเหล่าขุนนางทั้งหลายว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนดูดีกินดี ในใจของนางก็เกิดความชื่นชมนับถือแต่คนคนนี้กลับเย็นชาต่อภรรยาของตนยิ่งนัก ช่างน่าโกรธแค้นเหลือเกินหรือเย่จิ่งอวี้จะมิชอบสตรีเมื่อนึกได้ดังนี้อินชิงเสวียนก็ขนลุกขนพองแม้ว่าในยุคปัจจุบัน นางจะเป็นสาววาย แต่นางก็มิอาจยอมรับกับเรื่องนี้ได้หากเกิดขึ้นกับตนเมื่อจินตนาการถึงภาพของเย่จิ่งอวี้ที่กอดจูบลูบคลำผู้ชาย ภาพนั้นช่างร้อนแรงแสบตาเหลือเกินด้านนอกประตู เย่จิ่งอวี้ได้ขึ้นเกี้ยวมังกรไปแล้วเมื่อก้าวออกไปด้านนอก อากาศก็ร้อนระอุ อุณหภูมิอย่างน้อยน่าจะอยู่ที่ 36 องศาเห็นจะได้ในเวลานี้อินชิงเสวียนอยากจะกัดลิ้นของตัวเองเหลือเกิน เหตุใดจู่ๆ จึงได้รายงานว่าเมล็ดพันธุ์เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว นั่งเย็นๆ อยู่ในห้องทรงพระอักษรมิดีกว่าหรือ รนหาเรื่องใส่ตัวจริงๆ เมื่อมองไปยังเย่จิ่งอวี้ที่ร้อนเสียจนขมวดคิ้วเข้าหากัน ในที่สุดหัวใจนา
อินชิงเสวียนรู้สึกขนลุกคนพองขึ้นมาทันทีแล้วรีบดึงเสี่ยวอานจื่อไปด้านข้าง"เจ้าเสมือนพี่น้องของข้า มิต้องเกรงใจไปหรอก""ข้าเข้าใจแล้ว" เสี่ยวอานจื่อตอบรับ ยิ้มจนปากแทบจะฉีกถึงหูทั้งสองคนเดินทางมายังถนนที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในย่านเมืองหลวง อินชิงเสวียนส่งเสี่ยวอานจื่อเข้าไปในโรงเตี๊ยมที่ค่อนข้างหรูหรา จัดแจงให้เสี่ยวอานจื่อเข้าพัก จากนั้นกำชับให้เขากินดื่มได้ตามใจชอบ มิต้องเกรงใจใดๆ ทั้งสิ้น ก่อนจะเดินทางจากไปเพียงลำพังอินชิงเสวียนที่ยืนอยู่บนถนนทอดยาวซึ่งมีผู้คนพลุกพล่านรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยหากนางฉวยโอกาสนี้หนีหรือไปซ่อนที่ใดสักแห่ง คาดว่าเย่จิ่งอวี้คงตามตัวนางไม่พบเนื่องจากในสมัยโบราณนั้นไม่มีกล้องวงจรปิดแต่เมื่อนึกถึงอวิ๋นฉ่ายและยายหลี่ที่อยู่ในวังเย็น ความตื่นเต้นเมื่อครู่และความคิดหุนหันพลันแล่นนั้นก็สงบลงอินชิงเสวียนสัญญากับเจ้าของร่างเดิมเอาไว้ว่าจะปกป้องลูกของนาง และดูแลอวิ๋นฉ่ายกับยายหลี่ ต้องพาพวกนางออกมาจาก พระราชวังหลวงแล้วใช้ชีวิตอย่างอิสระให้ได้ตั้งแต่เล็กจนโต คุณย่าสอนนางให้เป็นคนมีคุณธรรม สิ่งใดที่ให้สัญญากับผู้อื่นไว้ต้องทำให้ได้ตามสัญญา ดังนั้นนางจะไม่
