แชร์

บทที่ 303 กำไลทอง

ผู้เขียน: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-02-08 16:00:00
เมื่อเห็นอินชิงเสวียนโมโหจนหน้าซีดขาว เย่จิ่งอวี้ก็เลิกสังสัย

หากนางมีความสัมพันธ์กับเขา เหตุใดนางจึงโหดเหี้ยมได้ถึงเพียงนี้

แม้เขารู้ว่าคำพูดเหล่านี้เป็นเพียงความเท็จ แต่ยังคงรู้สึกขยะแขยง

เขาพยายามไม่คิดมาก แต่หัวใจของเขายังคงรู้สึกราวกับว่ามีก้อนหินติดอยู่ ซึ่งทำให้เขารู้สึกอึดอัดมาก

อาซือหลานคิดจะพูดต่อ เย่จั้นจึงรีบเอาผ้าโสโครกยัดปากของเขาไว้

“ฝ่าบาทอย่าได้คล้อยตามเขา เขากำลังอ้อนวอนหาความตาย เพื่อเพิ่มความขัดแย้งระหว่างต้าโจวกับเจียงวูให้รุนแรงมากขึ้น หากฝ่าบาทฆ่าเขาด้วยความโกรธแค้น เช่นนั้นก็จะตกหลุมพรางของเขา”

เย่จิ่งอวี้ตอบรับเสียงขรึม

พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “นำบุคคลนี้ไปใส่รถคุมขังนักโทษ และแห่ไปตามถนนสามวัน บอกว่าเขาเป็นสายลับของเจียงวู ปลอมตัวเป็นอินสิงอวิ๋น แทรกซึมเข้ามาในต้าโจวเพื่อสืบหาข่าวกรอง วันนี้ได้ถูกจับตัวแล้ว สามวันหลังจากนี้จะถูกฆ่าตัดคอและเสียบประจาน ราชกิจเช้าในวันพรุ่งนี้ ข้าจะกลับคำพิพากษาให้แก่ตระกูลอินด้วยตัวเอง”

เขาคลายเสียงลงเล็กน้อยและพูดขึ้นว่า “เรื่องนี้เสด็จอาโปรดสานต่อด้วย อย่าได้ละเว้นความผิดโจรสุนัขเหล่านี้ ข้ารู้สึกไม่สบาย
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 304 ตัวปลอม

    ยายหลี่ตกใจในทันที“หรือ… หรือว่ากำไลนี้เป็นของปลอม?”อินชิงเสวียนจึงรีบถอดกำไลออกเพื่อไม่ให้เสี่ยวหนานเฟิงร้องโวยวาย จึงให้ลูกเป็ดสีเหลืองที่ส่งเสียงได้สองตัวกับเขาจากนั้นก็หยิบกำไลขึ้นมาไว้ในมือเพื่อตรวจอย่างละเอียด จู่ๆ ก็พบว่ากำไลไม่ได้หลอมรวมกัน ตรงกลางยังมีจุดต่อกัน อินชิงเสวียนดึงตัวต่อออก มีผงสีดำร่วงมาจากด้านในเล็กน้อยทันที พร้อมกลิ่นหอมที่อ่อนมากๆยายหลี่ตกใจและพูดขึ้น “นี่ นี่คืออะไรกัน?”อวิ๋นฉ่ายก็เบิกตาโตด้วยความตกใจ“หรือองค์หญิงจะทำร้ายองค์ชายน้อยของพวกเราเพคะ?”อินชิงเสวียนเทผงสีดำออกมาจากกำไลทั้งสองวงจนหมด และยื่นให้เสี่ยวอานจื่อพูดกำชับด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมหนักแน่น “เจ้าไปถามหมอหลวงเหลียงที่สำนักหมอหลวง ให้เขาดูว่าสิ่งนี้คืออะไร อย่าให้ใครพบเข้าเด็ดขาด แต่หากมีคนพบเข้า ก็บอกว่าไปรับยาไล่มดแมลงที่ใช้เป็นประจำ”“กระหม่อมทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เสี่ยวอานจื่อรับถุงยาแล้ววิ่งไปทันที อินชิงเสวียนก้มหน้ามองเสี่ยวหนานเฟิงเมื่อเห็นว่ายังคงปกติดี จึงสบายใจขึ้นเล็กน้อยเสี่ยวหนานเฟิงกลับดูเหมือนจะชอบกำไลคู่นี้มาก เมื่อเห็นอินชิงเสวียนถือไว้ก็อ้ามือน้อย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-02-08
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 305 ข้าผิดไปแล้ว

