แชร์

บทที่ 418 พิษกู่กำเริบ

ผู้เขียน: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-03-05 16:00:00
ในขณะที่อาซือหลานต้องการกลับไปที่เจียงวู เย่จั้นก็กำลังควบม้าพาทหารศึกไปยังเมืองซุ่ยหาน

เมื่อเดินทางมาถึงปากแม่น้ำไป๋เจียง จู่ๆ ก็รู้สึกเจ็บหน้าอกขึ้นมา จึงผ่อนฝีเท้าให้ช้าลง

ทหารที่อยู่ข้างกายรีบถามขึ้นว่า “ท่านอ๋อง มีสิ่งใดผิดปกติหรือไม่?”

เย่จั้นส่ายหน้า

“ไม่มีอะไร เตรียมข้ามแม่น้ำ”

เขาพลิกตัวลงจากหลังม้า แต่กลับรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งกัดที่หัวใจ เขาเจ็บปวดจนหน้ามืด เมื่อฝีเท้าไม่มั่นคงก็คุกเข่าลงที่พื้นในทันที

เหล่าทหารพากันตกใจยกใหญ่ รีบเข้าไปช่วยพยุงเขาไว้

“ท่านอ๋อง เป็นอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

เย่จั้นจับข้อมือขององครักษ์เอาไว้ บอกว่าตัวเองไม่เป็นอะไร แต่ทว่ากลับรู้สึกปวดบิดที่หัวใจ

“หัวใจของข้า...”

เหงื่อเม็ดละเอียดผุดขึ้นเต็มหน้าผากของเย่จั้น

หรือว่าพิษสะกดจิตที่อาซือหลานพูดจะเป็นเรื่องจริง?

เมื่อเห็นว่าเย่จั้นสีหน้าซีดขาว พูดจาลำบาก เหล่าทหารต่างสีหน้าเปลี่ยนในทันที

“แพทย์ทหาร รีบมานี่สิ”

ผู้เฒ่าคนหนึ่งสะพายหีบยาวิ่งขึ้นมาด้านหน้า เมื่อจับชีพจรของเย่จั้นได้ กลับสัมผัสไม่พบสิ่งผิดปกติใด จึงร้อนใจเล็กน้อย

“ท่านอ๋องรู้สึกไม่สบายที่ใดพ่ะย่ะค่ะ?”

เย่จั้นพยายามอ้าปาก แต่ยัง
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 419 ออกรบ

    ณ เมืองหลวงวันนี้ต้องออกรบ สองพ่อลูกตระกูลอินมายังสนามฝึกแต่เช้าตรู่อินจ้งก็เหมือนกับกวนฮั่นหลิน ได้รับความเคารพและศรัทธาอย่างสูงในกองทัพเหล่าทหารรู้ว่าแม่ทัพในการเดินทางครั้งนี้คืออินจ้ง พวกเขาต่างยืนตัวตรง และแสดงความนับถือผ่านสายตากวนเซี่ยวในชุดเครื่องแบบทหารยืนอยู่ข้างๆ ใบหน้าที่หล่อเหลาเย็นชาขึ้นมากตอนนี้เขาได้รับตำแหน่งนายกองทหารติดตามทัพชั่วคราว นับว่ามีตำแหน่งทางทหาร เมื่อมองดูเหล่านายทหารที่เกรียงไกร จิตใจของกวนเซี่ยวก็รู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาก่อนหน้านี้เขาถูกอาซือหลานหลอกลวง และเข้าวังไปลอบแทงฝ่าบาท ฝ่าบาทปล่อยผ่านเรื่องนี้ให้แล้วกันไป และยังรักษาท่านปู่ของเขาอย่างสุดความสามารถกวนเซี่ยวได้เห็นความใจแคบของตัวเองอย่างชัดเจน ตอนนี้หวังเพียงสร้างคุณงามความดีจากการชนะสงคราม เพื่อแก้ไขในสิ่งที่ทำผิดพลาด และยิ่งต้องการฆ่าศัตรูในสนามรบอย่างห้าวหาญ เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงของตระกูลกวนกลองทหารดังขึ้นสามครั้ง อินจ้งเดินขึ้นไปบนแท่นแม่ทัพอินปู้อวี่และกวนเซี่ยวแบ่งกันยืนซ้ายและขวาด้วยความกระปรี้กระเปร่าอินจ้งมองไปรอบๆ กองทหารแล้วพูดด้วยจิตวิญญาณที่เต็มเปี่ยม“กลุ่มเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-03-05
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 420 ความกังวล

