หน้าหลัก / รักโบราณ / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 259 ใครกันแน่ที่เลือดเย็น

แชร์

บทที่ 259 ใครกันแน่ที่เลือดเย็น

ผู้เขียน: ม่อเยี่ยน
หลังจากเปลี่ยนเป็นชุดลำลองแล้ว อินชิงเสวียนก็เริ่มลังเลอีก

จะออกจากวังก็ต้องมีเหตุผล แต่ตอนนี้นางไม่สามารถคิดหาเหตุผลที่เหมาะสมได้จริงๆ

จะบอกว่าไม่ได้พบหน้าเย่‍จิ่ง‍อวี้เพียงครู่เดียว รู้สึกเหมือนไม่ได้พบกันเนิ่นดั่งผ่านไปสามฤดูใบไม้ร่วง จึงอดไม่ได้ที่จะมาหาเขา ก็คงไม่ได้

ขืนพูดออกไปเช่นนั้นคงน่าสะอิดสะเอียนอย่างยิ่ง พวกเขาทั้งสองคนก็ยังไปไม่ถึงขั้นนั้น

ถ้าบอกว่าไปเยี่ยมเย่จั้น นั่นก็ยิ่งดูเหลวไหลไปกันใหญ่

ภรรยาของหลานชายไปพบเสด็จอาตอนกลางดึก จะให้เย่‍จิ่ง‍อวี้คิดอย่างไร

หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง อินชิงเสวียนก็ถอดชุดเงียบๆ

กว่านางได้รับความไว้วางใจจากเย่‍จิ่ง‍อวี้ก็ยากเย็นแสนเข็ญ เพื่อให้พลิกคดีของตระกูลอิน จะต้องอดใจไว้ อย่าทำลายแผนใหญ่

แต่กลับเห็นเสี่ยวอานจื่อเดินเข้ามาจากประตู

“พระสนม นายหญิงสวีกำลังรออยู่ด้านนอกตำหนัก บอกว่ามีเรื่องจะพูดกับพระสนมพ่ะย่ะค่ะ”

“ทำไมไม่ให้นางเข้ามาล่ะ”

เสี่ยวอานจื่อกล่าวว่า “ฝ่าบาทได้ออกคำสั่งห้ามไม่ให้ผู้อื่นเข้ามา”

เมื่อนั้นอินชิงเสวียนจึงนึกถึงเรื่องเมื่อวานที่ตัวเองฝากฝังให้เย่‍จิ่ง‍อวี้ช่วยดูแลเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงให้ดี นางจึงยืนขึ้นและพูดว่
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 260 เจ้าอยากรู้จริงรึ

    เมื่ออินชิงเสวียนตื่นขึ้นมาก็เป็นยามเช้าของอีกวันแล้วเบื้องหน้ามีผ้าโปร่งสีแดงตกลู่ลงมา คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเห็นคนผู้หนึ่งนั่งอยู่ข้างนอกรางๆ“ใคร”“เจ้าตื่นแล้ว?”คนผู้นั้นหันกลับมา เปิดผ้าโปร่งขึ้น แล้วใบหน้างามสดใสก็ปรากฏในคลองสายตาของอินชิงเสวียน ซึ่งก็คือสวีจือย่วนนั่นเอง“ทำไมเจ้าถึงอยู่ที่นี่”อินชิงเสวียนอยากจะนั่งขึ้น แต่แล้วนางก็ตระหนักว่ามือและเท้าถูกมัดอยู่ จึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว“ที่นี่คือที่ไหนกันแน่”สวีจือย่วนยื่นมือออกมากดตัวอินชิงเสวียนไว้ ลงแล้วพูดด้วยกระเสียงเนิบช้า “ที่นี่คือเรือนจุ้ยหง เจ้านอนลงก่อนสักครู่เถอะ”“อินสิงอวิ๋นพาข้ามาที่นี่รึ” อินชิงเสวียนมองนาง แล้วเอ่ยถามขึ้นสวีจือย่วนพยักหน้า “อืม”คิ้วของอินชิงเสวียนขมวดเป็นปมแน่นขึ้นอีก“เจ้าก็โดนเขาจับเหมือนกันหรือ”สวีจือย่วนกัดริมฝีปาก แล้วกระซิบ “ข้าขอร้องให้เขาพาข้าออกมาด้วย”อินชิงเสวียนตกตะลึง “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ เจ้าไม่กลัวหรือว่าถ้าออกจากวังโดยพลการ จะเดือดร้อนพ่อแม่ไปด้วย”สวีจือย่วนถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดว่า “หากวันหนึ่งข้าถูกจับกลับวัง ข้าก็แค่บอกว่าข้าถูกลักพาตัว หรือบางทีเราอาจจะไปจา

