นี่คือนัยน์ตาดอกท้อที่มีถุงใต้ตาน่ารักอยู่ใต้ตาทั้งคู่ซึ่งลักษณะดวงตาเช่นนี้เป็นสิ่งที่หายากยิ่งนักมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่อินชิงเสวียนรู้จักในความทรงจำนั่นคืออินสิงอวิ๋น!เมื่อเห็นแววตาของอีกฝ่ายเปลี่ยนไป นางมั่นใจว่าตัวเองจำไม่ผิด!ครั้นเหลือบไปเห็นคันธนูยาวบนหลังของเขา นางก็รู้สึกสับสนขึ้นอีกหรือว่าผู้ที่ลอบสังหารเย่จิ่งอวี้เมื่อครั้งที่แล้วจะเป็นเขา?เหตุใดเขาถึงทำเช่นนี้นางได้บอกพี่ใหญ่แล้วว่าฝ่าบาทกำลังตรวจสอบเรื่องตระกูลอินอีกครั้ง เหตุใดเขาจึงต้องการลอบสังหารด้วย หากตัวตนของเขาถูกเปิดเผย ตระกูลอินก็จะไม่มีวันลืมตาอ้าปากได้อีกมิใช่หรือในช่วงเวลาที่สับสนอยู่นั้น อินสิงอวิ๋นก็ตบไหล่นาง อินชิงเสวียนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปล่อยมือเพื่อปกป้องตัวเองอินสิงอวิ๋นก้าวถอยหลังไปหลายจั้งแล้ว จากนั้นก็ตะโกนเสียงทุ้ม “ถอย!”คนชุดดำที่ติดตามเขาแม้จะไม่ทราบเหตุผล แต่ก็ถอยออกจากวงการต่อสู้ไปพร้อมกับเขาร่างงามที่อยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “นายท่าน โอกาสเช่นนี้หาได้ยาก”“หุบปาก ไป!อินสิงอวิ๋นเขย่งปลายเท้า แล้วคนก็เหาะออกไปไกลในเวลาเดียวกัน กลุ่มทหารองครักษ์ที่สวมชุดเก
ณ ห้องหนังสือเย่จิ่งอวี้ยังไม่เลิกประชุมเช้า อินชิงเสวียนมองหาสถานที่ร่มรื่นในลาน แล้วนางก็ไปนั่งรออยู่ร่มไม้ ในใจยังคงครุ่นคิดถึงเรื่องที่อินสิงอวิ๋นทำการลอบสังหาร เขาคงไม่พอใจกับคำตัดสินของราชสำนัก จึงลงมือหลายครั้งถ้าขืนปล่อยให้เขาทำเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าอินจ้งอาจกลับมาเมืองหลวงไม่ได้ตลอดชีวิตเมื่อใดที่ตัวตนของอินสิงอวิ๋นถูกเปิดเผย ไม่เพียงแต่ตระกูลอินทั้งหมดเท่านั้น แม้แต่ตัวเองก็ต้องถูกลากเข้าไปเกี่ยวด้วยไม่ว่าเย่จิ่งอวี้จะเชื่อใจนางมากเพียงใด เขาก็คงทนไม่ได้กับเหตุการณ์นี้เมื่อนึกถึงตรงนี้ คิ้วของอินชิงเสวียนก็ขมวดขึ้นเป็นปมทันทีนางบอกอินสิงอวิ๋นหลายครั้งแล้ว เหตุใดเขาจึงไม่ฟังในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม อินสิงอวิ๋นไม่ใช่คนหุนหันพลันแล่น ไยครั้งนี้จึง...ทันใดนั้นจำได้ว่าสวีจือย่วนเคยกล่าวไว้ ตอนที่นางช่วยเหลืออินสิงอวิ๋นนั้น เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและเพราะเหตุนี้ถึงทำให้เขาคงไม่พอใจมากแต่จะว่าไปแล้ว แม้ว่าเมืองซุ่ยหานจะห่างไกล แต่ก็ใช่ว่าจะใช้ชีวิตอยู่ไม่ได้ ทำไมอยู่ดีๆ อินสิงอวิ๋นถึงต้องกลับมายังเมืองหลวงด้วยวันนั้นเขาบอกว่าต้องการตามหาใครบางคน และต้องทำเ