    “ทำไมหรือเพคะ?”อินชิงเสวียนถามขึ้นอย่างว่องไว“ไม่มีอะไร”เย่จิ่งอวี้จึงเดินขึ้นรถม้าไปอินชิงเสวียนขานตอบรับ และอุ้มเสี่ยวหนานเฟิงไว้แน่นการจากลามักทำให้ผู้คนรู้สึกเศร้าโศก อินชิงเสวียนอารมณ์ไม่ดีมากนัก นางจึงไม่พูดสิ่งใดตลอดทั้งทางนางเห็นคนในตระกูลอินเป็นญาติสนิทของตัวเองไปแล้ว ตอนนี้ท่านพ่อและลูกๆ ได้ออกจากเมืองหลวงแล้ว ในใจของนางเหมือนมีบางสิ่งขาดหายไป รู้สึกถึงความโหวงเหวงเสี่ยวหนานเฟิงราวกับรับรู้ได้ว่าท่านแม่ไม่ค่อยมีความสุข เขาจึงพยายามเอาใบหน้าเล็กๆ ไปแนบกับนาง มือน้อยๆ ของเขาลูบใบหน้าของอินชิงเสวียน ราวกับกำลังปลอบใจนาง ปากเล็กๆ กำลังพูดพึมพำเมื่อเห็นลูกชายที่น่ารักและรู้ความเช่นนี้ อินชิงเสวียนถอนหายใจเฮือกยาว ไม่ควรเอาอารมณ์ของตัวเองมาลงกับลูกเช่นนี้ เพราะมันไม่ยุติธรรมสำหรับลูกเลยนางตั้งสติขึ้นมาใหม่อีกครั้ง หอมลงบนใบหน้าของเสี่ยวหนานเฟิง และอุ้มเขาเข้าไปในตำหนักจินหวูเมื่อเข้ามาในประตูตำหนัก เสี่ยวหนานเฟิงก็ขมวดคิ้วสีอ่อนของเขาในทันที มือน้อยๆ พยายามชี้ออกไปด้านนอก“ออก บิน~”เมื่ออยู่กับลูกมาเป็นเวลาที่ค่อนข้างนาน อินชิงเสวียนจึงพอเข้าใจความต้องการของเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-03-05
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 421 พรอันล้นหลาม

    “เช่นนั้นก็ดีเพคะ หวังว่าครั้งนี้ดินปืนจะสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ถูกต้อง”อินชิงเสวียนรินชาให้เย่จิ่งอวี้หนึ่งแก้ว และนั่งลงบนเบาะนุ่มเสี่ยวหนานเฟิงเอื้อมมือไปที่แก้วชาในทันทีทำปากจู๋และพูดว่า “ดื่มๆ…”อินชิงเสวียนสัมผัสแก้วชาเล็กน้อย และแกล้งดึงมือกลับด้วยความกลัว“ร้อน ดื่มไม่ได้ เจ้าหิวแล้วใช่หรือไม่ แม่จะไปชงนมให้เจ้าดื่มนะ”เสี่ยวหนานเฟิงประสานมือน้อยสองข้างไว้ด้วยกัน เลียนแบบท่าทางของไป๋เสวี่ย เพื่อทำความเคารพอินชิงเสวียนด้วยการประสานมือทั้งสองขึ้นในระดับหน้าอก ปากน้อยๆ ยังคงพูดพึมพำในสิ่งที่อินชิงเสวียนฟังไม่เข้าใจอีกมากมายอินชิงเสวียนหัวเราะในท่าทางใสซื่อของลูกชายทันที และลูบที่ศีรษะเล็กๆ ของเขาอย่างเบามือ“เด็กดี รอก่อนนะ”เมื่อเห็นเงาหลังที่อรชรอ้อนแอ้นของอินชิงเสวียน เย่จิ่งอวี้เม้มริมฝีปากแล้วยิ้มนี่คือชีวิตในแบบที่เขาต้องการ สงบสุขและสุขใจไม่มีเรื่องแก่งแย่งชิงดีกันในวังหลัง และไม่ต้องกังวลใจกับแผนการห้ำหั่นกันของนางสนมนางกำนัล เชื่อว่านางสนมเหล่านั้นเข้าใจความคิดของเขาแล้วช่วงนี้ไม่มีใครวิ่งไปที่ห้องหนังสืออีกแล้ว สบายหูมากขึ้นไม่น้อยในระหว่างที่คิด อิ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-03-05
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 422 เนื้อเสียบไม้ย่าง