อินชิงเสวียนรู้ว่านางกำลังสงสัยอะไร ในความจริงเรื่องนี้มันก็อธิบายได้ยาก ดังนั้นจึงเปลี่ยนหัวข้อการสนทนาไปในทิศทางอื่น “ฮว๋าเซี่ยเป็นประเทศใหญ่ทางตะวันออก อุดมไปด้วยทรัพยากร และที่นั่นก็ยังมีพืชผักอีกมากมายที่คนที่นี่มิเคยเห็นมากก่อน”ขณะที่พูดก็หยิบเมล็ดพืชผักออกมาจากอ้อมแขนของตนเอง“สิ่งเหล่านี้คือเมล็ดพืช หากท่านขุดดินและสามารถปลูกมันขึ้นมาได้ ท่านก็จะมีผักพวกนี้ไว้กินในฤดูใบไม้ร่วง”เหล่าหลิวไท่ไท่รับเมล็ดพันธุ์พืชมา แววตาของนางยังคงจ้องมองไปยังเมล็ดข้าวและแป้งสาลี ไม่รู้ว่าจะกินมันได้อย่างไรอินชิงเสวียนเข้าใจความคิดของนาง เมื่อคิดจะช่วยเหลือแล้วแน่นอนว่าต้องช่วยให้ถึงที่สุด นางพับแขนเสื้อขึ้นเพื่อทำกับข้าวให้กับคนทั้งครอบครัวกิน ตุ๋นมะเขือยาวให้กับพวกนาง ผัดพริกกับลูกพลับเข้าด้วยกัน กลิ่นเปรี้ยวฉุนโชยออกมาทำให้ชื่นใจ นี่เป็นครั้งแรกสำหรับพวกเขาที่ได้ทานอาหารที่รสชาติอร่อยถึงเพียงนี้ อดใจปล่อยให้อาหารเหลืออยู่ไม่ได้ อาหารทุกชามว่างเปล่า พวกเด็กๆ กอดชามไว้ ไม่อยากที่จะปล่อยมันไป เหล่าหลิวไท่ไท่ดุพวกเขาจนเสียขวัญพร้อมกับแย่งชามกลับมาจากพวกเขาเมื่อจ้องมองเด็กสามคนที่ร่างก
เสี่ยวอานจื่อนำมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาโดยมิรู้ตัว เขากล่าวกับอินชิงเสวียนว่า “น้องชาย ชีวิตของเจ้านั้นไม่ง่ายเลยจริงๆ”ดวงตาคู่นั้นของอินชิงเสวียนเองก็เป็นสีแดง พูดกับเด็กๆ เหมือนกับมิอาจตัดใจได้ “อีกเดี๋ยวพ่อก็จะกลับมาหาพวกเจ้าแล้ว อยู่บ้านก็เป็นเด็กดีของย่า พ่อต้องไปแล้ว”หลังจากพูดจบ นางก็ส่งเด็กๆ กลับไปด้วยสีหน้าอันมุ่งมั่น แล้วเดินออกนอกประตูไปโดยมิได้หันกลับมามอง เสี่ยวอานจื่อรีบวิ่งตามออกมา เขาถามด้วยความเป็นห่วงว่า “เสี่ยวเสวียนจือ เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”อินชิงเสวียนขยี้ตาคู่นั้นแล้วหันกลับมายิ้มให้กับเสี่ยวอานจื่อ“แม้จะมิเต็มใจก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้ เฮ้อ นี่แหละหนาชีวิต พวกเรารีบไปกันเถอะ”เสี่ยวอานจื่อถอนหายใจออกมา “คิดมิถึงเลยว่าเจ้าจะมีลูกสามคนแล้วจริงๆ”จากนั้นก็ถามออกมาด้วยความสงสัย “ข้าเห็นว่าเจ้าน่าจะมีอายุประมาณสิบเจ็ดถึงสิบแปดปี แต่ลูกสาวคนโตของเจ้าน่าจะมีอายุหกถึงเจ็ดปีได้”อินชิงเสวียนแทบจะสำลักน้ำลายของตัวเอง กระแอมออกมา “แค่กๆ ......ที่จริงข้าอายุยี่สิบกว่าแล้ว เพียงแต่รูปลักษณ์ของข้าดูอ่อนเยาว์เท่านั้น”เสี่ยวอานจื่อพูดด้วยความตระหนักรู้ในทันใด “ไม่แปลกใจ
