Share

บทที่ 266 มาจับข้าสิ

Author: ม่อเยี่ยน
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56
ฟางรั่วค้นหาไปรอบๆ แล้ววิ่งออกไปด้วยใบหน้าซีดเซียว

อินชิงเสวียนกระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม ฮัมเพลงอย่างสบายอารมณ์

หลังจากนั้นไม่นาน ฟางรั่วก็กลับมา และคนที่กลับมากับนางก็คือชายมีหนวดเคราคนก่อนหน้านี้ ดูท่าแล้วอ๋องขยะนั่นไม่น่าจะอยู่ที่นี่

เมื่อมองดูโซ่บนเตียง ฟางรั่วทั้งโกรธทั้งหงุดหงิด ถามอย่างเย็นชา “เพราะเจ้าเผลอหลับไป ปล่อยให้นางแอบออกไปได้น่ะสิ”

ชายที่มีหนวดเคราพูดด้วยน้ำเสียงหยาบกระด้าง “ข้าเฝ้าประตูทางออกไว้ตลอด ไม่เห็นใครผ่านมาเลย ต้องเป็นเจ้าเพราะเจ้าที่เฝ้าไม่ดี ปล่อยให้นางหนีไปที่อื่น”

ฟางรั่วพูดด้วยใบหน้าที่ขุ่นเคือง “เป็นไปไม่ได้ นางไม่มีทางรู้จักทางออกนั้น”

ชายมีหนวดเคราพ่นหายใจขึ้นจมูก แล้วพูดว่า “แล้วเจ้าคิดว่าคนหายไปไหนล่ะ”

เขาเหลือบมองฟางรั่ว แล้วพูดเยาะเย้ย “หรือเจ้ากลัวจริงๆ ว่านายท่านจะพานางกลับไปที่เจียงวู เจ้าจึงแอบปล่อยนางไป”

ฟางรั่วโกรธขึ้นมาทันที

“ปล่อยบ้านเจ้าน่ะสิ ข้าแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ได้เสียเมื่อไหร่”

ชายที่มีหนวดเคราพูดว่า “เรื่องนี้ก็บอกไม่ได้หรอก ใครบ้างไม่รู้ว่าเจ้าชอบนายท่าน”

ฟางรั่วชักกระบี่ออกมาทันที ตะโกนอย่างดุเดือด “เจ้าลองพูด
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 267 เขาต้องตายแน่นอน

    เย่‍จิ่ง‍อวี้คว้าคอเสื้อของหลี่เต๋อฝูแล้วถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “นางอยู่ไหน นางยังมีชีวิตอยู่หรือไม่”หลี่เต๋อฝูกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฝ่าบาทอย่าเพิ่งรีบร้อน พระสนมยังมีชีวิตอยู่แน่นอน ตอนนี้นางอยู่ในจวนจิ้งอ๋อง ท่านอ๋องส่งคนมาส่งข่าวเมื่อสักครู่นี้ บอกว่าพระสนมเรียบร้อยดีทุกอย่าง เพียงแค่ตกใจเล็กน้อย”เย่‍จิ่ง‍อวี้ตื่นเต้นมาก พร่ำพูดว่า “ดี ดีมาก!”จากนั้นจึงกล่าวว่า “แล้วเหตุใดนางจึงไม่เข้าวังมาเลย”หลี่เต๋อฝูกล่าวว่า “พระสนมบอกว่าไม่มีหลักซานยืนยันใดๆ ติดตัว กลัวว่าองครักษ์จะไม่ยอมให้นางเข้าวัง จึงไปหาท่านอ๋องสิบสามพ่ะย่ะค่ะ”เย่‍จิ่ง‍อวี้กล่าวว่า “ที่นางกล่าวมาก็มีเหตุผล ข้าจะไปรับนางที่จวนจิ้งอ๋องเอง”เมื่อเห็นว่าฝ่าบาทองค์น้อยที่เศร้าโศกมาหลายวันในที่สุดก็ยิ้มได้ ใบหน้าของหลี่เต๋อฝูก็เบิกบานเช่นกัน“กระหม่อมจะไปกับฝ่าบาทด้วย”“ข้าอนุญาต รีบไปพาเฟยมั่วของข้ามาเร็วๆ”ทันทีที่เย่‍จิ่ง‍อวี้พูดจบ ไป๋เสวี่ยก็วิ่งเข้ามาจากด้านนอกเหมือนมันจะรู้ว่าพวกเขากำลังจะไปหาอินชิงเสวียน มันใช้อุ้งเท้าชี้ไปที่เย่‍จิ่ง‍อวี้ทันที พร้อมกับส่งเสียงครวญครางในลำคอเย่‍จิ่ง‍อวี้หรี่ตาลง ลูบหัวใหญ่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 268 ช้าไปก้าวหนึ่ง

