Home / รักโบราณ / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 386 เสี่ยวหนานเฟิงยินดีเป็นอย่างยิ่ง

Share

บทที่ 386 เสี่ยวหนานเฟิงยินดีเป็นอย่างยิ่ง

Author: ม่อเยี่ยน
last update Last Updated: 2024-02-26 16:00:00
เสียงแผ่วต่ำดังก้องอยู่ในหู ให้ความรู้สึกเหมือนมีเวทมนตร์อันทำให้หลงใหล

ใบหน้าของอินชิงเสวียนแดงเถือก นางต้องการผลักคนผู้นั้นออกไป แต่นางก็ถูกรัดแน่นขึ้นแทน

“ข้ายอมรับว่าครั้งที่แล้วข้าพูดจาไม่ดี ความจริงข้าใส่ใจมากจนว้าวุ่นใจ ยิ่งข้าชอบมากเท่าไหร่ ข้าก็ยิ่งอดสงสัยไม่ได้ และยิ่งอดคิดไม่ได้ มีเพียงให้เจ้าอยู่เคียงข้างข้า ข้าถึงจะสบายใจได้”

เย่‍จิ่ง‍อวี้รวบแขนเข้าหากัน จับอินชิงเสวียนมานั่งที่ตักของเขา

เรียวตาหงส์คู่นั้นจ้องมองใบหน้าอมชมพูประดุจดอกบัวอย่างไม่วางตา ด้วยกลัวว่าถ้าปล่อยมือ คนที่อยู่ในอ้อมแขนจะหายไปทันที

อินชิงเสวียนถูกเขาจ้องมองจนตัวร้อนผ่าว นางรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง

แต่แสร้งทำเป็นสงบและพูดว่า “ปล่อยผ่านไปเถอะ เหมือนฉันก็ไม่ใช่คนคิดหยุมหยิมอะไร ไม่ทะเลาะกับฝ่าบาทแล้ว ปล่อยหม่อมฉันได้แล้วเพคะ”

“ไม่ปล่อย”

เย่‍จิ่ง‍อวี้คลายข้อมือออก แล้วกดอินชิงเสวียนลงบนเก้าอี้ตัวยาว

เขาพูดอย่างเอาแต่ใจ “จากนี้ไป ข้าจะหาเชือกมาผูกเจ้า ให้ติดอยู่กับสายรัดเอวของข้า”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะจินตนาการว่า ตัวเองเป็นจี้ห้อยอยู่บนเอวของเย่‍จิ่ง‍อวี้ โยกเยกขณะที่เขา
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 387 หวงกุ้ยเฟย

    อวิ๋นฉ่ายโกหกไม่เป็น เมื่อเห็นนางทำท่าทางเช่นนั้น ก็เห็นได้ชัดว่านางมีอะไรจะพูดอีกอินชิงเสวียนนั่งบนเก้าอี้ตัวยาว แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร มีอะไรก็พูดมาเถอะ ไม่ต้องอึกๆ อักๆ แล้ว หากให้ข้าได้ยินจากปากของคนอื่น ไม่สู้ให้พวกเจ้าเป็นคนบอกดีกว่า”ยายหลี่กล่าวว่า “พระสนมคิดมากเกินไปแล้ว ไม่มีอะไรจริงๆ เพคะ”ใบหน้าของอินชิงเสวียนมืดลง“ให้อวิ๋นฉ่ายพูด”อวิ๋นฉ่ายเม้มริมฝีปากแล้วพูดว่า “วันก่อนนายหญิงสวีมาที่นี่ตั้งแต่เช้าตรู่ บอกว่าฝ่าบาทอยู่กับนางทั้งคืน ต้องให้หานปิงประคองกลับตำหนัก หม่อมฉันเห็นว่าสีหน้าของนางดูซีดเซียว การก้าวย่างไม่มั่นคง และมีคราบเลือดบนกระโปรงของนาง ราวกับว่า...เป็นเรื่องจริง”หัวใจของอินชิงเสวียนรู้สึกเหมือนถูกเข็มทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดเหลือเกินผู้ชายสารเลว คนเลว!ปากก็บอกว่านางสำคัญกว่าใคร แต่แอบไปนอนกับสตรีคนอื่นไร้ยางอาย!นางระงับความโกรธในใจ แล้วพูดกับทุกคนด้วยน้ำเสียงสงบ “ข้ารู้แล้ว พวกเจ้าออกไปเถอะ”เมื่อเห็นว่าสีหน้าของอินชิงเสวียนดูไม่สู้ดีนัก ยายหลี่ก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “พระสนม เรื่องนี้...”ดวงตาของอินชิงเสวียนมืดมัวลง“ออกไป”ยายหลี่และ

