แชร์

บทที่ 387 หวงกุ้ยเฟย

ผู้แต่ง: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
อวิ๋นฉ่ายโกหกไม่เป็น เมื่อเห็นนางทำท่าทางเช่นนั้น ก็เห็นได้ชัดว่านางมีอะไรจะพูดอีก

อินชิงเสวียนนั่งบนเก้าอี้ตัวยาว แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร มีอะไรก็พูดมาเถอะ ไม่ต้องอึกๆ อักๆ แล้ว หากให้ข้าได้ยินจากปากของคนอื่น ไม่สู้ให้พวกเจ้าเป็นคนบอกดีกว่า”

ยายหลี่กล่าวว่า “พระสนมคิดมากเกินไปแล้ว ไม่มีอะไรจริงๆ เพคะ”

ใบหน้าของอินชิงเสวียนมืดลง

“ให้อวิ๋นฉ่ายพูด”

อวิ๋นฉ่ายเม้มริมฝีปากแล้วพูดว่า “วันก่อนนายหญิงสวีมาที่นี่ตั้งแต่เช้าตรู่ บอกว่าฝ่าบาทอยู่กับนางทั้งคืน ต้องให้หานปิงประคองกลับตำหนัก หม่อมฉันเห็นว่าสีหน้าของนางดูซีดเซียว การก้าวย่างไม่มั่นคง และมีคราบเลือดบนกระโปรงของนาง ราวกับว่า...เป็นเรื่องจริง”

หัวใจของอินชิงเสวียนรู้สึกเหมือนถูกเข็มทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดเหลือเกิน

ผู้ชายสารเลว คนเลว!

ปากก็บอกว่านางสำคัญกว่าใคร แต่แอบไปนอนกับสตรีคนอื่น

ไร้ยางอาย!

นางระงับความโกรธในใจ แล้วพูดกับทุกคนด้วยน้ำเสียงสงบ “ข้ารู้แล้ว พวกเจ้าออกไปเถอะ”

เมื่อเห็นว่าสีหน้าของอินชิงเสวียนดูไม่สู้ดีนัก ยายหลี่ก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “พระสนม เรื่องนี้...”

ดวงตาของอินชิงเสวียนมืดมัวลง

“ออกไป”

ยายหลี่และ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 388 มีทั้งคนยินดีและทุกข์ตรม

    ยายหลี่รีบถาม “ให้พาองค์ชายน้อยไปด้วยหรือไม่เพคะ”“พาไปด้วยกันเถอะ”หากเย่‍จิ่ง‍อวี้ไม่ได้เจอหน้าเสี่ยว‍หนาน‍เฟิง เขาต้องเป็นกังวลอีกแน่นอนเสี่ยวอานจื่อรีบนำรถเข็นเด็กมาเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงไม่ได้ขี่รถคันนี้มาหลายวันแล้ว ทันใดนั้นเขาก็โบกมือที่เหมือนแง่งขิงอย่างมีความสุข“รถ ไป~”นิ้วป้อมๆ ของเขาชี้ไปที่รถ แล้วก็ชี้ไปข้างนอก อันเป็นการจัดแจงอย่างชัดเจน“ได้ พวกเราไปกันเลย”ยายหลี่วางเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงไว้ในรถเข็นเด็กอย่างระมัดระวัง แล้วเดินมุ่งหน้าไปที่ห้องหนังสือข่าวในวังแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว เพียงสิบห้านาที เกือบทุกคนที่อยู่ในวังก็รู้ว่าอินชิงเสวียนได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็นหวงกุ้ยเฟยซึ่งก็เป็นเรื่องปกติที่จะมีคนยินดีและทุกข์ตรม และยังมีบางคนโมโหจนปวดท้องเมื่อทราบข่าวนี้ ซูฉ่ายเวยก็ดีใจมากหลังจากที่พ่อของนางเสียชีวิต นางก็คิดได้แล้วแทนที่จะร้องขอความรักที่ไม่มีวันได้ มิสู้หาเงินดีกว่า เพื่อให้แม่และน้องชายมีชีวิตที่ดีขึ้นนางไม่สนใจว่าอินชิงเสวียนจะเป็นหวงกุ้ยเฟยหรือฮองเฮา ตราบใดที่นางกลับวังได้ ทำธุรกิจกับนางได้ก็พอแล้วส่วนลู่จิ้งเสียนแทบจะบ้าคลั่งในตำหนักสนมที่ถูกท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 389 วางใจ