    หลี่เต๋อฝูยืนอยู่หน้าประตูตำหนักด้านใน เมื่อเห็นอินชิงเสวียนก็รีบเดิยเข้ามาทันทีพูดขึ้นเสียงเบาว่า “กระหม่อมถวายบังคมเหยาเฟยเหนียงเหนียง”อินชิงเสวียนถาม “พระสนมสวีอยู่ด้านในหรือ?”หลี่เต๋อฝูยิ้มและพูดว่า “ไม่อยู่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทเป็นผู้ดีดพิณ กระหม่อมเห็นว่าอารมณ์ของฝ่าบาทไม่ค่อยดีนัก เหนียงเหนียงมาถึงแล้ว ทรงเข้าไปปลอบหน่อยเถอะพ่ะย่ะค่ะ”“ข้าจะพยายาม”เมื่อได้ยินว่าผู้ดีดพิณคือเย่จิ่งอวี้ อินชิงเสวียนก็โล่งใจ แต่ก็เกินความคาดหมายเช่นกันผู้หญิงธรรมดาๆ ไม่สามารถบรรเลงบทเพลงประเภทนี้ออกมาแน่นอน มีเพียงผู้ที่เคยผ่านสนามรบจริงเท่านั้น จึงจะสามารถบรรเลงบทเพลงขี่ม้าข้ามแม่น้ำ พลังอาฆาตแค้นที่เหนือกว่าผู้ใดนางสงบจิตใจอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆ เดินเข้าตำหนักด้านในจึงได้พบเย่จิ่งอวี้นั่งอยู่ข้างๆ พิณโบราณ วินาทีถัดจากนั้น เสียงพิณก็หยุดลงเย่จิ่งอวี้เงยใบหน้าที่หล่อเหลาขึ้นมา มองไปยังอินชิงเสวียนที่ยืนอยู่ข้างประตูทางเข้าดวงตาคมหรี่ลงเล็กน้อย จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนทันที“เสวียนเอ๋อร์ เจ้ากลับมาแล้วหรือ?”อินชิงเสวียนเดินไปด้านหน้าสองก้าว พูดเสียงเบาว่า “ฝ่าบาทกลับแล

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-02-09
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 306 ฝ่าบาทอย่าได้มโน

    ครั้งนี้?ฮ่องเต้น้อยคงไม่คิดจะนอนร่วมเตียงกับนางใช่ไหม?เมื่อนึกถึงคืนนั้นของเขาและเจ้าของร่างเดิม อินชิงเสวียนก็ขนหัวลุกอย่างอดไม่ได้ นางรีบผลักเย่จิ่งอวี้ออก“ฝ่าบาทบาดเจ็บหนักยังไม่หายดี ไม่เหมาะที่จะทำเรื่องอย่างว่า ฝ่าบาทต้องพักฟื้นพระวรกายให้ดีเสียก่อน มิเช่นนั้นจะมีอาการอื่นตามมาได้”เมื่อเห็นท่าทีของนางตกใจราวกระต่ายตื่นตูม เย่จิ่งอวี้ก็ยิ้มที่มุมปาก“เจ้าเป็นคนพูดเองนะ ข้าหายดีแล้วจึงจะไปหาเจ้า”อินชิงเสวียนรีบพูดขึ้น “หม่อมฉันไม่ได้พูดสิ่งใดเลย ฝ่าบาททรงมโนไปเองทั้งหมด หม่อมฉันออกมานานแล้ว ต้องกลับก่อนนะเพคะ”เย่จิ่งอวี้ตกใจเล็กน้อย ยื่นมือไปจับอินชิงเสวียนไว้ และถามขึ้นด้วยความไม่เข้าใจ “มโน? หมายความว่าอย่างไร?”“หมายถึงทรงใช้ความคิดมากไปเพคะ”อินชิงเสวียนพูดจบก็วิ่งออกไปโดยไม่หันกลับมา ทิ้งไว้เพียงเย่จิ่งอวี้ที่ยังทำหน้างุนงงเขาใช้ความคิดมากไปงั้นหรือ?ในระหว่างที่กำลังคิด อินชิงเสวียนก็กลับมาอีกครั้งนางยืนอยู่ที่หน้าประตู และพูดขึ้นว่า “หม่อมฉันขอละลาบละล้วงนะเพคะ หม่อมฉันอยากยืมพิณของฝ่าบาทสักหน่อย ฝ่าบาทจะทรงอนุญาตหรือไม่”นี่เป็นความคิดที่ก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-02-09
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 307 แผนการที่ชาญฉลาด

