แชร์

บทที่ 305 ข้าผิดไปแล้ว

ผู้เขียน: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-02-09 16:00:00
หลี่เต๋อฝูยืนอยู่หน้าประตูตำหนักด้านใน เมื่อเห็นอินชิงเสวียนก็รีบเดิยเข้ามาทันที

พูดขึ้นเสียงเบาว่า “กระหม่อมถวายบังคมเหยาเฟยเหนียงเหนียง”

อินชิงเสวียนถาม “พระสนมสวีอยู่ด้านในหรือ?”

หลี่เต๋อฝูยิ้มและพูดว่า “ไม่อยู่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทเป็นผู้ดีดพิณ กระหม่อมเห็นว่าอารมณ์ของฝ่าบาทไม่ค่อยดีนัก เหนียงเหนียงมาถึงแล้ว ทรงเข้าไปปลอบหน่อยเถอะพ่ะย่ะค่ะ”

“ข้าจะพยายาม”

เมื่อได้ยินว่าผู้ดีดพิณคือเย่จิ่งอวี้ อินชิงเสวียนก็โล่งใจ แต่ก็เกินความคาดหมายเช่นกัน

ผู้หญิงธรรมดาๆ ไม่สามารถบรรเลงบทเพลงประเภทนี้ออกมาแน่นอน มีเพียงผู้ที่เคยผ่านสนามรบจริงเท่านั้น จึงจะสามารถบรรเลงบทเพลงขี่ม้าข้ามแม่น้ำ พลังอาฆาตแค้นที่เหนือกว่าผู้ใด

นางสงบจิตใจอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆ เดินเข้าตำหนักด้านใน

จึงได้พบเย่จิ่งอวี้นั่งอยู่ข้างๆ พิณโบราณ วินาทีถัดจากนั้น เสียงพิณก็หยุดลง

เย่จิ่งอวี้เงยใบหน้าที่หล่อเหลาขึ้นมา มองไปยังอินชิงเสวียนที่ยืนอยู่ข้างประตูทางเข้า

ดวงตาคมหรี่ลงเล็กน้อย จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนทันที

“เสวียนเอ๋อร์ เจ้ากลับมาแล้วหรือ?”

อินชิงเสวียนเดินไปด้านหน้าสองก้าว พูดเสียงเบาว่า “ฝ่าบาทกลับแล
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 306 ฝ่าบาทอย่าได้มโน

    ครั้งนี้?ฮ่องเต้น้อยคงไม่คิดจะนอนร่วมเตียงกับนางใช่ไหม?เมื่อนึกถึงคืนนั้นของเขาและเจ้าของร่างเดิม อินชิงเสวียนก็ขนหัวลุกอย่างอดไม่ได้ นางรีบผลักเย่จิ่งอวี้ออก“ฝ่าบาทบาดเจ็บหนักยังไม่หายดี ไม่เหมาะที่จะทำเรื่องอย่างว่า ฝ่าบาทต้องพักฟื้นพระวรกายให้ดีเสียก่อน มิเช่นนั้นจะมีอาการอื่นตามมาได้”เมื่อเห็นท่าทีของนางตกใจราวกระต่ายตื่นตูม เย่จิ่งอวี้ก็ยิ้มที่มุมปาก“เจ้าเป็นคนพูดเองนะ ข้าหายดีแล้วจึงจะไปหาเจ้า”อินชิงเสวียนรีบพูดขึ้น “หม่อมฉันไม่ได้พูดสิ่งใดเลย ฝ่าบาททรงมโนไปเองทั้งหมด หม่อมฉันออกมานานแล้ว ต้องกลับก่อนนะเพคะ”เย่จิ่งอวี้ตกใจเล็กน้อย ยื่นมือไปจับอินชิงเสวียนไว้ และถามขึ้นด้วยความไม่เข้าใจ “มโน? หมายความว่าอย่างไร?”“หมายถึงทรงใช้ความคิดมากไปเพคะ”อินชิงเสวียนพูดจบก็วิ่งออกไปโดยไม่หันกลับมา ทิ้งไว้เพียงเย่จิ่งอวี้ที่ยังทำหน้างุนงงเขาใช้ความคิดมากไปงั้นหรือ?ในระหว่างที่กำลังคิด อินชิงเสวียนก็กลับมาอีกครั้งนางยืนอยู่ที่หน้าประตู และพูดขึ้นว่า “หม่อมฉันขอละลาบละล้วงนะเพคะ หม่อมฉันอยากยืมพิณของฝ่าบาทสักหน่อย ฝ่าบาทจะทรงอนุญาตหรือไม่”นี่เป็นความคิดที่ก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-02-09
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 307 แผนการที่ชาญฉลาด

