เฮ่อยวนหยิบป้ายที่มีรอยด่างทั้งสองขึ้นมา ขมวดคิ้วแล้วถามว่า “ป้ายในอิ๋นเฉิงจะเปลี่ยนใหม่ทุกๆ สิบปี แม้ว่าจะมีใครทำสูญหายไป แต่ก็คงได้รับอันใหม่แล้ว”กงซวินอวิ๋นเฟิ่งเม้มริมฝีปากยิ้ม แล้วพูดว่า “ท่านพี่กลัวว่าพวกเขาจะไม่พูดงั้นหรือ ท่านดูถูกพวกเราชาวอิ๋นเฉิงมากเกินไป ในเมื่อพวกเขารักแผ่นดินนี้จริงๆ ข้าคิดว่าพวกเขาคงต้องมีความรับผิดชอบนี้”เฮ่อยวนครุ่นคิดอยู่นาน จากนั้นจู่ๆ ก็ดีดนิ้ว แล้วทหารองครักษ์ทั้งสี่ก็เดินเข้ามาทันทีเฮ่อยวนโยนป้ายทั้งสองอันออกไป“ไปตรวจดู ว่ามีใครในเมืองทำป้ายตราคำสั่งหายหรือเปล่า ของชิ้นนี้น่าจะเป็นของเมื่อสิบปีที่ผ่านมา พวกเจ้าต้องตรวจสอบให้ละเอียดรอบคอบ”“ขอรับ”ทั้งหมดรับป้าย แล้วรีบออกไปทันทีกงซวินอวิ๋นเฟิ่งหยิบขนมขึ้นมา แล้วพูดด้วยท่าทีรู้สึกผิดว่า “เรื่องของฉีอวิ๋นจื่อ ข้าก็ควรทบทวนความผิดพลาดของตนเองเหมือนกัน วันนั้นเห็นนางหมดสติที่หน้าป่าหมอก ยังคิดว่านางเป็นเพียงหญิงชราธรรมดาๆ คนหนึ่ง จึงพานางกลับมาในจวน โชคดีที่ตลอดหลายปีนี้ นางไม่ได้ทำอะไรกับท่านพี่ ถ้าท่านพี่เป็นอะไรไป ต่อให้ข้าต้องตายไปหมื่นครั้ง ก็ไม่อาจให้อภัยตัวเองได้”เมื่อกล่าวถึงเรื่อ
ชายหนุ่มรูปงามและคนรับใช้หน้าตาอัปลักษณ์เดินเข้ามาจากระยะไกลอย่างแช่มช้า ชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมแขนกว้างสีฟ้า รูปร่างสูงตระหง่าน มีอะไรบางอย่างคาบอยู่ในปาก ยังปล่อยควันจางๆ ออกมาหรือจะเป็นลูกชายของเฮ่อยวน?หันเจิงหมิงอดไม่ได้ที่จะกลั้นหายใจ ทางสู่วิถีแห่งสวรรค์เป็นพื้นที่สำคัญของความขัดแย้งระหว่างทั้งสองสำนัก หากมีใครพบเข้า เรื่องเล็กน้อยนี้จะกลายเป็นเรื่องใหญ่แน่นอนขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น ชายหนุ่มและคนรับใช้อัปลักษณ์ก็เข้ามาใกล้มากขึ้น หันเจิงหมิงก็รีบหดตัวลง ไม่กล้าขยับตัวแม้แต่น้อยจากนั้นก็ได้ยินคนรับใช้อัปลักษณ์กล่าวชมเชยว่า “นายท่านสำเร็จวิชาในด้านค่ายกลดีขึ้นเรื่อยๆ เลยจริงๆ อย่างที่เรียกว่า อันสีน้ำเงินนั้นกลั่นมาจากต้นคราม แต่กลับสีเข้มกว่าต้นคราม”เย่จิ่งหลานพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “ตราบใดที่อยากเรียนรู้ เจ้าก็ทำได้”หวังซุ่นหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “บ่าวไม่มีสมองที่ฉลาดเท่านายท่าน”“เจ้าอย่าถ่อมตัวนักเลย ความอ่อนน้อมถ่อมตนมากเกินไปจะทำให้คนถดถอย”เย่จิ่งหลานหยุดอยู่หน้ากำแพงหิน มองดูลวดลายที่ซับซ้อนบนนั้น จับคางแล้วพูดว่า “สิ่งนี้ต้องทำอย่างไรถึงจะเปิดได้ มันสามารถเปิดได้จ
