เมื่อได้กลิ่นหอมเกี๊ยวจางๆ หลี่เต๋อฝูก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายส่วนคนที่เหลือต่างจ้องมองไปที่หยวนเป่าชิ้นขาวๆ อ้วนๆ นั่นเกี๊ยวที่อินชิงเสวียนปรุงออกมานั้นสวยงามมาก ช่วงท้องกลม ด้านข้างของเกี๊ยวก็บางมาก แค่มองดูก็น่ารับประทานมากแล้วหลี่เต๋อฝูอดไม่ได้ที่จะมองดูเกี๊ยวด้วยสายตาแรงกล้า โบกมือแล้วพูดว่า “ไปกันเถอะ”หลังจากพูดจบเขาก็นำอินชิงเสวียนออกจากห้องพระเครื่องต้นด้วยท่วงท่าสง่างามอินชิงเสวียนรีบนำซีอิ๊วและน้ำส้มสายชูดำมาอย่างรวดเร็ว และติดตามหลี่เต๋อฝูกลับไปที่ห้องหนังสือเย่จิ่งอวี้ยังคงตรวจฎีกาอยู่ โดยมีเสี่ยวอานจื่อคอยพัดให้อยู่ข้างๆเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า เขาก็เงยหน้าขึ้น และขมวดคิ้วเมื่อเห็นหลี่เต๋อฝูเข้ามาพร้อมกล่องอาหาร“เราบอกว่าไม่หิว เหตุใดจึงนำมาอีก”หลี่เต๋อฝูหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “อาหารเหล่านี้ล้วนเป็นฝีมือของเสี่ยวเสวียนจื่อพ่ะย่ะค่ะ พระองค์ไม่ทรงอยากลองชิมหรือ”“โอ้” เย่จิ่งอวี้วางฎีกาลง แล้วมองไปที่อินชิงเสวียนซึ่งยืนอยู่ด้านหลังหลี่เต๋อฝูหลี่เต๋อฝูกล่าวเสริม “นี่คือเกี๊ยวที่ทำจากแป้งหมี่ กระหม่อมเห็นว่าฝ่าบาทดูชอบมาก จึงให้เสี่ยวเสวียนจื่อปรุงมาให้ฝ่าบาท
ไทเฮาไม่เคยพบกับอินชิงเสวียน ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าลูกชายของนางกำลังคิดอะไรอยู่หลังจากฟังคำพูดของลู่จิ้งเสียนแล้ว นางพูดด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ “ฮ่องเต้จะเลินเล่อเช่นนี้ได้อย่างไร แค่ขันทีผู้หนึ่งถึงกับต้องลดตำแหน่งเจ้าด้วย ช่างไร้วุฒิภาวะจริงๆ เย่าเอ๋อร์ เจ้าเพิ่งกลับมาจากไปเฝ้าสุสานหลวง ก็ควรไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้หน่อย พวกเราจะเข้าไปดูกันว่าขันทีเช่นไรถึงทำให้ฮ่องเต้ร้อนใจเพียงนี้”ลู่จิ้งเสียนพยักหน้าเหมือนไก่จิกข้าวทันที“เสด็จแม่ ท่านให้ความเป็นธรรมกับหม่อมฉันนะเพคะ”เย่จิ่งเย่ายื่นมือออกไปพยุงไทเฮา“ก็ได้ ข้าก็ควรไปดูสักหน่อยเหมือนกัน”ครั้นแล้วขบวนคนกลุ่มใหญ่ก็ออกจากตำหนักฉือหนิง มีขันทีนางกำนัลถือพระกลดพู่สีเหลือทองเดินตามหลัง มุ่งหน้าไปยังห้องหนังสืออย่างสง่างามอินชิงเสวียนกำลังเหม่อมองฟ้า ทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสี่ยวอานจื่อตะโกนจากด้านนอกว่า “ไทเฮาเสด็จ อันผิงอ๋องเสด็จ พระสนมเสียนผินเสด็จ”อันผิงอ๋องรึเขาเป็นบุรุษระยำที่เจ้าของร่างเดิมชอบไม่ใช่หรือเหตุใดจู่ๆ เขาจึงเข้ามาในวังถ้าเขาจำตัวเองได้จะทำเช่นไรดีทันใดนั้นอินชิงเสวียนก็เหงื่อแตกพลั่ก รีบวิ่งไปข้างหลังเย่จิ่งอวี้ พย