    ชายสูงอายุท่าทางมีความรู้ หน้าตาดูใจดี เขาอายุประมาณห้าสิบปี แต่เนื่องจากเขามีเส้นผมขาวโพลนมากเกินไป เขาจึงดูแก่กว่าอายุจริงชายหนุ่มอายุเพียงยี่สิบปี รูปลักษณ์หล่อเหลา นัยน์ตาดอกท้อคู่นั้นคล้ายจะประดับด้วยรอยยิ้มอยู่เสมอตอนที่อินชิงเสวียนมองดูพวกเขาทั้งคู่ พวกเขาก็มองมาที่อินชิงเสวียนด้วยเช่นกันสตรีผู้นี้มีนัยน์ตาสดใสดั่งธารายามวสันต์ ผิวพรรณเกลี้ยงเกลาผุดผ่อง ใบหน้างดงามราวสวรรค์ปั้นแต่ง นางปักปิ่นดอกไม้ที่ทำจากทองและหยกบนศีรษะ สวมกระโปรงสีแดงดั่งผลซิ่ง ข้อมือและแขนเสื้อแต่งขอบด้วยสีทอง ทุกอากัปกิริยาล้วนคงไว้ซึ่งความสูงศักดิ์แห่งราชวงศ์นอกจากนี้ยังมีเด็กทารกตัวกลมชมพูอยู่ในอ้อมแขน ดวงตาคู่โตสีเข้มกะพริบปริบๆ มองดูทั้งสองอย่างอยากรู้อยากเห็นหลังจากตกตะลึงไปชั่วขณะ ชายหนุ่มก็กรีดร้องด้วยความประหลาดใจระคนยินดี“น้องหญิงใหญ่!”เขาพุ่งเข้าหาราวกับลูกธนู ยกตัวอินชิงเสวียนพร้อมกับเด็กทารกขึ้นลอย หมุนพวกเขาไปรอบๆ อินจ้งก็ดูตื่นเต้นเช่นกัน เขาเดินสองก้าวไปหาลูกสาวแล้วหยุดพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ปู้อวี่ อย่ากำเริบเสิบสาน ยังไม่รีบปล่อยหวงกุ้ยเฟยลงและมาแสดงความเคารพอีก”พออิน

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 390 ครอบครัวเดียวกัน

    เย่‍จิ่ง‍อวี้พูดอย่างอารมณ์ดี “ทั้งสองท่านโปรดลุกขึ้นเถิด หากพวกเราเป็นคนธรรมดา ข้าก็ควรเรียกแม่ทัพเฒ่าว่าท่านพ่อตาด้วยซ้ำ แม้ว่ากษัตริย์และขุนนางจะแตกต่างกัน แต่สำหรับข้า พวกท่านล้วนเป็นครอบครัวเดียวกันกับข้า”เมื่อได้ยินเช่นนี้ อินจ้งก็รู้สึกอบอุ่นในใจจู่ๆ ก็รู้สึกยินดีที่เย่จิ่งเย่าไม่ได้แต่งงานกับอินชิงเสวียนเมื่อเช้านี้ก็ได้ยินมาว่าเย่จิ่งเย่าถูกลอบสังหาร เจียงซิ่วหนิงที่เป็นพระชายาก็ออกบวชชีที่วัดสุ่ยจิ้ง พอคิดว่านางอายุเท่ากับลูกสาวของตัวเอง เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจกับนาง “ขอบพระทัยฝ่าบาทที่รักบุตรีของกระหม่อม นี่เป็นวาสนาของชิงเสวียน และเป็นวาสนาของตระกูลอินเช่นกัน กระหม่อมยินดีที่จะใช้ทั้งชีวิตเพื่อตอบแทนต้าโจว และความมีน้ำใจของฝ่าบาท”อินจ้งรู้สึกตัวในทันที เขากางเสื้อคลุมออก คุกเข่าลงกับพื้น แล้วโขกศีรษะลงบนพื้นอินปู้อวี่ก็คุกเข่าตามเขา พูดด้วยเสียงอันดังว่า “กระหม่อมมีความคิดเช่นเดียวกับท่านพ่อ เต็มใจที่จะต่อสู้เพื่อต้าโจว แม้ต้องตายก็ไม่เสียดาย”สองพ่อลูกมีแนวคิดคล้ายคลึงกัน ตราบใดที่พวกเขาทุ่มเทเพื่อต้าโจว อินชิงเสวียนก็จะสามารถรักษาตำแหน่งปัจจุบันของนางได้