ร่างเล็กๆ กำลังเป่าขลุ่ยดินเผายืนอยู่ใต้ต้นอิงฮวาแม้ว่าเขาจะหันหลังให้ แต่อินชิงเสวียนก็ยังจำได้ว่าเขาคือเย่จิ่งหลาน ฝูอี้อ๋องที่นางพบในวันนั้นขันทีน้อยในตำหนักเห็นอินชิงเสวียนแล้ว จึงกระซิบบอกเย่จิ่งหลานเสียงขลุ่ยหยุดทันใด แล้วเย่จิ่งหลานก็หันกลับมาพูดกับอินชิงเสวียนด้วยความเคารพ “ที่แท้ก็เป็นเสด็จพี่สะใภ้นี่เอง ข้าขอแสดงความสุภาพ เชิญเสด็จพี่สะใภ้เข้ามานั่งด้านในเถิด”เย่จิ่งหลานประกบมือโค้งคำนับ แม้ใบหน้าจะดูไร้เดียงสาแบบเด็กๆ แต่คำพูดคำจากลับฟังดูเหมือนบัณฑิตผู้คงแก่เรียน ที่ตรงไปตรงมาและนอบน้อมมากอินชิงเสวียนพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่ดีกว่า ได้ยินมาว่าอันไท่ผินชอบความเงียบสงบมาโดยตลอด ข้าไม่รบกวนดีกว่า เพียงแค่คิดว่าเครื่องดนตรีที่ท่านอ๋องเล่นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและเสียงก็ไพเราะมาก จึงเดินมาดูหน่อย”เย่จิ่งหลานเดินไปที่ประตูแล้ว ยื่นมือออกมาแล้วพูดว่า “นี่เรียกว่าขลุ่ยดินเผา ข้าซื้อมาจากนอกวังในราคาที่สูงมาก”ทำไมคำพูดนี้ฟังดูเหมือนคำโกหกที่นางเคยพูดเลยล่ะอินชิงเสวียนหยิบขึ้นมาดูโดยที่แกล้งทำเหมือนไม่เคยพบเห็นมาก่อนนี่คือขลุ่ยดินเผาลายคลื่นทะเลสีฟ้าอ่อน ที่ถูกผลิตขึ้นโดยใ
หลังจากเปลี่ยนเป็นชุดลำลองแล้ว อินชิงเสวียนก็เริ่มลังเลอีกจะออกจากวังก็ต้องมีเหตุผล แต่ตอนนี้นางไม่สามารถคิดหาเหตุผลที่เหมาะสมได้จริงๆจะบอกว่าไม่ได้พบหน้าเย่จิ่งอวี้เพียงครู่เดียว รู้สึกเหมือนไม่ได้พบกันเนิ่นดั่งผ่านไปสามฤดูใบไม้ร่วง จึงอดไม่ได้ที่จะมาหาเขา ก็คงไม่ได้ขืนพูดออกไปเช่นนั้นคงน่าสะอิดสะเอียนอย่างยิ่ง พวกเขาทั้งสองคนก็ยังไปไม่ถึงขั้นนั้นถ้าบอกว่าไปเยี่ยมเย่จั้น นั่นก็ยิ่งดูเหลวไหลไปกันใหญ่ ภรรยาของหลานชายไปพบเสด็จอาตอนกลางดึก จะให้เย่จิ่งอวี้คิดอย่างไรหลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง อินชิงเสวียนก็ถอดชุดเงียบๆ กว่านางได้รับความไว้วางใจจากเย่จิ่งอวี้ก็ยากเย็นแสนเข็ญ เพื่อให้พลิกคดีของตระกูลอิน จะต้องอดใจไว้ อย่าทำลายแผนใหญ่แต่กลับเห็นเสี่ยวอานจื่อเดินเข้ามาจากประตู“พระสนม นายหญิงสวีกำลังรออยู่ด้านนอกตำหนัก บอกว่ามีเรื่องจะพูดกับพระสนมพ่ะย่ะค่ะ”“ทำไมไม่ให้นางเข้ามาล่ะ”เสี่ยวอานจื่อกล่าวว่า “ฝ่าบาทได้ออกคำสั่งห้ามไม่ให้ผู้อื่นเข้ามา”เมื่อนั้นอินชิงเสวียนจึงนึกถึงเรื่องเมื่อวานที่ตัวเองฝากฝังให้เย่จิ่งอวี้ช่วยดูแลเสี่ยวหนานเฟิงให้ดี นางจึงยืนขึ้นและพูดว่
เมื่ออินชิงเสวียนตื่นขึ้นมาก็เป็นยามเช้าของอีกวันแล้วเบื้องหน้ามีผ้าโปร่งสีแดงตกลู่ลงมา คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเห็นคนผู้หนึ่งนั่งอยู่ข้างนอกรางๆ“ใคร”“เจ้าตื่นแล้ว?”