เย่จิ่งอวี้ยิ้มบางๆ “น้องกับพระชายาอ๋องก็ไม่ได้เจอกันมาหนึ่งปีแล้ว ถึงเวลากลับไปหากันแล้ว หากมีเวลาก็พาพระชายาอ๋องเข้ามาในวังมาเยี่ยมเสด็จแม่ได้”เย่จิ่งเย่ายกมือขึ้นประกบคำนับแล้วพูดว่า น้องน้อมรับพระบัญชา ถ้าไม่มีอะไรแล้ว กระหม่อมขอทูลลา”เมื่อเห็นว่าการคืนตำแหน่งของลู่จิ้งเสียนนั้นเป็นไปได้ยากแล้ว ไทเฮาก็ลุกขึ้นยืนเช่นกันยิ้มอย่างใจดีและพูดว่า “ในเมื่อฝ่าบาทยุ่งอยู่กับราชกิจ เช่นนั้นข้าก็ไม่รบกวนแล้ว เสียนเอ๋อร์ จำสิ่งที่ฮ่องเต้ตรัสได้แล้วนะ ตราบใดที่เจ้าช่วยดูแลวังหลังอย่างดี ฮ่องเต้จะคืนตำแหน่งสนมขั้นเฟยให้เจ้าเอง”ลู่จิ้งเสียนพูดด้วยใบหน้าเคร่งเครียด “หม่อมฉันทราบแล้วเพคะ หม่อมฉันจะเชื่อฟังคำสอนของฝ่าบาทอย่างแน่นอน”เย่จิ่งอวี้ส่งไทเฮาไปที่ประตูและโค้งคำนับเล็กน้อย “ลูกน้อมส่งไทเฮา”“กลับไปเถอะ ราชกิจของเจ้าจะล่าช้าไม่ได้”ไทเฮาคลี่ยิ้มพลางโบกมือ ทันทีที่ออกจากห้องหนังสือ ความมีเมตตบนใบหน้าก็หายไปทันที“ฮ่องเต้ทำเพื่อขันทีน้อยถึงเพียงนี้ เขาเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ หรือว่าเขาคิดไม่ธรรมดากับขันทีน้อยผู้นั้นจริงๆ”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ลู่จิ้งเสียนก็รู้สึกเสียใจมากยิ่งขึ้น“หม่อม
“อืม”อินชิงเสวียนตอบรับเบาๆ แต่ในใจนั้นตำหนิยกใหญ่บางทีเขาอาจมีใจให้ซูฉ่ายเวยอยู่บ้างเล็กน้อยเหอะๆ ชายหนอชาย ล้วนปากไม่ตรงกับใจณ หอฉงฮวาด้านในกำลังตกอยู่ในความวุ่นวายซูฉ่ายเวยเพิ่งได้ยินว่าลู่จิ้งเสียนถูกลดตำแหน่งเป็นเสียนผิน จากนั้นก็ได้ยินข่าวเรื่องตนได้รับเลื่อนตำแหน่งเป็นหลิงผินเนื่องด้วยตื่นเต้นมากเสียเกินไปจึงทำให้ซูฉ่ายเวยเป็นลมจนกระทั่งหลี่เต๋อฝูประกาศพระราชโองการเสร็จสิ้นแล้ว นางจึงได้เอ่ยถามดั่งเพิ่งตื่นจากฝัน “หลี่กงกง นี่ นี่เป็นความจริงหรือ”หลี่เต๋อฝูตอบด้วยรอยยิ้มว่า “จริงแท้แน่นอน หลิงผินควรรับพระราชโองการและขอบพระทัยในพระกรุณาได้แล้ว”ซูฉ่ายเวยซาบซึ้งเสียจนร่างกายสั่นคลอน นางรีบเอื้อมมือไปรับพระราชโองการ จากนั้นสั่งให้เซียงหลานนำหยวนเป่าสองอันใหญ่ให้แก่หลี่เต๋อฝูขันทีน้อยทั้งหลายได้รับผ้าและเครื่องประดับพระราชทานมาแล้ว ต่างพากันยิ้มมิหุบปากเจ้านายแห่งหอฉงฮวาได้เชิดหน้าชูตาสักทีระหว่างที่กำลังปลื้มปีติกันอยู่นั้น จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงดังขึ้นว่า “ฮ่องเต้เสด็จ”ซูฉ่ายเวยตื่นตระหนกทันใด ฮ่องเต้เสด็จมาเร็วถึงเพียงนี้?นางรีบจัดแจงผมเผ้าเครื่องประดับแล
เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้วเข้าหากันแล้ววางม้วนหนังสือในมือลง"เข้ามาได้"ครู่เดียว หานสือซึ่งสวมชุดธรรมดาเดินตรงเข้ามาจากด้านนอก เมื่อเขาเข้ามาถึงก็คุกเข่าลงด้วยความรีบร้อนใจ"เมื่อครู่กระหม่อมเพิ่งได้รับข่าว วิธีการที่ฝ่าบาทให้มานั้นได้ผลแล้ว ขุนนางได้ทำตามที่ฝ่าบาทรับสั่ง กักตัวผู้ที่มิได้ติดเชื้อออกไป สำหรับผู้ที่มิอาจช่วยไว้ได้ ให้นำเอาไปเผา บัดนี้สถานการณ์โรคระบาดถูกควบคุมเอาไว้ได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ"คิ้วของเย่จิ่งอวี้ที่ขมวดเข้าหากันอยู่จึงคลายออกเล็กน้อย"ดียิ่งนัก จงไปกำชับให้ปรุงยามากขึ้น พยายามช่วยให้ได้ทุกคน อย่าให้พลาดแม้แต่คนเดียว”เมื่อได้ยินประโยคนี้ หานสือก็คุกเข่าลงทั้งสองข้างพร้อมกล่าวด้วยความซาบซึ้งใจว่า "ฝ่าบาททรงมีพระกรุณาธิคุณเช่นนี้ ช่างเป็นบุญของไพร่ฟ้าประชาชนเหลือเกิน"จากนั้นเขาก็ถอนหายใจกล่าวว่า "แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดสวรรค์จึงได้ลงโทษแล้วซ้ำเล่า ทรมานประชาชนในแคว้นต้าโจวเพียงนี้"เย่จิ่งอวี้หรี่ตาเล็กน้อย "เจ้าหมายถึงการระบาดของตั๊กแตน?"หานสือตอบรับว่า "พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท แม้การที่ตั๊กแตนระบาดจะมิใช่เรื่องแปลก แต่ก็มิใช่ว่าเกิดขึ้นทุกปี บัดนี้ทั้งภัยแล้ง โรคระบา
อินชิงเสวียนราวกับได้หลุดพ้น เมื่อเดินออกมาถึงนอกตำหนักก็พบเข้ากับหลี่เต๋อฝู“จะวิ่งไปไหน อย่าได้เสียมารยาทต่อหน้าพระตำหนัก”หลี่เต๋อฝูหรี่เสียงตวาดออกมาตำหนิอินชิงเสวียนกล่าวว่า “ฝ่าบาทให้ข้าออกมารอด้านนอก”หลี่เต๋อฝูชี้นิ้วไปที่เตียงตั่งเล็กๆ ด้านนอก“เช่นนั้นจงไปรอที่นั่น คืนนี้เจ้านอนที่นี่ กระตือรือร้นเข้าล่ะ ยามวิกาลหากฝ่าบาทลุกขึ้นมา จงถือโถมังกรให้ฝ่าบาทด้วย”อินชิงเสวียนงุนงง “โถมังกรคือสิ่งใด”หลี่เต๋อฝูกล่าวเสียงเบาว่า “โถปัสสาวะ”“หา!”ใบหน้าของอินชิงเสวียนร้อนผ่าวจนแทบไหม้จริงหรือ ต้องช่วยเย่จิ่งอวี้ทำไอ้นั่นถึงร่างของนางตอนนี้จะเคยมีลูกมาแล้ว แต่ตัวจริงๆ ของนางยังเป็นสาวแรกรุ่น ไม่เคยจับมือผู้ชายด้วยซ้ำ จะให้ไปจับไอ้นั่นเนี่ยนะ...วินาทีนี้อินชิงเสวียนอยากจะเอาหัวชนกำแพงเหลือเกินหลี่เต๋อฝูกล่าวอย่างหงุดหงิดว่า “อะไรกัน มีผู้คนมากมายอยากได้รับเกียรตินี้รู้หรือไม่”อินชิงเสวียนพึมพำว่า “งั้นเก็บเกียรตินี้ไว้ให้หลี่กงกงเถอะ”“นี่คือรางวัลที่ฝ่าบาทประทานให้ คิดจะให้ใครก็ได้หรือ”หลี่เต๋อฝูตำหนิออกมาแล้วหันหลังจากไปอินชิงเสวียนขมวดคิ้วเข้าหากัน นางแอบด่าใ