เย่จิ่งอวี้มือไขว้หลัง ค่อยๆ เดินไปอยู่ตรงหน้ารถม้าดูข้าวสารที่ใส่อยู่เต็มถังไม้ ถามขึ้นมาว่า “นี่คือสิ่งใด”“นี่คือข้าวสาร ปลูกจากนา และเป็นที่แพร่หลายในแคว้นหวาซย่า ช่วยให้อิ่มท้องได้นานมาก อีกทั้งรสชาติดียิ่งนัก”อินชิงเสวียนชี้ไปที่แป้งขาว พูดแนะนำให้เย่จิ่งอวี้ฟังว่า “นี่เป็นแป้งสาลีที่กระหม่อมใช้ห่อเกี๊ยวให้ฝ่าบาท เรียกกันว่าแป้ง ที่ปลูกอยู่ในวนอวิ๋นเซียง สามารถทำเป็นสิ่งนี้ได้ ที่เหลือก็คือเมล็ดพันธุ์” เย่จิ่งอวี้มองดูแป้งขาว กล่าวว่าประเสริฐยิ่งไม่หยุด คิดไม่ถึงว่าของเช่นนี้จะเปลี่ยนเป็นเกี๊ยวแสนอร่อยเพียงนั้นได้ จากนั้นก็มองไปที่ข้าวสาร ครุ่นคิดว่าสิ่งนี้จะมีรสชาติเช่นไรอินชิงเสวียนรีบเร่งอธิบาย “หากฝ่าบาทอยากเสวย กระหม่อมจะจัดเตรียมให้”เย่จิ่งอวี้พยักหน้า แล้วกวาดตามองเมล็ดพันธุ์เหล่านั้นยื่นมือหยิบขึ้นมาหนึ่งกำมือ เห็นเมล็ดพันธุ์เต่งตึง นัยน์ตาน้ำลึกเปี่ยมด้วยความสุข“ดี ดียิ่งนัก เมล็ดพันธุ์มากมายเช่นนี้จะให้ผลผลิตเมล็ดพันธุ์อีกไม่น้อย หากปีหน้าลมฟ้าอากาศดี ประชากรต้าโจวไม่อดตายแล้ว”อิงชิงเสวียนมองดวงตาหงส์ของเย่จิ่งอวี้ที่ยิ้มอยู่ อินชิงเสวียนอดนึกถึงคำพูดที
“ไม่นะ เขาเป็นผู้บริสุทธิ์”ลั่วสุ่ยชิงเหยียดแขนทั้งสองข้างออก และมาขวางอยู่เบื้องหน้าของเย่จิ่งหลานอีกครั้งเสียงดังปัง ลั่วสุ่ยชิงถูกกระแทกห่างออกไปหลายจั้ง และในไม่ช้าก็จมลงไปในหมอกสีดำหนาทึบ“ลั่วสุ่ยชิง ลั่วสุ่ยชิง!”เย่จิ่งหลานเหาะเข้าไปในหมอกสีดำอย่างกระวนกระวายใจ คลำหาลั่วสุ่ยชิง และช่วยพยุงนางลุกขึ้นชิงฮุยเคลื่อนฝีเท้า และมาปรากฏตัวต่อหน้าทั้งสองอีกครั้ง“ลั่วสุ่ยชิง นังสารเลว วันนี้ข้าขอถามเจ้า ต้องการพ่อ หรือผู้ชายคนนี้?”แก่นวิญญาณของลั่วสุ่ยชิงก็ยังสั่นเทา นางกำเสื้อคลุมไว้แน่น มีเส้นเลือดปรากฏขึ้นที่หลังมือนี่เป็นสิ่งที่เลือกยากมากจริงๆไม่อาจปฏิเสธได้ว่า นางตกหลุมรักเย่จิ่งหลานจริงๆไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มาจากไหน แต่มันค่อยๆ ฝังแน่นอยู่ในใจแล้วอาจเป็นเพราะการเข้าฝัน อาจเป็นเพราะตัวเองเคยเดินทางไปกับเขา หรืออาจเป็นเพราะความใกล้ชิดของแก่นวิญญาณของเขา ลั่วสุ่ยชิงไม่สามารถค้นหาติดตามได้อีกแล้วแม้ว่านางจะเป็นสตรีงดงามแห่งสวรรค์ แต่ก็ไม่มีใครที่เข้าตาของนาง แต่ดันเป็นเย่จิ่งหลานผู้ที่พูดเรื่องไร้สาระทั้งวัน ผู้ที่ไม่มีท่าทีจริงจัง กลับกลายเป็นคนที่อยู่ในใจนาง