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 391 กับข้าวบ้าน

    อินจ้งเป็นผู้บัญชาการทหารที่แท้จริง ไม่เหมือนทหารที่กลัวความตายเหล่านั้น ที่แค่กล่าวถึงการสู้รบก็อ้างเหตุปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า และพูดจู้จี้จุกจิกไม่เลิกเย่‍จิ่ง‍อวี้มีความประทับใจที่ดีต่ออินจ้งตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นรัชทายาทแล้วหลังจากที่อินชิงเสวียนแต่งเข้าจวนรัชทายาท อินจ้งก็ไม่เคยมีแผนใดๆ กับเขา ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าอินจ้งเป็นคนตรงไปตรงมาหากไม่มีเรื่องจดหมายลับในการร่วมมือกับศัตรู เขาคงไม่เนรเทศตระกูลอินทั้งครอบครัวโชคดีที่ความจริงทุกอย่างปรากฏชัด เช้านี้อินจ้งและลูกชายก็กลับมาประชุมเช้าอีกครั้ง เมื่อมีพวกเขาสองพ่อลูกอยู่ เหล่าตาเฒ่าเน่าเฟะในอดีตก็เงียบลงมากเมื่อคิดได้ดังนี้ มุมปากของเย่‍จิ่ง‍อวี้ก็โค้งงอเป็นรอยยิ้มลึกล้ำขึ้นอีกทั้งหมดเดินพลางคุยกันพลางไปตลอดทาง จนกระทั่งมาถึงตำหนักจินหวูเย่‍จิ่ง‍อวี้และอินจ้งขึ้นไปสนทนากันที่ศาลาหิน ส่วนอินปู้อวี่หยอกเย้าเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงอยู่ข้างล่างไป๋เสวี่ยเหมือนจะรู้ว่าสองคนนี้เป็นญาติของอินชิงเสวียน มันนอนอาบแดดอย่างเกียจคร้านอยู่ใต้ชายคาด้านอินชิงเสวียนก็พาอวิ๋นฉ่ายและนางกำนัลไปทำเกี๊ยวสำหรับพวกเขาทุกคน ทั้งยังทำขนมเปี๊ยะ และหุง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 392 สงสัย

    อินปู้อวี่หน้าแดงเถือก จนไม่กล้าคีบอาหารกินเลยเมื่อเห็นเขาดื่มแต่สุรา อินชิงเสวียนก็รีบคีบเกี๊ยวให้เขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เอาแต่ดื่มสุราจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ พี่รองกินอะไรอย่างอื่นบ้าง”อินปู้อวี่เกิดความรู้สึกซาบซึ้งใจ น้องสาวยังนึกถึงเขาอยู่ เกี๊ยวนี้อร่อยมากจริงๆเมื่อเห็นฝ่าบาทพูดคุยกับผู้เป็นพ่อ เขาก็ถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาทันที “ยังมีอีกหรือไม่ พอแบ่งให้พี่เอาไปให้ท่านแม่รองกับน้องเล็กด้วยได้หรือไม่”อินชิงเสวียนนิ่งอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง ครั้นแล้วภาพของสตรีที่อ่อนโยนและเด็กหญิงตัวเล็กที่ไร้เดียงสาและมีชีวิตชีวาก็ปรากฏขึ้นในใจของนางนางลืมไปแล้วโดยสิ้นเชิง ว่าเจ้าของร่างเดิมก็มีท่านแม่รองและน้องสาวต่างมารดาด้วยบางทีอาจเป็นเพราะเจ้าของร่างเดิมอาจไม่ชอบใจท่านแม่รองคนนี้ จึงไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับพวกนางสองแม่ลูกมากนักถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาทันทีว่า “ท่านแม่รอง...ดีกับท่านและท่านพ่อหรือไม่”อินปู้อวี่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย“เหคุใดจึงถามเช่นนี้ ชุดแต่งงานของน้องหญิงใหญ่ก็เป็นท่านแม่รอง ที่เย็บให้เจ้ากว่าสิบวันสิบคืนด้วยมือของนางเอง”ในยุคปัจจุบันอินชิงเสวียนอ่านนิยายนองเลือดม