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 261 ข้าไม่ใช่พี่ชายของเจ้า

    “แน่นอน”อินชิงเสวียนพูดอย่างเรียบง่ายและชัดเจนอินสิงอวิ๋นมองดูนางอยู่นาน แล้วจึงพูดเรียบๆ “จดหมายฉบับนั้น เป็นของข้าจริงๆ”อินชิงเสวียนตัวสั่นไปทั้งร่าง มองไปยังอินสิงอวิ๋นอย่างไม่อยากเชื่อผู้ที่ใส่ร้ายตระกูลอิน คือเขา!“ท่าน...ท่านไปติดต่อกับราชวงศ์เจียงวูได้อย่างไร ท่านทำเช่นนี้ ไม่รู้สึกผิดต่อท่านพ่อบ้างหรือ”นางรู้สึกมาโดยตลอดว่าเย่จิ่งเย่ากำลังใส่ร้ายตระกูลอิน แต่นางไม่คิดว่าอินสิงอวิ๋นจะยอมรับอย่างง่ายดายเมื่อคิดถึงอินจ้งที่ทุ่มเทให้กับบ้านเมือง มีความภักดีเต็มหัวใจ และพี่รองอินปู้อวี่ที่เย่อหยิ่งในศักดิ์ศรีเช่นเดียวกัน อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจ นี่เป็นความรู้สึกของการถูกทรยศ โดยคนที่ใกล้ชิดกับนางมากที่สุดอินสิงอวิ๋นยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย แล้วพูดช้าๆ “ไม่ใช่ข้าที่ติดต่อกับราชวงศ์เจียงวู แต่ราชวงศ์เจียงวูกับข้าได้ติดต่อกันมาโดยตลอด”ดวงตาคู่งามของอินชิงเสวียนเบิกกว้างด้วยความตกใจ “ท่านหมายความว่าอย่างไร”อินสิงอวิ๋นโน้มตัวมาทันที พูดด้วยเสียงที่ได้ยินเพียงสองคน “เพราะว่า ข้าไม่ใช่พี่ชายแท้ๆ ของเจ้า”“หะ!”อินชิงเสวียนตกตะลึง“ท่านเป็นใครกันแน่”อินสิ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 262 หม่อมฉันอยู่นี่เพคะ

    จู่ๆ อินชิงเสวียนก็ขนลุกไปทั่วทั้งร่างพอเห็นอินสิงอวิ๋นกำลังจะจากไป นางก็ตะโกนทันที “หยุดเดี๋ยวนี้นะ”อินสิงอวิ๋นยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วก็เดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองขณะมองตามแผ่นหลังของเขาที่กำลังจากไป อินชิงเสวียนก็ตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง ปริมาณข้อมูลมีมากเกินไปจริงๆแต่เจ้าตัวดีนี่กลับจากไปในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดแต่ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ได้ว่าการคาดเดาก่อนหน้านี้ของนางนั้นถูกต้อง คนผู้นี้แปลงโฉมมาจริงๆไม่คิดว่าคนในยุคโบราณจะมีวิชาแปลงโฉมที่เหมือนจริงขนาดนี้ ลักษณะท่าทาง และรูปร่างของเขาแทบจะเหมือนกับพี่ใหญ่ของเจ้าของร่างเดิมไม่ผิดเพี้ยนเลยยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่าเขาจะมาจากราชวงศ์เจียงวูด้วยด้วยเบาะแสเหล่านี้ การแก้ไขสถานะตระกูลอินให้ถูกต้องก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาแต่เหตุใดอินสิงอวิ๋นตัวจริงถึงคิดก่อกบฏ และกลายไปเป็นเขยของเจียงวูให้ตายเถอะ เรื่องชักจะยุ่งยากไปกันใหญ่แล้ว!อินชิงเสวียนคิดจนหัวแทบระเบิดนางขยับโซ่ คิดจะใช้พลังแห่งมิติหลบหนีไป แต่เมื่อคิดได้ว่าทางกลับมีทางเดียวเท่านั้น นางก็ยอมแพ้คนผู้นี้มีลูกธนูอาบพิษของเจียงวูมากมาย ถ้าเกิดทำให้เขาพาลโกรธ แล้วฆ่าคนปิดป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 263 ท้อแท้ใจ