    Last Updated : 2024-02-27
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 388 มีทั้งคนยินดีและทุกข์ตรม

    ยายหลี่รีบถาม “ให้พาองค์ชายน้อยไปด้วยหรือไม่เพคะ”“พาไปด้วยกันเถอะ”หากเย่‍จิ่ง‍อวี้ไม่ได้เจอหน้าเสี่ยว‍หนาน‍เฟิง เขาต้องเป็นกังวลอีกแน่นอนเสี่ยวอานจื่อรีบนำรถเข็นเด็กมาเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงไม่ได้ขี่รถคันนี้มาหลายวันแล้ว ทันใดนั้นเขาก็โบกมือที่เหมือนแง่งขิงอย่างมีความสุข“รถ ไป~”นิ้วป้อมๆ ของเขาชี้ไปที่รถ แล้วก็ชี้ไปข้างนอก อันเป็นการจัดแจงอย่างชัดเจน“ได้ พวกเราไปกันเลย”ยายหลี่วางเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงไว้ในรถเข็นเด็กอย่างระมัดระวัง แล้วเดินมุ่งหน้าไปที่ห้องหนังสือข่าวในวังแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว เพียงสิบห้านาที เกือบทุกคนที่อยู่ในวังก็รู้ว่าอินชิงเสวียนได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็นหวงกุ้ยเฟยซึ่งก็เป็นเรื่องปกติที่จะมีคนยินดีและทุกข์ตรม และยังมีบางคนโมโหจนปวดท้องเมื่อทราบข่าวนี้ ซูฉ่ายเวยก็ดีใจมากหลังจากที่พ่อของนางเสียชีวิต นางก็คิดได้แล้วแทนที่จะร้องขอความรักที่ไม่มีวันได้ มิสู้หาเงินดีกว่า เพื่อให้แม่และน้องชายมีชีวิตที่ดีขึ้นนางไม่สนใจว่าอินชิงเสวียนจะเป็นหวงกุ้ยเฟยหรือฮองเฮา ตราบใดที่นางกลับวังได้ ทำธุรกิจกับนางได้ก็พอแล้วส่วนลู่จิ้งเสียนแทบจะบ้าคลั่งในตำหนักสนมที่ถูกท

    Last Updated : 2024-02-27
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 389 วางใจ

    ชายสูงอายุท่าทางมีความรู้ หน้าตาดูใจดี เขาอายุประมาณห้าสิบปี แต่เนื่องจากเขามีเส้นผมขาวโพลนมากเกินไป เขาจึงดูแก่กว่าอายุจริงชายหนุ่มอายุเพียงยี่สิบปี รูปลักษณ์หล่อเหลา นัยน์ตาดอกท้อคู่นั้นคล้ายจะประดับด้วยรอยยิ้มอยู่เสมอตอนที่อินชิงเสวียนมองดูพวกเขาทั้งคู่ พวกเขาก็มองมาที่อินชิงเสวียนด้วยเช่นกันสตรีผู้นี้มีนัยน์ตาสดใสดั่งธารายามวสันต์ ผิวพรรณเกลี้ยงเกลาผุดผ่อง ใบหน้างดงามราวสวรรค์ปั้นแต่ง นางปักปิ่นดอกไม้ที่ทำจากทองและหยกบนศีรษะ สวมกระโปรงสีแดงดั่งผลซิ่ง ข้อมือและแขนเสื้อแต่งขอบด้วยสีทอง ทุกอากัปกิริยาล้วนคงไว้ซึ่งความสูงศักดิ์แห่งราชวงศ์นอกจากนี้ยังมีเด็กทารกตัวกลมชมพูอยู่ในอ้อมแขน ดวงตาคู่โตสีเข้มกะพริบปริบๆ มองดูทั้งสองอย่างอยากรู้อยากเห็นหลังจากตกตะลึงไปชั่วขณะ ชายหนุ่มก็กรีดร้องด้วยความประหลาดใจระคนยินดี“น้องหญิงใหญ่!”เขาพุ่งเข้าหาราวกับลูกธนู ยกตัวอินชิงเสวียนพร้อมกับเด็กทารกขึ้นลอย หมุนพวกเขาไปรอบๆ อินจ้งก็ดูตื่นเต้นเช่นกัน เขาเดินสองก้าวไปหาลูกสาวแล้วหยุดพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ปู้อวี่ อย่ากำเริบเสิบสาน ยังไม่รีบปล่อยหวงกุ้ยเฟยลงและมาแสดงความเคารพอีก”พออิน