ซูฉ่ายเวยกล่าวด้วยใบหน้าตื่นเต้นเล็กน้อย "ต้องการสิ่งใด เสี่ยวกงกงกล่าวมาเถิด มิต้องเกรงใจ เพียงแค่ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ ต้องจ่ายเท่าไหร่ข้าก็ยอม”ในวังหลังนี้มิมีสิ่งใดสำคัญไปกว่าการได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้อีกแล้วเมื่อวานนี้นางเพิ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นผิน กรมวังได้นำผ้ามากมายมาให้นาง ไหนจะเครื่องประดับและไข่มุกอีก 3 กล่องใหญ่ ก่อนหน้านี้นางมิกล้าแม้แต่จะจินตนาการอินชิงเสวียนหยิบน้ำหอมออกมาจากกระเป๋าเสื้อ แล้วยิ้มขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์เหมือนจิ้งจอกสาว"ฝ่าบาทชื่นชอบน้ำหอมกลิ่นนี้ยิ่งนัก หากเหนียงเหนียงใช้มันละก็คงจะสำเร็จไปกว่าครึ่ง และยังมีสีผึ้งทาปากที่ส่งมาจากแดนไกลล้วนเป็นของหายาก สีสันงดงามมีกลิ่นหอมอ่อนๆ จากธรรมชาติ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นของสำคัญที่จะทำให้เหนียงเหนียงได้รับความรักความโปรดปราน"ซูฉ่ายเวยมองไปยังขวดใสที่ดูแพรวพราว อีกทั้งสีผึ้งทาปากที่สามารถยืดหดเองได้ แววตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจนางก็นับว่าเกิดมาจากตระกูลชั้นสูง แต่สิ่งของน่าอัศจรรย์ใจประณีตงดงามเหล่านี้นางไม่เคยเห็นมาก่อนอินชิงเสวียนเปิดขวดน้ำหอมลูกกลิ้งออกมาแล้วทาลงไปที่หลังมือของนาง"เจ้าสิ่งน
อินชิงเสวียนได้ยินอย่างชัดเจน เมื่อครู่เจ้าหนูพูดออกมาว่าแม่นางเอื้อมมือออกไปจิ้มแก้มน้อยๆ ของเขาที่อ่อนนุ่ม“เจ้าเรียกให้ข้าฟังอีกครั้งสิ”เจ้าหมาน้อยใช้ดวงตาอันดำขลับจ้องไปที่นาง แต่มิได้เอ่ยสิ่งใดอีก“ดูเหมือนว่าจะบังเอิญพูดออกมาเท่านั้น หากเด็กเล็กขนาดนี้พูดได้คงน่าตกใจน่าดู”อินชิงเสวียนเล่นอยู่กับเจ้าหนูน้อยอีกสักพัก ก่อนคืนเจ้าหมาน้อยให้กับยายหลี่ ส่วนตนกลับเข้าไปในมิติแล้วนำผักผลไม้ รวมถึงข้าวและแป้งออกมา จากนั้นจึงไปยังร้านค้าคะแนนสะสมเพื่อแลกปีกไก่และเนื้อหมูด้วยความไวในการเติบโตของเมล็ดพันธุ์ในมิติ มันทั้งโตและสุกเร็วกว่าข้างนอกหลายเท่า