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 393 หวั่นไหว

    อินปู้อวี่พูดด้วยใบหน้ามีความสุข “เจอแล้ว น้องหญิงใหญ่ยังฝากเกี๊ยวมาให้ท่านแม่รองกับน้องเล็กด้วย”อินจื่อลั่วเอียงคอถามด้วยความสงสัย “เกี๊ยวคืออะไรเจ้าคะ”อินปู้อวี่หยิบถุงกระดาษไขออกมา แล้วโบกไปมาต่อหน้าน้องสาวคนเล็ก“ของอร่อย ประเดี๋ยวถ้าเจ้าได้ลองแล้วจะรู้”อินจื่อลั่วสูดดมแรงๆ“กลิ่นหอมจัง ข้าได้กลิ่นเนื้อด้วย”แม้ว่าพวกเขาทั้งครอบครัวจะกลับเมืองหลวงและอาศัยอยู่ในจวนหลังใหญ่ แต่ก็ยังไม่มีเงินพวกเขาสองคนพ่อลูกที่ทำงานหยาบๆ ในเมืองซุ่ยหาน กว่าจะหาเงินสักอีแปะมาเลี้ยงครอบครัวได้ก็ไม่ใช่ง่ายๆ เมื่อได้ยินสิ่งที่อินจื่อลั่วพูด อินจ้งก็อดรู้สึกผิดไม่ได้เขาลูบศีรษะเล็กๆ ของนางแล้วพูดว่า “ตอนนี้พ่อกับพี่รองกลับมารับตำแหน่งเดิมแล้ว ขอเพียงเรายืนหยัดต่อไปอีกหน่อย ก็จะมีเบี้ยรายเดือนแล้ว เกี๊ยวยังร้อนๆ อยู่ พวกเจ้าสองคนแม่ลูกรีบกินเถอะ”ทุกคนเข้าไปในห้องโถง แล้วอินจ้งก็เปิดถุงกระดาษไขอย่างระมัดระวังอินจื่อลั่วยื่นมือเล็กๆ ออกมาหยิบเกี๊ยวขึ้น แล้วส่งให้ผู้เป็นแม่ด้วยความเคารพ“ท่านแม่กินก่อนเจ้าค่ะ”“เจ้ากินเถอะ แม่ไม่หิว”ซูหมิงหลานมองลูกสาวด้วยสีหน้าอ่อนโยนแล้วอินจื่อลั่วก็ส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 394 ฝันร้าย