    ตอนนั้นอินชิงเสวียนก็เคยดูละครเจินหวนจอมนางคู่แผ่นดินที่มีชื่อเสียงโด่งดัง จึงรู้ว่าต้นยี่โถคือไม้ที่มีพิษเสี่ยวหนานเฟิงอายุเพียงเท่านี้ เป็นวัยที่กำลังชอบกัดสิ่งของ หากกลืนผงดอกไม้เข้าไปในปาก แทบไม่อยากจะคิดถึงสิ่งที่ตามมาอีกทั้งวันก่อนเสี่ยวหนานเฟิงเพิ่งถูกพิษไปครั้งหนึ่ง ซึ่งหมายความว่าความต้านทานต่อพิษของเสี่ยวหนานเฟิง ยังไม่สามารถเทียบเท่าผู้ใหญ่ได้ แม้น้ำพุวิญญาณจะช่วยได้ แต่ลูกก็ต้องทนทุกข์ทรมานด้วยเช่นกันเมื่อคิดได้เช่นนี้ สายตาก็เย็นชาลงนางไม่เคยไปหาเรื่องไทเฮาเลยแม้แต่น้อย นางกลับบีบนางในทุกย่างก้าว คงเป็นเพราะไทเฮาคิดว่านางกลัวจริงๆสายตาของเย่จิ่งอวี้เยือกเย็นอย่างที่สุด ใบหน้าที่หล่อเหลาเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง“ไทเฮาโหดเหี้ยมได้ถึงเพียงนี้ คงคิดว่าข้าไม่กล้าลงโทษนาง ทหาร ไปที่ตำหนักฉือหนิง”อินชิงเสวียนรีบห้ามเย่จิ่งอวี้ไว้“แม้ฝ่าบาทไปแล้ว ก็ไม่อาจลงโทษนางได้ ตอนนี้ผงยาพิษในกำไลก็ถูกเทออกมาหมดแล้ว ไทเฮาไม่มีทางยอมรับผิดแน่นอนเพคะ หรืออาจจะโยนความผิดให้แก่องค์หญิงไห่ถัง หากเป็นเช่นนั้น จะเป็นการลำบากผู้อื่นเสียเปล่า”เย่จิ่งอวี้เขม็งสายตาแน่น “เสวียนเอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-02-09
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 308 สิงโตกำลังตื่นขึ้น

    เมื่อได้ยินเสียงทะลุฝ่าอากาศ กวนฮั่นหลินก็หันกลับมาโดยไม่รู้ตัว และดาบเล่มใหญ่ก็เสียบเข้าไปในอกของเขาพลังที่มหาศาลแทงกวนฮั่นหลินเข้าไปได้ตรงๆ ดาบเล่มใหญ่แทงทะลุออกมาจากด้านหลังกวนฮั่นหลินถอยคกรูดสามก้าว สีหน้าซีดขาวในทันที“เซี่ยวเอ๋อร์ เจ้า...”กวนเซี่ยวส่งเสียงเย้ยหยัน“เป็นเพราะท่านมีใจภักดีต่อต้าโจว และทำให้ท่านพ่อของข้าตายอย่างอนาถ นี่คือสิ่งที่ท่านสมควรได้รับ”เมื่อเขาหมุนข้อมือ ตัวดาบที่เต็มไปด้วยเนื้อหนังก็ถูกกวนให้รวมกันในร่างกายของกวนฮั่นหลินทันทีความเจ็บปวดบนร่างกาย กลับน้อยกว่าความเจ็บปวดในใจจอมพลเฒ่ามองหน้ากวนเซี่ยวด้วยความไม่เข้าใจ เขาไม่มีทางเข้าใจเลยว่าเหตุใดหลานชายจึงเกลียดตัวเองได้?ในฐานะจอมพล เขาสมควรรับใช้ชาติ เขาเชื่อว่าลูกชายของเขายอมตายโดยไม่เสียใจ และเขาก็เป็นเช่นนั้น!“ตายเสียเถอะ”กวนเซี่ยวใช้เท้าถีบจอมพลเฒ่ากวนกระเด็น และชักดาบออกมาจอมพลเฒ่าจ้องเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย ร่างของเขาล้มลงบนพื้นอย่างรุนแรงเขามองบนท้องฟ้า น้ำตาขุ่นมัวไหลออกมาจากหางตาของเขา และถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่อาจเข้าใจได้ “เพราะเหตุใด เพราะเหตุใด?”กวนเซี่ยวถือด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-02-09
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 309 ลักพาตัว