คนผู้นั้นหันกลับมา เปิดผ้าโปร่งขึ้น แล้วใบหน้างามสดใสก็ปรากฏในคลองสายตาของอินชิงเสวียน ซึ่งก็คือสวีจือย่วนนั่นเอง“ทำไมเจ้าถึงอยู่ที่นี่”อินชิงเสวียนอยากจะนั่งขึ้น แต่แล้วนางก็ตระหนักว่ามือและเท้าถูกมัดอยู่ จึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว“ที่นี่คือที่ไหนกันแน่”สวีจือย่วนยื่นมือออกมากดตัวอินชิงเสวียนไว้ ลงแล้วพูดด้วยกระเสียงเนิบช้า “ที่นี่คือเรือนจุ้ยหง เจ้านอนลงก่อนสักครู่เถอะ”“อินสิงอวิ๋นพาข้ามาที่นี่รึ” อินชิงเสวียนมองนาง แล้วเอ่ยถามขึ้นสวีจือย่วนพยักหน้า “อืม”คิ้วของอินชิงเสวียนขมวดเป็นปมแน่นขึ้นอีก“เจ้าก็โดนเขาจับเหมือนกันหรือ”สวีจือย่วนกัดริมฝีปาก แล้วกระซิบ “ข้าขอร้องให้เขาพาข้าออกมาด้วย”อินชิงเสวียนตกตะลึง “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ เจ้าไม่กลัวหรือว่าถ้าออกจากวังโดยพลการ จะเดือดร้อนพ่อแม่ไปด้วย”สวีจือย่วนถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดว่า “หากวันหนึ่งข้าถูกจับกลับวัง ข้าก็แค่บอกว่าข้าถูกลักพาตัว หรือบางทีเราอาจจะไปจา
“แน่นอน”อินชิงเสวียนพูดอย่างเรียบง่ายและชัดเจนอินสิงอวิ๋นมองดูนางอยู่นาน แล้วจึงพูดเรียบๆ “จดหมายฉบับนั้น เป็นของข้าจริงๆ”อินชิงเสวียนตัวสั่นไปทั้งร่าง มองไปยังอินสิงอวิ๋นอย่างไม่อยากเชื่อผู้ที่ใส่ร้ายตระกูลอิน คือเขา!“ท่าน...ท่านไปติดต่อกับราชวงศ์เจียงวูได้อย่างไร ท่านทำเช่นนี้ ไม่รู้สึกผิดต่อท่านพ่อบ้างหรือ”นางรู้สึกมาโดยตลอดว่าเย่จิ่งเย่ากำลังใส่ร้ายตระกูลอิน แต่นางไม่คิดว่าอินสิงอวิ๋นจะยอมรับอย่างง่ายดายเมื่อคิดถึงอินจ้งที่ทุ่มเทให้กับบ้านเมือง มีความภักดีเต็มหัวใจ และพี่รองอินปู้อวี่ที่เย่อหยิ่งในศักดิ์ศรีเช่นเดียวกัน อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจ นี่เป็นความรู้สึกของการถูกทรยศ โดยคนที่ใกล้ชิดกับนางมากที่สุดอินสิงอวิ๋นยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย แล้วพูดช้าๆ “ไม่ใช่ข้าที่ติดต่อกับราชวงศ์เจียงวู แต่ราชวงศ์เจียงวูกับข้าได้ติดต่อกันมาโดยตลอด”ดวงตาคู่งามของอินชิงเสวียนเบิกกว้างด้วยความตกใจ “ท่านหมายความว่าอย่างไร”อินสิงอวิ๋นโน้มตัวมาทันที พูดด้วยเสียงที่ได้ยินเพียงสองคน “เพราะว่า ข้าไม่ใช่พี่ชายแท้ๆ ของเจ้า”“หะ!”อินชิงเสวียนตกตะลึง“ท่านเป็นใครกันแน่”อินสิ
จู่ๆ อินชิงเสวียนก็ขนลุกไปทั่วทั้งร่างพอเห็นอินสิงอวิ๋นกำลังจะจากไป นางก็ตะโกนทันที “หยุดเดี๋ยวนี้นะ”อินสิงอวิ๋นยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วก็เดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองขณะมองตามแผ่นหลังของเขาที่กำลังจากไป อินชิงเสวียนก็ตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง ปริมาณข้อมูลมีมากเกินไปจริงๆแต่เจ้าตัวดีนี่กลับจากไปในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดแต่ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ได้ว่าการคาดเดาก่อนหน้านี้ของนางนั้นถูกต้อง