    ตอนนั้นอินชิงเสวียนก็เคยดูละครเจินหวนจอมนางคู่แผ่นดินที่มีชื่อเสียงโด่งดัง จึงรู้ว่าต้นยี่โถคือไม้ที่มีพิษเสี่ยวหนานเฟิงอายุเพียงเท่านี้ เป็นวัยที่กำลังชอบกัดสิ่งของ หากกลืนผงดอกไม้เข้าไปในปาก แทบไม่อยากจะคิดถึงสิ่งที่ตามมาอีกทั้งวันก่อนเสี่ยวหนานเฟิงเพิ่งถูกพิษไปครั้งหนึ่ง ซึ่งหมายความว่าความต้านทานต่อพิษของเสี่ยวหนานเฟิง ยังไม่สามารถเทียบเท่าผู้ใหญ่ได้ แม้น้ำพุวิญญาณจะช่วยได้ แต่ลูกก็ต้องทนทุกข์ทรมานด้วยเช่นกันเมื่อคิดได้เช่นนี้ สายตาก็เย็นชาลงนางไม่เคยไปหาเรื่องไทเฮาเลยแม้แต่น้อย นางกลับบีบนางในทุกย่างก้าว คงเป็นเพราะไทเฮาคิดว่านางกลัวจริงๆสายตาของเย่จิ่งอวี้เยือกเย็นอย่างที่สุด ใบหน้าที่หล่อเหลาเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง“ไทเฮาโหดเหี้ยมได้ถึงเพียงนี้ คงคิดว่าข้าไม่กล้าลงโทษนาง ทหาร ไปที่ตำหนักฉือหนิง”อินชิงเสวียนรีบห้ามเย่จิ่งอวี้ไว้“แม้ฝ่าบาทไปแล้ว ก็ไม่อาจลงโทษนางได้ ตอนนี้ผงยาพิษในกำไลก็ถูกเทออกมาหมดแล้ว ไทเฮาไม่มีทางยอมรับผิดแน่นอนเพคะ หรืออาจจะโยนความผิดให้แก่องค์หญิงไห่ถัง หากเป็นเช่นนั้น จะเป็นการลำบากผู้อื่นเสียเปล่า”เย่จิ่งอวี้เขม็งสายตาแน่น “เสวียนเอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-02-09
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 308 สิงโตกำลังตื่นขึ้น

    เมื่อได้ยินเสียงทะลุฝ่าอากาศ กวนฮั่นหลินก็หันกลับมาโดยไม่รู้ตัว และดาบเล่มใหญ่ก็เสียบเข้าไปในอกของเขาพลังที่มหาศาลแทงกวนฮั่นหลินเข้าไปได้ตรงๆ ดาบเล่มใหญ่แทงทะลุออกมาจากด้านหลังกวนฮั่นหลินถอยคกรูดสามก้าว สีหน้าซีดขาวในทันที“เซี่ยวเอ๋อร์ เจ้า...”กวนเซี่ยวส่งเสียงเย้ยหยัน“เป็นเพราะท่านมีใจภักดีต่อต้าโจว และทำให้ท่านพ่อของข้าตายอย่างอนาถ นี่คือสิ่งที่ท่านสมควรได้รับ”เมื่อเขาหมุนข้อมือ ตัวดาบที่เต็มไปด้วยเนื้อหนังก็ถูกกวนให้รวมกันในร่างกายของกวนฮั่นหลินทันทีความเจ็บปวดบนร่างกาย กลับน้อยกว่าความเจ็บปวดในใจจอมพลเฒ่ามองหน้ากวนเซี่ยวด้วยความไม่เข้าใจ เขาไม่มีทางเข้าใจเลยว่าเหตุใดหลานชายจึงเกลียดตัวเองได้?ในฐานะจอมพล เขาสมควรรับใช้ชาติ เขาเชื่อว่าลูกชายของเขายอมตายโดยไม่เสียใจ และเขาก็เป็นเช่นนั้น!“ตายเสียเถอะ”กวนเซี่ยวใช้เท้าถีบจอมพลเฒ่ากวนกระเด็น และชักดาบออกมาจอมพลเฒ่าจ้องเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย ร่างของเขาล้มลงบนพื้นอย่างรุนแรงเขามองบนท้องฟ้า น้ำตาขุ่นมัวไหลออกมาจากหางตาของเขา และถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่อาจเข้าใจได้ “เพราะเหตุใด เพราะเหตุใด?”กวนเซี่ยวถือด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-02-09
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 309 ลักพาตัว

    “เป็นอย่างไรบ้าง?”เย่จิ่งอวี้เดินมาด้านหน้าเตียง และถามด้วยน้ำเสียงรีบร้อนหมอหลวงเหลียงส่ายหัวอย่างทำอะไรไม่ได้“จอมพลเฒ่าบาดเจ็บสาหัสมาก เกรงว่าจะทำการรักษาได้ยาก”เมื่อนึกถึงวันที่จอมพลเฒ่ามอบจี้หยกให้ตัวเอง อินชิงเสวียนดวงตาแดงก่ำขึ้นมาอย่างอดไม่ได้จู่ๆ นางก็นึกถึงเย่จิ่งหลาน จึงรีบพูดว่า “ฝ่าบาท อาจมีใครคนหนึ่งที่สามารถรักษาจอมพลเฒ่าได้”“ผู้ใด?”“ฝูอี้อ๋อง”“เขา?”เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้วหากเขาจำไม่ผิด เสด็จน้องผู้นี้มีอายุเพียงแปดขวบเท่านั้น อีกทั้งเขายังไม่เคยร่ำเรียนกับหมอหลวง จะมีวิชาการแพทย์ชั้นสูงขนาดนั้นได้อย่างไรเมื่ออยู่ในภาวะฉุกเฉิน อินชิงเสวียนไม่มีเวลามาอธิบาย“หมอหลวงได้โปรดพยายามอย่างที่สุดก่อน รักษาการเต้นของหัวใจให้กับท่านอาจารย์ไว้ ข้าจะไปตามฝูอี้อ๋องเดี๋ยวนี้”เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา นางแลกความเร็วห้านาทีจากในมิติ ทันทีที่นางก้าวออกจากทาง ร่างของนางก็หายตัวไปทิ้งไว้เพียงคนในห้องที่มีสีหน้าประหลาดใจวิชาร่างของเหยาเฟยเหนียงเหนียง รวดเร็วได้เพียงนี้เชียวหรือ?พวกเขาไม่ได้ตาฝาดไปใช่หรือไม่?เย่จิ่งอวี้ก็ตกใจเป็นอย่างมาก วิชาร่าง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-02-10
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 310 แผนสอง