หัวใจของหันเจิงหมิงเต้นรัว หันหลังกลับแล้วพูดว่า “คำพูดของคุณชาย ข้าฟังไม่เข้าใจ”จู่ๆ ก็มีอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นในหัว“มัวพูดพล่ามไร้สาระอะไรกับเขา เด็กเปรตแบบนี้ ก็ฆ่าเขาไปเลยสิ เจ้าเป็นถึงศิษย์ของตำหนักเทพหอทองคำ จะถูกเขาข่มขู่ได้อย่างไร รีบลงมือ ฆ่าเขาซะ!”จู่ๆ ดวงตาของหันเจิงหมิงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่สมองส่วนเหตุผลบอกเขาว่า ไม่สามารถฆ่าผู้บริสุทธิ์ตามอำเภอใจได้เย่จิ่งหลานได้ง้างมือซัดฝ่ามือออกไปแล้ว“ใครพาเจ้ามาที่ทางสู่วิถีแห่งสวรรค์ ถ้าวันนี้ไม่อธิบายให้ชัดเจน อย่าคิดจะออกไปแม้ครึ่งก้าว”หันเจิงหมิงต้องการหลบหลีก แต่ร่างกายถูกปกคลุมไปด้วยหมอกสีดำอันยากต่อการแยกแยะด้วยตาเปล่าอย่างช้าๆ นิ้วมือชี้ไปที่เย่จิ่งหลานอย่างควบคุมไม่ได้รัศมีแห่งความชั่วร้ายพวยพุ่งออกมา เย่จิ่งหลานก็ตกใจคนชั่วนี่กำลังฝึกศาสตร์แบบไหนอยู่ นี่ไม่ใช่กระบวนท่าของตำหนักเทพหอทองคำเลยหวังซุ่นตกใจจนวิ่งหนีไปอีกด้านหนึ่งแล้ว หากกล่าวถึงการสูบบุหรี่แล้วเขาสามารถเรียกตัวเองได้ว่าไร้เทียมทาน แต่การที่ต้องต่อสู้กับยอดฝีมือเช่นนี้ ให้นายท่านจัดการเองดีกว่าเปรี้ยงเมื่อฝ่ามือปะทะกัน เย่จิ่งหลานก็รู้สึกเย็นว
เย่จิ่งหลานหันกลับมา เตะคนชุดดำอย่างรวดเร็ว คนชุดดำเปลี่ยนท่าอย่างรวดเร็ว เหวี่ยงกรงเล็บเหล็กออกจากแขนเสื้อ แล้วคว้าไปที่เย่จิ่งหลานฉีอวิ๋นจื่อและหันเจิงหมิงก็เข้ามาใกล้ เย่จิ่งหลานสู้แบบหนึ่งต่อสาม และในไม่ช้าก็เสียเปรียบเขาคิดอย่างรวดเร็ว ต้องการนำพวกเขาทั้งสามคนเข้าสู่มิติ แต่กำลังภายในของพวกเขาทั้งสามนั้นถูกรวมเข้าด้วยกัน ไม่มีช่องโหว่เลย ซึ่งต่างจากคนโง่สองคนชิงผิงกับชิงอานนั่น ทำให้ยากที่จะประสบความสำเร็จชั่วขณะหนึ่งเมื่อเห็นคนทั้งสามผลัดโจมตีกันอย่างโหดเหี้ยม เย่จิ่งหลานก็คิดในใจว่า ถ้าขืนยังไม่หลบหนี เมื่อใดที่พวกเขาปลดปล่อยแรงกดดันจนเต็มที่แล้ว เกรงว่าอาจไม่สามารถเข้าไปในมิติได้แม้ว่าเขาต้องการจับทั้งสามคนจริงๆ นำผลงานไปส่งให้ยัยบ้าอินชิงเสวียน แต่ก็ไม่อาจไม่สนใจชีวิตของตัวเองได้ ดังนั้นเขาจึงนึกในใจ และรีบเข้าไปในมิติทันทีหวังซุ่นรีบถาม “นายท่านไม่ได้รับบาดเจ็บใช่ไหม”เขาเฝ้าดูการต่อสู้ด้านนอกตลอด เห็นว่าทั้งสามคนนี้ไม่มีใครเป็นคนดีเลย จึงรู้สึกกังวลมากเย่จิ่งหลานถอนหายใจ“ไม่เป็นไร ถ้าพวกเขาต้องการเอาชีวิตของข้า ยังต้องฝึกฝนอีกหลายปี”ขณะที่หวังซุ่นกำลังจะพูด