คนผู้นี้แปลงโฉมมาจริงๆไม่คิดว่าคนในยุคโบราณจะมีวิชาแปลงโฉมที่เหมือนจริงขนาดนี้ ลักษณะท่าทาง และรูปร่างของเขาแทบจะเหมือนกับพี่ใหญ่ของเจ้าของร่างเดิมไม่ผิดเพี้ยนเลยยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่าเขาจะมาจากราชวงศ์เจียงวูด้วยด้วยเบาะแสเหล่านี้ การแก้ไขสถานะตระกูลอินให้ถูกต้องก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาแต่เหตุใดอินสิงอวิ๋นตัวจริงถึงคิดก่อกบฏ และกลายไปเป็นเขยของเจียงวูให้ตายเถอะ เรื่องชักจะยุ่งยากไปกันใหญ่แล้ว!อินชิงเสวียนคิดจนหัวแทบระเบิดนางขยับโซ่ คิดจะใช้พลังแห่งมิติหลบหนีไป แต่เมื่อคิดได้ว่าทางกลับมีทางเดียวเท่านั้น นางก็ยอมแพ้คนผู้นี้มีลูกธนูอาบพิษของเจียงวูมากมาย ถ้าเกิดทำให้เขาพาลโกรธ แล้วฆ่าคนปิดป
ที่หอสุ่ยอวิ้นหมอหลวงเหลียงกำลังตรวจชีพจรของสวีจือย่วนอยู่เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้วมุ่น ยืนเฝ้าอยู่ข้างๆ“เป็นอย่างไรบ้าง”หมอหลวงเหลียงลูบเคราแล้วพูดว่า “นายหญิงสวีเป็นกระวนกระวายใจมากจนหมดสติไป ฝ่าบาทไม่ต้องกังวล กระหม่อมจะฝังเข็มให้นายหญิงสวีเดี๋ยวนี้ อีกไม่นานก็จะได้สติพ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เป็นกังวลดั่งไฟแผดเผา“เช่นนั้นก็รีบหน่อย”“พ่ะย่ะค่ะ”หมอหลวงเฒ่ารีบหยิบเข็มเงินออกจากถุงเข็ม แล้วฝังเข็มในจุดต่างๆ ของสวีจือย่วน อันได้แก่ จุดถันจง จุดหู่โข่ว รวมไปถึงจุดเหรินจงและอื่นๆหลังจากเวลาผ่านไปประมาณหนึ่งก้านธูป สวีจือย่วนก็ค่อยๆ รู้สึกตัว เมื่อนางเห็นเย่จิ่งอวี้ นางก็หลั่งน้ำตาเป็นสาย“ฝ่าบาท!”เย่จิ่งอวี้มาที่เตียง พูดอย่างอบอุ่นว่า “เจ้าอย่าเพื่อนตื่นตระหนกไป มีอะไรก็ค่อยๆ พูด เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น”สวีจือย่วนกัดริมฝีปากพูดขึ้นว่า “เมื่อคืนหม่อมฉันอยู่ว่างๆ จึงไปพบพระสนมเหยาเฟย แล้วหม่อมฉันกับพระสนมก็มาที่หอสุ่ยอวิ้น พูดคุยกันสักพัก ทันใดนั้นคนชุดดำก็บุกเข้ามา และทำให้หม่อมฉันหมดสติไป เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็อยู่ในเรือนจุ้ยหงแล้ว”นางสะอื้น แล้วพูดว่า “หม่อมฉัน
ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างเย็นชา “แม้แต่เป็นฮ่องเต้ข้ายังไม่สนใจด้วยซ้ำ จะสนใจพระชายาอ๋องได้อย่างไร”“พูดมาก็มีเหตุผล งั้นข้ายังมีที่อื่นที่อยากไป”เย่จิ่งหลานค่อยๆ หยัดกายขึ้นนั่ง หยิบแผนที่ออกมาจากอกเสื้อ“ตอนที่ข้ากำลังเดินทางไปตงหลิว พบว่ามีหลายแคว้นอยู่ใกล้เคียง ทำไมเจ้ากับข้าไม่พยายามพิชิตพวกเขาทั้งหมดล่ะ”ลั่วสุ่ยชิงสาดน้ำเย็นใส่เขาทันที“ตอนนี้เจ้ายังมีความสามารถนั้นอยู่รึ?”