    “เป็นอย่างไรบ้าง?”เย่จิ่งอวี้เดินมาด้านหน้าเตียง และถามด้วยน้ำเสียงรีบร้อนหมอหลวงเหลียงส่ายหัวอย่างทำอะไรไม่ได้“จอมพลเฒ่าบาดเจ็บสาหัสมาก เกรงว่าจะทำการรักษาได้ยาก”เมื่อนึกถึงวันที่จอมพลเฒ่ามอบจี้หยกให้ตัวเอง อินชิงเสวียนดวงตาแดงก่ำขึ้นมาอย่างอดไม่ได้จู่ๆ นางก็นึกถึงเย่จิ่งหลาน จึงรีบพูดว่า “ฝ่าบาท อาจมีใครคนหนึ่งที่สามารถรักษาจอมพลเฒ่าได้”“ผู้ใด?”“ฝูอี้อ๋อง”“เขา?”เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้วหากเขาจำไม่ผิด เสด็จน้องผู้นี้มีอายุเพียงแปดขวบเท่านั้น อีกทั้งเขายังไม่เคยร่ำเรียนกับหมอหลวง จะมีวิชาการแพทย์ชั้นสูงขนาดนั้นได้อย่างไรเมื่ออยู่ในภาวะฉุกเฉิน อินชิงเสวียนไม่มีเวลามาอธิบาย“หมอหลวงได้โปรดพยายามอย่างที่สุดก่อน รักษาการเต้นของหัวใจให้กับท่านอาจารย์ไว้ ข้าจะไปตามฝูอี้อ๋องเดี๋ยวนี้”เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา นางแลกความเร็วห้านาทีจากในมิติ ทันทีที่นางก้าวออกจากทาง ร่างของนางก็หายตัวไปทิ้งไว้เพียงคนในห้องที่มีสีหน้าประหลาดใจวิชาร่างของเหยาเฟยเหนียงเหนียง รวดเร็วได้เพียงนี้เชียวหรือ?พวกเขาไม่ได้ตาฝาดไปใช่หรือไม่?เย่จิ่งอวี้ก็ตกใจเป็นอย่างมาก วิชาร่าง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-02-10
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 310 แผนสอง

    คนในเงามืดตกใจเล็กน้อย“ท่านคือ... ท่านอ๋องถูหย่าลาจี๋เล่อ?”คนนั้นหัวเราะเหอะๆ และพูดว่า “เสนากวนตาถึงจริงๆ”ร่างในเงามืดเดินออกมาที่สว่าง และเขาก็คือเสนากวนเมิ่งถิงของต้าโจวเมื่อเห็นอาซือหลาน กวนเมิ่งถิงก็ประหลาดใจอย่างอดไม่ได้“ไม่นึกว่าท่านอ๋องจะอยู่ในเมืองหลวงจริงๆ”อาซือหลานพูดขึ้นด้วยความเหน็บแนม “ข้าเองก็นึกไม่ถึง ว่าผู้ที่แลกเปลี่ยนสิ่งที่ตนเองไม่มีกับเจียงวูมาโดยตลอด จะเป็นเสนาของแคว้นโจว”กวนเมิ่งถิงพูดด้วยสีหน้าปกติว่า “มีคำกล่าวมาตั้งแต่โบราณว่า ผู้รู้สถานการณ์แผ่นดินนั้นเรียกว่าเป็นยอดบุรุษ ข้าก็อยากเป็นยอดบุรุษผู้รู้สถานการณ์เช่นกัน”เขาโบกมือ คนรับใช้ก็เข้าใจในทันที เขาเดินออกไปด้านนอกพร้อมกับปิดประตูอาซือหลานเหลือบมองกวนเมิ่งถิงด้วยใบหน้าเหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้ม พูดลากเสียงยาวว่า “เรื่องนี้ก็พอสมเหตุสมผลอยู่บ้าง ตอนนี้เมื่อฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองบัลลังก์แล้ว ท่านเสนาก็เหลือเพียงตำแหน่งเดียวเท่านั้น ไม่แปลกที่จะไม่พึงพอใจ เพียงแต่น่าเสียดายที่ท่านเสนาไม่ได้ประสบความสำเร็จในสิ่งใด หากต้องการได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากเจียงวู เกรงว่ายังไม่พอ”กวนเมิ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-02-10
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 311 ฉงนสนเท่ห์

    สำนักหมอหลวงการผ่าตัดของกวนฮั่นหลินยังคงดำเนินไปอย่างเคร่งเครียดแม้ว่าความสาหัสของจอมพลเฒ่าจะไม่เทียบเท่าบาดแผลถูกแทงที่ทรวงอกของเย่‍จิ่ง‍อวี้ แต่ความซับซ้อนนั้นมีมากกว่าฮ่องเต้น้อยหลายขุมถึงอย่างไรก็เป็นการทะลุ ด้วยบาดแผลขนาดใหญ่เช่นนี้ ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าจะต้องเสียเลือดมากเพียงใด โชคดีที่ในห้องผ่าตัดของเย่จิ่งหลานมีน้ำเลือดหรือพลาสมาอยู่ด้วย หลังจากทำการทดสอบหมู่เลือดแล้ว เขาก็ทำการถ่ายเลือดให้แก่จอมพลเฒ่าได้ทันเวลา เมื่ออินชิงเสวียนเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นถุงน้ำเลือดติดเอาไว้ว่าหมู่เลือดเอ นางลังเลอึดใจหนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “ข้าก็มีหมู่เลือดเอเหมือนกัน หากเจ้าต้องการเลือด ข้าสามารถบริจาคให้ได้”นางรู้ดีว่าในสมัยโบราณการหาคนมาบริจาคโลหิตให้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย คนในยุคนี้เชื่อว่าทุกอย่างในร่างกายล้วนได้รับมาจากบุพการี ไม่ควรทำให้ร่างกายได้รับบาดเจ็บหรือได้ความเสียหายใดๆเย่จิ่งหลานพูดอย่างเป็นปกติธรรมดา “ไม่ต้องห่วง ข้ายังมีน้ำเลือดอยู่อีกเยอะ ถ้าเมื่อไหร่ข้าต้องการจริงๆ ค่อยไปเอาจากเจ้าก็ไม่สาย”“ได้”อินชิงเสวียนใช้ผ้าขนหนูซับเหงื่อให้เย่จิ่งหลาน จากนั้นมองดูเครื่องวัดอัตราการเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-02-10
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 312 มีตาหามีแววไม่