    คนในเงามืดตกใจเล็กน้อย“ท่านคือ... ท่านอ๋องถูหย่าลาจี๋เล่อ?”คนนั้นหัวเราะเหอะๆ และพูดว่า “เสนากวนตาถึงจริงๆ”ร่างในเงามืดเดินออกมาที่สว่าง และเขาก็คือเสนากวนเมิ่งถิงของต้าโจวเมื่อเห็นอาซือหลาน กวนเมิ่งถิงก็ประหลาดใจอย่างอดไม่ได้“ไม่นึกว่าท่านอ๋องจะอยู่ในเมืองหลวงจริงๆ”อาซือหลานพูดขึ้นด้วยความเหน็บแนม “ข้าเองก็นึกไม่ถึง ว่าผู้ที่แลกเปลี่ยนสิ่งที่ตนเองไม่มีกับเจียงวูมาโดยตลอด จะเป็นเสนาของแคว้นโจว”กวนเมิ่งถิงพูดด้วยสีหน้าปกติว่า “มีคำกล่าวมาตั้งแต่โบราณว่า ผู้รู้สถานการณ์แผ่นดินนั้นเรียกว่าเป็นยอดบุรุษ ข้าก็อยากเป็นยอดบุรุษผู้รู้สถานการณ์เช่นกัน”เขาโบกมือ คนรับใช้ก็เข้าใจในทันที เขาเดินออกไปด้านนอกพร้อมกับปิดประตูอาซือหลานเหลือบมองกวนเมิ่งถิงด้วยใบหน้าเหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้ม พูดลากเสียงยาวว่า “เรื่องนี้ก็พอสมเหตุสมผลอยู่บ้าง ตอนนี้เมื่อฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองบัลลังก์แล้ว ท่านเสนาก็เหลือเพียงตำแหน่งเดียวเท่านั้น ไม่แปลกที่จะไม่พึงพอใจ เพียงแต่น่าเสียดายที่ท่านเสนาไม่ได้ประสบความสำเร็จในสิ่งใด หากต้องการได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากเจียงวู เกรงว่ายังไม่พอ”กวนเมิ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-02-10
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 311 ฉงนสนเท่ห์

    สำนักหมอหลวงการผ่าตัดของกวนฮั่นหลินยังคงดำเนินไปอย่างเคร่งเครียดแม้ว่าความสาหัสของจอมพลเฒ่าจะไม่เทียบเท่าบาดแผลถูกแทงที่ทรวงอกของเย่‍จิ่ง‍อวี้ แต่ความซับซ้อนนั้นมีมากกว่าฮ่องเต้น้อยหลายขุมถึงอย่างไรก็เป็นการทะลุ ด้วยบาดแผลขนาดใหญ่เช่นนี้ ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าจะต้องเสียเลือดมากเพียงใด โชคดีที่ในห้องผ่าตัดของเย่จิ่งหลานมีน้ำเลือดหรือพลาสมาอยู่ด้วย หลังจากทำการทดสอบหมู่เลือดแล้ว เขาก็ทำการถ่ายเลือดให้แก่จอมพลเฒ่าได้ทันเวลา เมื่ออินชิงเสวียนเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นถุงน้ำเลือดติดเอาไว้ว่าหมู่เลือดเอ นางลังเลอึดใจหนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “ข้าก็มีหมู่เลือดเอเหมือนกัน หากเจ้าต้องการเลือด ข้าสามารถบริจาคให้ได้”นางรู้ดีว่าในสมัยโบราณการหาคนมาบริจาคโลหิตให้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย คนในยุคนี้เชื่อว่าทุกอย่างในร่างกายล้วนได้รับมาจากบุพการี ไม่ควรทำให้ร่างกายได้รับบาดเจ็บหรือได้ความเสียหายใดๆเย่จิ่งหลานพูดอย่างเป็นปกติธรรมดา “ไม่ต้องห่วง ข้ายังมีน้ำเลือดอยู่อีกเยอะ ถ้าเมื่อไหร่ข้าต้องการจริงๆ ค่อยไปเอาจากเจ้าก็ไม่สาย”“ได้”อินชิงเสวียนใช้ผ้าขนหนูซับเหงื่อให้เย่จิ่งหลาน จากนั้นมองดูเครื่องวัดอัตราการเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-02-10