เมื่อนางเห็นว่าในนิติมีแป้งและข้าวจำนวนหลายร้อยกระสอบวางอยู่ก็หนักใจอินชิงเสวียนยกมือขึ้นเคาะศีรษะของตนแล้วเดินทางออกจากมิติไปเอาเป็นว่าของเหล่านี้ยังมิบูดเน่าง่ายๆ เอาไว้ที่นี่ก่อนก็แล้วกัน เมื่อมีโอกาสค่อยจัดการเมื่อเห็นว่าเจ้านายของตนนำอาหารกลับมาเยอะแยะมากมาย อวิ๋นฉ่ายก็ดวงตาเป็นประกายด้วยความดีใจ"ท่านปู่เซียนช่างดีกับเจ้านายเหลือเกิน ทุกครั้งท่านได้ให้อาหารการกินมามากมาย"“นั่นน่ะสิ นี่เรียกว่าทำดีได้ดี!"อินชิงเสวียนเผ
“แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย
ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส
ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล
“ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ
เสี่ยวหนานเฟิงกางมือเล็กๆ ออก แล้วถามด้วยน้ำเสียงแหลมใสไร้เดียงสาว่า “ภารกิจอะไรอ่ะ”“ไปหาพี่สาวลั่ว”อินชิงเสวียนหยิบน้ำพุวิญญาณออกมาล้างมือที่สกปรกของเสี่ยวหนานเฟิง จากนั้นเช็ดด้วยผ้าเช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อ“อีกประเดี๋ยวเจ้าต้องขายความน่ารัก แม่จะถือโอกาสถามอะไรบางอย่าง”เสี่ยวหนานเฟิงดูสับสน กะพริบตาโตแล้วถามว่า “ขายความน่ารักหมายความว่าอย่างไร ต้องขายให้ได้เงินมากไหม”อินชิงเสวียนหัวเราะเบาๆ“ท่าทางตอนนี้ของเจ้าก็น่ารักบ้องแบ๊วอยู่แล้ว ให้เป็นแบบนี้ต่อก็พอแล้ว”เสี่ยวหนานเฟิงตอบว่าอ้อ และทันใดนั้นก็พูดอย่างตื่นเต้น “พี่สาวลั่วทำหน้าอมทุกข์อยู่ตลอด เราเอาให้ลูกกวาดให้นางก็ได้นะ”อินชิงเสวียนพยักหน้าเห็นด้วย“อื้ม นี่เป็นความคิดที่ดี”นางโบกมือและหยิบถุงลูกกวาดมาจากมิติ“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็มอบให้พี่สาวลั่วนะ”“ตกลง”เสี่ยวหนานเฟิงยื่นมือเล็กๆ ออกมาเพื่อหยิบมัน แล้วถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนิ่ม “ลูกได้ยินจากเสด็จพ่อบอกว่าอาจิ่งหลานหายไป ท่านแม่หาลุงเจอไหม”อินชิงเสวียนถอนหายใจ “ไม่รู้ บางทีเขาอาจจะกลับไปยังที่ของตัวเองแล้ว สำหรับเขาแล้ว แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”เสี่ยวหนานเฟิงเอียง
“แต่ตอนนี้เราไม่ยังตามหาตัวเย่จิ่งหลานไม่พบ ยังมีวิธีอื่นใดที่จะสามารถล่อให้ศิลาตอบสวรรค์ปรากฏตัวได้หรือไม่”อินชิงเสวียนลูบคาง ปัญหาดูเหมือนจะกลับมาที่จุดเดิมนักพรตเทียนชิงกล่าวว่า “ไม่มี ศิลาตอบสวรรค์จะลงโทษคนที่ชั่วร้ายอย่างยิ่งเท่านั้น ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางออกจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์”ลั่วสุ่ยชิงก็ขมวดคิ้วเช่นกัน“นี่เป็นปัญหาที่แก้ไขยากจริงๆ”อินชิงเสวียนถามอย่างสงสัย “ศิลาตอบสวรรค์จะมีประโยชน์อะไรกับชิงฮุย”ลั่วสุ่ยชิงกล่าวว่า “เขาต้องการเป็นเซียน”“อ๋า?”