    “ระวัง!”อินชิงเสวียนตกตะลึงทว่าเย่‍จิ่ง‍อวี้ได้เคลื่อนไหวแล้ว เขาโยกตัวหลบมีดสั้นไปด้านข้าง และใช้นิ้วคีบจับมีดสั้นอันคมกริบได้อย่างเหมาะเจาะความประหลาดใจฉายผ่านดวงตาของเขา แม้แต่ตัวเย่‍จิ่ง‍อวี้เองก็ไม่คาดคิดว่าเขาจะมีความแข็งแกร่งและความรวดเร็วขนาดนี้จากนั้นเขาก็แค่นเสียงหึอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “บังอาจนัก ถึงกับกล้ามาลอบสังหารข้าถึงในวัง”เมื่อชายคนนั้นเห็นว่ามีดสั้นแทงได้เพียงความว่างเปล่า เขาก็ชักดาบออกมาทันที“ฮ่องเต้โฉด วันนี้คือวันตายของเจ้า!”กระแสเสียงนั้นทั้งแหบห้าวและสิ้นหวัง อินชิงเสวียนฟังไม่ออกได้ว่าเป็นใครในทันทีเย่‍จิ่ง‍อวี้ตบกระบี่ด้วยฝ่ามือเดียว ชายคนนั้นรู้สึกถึงพลังอันท่วมท้นที่ไหลบ่ามาจากฝ่ามือนั้น จนดาบยาวเกือบจะหลุดมือไปเขาเปลี่ยนมาจับด้วยมือทั้งสองแทน และกระโดดขึ้นฟันในอากาศเย่‍จิ่ง‍อวี้จำต้องถอยออกมา เอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “วิชาดาบของตระกูลกวน เจ้าเป็นใครกันแน่”“ไม่ต้องพูดมาก วันนี้ไม่เจ้าก็ข้าต้องตายกันไปข้างหนึ่ง”มือทั้งคู่ของชายคนนั้นวาดขึ้นไปในอากาศ และอาศัยพลังนี้พุ่งทะยานไปหาเย่‍จิ่ง‍อวี้เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็ต้องการทดสอบฝีมือของตัวเองอยู

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-02-10
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 313 เจ้าเกลียดข้างั้นหรือ

    “เลอะเลือน!”เสียงกรีดร้องอันแหลมคมดังมาจากข้างตัวของเขา แล้วอินชิงเสวียนก็แลกความเร็วเป็นหนที่สาม บวกกับพละกำลังอีกห้านาทีนางคว้าข้อมือของกวนเซี่ยว และตรึงกวนเซี่ยวไว้กับพื้นด้วยเรี่ยวแรงอันแข็งแกร่งเส้นผมที่ตกลู่ลงมาบนไหล่ ได้ปลิวสยายขึ้นด้วยพลังแห่งมิติ ความองอาจกล้าหาญที่ปรากฏในดวงตา ทำให้กวนเซี่ยวไม่กล้าเผชิญสายตาตรงๆ“เจ้าคิดว่าควักลูกตาแล้ว จะสามารถชดใช้ความผิดได้งั้นรึ ข้าคิดมาตลอดว่าตระกูลกวนก็เหมือนกับท่านปาจารย์ ที่เป็นสุภาพบุรุษผู้มีจิตใจแน่วแน่ ไม่นึกว่าพี่ชายกวนจะเป็นคนขี้ขลาดเพียงนี้ เจ้าไม่รู้สึกผิดต่อความพยายามอันอุตสาหะของท่านปาจารย์เลยรึ”อินชิงเสวียนกดกวนเซี่ยวไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แจ่มชัดว่า “รู้ผิดแล้วแก้ไข นับว่าเยี่ยมนัก พี่ชายกวนคิดเสียว่ารักษาร่างกายไว้เพื่อทำคุณประโยชน์ จับกุมตัวอาซือหลานให้ได้ ด้วยวิธีนี้เท่านั้นจึงจะสามารถชดเชยความผิดพลาด และรักษาชื่อเสียงของจอมพลเฒ่าได้”หลังจากฟังอยู่นาน กวนผิงอันก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น จึงพูดทันทีว่า “พระสนมเหยาเฟยพูดถูกแล้ว คุณชายไม่ควรทำลายร่างกายเช่นนี้ หากจอมพลเฒ่าฟื้นขึ้นมาแล้วเห็นว่าคุณช

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-02-11

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1513 วังหลังของคนเพียงผู้เดียว