    สีหน้าของทุกคนซีดเผือด นี่คือโอรสสวรรค์องค์ปัจจุบัน ถ้าเกิดเป็นอะไรไป คนที่เหลือก็ไม่ต้องมีใครมีชีวิตรอดอีกแล้ว ฉินเทียนกับหลี่ชีตกใจจนตัวสั่นสะท้าน มองดูเย่‍จิ่ง‍อวี้โดยที่ไม่กล้าขยับตัวเย่จั้นผลักทั้งสองคนออกไป แล้วอุ้มเย่‍จิ่ง‍อวี้ขึ้นรถม้าเขาสั่งอย่างเร่งรีบ “เข้าวังทันที! ส่วนพวกเจ้าไปที่สำนักหมอหลวงก่อน บอกเรื่องนี้ให้หมอหลวงเหลียงทราบ”“พ่ะย่ะค่ะ”ฉินเทียนกับหลี่ฉีกระโดดขึ้นหลังม้า ทันทีที่แตะท้องม้าพวกเขาก็วิ่งหน้าตั้งไปยังวังหลวงอย่างสุดชีวิต เย่จั้นกอดเย่‍จิ่ง‍อวี้ไว้ในอ้อมแขน แขนเสื้อสีขาวเหมือนหิมะก็ถูกย้อมเป็นสีแดงทันทีระเวลาเพียงหนึ่งก้านธูป รถม้าก็มาถึงประตูวังหลวง เหล่าทหารองครักษ์กำลังจะเข้ามาขวาง แต่ถูกทหารหน่วยเปลวเพลงสีชาดเตะไปอีกด้าน“ฝ่าบาทได้รับบาดเจ็บสาหัส ใครกล้าขวาง ฆ่าไม่เว้น!”ทหารหน่วยเปลวเพลงสีชาดตะโกนไปตลอดทาง คุ้มกันรถม้าจนกระทั่งไปถึงวังหลังหมอหลวงเหลียงที่กำลังปรุงยาอยู่ เมื่อได้ยินว่าฝ่าบาทได้รับบาดเจ็บ สิ่งที่อยู่ในมือก็ร่วงลงพื้นด้วยความตกใจ“ฝ่าบาท...ฝ่าบาทอยู่ที่ใด”ฉินเทียนดึงเขาขึ้นไปบนหลังม้า“ตามข้าไปที่ตำหนักเฉิงเทียน”ณ ต