ชิงฮุยได้รับบาดเจ็บ ทั้งยังมีลั่วสุ่ยชิงที่กำลังต่อสู้กับแก่นวิญญาณของเขา จึงเคลื่อนไหวช้าลิ่นเซียวแทงกระบี่สวน โจมตีจุดถันจงที่อยู่กลางอกของนาง พลังของลั่วสุ่ยชิงถูกยับยั้ง ก้าวหยุดนิ่ง ในเวลาเดียวกัน แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานก็เข้าสู่ห้วงทะเลแห่งจิตของลั่วสุ่ยชิงในหมอกสีดำ ชายและหญิงกำลังต่อสู้กัน เย่จิ่งหลานหลบเข้าไปในวงการต่อสู้ และช่วยลั่วสุ่ยชิงต่อสู้กับชิงฮุย ชิงฮุยตกตะลึง“เป็นเจ้า!”“ใช่ ข้าเอง!”ขณะที่พูด เย่จิ่งหลานได้ซัดฝ่ามือใส่เขาหลายครั้งแล้วการเข้าร่วมวงการต่อสู้ของเขาทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปทันที ชิงฮุยก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธตะโกนด้วยความเดือดดาล “ลั่วสุ่ยชิง เจ้าคิดจะช่วยคนนอกจัดการกับข้าจริงๆ อกตัญญู!”ลั่วสุ่ยชิงตกใจเล็กน้อย วิชาฝ่ามือช้าลงครู่หนึ่ง“เจ้าเป็นใครกันแน่”ชิงฮุยคำรามด้วยความโกรธ“เจ้ารู้คำตอบแล้ว ยังต้องการจะถามอีกรึ”ลั่วสุ่ยชิงตัวสั่นเล็กน้อย“จริงหรือ...เป็นท่าน?”เย่จิ่งหลานไม่รู้ว่าทั้งสองกำลังเล่นปริศนาทายคำอะไรอยู่ แค่อยากจะจัดการกับปีศาจชั่วร้ายนี้โดยเร็ว เขาลงมือรวดเร็ว ล้วนหมายไปยังจุดตายของชิงฮุยชิงฮุยบังคับเย่จิ่งหลานใ
ขณะที่อินชิงเสวียนกำลังจะลงมือ ดวงตาของลั่วสุ่ยชิงก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง“เขากำลังกลืนกินแก่นวิญญาณของข้า ถ้าเจ้าไม่ลงมือ ข้าก็คงไม่รอดเช่นกัน อินชิงเสวียน เจ้าไม่อยากช่วยสามีและพ่อแม่ของเจ้าหรือ”เมื่อเห็นท่าทางอันเจ็บปวดของลั่วสุ่ยชิง อินชิงเสวียนก็ไม่สามารถตัดสินใจได้ครู่หนึ่งลั่วสุ่ยชิงสามารถทำเพื่อราษฎร ละทิ้งความคิดที่นางยืนหยัดมานับพันปี ไม่ต้องสงสัยเลยว่านางควรค่าแก่การเคารพเพียงใด แต่ถ้านางไม่ตาย จะไม่มีใครรอดชีวิตได้เมื่อกวาดสายตามองไปยังร่างของทุกคนที่เหมือนถูกจี้สกัดจุด อินชิงเสวียนก็กัดฟันกรอด และพิณการเวกก็อยู่ในมือของนางแล้ว“ลั่วสุ่ยชิง ข้าขอสาบานในนามของฮองเฮาต้าโจวว่า หลังจากที่เจ้าเสียชีวิต จะจัดพิธีศพให้เจ้าอย่างสมเกียรติระดับแคว้น”ร่างของเย่จิ่งหลานหายวับ และยืนขวางอยู่ตรงหน้าอินชิงเสวียน“ยัยบ้า ข้าไม่เคยขอร้องอะไรเจ้าเลย คราวนี้ข้าขอร้องล่ะ ช่วยไว้ชีวิตลั่วสุ่ยชิงด้วย!”“เย่จิ่งหลาน เจ้า...”อินชิงเสวียนใช้นิ้วกดสายพิณ แต่ในใจกลับไม่เข้าใจว่า ทำไมจู่ๆ เย่จิ่งหลานถึงมีความรู้สึกลึกซึ้งต่อลั่วสุ่ยชิงขนาดนี้เสื้อยืดสีขาวของเย่จิ่งหลานเปื้อนเลือดแดงฉาน ดวง