    ที่หอสุ่ยอวิ้นหมอหลวงเหลียงกำลังตรวจชีพจรของสวีจือย่วนอยู่เย่‍จิ่ง‍อวี้ขมวดคิ้วมุ่น ยืนเฝ้าอยู่ข้างๆ“เป็นอย่างไรบ้าง”หมอหลวงเหลียงลูบเคราแล้วพูดว่า “นายหญิงสวีเป็นกระวนกระวายใจมากจนหมดสติไป ฝ่าบาทไม่ต้องกังวล กระหม่อมจะฝังเข็มให้นายหญิงสวีเดี๋ยวนี้ อีกไม่นานก็จะได้สติพ่ะย่ะค่ะ”เย่‍จิ่ง‍อวี้เป็นกังวลดั่งไฟแผดเผา“เช่นนั้นก็รีบหน่อย”“พ่ะย่ะค่ะ”หมอหลวงเฒ่ารีบหยิบเข็มเงินออกจากถุงเข็ม แล้วฝังเข็มในจุดต่างๆ ของสวีจือย่วน อันได้แก่ จุดถันจง จุดหู่โข่ว รวมไปถึงจุดเหรินจงและอื่นๆหลังจากเวลาผ่านไปประมาณหนึ่งก้านธูป สวีจือย่วนก็ค่อยๆ รู้สึกตัว เมื่อนางเห็นเย่‍จิ่ง‍อวี้ นางก็หลั่งน้ำตาเป็นสาย“ฝ่าบาท!”เย่‍จิ่ง‍อวี้มาที่เตียง พูดอย่างอบอุ่นว่า “เจ้าอย่าเพื่อนตื่นตระหนกไป มีอะไรก็ค่อยๆ พูด เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น”สวีจือย่วนกัดริมฝีปากพูดขึ้นว่า “เมื่อคืนหม่อมฉันอยู่ว่างๆ จึงไปพบพระสนมเหยาเฟย แล้วหม่อมฉันกับพระสนมก็มาที่หอสุ่ยอวิ้น พูดคุยกันสักพัก ทันใดนั้นคนชุดดำก็บุกเข้ามา และทำให้หม่อมฉันหมดสติไป เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็อยู่ในเรือนจุ้ยหงแล้ว”นางสะอื้น แล้วพูดว่า “หม่อมฉัน