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 269 ไม่รู้ชั่วดี

    “ไม่รู้ชั่วดี เช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าได้รู้เอง”เย่จั้นค่อยๆ ดึงกระบี่ยาวของเขาออกมา กระบี่นั้นงามราวกับน้ำ สดใสแต่ไม่แวววาว สามารถบอกได้ทันทีว่ามันไม่ใช่กระบี่ธรรมดาอินชิงเสวียนไม่มีเวลาสนใจเรื่องพวกนี้แล้วตอนที่นางทะลุมิติมา เดิมทีนางต้องการที่จะสละความรับผิดชอบทั้งหมด ออกจากวังเย็น คนร่ำรวยผู้เกียจคร้านแต่เมื่อรู้ว่าตระกูลอินมีโอกาสพ้นความผิด นางก็เปลี่ยนใจเนื่องจากนางใช้ร่างของเจ้าของร่างเดิม จึงต้องทำอะไรเพื่อตระกูลอิน หลังจากที่นางตัดสินใจได้แล้ว นางก็ทำงานอย่างหนักเพื่อให้อินจ้งกลับเมืองหลวงได้ ตอนนี้งานใหญ่กำลังจะประสบความสำเร็จ กลับมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นไม่ว่าจะเพื่อตระกูลอินก็ดี เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็ช่าง นางต้องเข้าไปในวังหลวงให้ได้ถ้าเย่‍จิ่ง‍อวี้ตาย ทุกอย่างก็จะสูญเปล่า!ทันใดนั้นนางก็คิดถึงภาพพักหน้าจอโทรศัพท์ แล้วหัวใจก็รู้สึกขมขื่นอีกครั้งสิ่งดีๆ ที่เย่‍จิ่ง‍อวี้ทำเพื่อนาง ไม่เคยปิดบังอำพราง แม้ว่านางมักจะปลอบใจตัวเองว่าเสมอกันแล้ว แต่หนี้บุญคุณ จะทำให้เสมอกันได้อย่างไรเขาปกป้องนางหลายครั้ง ไม่ว่าจะเผชิญหน้ากับนักฆ่า หรือเผชิญหน้ากับไทเฮาและเหล่าขุนนางราชสำนัก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 270 ยืมดาบฆ่าคน

    หลังจากออกจากตำหนักเฉิงเทียนแล้ว ไทเฮาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะ“ข้าได้ยินมาว่าเย่‍จิ่ง‍อวี้ไม่เพียงแต่ถูกแทงที่ส่วนสำคัญเท่านั้น แต่ที่มีดสั้นยังอาบยาพิษไว้อีกด้วย คราวนี้เขาหนีความตายไม่พ้นแน่ โอกาสหายากเช่นนี้ เจ้าต้องใช้ป้ายทองที่เสด็จพ่อเจ้าทิ้งไว้ให้ทันที ให้เย่จั้นเคลื่อนทัพเพื่อเจ้า”เย่จิ่งเย่าพูดอย่างขมขื่น “ถ้ายังมีป้ายตราคำสั่งอยู่ ลูกคงเอาออกมานานแล้ว หลายวันก่อนจวนอ๋องถูกขโมย ป้ายตราคำสั่งก็ถูกขโมยไปด้วย”ไทเฮาหยุดเดิน ถามด้วยความโกรธว่า “อะไรนะ ของสำคัญเช่นนี้กลับถูกขโมยไปแล้วหรือ”เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เย่จิ่งเย่าก็อารมณ์เสียเช่นกัน พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “จะให้ข้าแขวนป้ายคำสั่งทองไว้รอบคอได้ทุกวันได้อย่างไร องครักษ์เงาของเย่‍จิ่ง‍อวี้ทำตัวลึกลับซับซ้อน จะต้องเป็นฝีมือของพวกเขาแน่ๆ”ไทเฮาอดไม่ได้ที่จะตำหนิว่า “เจ้าคนไม่เอาไหน ข้าอุตส่าห์รอมาเนิ่นนาน ในที่สุดก็มีโอกาสแล้ว เจ้ากลับทำป้ายทองนั้นหาย?”เย่จิ่งเย่าพูดอย่างฉุนเฉียว “ข้าก็ไม่อยากทำหาย แต่ตอนนี้ได้หายไปแล้ว ข้าจะทำอย่างไรได้”ไทเฮาจ้องมองเขาอย่างดุเดือด ทันใดนั้นก็คลี่ยิ้มอีกครั้ง “ไม่ว่าองครักษ์เงาของเย่‍จิ่ง‍