“โอ๊ย พ่องเอ๊ย ตกลงมาเกือบตาย”ชายคนหนึ่งสวมกางเกงยีน เสื้อยืดสีขาว กำลังนวดหลังตัวเองอยู่ จากนั้นก็คลานลุกขึ้นจากพื้นด้วยสีหน้าเจ็บปวด“เย่จิ่งหลาน...เจ้าจะกลับไปจริงๆ หรือ”เย่จิ่งหลานปีนขึ้นมาจากหลุม ตะโกนซ้ำแล้วซ้ำเล่า “อย่าเพิ่งฆ่าคน นางคือลั่วสุ่ยชิงจริงๆ”อินชิงเสวียนหยุดทันที นางไม่ไว้ใจคนอื่น แต่กลับไม่สงสัยในตัวเย่จิ่งหลานแม้แต่น้อย“เกิดอะไรขึ้นกันแน่”เย่จิ่งหลานก็เดินตามหลังลั่วสุ่ยชิง ช่วยนางรักษาอาการบาดเจ็บของนาง“เรื่องมันยาวนะ ยัยบ้า เจ้ายังมีน้ำอีกไหม รีบเอาน้ำมาให้จอมยุทธ์หญิงลั่วดื่มเร็ว”“อ้อ”อินชิงเสวียนหยิบขวดพุวิญญาณออกมาหนึ่งขวด เย่จิ่งหลานก็เอื้อมมือไปหยิบมัน และส่งให้ลั่วสุ่ยชิงดื่มลั่วสุ่ยชิงนั่งขัดสมาธิทันที ปรับลมปราณ หลังจากนั้นไม่นาน สีหน้าของนางก็ดีขึ้นลิ่นเซียวกางนิ้ว กิ่งไม้ก็กลับมาอยู่ในมือของเขาอีกครั้ง“แม่หนูน้อย ข้าให้เวลาเจ้าพักแล้ว มาสู้กันใหม่!”เมื่อเห็นกิ่งไม้หลอมรวมเป็นปราณกระบี่ในมือของเขา อินชิงเสวียนก็รีบคว้าเขาไว้“อาจารย์ นี่คือมิตร”ลิ่นเซียวส่ายผมสีขาว แล้วมองดูนาง “มิตร?”อินชิงเสวียนดึงเขาออกไป“ก็คือพวกเราเอง
ในช่วงที่เกิดวิกฤติในต้าโจว ฝ่ายของเย่จิ่งหลานก็ตกอยู่ในอันตรายเช่นกันหลังอาหารเย็น เขาได้พูดคุยกับชิงผิงชิงอาน แต่กลับไม่สามารถหาสาเหตุได้ จึงเข้าสู่สมาธิอีกครั้งเข้าสู่ห้วงทะเลแห่งจิต แต่ก็ต้องตกใจกับเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าทั่วทั้งห้วงทะเลแห่งจิตเต็มไปด้วยหมอกสีดำ ลั่วสุ่ยชิงร่างเปลือยเปล่า นั่งขัดสมาธิอยู่ในค่ายกล ขยับมืออยู่ตลอดเวลา ลมปราณแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่าในทันที!“แม่นาง เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?”เย่จิ่งหลานถามอย่างครอบงำมากลั่วสุ่ยชิงยังคงหลับตาแน่น มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นเต็มหน้าผาก“นี่ ลั่วสุ่ยชิง เจ้าไม่เป็นไรนะ?”เมื่อเห็นนางมีท่าทางแบบนี้ เย่จิ่งหลานก็ตื่นตระหนกเล็กน้อยในเวลานี้ เสียงสะท้อนที่ชัดเจนฟังดูเหมือนน้ำใสในห้วงทะเลแห่งจิตก็ตอบกลับมา“เย่จิ่งหลาน มาช่วยข้าที ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในต้าโจว แต่รู้สึกได้ว่าร่างกายของชิงฮุยอ่อนแอ แก่นวิญญาณของข้าได้กลับมาควบคุมร่างกายบางส่วนแล้ว เสี้ยววิญญาณนี้คือกุญแจสำคัญ ว่าเจ้าและข้าจะสามารถกลับไปได้หรือไม่”เย่จิ่งหลานได้ยินเสียงของลั่วสุ่ยชิงเป็นครั้งแรก จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น“เจ้าพูดได้แล้ว?”ลั่