    Last Updated : 2024-02-27
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 390 ครอบครัวเดียวกัน

    เย่‍จิ่ง‍อวี้พูดอย่างอารมณ์ดี “ทั้งสองท่านโปรดลุกขึ้นเถิด หากพวกเราเป็นคนธรรมดา ข้าก็ควรเรียกแม่ทัพเฒ่าว่าท่านพ่อตาด้วยซ้ำ แม้ว่ากษัตริย์และขุนนางจะแตกต่างกัน แต่สำหรับข้า พวกท่านล้วนเป็นครอบครัวเดียวกันกับข้า”เมื่อได้ยินเช่นนี้ อินจ้งก็รู้สึกอบอุ่นในใจจู่ๆ ก็รู้สึกยินดีที่เย่จิ่งเย่าไม่ได้แต่งงานกับอินชิงเสวียนเมื่อเช้านี้ก็ได้ยินมาว่าเย่จิ่งเย่าถูกลอบสังหาร เจียงซิ่วหนิงที่เป็นพระชายาก็ออกบวชชีที่วัดสุ่ยจิ้ง พอคิดว่านางอายุเท่ากับลูกสาวของตัวเอง เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจกับนาง “ขอบพระทัยฝ่าบาทที่รักบุตรีของกระหม่อม นี่เป็นวาสนาของชิงเสวียน และเป็นวาสนาของตระกูลอินเช่นกัน กระหม่อมยินดีที่จะใช้ทั้งชีวิตเพื่อตอบแทนต้าโจว และความมีน้ำใจของฝ่าบาท”อินจ้งรู้สึกตัวในทันที เขากางเสื้อคลุมออก คุกเข่าลงกับพื้น แล้วโขกศีรษะลงบนพื้นอินปู้อวี่ก็คุกเข่าตามเขา พูดด้วยเสียงอันดังว่า “กระหม่อมมีความคิดเช่นเดียวกับท่านพ่อ เต็มใจที่จะต่อสู้เพื่อต้าโจว แม้ต้องตายก็ไม่เสียดาย”สองพ่อลูกมีแนวคิดคล้ายคลึงกัน ตราบใดที่พวกเขาทุ่มเทเพื่อต้าโจว อินชิงเสวียนก็จะสามารถรักษาตำแหน่งปัจจุบันของนางได้

    Last Updated : 2024-02-27
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 391 กับข้าวบ้าน