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 271 ป้อนน้ำช่วยคน

    “ฮะ!”อินชิงเสวียนอุทานอย่างอดไม่ได้“แล้วตอนนี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง”เย่จั้นพูดด้วยใบหน้าเหยเกอย่างเจ็บปวด “ลมหายใจรวยริน”ดวงตาของอินชิงเสวียนแดงก่ำด้วยความวิตกกังวล นางยื่นมือออกมาจับแขนเสื้อของเย่จั้น“แล้วเหตุใดถึงต้องรอจนฟ้ามืดเล่า ท่านอ๋องไม่กลัวเกิดเหตุร้ายขึ้นกับฝ่าบาทหรือ”เย่จั้นพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “ตอนนี้เจ้าคือนักโทษคนสำคัญที่ลอบสังหารฝ่าบาท ในเมื่อไทเฮารู้เรื่องนี้แล้ว คิดว่าอีกไม่นานเหล่าขุนนางก็จะทราบเรื่อง หากเจ้าถูกใครพบตัวในเวลานี้ จะมีไม่มีทางรอดแน่นอน แม้ว่าฝ่าบาทจะดีต่อเจ้า แต่ก็ไม่อาจช่วยเจ้าได้”อินชิงเสวียนเซไปก้าวหนึ่งโดยไม่รู้ตัว จนเกือบจะล้มลงกับพื้นในตอนนี้นางเกลียดอา‍ซือ‍หลานมากถ้าไม่ใช่เพราะเขา นางคงไม่ตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายเช่นนี้เมื่อก่อนนางเห็นเขาเป็นพี่ใหญ่มาโดยตลอด สุดท้ายแล้วความรักทั้งหมดที่มอบให้กลับมอบให้สุนัขเสียได้เมื่อนึกถึงสุนัข อินชิงเสวียนก็ฉุกนึกถึงบางอย่างได้ครั้งล่าสุดที่ได้เจออาโฉ่ว ไป๋เสวี่ยก็ดูใกล้ชิดเขามากเป็นพิเศษในเวลานั้นคิดว่าไป๋เสวี่ยดมกลิ่นรู้ว่าเขาเป็นญาติของนาง แต่ตอนนี้อยู่ๆ อินชิงเสวียนก็ถึงบางอ้อ ไป๋เ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 272 เจ้านายของพวกเจ้าหนีไปแล้ว

    ซึ่งเวลานี้ ในตำหนักจินหวูกำลังอยู่ในความสับสนวุ่นวายหลายอึดใจก่อน ไทเฮาประกาศว่าอินชิงเสวียนได้ลอบสังหารฝ่าบาท ทุกคนในวังล้วนตกอยู่ในความระแวดระวัง เป็นที่ตื่นตระหนกกันไปทั่วทุกแห่งหนหรือว่าเรื่องที่ฝ่าบาทจะทำการสังหารหมู่ในตำหนักจินหวู กำลังจะเกิดขึ้นอีกแล้วเดิมทีทุกคนคิดว่าจะสามารถมีวาสนาไปกับเจ้านายที่ได้รับความโปรดปราน แต่ใครจะรู้ว่าเวลาผ่านไปเพียงไม่นาน พระสนมเหยาเฟยผู้นี้ก็กลายเป็นนักฆ่า แถมยังลอบสังหารฝ่าบาทอีกด้วยหากฝ่าบาทสิ้นพระชนม์ พวกเขาคงจะถูกตัดหัวแน่ในวังหลวงแห่งนี้ล้วนเต็มไปด้วยคนที่ประจบผู้มีฐานะสูงและเหยียบย่ำผู้ที่ตกต่ำ เมื่อก่อนพวกขันทีนางกำนัลเหล่านี้มีแต่จะมาประจบประแจงยกยอปอปั้นอวิ๋นฉ่าย ยายหลี่ และเสี่ยวอานจื่อ บัดนี้พระสนมเกิดโชคร้าย อยู่ๆ พวกเขาก็รู้สึกขัดตาขึ้นมาเสียงอย่างนั้นตอนแรกเสี่ยวอานจื่ออยากส่งคนไปหาข่าวสักคน แต่กลับไม่สามารถใช้งานใครได้ จึงอดไม่ได้ที่จะกระทืบเท้าและสาปแช่งด้วยความโกรธขันทีน้อยต่างก็คิดว่าถึงอย่างไรพวกเขาจะต้องตายกันหมดอยู่แล้ว ไยจึงต้องมาทนกับอารมณ์โมโหร้ายนี้ด้วย จึงไม่ทำตามคำสั่งของเสี่ยวอานจื่อ แถมทั้งหมดยังช่วยกันรุ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 273 รสชาติของความปวดใจ