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 264 อ๋องขยะเจ้าสำราญ

    ฟางรั่วยิ้มอย่างเหยียดหยาม แล้วกล่าวว่า “หญิงงาม เงินตรา และความอ่อนละมุนของสตรี บุรุษใดบ้างจะปฏิเสธได้”อินชิงเสวียนพูดอย่างหนักแน่น “พี่ใหญ่ของข้าไม่ใช่คนแบบนั้น”ฟางรั่วพูดประชด “แล้วเจ้าคิดว่าพี่ใหญ่ของเจ้าเป็นคนอย่างไร ซื่อสัตย์กล้าหาญ ยอมตายดีกว่ายอมจำนน? เฮอะ เขาเป็นเพียงคนขี้ขลาดที่ใช้ชีวิตอย่างไร้เกียรติเท่านั้น”อินชิงเสวียนขมวดคิ้ว อินสิงอวิ๋นเป็นกบฏจริงๆ เพราะเหตุนี้งั้นหรือไม่ใช่หากเขาเป็นเช่นนี้จริง เจียงวูก็ส่งตัวเขากลับมาเลยสิ จะส่งอ๋องจอมปลอมมาทำไม“คนเลวทรามต่ำช้าอย่างพวกเจ้าคงทำอะไรกับเขาแน่ๆ”ฟางรั่วแค่นเสียงพูดว่า “เจ้ายกย่องเขามากเกินไปแล้ว คนตระกูลอินเป็นเพียงคนที่โลภกลัวความตายเท่านั้นแหละ”อินชิงเสวียนเงยหน้าขึ้น ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย“เจ้าพยายามยั่วให้ข้าโกรธอยู่งั้นหรือ”ฟางรั่วพูดอย่างเย็นชา “แล้วอย่างไร ข้าไม่ชอบขี้หน้าเจ้า”อินชิงเสวียนยักไหล่ “คนที่ไม่ชอบขี้หน้าข้ามีเยอะแยะ มีเจ้าเพิ่มอีกคนจะเป็นไรไป”จากนั้นก็หันกลับมาแล้วถามว่า “นี่ นายท่านของเจ้าคงน่าเกลียดมากกระมัง ไม่งั้นทำไมต้องใส่หน้ากากเป็นพี่ใหญ่ของข้าอยู่อีก”ฟางรั่วโกรธทันที พูดด้

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 265 ตกม้าตายเพราะระบบ

    ประกายสีเงินวาววับ แล้วก็มีกระบี่ยาวแทงสวนเข้ามาจากด้านนอกประตู อินชิงเสวียนไม่กล้าแตะต้องกระบี่โดยตรง จึงถูกบังคับให้กลับเข้าไปในห้องทันทีฟางรั่วชักกระบี่ออกมาแล้วปรี่เข้าไปทันที“เจ้ากล้าหนีรึ”อา‍ซือ‍หลานหายแวบไปอีกด้าน หรี่ตามองไปยังอินชิงเสวียนอย่างพิจารณา เมื่อเห็นว่านางเคลื่อนไหวอย่างสะเปะสะปะ ไม่รู้จักการตอบโต้ด้วยกระบวนท่า อาศัยเพียงการโหมโจมตีด้วยกำลังดุร้าย ทันใดนั้นก็ทราบชัดเจนทันทีนางอาจมีแค่กำลังภายใน แต่ไม่รู้จักเพลงยุทธ์ด้วยซ้ำ เพียงแต่นางอายุเท่านี้ แต่ไปฝึกฝนกำลังภายในที่ลึกซึ้งเช่นนี้มาจากไหนกันอินชิงเสวียนก็รู้สึกกระวนกระวายใจดั่งไฟแผดเผาอยู่ครามครัน ดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของนางจะไม่มีประโยชน์ ดังคำกล่าวที่ว่า ไม่ว่าทักษะวรยุทธ์จะดีแค่ไหนแต่ก็ต้องกลัวคนจนตรอกที่ทุ่มสุดกำลังเมื่อเห็นฟางรั่วถือกระบี่ยาวเดินกดดันเข้ามาราวกับพยัคฆ์คำรามลม อินชิงเสวียนทำได้เพียงหลบหลีกไปมา ไม่กล้าที่จะลงมือต่อสู้เลย เพราะกลัวว่าหากไม่ระวัง ฟางรั่วจะตัดแขนของตัวเองทิ้งอา‍ซือ‍หลานก็เห็นถึงจุดสำคัญตรงนี้เช่นกัน จึงดึงกระบี่อ่อนที่คาดเอวออกมาทันทีพวกเขาทั้งสองต่างกดดันอย่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 266 มาจับข้าสิ