“หากเจ้าเต็มใจที่จะบ่มเพาะร่างกายและจิตวิญญาณกับข้า บางทีวรยุทธ์ของข้าอาจจะกลับคืน”ลั่วสุ่ยชิงถูกเขาทำให้โกรธจนกำลังภายในพุ่งสูงขึ้น กระทั่งจุดที่ถูกจี้สกัดได้คลายออก นางตบศีรษะเย่จิ่งหลานทันที“ไร้ยางอาย”“เจ้าหายแล้ว?”เย่จิ่งหลานมีความสุขมาก เขาพยายามคุกเข่า ฝืนยืนขึ้น ร่างกายโงนเงน ล้มลงตรงหน้าลั่วสุ่ยชิง ฉวยโอกาสกอดเอวของนาง“จอมยุทธ์หญิงลั่ว ข้ายืนไม่ไหว โปรดช่วยพยุงข้าด้วย”ใบหน้าของลั่วสุ่ยชิงเปลี่ยนเป็นสีแดง ยกมือขึ้นผลักเขาลงไปที่พื้น เย่จิ่งหลานล้มหงายหลัง เหมือนกับเต่าที่นอนหงายลั่วสุ่ยชิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะงอหาย เมื่อนางหัวเราะมากพอแล้ว ก็ทรุดตัวนั่งลงบนพื้นอย่างเงียบๆ และบ่นว่า “เสด็จ
อินชิงเสวียนเหลือบมองเย่จิ่งหลานแวบหนึ่ง“แน่นอนว่ามีคนไม่อยากให้เจ้าไป”เมื่อเห็นเย่จิ่งหลานมองมาทางนี้ ลั่วสุ่ยชิงก็เริ่มวิตกกังวล“ปล่อยข้านะ!”อินชิงเสวียนกระตุกมุมปากยิ้มๆ“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องถามก่อนว่าเขาเห็นด้วยหรือไม่”เย่จิ่งหลานลุกขึ้นยืนโดยมีพี่ชายช่วยพยุงขึ้นอินชิงเสวียนเดินเข้าไปถาม“เจ้าสบายดีไหม มิติของเจ้า พังจริงๆ หรือ”เย่จิ่งหลานพูดอย่างอ่อนแรง “ยังไงตอนนี้ก็ยังมีลมหายใจอยู่ ถ้ามันไม่พัง ชิงผิงกับชิงอานก็คงไม่ได้ออกมา”อินชิงเสวียนมองเขาด้วยความเห็นอกเห็นใจ“นี่เป็นเรื่องที่ร้ายแรง”เย่จิ่งหลานถามอย่างไร้ยางอาย “เฮ้ นี่เจ้าไม่คิดจะดูแลข้าแล้วรึ”อินชิงเสวียนกระตุกริมฝีปากยิ้มๆ“ก็มีคนรอดูแลเจ้าอยู่ไม่ใช่หรือ เจ้าไปเองสิ อาอวี้ เรากลับไปดื่มสุรากันต่อเถอะ”เย่จิ่งอวี้พยักหน้าและตบไหล่เย่จิ่งหลาน“พวกเราช่วยเจ้าได้แค่นี้”เมื่อเห็นว่าหมู่เมฆหายไป ชาวยุทธ์หลายคนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เฮ่อยวนแอบโคจรกำลังภายใน พูดเสียงดัง “ตอนนี้เมื่อวิกฤติคลี่คลายแล้ว เฮ่อยวนจึงจัดงานเลี้ยงอีกครั้ง จัดเลี้ยงส่งเพื่อคลายความกังวลให้แก่เพื่อนพ้องในยุทธภพ!”คราวนี้เป็นกา
ทันทีที่เขาพูดจบ ร่างในชุดสีดำก็เหาะมาจากระยะไกล ลอยอยู่บนอากาศคนผู้นี้รูปร่างโปร่ง ชุดผ้าโปร่งสีดำปลิวไปตามสายลม เรือนผมดำขลับสยายออก ในชั่วพริบตา ร่างนั้นก็ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกหนาสีดำเมื่อเห็นคนผู้นี้ เย่จิ่งหลานก็พยายามลุกขึ้นยืน“ลั่วสุ่ยชิง เจ้าบ้าไปแล้วหรือ หนีไป!”ลั่วสุ่ยชิงยกมือขวาขึ้นสู่ท้องฟ้า เผชิญหน้ากับเสียงฟ้าคำรน พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เย่จิ่งหลาน เจ้าฆ่าพ่อของข้า ถ้าเจ้าตายแบบนี้ จะไม่ดูถูกเจ้าเกินไปหรือ เจ้าควรจะอยู่ในโลกนี้ต่อไป ทนทุกข์ต่อความเจ็บปวดทีละน้อย!”