    ณ ตำหนักเฉิงเทียนอินชิงเสวียนป้อนน้ำพุวิญญาณจนหมดขวด สีหน้าของเย่‍จิ่ง‍อวี้ก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การสะท้อนขึ้นลงของหน้าอกดูมีแรงขึ้นเมื่อมองดูเส้นสีเขียวบนข้อมือของเขา ก็ดูดีขึ้นมากแล้วอินชิงเสวียนเช็ดปาก แล้วพูดกับเย่จั้น “พิษของฝ่าบาทน่าจะถูกขจัดไปเกือบหมดแล้ว”เย่จั้นวางนิ้วบนข้อมือของเย่‍จิ่ง‍อวี้ทันที เมื่อเห็นว่าชีพจรเริ่มเต้นแรงแล้ว เขาก็พยักหน้า“ข้าจะตามหมอหลวงเข้ามาตรวจดู”“ดี”อินชิงเสวียนประคองเย่‍จิ่ง‍อวี้ให้เขานอนหนุนหมอนอย่างเบามือ เมื่อมองดูคิ้วที่ขมวดมุ่น นางก็รู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวนางจับมืออันเย็นชื้นข้างนั้น พร่ำกระซิบในใจไม่หยุดทุกอย่างต้องเรียบร้อยดี!เย่‍จิ่ง‍อวี้ ท่านจะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน!เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าด้านนอก อินชิงเสวียนก็ปล่อยมืออย่างรวดเร็ว ก้มศีรษะลงแล้วก้าวออกไปอยู่ข้างๆหมอหลวงเหลียงรีบเดินเข้าไปในห้อง แล้วคุกเข่าข้างเตียงเพื่อตรวจชีพจรของเย่‍จิ่ง‍อวี้ หลังจากนั้นครู่หนึ่งแววตาของเขาก็ฉายแววประหลาดใจเขาพูดด้วยความประหลาดใจระคนยินดี “พิษของฝ่าบาทถูกขจัดไปแล้วจริงๆ นี่ นี่เป็นไปได้อย่างไร”ว่ากันว่าเมื่อดีนกยูงได้เข้าสู่ร่างก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 274 อินชิงเสวียนเป็นนางมารร้าย

    นางยอมให้คนที่นอนอยู่บนเตียงเป็นตัวเอง ยังดีเสียกว่าที่ต้องมาเห็นเย่‍จิ่ง‍อวี้ถูกทำร้ายแบบนี้!แต่ตอนนี้ไม่ว่าจะพูดอะไรก็สายเกินไปแล้ว นางทำได้เพียงอธิษฐานต่อสวรรค์ ขอให้เย่‍จิ่ง‍อวี้ฟื้นขึ้นมาโดยเร็วน้ำตาร่วงเผาะๆ ลงบนหลังมือของเย่‍จิ่ง‍อวี้ ตอนนี้ราวกับว่าน้ำทั้งหมดในร่างกายเหมือนจะทะลักออกมาจากดวงตาอินชิงเสวียนไม่อยากร้องไห้ นางไม่เคยเป็นคนอ่อนแอเจ้าน้ำตาเช่นนี้มาก่อน แต่นางก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้เช็ดน้ำตาชุดเดิมที่ไหลรินออกมาแล้ว ก็ยังมีน้ำตาระลอกใหม่ไหลออกมาอีก อินชิงเสวียนเช็ดดวงตาอย่างแรง ทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงฝีเท้าข้างหลัง จึงรีบยกแขนเสื้อขึ้นปิดตา“ท่านอ๋อง ท่านกลับมาแล้ว”ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าที่อยู่ข้างหลังก็หยุดลง แล้วน้ำเสียงอันคุ้นเคยก็พูดอย่างตื่นเต้น “พระสนม เป็นท่านจริงๆ!”อินชิงเสวียนหันกลับมาทันที จึงได้เห็นเสี่ยวอานจื่อที่ใบหน้าและจมูกบวมช้ำ“เสี่ยวอานจื่อ เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร”เสี่ยวอานจื่อเดินเร็วๆ ไปหลายก้าว แล้วมาคุกเข่าอยู่หน้าเตียง กล่าวด้วยกระแสเสียงที่ผิดเพี้ยนไปเล็กน้อย“พระสนม ท่านไม่เป็นอะไรช่างดีจริงๆ ฝ่าบาท...พระองค์ทรงไม่สบายจริงหรือ”