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1511 กระหม่อมคิดถึงท่าน

    เช้าวันรุ่งขึ้นอินชิงเสวียนออกจากตระกูลอินภายใต้สายตาที่ไม่เต็มใจของทุกคน และผู้ที่คุ้มกันนางกลับวังหลวง ก็คืออินสิงอวิ๋นพี่ชายคนโตเขายังคงหล่อเหลา ทว่านิสัยสุขุมเยือกเย็นมากกว่าปีที่แล้วอินชิงเสวียนเปิดม่านเกี้ยว“พี่ใหญ่ได้เชิญหมอหลวงมาตรวจอาการพี่สะใภ้บ้างหรือยัง”อินสิงอวิ๋นยิ้มอย่างอบอุ่น มองอินชิงเสวียนด้วยสายตาแบบเดียวกับเมื่อก่อน มีความเอาใจใส่เล็กน้อย“หาแล้ว คราวนี้ก็ค่อนข้างดี น้ำพุวิญญาณของเจ้า แทบจะให้พี่สะใภ้ดื่มหมด”อินชิงเสวียนพยักหน้า“ควรเป็นเช่นนี้แล้ว พี่สะใภ้อยู่ไกลบ้าน รอนแรมมาไกลกว่าจะถึงตระกูลอินของเรา เราต้องดูแลนางให้ดีที่สุด อย่าปล่อยให้นางอุดอู้อยู่บ้านทั้งวัน ถ้าท่านมีเวลาว่าง ควรพานางไปเดินเล่นบ่อยๆ คนท้องจะรู้สึกหดหู่โดยไม่รู้ตัว ถ้ามีท่านอยู่ข้างๆ บางทีนางอาจรู้สึกดีขึ้นบ้าง”“อืม คราวนี้แหละ ข้าควรจะหาเวลาได้แล้วจริงๆ”อินสิงอวิ๋นถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก มีหรือที่เขาไม่ต้องการใช้เวลากับเป่าเล่อเอ่อร์ให้มากๆ แต่ในวังหลวงมีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย จนเขาไม่กล้าที่จะหย่อนยานตอนนี้ฝ่าบาทและน้องสาวกลับเมืองหลวงแล้ว ก็เหมือนมีกระดูกสันหลัง ทายาทเฟย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1510 อาหารมื้อครอบครัว

    อินชิงเสวียนคำนับทั้งสองคน นางไม่ได้มาจากรัชสมัยนี้ ไม่เห็นความสำคัญของมารยาทระหว่างกษัตริย์และขุนนาง แต่กลับให้ความสำคัญกับจริยธรรมของมนุษย์แม้ว่านางจะยอมรับเหมยชิงเกอ แต่บุญคุณที่ตระกูลอินเลี้ยงดูเจ้าของร่างเดิมมานานกว่าสิบปี ก็ไม่สามารถลืมได้ หากนางไม่รู้สึกขอบคุณผู้มีพระคุณของตัวเอง แล้วจะพูดถึงการมีใจกว้างใหญ่ไพศาลได้อย่างไร“เป็นพ่อหนึ่งวัน ย่อมเป็นพ่อตลอดไป แม่เลี้ยงก็คือแม่แท้ๆ พวกท่านเหมาะสมแล้ว”อินชิงเสวียนมีรอยยิ้มบนใบหน้า แต่น้ำเสียงกลับไม่มีความลังเลแม้แต่น้อยความรู้สึกห่างเหินเล็กน้อยของอินจ้งนั้นหายไปในทันที จับมือนางแน่นๆ“ดี ดี ลูกสาวคนดี!”ซูหมิงหลานก็หลั่งน้ำตาเช่นกัน แม้ว่านางจะได้รับการยอมรับจากครอบครัวแล้ว แต่หากไม่มีอินชิงเสวียน สถานะนี้ก็ไม่สมบูรณ์ อินหลีที่อยู่ข้างๆ ก็กล่าวโน้มน้าวเบาๆ “ท่านพี่พี่สะใภ้ไม่ต้องร้อง หากมีเรื่องอะไรไว้ค่อยกลับไปพูดที่บ้านเถิด เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนเข้าใจผิดกันไปใหญ่โต”อินจ้งรู้สึกตัวเพราะคำพูดนี้ เห็นผู้คนที่เอาแต่ยืดคอมองมาทางนี้ เขาก็พยักหน้าโดยเร็ว“ถูกต้อง เรากลับไปคุยกันที่บ้านนะ”อินชิงเสวียนดึงเป่าเล่อเอ่อร