    “หม่อมฉันน้อมถวายบังคมฝ่าบาทเพคะ!”อินชิงเสวียนยอบกายน้อยๆ ทำความเคารพอย่างเป็นทางการตามราชประเพณี“ตามสบาย”เย่จิ่งอวี้คว้าตัวอินชิงเสวียนขึ้นเมื่อก่อนที่เคยอยู่ในวังหลวง เย่จิ่งอวี้คิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่ข้าราชบริพารจะกราบถวายบังคมเจ้าเหนือหัว ตอนนี้เมื่อได้เดินทางท่องยุทธภพ กลับรู้สึกว่ามันลำบากยุ่งยากจริงๆ“จากนี้ไปเมื่อเสวียนเอ๋อร์พบข้า ไม่จำเป็นต้องทำความเคารพอีก ส่วนพวกเจ้าเมื่อกลับเข้าวังมาแล้ว เช่นนั้นควรปฏิบัติหน้าที่รับใช้ให้ดี เสวียนเอ๋อร์กำลังตั้งครรภ์ ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ”เมื่อทั้งหมดรู้ว่าอินชิงเสวียนตั้งครรภ์ ดวงตาของทุกคนก็เปล่งประกายด้วยความดีใจ ในสายตาของพวกเขา การมีลูกหลานมากมายถือเป็นโชควาสนา ทั้งสองพระองค์แต่งงานกันมาเกือบสองปีแล้ว ยังมีแค่เสี่ยวหนานเฟิงคนเดียว ในวังค่อนข้างเงียบเหงาอยู่บ้าง“พวกกระหม่อม/หม่อมฉัน น้อมรับพระบัญชา จะพยายามดูแลพระนางฮองเฮาให้เต็มที่พ่ะย่ะค่ะ/เพคะ!”“ดีมาก ออกไปก่อนเถอะ”เย่จิ่งอวี้ถอยห่างจากฝูงชน ดึงอินชิงเสวียนไปที่เก้าอี้“เสวียนเอ๋อร์สวมอาภรณ์ฮองเฮาช่างดูดียิ่งนัก”“ฝ่าบาทก็เช่นกัน ชุดมังกรเหมาะกับท่านมาก”อิ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1512 หนึ่งวันไม่เห็นเหมือนผ่านไปสามฤดู

    เมื่อเห็นพวกเขา อินชิงเสวียนก็รู้สึกตื้นตันใจเช่นกัน“เสี่ยวอานจื่อ อวิ๋นฉ่าย อวี้จิ่น ยายหลี่ พวกเจ้าอยู่กันทุกคน วิเศษไปเลย ลุกขึ้นมาพูดคุยกันเร็ว!”อินชิงเสวียนช่วยพยุงทุกคนให้ลุกขึ้น ดวงตาชื้นเมื่อเห็นพวกเขา นางก็พลันหวนนึกถึงช่วงเวลาที่เพิ่งข้ามภพมาอยู่ในตำหนักเย็นเป็นครั้งแรก ทุกอย่างเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน“ฮองเฮา ท่านกลับมาช่างดีจริงๆ!”ทั้งหมดต่างมาห้อมล้อมอินชิงเสวียนไว้ตรงกลาง กอดนางเต็มรัก อินชิงเสวียนก็กอดพวกเขาตอบเช่นกัน ทุกคนต่างวุ่นวายกันอยู่พักหนึ่งก่อนจะเข้าวังระหว่างทาง เสี่ยวอานจื่อก็พูดเจื้อยแจ้ว “ฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ ตำหนักเย็นถูกรื้อแล้ว ฝ่าบาทสร้างสวนสนุกที่นั่น องค์ชายน้อยมีที่เล่นสนุกแล้ว”อินชิงเสวียนรู้สึกประหลาดใจ“แล้วคนในตำหนักเย็นล่ะ สวีจือย่วนอยู่ที่นั่นไม่ใช่หรือ”ตอนที่นางจากไปเหมือนว่าสวีจือย่วนยังอยู่ในตำหนักเย็นอยู่เลยยายหลี่ลดเสียงกระซิบว่า “หม่อมฉันได้ยินมาว่า นายหญิงสวีฆ่าตัวตาย ร่างถูกโยนลงในสุสานไร้ญาติ”“อ้อ”อินชิงเสวียนเข้าใจแล้วจะเป็นการฆ่าตัวตายหรือไม่นั้น ไม่ต้องบอกก็รู้แม้ว่าจะถูกเย่จิ่งอวี้ประหารอย่างลับๆ แต่ก็นับว่าส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1511 กระหม่อมคิดถึงท่าน