Latest chapter

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1468 อย่าได้คืบจะเอาศอก

    “สามวันติดแล้ว ที่ข้าสัมผัสลมปราณของชิงฮุยไม่ได้ หรือว่าเขาจะ...”ที่ด้านบนยอดเขา อินชิงเสวียนหยิบโต๊ะพกพาขนาดเล็กและเบาะที่นั่งสองที่นั่งออกมา ซึ่งบนโต๊ะเต็มไปด้วยน้ำผลไม้และอาหารอร่อยแม้จะบอกว่าออกมาตามหาคน แต่ในเมื่อมีปัจจัยที่อุดมสมบูรณ์เช่นนี้ ทำไมต้องไปทนทุกข์ทรมานโดยไม่จำเป็นล่ะนางหยิบนมพุทราจีนหนึ่งแก้วขึ้นมา แล้วยื่นให้ลั่วสุ่ยชิง“ว่ากันว่าถ้ากินพุทราจีนประจำ จะไม่แก่เร็ว มาลองกัน”ลั่วสุ่ยชิงหยิบขวดโยเกิร์ตขึ้นมาจิบ มันมีรสหวานอมเปรี้ยวและรสชาติค่อนข้างดี ในช่วงไม่กี่วันที่ออกมาข้างนอกกับอินชิงเสวียน สรรหาของมาให้นางกินจนเคยปากหมดแล้ว“เจ้าเป็นผู้หญิงที่แปลกจริงๆ จนป่านนี้แล้ว ยังมีรสนิยมสูงแบบนี้ได้อีก”อินชิงเสวียนเม้มปากเป็นรอยยิ้ม“คนก็เหมือนเหล็ก อาหารก็เหมือนเหล็ก ถ้าไม่กินข้าวสักมื้อจะหิวโหย เมื่อมีปัจจัยที่เพียบพร้อมเช่นนี้แล้ว ย่อมไม่ควรทำให้ตัวเองลำบาก”“ในมิติของเจ้า มีทุกอย่างจริงๆ หรือ”ลั่วสุ่ยชิงรู้แล้วว่าอินชิงเสวียนมีมิติมาด้วย จึงอดไม่ได้ที่จะสนใจใคร่รู้อยู่บ้าง“ประมาณนั้น แต่น่าเสียดายที่คนนอกเข้ามาในมิติของข้าไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะได้ให้เจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1467 ฉันอยากกลับไป