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1509 เข้าสู่เมือง

    ทหารที่อยู่ข้างหน้าเริ่มเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ครั้นแล้วก็มองเห็นชุดเกราะสีแดงรางๆเฉิงเฟิ่งโหลวสะดุ้งเล็กน้อย นี่...อาจเป็นทหารเปลวเพลิงสีชาดของราชาสงครามอาภรณ์ขาวกระมัง?ถ้ามารับเสด็จฮ่องเต้ เหตุใดจึงสวมชุดเกราะ ถืออาวุธหนัก?หรือว่าว่ามีการเปลี่ยนแปลงในเมืองหลวง อ๋องสิบสาม...ก่อกบฏ?มือที่กุมกระบี่ของเฉิงเฟิ่งโหลวสั่นเทา เขาดึงสายบังเหียนออกทันที แม้ว่าเจ้านายกับนายหญิงจะมีทักษะวรยุทธ์สูง แต่มือเดียวสู้มือหลายไม่ได้ ใบหน้าที่อ่อนเยาว์ของเขาดูสิ้นหวัง “ฝ่าบาท เสด็จขึ้นรถม้าเร็วเข้า”เย่จิ่งอวี้หัวเราะเบาๆ แม้ว่าทั่วทั้งโลกจะทรยศเขา แต่เสด็จอาจะไม่มีวันทรยศเขา นี่คือความมั่นใจของเขา การสวมชุดเกราะ ถืออาวุธหนัก ถือเป็นมารยาทสูงสุดของค่ายเปลวเพลิงสีชาดในชั่วพริบตา ทหารม้าขบวนนั้นก็มาถึงเบื้องหน้า พวกเขาควบม้าและเคลื่อนไหวอย่างพร้อมเพรียงกัน จากนั้นแยกออกจากกันเป็นสองทาง เผยให้เห็นร่างที่สวมชุดคลุมสีขาวชายผู้นั้นมีใบหน้าที่หล่อเหลา ท่วงท่าไม่ธรรมดาสามัญ แต่งกายด้วยชุดสีขาวสะอาดราวกับหิมะ และเสื้อผ้าพลิ้วไหวดุจดั่งเทพเซียนเขาพลิกตัวลงจากม้า เดินเร็วๆ ไปที่รถม้า สะบัดเสื้อคล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1508 กลับสู่เมืองหลวง

    ครึ่งเดือนต่อมา ในที่สุดรถม้าก็มาถึงเมืองหลวงอินชิงเสวียนไม่สามารถทนต่อการโคลงเคลงสั่นสะเทือนได้ นางจึงอยู่ในมิติกับเสี่ยวหนานเฟิงเกือบตลอดเวลาในช่วงเวลาที่อยู่ร่วมกันนี้ นางพบว่าเสี่ยวหนานเฟิงไม่เพียงแต่ฉลาดเท่านั้น แต่ยังเป็นต้นกล้าที่ยอดเยี่ยมในการฝึกฝนวรยุทธ์อีกด้วยอายุยังน้อยไม่เพียงแต่เรียนรู้บทกวีในสมัยถังและซ่ง ยังมีกำลังภายในลึกล้ำน่าประหลาดใจ มือซ้ายสามารถใช้เคล็ดวิชาใจเพียวเหมี่ยวได้ มือขวาใช้เคล็ดวิชาใจตำหนักเทพได้ แม้กระทั่งเรียนรู้วิชาขลุ่ยลวงใจของเจ้าสำนักเซี่ยว อินชิงเสวียนนึกไม่ถึงจริงๆ ว่าช่วงที่นางไม่ได้อยู่กับเสี่ยวหนานเฟิงนั้น เขาได้เรียนรู้วิชามาจากทุกคนรอบตัวเขา“แค่กๆ เจ้า...ชอบฝึกวรยุทธ์หรือเปล่า?”จากมุมมองที่เห็นแก่ตัว อินชิงเสวียนไม่ต้องการให้เสี่ยวหนานเฟิงมีฝีมมือสูงส่งเกินไป ท้ายที่สุดแล้ว ยิ่งมีความสามารถสูง ความรับผิดชอบก็ยิ่งสูงตาม ศาสตร์แห่งราชาต่างหาก คือสิ่งที่เขาควรต้องศึกษาเสี่ยวหนานเฟิงกะพริบตาโตแล้วพูดว่า “ชอบสิ รู้วรยุทธ์ ก็สามารถปกป้องท่านแม่ได้”อินชิงเสวียนกอดลูกชายตัวนุ่มนิ่มและมีกลิ่นหอม แล้วพูดอย่างจริงจัง “ต่อจากนี้ไปสิ่งที่เจ้

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1507 ขอบคุณศิษย์พี่ลิ่น

    ระหว่างเจ้าสำนักเซี่ยวและเจ้าสำนักเฮ่อมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก ทว่าระหว่างเซี่ยวอิ่นหวนและลิ่นเซียวนั้นอยู่ในระดับปานกลาง จนแทบจะไม่มีปฏิสัมพันธ์กันเลยบัดนี้เห็นเขาขวางทาง ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากการตายของศิษย์น้องเฟิ่งอี๋ ทำให้กลายเป็นคนสติเลอะเลือน กระทำการสิ่งใดล้วนไม่ผ่านการใช้ความคิด เป็นเรื่องยากสำหรับคนทั่วไปที่จะเข้าใจทันทีว่าเขามีเจตนาอะไรลิ่นเซียวรู้จักนาง พยักหน้าเบาๆ“เฟิ่งอี๋ตายแล้ว ข้ารู้แล้ว”เซี่ยวอิ่นหวนรู้สึกเจ็บปวดในใจ แต่เดิมก็เจ็บปวดจากการพลัดพรากอยู่แล้ว เมื่อได้ยินเขาพูดถึงศิษย์น้องที่รักดุจน้องสาว หางตาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันทีริมฝีปากของนางสั่นเทา ลดเสียงลง กดซ่อนความเศร้าไว้ในใจ“ศิษย์พี่ลิ่นควรจะออกมาสู่ความจริงได้แล้ว ถ้าศิษย์น้องอยู่บนสวรรค์มีญาณรับรู้ คงไม่อยากเห็นท่านจมปลักอยู่ที่นี่เพราะนางแน่นอน...”ลิ่นเซียวไม่ต่อคำ แต่พูดต่อว่า “ตาเฒ่าเซี่ยวก็จากไปแล้วเช่นกัน”หัวใจของเซี่ยวอิ่นหวนเจ็บปวดรวดร้าวอีกครั้ง ก้มหน้าสะอื้น“พ่อบุญธรรมเสียชีวิตเพื่อผดุงความยุติธรรมในยุทธจักร ไม่ผิดต่อปณิธานที่ก่อตั้งหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์”ลิ่นเซียวย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1506 เส้นทางที่แตกต่างกัน