    กระพรวนทองเก็บไว้ในหน้าอกเข้ามาตลอด เพื่อไม่ให้รบกวนเสี่ยวหนานเฟิง เย่จิ่งอวี้หนีบผ้าขนไว้แน่น และหยิบกระพรวนทองออกมาด้วยความระวังไม่มีเสียงใดดังออกมาจากกระพรวน เย่จิ่งอวี้ถอนหายใจช้า และเปิดผ้าขนออกอินชิงเสวียนห่มผ้าให้เสี่ยวหนานเฟิง และนั่งลงที่ข้างโต๊ะ“ฝ่าบาทเห็นสิ่งใดแล้วหรือไม่เพคะ?”เย่จิ่งอวี้ส่ายหน้า“ข้าเห็นเพียงอักษรยันต์กองทัพสวรรค์ลิงไฟที่อยู่ด้านบน เดาไม่ออกว่ามีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับข้า”อินชิงเสวียนเคยได้ยินต่งจื่ออวี๋บอกว่า กระพรวนเส้นนี้เกิดจากการก่อตัวของสวรรค์ โลกและมนุษย์ ซึ่งสลักกองทัพสวรรค์ไว้สองกลุ่ม อีกทั้งกระพรวนทั้งสิบลูกส่งผลกระทบต่อเนื่องกันเป็นทอดๆ ภายหลังยังหายไปอีกหนึ่งเส้นกระพรวนทองที่หายไปน่าจะถูกครอบครองไว้โดยผู้ที่ขโมยพิณไป และจะส่งผลต่อเย่จิ่งอวี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งหมายความว่า กระพรวนทั้งหมดต่างส่งกระทบต่อเขา จึงควรหาวิธีในการแก้ไขเพียงแต่อินชิงเสวียนไม่เข้าใจวิชาอาคม จึงไม่สามารถช่วยอะไรได้นางครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วถามขึ้น“ตอนฝ่าบาททรงพระเยาว์เคยเห็นกระพรวนเส้นนี้หรือไม่เพคะ?”“ไม่เคย”เย่จิ่งอวี้พูดอย่างมุ่งมั่นเด็ดขาดในความทรงจำของเขา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-03-05
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 423 ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน

    เสี่ยวหนานเฟิงทำราวกับฟังรู้เรื่อง เขาเบ้ปากด้วยความน้อยใจในทันที และมองอินชิงเสวียนด้วยดวงตาที่แดงก่ำ“กิน กิน!”เขาใช้มือเล็กๆ ชี้ไปที่เนื้อเสียบไม้ ริมฝีปากน้อยขมุบขมิบแจ๊บๆ อย่างอดไม่ได้ พร้อมกับน้ำไหลที่ไหลย้อยลงมาเมื่อมองลูกชายที่น่าสงสารเช่นนี้ เย่จิ่งอวี้ก็ไม่อาจทำใจได้ เขาเดินเข้าไปอ้อนวอน “ให้พวกเรากินสักคำเถอะนะ!”อินชิงเสวียนเวยหน้าขึ้น จึงเห็นเสี่ยวหนานเฟิงน้ำตาคลอเบ้าอยู่ นางก็รู้สึกสงสารเช่นกันทว่าต่อให้สงสารมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถเอาให้เขากินได้ เด็กน้อยอายุเพียงเท่านี้ยังไม่ถึงเวลากินอาหารเลย“ตอนนี้จ้าวเอ๋อร์ยังไม่มีฟัน ไม่มีทางเคี้ยวเนื้อได้แน่เพคะ หม่อมฉันจะไปทำข้าวบดต้มให้เขาสักหน่อย”“อะไรก็ย่อมได้ทั้งนั้น ขอเพียงมีอาหารให้เขาได้กินก็พอ ไม่เช่นนั้นคงน่าสงสารเหลือเกิน”เย่จิ่งอวี้พูดไป สายตาก็เหลือบมองไปที่เนื้อเสียบไม้มันช่างหอมจริงๆ ไม่แปลกที่ลูกชายจะอยากอาหารแบบนี้เด็กอายุหกเดือนกว่า สามารถกินอาหารเสริมได้ในปริมาณที่เหมาะสม ด้านในร้านค้าสะสมคะแนนของอินชิงเสวียนมีครบทุกอย่าง นางแลกอาหารเสริมเด็กที่ดีที่สุดหนึ่งกล่อง เมื่ออ่านรายละเอียดด้านข้างเขียนว่า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-03-06
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 424 จิ้งอ๋องกลับวัง

    อินชิงเสวียนตื่นตระหนก และรีบคลุมเสื้อผ้าทันทีจิตใจของเย่จิ่งอวี้ต่างจดจ่ออยู่กับเรือนร่างของหญิงตัวเล็กที่อยู่ด้านล่างตัวเขา จึงไม่ได้ยินว่าหลี่เต๋อฝูพูดอะไร?สายตาเย็นชาขึ้นทันที และถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “มีเรื่องอะไร?”เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์ หลี่เต๋อฝูรู้ดีว่าตัวเองมารบกวนเวลาดีๆ ของฝ่าบาทอีกแล้วทว่าท่านอ๋องสิบสามก็สำคัญต่อฝ่าบาทเช่นกัน จึงทำได้เพียงดันทุรังพูดขึ้นอีกครั้งว่า “ท่านอ๋องสิบสามถูกทหารแบกกลับมาที่วังหลวง กระหม่อมไม่ทราบว่าท่านอ๋องได้รับบาดเจ็บอะไร แต่ตอนนี้ยังคงหมดสติและยังไม่ฟื้นขึ้นมาเลยพ่ะย่ะค่ะ”“อะไรนะ?”กามารมณ์ของเย่จิ่งอวี้มลายหายไปราวถูกคลื่นซัดเขาเดินลงพื้นด้วยเท้าเปล่า ทันทีที่เปิดประตูออก เขาก็ลากตัวหลี่เต๋อฝูเข้ามาเสื้อผ้าที่ถอดไว้ลากยาวมากับพื้น และมีรอยแดงจางๆ บนผิวขาวที่เย็นยะเยือก“เจ้าบอกว่าเสด็จอากลับมาแล้วงั้นหรือ?”หลี่เต๋อฝูก้มหน้าลง และพยักหน้าพูดเหมือนไก่จิกข้าวสาร “พ่ะย่ะค่ะ สำนักหมอหลวงเป็นผู้แจ้งกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ”ด้านในห้อง อินชิงเสวียนได้ยินอย่างชัดเจนนางรีบจัดการชุดของตัวเอง สวมรองเท้าและวิ่งออกมา“จิ้งอ๋องได

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-03-06
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 425 เรื่องในอดีต