เย่จิ่งหลานจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าทุกคำที่นางพูดล้วนเป็นพูดด้วยอารมณ์โกรธ ถ้านางไม่มีใจต่อเขา นางจะกลับมาได้อย่างไรอย่างไรก็ตาม ร่างกายของเขาเหมือนกับเส้นบะหมี่ ที่ไม่สามารถยืนตรงได้ จึงไม่สามารถหยุดยั้งลั่วสุ่ยชิงได้เลยเมื่อมองดูร่างเพรียวบางที่ต่อสู้กับฟ้าผ่า พลันรู้สึกเจ็บปวดกระบอกตา หยาดน้ำตาสองหยดร่วงหล่นกลืนหายไปในสายลมในเวลานี้ มีร่างเพรียวอีกร่างหนึ่งลอยออกมา โดยถือวัตถุที่มีลักษณะคล้ายแท่งไม้ขนาดใหญ่อยู่ในมือ มีปลายโค้งยาวมากซึ่งดูแปลกตา“ลั่วสุ่ยชิง ข้าจะใช้สายล่อฟ้าช่วยเจ้า!”ของสิ่งนั้นห
“จิ่งหลาน!”เย่จิ่งอวี้คว้าคอเสื้อของเขารวดเร็ว หลบหลีกการโจมตีได้อย่างหวุดหวิดตูม!อสุนีบาตฟาดเปรี้ยง บนพื้นมีหลุมลึกเกิดขึ้น ทุกคนล้วนหวาดกลัวกับฟ้าที่ผ่าลงมา ต่างใช้วิชาตัวเบาหนีไปทุกทิศทางอินชิงเสวียนถามด้วยความตกใจ “นักพรตเทียนชิง มันเกิดขึ้นได้อย่างไร”นักพรตเทียนชิงขมวดคิ้วกล่าวว่า “ชิงฮุยมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ เย่จิ่งหลานฆ่าเขา ศิลาตอบสวรรค์อาจมองว่าเขาเป็นคนชั่วร้ายมาก และออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยตัวเอง”เมื่อเห็นว่ายังมีฟ้าผ่าลงมา อินชิงเสวียนพูดอย่างกังวล “ศิลาตอบสวรรค์ไม่แยกแยะผิดถูกเช่นนี้ได้อย่างไร คนที่เย่จิ่งหลานฆ่านั้นคือคนชั่วร้ายจริงๆ ท่านนักพรตสามารถสื่อสารกับศิลาตอบสวรรค์ได้หรือไม่”นักพรตเทียนชิงส่ายศีรษะ“ไม่ได้ ศิลาตอบสวรรค์มีวิธีการตัดสินใจของตัวเอง”“แล้วต้องทำอย่างไรดี”อินชิงเสวียนเป็นกังวล และทันใดนั้นดวงตาก็พลันสว่างขึ้น“เย่จิ่งหลาน เจ้ารีบหลบเข้าไปในมิติเร็ว”เย่จิ่งอวี้พูดอย่างวิตกกังวล “เสวียนเอ๋อร์พูดถูก จิ่งหลาน เจ้าเข้าไปหลบในมิติก่อน”เมื่อเห็นด้วยตาตัวเองว่ามีฟ้าแลบฟ้าผ่าเปล่งแสงแปลบปลาบ เย่จิ่งหลานก็รู้สึกชาดิกไปทั้งหนังศีรษะ หากถูกโ
นอกห้วงทะเลแห่งจิต อินชิงเสวียนมองไปยังลิ่นเซียวที่ประทับฝ่ามืออยู่บนหลังของเย่จิ่งหลานอย่างประหม่า“อาจารย์ ท่านสัมผัสถึงแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานได้แล้วหรือยัง ตอนนี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง”“คงจะสำเร็จแล้ว”ลิ่นเซียวถอนมือออก และแน่นอนว่าเพียงครู่หนึ่ง เย่จิ่งอวี้และคนอื่นๆ ก็รู้สึกตัวขึ้นมาพร้อมกัน“ชิงเสวียน ผู้อาวุโสลิ่น นี่คือ...”“ศิษย์น้อง ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่”เฮ่ออวิ๋นทงก็ดูประหลาดใจเช่นกัน“ทำไมพวกเจ้าถึงมาที่นี่กันหมดล่ะ เกิดอะไรขึ้น”ทุกคนสูญเสียความทรงจำในช่วงเวลานั้นไป ต่างเพ่งมองไปยังอินชิงเสวียน“ผู้อาวุโสทุกท่านตกอยู่ภายใต้อาคมของชิงฮุย...”