อินชิงเสวียนมองไปที่ลั่วสุ่ยชิงด้วยความประหลาดใจลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างใจเย็น “ในแคว้นเฟยเหยา มีตำนานเล่าขานมาตลอด ตราบใดที่ได้รับศิลาตอบสวรรค์ ก็สามารถหลุดพ้นจากปัญจธาตุได้ สามารถข้ามผ่านวิบากกรรมและบรรลุขั้นสูงสุด บรรลุเป็นเซียน เสด็จพ่อของข้ามีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า ตามหาที่อยู่ของศิลาตอบสวรรค์มาโดยตลอด เมื่อแคว้นเฟยเหยาถูกบุกโจมตี เคยมีคนกระตุ้นศิลาตอบสวรรค์ แต่ถึงกระนั้น หินก้อนนั้นก็ยังคงหายไป พ่อของข้าติดตามกลิ่นอายนั้นไป จนพบแดนศักดิ์สิทธิ์ และได้สรุปว่าศิลาตอบสวรรค์อยู่ที่นั่น”“ผู้ที่เป็นคนกระตุ้นคือใคร เป็นชิ
“ได้ เช่นนั้นข้าจะทำนายดูอีกครั้ง”นักพรตเทียนชิงหยิบเหรียญอีแปะและกระดองเต่าออกมา เขย่าหกครั้ง ค่อยๆ จัดเรียงเหรียญทีละเหรียญ เขามองดูพวกมันอยู่ครู่หนึ่ง ลูบหนวดเคราแล้วพูดว่า “ภาพทำนายไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเลย คุณชายน้อยเย่...”“เป็นอย่างไรบ้าง เขากลับมาไม่ได้กระนั้นหรือ”อินชิงเสวียนถามด้วยความประหลาดใจ“พูดยาก ทุกสิ่งในตัวเขาไม่แน่นอนมาก ดอกไม้ไม่ใช่ดอกไม้ หมอกก็ไม่ใช่หมอก เหมือนมองดอกไม้ในสายหมอก ยากที่จะเห็นภาพที่แท้จริง ข้าไม่เคยเห็นภาพทำนายเช่นนี้มาก่อน”นักพรตเทียนชิงมองดูเหรียญอีแปะด้วยสีหน้าประหลาดใจมากอินชิงเสวียนถอนหายใจ“เอาเถอะ ถ้าเขาสามารถกลับไปยังที่ที่เขาอยู่ได้จริงๆ ก็คงจะดี”เดิมทีเย่จิ่งหลานไม่มีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของยุคนี้มากนัก แทนที่จะเป็นแบบนี้ ไม่สู้ปล่อยให้เขาไปในที่ที่เขาต้องการไปดีกว่าเขาเป็นคนดี ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนก็สามารถสร้างประโยชน์ และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนได้นักพรตเทียนชิงไม่ได้พูด บรรยากาศอึมครึมอยู่พักหนึ่งอินชิงเสวียนรู้สึกเศร้า จากนั้นทำตัวให้กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาและถามว่า “ท่านนักพรตสามารถทำนายได้หรือไม่ว่าชิงฮุยอยู่ที่ไหน”นัก