ไม่ว่าเย่จิ่งหลานจะสูงแค่ไหน ในสายตาของเย่จิ่งอวี้ เขายังคงเป็นเด็กที่อายุไม่กี่ขวบ เพียงแต่ตอนนี้เจ้าเด็กนี่มีความคิดเป็นของตัวเอง ไม่เต็มใจที่จะเล่นกับพี่ชายใหญ่อย่างเขาอีกเมื่อมองดูการจ้องมองอันอ่อนโยนของเย่จิ่งอวี้ เย่จิ่งหลานก็รู้สึกอบอุ่นในใจ จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่า การมีครอบครัวก็รู้สึกดีเหมือนกัน“พี่ใหญ่เห็นข้าเหมือนคนได้รับบาดเจ็บอย่างนั้นหรือ”เย่จิ่งหลานยกมือขึ้น กระโดดขึ้นลงบนพื้นสองครั้งครั้นแล้วจู่ๆ ก็รู้สึกขนลุกซู่ เป็นเรื่องน่าอายจริงๆ ที่เขาคนอายุเกือบสามสิบปีต้องแกล้งทำเป็นเด็กไร้เดียงสาเจ้าหมาป่าน้อยสีขาวกลับตกใจเขา ดวงตาหมาป่าจ้องเขม็ง หมอบเท้าหน้าลง เป็นท่าเตรียมจู่โจมไป๋เสวี่ยเหยียดอุ้งเท้าใหญ่ออกแล้วมา แล้วลูบที่หัวของเจ้าหมาป่าน้อยสีขาว ราวกับจะบอกว่านี่คือครอบครัวของเจ้านายเย่จิ่งหลานได้เห็นหมาป่าน้อยสีขาวแล้ว อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ“พี่ใหญ่ นี่คือสุนัขตัวใหม่ของท่านหรือ ดูแล้วก็ไม่เหมือน แต่เมื่อมีไป๋เสวี่ยอยู่ด้วย หากจะตามหาฉีอวิ๋นจื่อกับหันเจิงหมิง คงจะสะดวกขึ้นมากแน่นอน”เย่จิ่งอวี้ยิ้มแล้วพูดว่า “เป็นหมาป่าน่ะ เราไปหาชิงเสวียนกันก่อน”“ก็ได้”
“กงซวินฮูหยินก็รู้จักศาสตร์กลไกด้วยหรือ”อินชิงเสวียนค่อนข้างประหลาดใจ นางคิดมาตลอดว่ากงซวินอวิ๋นเฟิ่งรู้เพียงทักษะทางการแพทย์และวรยุทธ์เหมยชิงเกอพยักหน้า แล้วถอนหายใจเบาๆ “กงซวินอวิ๋นเฟิ่งเฉลียวฉลาดมีไหวพริบ มีความสนใจที่หลากหลาย และมีนิสัยอ่อนโยน เป็นฮูหยินที่สมบูรณ์แบบของเมืองอิ๋นเฉิงอย่างแท้จริง”เมื่อเห็นว่าเหมยชิงเกอชื่นชมกงซวินอวิ๋นเฟิ่งมากเพียงใด อินชิงเสวียนก็ไม่ได้พูดอะไรมาก แต่เมล็ดพันธุ์แห่งความสงสัยก็ปลูกฝังอยู่ในใจของนางแล้วตระกูลกงซวินมีสถานะที่สูงมากในอิ๋นเฉิง และกงซวินอวิ๋นเฟิ่งก็เป็นฮูหยินที่ถูกต้องของเฮ่อยวน แม้ว่านางจะไม่สามารถระดมทหารองครักษ์ของอิ๋นเฉิงอย่างโจ่งแจ้งได้ แต่การที่จะฝึกฝนคนที่ไว้ใจได้ไม่กี่คนก็ไม่ใช่ปัญหาหากกงซวินอวิ๋นเฟิ่งมีการติดต่อกับฉีอวิ๋นจื่อ ก็คงจะรู้จากฉีวิ๋นจื่อว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้นท้ายที่สุดแล้วไม่มีผู้หญิงคนใดในโลกที่ยินดีใช้สามีร่วมกับคนอื่น ซึ่งเรื่องนี้กงซวินอวิ๋นเฟิ่งมีแรงจูงใจที่ชัดเจนมากนางกระแอมและพูดว่า “ที่แท้กงซวินฮูหยินเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถมากขนาดนี้เลย”“ใช่แล้ว”เหมยชิงเกอไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ นางถอนหา