    เช้าวันรุ่งขึ้นอินชิงเสวียนออกจากตระกูลอินภายใต้สายตาที่ไม่เต็มใจของทุกคน และผู้ที่คุ้มกันนางกลับวังหลวง ก็คืออินสิงอวิ๋นพี่ชายคนโตเขายังคงหล่อเหลา ทว่านิสัยสุขุมเยือกเย็นมากกว่าปีที่แล้วอินชิงเสวียนเปิดม่านเกี้ยว“พี่ใหญ่ได้เชิญหมอหลวงมาตรวจอาการพี่สะใภ้บ้างหรือยัง”อินสิงอวิ๋นยิ้มอย่างอบอุ่น มองอินชิงเสวียนด้วยสายตาแบบเดียวกับเมื่อก่อน มีความเอาใจใส่เล็กน้อย“หาแล้ว คราวนี้ก็ค่อนข้างดี น้ำพุวิญญาณของเจ้า แทบจะให้พี่สะใภ้ดื่มหมด”อินชิงเสวียนพยักหน้า“ควรเป็นเช่นนี้แล้ว พี่สะใภ้อยู่ไกลบ้าน รอนแรมมาไกลกว่าจะถึงตระกูลอินของเรา เราต้องดูแลนางให้ดีที่สุด อย่าปล่อยให้นางอุดอู้อยู่บ้านทั้งวัน ถ้าท่านมีเวลาว่าง ควรพานางไปเดินเล่นบ่อยๆ คนท้องจะรู้สึกหดหู่โดยไม่รู้ตัว ถ้ามีท่านอยู่ข้างๆ บางทีนางอาจรู้สึกดีขึ้นบ้าง”“อืม คราวนี้แหละ ข้าควรจะหาเวลาได้แล้วจริงๆ”อินสิงอวิ๋นถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก มีหรือที่เขาไม่ต้องการใช้เวลากับเป่าเล่อเอ่อร์ให้มากๆ แต่ในวังหลวงมีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย จนเขาไม่กล้าที่จะหย่อนยานตอนนี้ฝ่าบาทและน้องสาวกลับเมืองหลวงแล้ว ก็เหมือนมีกระดูกสันหลัง ทายาทเฟย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1510 อาหารมื้อครอบครัว

    อินชิงเสวียนคำนับทั้งสองคน นางไม่ได้มาจากรัชสมัยนี้ ไม่เห็นความสำคัญของมารยาทระหว่างกษัตริย์และขุนนาง แต่กลับให้ความสำคัญกับจริยธรรมของมนุษย์แม้ว่านางจะยอมรับเหมยชิงเกอ แต่บุญคุณที่ตระกูลอินเลี้ยงดูเจ้าของร่างเดิมมานานกว่าสิบปี ก็ไม่สามารถลืมได้ หากนางไม่รู้สึกขอบคุณผู้มีพระคุณของตัวเอง แล้วจะพูดถึงการมีใจกว้างใหญ่ไพศาลได้อย่างไร“เป็นพ่อหนึ่งวัน ย่อมเป็นพ่อตลอดไป แม่เลี้ยงก็คือแม่แท้ๆ พวกท่านเหมาะสมแล้ว”อินชิงเสวียนมีรอยยิ้มบนใบหน้า แต่น้ำเสียงกลับไม่มีความลังเลแม้แต่น้อยความรู้สึกห่างเหินเล็กน้อยของอินจ้งนั้นหายไปในทันที จับมือนางแน่นๆ“ดี ดี ลูกสาวคนดี!”ซูหมิงหลานก็หลั่งน้ำตาเช่นกัน แม้ว่านางจะได้รับการยอมรับจากครอบครัวแล้ว แต่หากไม่มีอินชิงเสวียน สถานะนี้ก็ไม่สมบูรณ์ อินหลีที่อยู่ข้างๆ ก็กล่าวโน้มน้าวเบาๆ “ท่านพี่พี่สะใภ้ไม่ต้องร้อง หากมีเรื่องอะไรไว้ค่อยกลับไปพูดที่บ้านเถิด เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนเข้าใจผิดกันไปใหญ่โต”อินจ้งรู้สึกตัวเพราะคำพูดนี้ เห็นผู้คนที่เอาแต่ยืดคอมองมาทางนี้ เขาก็พยักหน้าโดยเร็ว“ถูกต้อง เรากลับไปคุยกันที่บ้านนะ”อินชิงเสวียนดึงเป่าเล่อเอ่อร

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1509 เข้าสู่เมือง

    ทหารที่อยู่ข้างหน้าเริ่มเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ครั้นแล้วก็มองเห็นชุดเกราะสีแดงรางๆเฉิงเฟิ่งโหลวสะดุ้งเล็กน้อย นี่...อาจเป็นทหารเปลวเพลิงสีชาดของราชาสงครามอาภรณ์ขาวกระมัง?ถ้ามารับเสด็จฮ่องเต้ เหตุใดจึงสวมชุดเกราะ ถืออาวุธหนัก?หรือว่าว่ามีการเปลี่ยนแปลงในเมืองหลวง อ๋องสิบสาม...ก่อกบฏ?มือที่กุมกระบี่ของเฉิงเฟิ่งโหลวสั่นเทา เขาดึงสายบังเหียนออกทันที แม้ว่าเจ้านายกับนายหญิงจะมีทักษะวรยุทธ์สูง แต่มือเดียวสู้มือหลายไม่ได้ ใบหน้าที่อ่อนเยาว์ของเขาดูสิ้นหวัง “ฝ่าบาท เสด็จขึ้นรถม้าเร็วเข้า”เย่จิ่งอวี้หัวเราะเบาๆ แม้ว่าทั่วทั้งโลกจะทรยศเขา แต่เสด็จอาจะไม่มีวันทรยศเขา นี่คือความมั่นใจของเขา การสวมชุดเกราะ ถืออาวุธหนัก ถือเป็นมารยาทสูงสุดของค่ายเปลวเพลิงสีชาดในชั่วพริบตา ทหารม้าขบวนนั้นก็มาถึงเบื้องหน้า พวกเขาควบม้าและเคลื่อนไหวอย่างพร้อมเพรียงกัน จากนั้นแยกออกจากกันเป็นสองทาง เผยให้เห็นร่างที่สวมชุดคลุมสีขาวชายผู้นั้นมีใบหน้าที่หล่อเหลา ท่วงท่าไม่ธรรมดาสามัญ แต่งกายด้วยชุดสีขาวสะอาดราวกับหิมะ และเสื้อผ้าพลิ้วไหวดุจดั่งเทพเซียนเขาพลิกตัวลงจากม้า เดินเร็วๆ ไปที่รถม้า สะบัดเสื้อคล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1508 กลับสู่เมืองหลวง