เมื่อเห็นชายคนนั้นอารมณ์ดีขึ้นมาทันที อินชิงเสวียนก็ก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว“คุณบอกว่า...คุณชื่อเย่จิ่งหลานไม่ใช่เหรอ”ชายคนนั้นพูดเหมือนกับเป็นเรื่องปกติธรรมดา “ใช่น่ะสิ ผมชื่อเย่จิ่งหลานแล้วมันขัดแย้งอะไรกับเรื่องที่ผมเป็นหมอล่ะ”เสี่ยวหลานหลานที่อยู่ข้างๆ สั่นศีรษะ พูดอย่างน่ารัก “ก็ไม่ขัดแย้ง”เย่จิ่งหลานยักไหล่“งั้นก็โอเคแล้วไม่ใช่หรือไง ในช่วงสองวันที่ผ่านมาผมอาจเกิดภาวะขาดสารอาหาร ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ขอบคุณสาวสวยคนนี้ที่ช่วยเหลือ เพิ่มเพื่อนในไลน์ได้ไหม”เย่จิ่งหลานสอดมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ แต่มันก็ว่างเปล่าเขาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง โทรศัพท์หายไปไหน“แล้วคุณรู้ไหมว่าคุณมาจากโรงพยาบาลไหน”“รู้...”เย่จิ่งหลานพูดขึ้นมาคำหนึ่ง และทันใดนั้นก็รู้สึกปวดหัวอีกครั้งเขาจำได้ว่าตัวเองถูกไล่ออกจากโรงพยาบาล เหมือนจะไปคลินิกเล็กๆ แห่งหนึ่ง ต่อมาก็ฝันอะไรตั้งมากมาย ในฝันเหมือนเขาจะกลายเป็นอ๋อง แล้วต่อมาก็ได้เป็นจอมยุทธ์เมื่อมองดูเตียงในโรงพยาบาลตรงหน้า จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนไม่ใช่ความจริงขึ้นมาทันทีเขายกนิ้วขึ้นแตะหัวเตียง ผิวสัมผัสเย็นๆ บอกเขาว่าทุกสิ่งตรงหน้าเป็นเรื่องจริง แต
เสี่ยวหลานหลานตะโกนอย่างตื่นเต้น “นั่นเขา!”อินชิงเสวียนพยักหน้า“ดูเหมือนเขาจะก่อเรื่องนะ”“ไม่เป็นไร ครอบครัวเราเป็นหุ้นส่วนกับคลับนี้”ในขณะที่เสี่ยวหลานหลานกำลังพูด ชายคนนั้นก็ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูหยุดไว้ข้างหลังเขาเป็นผู้หญิงที่ร่ำรวยสองหรือสามคน นอกเหนือจากการสวมใส่แบรนด์ที่มีชื่อเสียงแล้ว คนเหล่านี้ยังมีใบหน้าที่บวมเป่งคล้ายหมูเหมือนกันด้วย“หยุดนะไอ้บ้านั่นให้ฉันที”“ไอ้พวกโง่ มัวยืนมองอยู่ข้างหลังทำไม เข้าไปเลย สั่งสอนบทเรียนให้กับไอ้หนุ่มหน้าขาวเนรคุณนี่หน่อยสิ”“ถอดขามัน แล้วทุบตีให้ตาย”มีบอดี้การ์ดหลายคนตามมาด้วย แต่ไม่มีใครกล้าขยับ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนที่ประตูไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มกระแทกกระจกแตก ก็เข้าไปรุมทันทีชายคนนั้นยกมือขึ้นเนือยๆ บีบคอของคนหนึ่งในนั้นจนปลิว ไฝสีแดงระหว่างคิ้วยิ่งเด่นชัดและเป็นสีแดงสดใสมากขึ้นเรื่อยๆเขากดนิ้วอย่างแรง แต่คลับคล้ายคลับคลาจะได้ยินเสียงใครบางคนพูดว่า “เย่จิ่งหลาน เจ้าต้องไม่ฆ่าผู้บริสุทธิ์ตามอำเภอใจ ตราบใดที่เจ้าไม่ผิด เราจะยืนหยัดเคียงข้างเจ้าเสมอ!เราคือใคร...?ชายคนนั้นเ