เงาสีขาวสองเงากระโดดเข้ามาจากด้านนอกกำแพง แต่ละตัวต่างพุ่งเข้าหาฉีอวิ๋นจื่อและหันเจิงหมิง เมื่อเห็นสุนัขและหมาป่า ทั้งคู่ก็ตกใจ สีหน้าของฉีอวิ๋นจื่อก็เปลี่ยนไป นางได้ยินฉุยอวี้พูดว่าอินชิงเสวียนมีสุนัขตัวสูงใหญ่สีขาวปลอด ในเมื่อเจ้าสุนัขอยู่ที่นี่แล้ว เช่นนั้นอินชิงเสวียนต้องอยู่ใกล้ๆ ด้วยหมอกควันกลุ่มหนึ่งลอยออกมาจากแขนเสื้อ หมาป่าสีขาวก็ส่งเสียงร้องโหยหวนออกมา ฉีอวิ๋นจื่อฉวยโอกาสนี้เหาะขึ้นฟ้าทันทีหันเจิงหมิงเป็นเพียงหมากตัวหนึ่ง การหลบหนีเอาตัวรอดเป็นสิ่งสำคัญกว่าหันเจิงหมิงไม่รู้เรื่องนี้ และไม่เคยคิดเลยว่าสัตว์ทั้งสองจะมีเจ้าของ ในใจยังคงคิดที่จะโค่นสัตว์ทั้งสองตัวลง จัดการทุบตีเพื่อเป็นการสังเวย ครั้นแล้วเย่จิ่งอวี้ได้เข้ามาในลานบ้านแล้ว“ท่านคือหันเจิงหมิง? ฉีอวิ๋นจื่อล่ะอยู่ที่ไหน”เมื่อมองดูชายหนุ่มที่ดูหล่อเหลาสมบูรณ์แบบคนนี้ หันเจิงหมิงก็สะดุ้งเล็กน้อย“เจ้าคือ...”“เย่จิ่งอวี้”“เป็นเจ้าที่ฆ่าพ่อข้า!”เมื่อได้ยินชื่อนี้ หันเจิงหมิงก็ตาแดงก่ำ กวาดเท้าเตะขึ้นไป บังคับให้ไป๋เสวี่ยถอยกลับ และฝ่ามือก็ปล่อยพลังแสงสีม่วงพุ่งเข้าใส่หน้าอกของเย่จิ่งอวี้ราวกับสายฟ้าพล
คนชุดดำสะบัดแขนเสื้อ ตบที่หน้าของฉีอวิ๋นจื่อเต็มๆ“เจ้าคิดว่าข้าดูเหมือนกงซวินอวิ๋นเฟิ่งหรือเปล่า”ฉีอวิ๋นจื่อตัวเซ ก้มศีรษะลงแล้วพูดว่า “ไม่ ไม่เหมือน”คนชุดดำเยาะเย้ย “ในเมื่อรู้แล้ว ก็อย่าพูดไร้สาระอีก หันเจิงหมิงคงถูกจับตำหนักเทพแล้ว ช่วยเหลือไปก็ไม่มีประโยชน์ หากเจ้าไม่ต้องการแก้แค้น ก็ไสหัวออกจากที่นี่ได้”ฉีอวิ๋นจื่อพูดด้วยความเคารพว่า “ขอผู้มีพระคุณช่วยชี้แนะทางที่ชัดเจนให้ข้าด้วย ตอนนี้เย่จิ่งอวี้กับอินชิงเสวียนทั้งคู่อยู่ในตำหนักเทพหอทองคำแล้ว ลำพังข้าคนเดียวไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา”คนชุดดำหยิบเม็ดยาสีแดงเม็ดหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ“สิ่งนี้สามารถช่วยให้เจ้าเลื่อนขั้นวรยุทธ์ได้ ในวันประลองยุทธ์ ให้เจ้าออกไปสังหารเหมยชิงเกอโดยที่ไม่ให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว”ฉีอวิ๋นจื่อคิดในใจว่า ตระกูลกงซวินรับผิดชอบสวนยาในอิ๋นเฉิง และคนชุดดำก็ให้ยาแก่นางมาหลายครั้ง แม้ว่าเขาจะไม่ใช่กงซวินอวิ๋นเฟิ่ง แต่เขาก็ต้องเกี่ยวข้องกับตระกูลกงซวิน บางทีตัวเองอาจใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์นี้ได้นางรับยาเม็ดนั้น แล้วพูดด้วยความเคารพว่า “ตอนนี้ซ่อนตัวอยู่ข้างนอกไม่ได้อีกแล้ว ไม่ทราบว่าผู้มีพระคุณจะอนุญาตใ