    ครึ่งเดือนต่อมา ในที่สุดรถม้าก็มาถึงเมืองหลวงอินชิงเสวียนไม่สามารถทนต่อการโคลงเคลงสั่นสะเทือนได้ นางจึงอยู่ในมิติกับเสี่ยวหนานเฟิงเกือบตลอดเวลาในช่วงเวลาที่อยู่ร่วมกันนี้ นางพบว่าเสี่ยวหนานเฟิงไม่เพียงแต่ฉลาดเท่านั้น แต่ยังเป็นต้นกล้าที่ยอดเยี่ยมในการฝึกฝนวรยุทธ์อีกด้วยอายุยังน้อยไม่เพียงแต่เรียนรู้บทกวีในสมัยถังและซ่ง ยังมีกำลังภายในลึกล้ำน่าประหลาดใจ มือซ้ายสามารถใช้เคล็ดวิชาใจเพียวเหมี่ยวได้ มือขวาใช้เคล็ดวิชาใจตำหนักเทพได้ แม้กระทั่งเรียนรู้วิชาขลุ่ยลวงใจของเจ้าสำนักเซี่ยว อินชิงเสวียนนึกไม่ถึงจริงๆ ว่าช่วงที่นางไม่ได้อยู่กับเสี่ยวหนานเฟิงนั้น เขาได้เรียนรู้วิชามาจากทุกคนรอบตัวเขา“แค่กๆ เจ้า...ชอบฝึกวรยุทธ์หรือเปล่า?”จากมุมมองที่เห็นแก่ตัว อินชิงเสวียนไม่ต้องการให้เสี่ยวหนานเฟิงมีฝีมมือสูงส่งเกินไป ท้ายที่สุดแล้ว ยิ่งมีความสามารถสูง ความรับผิดชอบก็ยิ่งสูงตาม ศาสตร์แห่งราชาต่างหาก คือสิ่งที่เขาควรต้องศึกษาเสี่ยวหนานเฟิงกะพริบตาโตแล้วพูดว่า “ชอบสิ รู้วรยุทธ์ ก็สามารถปกป้องท่านแม่ได้”อินชิงเสวียนกอดลูกชายตัวนุ่มนิ่มและมีกลิ่นหอม แล้วพูดอย่างจริงจัง “ต่อจากนี้ไปสิ่งที่เจ้

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1507 ขอบคุณศิษย์พี่ลิ่น

    ระหว่างเจ้าสำนักเซี่ยวและเจ้าสำนักเฮ่อมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก ทว่าระหว่างเซี่ยวอิ่นหวนและลิ่นเซียวนั้นอยู่ในระดับปานกลาง จนแทบจะไม่มีปฏิสัมพันธ์กันเลยบัดนี้เห็นเขาขวางทาง ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากการตายของศิษย์น้องเฟิ่งอี๋ ทำให้กลายเป็นคนสติเลอะเลือน กระทำการสิ่งใดล้วนไม่ผ่านการใช้ความคิด เป็นเรื่องยากสำหรับคนทั่วไปที่จะเข้าใจทันทีว่าเขามีเจตนาอะไรลิ่นเซียวรู้จักนาง พยักหน้าเบาๆ“เฟิ่งอี๋ตายแล้ว ข้ารู้แล้ว”เซี่ยวอิ่นหวนรู้สึกเจ็บปวดในใจ แต่เดิมก็เจ็บปวดจากการพลัดพรากอยู่แล้ว เมื่อได้ยินเขาพูดถึงศิษย์น้องที่รักดุจน้องสาว หางตาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันทีริมฝีปากของนางสั่นเทา ลดเสียงลง กดซ่อนความเศร้าไว้ในใจ“ศิษย์พี่ลิ่นควรจะออกมาสู่ความจริงได้แล้ว ถ้าศิษย์น้องอยู่บนสวรรค์มีญาณรับรู้ คงไม่อยากเห็นท่านจมปลักอยู่ที่นี่เพราะนางแน่นอน...”ลิ่นเซียวไม่ต่อคำ แต่พูดต่อว่า “ตาเฒ่าเซี่ยวก็จากไปแล้วเช่นกัน”หัวใจของเซี่ยวอิ่นหวนเจ็บปวดรวดร้าวอีกครั้ง ก้มหน้าสะอื้น“พ่อบุญธรรมเสียชีวิตเพื่อผดุงความยุติธรรมในยุทธจักร ไม่ผิดต่อปณิธานที่ก่อตั้งหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์”ลิ่นเซียวย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1506 เส้นทางที่แตกต่างกัน