อินชิงเสวียนเล่าสั้นๆ อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ทุกคนตกใจเมื่อรู้ว่าชิงฮุยได้ช่วงงชิงร่างของลั่วสุ่ยชิงไปเมื่อได้ยินว่าเย่จิ่งหลานกลับมาที่เพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงแล้ว และแก่นวิญญาณก็อยู่ในห้วงทะเลแห่งจิตของลั่วสุ่ยชิง ทุกคนก็เป็นกังวลอีกครั้งทุกคนเบิกตากว้าง มองไปยังเย่จิ่งหลานและลั่วสุ่ยชิงที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างในหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม ในที่สุดลั่วสุ่ยชิงก็ลืมตาขึ้น ดวงตาหรี่ลง
เย่จิ่งหลานขบกรามแน่น“ข้าสามารถให้ร่างกายแก่เจ้าได้ แต่เจ้าต้องสาบานอย่างจริงจัง ว่าจะไม่ทำร้ายต้าโจว หากผิดคำสาบาน ลูกหลานชาวเฟยเหยาทั้งหมดรวมทั้งตัวเจ้าเอง จะถูกสวรรค์ลงโทษ ไม่ได้ผุดได้เกิดอีกเลย!”ในชีวิตนี้ของเขา เขาได้เป็นหมอที่ตัวเองชอบ ได้ข้ามภพ แถมยังได้ข้ามภพมาเป็นท่านอ๋องที่มีสถานะสูง ได้เดินทางจากการต่อสู้แย่งชิงในวังสู่ยุทธภพ และจากการไร้ชื่อเสียงเรียงนาม มาเป็นยอดฝีมือชั้นหนึ่งในยุทธจักร ยังได้สัมผัสประสบการณ์การปล่อยให้ความคิดไหลไปในทางที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังอีกครั้งหนึ่ง พอใคร่ครวญดูแล้ว มันก็คุ้มค่าจริงๆหากเขาสามารถยุติสงครามนี้ด้วยชีวิตของตัวเองได้ เย่จิ่งหลานก็ยินดีที่จะทำเช่นนั้นแม้ว่าเขาจะเป็นคนที่รักตัวกลัวตาย แต่เมื่อเผชิญกับความชอบธรรม เขาก็มีความตระหนักรู้ ในฐานะคนสมัยใหม่ เขาจะต้องไม่แย่กว่าอินชิงเสวียนอย่างแน่นอนยิ่งไปกว่านั้น ยังมีชาดแห่งบาปในร่างกายของเขาที่ยังไม่ถูกกำจัด หากชิงฮุยกล้าใช้ร่างกายของเขาเพื่อฆ่าผู้บริสุทธิ์ตามอำเภอใจ มันจะดึงดูดฟ้าผ่า ผ่าเขาให้เป็นเถ้าถ่านอย่างแน่นอนหลังจากฟังคำพูดของเย่จิ่งหลานแล้ว ชิงฮุยก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสี
“ไม่นะ เขาเป็นผู้บริสุทธิ์”ลั่วสุ่ยชิงเหยียดแขนทั้งสองข้างออก และมาขวางอยู่เบื้องหน้าของเย่จิ่งหลานอีกครั้งเสียงดังปัง ลั่วสุ่ยชิงถูกกระแทกห่างออกไปหลายจั้ง และในไม่ช้าก็จมลงไปในหมอกสีดำหนาทึบ“ลั่วสุ่ยชิง ลั่วสุ่ยชิง!”เย่จิ่งหลานเหาะเข้าไปในหมอกสีดำอย่างกระวนกระวายใจ คลำหาลั่วสุ่ยชิง และช่วยพยุงนางลุกขึ้นชิงฮุยเคลื่อนฝีเท้า และมาปรากฏตัวต่อหน้าทั้งสองอีกครั้ง“ลั่วสุ่ยชิง นังสารเลว วันนี้ข้าขอถามเจ้า ต้องการพ่อ หรือผู้ชายคนนี้?”แก่นวิญญาณของลั่วสุ่ยชิงก็ยังสั่นเทา นางกำเสื้อคลุมไว้แน่น มีเส้นเลือดปรากฏขึ้นที่หลังมือนี่เป็นสิ่งที่เลือกยากมากจริงๆไม่อาจปฏิเสธได้ว่า นางตกหลุมรักเย่จิ่งหลานจริงๆไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มาจากไหน แต่มันค่อยๆ ฝังแน่นอยู่ในใจแล้วอาจเป็นเพราะการเข้าฝัน อาจเป็นเพราะตัวเองเคยเดินทางไปกับเขา หรืออาจเป็นเพราะความใกล้ชิดของแก่นวิญญาณของเขา ลั่วสุ่ยชิงไม่สามารถค้นหาติดตามได้อีกแล้วแม้ว่านางจะเป็นสตรีงดงามแห่งสวรรค์ แต่ก็ไม่มีใครที่เข้าตาของนาง แต่ดันเป็นเย่จิ่งหลานผู้ที่พูดเรื่องไร้สาระทั้งวัน ผู้ที่ไม่มีท่าทีจริงจัง กลับกลายเป็นคนที่อยู่ในใจนาง