    หมอหลวงเหลียงเรียบเรียงคำพูดและกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าท่านอ๋องจะถูกบางสิ่งทำลายหัวใจ แต่กลับถูกก้อนกระแสอากาศอุ่นปกป้องหัวใจเอาไว้พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้สีหน้าเคร่งขรึม“เจ้าหมายความว่าอะไร?”หมอหลวงเหลียงครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “อาการของท่านอ๋องแปลกประหลาดมากทีเดียว หัวใจถูกทำลาย เดิมทีควรถึงแก่ชีวิต แต่กลับมากระแสอากาศที่มองไม่เห็นปกป้องท่านอ๋องเอาไว้ อาการป่วยเช่นนี้กระหม่อมไม่เคยเห็นมาก่อน จึงไม่อาจตรวจรู้ได้ในทันท่วงที ฝ่าบาทได้โปรดให้เวลากระหม่อมสักหน่อยเถอะพ่ะย่ะค่ะ”อินชิงเสวียนขมวดคิ้ว หมอหลวงเหลียงพูดเช่นนี้ เกรงว่าต้องใช้เวลาค่อนข้างนานในการรักษา เมื่อลองใช้ความคิดดูแล้ว นางก็หยิบน้ำพุวิญญาณออกมาจากมิติหนึ่งถุง“ฝ่าบาท สามารถให้ท่านอ๋องดื่มน้ำสักหน่อยหรือไม่เพคะ”เย่จิ่งอวี้นึกถึงน้ำพุวิญญาณเหล่านั้นที่ตัวเองได้อาบ เขาไม่เคยถามอินชิงเสวียนมาก่อน แต่กลับรู้ว่าน้ำนั้นไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน หากเป็นเพียงน้ำธรรมดา นางคงไม่เอ่ยขึ้นมาเช่นนี้“ก็ดีนะ”เย่จิ่งอวี้รับถุงน้ำมา และพยุงเย่จั้นขึ้น พร้อมกับป้อนน้ำเขาอยู่หลายคำ ส่วนมากล้วนไหลออกมาจากมุมปากเช่นเดิมเมื่อสัมผัสร่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-03-06
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 426 นี่คงเป็นความรักสินะ

    ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เองอินชิงเสวียนจับมือของเย่จิ่งอวี้ และพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า “ตอนนี้ฝ่าบาทเป็นผู้ควบคุมทั่ว ราชโองการเพียงฉบับเดียวก็สามารถเรียกตัวจิ้งอ๋องกลับมาได้แล้วเพคะ ไม่จำเป็นต้องกังวลใจเพราะเรื่องนี้เลย”เย่จิ่งอวี้ยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “ข้ารอคอยให้เสด็จอากลับเมืองหลวงอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่ในราชสำนักไม่มีผู้ใดมาแทนตำแหน่งของเสด็จอาได้ หากเขาออกจากเมืองซุ่ยหาน เป่ยมู่ต๋าต้องเกิดเรื่องไม่คาดฝันแน่นอน”“นับตั้งแต่เริ่มมีปฐมจักรพรรดิ ทุกพระองค์ล้วนแล้วแต่เน้นบุ๋นละบู๊ ใช้การปกครองอย่างมีเมตตาธรรมมาโดยตลอด ขุนนางฝ่ายบู๊จำนวนมากต้องผลัดเปลี่ยนไปเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋น ตอนนี้แม่ทัพในราชสำนักมีระดับที่สูงต่ำแตกต่างกัน ต่างหมดยุคสมัยไปแล้วทั้งสิ้น จึงทำได้เพียงกินบำเหน็จรอความตายเท่านั้น หากไม่ใช่เพราะการถ่ายเทน้ำที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ข้าคงออกไปพิชิตเจียงวูกลุ่มน้อยด้วยตัวของข้าเอง”ขณะที่เย่จิ่งอวี้กล่าววาจาเช่นนี้ ออร่าของฮ่องเต้ก็แผ่กระจายออกมาจากด้านใน พลังอำนาจยิ่งใหญ่มหาศาลเมื่อมองใบหน้าที่อ่อนวัยและเข้มแข็งนี้ อินชิงเสวียนก็สามารถรับรู้ถึงความลำบากใจของเขาขุน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-03-06

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1534 ท่านพี่ช่วยข้าได้ไหม

    “ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1533 เจ้าน่ะ ยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนเดิม

    “ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1532 คืนชีวิตให้ท่านแล้วจะเป็นไร

    “เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี

DMCA.com Protection Status