ลิ่นเซียวตะโกนเสียงดัง ปราณกระบี่บนท้องฟ้าก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง ปราณกระบี่นับพันรวมตัวกันในที่จุดเดียวอีก และปราณกระบี่สีทองก็เปล่งประกายด้วยแสงสีทองพร่างพราว เทียบเคียงกับความรุ่งโรจน์ของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ปราณกระบี่อันทรงพลังสามารถสะเทือนขุนเขา สะท้านสวรรค์!ช่างเป็นกระบี่ที่น่าตกใจจริงๆ!ใบหน้าของชิงฮุยแสดงสีหน้าเคร่งขรึมเป็นครั้งแรกคนผู้นี้สมแล้วที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขา!ปราณโคจรไปทั่วร่าง มีหมอกสีดำลอยขึ้นมาทั่วตัว ร่างนั้นปรากฏขึ้นในหมอกรางๆ ดวงตาทั้งคู่เกือบจะเสียตาขาวไปทั้งหมด ทั้งร่างถูกปกคลุมไปด้วยชั้นสีดำ ซึ่งทั้งแปลกและน่าสะพรึงกลัว!เพียงชั่วพริบตา กระบี่ก็ร่วงหล่นและหมอกก็หายไปอากาศเงียบสงบอย่างน่าขนลุก ไม่มีเสียงใดๆ แม้แต่เย่จิ่งอวี้และคนอื่นๆ ที่โจมตีอินชิงเสวียนก็ยืนนิ่งในเหตุการณ์ ชิงฮุยค่อยๆ ลุกขึ้นยืน มีเลือดไหลออกมาจากมุมปากลิ่นเซียววางมือข้างหนึ่งไพล่หลัง ยืนตระหง่านต้านสายลมอินชิงเสวียนดีใจ สำเร็จแล้ว!นางรีบวิ่งไปหาลิ่นเซียว“อา...”“อาจารย์!”วินาทีต่อมา ความประหลาดใจของอินชิงเสวียนกลายเป็นความตกใจหน้าอกของลิ่นเซียวกลายเป็นสีแดงเลือด มีเล
“อย่างเจ้าน่ะรึ?”ชิงฮุยขยับมือทำท่ามุทรา ครั้นแล้วนักพรตเทียนชิง เฮ่อยวน และเหมยชิงเกอก็ตีล้อมลิ่นเซียวทันที“อาจารย์ ท่านระวังด้วย พวกเขาสูญเสียสติสัมปชัญญะไปแล้ว”ลิ่นเซียวแค่นเสียงอย่างเย็นชา ยกกิ่งไม้ในมือขึ้นสู่ท้องฟ้า มันได้กลายเป็นปราณกระบี่ขนาดใหญ่ ดูเหมือนว่าทั้งสามจะรู้ว่าสิ่งนั้นทรงพลังเพียงใด ท่าทางการโจมตีก็ช้าลงดวงตาทั้งคู่ของอินชิงเสวียนเบิกกว้าง ฉายแววปีติยินดีในใจ สมแล้วที่เป็นเทพกระบี่ ไม่ได้พบนานหลายเดือน ดูเหมือนทักษะกระบี่ของลิ่นเซียวจะก้าวหน้าขึ้นมากชิงฮุยเลิกคิ้วขึ้น“คิดไม่ถึงว่าในต้าโจวจะมีคนที่มีความสามารถเช่นนี้”เขาขยับนิ้วเล็กน้อย ทำท่ามุทราอีกครั้ง จากนั้นก็ส่งอีกหลายคนออกไปโจมตีลิ่นเซียว แรงกดดันของอินชิงเสวียนลดลงอย่างกะทันหัน ในใจรู้สึกเสียใจอย่างมากหากอดทนรออีกหน่อย คงไม่ต้องใช้รีบเรียกใบมีดทะมึนออกมา ตอนนี้ไม่สามารถเรียกมันออกมาได้แล้ว ได้แต่หวังว่าสหายชาวยุทธ์จะมาช่วยเหลือเขาในใจย่อมตระหนักดี ความคิดนี้เป็นไปไม่ได้ ชาวยุทธ์จำนวนมากมารวมตัวกันในเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิง ยกเว้นลิ่นเซียวแล้ว จะหากำลังคนได้จากที่ไหนอีก จากนั้นก็เริ่มเป็นห่วง