    อินชิงเสวียนมอบตั๋วเงินเงินอีกหนึ่งพันตำลึงให้แก่ทั้งสามคน กำชับพวกเขาว่าอย่าใช้ฟุ่มเฟือย หากไม่เจอตัวคน ก็สามารถไปพำนักที่เมืองหลวงได้ทั้งสามพยักหน้าซ้ำๆ ขนของทั้งหมดขึ้นรถม้า และจากไปอย่างมีความสุขอินชิงเสวียนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้“นิสัยแบบนี้นี่เข้ากับเย่จิ่งหลานได้เป็นอย่างดี”เย่จิ่งอวี้ก็มองไปที่ทั้งสามคน พูดด้วยรอยยิ้ม “ชาวยุทธ์ ก็ควรจะเป็นอิสระไม่ยึดติดอย่างชาวยุทธ์ นี่แหละคือความเป็นตัวของตัวเองที่แท้จริง!”“เช่นนั้นพวกเราก็ควรจากไปอย่างไม่ยึดติดใช่ไหม”อินชิงเสวียนเงยหน้าขึ้น มองไปยังเย่จิ่งอวี้ ทั้งสองตกลงกันไว้ก่อนแล้ว ว่าแทนที่จะรอให้พวกเขาสร่างเมา พลัดพรากจากกันด้วยความเป็นความตาย มิสู้จากไปอย่างเงียบๆ “ข้าเชื่อเมียข้าอยู่แล้ว”เย่จิ่งอวี้ผิวปาก เงาสีขาวสองเงาพุ่งออกมาจากระยะไกล ตามมาด้วยรถม้าอินชิงเสวียนตะโกนอย่างมีความสุข“ไป๋เสวี่ย เสี่ยวไป๋!”ไป๋เสวี่ยกางอุ้งเท้าใหญ่ แล้วกอดเอวของอินชิงเสวียนอย่างเสน่หาเสี่ยวไป๋ก็กลิ้งหน้าถูขาของอินชิงเสวียน ซึ่งเป็นการแสดงความใกล้ชิดกับคนที่หาได้ยากอินชิงเสวียนลูบหัวอันใหญ่โตของไป๋เสวี่ย จากนั้นลูบหัวของเสี่ยวไป๋

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1505 ความรู้สึกที่ไม่สามารถเอ่ยออกมาได้

    เฮ่อซือจวินออกแรงดึงอินชิงเสวียนขึ้นมา แล้วกอดนางไว้ พูดเสียงสะอื้น “เจ้ายอมรับข้า ข้ารู้สึกขอบคุณยิ่งนัก ชั่วชีวิตนี้จะพยายามดูแลสุขภาพของท่านพ่อและน้าเหมยอย่างเต็มที่”อินชิงเสวียนโน้มตัวไปใกล้ใบหน้าของนาง แล้วพูดเสียงอ่อนหวาน “ท่านเป็นพี่สาวต่างแม่ของข้า จะแตกต่างจากพี่สาวแท้ๆ ได้อย่างไร หากท่านอยู่ในอิ๋นเฉิงแล้วรู้สึกเหนื่อยล้า ก็ไปหาข้าที่เมืองหลวงได้ ข้าจะพาท่านท่องเที่ยวให้สำราญใจแน่นอน”เฮ่อซือจวินพยักหน้าโดยเร็ว“ได้ ถ้ามีโอกาส ข้าจะไปหาเจ้าแน่นอน”“สนใจแต่พี่สาวของเจ้าเท่านั้น ไม่ต้องการพี่ชายแล้วหรือ”เฮ่อฉางเฟิงเดินเข้ามาจากประตู สวมเสื้อคลุมใบไผ่สีเขียวที่ขับเน้นให้เขาดูหล่อเหลา สง่า และเป็นวีรบุรุษไม่ธรรมดา“ชิงเสวียนคำนับพี่ใหญ่”อินชิงเสวียนโค้งคำนับ เฮ่อฉางเฟิงก็รีบเอื้อมมือไปช่วยพยุงให้ลุกขึ้น“เจ้ากับข้าเป็นพี่น้อง ไม่ต้องมากพิธี ตั้งใจจะออกเดินทางเมื่อไหร่หรือ”อินชิงเสวียนถอนหายใจ“พรุ่งนี้น่ะ ไม่ว่าเราจะอยู่กี่วันก็ต้องไปอยู่ดี ฮ่องเต้จากเมืองหลวงมานานเกินไปแล้ว ในใจพะวงถึงอยู่ตลอด ถึงเวลาต้องกลับไปดูแลแล้ว”เฮ่อฉางเฟิงก็ตัดใจจากน้องสาวไม่ได้ และยังไม่อ

DMCA.com Protection Status