    ฟางรั่วค้นหาไปรอบๆ แล้ววิ่งออกไปด้วยใบหน้าซีดเซียวอินชิงเสวียนกระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม ฮัมเพลงอย่างสบายอารมณ์ หลังจากนั้นไม่นาน ฟางรั่วก็กลับมา และคนที่กลับมากับนางก็คือชายมีหนวดเคราคนก่อนหน้านี้ ดูท่าแล้วอ๋องขยะนั่นไม่น่าจะอยู่ที่นี่เมื่อมองดูโซ่บนเตียง ฟางรั่วทั้งโกรธทั้งหงุดหงิด ถามอย่างเย็นชา “เพราะเจ้าเผลอหลับไป ปล่อยให้นางแอบออกไปได้น่ะสิ”ชายที่มีหนวดเคราพูดด้วยน้ำเสียงหยาบกระด้าง “ข้าเฝ้าประตูทางออกไว้ตลอด ไม่เห็นใครผ่านมาเลย ต้องเป็นเจ้าเพราะเจ้าที่เฝ้าไม่ดี ปล่อยให้นางหนีไปที่อื่น”ฟางรั่วพูดด้วยใบหน้าที่ขุ่นเคือง “เป็นไปไม่ได้ นางไม่มีทางรู้จักทางออกนั้น”ชายมีหนวดเคราพ่นหายใจขึ้นจมูก แล้วพูดว่า “แล้วเจ้าคิดว่าคนหายไปไหนล่ะ”เขาเหลือบมองฟางรั่ว แล้วพูดเยาะเย้ย “หรือเจ้ากลัวจริงๆ ว่านายท่านจะพานางกลับไปที่เจียงวู เจ้าจึงแอบปล่อยนางไป”ฟางรั่วโกรธขึ้นมาทันที“ปล่อยบ้านเจ้าน่ะสิ ข้าแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ได้เสียเมื่อไหร่”ชายที่มีหนวดเคราพูดว่า “เรื่องนี้ก็บอกไม่ได้หรอก ใครบ้างไม่รู้ว่าเจ้าชอบนายท่าน”ฟางรั่วชักกระบี่ออกมาทันที ตะโกนอย่างดุเดือด “เจ้าลองพูด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 267 เขาต้องตายแน่นอน

    เย่‍จิ่ง‍อวี้คว้าคอเสื้อของหลี่เต๋อฝูแล้วถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “นางอยู่ไหน นางยังมีชีวิตอยู่หรือไม่”หลี่เต๋อฝูกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฝ่าบาทอย่าเพิ่งรีบร้อน พระสนมยังมีชีวิตอยู่แน่นอน ตอนนี้นางอยู่ในจวนจิ้งอ๋อง ท่านอ๋องส่งคนมาส่งข่าวเมื่อสักครู่นี้ บอกว่าพระสนมเรียบร้อยดีทุกอย่าง เพียงแค่ตกใจเล็กน้อย”เย่‍จิ่ง‍อวี้ตื่นเต้นมาก พร่ำพูดว่า “ดี ดีมาก!”จากนั้นจึงกล่าวว่า “แล้วเหตุใดนางจึงไม่เข้าวังมาเลย”หลี่เต๋อฝูกล่าวว่า “พระสนมบอกว่าไม่มีหลักซานยืนยันใดๆ ติดตัว กลัวว่าองครักษ์จะไม่ยอมให้นางเข้าวัง จึงไปหาท่านอ๋องสิบสามพ่ะย่ะค่ะ”เย่‍จิ่ง‍อวี้กล่าวว่า “ที่นางกล่าวมาก็มีเหตุผล ข้าจะไปรับนางที่จวนจิ้งอ๋องเอง”เมื่อเห็นว่าฝ่าบาทองค์น้อยที่เศร้าโศกมาหลายวันในที่สุดก็ยิ้มได้ ใบหน้าของหลี่เต๋อฝูก็เบิกบานเช่นกัน“กระหม่อมจะไปกับฝ่าบาทด้วย”“ข้าอนุญาต รีบไปพาเฟยมั่วของข้ามาเร็วๆ”ทันทีที่เย่‍จิ่ง‍อวี้พูดจบ ไป๋เสวี่ยก็วิ่งเข้ามาจากด้านนอกเหมือนมันจะรู้ว่าพวกเขากำลังจะไปหาอินชิงเสวียน มันใช้อุ้งเท้าชี้ไปที่เย่‍จิ่ง‍อวี้ทันที พร้อมกับส่งเสียงครวญครางในลำคอเย่‍จิ่ง‍อวี้หรี่ตาลง ลูบหัวใหญ่

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1534 ท่านพี่ช่วยข้าได้ไหม

    “ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1533 เจ้าน่ะ ยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนเดิม

    “ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1532 คืนชีวิตให้ท่านแล้วจะเป็นไร

    “เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status