อินชิงเสวียนยื่นมือออกไปเรียกพิณการเวก ใช้คลื่นเสียงหยุดการโจมตีของยอดฝีมือทั้งหลาย ชิงฮุยไม่ได้ลงมือใดๆ แต่กลับนั่งมองดูอย่างสงบอินชิงเสวียนรู้สึกกังวลและหงุดหงิด แต่คนที่อยู่ตรงหน้าล้วนเป็นเพื่อนสนิทและญาติของตัวเอง จึงไม่สามารถลงมือรุนแรงได้ แม้ว่าการใช้งานทักษะห้าสิบห้าสิบจะขยายเวลาออกไป แต่อย่างไรก็มีขีดจำกัด เมื่อหมดเวลาใช้งาน นางก็จะได้รับผลสะท้อนกลับเช่นกันนางต้องทำลายสถานการณ์นี้โดยเร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นยิ่งใช้เวลานานเท่าไหร่ ก็ยิ่งส่งผลเสียต่อตัวเองมากขึ้นเท่านั้นวินาทีถัดมา อินชิงเสวียนสิ้นหวังอย่างสิ้นเชิงนางเห็นเฮ่อยวน เหมยชิงเกอ และนักพรตเทียนชิงทะยานเข้ามาหาตัวเอง โดยใช้เคล็ดวิชาลับของแต่ละสำนักในการโจมตีแสงสีขาวและสีม่วงสองดวงเกาะเกี่ยวพันกัน อินชิงเสวียนก็ถูกโจมตีบนไหล่ทั้งสองข้าง กระอักเลือดออกมา หน้าซีดเผือดเหมือนคนตายนับตั้งแต่ที่ข้ามภพมาถึงตอนนี้ นางต้องเผชิญกับอันตรายมากมาย แต่ก็ไม่เคยมีสักครั้งที่นางไม่มีความหวังที่จะมีชีวิตรอดเหมือนตอนนี้แม้ว่าตอนนี้นางจะเข้าไปในมิติได้ แต่จะมีประโยชน์อะไรล่ะ คนรักและญาติของนางล้วนกลายเป็นหุ่นเชิดของชิงฮุย หากนางถู
หลังจากที่ชิงฮุยพูดจบ ก็มีเสียงดังขึ้นจากด้านนอกลานบ้าน เจ้าสำนักเฮ่อ เซี่ยวอิ่นหวน ผู้อาวุโสสวี และเจ้าสำนักคนอื่นๆ ต่างก็ปรากฏตัวขึ้นที่ลานบ้าน“คารวะนายท่าน!”ภายใต้สายตาที่ตกตะลึงของอินชิงเสวียน ทุกคนโค้งคำนับ ซึ่งเป็นการคำนับที่ถ่อมตัวและให้ความเคารพสูงสุดชิงฮุยเป่าปากเป็นเสียงแหลมยาวอีกครั้ง ผู้ที่ปรากฏตัวขึ้นก็คือ เย่จิ่งอวี้ เฮ่อฉางเฟิง ต่งจื่ออวี๋ และศิษย์รุ่นเยาว์เหมือนกับเก่อหงยวนอินชิงเสวียนแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง เย่จิ่งอวี้สามีของนางกำลังโค้งคำนับให้ชิงฮุยแม้แต่อินชิงเสวียนเองก็รู้สึกเวียนหัว อยากจะคุกเข่าลงคำนับเขาเช่นกัน“ฮ่าฮ่าฮ่า!”ชิงฮุยหัวเราะร่วนอย่างดุเดือด นี่เป็นครั้งแรกที่ใบหน้าของเขาเสียการควบคุม“ทุกสิ่งที่ข้าต้องการ จะเป็นของข้าในที่สุด ผลลัพธ์นี้ แม่นางอินพอใจหรือไม่”อินชิงเสวียนทั้งตกใจและโกรธ“วิกลจริต เจ้าควบคุมพวกเขาเหมือนหุ่นเชิดไร้อารมณ์ บ้านเมืองเช่นนี้ เจ้าได้ไปแล้วจะมีประโยชน์อะไร”ชิงฮุยยิ้มช้าๆ“ใครบอกเจ้าว่าข้าต้องการบ้านเมือง สิ่งที่ข้าต้องการนั้นมันสูงส่งและยิ่งใหญ่กว่านั้น”อินชิงเสวียนถามด้วยความตกใจ “เจ้าต้องการอะไร หรือว่