    ท่ามกลางความฝันอันยาวนานในความฝัน เย่‍จิ่ง‍อวี้ดูเหมือนจะกลับมาสู่ช่วงที่ยังเป็นเด็ก ตอนที่ได้นั่งชิงช้าอันแสนสุขกับมารดาในตำหนักจินหวู“เสด็จแม่ สูงขึ้นอีก”“สูงกว่านี้ไม่ได้แล้ว ถ้าตกลงมา เจ้าจะเจ็บเอานะ”“ลูกไม่กลัว”หวนไท่เฟยพูดอย่างช่วยไม่ได้“แต่แม่กลัว”“เสด็จแม่กลัวสิ่งใดหรือพ่ะย่ะค่ะ”เย่‍จิ่ง‍อวี้หันกลับมาถามอย่างไม่เข้าใจหวนไท่เฟยส่ายศีรษะ และยิ้มอีกครั้ง“แม่กลัวเจ้ากับแม่ต้องแยกจากกัน แม่ทิ้งเจ้าไม่ได้”เย่‍จิ่ง‍อวี้พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เป็นเช่นนั้นแน่พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่ออนุญาตให้ลูกพักอยู่ในตำหนักจินหวูแล้ว”หวนไท่เฟยถอนหายใจเบาๆ แล้วแกว่งไกวชิงช้าอีกครั้ง“ถ้าแม่ได้อยู่กับเจ้าตลอดไปก็คงดี”เย่‍จิ่ง‍อวี้กล่าวด้วยความมุ่งมั่น “เป็นเช่นนั้นแน่ เมื่อลูกโตขึ้น จะปกป้องเสด็จแม่เอง”หวนไท่เฟยคลี่ยิ้มละไม “ได้ เช่นนั้นแม่จะรอจนเจ้าโตนะ”ฮวาเชียนเดินมาจากด้านข้าง แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “พระสนมคงเหนื่อยแล้ว ให้หม่อมฉันแกว่งไกวชิงช้าให้นะเพคะ”ฮวาเชียนแข็งแรงมาก แกว่งชิงช้าให้เย่‍จิ่ง‍อวี้ขึ้นสูงๆ ได้ในคราวเดียว เย่‍จิ่ง‍อวี้หัวเราะอย่างมีความสุข ครั้นก้มศีรษะลงโดยไ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 395 ใครร้ายมาร้ายตอบ

    “พอดีเลย ให้พวกนางอยู่เป็นเพื่อนเจ้า”เย่‍จิ่ง‍อวี้จัดแต่งเสื้อคลุม แล้วเดินออกจากตำหนักไปนอกประตู มีสาวๆ กลุ่มหนึ่งกำลังรอให้อินชิงเสวียนเรียกเข้าพบ เมื่อพวกนางเห็นฮ่องเต้เดินออกมา ก็รีบยอบกายคารวะทันที“หม่อมฉันถวายบังคมเพคะ”“ตามสบาย”เย่‍จิ่ง‍อวี้พูดเบาๆ แล้วจากไปพร้อมกับหลี่เต๋อฝูและเหล่าขันทีทั้งหลายนายหญิงหลายคนแอบเงยหน้าขึ้นมอง แต่ก็เห็นเพียงด้านหลังของฝ่าบาทเท่านั้นเมื่อเห็นใบหน้าที่ผิดหวังของทุกคน สายตาซูฉ่ายเวยก็เผยรอยยิ้มเยาะพวกนางอยู่ในวังมาเกือบครึ่งปีแล้ว ก็ยังไม่เห็นว่าฝ่าบาทจะเสด็จไปที่ใดนอกจากตำหนักจินหวูเลยแทนที่จะคิดถึงสิ่งที่ไม่ได้เป็นของตน มิสู้คิดว่าจะทำให้ชีวิตของตัวเองอยู่อย่างสุขสบายได้อย่างไรดีกว่าหลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว นางหันไปหาอินชิงเสวียน โค้งคำนับแล้วพูดว่า “ขอแสดงความยินดีกับพระสนมที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นกุ้ยเฟย ในอนาคตพวกเราพี่น้องยังต้องให้พระสนมช่วยดูแล นี่คือของขวัญเล็กน้อยจากข้า หวังว่าพระสนมจะไม่รังเกียจ”เซียงหลายยื่นกล่องเล็กแกะสลักวิจิตรงดงามให้ทันทีครั้นแล้วนายหญิงทั้งหลายก็เริ่มรู้สึกตัว ต่างทยอยส่งของขวัญแสดงความยินด

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1466 ความปรารถนาในใจสำเร็จแล้ว