ชิงฮุยได้รับบาดเจ็บ ทั้งยังมีลั่วสุ่ยชิงที่กำลังต่อสู้กับแก่นวิญญาณของเขา จึงเคลื่อนไหวช้าลิ่นเซียวแทงกระบี่สวน โจมตีจุดถันจงที่อยู่กลางอกของนาง พลังของลั่วสุ่ยชิงถูกยับยั้ง ก้าวหยุดนิ่ง ในเวลาเดียวกัน แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานก็เข้าสู่ห้วงทะเลแห่งจิตของลั่วสุ่ยชิงในหมอกสีดำ ชายและหญิงกำลังต่อสู้กัน เย่จิ่งหลานหลบเข้าไปในวงการต่อสู้ และช่วยลั่วสุ่ยชิงต่อสู้กับชิงฮุย ชิงฮุยตกตะลึง“เป็นเจ้า!”“ใช่ ข้าเอง!”ขณะที่พูด เย่จิ่งหลานได้ซัดฝ่ามือใส่เขาหลายครั้งแล้วการเข้าร่วมวงการต่อสู้ของเขาทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปทันที ชิงฮุยก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธตะโกนด้วยความเดือดดาล “ลั่วสุ่ยชิง เจ้าคิดจะช่วยคนนอกจัดการกับข้าจริงๆ อกตัญญู!”ลั่วสุ่ยชิงตกใจเล็กน้อย วิชาฝ่ามือช้าลงครู่หนึ่ง“เจ้าเป็นใครกันแน่”ชิงฮุยคำรามด้วยความโกรธ“เจ้ารู้คำตอบแล้ว ยังต้องการจะถามอีกรึ”ลั่วสุ่ยชิงตัวสั่นเล็กน้อย“จริงหรือ...เป็นท่าน?”เย่จิ่งหลานไม่รู้ว่าทั้งสองกำลังเล่นปริศนาทายคำอะไรอยู่ แค่อยากจะจัดการกับปีศาจชั่วร้ายนี้โดยเร็ว เขาลงมือรวดเร็ว ล้วนหมายไปยังจุดตายของชิงฮุยชิงฮุยบังคับเย่จิ่งหลานใ
ขณะที่อินชิงเสวียนกำลังจะลงมือ ดวงตาของลั่วสุ่ยชิงก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง“เขากำลังกลืนกินแก่นวิญญาณของข้า ถ้าเจ้าไม่ลงมือ ข้าก็คงไม่รอดเช่นกัน อินชิงเสวียน เจ้าไม่อยากช่วยสามีและพ่อแม่ของเจ้าหรือ”เมื่อเห็นท่าทางอันเจ็บปวดของลั่วสุ่ยชิง อินชิงเสวียนก็ไม่สามารถตัดสินใจได้ครู่หนึ่งลั่วสุ่ยชิงสามารถทำเพื่อราษฎร ละทิ้งความคิดที่นางยืนหยัดมานับพันปี ไม่ต้องสงสัยเลยว่านางควรค่าแก่การเคารพเพียงใด แต่ถ้านางไม่ตาย จะไม่มีใครรอดชีวิตได้เมื่อกวาดสายตามองไปยังร่างของทุกคนที่เหมือนถูกจี้สกัดจุด อินชิงเสวียนก็กัดฟันกรอด และพิณการเวกก็อยู่ในมือของนางแล้ว“ลั่วสุ่ยชิง ข้าขอสาบานในนามของฮองเฮาต้าโจวว่า หลังจากที่เจ้าเสียชีวิต จะจัดพิธีศพให้เจ้าอย่างสมเกียรติระดับแคว้น”ร่างของเย่จิ่งหลานหายวับ และยืนขวางอยู่ตรงหน้าอินชิงเสวียน“ยัยบ้า ข้าไม่เคยขอร้องอะไรเจ้าเลย คราวนี้ข้าขอร้องล่ะ ช่วยไว้ชีวิตลั่วสุ่ยชิงด้วย!”“เย่จิ่งหลาน เจ้า...”อินชิงเสวียนใช้นิ้วกดสายพิณ แต่ในใจกลับไม่เข้าใจว่า ทำไมจู่ๆ เย่จิ่งหลานถึงมีความรู้สึกลึกซึ้งต่อลั่วสุ่ยชิงขนาดนี้เสื้อยืดสีขาวของเย่จิ่งหลานเปื้อนเลือดแดงฉาน ดวง