    อินชิงเสวียนมอบตั๋วเงินเงินอีกหนึ่งพันตำลึงให้แก่ทั้งสามคน กำชับพวกเขาว่าอย่าใช้ฟุ่มเฟือย หากไม่เจอตัวคน ก็สามารถไปพำนักที่เมืองหลวงได้ทั้งสามพยักหน้าซ้ำๆ ขนของทั้งหมดขึ้นรถม้า และจากไปอย่างมีความสุขอินชิงเสวียนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้“นิสัยแบบนี้นี่เข้ากับเย่จิ่งหลานได้เป็นอย่างดี”เย่จิ่งอวี้ก็มองไปที่ทั้งสามคน พูดด้วยรอยยิ้ม “ชาวยุทธ์ ก็ควรจะเป็นอิสระไม่ยึดติดอย่างชาวยุทธ์ นี่แหละคือความเป็นตัวของตัวเองที่แท้จริง!”“เช่นนั้นพวกเราก็ควรจากไปอย่างไม่ยึดติดใช่ไหม”อินชิงเสวียนเงยหน้าขึ้น มองไปยังเย่จิ่งอวี้ ทั้งสองตกลงกันไว้ก่อนแล้ว ว่าแทนที่จะรอให้พวกเขาสร่างเมา พลัดพรากจากกันด้วยความเป็นความตาย มิสู้จากไปอย่างเงียบๆ “ข้าเชื่อเมียข้าอยู่แล้ว”เย่จิ่งอวี้ผิวปาก เงาสีขาวสองเงาพุ่งออกมาจากระยะไกล ตามมาด้วยรถม้าอินชิงเสวียนตะโกนอย่างมีความสุข“ไป๋เสวี่ย เสี่ยวไป๋!”ไป๋เสวี่ยกางอุ้งเท้าใหญ่ แล้วกอดเอวของอินชิงเสวียนอย่างเสน่หาเสี่ยวไป๋ก็กลิ้งหน้าถูขาของอินชิงเสวียน ซึ่งเป็นการแสดงความใกล้ชิดกับคนที่หาได้ยากอินชิงเสวียนลูบหัวอันใหญ่โตของไป๋เสวี่ย จากนั้นลูบหัวของเสี่ยวไป๋

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1505 ความรู้สึกที่ไม่สามารถเอ่ยออกมาได้

    เฮ่อซือจวินออกแรงดึงอินชิงเสวียนขึ้นมา แล้วกอดนางไว้ พูดเสียงสะอื้น “เจ้ายอมรับข้า ข้ารู้สึกขอบคุณยิ่งนัก ชั่วชีวิตนี้จะพยายามดูแลสุขภาพของท่านพ่อและน้าเหมยอย่างเต็มที่”อินชิงเสวียนโน้มตัวไปใกล้ใบหน้าของนาง แล้วพูดเสียงอ่อนหวาน “ท่านเป็นพี่สาวต่างแม่ของข้า จะแตกต่างจากพี่สาวแท้ๆ ได้อย่างไร หากท่านอยู่ในอิ๋นเฉิงแล้วรู้สึกเหนื่อยล้า ก็ไปหาข้าที่เมืองหลวงได้ ข้าจะพาท่านท่องเที่ยวให้สำราญใจแน่นอน”เฮ่อซือจวินพยักหน้าโดยเร็ว“ได้ ถ้ามีโอกาส ข้าจะไปหาเจ้าแน่นอน”“สนใจแต่พี่สาวของเจ้าเท่านั้น ไม่ต้องการพี่ชายแล้วหรือ”เฮ่อฉางเฟิงเดินเข้ามาจากประตู สวมเสื้อคลุมใบไผ่สีเขียวที่ขับเน้นให้เขาดูหล่อเหลา สง่า และเป็นวีรบุรุษไม่ธรรมดา“ชิงเสวียนคำนับพี่ใหญ่”อินชิงเสวียนโค้งคำนับ เฮ่อฉางเฟิงก็รีบเอื้อมมือไปช่วยพยุงให้ลุกขึ้น“เจ้ากับข้าเป็นพี่น้อง ไม่ต้องมากพิธี ตั้งใจจะออกเดินทางเมื่อไหร่หรือ”อินชิงเสวียนถอนหายใจ“พรุ่งนี้น่ะ ไม่ว่าเราจะอยู่กี่วันก็ต้องไปอยู่ดี ฮ่องเต้จากเมืองหลวงมานานเกินไปแล้ว ในใจพะวงถึงอยู่ตลอด ถึงเวลาต้องกลับไปดูแลแล้ว”เฮ่อฉางเฟิงก็ตัดใจจากน้องสาวไม่ได้ และยังไม่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1504 เศร้าโศกเพราะการจากลา