    อินจ้งเป็นผู้บัญชาการทหารที่แท้จริง ไม่เหมือนทหารที่กลัวความตายเหล่านั้น ที่แค่กล่าวถึงการสู้รบก็อ้างเหตุปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า และพูดจู้จี้จุกจิกไม่เลิกเย่‍จิ่ง‍อวี้มีความประทับใจที่ดีต่ออินจ้งตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นรัชทายาทแล้วหลังจากที่อินชิงเสวียนแต่งเข้าจวนรัชทายาท อินจ้งก็ไม่เคยมีแผนใดๆ กับเขา ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าอินจ้งเป็นคนตรงไปตรงมาหากไม่มีเรื่องจดหมายลับในการร่วมมือกับศัตรู เขาคงไม่เนรเทศตระกูลอินทั้งครอบครัวโชคดีที่ความจริงทุกอย่างปรากฏชัด เช้านี้อินจ้งและลูกชายก็กลับมาประชุมเช้าอีกครั้ง เมื่อมีพวกเขาสองพ่อลูกอยู่ เหล่าตาเฒ่าเน่าเฟะในอดีตก็เงียบลงมากเมื่อคิดได้ดังนี้ มุมปากของเย่‍จิ่ง‍อวี้ก็โค้งงอเป็นรอยยิ้มลึกล้ำขึ้นอีกทั้งหมดเดินพลางคุยกันพลางไปตลอดทาง จนกระทั่งมาถึงตำหนักจินหวูเย่‍จิ่ง‍อวี้และอินจ้งขึ้นไปสนทนากันที่ศาลาหิน ส่วนอินปู้อวี่หยอกเย้าเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงอยู่ข้างล่างไป๋เสวี่ยเหมือนจะรู้ว่าสองคนนี้เป็นญาติของอินชิงเสวียน มันนอนอาบแดดอย่างเกียจคร้านอยู่ใต้ชายคาด้านอินชิงเสวียนก็พาอวิ๋นฉ่ายและนางกำนัลไปทำเกี๊ยวสำหรับพวกเขาทุกคน ทั้งยังทำขนมเปี๊ยะ และหุง

    Last Updated : 2024-02-28
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 392 สงสัย

    อินปู้อวี่หน้าแดงเถือก จนไม่กล้าคีบอาหารกินเลยเมื่อเห็นเขาดื่มแต่สุรา อินชิงเสวียนก็รีบคีบเกี๊ยวให้เขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เอาแต่ดื่มสุราจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ พี่รองกินอะไรอย่างอื่นบ้าง”อินปู้อวี่เกิดความรู้สึกซาบซึ้งใจ น้องสาวยังนึกถึงเขาอยู่ เกี๊ยวนี้อร่อยมากจริงๆเมื่อเห็นฝ่าบาทพูดคุยกับผู้เป็นพ่อ เขาก็ถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาทันที “ยังมีอีกหรือไม่ พอแบ่งให้พี่เอาไปให้ท่านแม่รองกับน้องเล็กด้วยได้หรือไม่”อินชิงเสวียนนิ่งอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง ครั้นแล้วภาพของสตรีที่อ่อนโยนและเด็กหญิงตัวเล็กที่ไร้เดียงสาและมีชีวิตชีวาก็ปรากฏขึ้นในใจของนางนางลืมไปแล้วโดยสิ้นเชิง ว่าเจ้าของร่างเดิมก็มีท่านแม่รองและน้องสาวต่างมารดาด้วยบางทีอาจเป็นเพราะเจ้าของร่างเดิมอาจไม่ชอบใจท่านแม่รองคนนี้ จึงไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับพวกนางสองแม่ลูกมากนักถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาทันทีว่า “ท่านแม่รอง...ดีกับท่านและท่านพ่อหรือไม่”อินปู้อวี่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย“เหคุใดจึงถามเช่นนี้ ชุดแต่งงานของน้องหญิงใหญ่ก็เป็นท่านแม่รอง ที่เย็บให้เจ้ากว่าสิบวันสิบคืนด้วยมือของนางเอง”ในยุคปัจจุบันอินชิงเสวียนอ่านนิยายนองเลือดม

    Last Updated : 2024-02-28
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 393 หวั่นไหว