    อินชิงเสวียนดึงมือออก“คุณจำคนผิดแล้ว ฉันไม่ใช่เพื่อนบ้านเดียวกันของคุณ แต่เป็นลูกสาวของแม่ทัพแห่งต้าโจว อินชิงเสวียน!”“คุณ คือเจ้าของร่างเดิมของอินชิงเสวียน?”เย่จิ่งหลานมองเธอขึ้นๆ ลงๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ รูปร่างเหมือนกันทุกประการ แต่หากสังเกตให้ดี จะเห็นได้ว่าเพื่อนบ้านเดียวกันของเขามีพลังความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ ส่วนผู้หญิงตรงหน้าเขาดูอ่อนโยนและอ่อนแอกว่ามากในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้ด้วยว่าทำไมเขาถึงดูคุ้นตากับเด็กน้อยคนนี้ ตอนที่ตัวเองเพิ่งข้ามภพไปยังต้าโจว เขาก็มีรูปร่างหน้าตาลักษณะเหมือนแบบนี้เลยความทรงจำก็เหมือนกับคลื่นทะเล เป็นคลื่นที่ซัดมาระลอกแล้วระลอกเล่า ในที่สุดเย่จิ่งหลานก็ค่อยๆ จำทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในต้าโจวได้ทุกคนช่วยกันต่อต้านชิงฮุยในหุบเขาเชื่อมเมฆา แต่แล้วเขาก็กลับมาในเวลานี้ และกลับมาโดยที่ร่างกายสมบูรณ์ครบถ้วนเมื่อนึกถึงความชั่วร้ายและความเจ้าเล่ห์เพทุบายของชิงฮุย เย่จิ่งหลานก็รู้สึกสับสนอย่างอธิบายไม่ถูก“หรือว่าผมข้ามภพมาได้เพราะป้ายตราคำสั่งนี้ ผมต้องรีบกลับไปโดยเร็วที่สุด”เมื่อเห็นท่าทางกังวลอย่างกะทันหันของเย่จิ่งหลาน อินชิงเสวียนก็ตระหนัก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1466 ความปรารถนาในใจสำเร็จแล้ว

    ไม่ว่าซูเยี่ยจะจำอดีตกับเขาหรือไม่ก็ตาม มันก็ไม่สำคัญสำหรับเย่จิ่งหลานอีกต่อไปแล้วสวรรค์ทำให้เขาได้เจอผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง อาจเป็นเพราะต้องการให้เขาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของซูเยี่ย ผู้หญิงประเภทนี้ จริงๆ แล้วมันไม่จำเป็นต้องให้เขาเสียเวลาด้วยซ้ำเขาเพิ่งอายุได้ยี่สิบแปดปี อนาคตยังอีกยาวไกล ซูเยี่ยเป็นเพียบใบไหม้ที่ร่วงไปจากชีวิตของเขา ไม่มีความสำคัญอะไรเลยเย่จิ่งหลานกระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม ค่อยๆ รู้สึกปลอดโปร่งใจเขาเดินออกจากสวนสาธารณะอย่างช้าๆ และทันใดนั้นก็มีอีกคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาใบหน้านี้ไม่ใช่หน้าตาเดิมของเขา ใครเป็นคนทำศัลยกรรมให้เขา?พลังในร่างกาย มาจากไหนกันแน่แล้วผู้หญิงที่อยู่ในหัวของเขา เป็นใครกันแน่หรือว่าเขาฝึกฝนจนสำเร็จเคล็ดวิชาลับบางอย่าง และผู้หญิงคนนั้นคือแก่นวิญญาณของเขา?เย่จิ่งหลานดึงขอบเอวกางเกงของเขาโดยไม่รู้ตัว ไอ้นั่นยังคงอยู่ตรงนั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงคิดว่าตัวเองฝึกฝนวิชาจนกลายเป็นตงฟางปุ๊ป้ายในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรแล้วแต่การมีสิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์อะไร เอามาใช้กินใช้ดื่มไม่ได้ ตอนนี้ท้องของเขาร้องโครกคราก แต่ไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าเลยขณะที่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1465 คนแพศยามักจะสำออยแบบนี้แหละ

    ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1464 แพศยาอย่างเธอ

    เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1463 ฉันชื่อเย่จิ่งหลาน

    ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1462 ปีศาจในชุดดำ

    “แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1461 เศษสวะ

    ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1460 ความคิดชั่วร้าย

    ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล

DMCA.com Protection Status