    ในวันที่สอง สำนักในยุทธ์จักรที่นำโดยเฮ่ออวิ๋นทง ต่างกล่าวคำอำลากับเฮ่อยวนเฮ่อยวนนำลูกศิษย์อิ๋นเฉิงส่งกันไปไกลถึงสิบสิบลี้ ในอิ๋นเฉิง เซี่ยวอิ่นหวนจับมือของอินชิงเสวียน“กลับภูเขาคราวนี้ เกรงว่าจะต้องจัดระเบียบยกใหญ่ ไม่รู้จะได้เจอพวกเจ้าอีกเมื่อไร พวกเจ้าต้องดูแลตัวเองให้ดี ปรึกษาหารือกันทุกเรื่อง หากเผชิญหน้ากับเรื่องใด ต้องพูดมันออกไป อย่าเก็บมันไว้ในใจตัวเอง จะได้ไม่เกิดความขุ่นเคืองสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ”นางถอนหายใจแล้วพูดว่า “แม้ว่าแม่จะเคยเป็นกุ้ยเฟย แต่ไม่รู้หลักการปกครองบ้านเมือง ความรุ่งเรืองและความเสื่อมของต้าโจวล้วนขึ้นอยู่กับพวกเจ้าแล้ว ด้วยความสามารถและการเรียนรู้ของเจ้าทั้งสอง เชื่อว่าในอีกไม่กี่ปี ก็จะสามารถนำความรุ่งเรืองมาสู่ต้าโจวได้ ถ้าแม่มีเวลาว่าง จะไปหาพวกเจ้ากับจ้าวเอ๋อร์ที่เมืองหลวงย่างแน่นอน”อินชิงเสวียนจับมือเย่จิ่งอวี้ แล้วพูดอ่อนโยน “ท่านแม่วางใจ ข้ากับอาอวี้จะรักษาตัวให้ดีอย่างแน่นอน”อีกด้านหนึ่ง เสี่ยวหนานเฟิงดึงชายเสื้อของเซี่ยวอิ่นหวนอย่างไม่เต็มใจ“ท่านย่าจะไปแล้วหรือ”เซี่ยวอิ่นหวนกอดเสี่ยวหนานเฟิง จูบใบหน้ากลมจ้ำม่ำของเขา แล้วพูดด้วยความรัก “ใช

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1503 เรื่องราวจบลง

    ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างเย็นชา “แม้แต่เป็นฮ่องเต้ข้ายังไม่สนใจด้วยซ้ำ จะสนใจพระชายาอ๋องได้อย่างไร”“พูดมาก็มีเหตุผล งั้นข้ายังมีที่อื่นที่อยากไป”เย่จิ่งหลานค่อยๆ หยัดกายขึ้นนั่ง หยิบแผนที่ออกมาจากอกเสื้อ“ตอนที่ข้ากำลังเดินทางไปตงหลิว พบว่ามีหลายแคว้นอยู่ใกล้เคียง ทำไมเจ้ากับข้าไม่พยายามพิชิตพวกเขาทั้งหมดล่ะ”ลั่วสุ่ยชิงสาดน้ำเย็นใส่เขาทันที“ตอนนี้เจ้ายังมีความสามารถนั้นอยู่รึ?”“หากเจ้าเต็มใจที่จะบ่มเพาะร่างกายและจิตวิญญาณกับข้า บางทีวรยุทธ์ของข้าอาจจะกลับคืน”ลั่วสุ่ยชิงถูกเขาทำให้โกรธจนกำลังภายในพุ่งสูงขึ้น กระทั่งจุดที่ถูกจี้สกัดได้คลายออก นางตบศีรษะเย่จิ่งหลานทันที“ไร้ยางอาย”“เจ้าหายแล้ว?”เย่จิ่งหลานมีความสุขมาก เขาพยายามคุกเข่า ฝืนยืนขึ้น ร่างกายโงนเงน ล้มลงตรงหน้าลั่วสุ่ยชิง ฉวยโอกาสกอดเอวของนาง“จอมยุทธ์หญิงลั่ว ข้ายืนไม่ไหว โปรดช่วยพยุงข้าด้วย”ใบหน้าของลั่วสุ่ยชิงเปลี่ยนเป็นสีแดง ยกมือขึ้นผลักเขาลงไปที่พื้น เย่จิ่งหลานล้มหงายหลัง เหมือนกับเต่าที่นอนหงายลั่วสุ่ยชิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะงอหาย เมื่อนางหัวเราะมากพอแล้ว ก็ทรุดตัวนั่งลงบนพื้นอย่างเงียบๆ และบ่นว่า “เสด็จ

DMCA.com Protection Status