    ไม่ว่าซูเยี่ยจะจำอดีตกับเขาหรือไม่ก็ตาม มันก็ไม่สำคัญสำหรับเย่จิ่งหลานอีกต่อไปแล้วสวรรค์ทำให้เขาได้เจอผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง อาจเป็นเพราะต้องการให้เขาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของซูเยี่ย ผู้หญิงประเภทนี้ จริงๆ แล้วมันไม่จำเป็นต้องให้เขาเสียเวลาด้วยซ้ำเขาเพิ่งอายุได้ยี่สิบแปดปี อนาคตยังอีกยาวไกล ซูเยี่ยเป็นเพียบใบไหม้ที่ร่วงไปจากชีวิตของเขา ไม่มีความสำคัญอะไรเลยเย่จิ่งหลานกระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม ค่อยๆ รู้สึกปลอดโปร่งใจเขาเดินออกจากสวนสาธารณะอย่างช้าๆ และทันใดนั้นก็มีอีกคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาใบหน้านี้ไม่ใช่หน้าตาเดิมของเขา ใครเป็นคนทำศัลยกรรมให้เขา?พลังในร่างกาย มาจากไหนกันแน่แล้วผู้หญิงที่อยู่ในหัวของเขา เป็นใครกันแน่หรือว่าเขาฝึกฝนจนสำเร็จเคล็ดวิชาลับบางอย่าง และผู้หญิงคนนั้นคือแก่นวิญญาณของเขา?เย่จิ่งหลานดึงขอบเอวกางเกงของเขาโดยไม่รู้ตัว ไอ้นั่นยังคงอยู่ตรงนั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงคิดว่าตัวเองฝึกฝนวิชาจนกลายเป็นตงฟางปุ๊ป้ายในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรแล้วแต่การมีสิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์อะไร เอามาใช้กินใช้ดื่มไม่ได้ ตอนนี้ท้องของเขาร้องโครกคราก แต่ไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าเลยขณะที่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1465 คนแพศยามักจะสำออยแบบนี้แหละ

    ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1464 แพศยาอย่างเธอ

    เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1463 ฉันชื่อเย่จิ่งหลาน

    ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1462 ปีศาจในชุดดำ

    “แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1461 เศษสวะ

    ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1460 ความคิดชั่วร้าย

    ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1459 เรื่องด่วน

    “ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1458 ขายความน่ารัก

    เสี่ยวหนานเฟิงกางมือเล็กๆ ออก แล้วถามด้วยน้ำเสียงแหลมใสไร้เดียงสาว่า “ภารกิจอะไรอ่ะ”“ไปหาพี่สาวลั่ว”อินชิงเสวียนหยิบน้ำพุวิญญาณออกมาล้างมือที่สกปรกของเสี่ยวหนานเฟิง จากนั้นเช็ดด้วยผ้าเช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อ“อีกประเดี๋ยวเจ้าต้องขายความน่ารัก แม่จะถือโอกาสถามอะไรบางอย่าง”เสี่ยวหนานเฟิงดูสับสน กะพริบตาโตแล้วถามว่า “ขายความน่ารักหมายความว่าอย่างไร ต้องขายให้ได้เงินมากไหม”อินชิงเสวียนหัวเราะเบาๆ“ท่าทางตอนนี้ของเจ้าก็น่ารักบ้องแบ๊วอยู่แล้ว ให้เป็นแบบนี้ต่อก็พอแล้ว”เสี่ยวหนานเฟิงตอบว่าอ้อ และทันใดนั้นก็พูดอย่างตื่นเต้น “พี่สาวลั่วทำหน้าอมทุกข์อยู่ตลอด เราเอาให้ลูกกวาดให้นางก็ได้นะ”อินชิงเสวียนพยักหน้าเห็นด้วย“อื้ม นี่เป็นความคิดที่ดี”นางโบกมือและหยิบถุงลูกกวาดมาจากมิติ“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็มอบให้พี่สาวลั่วนะ”“ตกลง”เสี่ยวหนานเฟิงยื่นมือเล็กๆ ออกมาเพื่อหยิบมัน แล้วถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนิ่ม “ลูกได้ยินจากเสด็จพ่อบอกว่าอาจิ่งหลานหายไป ท่านแม่หาลุงเจอไหม”อินชิงเสวียนถอนหายใจ “ไม่รู้ บางทีเขาอาจจะกลับไปยังที่ของตัวเองแล้ว สำหรับเขาแล้ว แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”เสี่ยวหนานเฟิงเอียง

DMCA.com Protection Status