    อินปู้อวี่พูดด้วยใบหน้ามีความสุข “เจอแล้ว น้องหญิงใหญ่ยังฝากเกี๊ยวมาให้ท่านแม่รองกับน้องเล็กด้วย”อินจื่อลั่วเอียงคอถามด้วยความสงสัย “เกี๊ยวคืออะไรเจ้าคะ”อินปู้อวี่หยิบถุงกระดาษไขออกมา แล้วโบกไปมาต่อหน้าน้องสาวคนเล็ก“ของอร่อย ประเดี๋ยวถ้าเจ้าได้ลองแล้วจะรู้”อินจื่อลั่วสูดดมแรงๆ“กลิ่นหอมจัง ข้าได้กลิ่นเนื้อด้วย”แม้ว่าพวกเขาทั้งครอบครัวจะกลับเมืองหลวงและอาศัยอยู่ในจวนหลังใหญ่ แต่ก็ยังไม่มีเงินพวกเขาสองคนพ่อลูกที่ทำงานหยาบๆ ในเมืองซุ่ยหาน กว่าจะหาเงินสักอีแปะมาเลี้ยงครอบครัวได้ก็ไม่ใช่ง่ายๆ เมื่อได้ยินสิ่งที่อินจื่อลั่วพูด อินจ้งก็อดรู้สึกผิดไม่ได้เขาลูบศีรษะเล็กๆ ของนางแล้วพูดว่า “ตอนนี้พ่อกับพี่รองกลับมารับตำแหน่งเดิมแล้ว ขอเพียงเรายืนหยัดต่อไปอีกหน่อย ก็จะมีเบี้ยรายเดือนแล้ว เกี๊ยวยังร้อนๆ อยู่ พวกเจ้าสองคนแม่ลูกรีบกินเถอะ”ทุกคนเข้าไปในห้องโถง แล้วอินจ้งก็เปิดถุงกระดาษไขอย่างระมัดระวังอินจื่อลั่วยื่นมือเล็กๆ ออกมาหยิบเกี๊ยวขึ้น แล้วส่งให้ผู้เป็นแม่ด้วยความเคารพ“ท่านแม่กินก่อนเจ้าค่ะ”“เจ้ากินเถอะ แม่ไม่หิว”ซูหมิงหลานมองลูกสาวด้วยสีหน้าอ่อนโยนแล้วอินจื่อลั่วก็ส

    Last Updated : 2024-02-28
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 394 ฝันร้าย

    ท่ามกลางความฝันอันยาวนานในความฝัน เย่‍จิ่ง‍อวี้ดูเหมือนจะกลับมาสู่ช่วงที่ยังเป็นเด็ก ตอนที่ได้นั่งชิงช้าอันแสนสุขกับมารดาในตำหนักจินหวู“เสด็จแม่ สูงขึ้นอีก”“สูงกว่านี้ไม่ได้แล้ว ถ้าตกลงมา เจ้าจะเจ็บเอานะ”“ลูกไม่กลัว”หวนไท่เฟยพูดอย่างช่วยไม่ได้“แต่แม่กลัว”“เสด็จแม่กลัวสิ่งใดหรือพ่ะย่ะค่ะ”เย่‍จิ่ง‍อวี้หันกลับมาถามอย่างไม่เข้าใจหวนไท่เฟยส่ายศีรษะ และยิ้มอีกครั้ง“แม่กลัวเจ้ากับแม่ต้องแยกจากกัน แม่ทิ้งเจ้าไม่ได้”เย่‍จิ่ง‍อวี้พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เป็นเช่นนั้นแน่พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่ออนุญาตให้ลูกพักอยู่ในตำหนักจินหวูแล้ว”หวนไท่เฟยถอนหายใจเบาๆ แล้วแกว่งไกวชิงช้าอีกครั้ง“ถ้าแม่ได้อยู่กับเจ้าตลอดไปก็คงดี”เย่‍จิ่ง‍อวี้กล่าวด้วยความมุ่งมั่น “เป็นเช่นนั้นแน่ เมื่อลูกโตขึ้น จะปกป้องเสด็จแม่เอง”หวนไท่เฟยคลี่ยิ้มละไม “ได้ เช่นนั้นแม่จะรอจนเจ้าโตนะ”ฮวาเชียนเดินมาจากด้านข้าง แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “พระสนมคงเหนื่อยแล้ว ให้หม่อมฉันแกว่งไกวชิงช้าให้นะเพคะ”ฮวาเชียนแข็งแรงมาก แกว่งชิงช้าให้เย่‍จิ่ง‍อวี้ขึ้นสูงๆ ได้ในคราวเดียว เย่‍จิ่ง‍อวี้หัวเราะอย่างมีความสุข ครั้นก้มศีรษะลงโดยไ

    Last Updated : 2024-02-28

Latest chapter

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1534 ท่านพี่ช่วยข้าได้ไหม

    “ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1533 เจ้าน่ะ ยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนเดิม

    “ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1532 คืนชีวิตให้ท่านแล้วจะเป็นไร

    “เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี

DMCA.com Protection Status